Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
User Info
Welcome, Guest. Please login or register.
31 October 2025, 22:10:28

Login with username, password and session length
Search:     Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ

http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
28,303 Posts in 13,871 Topics by 70 Members
Latest Member: KAN
Home Help Search Calendar Login Register
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...  |  Recent Posts

Recent Posts

Pages: 1 2 3 [4] 5 6 ... 10
31



เมื่อสองสัปดาห์ผ่านไป เมื่อความสนิทสนมได้มีขึ้นในระหว่างเราทั้งสอง ข้าพเจ้ามองเห็นหม่อมราชวงศ์กีรติเป็นอีกคนหนึ่ง. เธอมิใช่คนเงียบขรึมนัก. กับข้าพเจ้าในตอนหลัง ๆ ดูเธอเป็นคนพูดเก่งไม่น้อย เป็นคนต้องการความเริงรมย์ตามทำนองของเธอ. เธอพูดได้ทั้งในเรื่องจริงจังและเรื่องที่ไร้แก่นสาร. ในเวลาที่เธอพูดเรื่องจริงจัง ข้าพเจ้ารู้สึกว่าเธอเป็นคนมีความคิดความอ่านสูงกว่าข้าพเจ้ามาก. ข้าพเจ้าประหลาดใจว่า ทำไมเจ้าคุณอธิการบดีจึงคิดเห็นไปว่าภรรยาของท่านยังรู้จักโลกและชีวิตน้อยนัก.

ในเวลาที่เธอได้รับความเบิกบานใจในการสนทนากับข้าพเจ้าสองต่อสอง เธอเคยเปล่งหัวเราะเต็มที่ เสียงหัวเราะของเธอเต็มไปด้วยชีวิตและความบริสุทธิ์ของเด็ก มีกังวานแจ่มใสและซึ้ง กังวานเช่นนี้ย่อมจะระรัวอยู่ในหัวใจของผู้ฟังไปนาน. ในเวลาเช่นนั้น ข้าพเจ้ารู้สึกว่า หม่อมราชวงศ์กีรติเป็นเพื่อนที่สนิทสนมของข้าพเจ้าอย่างที่สุด. ข้าพเจ้ามีความจงรักภักดีต่อเธออย่างที่สุด.

​อย่างไรก็ตาม จนกระทั่งสองสัปดาห์ล่วงไปแล้ว ข้าพเจ้าก็ยังไม่สามารถตอบปัญหาในเรื่องราวของหม่อมราชวงศ์กีรติแก่ผู้ที่มาคอยถามข้าพเจ้าได้. ชีวิตก่อนแต่งงานของเธอเป็นอย่างไร และอะไรคือต้นเหตุที่ชักนำให้เธอมาแต่งงานกับเจ้าคุณสามีของเธอนั้น ยังคงเป็นความลี้ลับสำหรับข้าพเจ้าอยู่. ไม่มีใครเลยจะคิดเห็นไปว่า เธอแต่งงานเพราะความรัก. มันไม่ใช่ของแปลกที่ความงามเช่นนี้กับวัย ๕๐ ปีย่อมจะวิวาห์กันได้ก็จริงอยู่ แต่ว่าความงามเช่นนี้กับวัย ๕๐ ปีจะรักกันได้นั้น ก็น่าจะถือว่าเป็นการผิดธรรมดาได้. เพราะว่าการวิวาห์กับความรักเป็นคนละอย่างต่างกัน. ความคิดเห็นของคนโดยมากเอนเอียงไปในทางที่ว่า อานุภาพของพระเจ้าเงินตราคงจะเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่ไม่น้อยในการแต่งงานรายนี้ - และเช่นเดียวกับรายอื่น ๆ – หญิงสาวจำต้องเข้าสู่พิธีวิวาห์ในที่สุด ด้วยไม่สามารถต้านทานต่อความข่มขู่บังคับซึ่งอาจมีมาจากทางต่าง ๆ. แต่ว่าในการแต่งงานของหม่อมราชวงศ์กีรติ ก็หามีใครที่จะกล้าลงความเห็นแน่นอนไปในทางนั้นไม่ เพราะว่าเท่าที่จะทราบได้ หม่อมราชวงศ์กีรติก็ดูมีความชื่นชมยินดีในสามีของเธอดีอยู่.

