Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
User Info
Welcome, Guest. Please login or register.
02 August 2025, 15:30:46

Login with username, password and session length
Search:     Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ

http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
27,391 Posts in 13,361 Topics by 70 Members
Latest Member: KAN
Home Help Search Calendar Login Register
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...  |  Recent Posts

Recent Posts

Pages: 1 2 3 [4] 5 6 ... 10
31
"วิบากกรรม" ของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค และพรรครวมไทยสร้างชาติ


ชะตากรรมของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ถูกสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีหมายเรียกให้ไปชี้แจง กรณีการถือครองหุ้นอยู่ใน 4 บริษัท รวมทั้งเรื่องนำป้ายชื่อตัวเองไปติดถุงยังชีพที่ จ.นครศรีธรรมราช เป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพราะต้องลาออก ก่อนดำรงตำแหน่งฝ่ายบริหารและรัฐมนตรี

และในการแต่งตั้ง ค.ร.ม.ใหม่ ที่จะเกิดขึ้นในระยะนี้ หลายฝ่ายได้ท้วงติง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แล้วว่า ให้ตรวจสอบคุณสมบัติการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีของนายพีระพันธุ์ ให้ดีว่า เข้าข่ายขาดคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรีหรือไม่ ดังที่นักกฎหมายท่านหนึ่งกล่าวว่า

"การที่รัฐมนตรีคนใดคนหนึ่ง มีพฤติกรรมที่ขัดกับรัฐธรรมนูญแบบนี้ ย่อมไม่ได้เป็นปัญหาเฉพาะตัวของรัฐมนตรีเท่านั้น แต่จะมีปัญหาในการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง กระทบไปถึงสถานะการดำรงตำแหน่งของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่เสนอทูลเกล้าฯ อีกด้วย อีกทั้ง อาจมีผลลุกลามกระทบต่อสถานะ กก.บห.พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่นายพีระพันธุ์ฯดำรงตำแหน่ง เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง ตาม พ.ร.ป.พรรคการเมืองอีกด้วยหรือไม่"

ฉะนั้น การปรับ ครม.ใหม่ และการแต่งตั้ง ครม. นายกฯต้องตรวจสอบข้อมูลให้ชัดเจน ถ้าแต่งตั้งนายพีระพันธุ์ เป็นรัฐมนตรีอีกครั้ง เท่ากับว่ามีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการแต่งตั้งผู้ที่มีคุณสมบัติขัดต่อรัฐธรรมนูญ และเป็นการฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง เช่นเดียวกับกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี

นอกจากนี้ สถานการณ์ความขัดแย้งและแตกแยกภายในพรรค รทสช. ก็ยังปั่นป่วนไม่จบสิ้น “กลุ่ม 18” ของ “เสี่ยเฮ้ง”นายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ ซึ่งชิงเคลื่อนไหวออกตัวสนับสนุน “แพทองธาร” ให้ไปต่อ ก่อนหน้ากลุ่มนายพีระพันธุ์แล้วนั้น ได้ออกมาตัดพ้อว่า "เด็กเกเร แต่ได้ลูกอม" ซึ่งหมายความว่า กลุ่มตนจริงใจสนับสนุนรัฐบาลมาตั้งแต่ต้น แต่ไม่ได้ตำแหน่งรัฐมนตรีเพิ่ม ต่างจากกลุ่มนายพีระพันธุ์และ“เลขาฯขิง” เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งมีอยู่ 18 สส. เช่นกันและอาจจะน้อยลงตามลำดับจากการไม่เห็นด้วยของอีกหลายคนเช่น ส.ส.กลุ่ม จ. ชุมพร เป็นต้น กลับได้รับการเอาใจจากรัฐบาลมากกว่า แบบน้อยใจ

เอาละสิ...รัฐบาล "แพทองธาร 1/2" จะไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่ เร็ววันนี้ ได้รู้กันแน่ เพราะมีการจองกฐินสามัคคีจากหลายฝ่าย ทั้งสมาชิก ส.ว.เข้าชื่อร้องเรียนให้ถอดถอนนายกฯอิ้ง ต่อศาลรัฐธรรมนูญ กรณี คลิปเสียงฮุนเซน ว่าสิ่งที่นายกฯพูดนั้น เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ หลายคนยื่นร้องเรียนต่อ ป.ป.ช., กกต. และกลุ่ม"รวมพลังแผ่นดิน" ที่จะออกมาแสดงพลังชุมนุมที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ในวันเสาร์ที่ 28 มิ.ย.นี้ เพื่อต่อต้านเขมรและ.....?

นี่.ไม่ใช่เพียงแค่ "วิบากกรรม" ของนายพีระพันธุ์ เพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ยังเป็นวิบากกรรมของรัฐบาลและนายกฯอิ้งหลานฮุนด้วย!
.








.




32

"ฮาโหล ๆ .. พี่ใหญ่ พี่ทูนหัวของฮุน มีคลิปใหม่อ่ะ จะดูไม๊ จ๊ะจ๋าาา...."
.





.




