Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ... | Recent Posts
92
« Last post by ppsan on 26 May 2025, 20:37:12 »
นกแก้วโม่ง : วัดมะเดื่อ

Blog ที่แล้วเล่าถึงนกแก้วโม่งที่วัดสวนใหญ่ ซึ่งเค้ามีเพจที่ชื่อว่า นกแก้วโม่งฝูงสุดท้าย คำถามคือจริงหรือไม่ คำตอบคืออาจจะไม่ใช่ เพราะคนดูนกจะรู้ว่า มีอีกอย่างน้อย 2-3 วัดที่มีนกแก้วโม่งเช่นกัน เพียงแต่ฝูงใหญ่และเป็นที่รู้จักกันมากที่สุด คือที่วัดสวนใหญ่นั่นเอง บ่ายวันหนึ่งที่หลงทาง ตอนกลับบ้านหลังจากหาซื้อเก้าอี้ที่ราชพฤกษ์ ก็เลยเลี้ยวรถเข้าซอยแคบๆ ในเขตอำเภอบางบัวทอง วัดเล็กๆ ที่ไม่โด่งดัง แต่ได้ข่าวมาว่ามีนกแก้วโม่งอาศัยอยู่ ลงจากรถเดินวนรอบวัดเพื่อมองหา ปรากฏว่าไม่เจอ
ถอดใจเดินกลับมาพักใต้ต้นไม้ตรงที่จอดรถ มองไปที่ข้างวัด ก็เห็นนกแซงแซวหางบ่วงใหญ่ที่คุ้นตา สำหรับคนดูนกก็ไม่ใช่นกหายาก เพียงแต่ตอนนี้ก็ไม่ไช่นกที่เห็นกันง่ายๆ แต่โดยรวมก็ถือว่าสามารถพบได้ทั่วไป หากแถวนั้นยังเป็นสวนที่อุดมสมบูรณ์ ถ่ายได้แต่หางขาด ผมยังคงต้องพัฒนาความรู้การใช้กล้องอีกมากเลยทีเดียว
นี่ก็ว่าจะกลั้นใจขาย EOS RP ไปถอย R8 มา ถ้าผ่านเวลาจนราคาลงต่ำกว่านี้หน่อย แบบว่ากล้องรุ่นใหม่ไม่ต้องใช้ฝีมือมาก มันมี AI ที่สามารถจับโฟกัสที่ตานกได้เลย
หมดปัญหาการได้ภาพนกเบลอๆ แบบที่ผ่านมาเสียที

วางกล้องลงเพราะสัมผัสอะไรบางอย่าง เหมือนเรากำลังยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่นี่นา แน่นอนว่า ที่แบบนี้ล่ะคือที่อยู่ของนกแก้ว
เงยหน้าแหงนคอตั้งบ่า ไม่พลาดที่จะเห็นนกตัวสีเขียวๆกำลังเกาะกิ่งไม้อยู่ แหงนหน้าอย่างสูงเพื่อถ่าย เพราะมุมต้นไม้นั้นชันกว่าที่วัดสวนใหญ่มาก เดินไปรอบๆ ก็เจออีกตัวกำลังเข้าโพรง
สรุปว่า น่าจะมีราว 2-3 ตัว ได้ เพราะตอนนั้นก็บ่ายสี่โมงกว่า เป็นเวลาที่นกน่าจะกลับมานอนกันแล้ว ระหว่างที่ถ่ายนกไป ก็มีชาวบ้านที่มางานศพเข้ามาร่วมดูด้วย ก็ดูมีอายุอยู่นะ แต่เหมือนกับว่า เค้าก็ไม่เคยสังเกตว่ามีนกแบบนี้อยู่
วันสงกรานต์ที่ผ่านมา อุตส่าห์ฝ่าไอร้อนข้ามเรือไปเกาะเกร็ด ที่เป็นพื้นที่สีเขียวหวังว่าอาจจะเจอนกแปลกๆ เป็นคนแรกบ้าง เดินไปถึงวัดไผ่ล้อมส่ายส่องมองหาตามต้นไม้ใหญ่ น่าเสียดายไม่พบนกอะไรน่าสนใจเลย
สรุป ชีวิตยังต้องใช้หมายจากคนอื่นต่อไป เพราะแค่ตามหานกตามลายแทงยังยากเลย
. ที่มา : ขอขอบคุณเรื่องและภาพจาก ผู้ชายในสายลมหนาว https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=nontree&month=04-2023&date=25&group=22&gblog=126 .