ในสายตาของข้าพเจ้า หม่อมราชวงศ์กีรติได้ใช้วันคืนในโตเกียว ด้วยความเบิกบานบันเทิงเป็นที่ยิ่ง. เมื่อได้มีโอกาสออกไปนอกบ้าน ไม่ว่าจะเป็นในที่ใด ๆ ข้าพเจ้าสังเกตเห็นว่าเธอมองดูทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความสนใจพินิจพิเคราะห์ และในดวงตาของเธอเล่าก็แวววาวไปด้วยความปีติ. ความสนใจในสิ่งต่าง ๆ เช่นนี้ ทำให้เธอดูเป็นคนเคร่งขรึมผิดกับวัยของเธอมาก และดังนั้นทำให้ผู้ที่ไม่มีโอกาสอยู่ใกล้ชิดกับเธอยากที่จะมีความสนิทสนมกับเธอได้.

มีความรู้ใหม่เกิดขึ้นในความสัมพันธ์ของเรา ในขณะที่เราออกไปเดินเล่นด้วยกันแต่ลำพังสองคนในเย็นวันหนึ่งของสัปดาห์ที่สาม.

​เย็นวันนั้นเจ้าคุณออกไปเล่นกอล์ฟ. ภรรยาของท่านไปจ่ายของที่ถนนยินซ่า เมื่อกลับมา พักผ่อนได้ครู่ใหญ่ เธอก็ชวนข้าพเจ้าออกไปเดินเล่น. ถนนสายที่เรากำลังเดินอยู่นั้นอยู่ห่างจากหลังบ้านเราไปเล็กน้อย เป็นถนนที่สงบและร่มรื่นด้วยเงาของต้นไม้สองข้างทาง บางตอนผ่านไปบนเนินสูงและเบื้องล่างมีไร่ซึ่งแลดูเขียวชอุ่มไปด้วยพรรณผักต่าง ๆ เป็นถนนที่เงียบสงบ นาน ๆ จึงจะมีรถบรรทุกของแล่นผ่านเราไปสักครั้งหนึ่ง. หม่อมราชวงศ์กีรติได้เคยออกมาเดินเล่นบ้างในบางคราวใกล้ ๆ บริเวณบ้าน และได้เคยแสดงความจำนงไว้ว่า จะเดินทางไกลไปบนถนนสายนี้สักวันหนึ่งเพื่อชมภูมิประเทศของละแวกนั้น และในวันนั้นนับเป็นครั้งแรกที่เธอได้ปฏิบัติตามความจำนงของเธอ.

เราได้ใช้เวลานานในการเดินเล่นวันนั้น และในเวลานั้นเรามีความคุ้นเคยสนิทสนมกันพอที่จะไม่ต้องปล่อยให้เวลาล่วงไปเปล่า ๆ โดยต่างคนต่างไม่พูดอะไรเหมือนอย่างที่ได้พบกันในครั้งแรก ๆ. หม่อมราชวงศ์กีรติก็ไม่เป็นคนเคร่งขรึมต่อไปแล้วเมื่อเราอยู่ด้วยกันแต่ลำพัง. เรามีเรื่องสนทนากันมาก เรื่องหนึ่งหมดไปเรื่องใหม่ก็เข้ามาแทนที่ บางเรื่องก็เป็นเรื่องยืดยาว และบางเรื่องก็จบไปด้วยคำพูดเพียงสองสามประโยค.

เด็กชายอายุราว ๑๒ – ๑๓ ขวบสองคนขี่รถจักรยานคันเล็กผ่านเราไป เขามองดูเราทั้งสองแล้วยิ้มอย่างร่าเริง หม่อมราชวงศ์กีรติได้ยิ้มให้เขานิดหน่อย.

“ฉันเบิกบานใจมากวันนี้” เธอพูด สูดลมหายใจแรง ยังมียิ้มละไมอยู่ในหน้านั้น.

“เพราะอะไรครับ?” ข้าพเจ้าสอดถาม “ผมน่ะเกรงว่าคุณหญิงจะเบื่อ เพราะไม่เห็นมีอะไรที่จะน่าชม.”

