ที่มาของเพลง ‘หยาดเพชร’

1 Hour 1 Day 1 Week 1 Month Forever
Login with username, password and session length

ที่มาของเพลง ‘หยาดเพชร’

https://www.thepeople.co/culture/music/35151

culture
music
12 ก.ค. 2564 | 17:28 น.

ที่มาเพลง ‘หยาดเพชร’ ที่ ‘ชรินทร์ นันทนาคร’ ร้องขอความรักจาก ‘เพชรา เชาวราษฎร์’



เปรียบเธอเพชรงามน้ำหนึ่ง
หวานปานน้ำผึ้งเดือนห้า
หยาดเพชร เกล็ดแก้วแววฟ้า
ร่วงมาจากฟ้าหรือไร

แม้เห็นเพียงตัวอักษรราวกับกำลังอ่านบทร้อยกรอง แต่เชื่อว่าใครหลายคนคงเผลอใส่ทำนองเข้าไปโดยไม่รู้ตัว เพราะถึงเวลาจะผ่านไปเกือบ 60 ปี เพลง ‘หยาดเพชร’ ก็ยังคงความเป็นอมตะด้วยดนตรีแห่งความเสน่หาออดอ้อน และเนื้อร้องที่เปี่ยมล้นไปด้วยความรักอันหวานซึ้งของนักร้องเพลงไทยสากล ผู้มีลูกเอื้อนเป็นเอกลักษณ์อย่าง ‘ชรินทร์ นันทนาคร’ ที่ตั้งใจร้องจีบนางเอกนัยน์ตาหยาดน้ำผึ้ง ‘เพชรา เชาวราษฎร์’ ในภาพยนตร์เรื่อง ‘เงิน เงิน เงิน’ (2508)

ตั้งแต่ท่อนแรกที่เอ่ยถึงเธอผู้เป็น ‘เพชรงามน้ำหนึ่ง’ ผู้ฟังในยุคนั้นคงจะนึกขึ้นได้ทันทีว่า ที่มาของเพลงหยาดเพชรเกิดจากการที่ชรินทร์แอบหลงรักเพชรา และได้ขอให้ครู ‘ชาลี อินทรวิจิตร’ ปรมาจารย์นักประพันธ์คำร้องช่วยแต่งเพลงเพื่อมอบให้กับเธอ

โดยครูชาลีเล่าว่า เขาแต่งเพลงนี้ให้ชรินทร์เป็นผู้ขับร้อง เพราะหลังจากที่ชรินทร์เลิกกับภรรยาคนแรกอย่าง ‘สปัน เธียรประสิทธิ์’ เขาก็ได้หลงรักเพชราเรื่อยมา จนมีโอกาสร่วมงานกันในภาพยนตร์เรื่องเงิน เงิน เงิน ของบริษัทละโว้ภาพยนตร์ ซึ่งมี ‘มิตร ชัยบัญชา’ และเพชราเป็นนักแสดงนำ

แม้ในตอนนั้นครูชาลีจะมีภารกิจแต่งเพลงให้หลายบริษัท แต่ด้วยความมุ่งมั่นของชรินทร์ ครูชาลีจึงช่วยสานต่อให้สมหวัง พร้อมได้ครู ‘สมาน กาญจนะผลิน’ ช่วยประพันธ์ทำนอง

“ผมบอกเขาว่า ร้องให้ดีนะ ร้องแล้วคงรู้ว่าผมหมายถึงใคร... จนในที่สุด ชรินทร์ก็สมหวังในชีวิตรัก”

ดังท่อนที่ร้องว่า “เอื้อมมือคว้าหยาดเพชรแก้ว เผลอรักแล้วจึงฝันใฝ่” ความฝันใฝ่ดังกล่าวทำให้ชรินทร์ใช้ทุกโอกาสเพื่อเข้าหาคนที่เขารัก รวมไปถึงการเอาใจ ‘ดอกดิน บรรจง กัญญามาลย์’ ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่อง ‘ฝนแรก’ (2506) ซึ่งมีเพชราเป็นนักแสดงนำ