94
« Last post by ppsan on 25 May 2025, 16:53:09 »
สวนรถไฟ : กระเต็นแดง

เรามักจะพูดว่าปีๆ หนึ่งผ่านไปไวมาก แต่ก็เป็นเพียงคำที่แผ่วเบา ออกไปในแนวคำคิดรำพึง แต่สำหรับคนดูนกนั้น เราจะมีหนึ่งตัวชี้วัดในชีวิตที่ชัดเจนมาก นั่นก็คือ การมาถึงของฤดูกาลแห่งนกอพยพ
เลื่อนลงไป blog ข้างล่าง ผมได้เขียนเรื่องราวการไปถ่ายนกกระเต็นแดงเมื่อปีที่แล้ว มาวันที่ 19 เมษายน 2566 เราก็ได้ไปถ่ายชนิดนี้อีกครั้ง นั่นแปลว่าวันเวลาแต่ละปีนั้น ผ่านไปอย่างรวดเร็วจริงๆ สงกรานต์สำหรับคนที่ไม่ได้มีความสุขกับการเดินทางกลับบ้าน หรือไปเล่นสาดน้ำตามสถานที่ท่องเที่ยวนั้น มันช่างแสนลำบาก เพราะว่าการหาของกินนั้นยากเสียนี่กระไร ร้านค้าที่คุ้นนั้นปิดหมด การเดินทางออกนอกบ้านเพื่อหาของใส่ปากใส่ท้องจึงเป็นสิ่งจำเป็น ท่ามกลางอากาศที่ร้อนระอุ มีข่าวนกจับแมลงคิ้วเหลืองที่สวนสมเด็จฯ แต่ผมก็เป็นคนขี้เกียจนี่ล่ะ เอาความสะดวกของตัวเอง ผลตอบแทนที่ได้ คือไปพบแต่ร่องรอยของนักถ่ายภาพ พบกับพี่ๆ ที่ยังคงมารอด้วยความหวัง บอกว่านกน่าจะไปเมื่อสองวันก่อนแล้ว แต่มีกระเต็นแดงเพิ่งมาที่สวนรถไฟ กล่าวคำขอบคุณ พร้อมกับถามหมาย พบว่าไม่ใช่สถานที่เดียวกับครั้งก่อน เดินข้ามสะพานสีฟ้าไปก็เห็นกลุ่มนักถ่ายภาพกำลังรอ เข้าไปซุ่มอยู่ข้างๆ ตัวนกอยู่ในป่ารกสูงกว่าตัวเมื่อปีก่อน แสงยังคงน้อยเหมือนเดิม

ปัญหาที่พบจากเมื่อปีที่แล้ว นอกจากภาพไม่คมชัด เพราะว่าเรามีแค่เลนส์ถูกๆ สิ่งที่เราไม่ได้คำนึงก็คือ การคุม ISO ภาพนกเมื่อปีที่แล้วจึงแตกพร่าเพราะ ISO พุ่งไปถึง 12800
ปีนี้เราจึงตั้ง ISO ไว้ที่ 3200 จากนั้นปล่อย speed shutter วิ่งไป เท่าที่ยังถือไหว ขาตั้งกล้องก็มี แต่ว่าเป็นคนที่รักความสบาย ก็เลยไม่เคยแบกไปด้วยสักที ไปถึงนกก็ลงพอดี กำลังจะถ่าย ปรากฏว่า พี่เค้าเดินไปเติมอาหารนก
เอ่อ .. นกก็บินไป นั่งรอใหม่ .. จนกระทั่ง 15 นาทีผ่านไป นกก็ลงมาเกาะ ถ่ายได้สามสี่ action ก็เก็บกล้อง ไปซื้อกับข้าวที่ อตก ดีกว่า เพราะว่า ร้อนมาก เดินกลับผ่านสวนสมเด็จฯ ข้ามถนนไปยังสถานี MRT จตุจักร เป็นอันจบทริปตามนกอพยพประจำปี ไปอีกหนึ่งครั้ง
. ที่มา : ขอขอบคุณเรื่องและภาพจาก ผู้ชายในสายลมหนาว https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=nontree&month=04-2023&date=21&group=22&gblog=127 .
