Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ... | Recent Posts
Pages: 1 ... 6 7 [8] 9 10
71
« Last post by ppsan on 08 November 2025, 19:27:28 »
รีวิว โรคซึมเศร้า
https://www.blockdit.com/posts/6308878be10916817896dd75
ReviewHere 26 ส.ค. 2022 เวลา 15:42 • ไลฟ์สไตล์
รีวิว โรคซึมเศร้า
"เรื่องแค่นี้ ทำไมต้องร้องไห้" "แค่นี้ก็ทนไม่ได้ ทำไมอ่อนแอแบบนี้" "อ่อนแอชิบหาย เรื่องแค่นี้ก็ร้องไห้"

เคยเจอคนที่โดนด่าแล้วจู่ๆก็ร้องไห้ไหม เคยได้ยินคนที่พูดว่า
"ไม่ได้อ่อนแอ แต่จู่ๆน้ำตามันไหลมาเอง" ไหม?
ความจริงคนพวกนี้ ไม่ได้เป็นคนอ่อนแอ แต่เป็นคนที่เข้มแข็ง เป็นที่เก็บเรื่องราวต่างๆมากมาย แต่สุดท้ายก็ไม่ไหว จนต้องเครียดแล้วร้องไห้ออกมา จนเป็นโรคซึมเศร้าขึ้นมาทีเดียว
ถ้าถามว่าโรคซึมเศร้าเกิดจากอะไร
บ้างก็ว่าเกิดจาก การโดนคนอื่นดูถูก เหยียดหยาม โดนคนอื่นพูดจนเก็บไปคิด เก็บไปเครียด จนรู้สึกเหมือนไร้หนทาง รู้สึกเหมือนมองไปทางไหนก็ไม่เหลือใคร ซึ่งอาการแบบนี้ เห็นได้มากตามสังคมทั่วไป แต่อยู่ที่ว่าคนเป็นเขาปกปิดได้มากแค่ไหนนั่นเอง
นอกจากโรคซึมเศร้าจะมีผลกับอารมณ์แล้ว ยังมีผลกับสมองด้วยนะ ยังไงน่ะเหรอ
เพราะปัจจัยการเป็นโรคซึมเศร้า เกี่ยวข้องกับสารในสมองที่เกิดการเสียสมดุลทำให้สารพวกนี้มีปริมาณที่ต่ำมากนั่นเอง ซึ่งสารพวกนี้ ก็ได้แก่
Serotonin เซโรโทนิน สารในสมองที่ทำหน้าที่ควบคุมความหิว อารมณ์ และความโกรธ
Dophamine โดฟรามิน ทำหน้าที่ควบคุมอารมณ์ การนึกคิด ควบคุมการเคลื่อนไหวในร่างกาย
Norepinephine นอร์เอพิเนฟริน สารที่ทำให้ตื่นตัว ทำหน้าที่ควบคุมฮอร์โมน และ ควบคุมอุณหภูมิในร่างกาย
ซึ่งหากเกิดอาการขาดสารใดในนี้ หรือมีสารนี้ในสมองต่ำ จะมีผลดังนี้
ถ้ามี Serotonin ในสมองต่ำ จะทำให้เกิดอารมณ์ซึมเศร้า , หม่นหมอง , อ้างว้าง , วิตกกังวล , โทษตัวเอง และเกิดอาการอยากตาย
ถ้ามี Dophamine ในสมองต่ำ จะทำให้รู้สึกขาดแรงจูงใจ ไม่อยากทำอะไรทั้งสิ้น
ถ้ามี Norepinephine ในสมองต่ำ จะทำให้รู้สึกไม่มีเรี่ยวแรง และไม่สดชื่น
โรคซึมเศร้าจะเกิดกับคนที่เครียด โดยจะเกิดยังไงนั้น มีวิธีการดังนี้...
1.เมื่อเกิดอาการเครียด ร่างกายจะหลั่งสารลดความเครียดที่ชื่อว่า Cortisol ออกมา ซึ่ง Cortisol จะทำให้เกิดอาการตื่นตัวเพื่อช่วยในการแก้ปัญหา
2.แต่ถ้าหากเราเครียดมากเกินไป ร่างกายก็จะยิ่งหลั่ง Cortisol มากขึ้นเท่านั้น ซึ่งถ้าหลั่งสารนี้มากเท่าไหร่ ก็จะทำให้สารสื่อประสาทเสียสมดุลได้
3.สมองจะถูกทำลาย และทำให้สร้างสารความสุขได้น้อยลง ซึ่งจะทำให้เราเครียดง่ายกว่าเดิม
โดยอาการของคนเป็นโรคซึมเศร้านั้น จะมีอยู่ดังนี้
1.มีอาการซึมเศร้า หม่นหมอง ไม่มีความสุข 2.เบื่อหน่ายง่าย ไม่รู้สึกสนุกกับสิ่งที่ชอบ 3.เบื่ออาหาร หรืออาจจะกินเยอะผิดปกติ 4.นอนไม่หลับ หรืออาจนอนเยอะกว่าปกติ 5.บางครั้งก็แห้งเหี่ยว บางครั้งก็คึกจนเกินเหตุ 6.รู้สึกอ่อนเพลีย 7.ไม่มีสมาธิในการทำอะไร 8.มีความรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า 9.มีความคิดอยากฆ่าตัวตาย
ก็ประมาณนี้แหละ
อ้อ แล้วจะบอกไรให้สำหรับคนที่ยังไม่รู้
ฆ่าตัวตายเพราะเป็นโรคซึมเศร้า กับ ฆ่าตัวตายเพราะเรียกร้องความสนใจ มันไม่เหมือนกันนะ
มันไม่ใช่ว่าพวกที่ฆ่าตัวตาย เป็นพวกที่เป็นโรคซึมเศร้าไปซะหมด โปรดทำความเข้าใจใหม่ด้วย
ฆ่าตัวตายเพราะเป็นโรคซึมเศร้า น่าสงสารนะ แต่ฆ่าตัวตายเพราะเรียกร้องความสนใจ อันนี้ไร้สาระมากนะ
บางคนบอกว่า
ฆ่าตัวตายทำไม ไม่สงสารพ่อแม่เหรอ
มึง มึงไม่รู้หรอก ว่าคนเป็นโรคซึมเศร้ารู้สึกยังไง ถึงจะบอกว่ายังมีคนที่เหลืออยู่ แต่พวกนี้ มักคิดว่าไม่มีใครอยู่ข้างตัวเอง ไม่มีใครเหลียวแลเขาเลย
สิ่งที่จะแก้ และช่วยเหลือเขาได้ คือการให้กำลังใจเขา ไม่ใช่ไปซ้ำเติม หรือล้อเล่นกับเขานะ พวกฆ่าตัวตายเพราะแบบนี้ มีเยอะนะครับ
ส่วนใครที่เป็นโรคซึมเศร้า หรือที่คิดว่าตัวเองเป็นโรคนี้ ก็สู้ๆนะ
ถ้าไม่ไหว ก็ไปให้หมอตรวจดู มันไม่ใช่เรื่องน่าอายหรอก เราแค่อยากรู้เฉยๆนิ ว่าเราเป็นหรือเปล่า ไม่ต้องไปกลัวหรอก เขาก็มียารักษานะ ยังไงซะ รู้ไว้ว่าตัวเองเป็นโรคอะไร ก็ยังดีกว่าไม่รู้อะไรแล้วเก็บมาเครียดนะ
แต่ถึงยังไง กำลังใจก็สำคัญที่สุดนะ
ไปและ
รักลูกเพจทุกคนนะ
#เพราะใดๆในโลกล้วนเป็นสิ่งที่รีวิวได้
.