ครูชาลีเล่าว่า ก่อนหน้าที่จะแต่งเพลงหยาดเพชร เขาก็ต้องแต่งเพลง ‘หยาดฝนแรก’ เพื่อประกอบภาพยนตร์ของดอกดินตามที่ชรินทร์อ้อนวอน เนื่องจากชรินทร์หลงรักเพชรา จึงได้พยายามเอาใจดอกดินเช่นเดียวกัน

จวบจนถึงปัจจุบัน ผลลัพธ์ของรักแท้ที่สมดังหวังทำให้ชรินทร์และเพชราได้ใช้ชีวิตคู่ร่วมกันมากว่า 46 ปี นับตั้งแต่เข้าพิธีวิวาห์ในปี 2518 และถึงแม้เพชราจะต้องเข้าสู่ช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในชีวิต เนื่องจากดวงตาของเธอไม่อาจมองเห็นอะไรได้อีก ชรินทร์ก็ได้พิสูจน์ให้เพชราเห็นถึงรักแท้อันบริสุทธิ์ งดงาม และมั่นคงของเขาด้วยการดูแลเธออยู่ไม่ห่าง

เรียกได้ว่า นอกจากเพชราจะเป็นอัญมณีอันล้ำค่าที่สุดของชรินทร์ อีกนัยหนึ่ง เขาก็คือ ‘หยาดเพชร’ ที่ส่องประกายอยู่ในชีวิตของเพชรา ไม่ต่างจากเนื้อร้องท่อนสุดท้ายที่ครูชาลีประพันธ์ไว้ว่า

หยาดเพชรหยาดละอองผ่องใส
แม้อยู่ในความมืดมน

เรื่อง วโรดม เตชศรีสุธี
อ้างอิง
หนังสือเรื่อง ตำนานครูเพลง เพลงไทยสากล ลูกกรุง สำนักพิมพ์แสงดาว
เพลง หยาดเพชร จากเรื่องเงิน เงิน เงิน 2508 https://www.youtube.com/watch?v=Py5Lu1fRdKU
ที่มาภาพ
https://www.youtube.com/watch?v=Tx1DEW5eZs0
นิตยสาร ดาราภาพ ปี 2511

.

เส้นทางรัก...เพชรามาถึงวันนี้ที่มีแต่"ชรินทร์"

https://www.komchadluek.net/entertainment/31389



เส้นทางรัก...เพชรามาถึงวันนี้ที่มีแต่"ชรินทร์"

ได้รับความสนใจไม่น้อยสำหรับนางเอกเจ้าของฉายา “นัยน์ตาหยาดน้ำผึ้ง” เพชรา เชาวราษฎ์ กับการรับเป็นพรีเซ็นเตอร์เครื่องสำอาง ”มิสทิน”

 และยอมเผยโฉมหน้าเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี หลังมีปัญหาเรื่องสายตา จนต้องหยุดการแสดง หันหลังให้วงการบันเทิงเป็นเวลายาวนานถึง 3 ทศวรรษ หลังจากนั้นเธอได้แต่งงานอยู่กินกับ ชรินทร์ นันทนาคร นักร้องลูกกรุงชื่อดัง

 เรื่องราวความรักของเพชรา เชาวราษฎร์ ในยุคที่เธอโลดแล่นอยู่บนแผ่นฟิล์ม เคยถูกตีพิมพ์ลงในหนังสือ ”บันทึกรักของเพชรา เชาวราษฎ์ ดาราสาวนัยน์ตาหยาดน้ำผึ้ง” ของสำนักพิมพ์ ”การเวก” เรียบเรียงโดย ศิลา ยิ่งสุขวัฒนา เมื่อปี 2520

