1
สาระน่ารู้ / โรมันตะวันตก, โรมันตะวันออก, โรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ต่างกันยังไง?
« Last post by ppsan on 13 December 2025, 20:38:49 »โรมันตะวันตก, โรมันตะวันออก, โรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ต่างกันยังไง?

โรมันตะวันตก, โรมันตะวันออก, โรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ต่างกันยังไง?
-----
แอดมินเชื่อเลยว่า ใครที่ติดตามหรือศึกษาเรื่องราวของประวัติศาสตร์ยุโรป จะต้องรู้จักกับจักรวรรดิโรมัน (Roman Empire) หนึ่งในจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ยุคโบราณอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ เราก็จะรู้ว่าในยุคสมัยที่จักรวรรดิโรมันมีอาณาเขตที่กว้างใหญ่เกินว่าที่จักรพรรดิองค์หนึ่งจะปกครองได้ ก็ได้มีแบ่งจักรวรรดิโรมันออกเป็นสองส่วนด้วยกัน คือโรมันตะวันตก (Western Roman Empire) กับโรมันตะวันออก (Eastern Roman Empire)
แต่พอมาดูยุโรปในยุคกลาง ก็อาจจะได้เคยได้ยินชื่อของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ (Holy Roman Empire) ที่เป็นมหาจักรวรรดิอันประกอบไปด้วยดินแดนของคนหลากหลายเชื้อชาติในยุโรปตอนกลาง คำถามคือแล้วโรมันทั้งสามนี้ มีความแตกต่างกันอย่างไร?
เริ่มต้นที่การแบ่งจักรวรรดิโรมันออกเป็นสองส่วนกันก่อน โดยถูกแบ่งครั้งแรกในปี 286 ในสมัยจักรพรรดิไดโอคลีเซียน (Diocletian)
เมื่อถึงปี 293 ไดโอคลีเซียนกระจายอำนาจการปกครองมากกว่านั้น โดยแบ่งจักรวรรดิเพิ่มเป็นสี่ส่วน หรือที่เรียกว่า จตุราธิปไตย (Tetrarchy การปกครองโดยผู้นำสี่คน) โดยทั้งโรมันตะวันตกและโรมันตะวันออก จะมีจักรพรรดิอาวุโส (หรือเอากุสตุส Augustus) และจักรพรรดิรอง (หรือซีซาร์ Caesar)
ในระยะแรก จักรวรรดิโรมันทั้งสองส่วนยังถือว่าตนเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่เมื่อระยะเวลาผ่านไป ความแตกต่างของทั้งสองส่วนมีความแตกต่างเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งทางการเมืองและวัฒนธรรม (โรมันตะวันตกใช้ภาษาละติน โรมันตะวันออกใช้ภาษากรีก)
ในบางช่วงเวลา จักรวรรดิโรมันทั้งสองส่วนได้กลับมารวมกันอีกครั้ง โดยครั้งสำคัญเกิดขึ้นในปี 324 ในสมัยจักรพรรดิคอนสแตนตินมหาราช (Constantine the Great) พระองค์สถาปนาเมืองหลวงแห่งใหม่คือนครคอนสแตนติโนเปิล (Constantine) หรือชื่อเดิมคือ ไบแซนทิอุม (Byzantium) ที่ต่อมาจะกลายเป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิโรมันตะวันออก หรือที่รู้จักกันในชื่อจักรวรรดิไบแซนไทน์ (Byzantine Empire) นั่นเอง
แต่ท้ายที่สุดในปี 395 หลังสมัยจักรพรรดิธีโอโดเซียสที่ 1 (Theodosius I) จักรวรรดิโรมันทั้งสองส่วนก็ถูกแบ่งแยกอย่างถาวร จักรวรรดิโรมันตะวันตกล่มสลายในปี 476 ขณะที่โรมันตะวันออกหรือจักรวรรดิไบแซนไทน์ จะดำรงอยู่จนล่มสลายในปี 1453 หลังนครคอนสแตนติโนเปิลถูกพิชิตโดยจักรวรรดิออตโตมัน