96
« Last post by ppsan on 25 May 2025, 16:48:22 »
ร้านก๋วยเตี๋ยว : นกแต้วแร้วอกเขียว

จากประสบการณ์ครั้งก่อนที่ปล่อยเวลานานเนิ่นเกินไป จนกระทั่งไม่ทันนกบินกลับบ้าน คราวนี้เมื่อได้ข่าวเราก็รีบออกเดินทางทันที เช้าวันศุกร์สัปดาห์นี้เป็นวันหยุดวันพืชมงคลพอดี เราออกจากบ้านแต่เช้า เป้าหมายในวันนี้คือ ร้านก๋วยเตี๋ยวแห่งหนึ่งใจกลางกรุงเทพที่มีรายงานนกเทพ นั่นก็คือ นกแต้วแร้วอกเขียว ซึ่งในชีวิตผมก็ยังไม่เคยเห็นมาก่อนเลย จาก MRT มาโผล่ BTS ที่สถานีหมอชิตแล้วนึกได้ว่า ทำไมไม่นั่งเรือมาถูกกว่า แต่ก็นะเบลอๆ นั่งไปจนถึงสยามแล้ว interchange ไปลงสถานีกรุงธนบุรี เดินเข้าซอยไปไม่ไกล ก็ไปถึงร้านราว 11 โมง เห็นรถจอดเต็มลาน สั่งก๋วยเตี๋ยวแล้วไปนั่งสังเกตการณ์ ก็เห็นว่า ควรรีบไปแสดงเจตจำนงก่อนดีกว่า ยกมือไหว้ท่านเจ้าของสถานที่เพื่อขอถ่ายนก ซึ่งก็เป็นโชคดีที่พี่เค้าบอกว่า เหลือที่นั่งสุดท้ายพอดี จากอุปกรณ์ถ่ายรูปของเราบ่งชี้ว่าน่าจะเป็นมือสมัครเล่น พี่เค้าจึงพูดต่อว่าไม่นานใช่ไหม ใช่ครับ กลับนั่งกินก๋วยเตี๋ยวอย่างไวที่สุดในชีวิต แล้วพุ่งผ่านประตูรั้วเข้าไปในสวนอย่างเบาที่สุด พี่เจ้าของบอกเข้าไปได้เลย blind สีเขียว ผมไม่เน้นภาพสวยงาม เน้นแค่ประสบการณ์ชีวิตเท่านั้น ใน blind ร้อนอบอ้าวพอตัว ไม่ถึง 5 นาทีนกก็ลงกด shutter ไป 3-4 ชุด กด preview ดูรูปว่าชัด OK กลับได้ ออกมาเจอนักถ่ายภาพอีกท่าน กำลังยืนอยู่ ก็เลยบอกว่า เหลือที่นั่งอีกที่

แต้วแร้วอกเขียว (Hooded Pitta) ตัวผู้และตัวเมียเหมือนกัน หน้าผาก กระหม่อม และท้ายทอยน้ำตาลเข้มเกือบดำ หน้า คอ และอกตอนบนดำ ขนลำตัวเขียว ตะโพกฟ้า หัวไหล่มีแถบฟ้า ขนปีกบินดำมีแถบขาวเห็นชัดขณะบิน กลางท้องดำต่อด้วยสีแดงถึงก้น ค้นพบโดย Philipp Statius Müller ในปีพ.ศ. 2319 เนื่องจากลักษณะ การเดินหาอาหารอยู่ตามพื้นดิน จึงจัดถูกตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ ให้อยู่ในสกุลเดียวกันกับนกเดินดงโดยให้ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Turdus sordidus
จนกระทั่ง พ.ศ. 2359 นักปักษีวิทยาชาวฝรั่งเศส Louis Jean Pierre Vieillot ได้แยกออกมาเป็นสกุลใหม่คือ Pitta sordida มีชื่อสามัญว่า Green-Breasted Pitta คนไทยจึงแปลว่า นกแต้วแร้วอกเขียว นกชนิดนี้มีการกระจายตัวอยู่ในทวีปเอเชียตะวันออก คาบสมุทรมาลายาและหมู่เกาะ แบ่งออกเป็น 12 ชนิดย่อย ที่พบในประเทศไทย แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกเป็นนกประจำถิ่นทางภาคใต้ อีกกลุ่มเป็นนกที่อพยพมาจากมาเลเซีย
โดยจะขึ้นมาทำรังวางไข่ในแถบภาคกลางและภาคตะวันออกของประเทศไทย ในราวช่วงเดือนพฤษภาคม ถึงเดือนกรกฎาคม ความหายากของนกชนิดนี้ จัดอยู่ในระดับ less concern แปลว่า พบเห็นได้ง่าย
. ที่มา : ขอขอบคุณเรื่องและภาพจาก ผู้ชายในสายลมหนาว https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=nontree&month=05-2022&date=20&group=22&gblog=130 .