33
"แม่หยัว"


ตอนนี้ นางทำตัวเป็นนางห้อง หลบมุม ชะเง้อหูฟัง  หูขวา"เหม็นจะว่าไร" หูซ้าย"ไทยจะด่าขรมขนาดไหน" ก็จำใจทนฟัง หวังให้พรรคร่วมรัฐบาล"พายเรือให้โจรนั่ง" โดยโยนตำแหน่ง รมต.เศษเนื้อข้างเขียงให้ชิมและดอมดม เพื่อที่จะแก้กฎหมายนิรโทษฯ นกม.ขก. และ ออกกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์-กาสิโน ให้ได้เสียก่อน จึงจะไป ทั้งๆ ที่...

ไอ้เหม็น มันก็ประกาศเอา ประกาศเอาปาวๆ โน่นนี่นั่น... ปิดด่าน, ไม่ซื้อสินค้าไทย, ไม่ดูหนัง-ละครไทย, ตัดไฟ-ตัดเน็ตไทย, ไม่รักษาโรคใน รพ.ไทย, เรียกแรงงานกัมพูชากลับบ้านทั้งหมด, ไม่ซื้อน้ำมันไทย แฉคลิปลับ ...สารพัดสารพัน ฯลฯ

ฟังดูแล้ว ประเทศไทยต้องตายแน่ๆ คาตีนแขมร์ชั่ว จนต้องอ้อนวอนกราบตีนมัน จึงจะรอด?!?

แต่ในความเป็นจริง มันตรงกันข้าม คนที่จะตาย จะเดือดร้อน ก็คือชาวแขมร์เอง ไม่มีไฟ ไม่มีเน็ต ไม่มีอาหาร ไม่มีบ่อนกาสิโน ดูแล้วไม่มีทางไป มืดแปดด้าน มองไม่เห็นทางรอดเลย

แทนที่รัฐบาล"ไม่ชอบธรรม"ของ "แม่หยัว" จะทำท่าขึงขัง ปั้นหน้ายักษ์ใส่ และจะชิงประกาศก่อนไอ้เหม็นฮุน ทั้งปิดด่าน, ตัดไฟ-ตัดเน็ต, และไม่ขายน้ำมันให้เขมร เพื่อบีบบังคับมัน แต่กลับนิ่งเฉย ไม่รู้ร้อนหนาว นั่งมองตาปริบๆ ให้มันข่มขู่อยู่ได้ ได้แต่แบะท่า อ้าขารอ ให้ uncleHun มาชิมน้ำหวานใต้ซอกขา.....

ถ้ารัฐบาล"แม่หยัว" ถูกโปรตรีนทิปไปและไม่อยู่แล้ว ไอ้ฮุนเหม็น มันจะเอาอะไรมาข่มขู่ แบล็คเมล์รัฐบาลไทยชุดใหม่ ได้(วะ)!!!..

มันจะแฉไอ้ทักยังไงก็ช่างมัน คนไทยและประเทศไทย ไม่ต้องอับอาย ไม่เดือดร้อนโว้ยยย...

อ้อ.....สวัสดีครับ รทสช.

.
โอด...ระทมส้นชิบ! รองเท้าแสนชั่ว 555.. ไม่ได้แปลคำย่อนะ จุ๊กกรู้........
.


ให้ใครไปย่อคำนะ จุ๊กกรู้........
.





.




34
"ไม่ออก-ไม่ยุบ" แต่...ก็ไม่รอด?!?


การที่อิ้งหลานฮุน ยังฝืนเป็น นายกรัฐมนตรี ต่อไปแบบฝืดๆ หืดขึ้นคอนั้น ถ้ามองในแง่ดีแบบพรรคเพื่อไทย, พรรค รทสช., และ ปชป. ก็ดี แต่ดีในแบบตรรกะวิบัติ หาเหตุผลเข้าข้างตัวเองแบบลุยน้ำขุ่นๆ ไม่ฟังเสียงใครๆที่บอกว่า มีนายกฯโง่ ไม่กล้าทำอะไร ได้แต่นั่งบื้อเป็นลูกไล่ไอ้เหม็น มันเสียเกียรติ เสียศักดิ์ศรีของคนไทยและประเทศชาติ

แต่...แปลกใจอยู่นิดหนึ่งว่า พ่อโทนี่ หายไปไหน ได้แต่นิ่งเงียบ เงียบเสียจนเป็น "มังกะดอเป่าสาก" เพราะที่ผ่านมา ใครมาราวี ลูกสาวสุดเลิฟ อย่างนี้ มีอันต้องเจอกับโทนี่ "ปากกล้า ขาสั่นเพราะกลัวติดคุก" ให้ราบกันไปข้างหนึ่ง แต่นี่...Let it be, ช่างแม่มัน! เพราะกลัวอะไรหรือเปล่า?

ความสัมพันธ์ระหว่าง "ตระกูลฮุน" กับ "ตระกูลชิน" นั้น เคยลึกซึ้งมากมาย รักกันปานจะแหกตูดดม ตั้งแต่ทักษิณหนี, ยิ่งลักษณ์หนี, พลพรรคเสื้อแดงหนี ได้รับความช่วยเหลือจากไอ้ฮุนเหม็น ให้เล็ดลอดไปตาม"ช่องทางธรรมชาติ" เข้าไปพำนักในเขมร แล้วแยกย้ายกันไปตามประเทศต่างๆ ซึ่งทักษิณเคยโม้ไว้ว่า...