ส่วนจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์นั้น เชื่อมโยงกับการล่มสลายของจักรวรรดิโรมันตะวันตก เพราะการล่มสลายของจักรวรรดิโรมันตะวันตก ทำให้ยุโรปเกิดสภาวะสูญญากาศทางอำนาจขึ้น เปิดโอกาสให้อนารยชนเผ่าต่าง ๆ [หรือที่โรมันเรียกว่าพวกป่าเถื่อน] สร้างอาณาจักรของตนขึ้นมา
ซึ่งอาณาจักรที่ถือว่าแข็งแกร่งที่สุด ก็คืออาณาจักรของหนึ่งในชนเผ่าเยอรมัน (Germanic Tribes) ที่เรียกว่าชาวแฟรงก์ (Frank)
ในช่วงศตวรรษที่ 8 อาณาจักรแฟรงก์ในยุคกษัตริย์ที่ชื่อ ชาร์เลอมาญ (Charlemagne) ได้พิชิตดินแดนในยุโรปโดยครอบครองพื้นที่ของฝรั่งเศส เยอรมนีและตอนเหนือของอิตาลี ทำให้ยุโรปมีความเป็นปึกแผ่นอีกครั้ง
ความยิ่งใหญ่ของชาวแฟรงก์ ประกอบกับการทำสงครามกับคนนอกศาสนา และช่วยฟื้นฟูอำนาจของศาสนจักร ในปี 800 พระสันตะปาปาลีโอที่ 3 (Leo III) จึงสวมมงกุฎแต่งตั้งชาร์เลอมาญเป็นจักรพรรดิของชาวโรมัน (Emperor of the Romans) เป็นสัญลักษณ์ของการสืบทอดความยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิโรมันในอดีต
หลังจากชาร์เลอมาญสิ้นพระชนม์ในปี 814 เกิดการแย่งชิงอำนาจในทายาทของพระองค์ จนในปี 843 อาณาจักรแฟรงก์ได้ถูกแบ่งเป็นสามส่วน แฟรงก์ตะวันตก (West Francia) ต่อมาจะกลายเป็นฝรั่งเศส ที่สถาปนาเป็นอาณาจักรในปี 987
ส่วนแฟรงก์ตอนกลาง (Middle Francia) จะถูกผนวกโดยอีกสองแฟรงก์ และแฟรงก์ตะวันออก (East Francia) จะกลายเป็นจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ในปี 962 หลังจากออทโทที่ 1 (Otto I) กษัตริย์ของแฟรงก์ตะวันออกได้รับสวมมงกุฎเป็นจักรพรรดิของชาวโรมัน
ในสมัยจักรพรรดิออทโทที่ 2 (Otto II ครองราชย์ 973-983) พระองค์เปลี่ยนมาเรียกตำแหน่งจักรพรรดิของพระองค์ว่า จักรพรรดิโรมัน (Roman Emperor) และในปี 1034 สมัยจักรพรรดิคอนราดที่ 2 (Conrad II) ชื่อของจักรวรรดิก็ถูกเรียกว่า จักรวรรดิโรมัน (Roman Empire หรือภาษาละติน romanum imperium)
พอถึงปี 1157 สมัยจักรพรรดิเฟรเดอริก บาร์บารอสซ่า (Frederick Barbarossa) ก็ได้ปรากฎชื่อจักรวรรดิอันศักดิ์สิทธิ์ (Holy Empire ภาษาละติน sacrum imperium) โดยคำว่าศักดิ์สิทธิ์แสดงถึงการครอบงำอิตาลีและพระสันตะปาปาของจักรพรรดิเฟรเดอริก และชื่อจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ (sacrum romanum imperium) ก็ถูกใช้งานครั้งแรกตั้งแต่ปี 1254
-----
อ้างอิง
เอ็มมา แมริออตต์ (เขียน) สินีนาถ เศรษฐพิศาล (แปล). (2025). ประวัติศาสตร์โลก ฉบับย่อ. ยิปซี.
เจคอบ เอฟ. ฟีลด์ (เขียน) ณิชาภา ชีวะสุจินต์ (แปล). (2025). ประวัติศาสตร์ยุโรป ฉบับย่อ. ยิปซี.
อนันตชัย เลาหะพันธุ. สถานะของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ในประวัติศาสตร์. วารสารอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ปีที่ 25 ฉบับที่ 1 มิถุนายน-พฤศจิกายน 2545
#HistofunDeluxe
..