72
« Last post by ppsan on 08 November 2025, 19:25:34 »
โรคอารมณ์แปรปรวน 2 ขั้ว หรือที่หลาย ๆ คนรู้จักกันว่า เป็น “โรคไบโพลาร์”
https://www.blockdit.com/posts/61a9fa8f85cebb0d503beb70
เกลา นิสัยอันตราย 3 ธ.ค. 2021 เวลา 18:07 • สุขภาพ
โรคอารมณ์แปรปรวน 2 ขั้ว หรือที่หลาย ๆ คนรู้จักกันว่า เป็น “โรคไบโพลาร์”
เป็นโรคเกี่ยวกับความผิดปกติของอารมณ์เป็นหลัก มีอาการแสดงออกได้เป็น 2 กลุ่ม

1. กลุ่มอาการแมเนีย คือ
อาการอารมณ์ดี ครึกครื้น พูดมาก พูดเร็ว พูดไม่ยอมหยุด รู้สึกว่าตัวเองเก่ง มีความสามารถมาก เรี่ยวแรงเพิ่ม นอนน้อยกว่าปกติโดยไม่มีอาการอ่อนเพลีย สมาธิไม่ดี วอกแวก เช่น ใช้จ่ายเงินอย่างฟุ่มเฟือย ทำเรื่องเสี่ยงอันตราย ความต้องการทางเพศสูง
2. กลุ่มอาการซึมเศร้า คือ
มีอารมณ์เศร้า เบื่อหน่าย ท้อแท้ ขาดความมั่นใจ รู้สึกผิด มองทุกอย่างในแง่ลบ ความสนใจหรือเพลิดเพลินลดลง โดยกลุ่มอาการซึมเศร้ามักเกิดขึ้นบ่อยกว่ากลุ่มอาการแมเนียเกือบ 3 เท่า
คนที่ป่วยเป็นโรคนี้ มักมีอาการเป็นรอบ ๆ รอบละประมาณ 3 - 4 เดือน โดยที่บางรอบอาจจะเป็นแมเนีย และบางรอบอาจมีอาการซึมเศร้า ซึ่งในแต่ละรอบ อาการอาจคืนสู่ภาวะปกติได้เองโดยไม่ต้องรักษา แต่จะใช้เวลานานกว่าผู้ป่วยที่ได้รับการดูแลโดยแพทย์
มาเรียนรู้ พ.ร.บ. สุขภาพจิตฯ แบบเข้าใจง่าย เพื่อนำมาปรับใช้กับผู้ป่วยโรคอารมณ์แปรแปรวน 2 ขั้วกัน เพราะ พ.ร.บ. สุขภาพจิตฯ สำคัญกับทุกคน
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ https://bit.ly/3zL56oI
https://www.youtube.com/watch?v=xhdmYbW5uU0
เรียนรู้ ยอมรับ ปรับใช้ พ.ร.บ.สุขภาพจิตฯ ใช้ชีวิตกับผู้ป่วยอย่างเข้าใจ สาระน่ารู้ พ.ร.บ.สุขภาพจิต
https://youtu.be/xhdmYbW5uU0?si=C_69giBdJ5G1zDyk
.
#เกลาไปพร้อมกัน #เกลานิสัยอันตราย #กรมสุขภาพจิต #พระราชบัญญัติสุขภาพจิต #สุขภาพจิต
.
73
« Last post by ppsan on 08 November 2025, 19:23:54 »
ทำความรู้จัก"ไบโพล่า"
https://www.blockdit.com/posts/626511f28179e3ab523783d5
ฐานเศรษฐกิจ_Thansettakij 25 เม.ย. 2022 เวลา 09:01 • สุขภาพ
ทำความรู้จัก"ไบโพล่า"

"ไบโพล่า" เป็นสาเหตุการเสียชีวิตของคนไทยเพิ่มขึ้นทุกวัน ล่าสุดอดีตดีเจ “เจย์ ศุภกาญจน์” ลูกชาย "เจี๊ยบ-กาญจนาพร” เสียชีวิตจากโรคนี้เช่นกัน เรามาทำความรู้จักไบโพล่าคืออะไร มีสาเหตุจากอะไร ต้องรักษา และดูแลผู้ป่วยอย่างไร
ล่าสุดอดีตดีเจ “เจย์ ศุภกาญจน์” ลูกชาย "เจี๊ยบ-กาญจนาพร” เสียชีวิต ที่บ้านพัก จากการตรวจสอบตามร่างกาย ไม่พบบาดแผลภายนอก มีเพียงรอยช้ำรอบลำคอ และพบว่ามีอาการป่วยเป็นโรคไบโพล่า
โรคไบโพล่าคืออะไร มีสาเหตุจากอะไร และต้องรักษาอย่างไร เรามาทำความเข้าใจ และรู้จักโรค"ไบโพล่า" คร่าชีวิตลูกชาย เจี๊ยบ-กาญจนาพร ปลอดภัย
พญ. บุฑบท พฤกษาพนาชาติ (จิตแพทย์)โรงพยาบาลนครพิงค์ พบ. เกียรตินิยมมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วว. จิตเวชเด็กและวัยรุ่น รพ.รามาธิบดีปรึกษาคุณหมอผ่านแอป Raksa เขียนบทความเกี่ยวกับโรคไบโพลาร์ หรือโรคอารมณ์สองขั้ว ไว้ว่าเป็นโรคที่ผู้ป่วยจะมีอาการ 2 ระยะ คือ ระยะพลุ่งพล่าน จะคิดเร็ว ทำเร็ว พูดเยอะ นอนน้อย ฟุ่มเฟือย ก้าวร้าว สลับกับระยะซึมเศร้าที่จะรู้สึกเศร้า เบื่อหน่าย ท้อแท้ เบื่ออาหาร หรืออาจมีความคิดอยากฆ่าตัวตาย
การรักษาผู้ป่วยโรคไบโพลาร์มีความจำเป็นต้องใช้ยา เนื่องจากโรคนี้เกิดจากสารสื่อประสาทในสมองไม่สมดุล ควบคู่ไปกับการพบแพทย์เพื่อรักษาโดยการทำจิตบำบัด
คนใกล้ชิดควรดูแลผู้ป่วยโดยเริ่มจากการทำความเข้าใจพฤติกรรมที่เป็นอาการของโรค คอยรับฟังและให้กำลังใจ คอยดูแลเรื่องการกินยา การไปพบจิตแพทย์ตามนัด หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการของโรค
.
โรคไบโพลาร์คืออะไร?
โรคไบโพลาร์ (Bipolar Disorder) คือโรคที่ผู้ป่วยมีอารมณ์แปรปรวนต่างกันเป็น 2 ขั้ว คือ ขั้วหนึ่งเป็นอารมณ์ซึมเศร้า และอีกขั้วหนึ่งเป็นอารมณ์พลุ่งพล่านผิดปกติ ผู้ป่วยจะมีอารมณ์สลับกันไปมาระหว่างอารมณ์พลุ่งพล่านผิดปกติและซึมเศร้า ซึ่งอารมณ์ที่แปรปรวนแต่ละช่วงอาจอยู่เป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือนก็ได้ และเป็นโรคที่มีโอกาสเกิดซ้ำกว่า 70%
โรคไบโพลาร์มีกี่ระยะ?