"ในอาเซียนมีพี่น้อง 3 คนที่รักกันมากคือ สุลต่านบรูไน ผม และสมเด็จฮุน เซน เพราะตลอดเวลาที่ถูกรังแก ทั้ง 2 ประเทศเปรียบเสมือนบ้านอีกหลังของผมในยามยาก"

และไอ้ฮุนเหม็น ก็เคยพูดยกย่องทักษิณในงานวันเกิดครบรอบ 71 ปีของมัน เมื่อ 5 ส.ค.2566 (ม้าจะเกิด ชิงหมาเกิด-กรูละสงสารหมาจิงๆ)ที่ทักษิณและยิ่งลักษณ์ไปร่วมงานด้วยในวันนั้นว่า ทักษิณคือ พี่ใหญ่..พี่ทูนหัว(God brother) ของตน (โอววว...ยิ่งกว่า The Godfather เจ้าพ่อมาเฟีย ดอน วีโต คอร์เลโอเน ซะอีก...ฮาาา555..)

แล้วไฉน ทำไม! ทำไม!!...เหตุการณ์จึงพลิกผัน กลับตาลปัตร "จากหน้ามือ เป็นหลังตีน" เช่นทุกวันนี้ เขาไม่รักกันแล้วหรือ (ก็อย่างที่เคยเล่าให้ฟังไปแล้วครับ)

ไอ้ฮุนเหม็นทิ้งไพ่ลับแฉคลิปเสียงสนทนาส่วนตัว "เกทับ บลั้ฟแหลก" พร้อมข้ออ้างที่ว่า “เรื่องพี่น้องเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่เรื่องแผ่นดินเป็นเรื่องของชาติ ซึ่งไม่อาจนำมาปะปนกันได้...” และพยายามอ้างเรื่องการปกป้องแผ่นดินกัมพูชา จึงแยกแยะความสัมพันธ์ส่วนตัวออกจากผลประโยชน์ชาติ และมองว่า "ตระกูลชินวัตร" เป็นศัตรูของกัมพูชา (พูดโคตรเท่เลย)

แต่ก็ดีไปอีกอย่างครับ...คนไทยจะได้รับรู้อะไร ๆ อีกหลายอย่าง ที่ไอ้ฮุนเหม็น มันจะแฉให้รู้ว่า "ตระกูลชิน" ยังมีเรื่องอะไรแอบแฝงที่เราไม่รู้แต่ไอ้เหม็นมันรู้ เพราะถ้านางยังบากหน้าอยู่ ไอ้เหม็นช๊อบชอบ มันจะได้ข่มขี่ไปเรื่อยๆ ในตำแหน่ง นายกฯของไทย จนกว่าจะเก็บตัว ออกไปแล้วนั่นแหละ (ข่มขู่ยังยังไงคนไทยไม่สน!)

เมื่อยังเป็นนายกฯไทย มันก็ต้องแฉออกมาอีก แฉไปเรื่อยๆ อย่างสนุก คะนองปาก อาจจะเป็นเรื่องใหญ่ถึง 112 เรื่องก็ได้ รวมทั้งเรื่องเงินๆ ทองๆ ของขี้โกงอีกมากมาย ฟังกันไม่หวัดไม่ไหว จนขี้แตกขี้แตนเลยทีเดียว555..

เอ้า! ไอ้ฮุนเหม็น แฉออกมาได้เลย จะรอรับทราบครับ...ท่านจอมพล สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน "นักแบล็คเมล์ระดับโลก"!!!

.












.




35
เจาะเบื้องลึก ‘ฮุน เซน’ หัก ‘ตระกูลชินวัตร’ ปิดตำนาน ‘กัมพูชา’ สวรรค์ ‘ผู้ลี้ภัย’?


เจาะเบื้องลึก ‘ฮุน เซน’ หัก ‘ตระกูลชินวัตร’ ปิดตำนาน ‘กัมพูชา’ สวรรค์ ‘ผู้ลี้ภัย’?
วันที่วันพฤหัสบดี ที่ 19 มิถุนายน 2568 เวลา 11:35 น.




"...มีหลายแหล่งข้อมูลวิเคราะห์ประเมินกันว่า สาเหตุประการสำคัญน่าจะมาจากการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา รวมถึงตัดอินเทอร์เน็ต และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ของ ‘แก๊งจีนเทา’ ซึ่งฝังตัวในหลายเมืองชายแดนของกัมพูชา ที่ว่ากันว่าเป็น ‘บ่อเงินบ่อทอง’ ของ ‘เครือข่ายการเมือง-ข้าราชการ’ ในกัมพูชา..."

..

ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา กำลังเดินหน้าเข้าสู่ ‘ภาวะวิกฤติ’
สำนักข่าวอิศรา

พลันที่ ‘ฮุน เซน’ อดีตผู้นำกัมพูชา เผยแพร่คลิปเสียงสนทนาระหว่างตัวเขากับ ‘แพทองธาร ชินวัตร’ นายกรัฐมนตรีของไทย โดยมีคีย์เวิร์ดสำคัญคือ การมองว่า ‘กองทัพ’ เป็น ‘ฝ่ายตรงข้าม’ กับรัฐบาล รวมถึงถ้อยคำที่ใช้สนทนาดังกล่าว แม้จะพยายามโน้มน้าวจูงใจให้กัมพูชาผ่อนคลายลง

แต่บางฝ่ายมองว่า เหมือนใช้ ‘สายสัมพันธ์ส่วนตัว’ เข้าไปแก้ไข ‘ปัญหาสำคัญของชาติ’ มากกว่า?


ภาพ ‘อุ๊งอิ๊ง’ แพทองธาร ชินวัตร จาก www.innnews.co.th

สำหรับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังคงตึงเครียด นับตั้งแต่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา ‘ฮุน มาเนต’ แต่งตั้งคณะทำงานยื่นฟ้องต่อ ‘ศาลโลก’ หรือ ICJ หลังจบการประชุมคณะกรรมการเขตแดนร่วม (JBC) ครั้งที่ 6 ที่กรุงพนมเปญ แต่ยังตกลงเรื่อง ‘เขตแดน’ กันไม่ได้ โดยกัมพูชา กล่าวอ้างว่า ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด ปราสาทตาควาย และสามเหลี่ยมมรกต เป็นของกัมพูชา ท่ามกลางการปลุกกระแส ‘ชาตินิยม’ อย่างนัก ต่างฝ่ายต่างขุดข้อมูลมาดิสเครดิตฝั่งตรงข้ามอย่างดุเดือด

เรื่องนี้ทำเอา ‘ฮุน เซน’ ผู้มากบารมีของกัมพูชา เป็นเดือดเป็นร้อนอย่างหนัก ถึงกับระบายผ่านโซเชียลมีเดียหลายครั้ง โดยประเด็นที่น่าสนใจนอกเหนือจากคลิปเสียงสนทนากับ ‘นายกฯแพทองธาร’ แล้ว ก่อนหน้านี้มีตอนหนึ่งพาดพิง ‘จตุพร พรหมพันธุ์’ อดีตแกนนำ นปช. ปัจจุบันคือแกนนำคณะหลอมรวมประชาชน ซึ่งออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล แพทองธาร ชินวัตร รวมถึง ‘ทักษิณ ชินวัตร’ อดีตนายเก่า

“จตุพร พรหมพันธุ์ ที่เคยลี้ภัยในกัมพูชา โปรดนอบน้อมกว่านี้หน่อย ตอนแรกคุณ ที่เป็นคนเสื้อแดง มาลี้ภัยที่นี่ แต่ตอนนี้คุณเริ่มโจมตีกัมพูชา โปรดนอบน้อมกว่านี้หน่อย คุณรู้ถึงความสามารถของผม (ฮุน เซน) คุณเคยลี้ภัยกับผม ผมเคยให้คุณกิน ผมเคยเลี้ยงดูคุณ” เป็นคำกล่าวตอนหนึ่งของ ‘ฮุน เซน’ ถึง ‘อดีตประธาน นปช.’

นับเป็นครั้งแรก ๆ ของ ‘ฮุน เซน’ ที่พูดออกมาจากปากผ่านสื่อว่า เคยเปิดประเทศให้ ‘คนเสื้อแดง’ ลี้ภัยเข้าสู่กัมพูชา และเคยเลี้ยงดูปูเสื่อ ให้ที่อยู่ที่กินแก่ ‘ผู้ลี้ภัยทางการเมือง’

อย่างไรก็ดี ‘จตุพร พรหมพันธุ์’ ออกมาสวนกลับว่า ไม่เคยลี้ภัยทางการเมืองเข้ากัมพูชา พร้อมเปิดเบื้องหลังกล่าวอ้างว่า ‘ทักษิณ ชินวัตร’ เคยโทรศัพท์มาสั่งการให้เขาไปพบ ‘ฮุน เซน’ เพื่อลี้ภัยหลังเหตุการณ์สลายชุมนุมปี 2553 แต่เขาปฏิเสธ และยอมติดคุกอยู่ไทย

หากคนที่เป็นคอการเมืองหน่อย น่าจะทราบดีว่า กัมพูชา มิใช่แค่ดินแดนสวรรค์ของ ‘กาสิโน-ธุรกิจสีเทา’ ตามที่ถูกครหา แต่เป็นอีกหนึ่ง ‘แดนสวรค์’ ของบรรดา ‘ผู้ลี้ภัย’ โดยเฉพาะ ‘นักเคลื่อนไหวทางการเมือง-นักเลือกตั้ง’ จากไทย ในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง เช่น การรัฐประหาร 2 ครั้งที่ผ่านมา (2549 และ 2557) รวมถึงหลังเหตุการณ์สลายการชุมนุมม็อบเสื้อแดง (2552-2553)



@ "ฮุน เซน"