97
« Last post by ppsan on 25 May 2025, 16:42:05 »
98
« Last post by ppsan on 25 May 2025, 16:39:07 »
มหันตภัยแม่น้ำวิปโยค The Long River
เรื่องย่อ มหันตภัยแม่น้ำวิปโยค The Long River "The Long River มหันตภัยแม่น้ำวิปโยค" ซีรีส์จีนอิงประวัติศาสตร์ ถูกสร้างมาจากบันทึกมหาอุทกภัยแม่น้ำเหลืองที่เกิดขึ้นในรัชสมัยของจักรพรรดิคังซี ที่เขียนขึ้นโดยเฉินหวงและจิ้นฝู่ สองวีรบุรุษที่สามารถควบคุมหายนะของแม่น้ำเหลืองได้สำเร็จ โดย "จางถิง" ผู้กำกับและผู้เขียนบท ได้ทำการปรับปรุงบทซีรีส์มานานถึง 10 ปี และเพื่อให้มั่นใจถึงความถูกต้องของข้อมูล ทีมงานซีรีส์ได้ทำการศึกษาเอกสารทางประวัติศาสตร์ ร่วมด้วยการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญมากมายจนในที่สุด ซีรีส์ก็ได้ฤกษ์ถ่ายทำในปี 2021 และออกฉายในปี 2022 และมีคะแนนพุ่งสูงสุดถึง 8.5 บน โต้วป้าน (Douban) เว็บไซต์วิจารณ์สื่อบันเทิงชื่อดัง โดยซีรีส์จะบอกเล่าเรื่องราวสมัยราชวงศ์ชิงในปีที่ 15 แห่งรัชสมัยของจักรพรรดิคังซี เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่เมื่อเขื่อนแม่น้ำเหลืองแตก ทำให้ 9 มณฑล ตลอดจนเส้นทางหมื่นลี้ที่แม่น้ำไหลผ่านต้องพบกับความหายนะ ทำลายบ้านเมือง ทำลายพืชผล และคร่าชีวิตผู้คนนับไม่ถ้วน เมื่อจักรพรรดิคังซี (หลัวจิ้น) ทราบข่าวจึงได้ประกาศให้เปิดการสอบราชการเพื่อค้นหาคนที่มีความสามารถในการควบคุมน้ำ และได้รับยอดฝีมืออย่าง เฉินหวง (อิ๋นฝ่าง) หนุ่มอัจฉริยะวัย 24 ปี ผู้รู้จักเส้นทางแม่น้ำเหลืองเป็นอย่างดี มาร่วมมือกับ จิ้นฝู่ (หวงจื่อจง) ข้าหลวงมณฑลอันฮุย ในการสยบแม่น้ำเหลือง ท่ามกลางความวุ่นวายทางการเมืองและความทุกข์ยากของประชาชน จักรพรรดิคังซีจะสามารถจัดการกับมหาอุทกภัยแม่น้ำเหลืองได้เช่นไร? ติดตามต่อได้ใน "The Long River มหันตภัยแม่น้ำวิปโยค"
มหันตภัยแม่น้ำวิปโยค ตอนที่ 01-40
. https://www.monomax.me/title/104290-the-long-river.html
มหันตภัยแม่น้ำวิปโยค The Long River .