โรคไบโพลาร์จะมีอยู่ 2 ระยะ คือ
ระยะแมเนีย (Manic Episode) ผู้ป่วยจะมีความมั่นใจในตัวเอง คิดเร็ว ทำเร็ว ทำกิจกรรมต่างๆ มากมาย นอนน้อยลง ใช้เงินฟุ่มเฟือย ทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยง ลงทุนแบบไม่ยั้งคิดจนอาจก่อหนี้สินมากมาย ก้าวร้าว มักก่อเรื่องทะเลาะวิวาท
ระยะซึมเศร้า (Depressive Episode) ผู้ป่วยจะมีอารมณ์ซึมเศร้า เบื่อหน่าย ท้อแท้ ไม่อยากทำอะไร ขาดสมาธิ แยกตัว อยากอยู่นิ่งๆ อยากนอนทั้งวัน หรืออาจมีอาการนอนไม่หลับ บางครั้งกินมากหรือเบื่ออาหาร รู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่า อาจมีความคิดอยากฆ่าตัวตายเกิดขึ้น
สาเหตุของไบโพลาร์
ไบโพลาร์ (Bipolar) เกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน ทั้งปัจจัยทางชีวภาพและปัจจัยด้านจิตสังคม นอกเหนือจากความเกี่ยวข้องทางพันธุกรรมแล้ว ยังพบความผิดปกติของสารสื่อประสาทในสมองอีกด้วย ในส่วนของปัจจัยด้านจิตสังคมนั้นมีสาเหตุคล้ายกับโรคซึมเศร้า เชื่อว่าการเกิดแมเนียเป็นกลไกการป้องกันตนเองที่ใช้เผชิญกับภาวะซึมเศร้า
อาการของไบโพลาร์
อาการของผู้ป่วยโรคไบโพลาร์ จะมีอารมณ์แปรปรวนสลับไปมาระหว่างอารมณ์ดีเกินปกติ (ช่วงแมเนีย)กับอารมณ์ซึมเศร้า (ช่วงซึมเศร้า)
ในช่วงแมเนีย ผู้ป่วยจะมีความมั่นใจมากเป็นพิเศษ ความต้องการนอนลดลง บางรายอาจอยู่ได้โดยไม่นอนติดต่อกันหลายวัน มีกิจกรรมตลอดเวลา กระตือรือร้น เปลี่ยนความสนใจง่าย สมาธิลดลง พูดเยอะ พูดไม่หยุด เปลี่ยนเรื่องพูดบ่อย รู้สึกว่าตัวเองสำคัญ ทำอะไรเสี่ยงอันตราย ความคิดแล่นเร็ว ใช้เงินเยอะ จึงทำให้ตัดสินใจผิดพลาดในเรื่องการใช้เงิน อาการเหล่านี้จะคงอยู่เป็นเวลานานเกินกว่า 1 สัปดาห์
ในช่วงซึมเศร้า ผู้ป่วยจะมีอาการเบื่อหน่าย ท้อแท้ ไม่อยากทำอะไร นอนไม่หลับหรือนอนมากผิดปกติ เบื่ออาหารหรืออาจกินมากขึ้น มองโลกในแง่ลบ ขาดสมาธิ บางรายอาจมีความคิดอยากตายหรืออยากทำร้ายตัวเอง โดยอาการเหล่านี้จะคงอยู่เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์
อาการที่บ่งบอกว่าถึงเวลาต้องไปพบแพทย์
หากพบว่าคนใกล้ชิดมีอาการเข้าข่ายช่วงแมเนีย หรือซึมเศร้า เพียงแค่อย่างใดอย่างหนึ่ง โดยที่อาการเหล่านั้นส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ก็สามารถพบจิตแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยโรคและการรักษาที่ถูกต้องต่อไป
การรักษาโรคไบโพลาร์
ไบโพลาร์เป็นโรคที่เกิดจากสารสื่อประสาทในสมองผิดปกติ อยู่ในระดับที่ไม่สมดุล ดังนั้นการรักษาจึงจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาจากจิตแพทย์โดยใช้ยาเป็นหลัก จิตแพทย์จะให้ยาเพื่อปรับสารสื่อประสาทและควบคุมอารมณ์ กรณีผู้ป่วยมีพฤติกรรมก้าวร้าว รบกวนบุคคลอื่น หรือมีอาการทางจิตร่วมด้วย มักจะรับไว้รักษาแบบผู้ป่วยใน
ยารักษาโรคไบโพลาร์
ยาที่ใช้รักษาโรคไบโพลาร์ มีหลายกลุ่ม ได้แก่
ยาที่ช่วยให้อารมณ์คงที่ แพทย์จะใช้สำหรับรักษาผู้ป่วยไบโพลาร์ทั้งระยะเฉียบพลันและระยะยาว โดยควบคุมให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสมกับผู้ป่วย
ยาต้านอาการทางจิต ยากลุ่มนี้ช่วยให้อารมณ์คงที่เช่นเดียวกับยากลุ่มแรก และยังสามารถใช้ในกรณีที่มีอาการทางจิตร่วมด้วย
ยาต้านเศร้า ใช้รักษาผู้ป่วยไบโพลาร์ที่อยู่ในช่วงซึมเศร้า
ยาคลายกังวล ยากลุ่มนี้จะช่วยให้ผู้ป่วยคลายความวิตก ความคิดฟุ้งซ่าน หากผู้ป่วยมีอาการนอนไม่หลับ ยากลุ่มนี้จะช่วยแก้ปัญหาให้ผู้ป่วยหลับง่ายขึ้น
นอกจากการรักษาด้วยยาและการทำจิตบำบัดควบคู่กันไป จะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถปรับตัวและจัดการกับความเครียดได้ดีขึ้น
สิ่งสำคัญที่สุดคือการกินยาสม่ำเสมอและติดตามการรักษาอย่างต่อเนื่อง กรณีการรักษาด้วยยาไม่ได้ผล อาจทำการรักษาด้วยไฟฟ้า (Electroconvulsant Therapy)
ดูแลตัวเองอย่างไรเมื่อเป็นโรคไบโพลาร์
นอกจากการกินยาสม่ำเสมอ ติดตามการรักษาต่อเนื่อง ปฏิบัติตนตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด สิ่งที่สามารถทำได้เพื่อประโยชน์ในการรักษา ได้แก่
Do
นอนหลับให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มชูกำลังและสารเสพติดทุกชนิด ทำกิจกรรมที่ช่วยให้จิตใจแจ่มใส เช่น เดินเล่น ปลูกต้นไม้ ฟังเพลงบรรเลง นั่งสมาธิ ฟังเสียงธรรมชาติ หมั่นสังเกตตนเอง หากมีอาการแทรกซ้อนหรือมีอาการรุนแรงขึ้นให้รีบไปพบแพทย์ หากมีอาการข้างเคียงจากยาให้รีบปรึกษาแพทย์ ห้ามหยุดยาเองโดยเด็ดขาด