ที่สำคัญ ‘ฮุน เซน’ นอกเหนือจากเป็นหนึ่งในผู้มากบารมีดินแดนกัมพูชาแล้ว ยังมีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับ ‘เครือข่ายการเมืองไทย’ มาร่วม 20 ปี สังเกตได้ว่าในช่วงเกิดวิกฤติการเมืองไทย นักการเมือง ‘บางค่าย’ ต้องหลบหนีลี้ภัย มักไปซุกตัวอยู่ที่กัมพูชาแทบทั้งสิ้น แม้ปัจจุบันบางคนจะทยอยออกไปประเทศที่ 3 หรือทยอยเดินทางกลับไทยมาแล้ว แต่ก็ยังมีบางคนที่ยังพักอาศัยอยู่ รออายุความคดีหมด

หากนับผู้ลี้ภัยของไทย สามารถจำแนกได้ 3 กลุ่มคือ

1.นักเลือกตั้ง-บิ๊กเนมการเมือง ที่อาศัยกัมพูชาเป็น ‘ช่องทางธรรมชาติ’ ในการหลบหนีหมายจับ หรือคำพิพากษาของศาลเพื่อจำคุก มีหลายคนหนีไปทางกัมพูชา ก่อนเดินทางต่อไปประเทศที่ 3 เช่น ‘ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ อดีตนายกฯ หลบหนีคำพิพากษาศาลฎีกาฯ คดีไม่ระงับยับยั้งความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว โทษจำคุก 5 ปี

โดยเมื่อปี 2560 มีรายงานข่าวอ้างแหล่งข่าวฝ่ายความมั่นคงว่า ‘ยิ่งลักษณ์’ หลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษาศาลฎีกาฯ โดยผ่านไปยังกัมพูชา ก่อนขึ้นเครื่องบินไปยังประเทศที่ 3 แม้ทางการกัมพูชาจะพยายามปฏิเสธเรื่องนี้หลายครั้ง แต่ข้อเท็จจริงเมื่อปี 2562 พบว่าเธอใช้พาสปอร์ต ‘กัมพูชา’ ในการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท หรือทำธุรกิจต่าง ๆ ในฮ่องกง เป็นต้น นี่ยังไม่นับบรรดานักเลือกตั้ง หรือ ‘บ้านใหญ่’ บางจังหวัด ที่อาศัย ‘กัมพูชา’ เป็นช่องทางธรรมชาติ เพื่อหลบหนี เวลาถูกหมายจับ หรือโดนคำพิพากษาจำคุก

2.อดีตแกนนำม็อบเสื้อแดง-นปช. ยกตัวอย่างที่ชัดเจนเป็นรูปธรรมมากที่สุดคือ ‘กี้ร์ อริสมันต์ พงศ์เรืองรอง’ เคยให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ยืนยันข้อเท็จจริงด้วยตัวเอง โดยยก ‘ฮุน เซน’ เปรียบเสมือน ‘พ่อ’ โดยเล่าเหตุการณ์ระทึกระหว่างหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่รัฐไทย ก่อนเข้าประเทศกัมพูชา

..





หลังจากบรรทัดนี้เป็นคำบอกเล่าของ ‘กี้ร์ อริสมันต์’

“พอถึงนั่นปุ๊บ ทางฝั่งกัมพูชา เขาดูแลเราอย่างดี เราจึงเขียนว่า ทหารไทยไล่ฆ่า ทหารกัมพูชาผู้ปกป้อง เขียนแล้วก็ทิ้งไว้ตรงนั้น เสร็จแล้วผมก็กลับเข้าไปพนมเปญ ช่วงนั้นเข้าพนมเปญได้พักหนึ่ง อยู่โรงแรมก่อน แล้วก็ออกจากพนมเปญ แล้วก็ย้ายสลับไปเรื่อย ๆ ไม่เป็นที่ ชายแดนลาวบ้าง ชายแดนเวียดนามบ้าง จนกระทั่งสถานการณ์ดีขึ้น เราก็กลับเข้ามาในพนมเปญอีกทีหนึ่ง”

“ในช่วงตอนนั้นก็ ถามว่ามันยากลำบากไหม มันก็ยากลำบากเหมือนกัน เพราะเราไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้ และตอนนั้นก็รู้สึกเหมือนกับว่ามันคิดสองอย่าง เหมือนกับตอนพฤษภาทมิฬ เราก็เคยหนีไปรอบหนึ่ง ครั้งนี้ทำไมเราต้องหนีด้วย พฤษภาทมิฬก็หนีไปยาวเหมือนกัน ครั้งนี้อาจหนียาวกว่า และคิดว่าคงไม่ได้กลับ คราวนี้เราก็ตระเวนโลก มีพาสสปอร์ตพิเศษ สำหรับนักต่อสู้ทางประชาธิปไตย มีหลายประเทศให้ ก็ให้ไปที่ไหนบ้าง รัสเซีย ดูไบ บรูไน พม่า จีน ยุโรป เฉลี่ย ๆ แบ่งไป และเราก็คิดว่า เราจะลี้ภัยทางการเมือง คิดว่าคงไม่ได้กลับเพราะว่าเราถูกกล่าวหาว่าล้มล้างสถาบันเป็นเรื่องใหญ่”