ข้อมูลจาก facebook Histofun Deluxe
https://www.facebook.com/histofun2
https://www.facebook.com/photo?fbid=1467219622077149&set=a.439959808136474

โรมันตะวันตก, โรมันตะวันออก, โรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ต่างกันยังไง?
-----
แอดมินเชื่อเลยว่า ใครที่ติดตามหรือศึกษาเรื่องราวของประวัติศาสตร์ยุโรป จะต้องรู้จักกับจักรวรรดิโรมัน (Roman Empire) หนึ่งในจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ยุคโบราณอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ เราก็จะรู้ว่าในยุคสมัยที่จักรวรรดิโรมันมีอาณาเขตที่กว้างใหญ่เกินว่าที่จักรพรรดิองค์หนึ่งจะปกครองได้ ก็ได้มีแบ่งจักรวรรดิโรมันออกเป็นสองส่วนด้วยกัน คือโรมันตะวันตก (Western Roman Empire) กับโรมันตะวันออก (Eastern Roman Empire)
แต่พอมาดูยุโรปในยุคกลาง ก็อาจจะได้เคยได้ยินชื่อของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ (Holy Roman Empire) ที่เป็นมหาจักรวรรดิอันประกอบไปด้วยดินแดนของคนหลากหลายเชื้อชาติในยุโรปตอนกลาง คำถามคือแล้วโรมันทั้งสามนี้ มีความแตกต่างกันอย่างไร?
เริ่มต้นที่การแบ่งจักรวรรดิโรมันออกเป็นสองส่วนกันก่อน โดยถูกแบ่งครั้งแรกในปี 286 ในสมัยจักรพรรดิไดโอคลีเซียน (Diocletian)
เมื่อถึงปี 293 ไดโอคลีเซียนกระจายอำนาจการปกครองมากกว่านั้น โดยแบ่งจักรวรรดิเพิ่มเป็นสี่ส่วน หรือที่เรียกว่า จตุราธิปไตย (Tetrarchy การปกครองโดยผู้นำสี่คน) โดยทั้งโรมันตะวันตกและโรมันตะวันออก จะมีจักรพรรดิอาวุโส (หรือเอากุสตุส Augustus) และจักรพรรดิรอง (หรือซีซาร์ Caesar)
ในระยะแรก จักรวรรดิโรมันทั้งสองส่วนยังถือว่าตนเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่เมื่อระยะเวลาผ่านไป ความแตกต่างของทั้งสองส่วนมีความแตกต่างเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งทางการเมืองและวัฒนธรรม (โรมันตะวันตกใช้ภาษาละติน โรมันตะวันออกใช้ภาษากรีก)
ในบางช่วงเวลา จักรวรรดิโรมันทั้งสองส่วนได้กลับมารวมกันอีกครั้ง โดยครั้งสำคัญเกิดขึ้นในปี 324 ในสมัยจักรพรรดิคอนสแตนตินมหาราช (Constantine the Great) พระองค์สถาปนาเมืองหลวงแห่งใหม่คือนครคอนสแตนติโนเปิล (Constantine) หรือชื่อเดิมคือ ไบแซนทิอุม (Byzantium) ที่ต่อมาจะกลายเป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิโรมันตะวันออก หรือที่รู้จักกันในชื่อจักรวรรดิไบแซนไทน์ (Byzantine Empire) นั่นเอง
แต่ท้ายที่สุดในปี 395 หลังสมัยจักรพรรดิธีโอโดเซียสที่ 1 (Theodosius I) จักรวรรดิโรมันทั้งสองส่วนก็ถูกแบ่งแยกอย่างถาวร จักรวรรดิโรมันตะวันตกล่มสลายในปี 476 ขณะที่โรมันตะวันออกหรือจักรวรรดิไบแซนไทน์ จะดำรงอยู่จนล่มสลายในปี 1453 หลังนครคอนสแตนติโนเปิลถูกพิชิตโดยจักรวรรดิออตโตมัน
ส่วนจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์นั้น เชื่อมโยงกับการล่มสลายของจักรวรรดิโรมันตะวันตก เพราะการล่มสลายของจักรวรรดิโรมันตะวันตก ทำให้ยุโรปเกิดสภาวะสูญญากาศทางอำนาจขึ้น เปิดโอกาสให้อนารยชนเผ่าต่าง ๆ [หรือที่โรมันเรียกว่าพวกป่าเถื่อน] สร้างอาณาจักรของตนขึ้นมา