Don’t
ไม่ทานยาตามที่แพทย์สั่ง ใช้สารเสพติดรวมถึงดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เอาตัวเองเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดไม่แจ้งอาการที่เกิดขึ้นจริงกับจิตแพทย์ที่รักษา ไม่ไปพบจิตแพทย์ตามนัดหมาย
วิธีดูแลผู้ป่วยไบโพลาร์
หากคนใกล้ชิดหรือคนในครอบครัวเป็นโรคไบโพลาร์ ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจกับอาการไบโพลาร์ที่ผู้ป่วยแสดงออกมาว่าไม่ใช่นิสัยที่แท้จริง หรือผู้ป่วยไม่ได้มีนิสัยไม่ดี แต่เป็นอาการของโรค คนใกล้ชิดหรือคนในครอบครัวมีบทบาทสำคัญในการดูแลผู้ป่วยและปฏิบัติตามแผนการรักษาของแพทย์ ดังนั้นคนใกล้ชิดต้องเข้าใจและรู้วิธีรับมือกับผู้ป่วย
สำหรับคนใกล้ชิด ญาติ คนในครอบครัว ควรปฏิบัติตัวกับผู้ป่วยไบโพลาร์ดังนี้
ทำความเข้าใจตัวโรค ยอมรับ รับฟัง และให้กำลังใจผู้ป่วย ดูแลให้ผู้ป่วยทานยาตามแพทย์สั่ง ไม่ให้ผู้ป่วยหยุดยาเองก่อนปรึกษาแพทย์ คอยดูแลพฤติกรรมไม่ให้ผู้ป่วยทำกิจกรรมเสี่ยงอันตราย คอยดูแลพฤติกรรมการใช้เงินของผู้ป่วยสังเกตพฤติกรรมของผู้ป่วย หากมีอาการรุนแรงขึ้นให้รีบพาไปพบแพทย์
การป้องกันไบโพลาร์
ปัจจุบันไม่มีวิธีป้องกันโรคไบโพลาร์ที่ได้ผลชัดเจน แต่เราสามารถป้องกันและลดความเสี่ยงของโรคไบโพลาร์ลงได้ โดยการดูแลสุขภาพกายและสุขภาพทางใจให้ดี พักผ่อนให้เป็นเวลา นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ งดสารเสพติดทุกชนิด ฝึกทักษะการเผชิญและจัดการปัญหาอย่างเหมาะสม
หากพบว่าตนเองหรือคนใกล้ชิดมีอาการไบโพลาร์ ควรไปปรึกษาจากแพทย์ในโรงพยาบาลใกล้บ้านเพื่อหาแนวทางในการรักษาพร้อมรับคำแนะนำ หรือขอคำปรึกษาฟรี ได้ที่สายด่วนสุขภาพจิต 1323 โทรฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง

https://www.thansettakij.com/lifestyle/522360
ทำความรู้จัก"ไบโพล่า" คร่าชีวิตลูกชาย เจี๊ยบ-กาญจนาพร ปลอดภัย
"ไบโพล่า" เป็นสาเหตุการเสียชีวิตของคนไทยเพิ่มขึ้นทุกวัน
.
74
« Last post by ppsan on 08 November 2025, 19:21:31 »
ทำความรู้จัก "โรคไบโพลาร์... อารมณ์สองขั้ว เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย"
https://www.blockdit.com/posts/5cac4924d0d3d60fe61157a1
สาระหลากด้าน 9 เม.ย. 2019 เวลา 14:26 • สุขภาพ
ทำความรู้จัก "โรคไบโพลาร์... อารมณ์สองขั้ว เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย"
สำหรับโรคไบโพลาร์ (Bipolar) นี้ เป็นโรคที่จัดอยู่ในกลุ่มโรคทางด้านเรื่องอารมณ์ กลุ่มเดียวกับโรคซึมเศร้า แต่โรคซึมเศร้านั้นคือ โรคอารมณ์ที่ชัดเจน ที่มีอารมณ์เบื่อเศร้า แต่โรคไบโพลาร์ จะมีลักษณะที่มีอารมณ์ช่วงหนึ่งจะมีลักษณะครื้นเครง รื่นเริง สนุกสนานสลับกับอารมณ์ซึมเศร้าอีกช่วงหนึ่ง

โรคไบโพลาร์นี้มีหลายชื่อ เช่น โรคอารมณ์แปรปรวน, manic-depressive disorder, bipolar affective disorder, bipolar disorder ในปัจจุบันชื่อเป็นทางการคือ โรคไบโพลาร์ (bipolar disorder) ลักษณะสำคัญของโรคนี้คือ อาการผิดปกติของอารมณ์ที่เกิดขึ้นนั้นอาจเป็นแบบซึมเศร้า (depression) หรือตรงข้ามกับซึมเศร้าคืออารมณ์ดีผิดปกติ (mania) ก็ได้
 https://health.kapook.com/view533.html
"สาเหตุของโรคไบโพลาร์"
 https://health.kapook.com/view533.html
ถ้าถามว่า คนกลุ่มไหนเป็นโรคไบโพลาร์มากกว่ากัน จากสถิติจะพบว่า ผู้ป่วยโรคนี้มักเริ่มเป็นก่อนวัยกลางคน บางรายเริ่มเป็นตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 20 ปี ช่วงวัยรุ่น แต่อาการไม่ปรากฏชัด ทำให้คนไม่สังเกต แต่ก็มีบางรายที่มาเริ่มเป็นหลังอายุ 40 ปีได้
ส่วนสาเหตุนั้น เชื่อว่าเกิดจากการทำงานที่ผิดปกติของสมองโดยมีสารสื่อนำประสาทที่ไม่สมดุล คือมีสารซีโรโทนิน (serotonin) น้อยเกินไป และสารนอร์เอพิเนฟริน (epinephrine) มากเกินไป นอกจากนี้ ยังเกี่ยวข้องกับปัจจัยทางพันธุกรรมค่อนข้างมาก หากแพทย์ลองซักผู้ป่วยดี ๆ จะพบว่าผู้ป่วยจะมีญาติบางคนป่วยเป็นโรคนี้ด้วย ทำให้อาจบอกได้ว่า ลูกหลานของผู้ป่วยโรคไบโพลาร์มีโอกาสที่จะป่วยเป็นโรคนี้ได้มากกว่าคนทั่วไป
.