“หลังจากนั้นเมื่อเข้าไปในกัมพูชา ก็ได้ “นายใหญ่” คุณทักษิณ (ชินวัตร) และสมเด็จฮุน เซน ให้การช่วยเหลือค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เราติดหนี้บุญคุณ ทั้งไทยและกัมพูชา โดยเฉพาะสมเด็จฮุน เซน พุดง่าย ๆ ว่าเราเรียกเขาว่าพ่อโดยไม่กระดากใจ เพราะถ้าไม่มีท่านผมคงตาย ไม่มีประเทศกัมพูชาผมคงตายด้วย”

นอกเหนือจาก ‘กี้ร์ อริสมันต์’ แล้ว ยังมี ‘แดงฮาร์ดคอร์-แดงนกพิราบ’ อีกหลายคน เข้าไปลี้ภัยทางการเมืองในกัมพูชา ทั้งหลังเหตุการณ์สลายชุมนุมปี 2553 และหลังรัฐประหารปี 2557 เท่าที่ปรากฏเป็นรายงานข่าวต่อสาธารณะ เช่น นิสิต สินธุไพร (บิดา น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายฯ) จักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีหลายสมัย ลี้ภัยไปตั้งแต่ช่วงปี 2551 (ปัจจุบันเขากลับเข้าไทยเรียบร้อยแล้ว และเดินสายพีอาร์ให้รัฐบาล) มีแกนนำแดงแถว 2-3 หลายคน เดินทางกลับไทยแล้วเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น โด่ง อรรถชัย อนันตเมฆ เสงี่ยม สำราญรัตน์ และสำเริง ประจำเรือ เป็นต้น

หลายคนเคยเข้ากัมพูชา ก่อนต่อเครื่องไปประเทศที่ 3 เช่น จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อดีต มท.1 ลี้ภัยหลังรัฐประหารปี 2557 ไปร่วมก่อตั้ง ‘องค์กรเสรีไทย’ ร่วมกับ ‘จักรภพ’ แต่ดำเนินงานมาหลายปีไม่ประสบความสำเร็จ ส่งผลให้ ‘จักรภพ’ เดินทางกลับไทยมาเมื่อปีที่แล้ว ขณะที่มีรายงานว่า ‘จารุพงศ์’ เตรียมเดินทางกลับไทยในเร็ว ๆ นี้ เช่นเดียวกับ ‘สุนัย จุลพงศธร’ อดีต สส.เพื่อไทย ‘สายนายใหญ่’ โดยทั้ง 2 คนลี้ภัยไปอยู่สหรัฐฯมานานหลายปี

3.กลุ่มนักเคลื่อนไหว-นักกิจกรรมทางการเมือง โดยส่วนใหญ่สายนี้มักเข้ามาหลบที่กัมพูชา หรือฝั่งลาว เนื่องจากถูกกล่าวหา มีหมายจับ หรือคำพิพากษาให้จำคุก ในฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เป็นหลัก โดยบางคนเข้ามาหลบที่กัมพูชาเพื่อใช้เป็นทางผ่าน ก่อนถูก ‘สัญญาณพิเศษ’ เดินหน้าปราบปราม โดยมีผู้ลี้ภัยไทยคดีการเมืองในลาวหลายคนถูก ‘อุ้มฆ่า’ ทำให้กลุ่มคนเหล่านี้ต้องรีบเดินทางต่อไปประเทศที่ 3 เช่น สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล (ปัจจุบันลี้ภัยอยู่ฝรั่งเศส) วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ (เสียชีวิตแล้ว) เป็นต้น

ดังนั้นการหักกันระหว่าง ‘ตระกูลฮุน-ตระกูลชินวัตร’ ครั้งนี้จะเป็นการปิดประตูแดนสวรรค์ของ ‘ผู้ลี้ภัย-นักการเมืองทุจริต’ หรือไม่?

ประเด็นที่น่าสนใจคือความสัมพันธ์ระหว่าง ‘ตระกูลฮุน’ และ ‘ตระกูลชินวัตร’ เป็นไปในลักษณะ ‘น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า’ มายาวนานกว่า 20 ปี ตั้งแต่สมัย ‘ทักษิณ’ ก้าวเข้าสู่ถนนทางการเมือง จนก้าวเข้าสู่เก้าอี้นายกฯสมัยแรกในปี 2544 ลากยาวมาถึงปี 2549 แม้ว่า ‘ทักษิณ’ จะถูกรัฐประหาร จนต้องระเห็จระเหินหลบหนีคดีความไปต่างประเทศหลายสิบปี แต่บางจังหวะเขาก็ยังเข้ามาพัก เพื่อติดต่อกับ ‘สหายรัก’ อย่าง ‘ฮุน เซน’ เสมอ ๆ

ดังนั้นสาเหตุที่ ‘ฮุน เซน’ จู่ ๆ ออกมา ‘หักดิบ’ กับ ‘ตระกูลชินวัตร’ โดยการปล่อยคลิปเสียงสนทนากับ ‘แพทองธาร’ หวังบ่อนทำลายเสถียรภาพทางการเมืองไทย และล้มล้างอำนาจบารมี ‘ตระกูลชินวัตร’ ในการเมืองไทยครั้งนี้ ย่อมน่าสนใจ