 หนังสือเล่มนั้น ได้บันทึกถึงเส้นทางความรักของเพชรา เริ่มขึ้นเมื่อมีเสี่ยเจ้าของอู่ต่อเรือใกล้บ้านมาสู่ขอเธอกับเตี่ยจนมีพิธีหมั้น อันใหญ่โตเกิดขึ้นในเวลาต่อมา และก่อนถึงวันแต่งงานราว 20 วัน เพชรา ตัดสินใจหนีงานแต่ง มากับหนุ่มนักศึกษา ที่แอบมาชอบพอ เข้ามาอยู่กรุงเทพฯ แต่ก็ไปได้ไม่นาน เพชราก็ต้องจบนิยายรักครั้งนี้ นอกจากนี้ ยังมีผู้ชายอีกหลายคน ที่แวะเวียนมาจีบเธอ เช่น ชายวัยกลางคนขับรถเก๋ง แต่เธอก็มิได้ใส่ใจ

 จากนั้น เพชรา ตัดสินใจ เก็บเสื้อผ้ากลับมาอาศัยอยู่ที่ระยองบ้านเกิด โดยที่พี่สาวหาห้องแถวละแวกใกล้ๆ บ้านให้ แต่เธอก็มิกล้าที่จะกลับบ้านไปหาเตี่ยและแม่ด้วยรู้ถึงความผิดที่ก่อขึ้น กระทั่งน้าสาวที่ทะเลาะกับสามี ก็รบเร้าให้เธอพาไปกรุงเทพฯ เพชราเดินทางเข้ากรุงเทพฯ อีกครั้ง คราวนี้พักอาศัยอยู่ที่ร้านเสริมสวยของพี่สาว เพชราจึงถูกทาบทามให้ลงประกวดนางงามในงานเมษาฮาวาย ซึ่งเธอคว้าตำแหน่งชนะเลิศ

 เมื่อความสวยที่มีอยู่เต็มตัวพ่วงท้ายด้วยตำแหน่งนางงาม ก็ไม่พ้นที่จะมีผู้ชายเดินเข้ามาขอแต่งงาน พร้อมยื่นข้อเสนอให้มากมาย มีอยู่คนหนึ่งที่เพชราเล่าไว้ในหนังสือ ”บันทึกรักเพชรา เชาวราษฎ์“ ว่า
“บางคนถึงขนาดเสนอที่ทาง ยกเว้นคือเรื่อง "จดทะเบียนสมรส”  แถมฝากงานเป็นโอเปอเรเตอร์ บริษัทฝรั่งย่านสุขุมวิท”

แต่ชีวิตคนพลิกผันเส้นทางอย่างตาลปัตรได้ในช่วงเวลาสั้นๆ เหมือนกัน โดยเฉพาะกับผู้หญิงสวยๆ อย่างคนชื่อเพชรา  เพราะวันหนึ่ง เธอได้รับการชักชวนจากศิริ ศิริจินดา  และ ดอกดิน กัญญามาลย์ ให้แสดงภาพยนตร์เรื่อง บันทึกรักพิมพ์ฉวี  เป็นเรื่องแรก โดยได้แสดงคู่กับ มิตร ชัยบัญชา พระเอกเนื้อหอมที่สุดในยุคนั้น โดยดอกดิน  เป็นผู้ตั้งชื่อว่า เพชรา เดิมชื่อ เอก เชาวราษฎร์ ให้ และ เจน จำรัสศิลป์ ที่ทำหนังสือบันเทิงฉบับหนึ่งเป็นคนตั้งสมญาให้เธอว่า “ดาราสาวนัยน์ตาหยาดน้ำผึ้ง” มิตร ชัยบัญชา แนะนำหลายสิ่งหลายอย่างให้แก่เพชรา ประกอบกับเล่นหนังด้วยกันมาหลายเรื่อง ทั้งคู่จึงคุ้นเคยกันมากขึ้นเรื่อยๆ และฝ่ายชายมักจะขับรถไปส่งเธอที่บ้าน ซึ่งเพชราเล่าถึงความดีของมิตรอยู่ตอนหนึ่งในหนังสือ

“คุณมิตรนี่เองทำตัวเป็นที่ปรึกษา โดยฉันไม่ต้องป้อนคำถาม เขาเกิดปีจอปีเดียวกับพี่ชายคนโตของฉัน และฉันก็รู้สึกนับถือเขาอย่างพี่ชาย แม้สัญชาตญาณของผู้หญิง จะบอกว่าอีกฝ่ายหนึ่งคิดมากกว่านั้น และมักทำหน้าที่เป็นเกราะคอยกันดาราระดับพระรองที่เข้ามาหมายใกล้ชิดฉัน”