แนวทางในการรักษาโรคไบโพลาร์
โรคไบโพลาร์สามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยา ได้แก่ ยาในกลุ่มยาควบคุมอารมณ์ (mood stabilizers), ยาแก้โรคจิต (antipsychotics) และยาแก้โรคซึมเศร้า (antidepressants) ดังนี้
1.ใช้ยาไปช่วยในการปรับสารสื่อนำประสาทตรงให้กลับมาทำงานได้อย่างปกติ เรียกชื่อกลุ่มยานี้ว่า กลุ่มปรับอารมณ์ให้คงที่ mood stabilizer ซึ่งจะมียาเฉพาะไม่กี่ตัวที่จะใช้ในการรักษาที่จะช่วยอาการนี้ได้
ช่วงระยะการรักษาช่วงแรกจะเป็นการคุมอาการให้กลับมาเป็นปกติที่สุดภายใน 1 สัปดาห์ก่อน หรืออย่างช้า 1 เดือน หลังจากนั้นจะเป็นการรักษาต่อเนื่อง อาจต้องใช้ยาคุมอาการ ระยะเวลาการรักษาขึ้นอยู่กับอาการคนไข้เป็นสำคัญ ในคนไข้บางราย 1 ปี อาจมาพบหมอแค่ 2-4 ครั้งเท่านั้น ไม่ต้องอยู่โรงพยาบาลตลอด
2. ยาหลักที่นิยมใช้รักษาและได้ผลดี คือ lithium ควบคุมอาการ mania ได้ดีมาก แต่ผู้ป่วยอาจต้องใช้ยาเป็นระยะเวลานาน เนื่องจากโรคนี้อาจเป็น ๆ หาย ๆ ได้ ตัวยายังสามารถป้องกันได้ทั้งอาการ mania และอาการซึมเศร้า ยาอื่น ๆ ที่ได้ผลดี ได้แก่ valproate, carbamazepine, lamotrigine, gabapentin และ topiramate
3.สำหรับอาการซึมเศร้าตอบสนองดีต่อยา clozapine, olanzapine, risperidone, quetiapine และ ziprasidone
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุด คนรอบข้างต้องเข้าใจในผู้ป่วยที่เป็นภาวะเช่นนี้ด้วย ตัวผู้ป่วยเองก็ต้องดำเนินชีวิตในทางสายกลาง ควบคุมเวลานอนหลับให้เพียงพอ อย่างน้อยก็วันละ 6-8 ชั่วโมง พยายามหาวิธีแก้ปัญหาและลดความเครียด และอย่าใช้ยากระตุ้นหรือสารมึนเมา เช่น เหล้า หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูง
ถ้ามีผู้ป่วยในครอบครัว คนรอบตัวต้องเข้าใจและช่วยกันป้องกันผู้ป่วยในช่วงก่อนโรคกำเริบรุนแรง เพราะว่ามีโอกาสกลับไปเป็นซ้ำอีก ช่วงอายุที่มีโอกาสเป็นโรคอารมณ์แปรปรวนมากที่สุด คือ 15-25 ปี กลุ่มนี้จะเริ่มต้นด้วยอาการขยันผิดปกติ หรือที่เรียกว่า "ไฮเปอร์แอ็คทีฟ" ต่อมา บางช่วงของการเจ็บป่วยก็จะเปลี่ยนเป็นซึมเศร้า เป็นมาก ๆ อาจถึงขั้นฆ่าตัวตาย
 https://health.kapook.com/view533.html
สรุปแล้วโรคนี้รักษาได้ หากคนรอบตัวมีอาการผิดปกติทางอารมณ์อย่างที่บอกมา ควรพาไปพบแพทย์เพื่อให้วินิจฉัย เพื่อจะได้รีบรักษาให้ผู้ป่วยสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติเหมือนคนทั่วไป จะช่วยลดความสูญเสียทางด้านหน้าที่การงาน และเงินทอง เวลาผู้ป่วยมีอาการ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความรุนแรง เป็นปัญหาสังคมได้
"ขอให้ทุกคนทุกท่านมีความสุขกับการอ่านมากๆครับ ขอบคุณทุกคนสำหรับการติดตามอ่านนะครับ ขอบคุณครับ
.
ขอขอบคุณข้อมูลจาก - นพ.วรวุฒิ เจริญศิริ, ศูนย์ข้อมูลสุขภาพกรุงเทพ - ผศ. นพ.สเปญ อุ่นอนงค์ https://health.kapook.com
.
76
« Last post by ppsan on 08 November 2025, 19:17:59 »
โรคไบโพลาร์ (อารมณ์สองขั้ว) คืออะไร?
https://www.blockdit.com/posts/60117f8839c75b0d0a0da28d
Wasabi 28 ม.ค. 2021 เวลา 06:00 • สุขภาพ
โรคไบโพลาร์ (อารมณ์สองขั้ว) คืออะไร?
อะไรทำให้เกิดโรคไบโพลาร์?
 โรคไบโพลาร์ (อารมณ์สองขั้ว) คืออะไร?
คำว่าไบโพลาร์ เป็นโรคที่มีความผิดปกติทางอารมณ์สองแบบเปลี่ยนแปลงไปมาสลับกัน คือ อารมณ์ดีหรือก้าวร้าวผิดปกติ (mania) และอารมณ์ซึมเศร้าผิดปกติ
.
อะไรทำให้เกิดโรคไบโพลาร์
เกิดจากโรคสารเคมีในสมอง
นักวิจัยคิดว่าปัจจัยที่สำคัญคือ การเรียงของเส้นสายในสมองที่ซับซ้อนกัน
สมองที่แข็งแรงจะรักษาความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเซลล์ประสาท ความพยายามอย่างต่อเนื่องของสมองในการตัดแต่งตัวเอง และขจัดการเชื่อมต่อระบบประสาทที่ไม่ได้ใช้ หรือบกพร่อง
กระบวนการนี้มีความสำคัญ เนื่องจากเส้นทางประสาทของเราทำหน้าที่เป็นแผนที่ สำหรับนำทางทุกสิ่งที่เราทำ จากการใช้การสร้างภาพด้วยเรโซแนนซ์แม่เหล็ก
นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าความสามารถในการตัดแต่งกิ่งของสมองจะกระจัดกระจาย ในผู้ป่วยไบโพลาร์ นั่นหมายความว่าเซลล์ประสาท ของพวกเขายุ่งเหยิง และสร้างเครือข่ายที่ไม่สามารถนำทางได้ มีเพียงสัญญาณเดียวที่ทำให้เกิดความสับสนเป็นแนวทางเท่านั้น
ผู้ป่วยไบโพลาร์พัฒนาความคิดและพฤติกรรมที่ผิดปกติ รวมทั้งอาการทางจิต เช่น คำพูดและพฤติกรรมที่ไม่เป็นระเบียบ ความคิดหลงผิด หวาดระแวง และประสาทหลอน สามารถเกิดขึ้นได้ในช่วงที่อาการของโรคไบโพลาร์รุนแรงขึ้น นี่เป็นผลมาจากการที่สารสื่อประสาทที่เรียกว่าโดพามีนมีมากเกินไป
"แม้จะมีข้อมูลเชิงลึก แต่เราไม่สามารถปักธงได้ว่าโรคไบโพลาร์เกิดจากสาเหตุเดียว ในความเป็นจริง มันเป็นปัญหาที่ซับซ้อน"
.
มีโรคไบโพลาร์มีหลากหลายประเภท ลองมาดูกันสัก 2 ประเภท
ประเภทที่ 1 : มีความคิดฟุ้งซ่านมาก
อาการ
- มั่นใจในตัวเองมาก
- นอนน้อยแต่มีแรงเพิ่มไม่เพลีย
- พูดเร็ว พูดมาก หรือ พูดไม่หยุด
- ความคิดแล่นเร็ว
- สมาธิลดลง
- มีกิจกรรมมากผิดกว่าปกติ
- การตัดสินใจไม่เหมาะสม
ประเภทที่ 2 : จะมีภาวะอารมณ์ดีกว่าปกติในระยะเวลาสั้น ๆ สลับกับภาวะซึมเศร้าเป็นเวลานาน
อาการ
- หม่นหมอง - ขาดความสนใจในงานอดิเรก - รู้สึกไร้ค่า หรือรู้สึกผิดอย่างรุนแรง - การนอนที่อาจจะมากไป หรือน้อยไป - หุนหันพลันแล่น หรือเชื่องช้า - หรือมีความคิดอยากตายอยู่เรื่อย ๆ
.
ผลกระทบ
ทั่วโลก ผู้ใหญ่ประมาณหนึ่งถึงสามเปอร์เซ็นต์ ประสบกับอาการหลากหลาย
ที่บ่งชี้ถึงถึงโรคไบโพลาร์ คนส่วนใหญ่เหล่านี้มีหน้าที่การงานและมีส่วนร่วมในสังคม และชีวิต ตัวเลือก และความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ได้ถูกกำหนดโดยความผิดปกติ แต่สำหรับหลาย ๆ คนผลกระทบยังคงเป็นเรื่องร้ายแรง
ความเจ็บป่วยอาจทำให้ประสิทธิภาพในการเรียนและการทำงานลดลง ความสัมพันธ์ ความมั่นคงทางการเงิน และความปลอดภัยส่วนตัว
.