100
« Last post by ppsan on 25 May 2025, 16:36:23 »
มหันตภัยแม่น้ำวิปโยค The Long River
Review ซีรีส์ : “มหันตภัยแม่น้ำวิปโยค” อิงประวัติศาสตร์ ดูสนุกกว่าที่คิด เรื่องจริงการต่อสู้ระหว่างคนกับสายน้ำ เผยแพร่: 22 พ.ค. 2566 13:20 ปรับปรุง: 22 พ.ค. 2566 13:20 โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ออกตัวก่อนว่าซีรีส์จีนเรื่องนี้อาจจะไม่ได้เหมาะกับคอซีรีส์สายตะมุตะมิ แต่ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่สนใจประวัติศาสตร์จีน โดยเฉพาะถ้าเคยมีประสบการณ์น้ำท่วม และอินกับเรื่องการเมืองไม่ควรพลาดซีรีส์จีนอิงประวัติศาสตร์สุดยิ่งใหญ่เรื่องนี้ กับ ‘มหันตภัยแม่น้ำวิปโยค’ (The Long River - 2022) เพราะถึงจะเป็นซีรีส์ที่ออกฉายเมื่อปีที่แล้วในจีน แต่สำหรับประเทศไทยเพิ่งนำมาลงจอเป็นครั้งแรกทางแพลตฟอร์ม MONOMAX เมื่อไม่นานนี้
ซีรีส์ที่สร้างจากเรื่องจริงจากบันทึกมหาอุทกภัยแม่น้ำเหลือง (หวงเหอ, ฮวงโห) ภายใต้การบริหารของจักรพรรดิคังซี (ครองราชย์ ค.ศ.1661-1722) ที่เขียนขึ้นโดยเฉินหวงและจิ้นฝู่ สองวีรบุรุษแห่งยุคสมัยราชวงศ์ชิง ผู้สามารถควบคุมหายนะของแม่น้ำเหลืองได้สำเร็จ โดย ‘จางถิง’ ผู้กำกับและผู้เขียนบท ได้นำมาพัฒนาเป็นบทซีรีส์ที่ใช้เวลานานถึง 10 ปี เพื่อให้มั่นใจได้ถึงความถูกต้อง ครบถ้วน และแม่นยำของข้อมูล
สุดยอดซีรีส์ที่ได้ทั้งรางวัลและคำวิจารณ์
ซีรีส์เรื่องนี้เกิดจากการรวบรวมข้อมูลและการศึกษาเอกสารทางประวัติศาสตร์ ร่วมด้วยการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญมากมาย จนในที่สุดซีรีส์ก็ได้ฤกษ์ถ่ายทำในปี 2021 และออกฉายในปี 2022 เพื่อถ่ายทอดออกมาเป็นซีรีส์ที่มีความสมจริง ถูกต้องตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงมากที่สุด บอกเล่าความพยายามในการต่อสู้ระหว่างมนุษย์กับสายน้ำ โดยขณะออกฉายเรียลไทม์ตัวซีรีส์มีคะแนนพุ่งสูงสุดถึง 8.5 บนโต้วป้าน (Douban) เว็บไซต์วิจารณ์สื่อบันเทิงชื่อดัง ซึ่งถือว่าเป็นซีรีส์อิงประวัติศาสตร์ที่ได้เสียงตอบรับดีไม่น้อย (เพราะปกติซีรีส์อิงประวัติศาสตร์มักจะไม่ค่อยได้รับการตอบรับดีเท่าไร) อีกทั้งยังได้รับรางวัลซีรีส์ยอดเยี่ยมประจำปี 2023 ในงานเทศกาลโทรทัศน์นานาชาติยุคใหม่ ครั้งที่ 3 รวมถึงได้รับเลือกให้เป็นซีรีส์ยอดนิยมของสมาชิก Mango TV ในปี 2022