หนังใหม่ๆ ยังมีมาให้เพชราเล่นอยู่อย่างต่อเนื่อง ความเป็นดาราจึงไม่วายที่จะถูกดึงเข้าไปสู่วังวนของข่าวลือระหว่างเธอกับผู้กำกับการแสดง แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี จนมี สตรีวัยกลางคนผู้หนึ่งบอกว่า มีท่านที่เธออ้างว่าเป็นคนใหญ่โตคนหนึ่งของในคณะผู้บริหารบ้านเมือง ที่ดูแลทั้งเรื่องทหาร เศรษฐกิจในขณะนั้น มายื่นข้อเสนอให้เป็นเด็กในอุปการะ ซึ่งเธอถูกพาไปเผชิญหน้ามาแล้วถึงกองพลแห่งหนึ่ง แต่เธอก็ได้แต่ฟังแต่ไม่เอออออะไร

มาถึงผู้ชายอีกคนหนึ่งที่ต่อมา คือผู้ดูแลและอยู่เคียงข้างเธอ มาจนถึงวันนี้ นั่นคือ ชรินทร์ นันทนาคร “พ่อม่าย” เสียงดีแห่งวงการเพลงลูกกรุง เพชรา เคยเล่าถึงชรินทร์ไว้
“ฉันผู้มีจุดอ่อนอันหนึ่ง ตรงที่ขี้สงสาร เมื่อเห็นใครบาดเจ็บถูกซ้ำเติมมา ก็อดไม่ได้ที่อยากเป็นแม่พระขึ้นมา โดยไม่รู้ตัว ฉันหรือจะพ้นจุดอันนั้น“ เพชราพูดถึงตัวเองเมื่อครั้งพบชรินทร์

ทว่าด้วยความเป็นนางเอกที่ไม่ค่อยเอื้อให้เป็นข่าว เธอกับชรินทร์จึงได้แต่เก็บความรู้สึกดีๆ นั้นไว้ในใจ แต่ก็มีหนังสือพิมพ์เขียนแซว ว่าที่ชรินทร์มากองถ่ายทุกวัน เพราะติดใจนางเอกคนอื่น ซึ่งเป็นแผนการเบนความสนใจให้พ้นตัวเพชรานั่นเอง

เมื่อ มิตร ชัยบัญชา ตระหนักถึงความสัมพันธ์ระหว่างเพชรา กับชรินทร์ เขาก็มักออกอาการฟึดฟัดออกมาให้เห็นอยู่เนืองๆ ยุคหนึ่งที่หนังกำลังภายในกำลังเป็นที่นิยม บริษัทอิสระในฮ่องกง ส่งตัวแทนมาติดต่อมิตรกับเพชราไปแสดงหนังจีน เรื่อง “อัศวินดาบกายสิทธิ์“ จนเพชราได้รู้จักกับ “เดวิด เจียง“ และได้รับของฝากเป็นตุ๊กตาสุนัขตัวโต พร้อมการ์ดที่มีข้อความระบุเสียดาย ที่ไม่ได้พาเธอเที่ยว จึงมอบของไว้ให้เป็นที่ระลึกแทน

เพชรากับมิตรเดินสายเล่นหนังด้วยกัน เรียกว่านับไม่ถ้วน จนวันสุดท้ายที่ได้เข้ากล้องแสดงหนังเรื่อง  "อินทรีทอง" การเข้าฉากครั้งนั้นของพระเอกคนดัง นับเป็นครั้งสุดท้าย เนื่องเพราะมิตรตกเครื่องบินเสียชีวิต จากแฟนหนังไปอย่างไม่มีวันกลับ

แม้เส้นทางรักของนางเอกนัยน์ตาหยาดน้ำผึ้งจะมีมากมาย ซึ่งมีทั้งหอมหวานและรันทด แต่ที่สุดแล้ว วันนี้พระเอกในโลกแห่งความเป็นจริงของเธอ มีอยู่เพียงหนึ่งเดียวคือ “ชรินทร์ นันทนาคร”