การปฏิบัติเมื่อเป็นไบโพลาร์
1. นอนพักผ่อนให้เพียงพอ
2. ดูแลสุขภาพ เช่น ออกกำลังกาย หลีกเลี่ยงสุรา และสารเสพติด
3. ทานยาตามแพทย์สั่ง
4. หมั่นสังเกตอาการตนเอง เรียนรู้อาการแรกเริ่ม และรีบไปพบแพทย์
5. บอกคนใกล้ชิดให้ช่วยสังเกตและพาไปพบแพทย์
.
การปฏิบัติต่อผู้ป่วยที่เป็นไบโพลาร์
1. เข้าใจผู้ป่วย
2. ให้ผู้ป่วยรับประทานยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
3. สังเกตอารมณ์ของผู้ป่วย และรีบพาไปพบแพทย์
4. ช่วยควบคุมการใช้จ่าย และพฤติกรรมที่เสี่ยงต่ออันตราย
5. เมื่อผู้ป่วยหายจากอาการ ไม่ควรหยุดยาก่อนไปปรึกษาแพทย์
.
รักษา
โรคไบโพลาร์เป็นโรคเรื้อรัง ต้องทานยาในการรักษาเท่านั้น
#สาระจี๊ดจี๊ด ไบโพลาร์ไม่ใช่โรคที่ร้ายแรง แต่เป็นโรคที่อาจะส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของตนเองและคนรอบข้าง
#สาระจี๊ดจี๊ด หากรู้ว่าเป็นไบโพลาร์ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด
#Wasabi ขอเพียงมีส่วนเล็ก ๆ ที่ช่วยให้คุณ! "เจริญเติบโต ก้าวหน้า สำเร็จ อย่างภาคภูมิใจ"
.
แหล่งที่มา https://www.ted.com/talks/helen_m_farrell_what_is_bipolar_disorder https://youtu.be/zzwIgaHKoKA
.
77
« Last post by ppsan on 08 November 2025, 19:16:14 »
What is Depression? (โรคซึมเศร้า) คืออะไร?
https://www.blockdit.com/posts/6008889fe139981c326723a7
Wasabi 21 ม.ค. 2021 เวลา 11:02 • สุขภาพ
What is Depression? (โรคซึมเศร้า) คืออะไร?
อารมณ์เศร้า Vs โรคซึมเศร้า
โรคซึมเศร้าเกิดจากอะไร?
สาเหตุของโรคซึมเศร้า
การรักษาโรคซึมเศร้า
 What is Depression?
Depression หรือ โรคซึมเศร้า คือ อาการผิดปกติของสารเคมีในสมอง ที่ไม่สามารถหายได้ง่าย ๆ มันจะยังคงอยู่ต่อเนื่องอย่างน้อย 2 สัปดาห์
ส่งผลกระทบต่อชีวิตการทำงาน การเข้าสังคม หรือแม้กระทั่งชีวิตคู่
บางคนมักจะสับสนว่าตัวเองนั้นเป็นโรคซึมเศร้า หรือเป็นเพียงแค่อารมณ์ความเศร้า? อารมณ์ความเศร้านั้นจะเป็นความรู้สึกหดหู่ เศร้า ซึ่งอาจเกิดจาก สอบไม่ได้ เกรดไม่ดี ตกงาน ถูกเลิกจ้าง ทะเลาะเบาะแว้งมีปากเสียง หรือเกิดขึ้นโดยไม่รู้สาเหตุ แต่เมื่อสภาวะแวดล้อมเปลี่ยนไปอารมณ์เศร้าก็จะจางหายไปด้วย
โรคซึมเศร้าจะต่างออกไป คือ...
จะมี... อารมณ์หดหู่ เศร้าหมอง ขาดความสนใจในกิจกรรมที่เคยชอบทำ ความอยากอาหารที่เปลี่ยนไปจากเดิม รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า หรือรู้สึกผิดรุนแรง มีอาการนอนไม่หลับ หรือนอนหลับมากเกินไป ไม่มีสมาธิ อยู่ไม่สุข กระวนกระวาย หรือทำกิจกรรมอย่างเชื่องช้า รู้สึกไม่มีแรง ครุ่นคิดเรื่องฆ่าตัวตาย
!! หากคุณมีอาการข้างต้นนี้อย่างน้อย 5 !! คุณอาจจะเป็นโรคซึมเศร้าแล้วก็ได้
.
โรคซึมเศร้าเกิดจากอะไร?
โรคซึมเศร้าเกิดความผิดปกติหลายอย่าง
- ความผิดปกติ ของการหลั่งสารสื่อประสาทบางชนิด โดยเฉพาะ เซโรโทนิน นอร์อีพิเนฟริน และโดพามีน
- ระบบนาฬิกาชีวิต (Circadian Rhythms) รวน - ความผิดปกติของการนอนในระยะหลับฝัน (REM) และระยะหลับลึก (Slow-wave)
- ความผิดปกติของฮอร์โมนต่าง ๆ เช่น ระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลที่สูงขึ้น
- การทำงานผิดปกติของต่อมไทรอยด์
.
สาเหตุของโรคซึมเศร้า
เกิดจากทั้งพันธุกรรมและสภาพแวดล้อม แต่อย่างไรก็ตาม เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าอาการของโรคซึมเศร้านั้นจะเกิดขึ้นตอนไหน เวลาใด คนที่ข้างนอกดูปกติแต่บางทีเขาอาจจะกำลังเป็นโรคซึมเศร้าอยู่ก็ได้
การรักษา
การกินยาบำบัดเพื่อปรับระดับสารเคมีในสมอง ส่วนรายที่มีอาการหนัก ก็จะใช้วิธีการช็อตไฟฟ้า (electroconvulsive therapy) ซึ่งจะทำให้เกิดการชักในระดับพอเหมาะ ในสมองของผู้ป่วย ก็ได้ผลเป็นอย่างดี วิธีการรักษาใหม่ ๆ เช่น การกระตุ้นสมองด้วยสนามแม่เหล็ก (transcranial magnetic stimulation) ก็กำลังมีการศึกษาวิจัยกันอยู่
หากคนใกล้ตัวมีอาการหรือเป็นโรคซึมเศร้าอยู่ คุณอาจจะจะเป็นคนที่คอยช่วยอาสา หรือพาเขาไปรักษา
เพราะบางครั้งแล้ว คนที่เป็นโรคซึมเศร้า การไปหาหมอในครั้งแรกอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย หากเกิดเขารู้สึกผิดหรืออาย ก็บอกไปว่าโรคซึมเศร้า เป็นภาวะความเจ็บป่วยอย่างหนึ่ง เหมือนอย่างโรคหืดหอบ หรือโรคเบาหวาน ไม่ใช่ ปมด้อย หรือลักษณะอุปนิสัย และก็ไม่ควรไปหวังลม ๆ แล้ง ๆ ว่า มันจะหายเอง เหมือนกับที่คุณรู้ว่า... "แขนที่หักนั้นไม่สามารถหายได้เอง"
#สาระจี๊ดจี๊ด การพูดคุยเกี่ยวกับอาการโรคซึมเศร้า แบบตรงไปตรงมาอาจช่วยได้ อย่างเช่น งานวิจัยแสดงให้เห็นว่า การถามคน ๆ นึง ถึงเรื่องความคิดฆ่าตัวตาย ช่วยลดโอกาสที่เขาจะลงมือทำมันจริง ๆ การพูดคุยแบบเปิดอกเกี่ยวกับการเจ็บป่วยทางจิต ช่วยลดความเข้าใจที่ผิดในสังคมได้ ซึ่งทำให้ผู้ป่วยรู้สึกกล้าที่จะขอความช่วยเหลือ ยิ่งมีผู้ป่วยมาเข้ารับการรักษามาเท่าไร ข้อมูลเกี่ยวกับโรคซึมเศร้า ก็จะยิ่งมีมากขึ้น การรักษาก็จะยิ่งมีประสิทธิภาพ มากขึ้นตามไปด้วย
สรุปหนังสือ ซึมเศร้า...เล่าได้ https://www.blockdit.com/posts/5fd2a230147a7b0cd39a62cf
#Wasabi ขอเพียงมีส่วนเล็ก ๆ ที่ช่วยให้คุณ! "เจริญเติบโต ก้าวหน้า สำเร็จ อย่างภาคภูมิใจ"
.