มีหลายแหล่งข้อมูลวิเคราะห์ประเมินกันว่า สาเหตุประการสำคัญน่าจะมาจากการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา รวมถึงตัดอินเทอร์เน็ต และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ของ ‘แก๊งจีนเทา’ ซึ่งฝังตัวในหลายเมืองชายแดนของกัมพูชา ที่ว่ากันว่าเป็น ‘บ่อเงินบ่อทอง’ ของ ‘เครือข่ายการเมือง-ข้าราชการ’ ในกัมพูชา

ประจวบกับกัมพูชาใกล้มีเลือกตั้งใหม่ ความนิยมของ ‘ฮุน มาเนต’ นายกฯคนปัจจุบัน ยังบารมีไม่เทียบเท่า ‘บิดา’ อย่าง ‘ฮุน เซน’ ทำให้ต้องงัดวาทกรรม ‘ชาตินิยม’ ออกมาโจมตีไทย และปลุกกระแสคนในชาติขึ้นมาอีกครั้ง เหมือนสมัย ‘เขาพระวิหาร’

ที่น่าสนใจ บริบททางการเมือง 20 กว่าปีก่อน กับ ณ ตอนนี้แตกต่างกันอย่างมาก ช่วงทศวรรษ 2540 ‘ฮุน เซน’ และ ‘ทักษิณ’ เป็นสหายรัก และมีอำนาจบารมีล้นฟ้าในประเทศของตัวเอง แต่ปัจจุบัน ‘ฮุน เซน’ ยังคงกุมอำนาจไว้อย่างเบ็ดเสร็จ โดยส่งลูกชาย 3 คน คนโตนั่งนายกฯ คนกลางนั่งผู้อำนวยการข่าวกรอง และรอง ผบ.ทบ. ส่วนคนเล็กนั่งรองนายกฯ แตกต่างกับ ‘ทักษิณ’ ที่ต้องกลับมารับโทษจำคุกคดีทุจริต และเพิ่งพ้นโทษออกมา ทำได้เพียงส่ง ‘ลูกสาว’ เข้าไปนั่งเก้าอี้นายกฯ ส่วนตัวเองเดินสายช่วยเหลืออยู่วงนอก ขณะที่ผลการเลือกตั้งปี 2566 ที่ผ่านมา ‘ก๊กแดง’ คะแนนนิยมน้อยลงอย่างน่าใจหาย ทำให้ต้องจัดตั้งรัฐบาลผสมข้ามขั้ว

ด้วยข้อเท็จจริงข้างต้น จึงอาจทำให้ ‘ฮุน เซน’ ตัดสินใจทีเด็ดทีขาด ยอมเสียภาพลักษณ์ผู้นำในสายตาชาวโลก เอาบทสนทนาส่วนตัวมาปล่อย หวังดิสเครดิตประเทศไทย อีกทางหนึ่งคือสามารถบ่อนทำลายเสถียรภาพทางการไทย เห็นได้จากขณะนี้ พรรคร่วมรัฐบาลอย่างภูมิใจไทย ซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมากับ ‘ก๊กแดง’ ประกาศถอนตัว ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลอื่น ๆ นัดประชุมหารือถึงเรื่องนี้โดยด่วน


@ ทักษิณ ชินวัตร

อย่างไรก็ดีว่ากันว่า บรรดาพรรคร่วมรัฐบาลเกือบทั้งหมด ยกเว้นภูมิใจไทย ยังคงเดินหน้า สนับสนุน ‘แพทองธาร’ นั่งเก้าอี้นายกฯต่อ พร้อมกับปรับ ครม.ใหม่ แม้ว่าเสียงรัฐบาลจะ ‘ปริ่มน้ำ’ ก็ตาม แต่ก็ยังมีแรงจาก ‘งูเห่า’ คอยช่วยอยู่ ซึ่งคาดว่าเสียงข้างมากจะพุ่งไปราว 270 เสียง ประคับประคองให้ผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปได้

แม้จะมีความพยายามจากบางพรรค ให้แก้ไขสถานการณ์ด้วยการให้ ‘นายกฯ’ ลาออก เปิดทางเลือกนายกฯใหม่ โดยว่ากันว่าจะเอาแคนดิเดตนายกฯจากพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้กลับมาเป็นนายกฯอีกครั้ง แต่เหมือนดีลนี้ก็ถูกปัดตกไปอย่างรวดเร็ว เพราะน่าจะไม่เหมาะกับสถานการณ์ตอนนี้

แต่ถ้า ‘นายกฯ’ ประกาศ ‘ยุบสภาฯ’ จะเข้าทาง ‘ก๊กส้ม’ ที่เตรียมพร้อมสรรพกำลังไว้ แน่นอนว่า ณ เวลานี้คะแนนนิยมของ ‘ก๊กส้ม’ สูงกว่า ‘ก๊กแดง’ อย่างมาก แถมยังไม่ได้คุมมหาดไทย ซึ่งกำกับกลไกท้องถิ่น หากยุบสภาฯ เลือกตั้งใหม่ จะทำให้เสียเปรียบทางการเมืองแบบสุด ๆ องคาพยพพรรคร่วมรัฐบาลในปัจจุบัน จึงพยายามแพ็คกันไว้ เพื่อไปกันต่ออย่างน้อยก็อีก 1 ปี