.

https://th.wikipedia.org/wiki/ชรินทร์_นันทนาคร

ชรินทร์ นันทนาคร   
บุญมัย งามเมือง 20 สิงหาคม พ.ศ. 2567 (91 ปี)

ชรินทร์ นันทนาคร (1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2476 – 20 สิงหาคม พ.ศ. 2567) ชื่อเล่น ฉึ่ง หรือ มัย เป็นนักร้อง นักแสดง ผู้กำกับภาพยนตร์ และผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ชาวไทย ได้รับการยกย่องจากคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (เพลงไทยสากล-ขับร้อง) ประจำปี พ.ศ. 2541 สมรสครั้งที่สองกับนางเอกภาพยนตร์ เพชรา เชาวราษฎร์

ชรินทร์ นันทนาคร เป็นผู้ริเริ่มร่วมสร้างสรรค์เพลง สดุดีมหาราชา ซึ่งส่งผลให้ได้รับรางวัลกิตติคุณสัมพันธ์ "สังข์เงิน" สาขาใช้ศิลป์สร้างสรรค์ให้เกิดความรักชาติและสถาบันพระมหากษัตริย์

ชรินทร์ นันทนาคร ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ที่ขับร้องเพลงไทยสากลผสมผสานกับเพลงไทยเดิม มีท่วงทำนองสูงต่ำเอื้อนด้วยน้ำเสียงที่มีเสน่ห์ชวนฟัง ออกเสียงอักขระได้ชัดเจน มีผลงานบันทึกแผ่นเสียงประมาณ 1,500 เพลง

ประวัติ
ชรินทร์ ศึกษาระดับประถมที่โรงเรียนดาราวิทยาลัย จบมัธยมการศึกษาจากโรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ และโรงเรียนอัสสัมชัญพาณิชยการ กรุงเทพมหานคร เริ่มฝึกหัดร้องเพลงกับ ไสล ไกรเลิศ และเริ่มร้องเพลงสลับละครเวทีเรื่อง นางไพร เมื่อ พ.ศ. 2492 ด้วยเพลงดวงใจในฝัน และเริ่มบันทึกแผ่นเสียงจำหน่ายเป็นครั้งแรก และตามด้วยเพลง อิเหนารำพัน เมื่อ พ.ศ. 2494 จากนั้นย้ายกลับไปเชียงใหม่ ทำงานที่บริษัทกมล-สุโกศล สาขาเชียงใหม่ แล้วสำนักงานใหญ่เรียกมาทำงานที่กรุงเทพฯ ทำตำแหน่งแผนกบัญชี แผนกต่างประเทศ ไปจนถึงแผนกแผ่นเสียง จากนั้นทำงานเป็นเลขานุกรมที่องค์การยูซ่อม (USOM)[4]

ผลงานของชรินทร์ นันทนาคร ที่สร้างชื่อเสียงเป็นที่นิยมสูงสุด ได้แก่ เพลงเรือนแพ, มนต์รักดอกคำใต้, หยาดเพชร, อาลัยรัก, ทาษเทวี, เด็ดดอกรัก, ผู้ชนะสิบทิศ, ที่รัก, นกเขาคูรัก, แสนแสบ, ท่าฉลอม, สักขีแม่ปิง, ทุยจ๋าทุย, เพราะขอบฟ้ากั้น ฯลฯ ได้รับรางวัลพระราชทานแผ่นเสียงทองคำจากเพลง อาลัยรัก ก่อนจะผันตัวไปเป็นผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ในนาม นันทนาครภาพยนตร์ เมื่อปี พ.ศ. 2508 ในเรื่อง เทพบุตรนักเลง จากนั้นจึงเริ่มกำกับภาพยนตร์ด้วยตัวเองเป็นครั้งแรกในเรื่อง สวรรค์วันเพ็ญ ซึ่งเป็นภาพยนตร์เรื่องที่ 4 ของนันทนาครภาพยนตร์เมื่อปี พ.ศ. 2512 มีผลงานในฐานะผู้ผลิตภาพยนตร์ทั้งหมดกว่า 19 เรื่อง โดยมีภาพยนตร์เรื่อง รักข้ามคลอง ที่ทำรายได้สูงที่สุด และภาพยนตร์ แผ่นดินแม่ ถือเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของประเทศไทยที่สร้างในระบบ 70 มม. แต่หลังจากนั้นก็เลิกทำหนังไปเหตุเพราะวงการหนังที่เปลี่ยนไปจึงเกิดความเบื่อ