“ไม่มีอะไรที่จะน่าชม - เธอพูดอะไรอย่างนั้น” พลางเธอชี้มือไปที่​ไร่ผักกาดสีเขียวอ่อนซึ่งอยู่ต่ำจากทางเดินของเราทางขวามือ ไกลออกไปข้างหน้า “เธอไม่เห็นหรือว่าสีเขียวสดของใบผักกาดเมื่อต้องแสงแดดอ่อน ก็แลดูคล้ายกำมะหยี่นั่นน่ะ เป็นภาพที่สวยงามน่าดูเพียงไร แล้วก็บรรดาลูกมะเขือสีช็อกโกแลตที่เยาว์วัยเหล่านั้น ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกว่า มันเป็นเพื่อนที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอดอกหรือ แล้วก็ถัดออกไป ไร่ผักต้นสูง ๆ ใบเล็กเรียว ที่หมุนพลิ้วไปตามกระแสลมนั้น ไม่ได้ช่วยให้จิตใจของเธอร่าเริงไปด้วยดอกหรือ.”

“คุณหญิงพูดราวกับกวี” ข้าพเจ้าหัวเราะ

“เธออย่าขับฉัน เขาว่ากวีเป็นคนคร่ำครึ. ฉันไม่ใช่กวี แต่ถ้าเธอจะหมายว่าฉันเป็นกวีเพราะเหตุอย่างเดียวที่มีความเห็นคร่ำครึฉันก็ยอม” เธอยิ้มอย่างสดชื่นเมื่อมองมาที่ข้าพเจ้า “จริงนะ. นพพร สิ่งเหล่านั้นเป็นบ่อเกิดแห่งความเบิกบานของฉันจริง ๆ. เธอคงจะได้สังเกตเห็นสีชมพูที่แก้มยุ้ยของเด็กชายสองคนเมื่อตะกี้นี้ แล้วก็ยิ้มอย่างร่าเริงและดวงตาแจ๋วแหวว. อา, เธอจะหาอะไรที่น่าชมไปยิ่งกว่านั้นเล่า.”

“ผมเพิ่งรู้ คุณหญิงเป็นนักปราชญ์” เมื่อพูดประโยคนี้ ข้าพเจ้าคิดว่าข้าพเจ้าไม่ได้พูดเล่นเลย.

“ฉันจะไม่บรรยายอะไรอีกละ เพราะเธอตั้งกองมายอฉันเสียแล้ว” เธอพูดพลางวางท่าสงบเสงี่ยมและเดินต่อไปเงียบ ๆ.

“ผมพูดด้วยความสัตย์จริง” ข้าพเจ้ารีบแก้.

“นั่นยิ่งทำให้ฉันไม่ยอมพูดใหญ่.”

ข้าพเจ้าอมยิ้ม. เราเดินต่อไปเงียบ ๆ ครู่หนึ่งเธอหันมาพูดว่า

“ถามจริงๆ เถอะ เธอไม่เห็นด้วยกับฉันดอกหรือว่า ในบรรดาสิ่งที่ฉันกล่าวถึงนั้นเพียบพร้อมไปด้วยความน่าชมเพียงใด.”

“ผมไม่ด้านความเห็นของคุณหญิงเลย ผมเห็นด้วยทุกประการ ​ที่ถามขึ้นก็ด้วยเป็นห่วงแทน เพราะว่าโดยทั่วไปแล้วผู้หญิงไม่ใคร่สนใจในสิ่งเหล่านี้ แต่คุณหญิงเป็นคนพิเศษ.”

“เธอให้ฉันเป็นกวี เป็นนักปราชญ์ แล้วยังให้เป็นคนพิเศษอีก. เธอดื้อจริง ๆ วันนี้ นพพร. ฉันต้องทำความตกลงใจอย่างเด็ดขาด”

“ในข้อที่จะลงความเห็นว่า ผมเป็นเด็กดื้อน่ะหรือ?”

“จ้ะ, ถูกเหมือนกัน แต่ฉันหมายว่าฉันจะไม่ยอมพรรณนาถึงเรื่องเหล่านั้นอีก.”

ท่าทีที่สงบเสงี่ยมเจือปนอาการกิริยาของเด็กเล็กน้อยนั้น ทำให้ข้าพเจ้าแลเห็นเสน่ห์ และความงามของหม่อมราชวงศ์กีรติอย่างที่ไม่มีคราใดจะเปรียบปาน. ข้าพเจ้าก็ได้แต่เพลินชมและสรรเสริญอยู่แต่ในใจ.