‘มหันตภัยแม่น้ำวิปโยค’ (The Long River - 2022) ซีรีส์บอกเล่าเรื่องราวสมัยราชวงศ์ชิงในปีที่ 15 แห่งรัชสมัยของจักรพรรดิคังซี เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่เมื่อเขื่อนแม่น้ำเหลืองแตก ทำให้ 9 มณฑล ตลอดจนเส้นทางหมื่นลี้ที่แม่น้ำไหลผ่านต้องพบกับความหายนะ ทำลายบ้านเมือง ทำลายพืชผล และคร่าชีวิตผู้คนนับหมื่น สร้างความเดือนร้อนเหลือคณา เมื่อ ‘จักรพรรดิคังซี’ (หลัวจิ้น) ทราบข่าวจึงได้ประกาศให้เปิดการสอบราชการเพื่อค้นหาคนที่มีความสามารถในการควบคุมน้ำ และได้รับยอดฝีมืออย่าง ‘เฉินหวง’ (อิ๋นฝ่าง) หนุ่มอัจฉริยะวัย 24 ปี ผู้รู้จักเส้นทางแม่น้ำเหลืองเป็นอย่างดี มาร่วมมือกับ ‘จิ้นฝู่’ (หวงจื่อจง) ข้าหลวงมณฑลอันฮุย ในการสยบแม่น้ำเหลือง ท่ามกลางความวุ่นวายทางการเมืองและความทุกข์ยากของประชาชน
นักแสดงทุ่มเทสุดตัว พร้อมเนรมิตฉากอลังการ
ตัวซีรีส์ระดมนักแสดงสายดราม่านับสิบชีวิตร่วมประชันบทบาท นำโดย หลัวจิ้น (ความสุขของซิ่งฝู 2022, ยอดนักขายมือทอง 2020, ลํานํากระเรียนทอง 2019), อิ๋นฝ่าง (ยอดคุณหมอหัวใจเกินร้อย 2022, เพราะเรามีกัน 2020) หวงจื่อจง (ลํานํากระเรียนทอง 2019) โดยได้ ‘จางถิง’ ผู้กำกับที่มีชื่อเสียงจากงานเขียนบทและกำกับซีรีส์เรื่องดัง อาทิ เติบโตอย่างหญิงแกร่ง (Wild Bloom 2022), สัประยุทธ์ทะลุฟ้า (Fights Break Sphere - 2018), ราชวงศ์หมิง Ming Dynasty - 2019)
ทั้งนี้เหล่านักแสดงและทีมงานทุ่มเทสุดกำลัง เพื่อให้เข้าถึงบทบาทและเพื่อความสมจริงของฉาก ไม่ว่าจะเป็นอิ๋นฝ่างและหวงจื่อจง ที่มีการเตรียมตัวก่อนถ่ายทำด้วยการศึกษาประวัติศาสตร์การอนุรักษ์แม่น้ำ และการหาข้อมูลทางประวัติศาสตร์ เพื่อให้เข้าถึงบทบาทบุคคลในประวัติศาสตร์ ตลอดจนการเซ็ตฉากที่มีการขุดแม่น้ำเพื่อจำลองแม่น้ำเหลืองบนพื้นที่กว่า 25.3 ไร่ ณ เหิงเตี้ยนสตูดิโอ (สถานที่ถ่ายทำ) และจำลองเขื่อนสูง 6 เมตร อีกทั้งยังยกกองไปถ่ายทำ ณ สถานที่จริง บริเวณริมแม่น้ำเหลืองอีกด้วย
ตีแผ่กลยุทธ์การจัดการน้ำ ที่ต้องต่อสู้กับการคอร์รัปชั่น
ความน่าสนใจของซีรีส์เรื่องนี้คือการเล่าเรื่องที่แปลกใหม่ เพราะปกติเมื่อมีการหยิบยกซีรีส์อิงประวัติศาสตร์ในอดีตก็มักจะเล่าเรื่องผ่านสายตาของจักรพรรดิเป็นแกนหลัก หรือการเล่าการเปลี่ยนผ่านของราชวงศ์ ไม่ก็เล่าโฟกัสไปที่การแย่งชิงอำนาจ แต่ ‘มหันตภัยแม่น้ำวิปโยค’ กลับโฟกัสไปที่แนวทางการพยายามควบคุมน้ำ เพื่อหยุดมหาอุทกภัยที่สร้างความเดือนร้อนให้ชาวประชาในยุคคังชี
หากไปพลิกหน้าประวัติศาตร์จีนกันดีๆ กว่าครึ่งหนึ่งของประวัติศาสตร์จีนจะเท่ากับประวัติศาสตร์ฮวงโห การปกครองแม่น้ำฮวงโหจึงเป็นโครงการสำคัญมาตั้งแต่ยุคจีนโบราณ เพราะในอดีตแต่โบราณความยากลำบากในการปกครองแม่น้ำฮวงโห คือความยากลำบากในการปกครองเจ้าหน้าที่และประชาชนด้วย
แต่วงการภาพยนตร์หรือซีรีส์จีนกลับไม่เคยชูประเด็นนี้มาก่อนเลย ดังนั้นเนื้อหาของซีรีส์ ‘มหันตภัยแม่น้ำวิปโยค’ จึงถือเป็นพล็อตที่ค่อนข้างใหม่ ด้วยการนำเสนอมุมมองการบริหารจัดการน้ำผ่านสองตัวละครหลักอย่าง ‘จิ้นฝู่’ และ ‘เฉินหวง’ กับความพยายามเกินจะบรรยายในการคิดค้นกลยุทธ์และประดิษฐ์กรรม รวมถึงความทุ่มเทกำลังกายกำลังใจในการหาหนทางควบคุมและบริหารจัดการแม่น้ำเหลืองมาเป็นโครงหลักในการเล่าเรื่อง