ซึ่งอาณาจักรที่ถือว่าแข็งแกร่งที่สุด ก็คืออาณาจักรของหนึ่งในชนเผ่าเยอรมัน (Germanic Tribes) ที่เรียกว่าชาวแฟรงก์ (Frank)
ในช่วงศตวรรษที่ 8 อาณาจักรแฟรงก์ในยุคกษัตริย์ที่ชื่อ ชาร์เลอมาญ (Charlemagne) ได้พิชิตดินแดนในยุโรปโดยครอบครองพื้นที่ของฝรั่งเศส เยอรมนีและตอนเหนือของอิตาลี ทำให้ยุโรปมีความเป็นปึกแผ่นอีกครั้ง
ความยิ่งใหญ่ของชาวแฟรงก์ ประกอบกับการทำสงครามกับคนนอกศาสนา และช่วยฟื้นฟูอำนาจของศาสนจักร ในปี 800 พระสันตะปาปาลีโอที่ 3 (Leo III) จึงสวมมงกุฎแต่งตั้งชาร์เลอมาญเป็นจักรพรรดิของชาวโรมัน (Emperor of the Romans) เป็นสัญลักษณ์ของการสืบทอดความยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิโรมันในอดีต
หลังจากชาร์เลอมาญสิ้นพระชนม์ในปี 814 เกิดการแย่งชิงอำนาจในทายาทของพระองค์ จนในปี 843 อาณาจักรแฟรงก์ได้ถูกแบ่งเป็นสามส่วน แฟรงก์ตะวันตก (West Francia) ต่อมาจะกลายเป็นฝรั่งเศส ที่สถาปนาเป็นอาณาจักรในปี 987
ส่วนแฟรงก์ตอนกลาง (Middle Francia) จะถูกผนวกโดยอีกสองแฟรงก์ และแฟรงก์ตะวันออก (East Francia) จะกลายเป็นจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ในปี 962 หลังจากออทโทที่ 1 (Otto I) กษัตริย์ของแฟรงก์ตะวันออกได้รับสวมมงกุฎเป็นจักรพรรดิของชาวโรมัน
ในสมัยจักรพรรดิออทโทที่ 2 (Otto II ครองราชย์ 973-983) พระองค์เปลี่ยนมาเรียกตำแหน่งจักรพรรดิของพระองค์ว่า จักรพรรดิโรมัน (Roman Emperor) และในปี 1034 สมัยจักรพรรดิคอนราดที่ 2 (Conrad II) ชื่อของจักรวรรดิก็ถูกเรียกว่า จักรวรรดิโรมัน (Roman Empire หรือภาษาละติน romanum imperium)
พอถึงปี 1157 สมัยจักรพรรดิเฟรเดอริก บาร์บารอสซ่า (Frederick Barbarossa) ก็ได้ปรากฎชื่อจักรวรรดิอันศักดิ์สิทธิ์ (Holy Empire ภาษาละติน sacrum imperium) โดยคำว่าศักดิ์สิทธิ์แสดงถึงการครอบงำอิตาลีและพระสันตะปาปาของจักรพรรดิเฟรเดอริก และชื่อจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ (sacrum romanum imperium) ก็ถูกใช้งานครั้งแรกตั้งแต่ปี 1254
-----
อ้างอิง
เอ็มมา แมริออตต์ (เขียน) สินีนาถ เศรษฐพิศาล (แปล). (2025). ประวัติศาสตร์โลก ฉบับย่อ. ยิปซี.
เจคอบ เอฟ. ฟีลด์ (เขียน) ณิชาภา ชีวะสุจินต์ (แปล). (2025). ประวัติศาสตร์ยุโรป ฉบับย่อ. ยิปซี.
อนันตชัย เลาหะพันธุ. สถานะของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ในประวัติศาสตร์. วารสารอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ปีที่ 25 ฉบับที่ 1 มิถุนายน-พฤศจิกายน 2545
#HistofunDeluxe
..
ข้อมูลจาก facebook Histofun Deluxe
https://www.facebook.com/histofun2
https://www.facebook.com/photo?fbid=1467219622077149&set=a.439959808136474






Recent Posts































