เราเดินมาใกล้หมู่บ้าน และกำลังมาถึงทางแยกซึ่ง ณ ที่นั้นมีกาเฟสถานจำพวกปอน ๆ ตั้งอยู่. ขณะที่เราจะผ่านเลยไป ก็พอมีรถยนต์คันหนึ่งแล่นมาหยุดอยู่ หญิงสาวสองคนก้าวลงมาจากรถ มีดวงหน้าสีชมพูเข้ม ยืนทรงตัวไม่สู้สะดวก ชายสองคนก้าวตามลงมา ไม่ได้สวมเสื้อนอก แต่ได้ถอดออกถือไว้ด้วยความร้อน นัยน์ตาปรือคนหนึ่ง อีกคนหนึ่งเบิกโต มีเปลวไฟลุกอยู่ในดวงตานั้น ชายสองคนเข้าประคองกอดหญิง แล้วพากันเดินเซไปข้างซ้ายครั้งหนึ่ง เซกลับมาข้างขวาครั้งหนึ่ง เข้าสู่กาเฟสถานลับตาไป.

“เด็กหนุ่ม ๆ อย่างเธอคงจะพอใจภาพเช่นนี้” เธอเริ่มพูดต่อไปเมื่อเราผ่านทางแยก.

ข้าพเจ้าทราบดีว่าเธอมิได้จงใจที่จะหมายความเช่นนั้น เธอเพียงแต่จะแสร้งพูดแดกดันเอาเท่านั้น แต่ข้าพเจ้าก็ได้ตอบถ้อยคำของเธออย่างเป็นการปรกติ.

​“ตรงกันข้าม ผมรังเกียจมาก”

“ความสนุกอย่างน่าเกลียดเช่นนี้มักจะมีทั่วไปนะ นพพร ไม่ว่าในประเทศใด ๆ. ทำไมเขาจะประพฤติให้เรียบร้อยกว่านี้สักหน่อยไม่ได้หรือ. นี่ก็ยังไม่มืดค่ำ และทำไมจะต้องทำกันอย่างนั้นตั้งแต่กลางถนน จะคอยให้ลับตาคนสักหน่อยไม่ได้หรือ. หรือว่านั่นเขานิยมกันว่าเป็นของเก๋.”

“ผมไม่คิดว่าคนทั่วไปจะเห็นเป็นของเก๋ มันคงเป็นความประพฤติเฉพาะคนหนึ่ง ๆ. ผมได้ยินว่าในเมืองไทยเรา ตั้งแต่เปิดโรงเบียร์ฮอลล์กันทั่วพระนครแล้ว ความสนุกเช่นนี้ก็ดูมีกันดกดื่นมิใช่หรือ?”

“ฉันก็ได้ยินว่ามี แต่ฉันไม่เคยเห็น และเดาไม่ได้ว่าจะมีกันถึงขนาดไหน. อย่างที่ผ่านมาเมื่อตะกี้นี้ ฉันก็ออกจะไม่ได้คาดอยู่แล้ว.”

“แต่ความจริงดูเหมือนเป็นของธรรมดาสำหรับกาเฟสถานทั่วไป.”

“นพพรเป็นโคลัมบัสของฉัน เธอทำให้ฉันได้มาพบโลกใหม่.”

“คุณหญิงเสียใจหรือครับ ที่ได้ถูกชักนำให้มาพบกับของโสโครกเช่นนี้.”

“ฉันชอบศิลปะ. ฉันพอใจที่จะพินิจดูกิ้งกือ ไส้เดือน เท่ากับที่จะพินิจดูดวงดาวในท้องฟ้า. ฉันไม่เสียใจเลย. นพพร ฉันกลับขอบใจเธอด้วยซ้ำ แต่เมื่อแยกศิลปะออกไปเสียส่วนหนึ่งแล้ว การที่ได้มาเห็นภาพเช่นนี้ก็ทำให้กระเทือนใจนิดหน่อย. แต่ในทางศิลปะนั้น ความกระเทือนใจมีประโยชน์มาก.”