ดังนั้นการหักหลังของ ‘ฮุน เซน’ ครั้งนี้ นอกเหนือจากจะเป็นการ ‘ปิดประตู’ แดนสวรรค์ ‘นักลี้ภัยไทยแล้ว ย่อมสะเทือนฐานอำนาจ ‘ตระกูลชินวัตร’ แต่ก็ไม่อาจล้มล้างรัฐบาลลงได้ อย่างน้อยก็ในตอนนี้

บทสรุปสุดท้ายหมากเกมนี้จะจบลงอย่างไร ต้องติดตาม

 
.....
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage

.

ขอขอบคุณ สำนักข่าวอิศรา
https://www.facebook.com/isranewsfanpage

.




37
รักและรังเกียจ?









.




38
ไอ้เหม็น นั่งหัวเราะ ดูคนไทยตีกัน 555..


ไอ้เหม็น นั่งหัวเราะ ดูคนไทยตีกัน 555..
.















.



39
"ไม่ออก ไม่ยุบ" ทางเลือกของรัฐบาล กับ ปัญหาที่รุมเร้า


"ไม่ออก ไม่ยุบ" ทางเลือกของรัฐบาล กับ ปัญหาที่รุมเร้า
..

ปัญหาของประเทศไทยในเวลานี้ ต้องแยกให้ออกระหว่าง ศึกภายใน กับ ศึกภายนอก

1. ศึกภายนอกนั้น ต้องตั้งรับให้ดี ด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะกรณีกัมพูชา คนไทยต้องสามัคคี รวมใจเป็นหนึ่ง สนับสนุนกองทัพไทยในการปกปักรักษาเกียรติ ศักดิ์ศรี (ไปพร้อมๆกันคร้าาา...) ของประเทศชาติ และรักษาอธิปไตย รักษาดินแดนทุกตารางนิ้วที่บรรพบุรุษได้เอาเลือดเนื้อและชีวิตแลกเข้าไว้

ใช่ครับศึกภายนอก เน้น "รัก สามัคคี"

2. ส่วนศึกภายใน ก็ต้องแยกให้ออก อย่าเอาไปปนกับเรื่องสามัคคี หรือสร้างความแตกแยกกัน ต้องพิจารณาที่บุคคลว่าดีหรือไม่ดี เหมาะสมหรือไม่เหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ในขณะที่บ้านเมืองกำลังประสบกับปัญหามากมาย ทั้งปัญหาการเมือง ปัญหากาสิโน ปัญหาเศรษฐกิจ ประชาชนยากจนมีหนี้สิน ฯลฯ

รัฐบาลพยายามบิดเบือนความคิดและสถานการณ์ ให้พุ่งเป้าไปที่การเกลียดชัง ฮุนเซน และเห็นใจนายกฯที่ถูกกระทำว่า เราไม่มีเวลาที่จะมาทะเลาะกันเองอีกต่อไปแล้ว ต้องร่วมใจกันต่อต้านเขมร ซึ่งเป็นการนำเอา"ฮุนเซน"มาเป็นตัวประกัน เป็นข้ออ้างให้คนไทยเห็นใจและสนับสนุนรัฐบาล

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ประกาศขอโทษกองทัพและคนไทย แต่จะบริหารประเทศต่อไป ทั้งๆที่ปัญหามากมายรุมเร้า เหมือนไฟรนก้น ทั้งภาคการเมืองที่พรรคภูมิใจไทย ประกาศถอนตัวออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว วุฒิสภาและภาคประชาชนที่ประท้วงกดดันให้นายกฯลาออก เพราะไม่มีความชอบธรรมทางการเมืองที่จะอยู่เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปแล้ว

ที่ผิดหวังมาก ก็คือ พรรคการเมืองร่วมรัฐบาล ที่นิ่งดูดาย ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน หวังผลประโยชน์ส่วนตนมากกว่าส่วนรวม ยังสนับสนุนให้ นางแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป โดยอ้าง"ความสามัคคี" เป็นที่ตั้ง โดยเฉพาะพรรค รทสช. และ ปชป. ยังกั๊กว่าต้องหารือ(ต่อรองผลประโยชน์กระมัง?)กับนายกฯก่อน

เลือกตั้งสมัยหน้า ไม่ต้องพูดถึงแล้วครับ 0 0 0 สูญพันธุ์ แน่ๆๆๆๆ...ไอ้ 2 พรรคนี้!!!
.









.




40
"ฮุน เซน" สมเด็จจากนรก


https://www.youtube.com/watch?v=lX_zpIQTqKI&t=1268s

สนธิเล่าเรื่อง - สนธิจัดหนัก "เดโช-เดชา" 18-06-68

https://www.youtube.com/live/lX_zpIQTqKI?si=oRILp5gkfhABCciq

.




Pages: 1 2 3 [4] 5 6 ... 10
SMF 2.0.4 | SMF © 2013, Simple Machines | Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.088 seconds with 17 queries.