แหล่งที่มา https://www.youtube.com/watch?v=z-IR48Mb3W0
.
#สาระจี๊ดจี๊ด #Wasabi #ความรู้ขึ้นสมอง
.
78
« Last post by ppsan on 08 November 2025, 19:14:45 »
5 โรคสำคัญทางจิตเวช ที่คนไทยควรรู้
https://www.blockdit.com/posts/650482aefc15d89fcee4302b
เจ้าหนูจำไม 15 ก.ย. 2023 เวลา 23:13 • สุขภาพ
5 โรคสำคัญทางจิตเวช ที่คนไทยควรรู้

5 โรคสำคัญทางจิตเวช ที่คนไทยควรรู้
ปัจจุบันคนไทยที่ป่วยด้วยโรคจิตเวชมีไม่น้อย ขณะที่ผู้ป่วยบางรายรู้ตัวว่าตนเองป่วย บางรายก็ไม่รู้ตัว ที่สำคัญไปกว่านั้น ผู้ป่วยบางรายยังสับสนในอาการป่วยทางจิตเวชบางโรค และเข้าใจผิดคิดว่าตนเองป่วยเป็นโรคทางกาย แต่เมื่อทำการตรวจร่างกายจะไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใด จึงจำเป็นต้องให้ความรู้เกี่ยวกับโรคจิตเวช เพื่อให้ผู้ป่วยได้สังเกตตนเอง รวมถึงการสังเกตคนรอบข้างว่าเข้าข่ายเป็นผู้ป่วยหรือไม่ สู่การรับมือและการรักษาที่ถูกต้อง โดยครั้งนี้เป็นการนำเสนอ 5 โรคจิตเวชสำคัญที่คนไทยควรรู้
1. โรคแพนิก
โรคแพนิกเป็นโรคตื่นตระหนก เกิดขึ้นจากระบบประสาทอัตโนมัติมีการทำงานที่ไวต่อสิ่งกระตุ้น ทำให้มีอาการแพนิก ได้แก่หัวใจเต้นเร็ว หายใจติดขัด จุกแน่น เวียนศีรษะ คล้ายจะเป็นลม หรือเหมือนกับจะถึงชีวิต โดยการเกิดครั้งแรกจะเกิดขึ้นเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ที่มีเรื่องกดดันหรือถูกกระตุ้นให้ตื่นตัว เช่น เกิดขึ้นตอนกำลังจะขับรถขึ้นทางด่วน ทำให้ผู้ป่วยไม่กล้าขึ้นทางด่วน เป็นต้น
และเมื่อมีครั้งที่ 1 มักมีครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 ตามมาเรื่อย ๆ กล่าวคือเมื่อเจอกับสถานการณ์กระตุ้นนั้นอีกครั้ง ก็จะมีอาการแพนิกเกิดขึ้นอีก อาการแพนิกแต่ละครั้งจะเป็น 10-20 นาที เมื่อหายก็จะหายปกติเลย
ความสำคัญของโรค เนื่องจากยังมีผู้ป่วยบางรายไม่รู้จักหรือยังขาดความรู้เกี่ยวกับโรคแพนิก เมื่อมีอาการมักเข้าใจผิดและคิดว่าตนเองเป็นโรคทางกาย เช่น โรคหัวใจ แต่เมื่อพบแพทย์แล้วตรวจคลื่นหัวใจจะพบว่าร่างกายปกติทุกอย่าง และอาจต้องใช้เวลาอยู่นานกว่าจะรู้ตัวว่าตนเองป่วยด้วยโรคแพนิก ถือเป็นอีกหนึ่งโรคที่คนไทยควรทำความรู้จัก
อาการของโรคแพนิก
มีอาการแพนิกเกิดขึ้นบ่อย ๆ โดยคาดไม่ได้ว่าจะเกิดเมื่อไร หลังจากมีอาการแพนิก จะมีอาการต่อไปนี้ตามมาเป็นเวลานานอย่างน้อย 1 เดือน
กังวลอยู่ตลอดเวลาว่าจะมีอาการเกิดขึ้นมาอีก หรือกลัวผลที่ตามมา เช่น ควบคุมตนเองไม่ได้ เป็นบ้า มีพฤติกรรมเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน โดยเกี่ยวเนื่องกับการมีอาการนี้ เช่น ไม่กล้าไปไหนถ้าไม่มั่นใจว่าจะมีคนช่วยได้ไหม หมกมุ่นกังวลกลัวเป็นโรคหัวใจ
2. โรคซึมเศร้า
ผู้ที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าจะมีอาการหดหู่ ท้อแท้ เบื่อหน่าย รู้สึกไม่มีคุณค่าในตนเอง บางรายอาจไม่รู้สึกเศร้าแต่จะเบื่อหน่ายทุกอย่างรอบตัว และไม่รู้จะอยู่ต่อไปเพื่ออะไร ความสำคัญของโรคนี้คือผู้ป่วยที่ไม่ได้รับการรักษามีความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายสูง หากมีอาการของโรคซึมเศร้านานเกิน 2 สัปดาห์ ควรพบแพทย์เพื่อประเมินว่าเป็นโรคซึมเศร้าหรือไม่
อาการของโรคซึมเศร้า
อารมณ์เปลี่ยนแปลงไป – เศร้า หดหู่ สะเทือนใจง่าย ร้องไห้บ่อย
ความคิดเปลี่ยนแปลง – มองทุกอย่างแย่ไปหมด รู้สึกไร้คุณค่าในตนเอง หรือคิดว่าตนเองเป็นภาระของผู้อื่น มองเห็นแต่ความผิดพลาดของตนเอง รู้สึกสิ้นหวัง อาจมีความคิดอยากตาย
สมาธิความจำแย่ลง – หลงลืมง่าย จิตใจเหม่อลอย ประสิทธิภาพการทำงานลดลง
มีอาการทางร่างกายต่าง ๆ – อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ปวดหัว เมื่อยตัว
3. โรคจิตเภท
ผู้ป่วยจะมีอาการประสาทหลอน หูแว่ว มีภาพหลอนเกิดขึ้น และจะแสดงออกโดยการพูดคนเดียว หัวเราะคนเดียว มีความหลงผิดหรือหวาดระแวง เป็นนานเกิน 6 เดือน หากเป็นแล้วไม่รักษาตั้งแต่ต้น หรือปล่อยทิ้งไว้นาน จะทำให้การรักษามีความยุ่งยาก และผลการรักษาไม่ดีนัก โรคจิตเภทเป็นโรคเรื้อรัง
การรักษาจะช่วยให้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น แต่จะต้องใช้ยาไปตลอดชีวิต ปัญหาของโรคนี้คือผู้ป่วยบางรายเมื่อพบว่าตนเองอาการดีขึ้น มักคิดว่าหายแล้วและหยุดใช้ยา ทำให้อาการกำเริบขึ้นมาอีก โดยอาการมักเกิดขึ้นเมื่อหยุดยาไปเป็นเวลาหลาย ๆ เดือน เช่น 6-7 เดือน ผู้ป่วยจะต้องทำการเริ่มต้นรักษาใหม่ทั้งหมด