ชรินทร์ นันทนาคร ได้รับพระราชทานนามสกุลจากพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ว่า "นันทนาคร" ซึ่งมีความหมายว่า "ผู้ให้ความรื่นรมย์แก่ชาวเมือง" ชรินทร์ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติจากคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติเป็น ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (เพลงไทยสากล - ขับร้อง) ประจำปี พ.ศ. 2541

ชีวิตส่วนตัว
ชรินทร์สมรสครั้งแรกกับสปัน เธียรประสิทธิ์ ซึ่งเป็นน้องสาวของปองทิพย์ ภรรยาของสุรัตน์ โอสถานุเคราะห์ ชรินทร์และสปันมีบุตรสาวสองคนคือ ปัญญ์ชลี เพ็ญชาติ (สมรสกับ เศรณี เพ็ญชาติเป็นมารดาของ ปวริศา เพ็ญชาติ) และปัญชนิตย์ นันทนาคร (สมรสกับสหัสชัย ชุมรุม เป็นมารดาของ ปัญญริสา เธียรประสิทธิ์)

ต่อมาชรินทร์ได้หย่าขาดสปัน และได้สมรสใหม่กับ เพชรา เชาวราษฎร์ อดีตนางเอกภาพยนตร์ชื่อดัง มีบุตรด้วยกัน 1 คน แต่เสียชีวิตตั้งแต่ยังเล็ก

ถึงแก่กรรม
ชรินทร์ถึงแก่กรรมเมื่อเวลาประมาณ 02:23 น. ของวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2567 ณ โรงพยาบาลตำรวจ กรุงเทพมหานคร[5] ในการนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ หีบลายก้านแย่ง กับทั้งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ผู้แทนพระองค์อัญเชิญพวงมาลาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว, สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง, สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี วางหน้าหีบศพ ซึ่งตั้ง ณ วัดธาตุทอง เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม[6] กำหนดสวดพระอภิธรรมระหว่างวันที่ 21-27 สิงหาคม[7] จากนั้นจะเก็บร่างไว้ 100 วัน เพื่อรอการพระราชทานเพลิงศพต่อไป[8]




"ชรินทร์ นันทนาคร" และ "รวงทอง ทองลั่นธม" ในฉากภาพยนตร์ไทยเรื่อง "สวรรค์วันเพ็ญ" พ.ศ. 2512 ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่ชรินทร์กำกับการแสดง และเป็นผู้อำนวยการสร้าง


ภาพปกแผ่นเสียงลองเพลย์ไทยตรามงกุฎ ของห้างแผ่นเสียงคาเธ่ย์ ที่ขายดีที่สุดในปี พ.ศ. 2503 - 2504 วาดปกโดย สมบูรณ์สุข นิยมศิริ (ศิลปินแห่งชาติ)

https://www.thairath.co.th/tags/ชรินทร์%20นันทนาคร



............

https://www.thairath.co.th/entertain/news/2809524
สิ้นตำนาน “ชรินทร์ นันทนาคร” จากไปด้วยโรคชรา คนบันเทิงร่วมอาลัย

สิ้นตำนานครูเพลงลูกกรุง! ชรินทร์ นันทนาคร ศิลปินแห่งชาติ เจ้าของบทเพลงดังมากมาย อาทิ เรือนแพ, หยาดเพชร ฯลฯ จากไปด้วยโรคชรา วัย 91 ปี โดยมี “คนบันเทิง” ร่วมโพสต์ไว้อำลาอาลัยต่อการจากไปเป็นครั้งสุดท้าย.



................