ไม่เพียงดำเนินเรื่องเร็ว กระชับ ดูเข้าใจง่าย ยังแฝงข้อคิดเรื่องการรักชาติ การเสียสละ สะท้อนให้เห็นถึงระบบราชการในยุคราชวงศ์ชิง การคอร์รัปชั่น ระบบศักดินา ความขัดแย้งระหว่างขุนนางผู้ภักดีเห็นแก่ผลประโยชน์ของประชาชนและขุนนางฉ้อราษฎร์บังหลวงที่ไม่สนสิ่งใดนอกจากเงินทอนใต้โต๊ะ ผ่านการยักยอกเงินค่าจ้างคนงานสร้างเขื่อน การโกงเงินสร้างเขื่อนไม่ได้คุณภาพ สร้างเรื่องเท็จใส่ร้ายขุนนางน้ำดี ส่งขุนนางที่ไม่มีความรู้เรื่องน้ำมาคุมบังเหียนเพียงเพราะเป็นพรรคพวกของตน การส่งส่วยโกงกินอย่างเป็นระบบตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำที่ดูแล้วชวนให้น่าหมั่นไส้
เนื้อเรื่องชวนติดตาม จัดหนักบทที่ยอดเยี่ยม
แม้หลายฉากในเรื่อง CG จะดูไม่เนียนอยู่บ้าง แต่อยู่ในเกณฑ์พอถ่ายทอดความร้ายกาจของแม่น้ำเหลืองแห่งนี้ได้อย่างน่าขนลุกสะเทือนอารมณ์อยู่ไม่น้อย โดยจุดที่ทำให้ซีรีส์แตกต่างไปจากซีรีส์อิงประวัติศาสตร์เรื่องอื่นๆ คือ การเพิ่มองค์ประกอบตลกและชั้นเชิงในการเล่าเรื่องให้ชวนติดตาม ให้จังหวะในการรับชมไม่ดูจริงจังและน่าเบื่อจนเกินไป ซึ่งเป็นจุดอ่อนที่มักเกิดขึ้นกับซีรส์อิงประวัติศาสตร์ อีกทั้งจางถิงผู้กำกับพยายามเพิ่มประเด็นความร้ายแรงของอุทกภัยและการชิงดีชิงเด่นในวงขุนนางเข้ามาในเรื่อง ทำให้เนื้อหามีความตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น ตลอดจนตัวบทและฉากที่มีการลงลึกในเรื่องกลวิธีการบริหารจัดการน้ำ ฉากการสร้างเขื่อนสุดตระการ จนเรียกว่าต้องตบมือให้ในความทุ่มเทของทีมงาน
อีกหนึ่งจุดเด่นที่อดชื่นชมไม่ได้ คือ ทุกตัวละครในซีรีส์มีลักษณะนิสัยที่โดดเด่น มีการตีความตัวละครที่ชัดเจนแตกต่าง โดยเฉพาะชั้นเชิงการแสดงของ 3 นักแสดงนำอย่าง ‘หลัวจิ้น’ ที่ถ่ายทอดคาแร็กเตอร์ความเป็นจักรพรรดิคังซีที่มีความหลักแหลม เต็มไปด้วยศิลปะในการใช้คน และดูเป็นปุถุชนในมุมมองที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน รวมถึงหวงจื่อจงและอิ๋นฝ่าง ผู้มารับบทสองขุนนางผู้ต้องฟันฝ่าอุปสรรคนานาประการเพื่อไปถึงเป้าหมาย ซึ่งทั้งสองสามารถใช้ศัพท์แสงเกี่ยวกับการควบคุมแม่น้ำได้อย่างน่าประทับใจ ไปพร้อมๆ กับถ่ายทอดบทบาทของพวกเขาได้อย่างได้อย่างทรงพลัง
ท้ายสุดแล้ว หลังจากชมซีรีส์เรื่องนี้ คุณจะรู้สึกได้ถึงความกล้าหาญและความทุ่มเทของมวลมนุษย์ในการเอาชนะความยากลำบากของภัยพิบัติ โดยมีแบ็คกราวน์ของแม่น้ำฮวงโหเป็นจุดเริ่มต้น สามารถรับชมได้แล้วทาง MONOMAX จำนวน 40 ตอนจบ
. ขอขอบคุณ ที่มาของเรื่องและภาพ https://mgronline.com/drama/detail/9660000047152 .
|