4. โรคไบโพลาร์หรือโรคอารมณ์สองขั้ว
โรคไบโพลาร์หรือโรคอารมณ์สองขั้ว เป็นความผิดปกติทางอารมณ์ของผู้ป่วยมีลักษณะอารมณ์เปลี่ยนแปลงไปมาระหว่าง ช่วงซึมเศร้าและช่วงที่อารมณ์ดีเกินปกติ (ช่วงแมเนีย) โดยในช่วงซึมเศร้าจะมีอาการหดหู่ ท้อแท้ สิ้นหวัง อาการช่วงนี้จะเหมือนผู้ป่วยโรคซึมเศร้า อาการจะคงอยู่ติดต่อกันนานหลายเดือนแล้วหายไปเหมือนคนปกติก่อนจะเข้าสู่ช่วงอาการแมเนีย ซึ่งจะมีอารมณ์คึกคัก มีพลัง อยากทำหลายอย่าง
กระฉับกระเฉง นอนน้อย ใจดี มนุษยสัมพันธ์ดี อารมณ์ดี แต่มีปัญหาในเรื่องของการควบคุมอารมณ์ของตนเอง บางรายพบว่าอยากทำอะไรแล้วต้องได้ทำทันที เช่น อยากไปเที่ยวต่างประเทศ ก็จัดการจองตั๋วเลยทั้งที่ยังไม่ทันลางาน เมื่อมีคนขัดใจผู้ป่วยจะฉุนเฉียวมาก หงุดหงิดง่าย ควบคุมอารมณ์ตนเองไม่ได้เลย
ลักษณะอาการช่วงซึมเศร้าของโรคไบโพลาร์
มีอารมณ์ซึมเศร้าเป็นส่วนใหญ่ของวัน แทบทุกวัน มีความสนใจหรือความสุขในกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งหมดหรือแทบทั้งหมดลดลงอย่างมาก เป็นส่วนใหญ่ของวัน แทบทุกวัน น้ำหนักลดลงหรือเพิ่มขึ้นอย่างมีความสำคัญ เบื่ออาหารหรือเจริญอาหารแทบทุกวัน นอนไม่หลับ หรือนอนหลับมากเกินไปแทบทุกวัน กระสับกระส่ายหรือเชื่องช้าแทบทุกวัน
อ่อนเพลีย หรือไร้เรี่ยวแรงแทบทุกวัน รู้สึกตนเองไร้ค่า หรือรู้สึกผิดอย่างไม่เหมาะสม แทบทุกวัน สมาธิหรือความสามารถในการคิดอ่านลดลง หรือตัดสินใจอะไรไม่ได้ แทบทุกวัน คิดอยากตายอยู่เรื่อย ๆ อาการช่วงแมเนียของโรคไบโพลาร์
มีอารมณ์ครึกครื้น แสดงออกอย่างเต็มที่ หรือหงุดหงิดมากเกินปกติ รู้สึกว่าตนเองเก่ง หรือมีความสำคัญมาก ต้องการนอนลดลง ความคิดพรั่งพรู แล่นเร็ว มีพลัง มีกิจกรรมหรือโครงการที่อยากทำหลายอย่าง วอกแวก สนใจไปทุกอย่าง หุนหันพลันแล่น ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย พูดมากหรือพูดไม่หยุด ไม่ตระหนักว่าตนเองผิดปกติไปจากเดิม
5. โรคสมองเสื่อม
พบมากในคนที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ในคนที่ป่วยเป็นโรคสมองเสื่อมจะไม่ใช่คนที่หลงลืมในลักษณะใจลอย เช่น วางกุญแจไว้แล้วลืมว่าตนเองวางไว้ตรงไหน แบบนั้นเป็นอาการใจลอย สมาธิไม่ได้อยู่กับเรื่องที่ทำ ณ ขณะนั้น อาจมัวคิดถึงเรื่องอื่นอยู่ในขณะที่วางกุญแจ ทำให้หลงลืม แต่ไม่ได้ป่วยเป็นโรคสมองเสื่อม โดยโรคนี้จะมีลักษณะคือไม่สามารถจดจำสิ่งที่เรียนรู้ใหม่ได้ หรือสามารถเล่าเรื่องในอดีตได้ แต่ไม่สามารถจำได้ว่าเมื่อเช้ากินอะไรมา เป็นต้น
การสังเกตคนรอบข้างที่มีอาการเกี่ยวข้องกับโรคจิตเวชเป็นเรื่องสำคัญ หากพบความผิดปกติของคนรอบข้าง ที่มีลักษณะเป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิต เช่น ไม่สามารถไปทำงานได้ มีปัญหาด้านสัมพันธภาพกับผู้อื่น พฤติกรรมเปลี่ยนไปจากเดิม ลองให้คำปรึกษาก่อน หากพบว่าไม่ดีขึ้น ควรพาไปพบแพทย์
.
79
« Last post by ppsan on 08 November 2025, 09:38:23 »
https://www.blockdit.com/posts/63dc86bbf8e482c8565c584d
Another Side of S'thing 3 ก.พ. 2023 เวลา 10:59 • ความคิดเห็น
[เป็นคนร้องไห้ได้ง่าย ควรเเก้ยังไงดีคะ ?]
.
การร้องไห้เป็นกลไกหนึ่งของร่างกายค่ะ เมื่อสมดุลอารมณ์เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน ต่อมน้ำตาของคนเราที่อยู่ใกล้กับกลีบสมองส่วนที่รับรู้และควบคุมความรู้สึก ต่อมน้ำตาจะผลิดน้ำออกมาเพื่อลดแรงดันที่เป็นอันตรายต่อสมอง
นี่เป็นคำอธิบายในเชิงวิทยาศาสตร์ค่ะ จะเห็นได้ว่าร่างกายของคนเราฉลาดมากๆๆๆ
การฮึบไว้ ไม่ร้องออกมา อาจจะไม่ใช่เรื่องดี แม้ร่างกายเราจะฉลาดแค่ไหน แต่บางทีเราก็ไม่ค่อยชอบ
เมื่อคิดอะไรซ้ำๆสมองเราจะเกิดร่องความคิดแบบนั้น ปฏิกิริยาท่าทีที่เราตอบสนองต่อสิ่งที่เกิด เป็นไปโดยอัตโนมัติจนเราแทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ วิถีทางพุทธคือหมั่นรู้ตัวบ่อยๆค่ะ ฝึกสมองให้หยุดแค่ "การรับรู้" การไม่ปรุงแต่งจะทำให้เราเบรกความรู้สึกได้ค่ะ
ไม่รู้ว่าจะเข้าใจรึเปล่า แต่ลองปฏิบัติดูค่ะ
.
80
« Last post by ppsan on 08 November 2025, 09:37:33 »
https://www.blockdit.com/posts/63dca551f8e482c85679383e
Sun Roj 3 ก.พ. 2023 เวลา 13:10 • ความคิดเห็น
[เป็นคนร้องไห้ได้ง่าย ควรเเก้ยังไงดีคะ ?]
.
ให้เฉพาะคิดถึง คนที่เรารักและ/หรือเคารพเท่านั้น ถ้าเป็นเรื่องขี้หมา บ่อน้ำตาตื้นก็ให้ปิดห้องร้องอย่าให้ใครเห็น(อย่างผม)
.
Pages: 1 ... 6 7 [8] 9 10
|