“คุณหญิงเป็นศิลปินด้วย และอาจจะเป็นทั้งจิตรศิลปินและวรรณศิลปิน” ข้าพเจ้าร้องด้วยความประหลาดใจ และเป็นความประหลาดใจอันแท้จริง.

​“นพพร, เธอโปรดระวังคำพูดสักหน่อย เธอต้องจดจำไว้บ้างว่า เพียงชั่วเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เธอได้ให้ตำแหน่งแก่ฉันถึง ๔ ตำแหน่งแล้ว.”

“ผมรู้สึกว่าผมจะฉลาดขึ้นมาก จะฉลาดอย่างผิดสังเกต ถ้าได้อยู่ใกล้ชิดกับคุณหญิงต่อไปสักหนึ่งปี.” ข้าพเจ้าไม่ฟังคำห้ามปรามของเธอ ด้วยแน่ใจว่าได้พูดอย่างจริงใจ.

เธอชายตามองดูข้าพเจ้า ประหนึ่งจะสำรวจลงไปให้ซึ้งว่า มีความหมายอะไรอยู่อีกบ้างในคำพูดนั้น.

“เธอดื้ออย่างน่ารัก.” พูดพลางเธอยิ้ม “แต่ว่าเธอต้องการเพียงปีเดียวเท่านั้นแหละหรือ?”

“ผมหมายว่าอย่างน้อยที่สุด” ข้าพเจ้ารีบชี้แจง. “แต่ถ้าให้ผมเลือกอย่างจุใจแล้ว-ก็-ไม่มีกำหนด.”

หม่อมราชวงศ์กีรติหัวเราะ. เสียงหัวเราะนั้นบกพร่องในกังวานแจ่มใสไปบ้าง.

“แต่ฉันจะอยู่ที่นี่เพียง ๘ สัปดาห์เท่านั้น และเวลานี้เรากำลังจะผ่านสัปดาห์ที่สาม.”

“เวลาล่วงไปเร็วเหลือเกิน” ข้าพเจ้าพูดเสียงอ่อย ๆ “ผมอยากเป็นหนุมานเวลานี้.”

“เพื่อเธอจะได้ไปห้ามรถพระอาทิตย์หรือ?”

“แต่ว่ามันเป็นไปไม่ได้นะครับ” ข้าพเจ้าพูดต่อไปอย่างจริงจัง “ผมคิดว่า ถ้าผมชวนให้เจ้าคุณยืดเวลาอยู่ที่นี่ออกไปอีกนิดหน่อย คุณหญิงคงจะไม่ขัดข้อง.”

“ฉันเป็นผู้โคจรตามพระอาทิตย์ ฉันเลือกไม่ได้ สุดแต่พระอาทิตย์” ​เธอตอบอย่างสนุก “แต่เธออย่าลืมว่า มหาวิทยาลัยของเธอจะเปิดเทอมในไม่ช้า.”

“ผมไม่ลืมเลย แต่ผมอาจที่จะมารับการอบรมความฉลาดจากคุณหญิงนอกเวลามหาวิทยาลัยได้เสมอ.”

ต่อจากนั้นหม่อมราชวงศ์กีรติได้ไต่ถามข้าพเจ้าถึงเรื่องการศึกษาเล่าเรียน และเมื่อพูดถึงเรื่องที่จริงจัง ท่าทางของเธอก็ดูเคร่งขรึม ข้าพเจ้าก็กลายเป็นเด็กเล็กไป มิใช่เพื่อนเล่นเพื่อนหัวของเธอ. เราเดินต่อไป อีกสักครู่ใหญ่ ๆ ก็มาถึงละแวกที่ชุมนุมชนตั้งทำมาค้าขายคับคั่ง และมียวดยานผ่านไปมามิหยุดหย่อน ไม่สะดวกแก่การเดินพักผ่อนหย่อนอารมณ์ เราจึงตกลงเดินทางกลับ และในไม่ช้าเราก็คืนเข้าสู่ถิ่นที่อันสงบเงียบและงดงามไปด้วยภูมิภาพธรรมชาติ.

 


32



​เหตุการณ์และความรู้สึกต่าง ๆ ในวันแรก ที่บันดาลให้คน ๆ หนึ่งเข้ามาแนบอยู่ในชีวิตของเรานั้น ย่อมประทับอยู่ในความทรงจำของเราอย่างไม่มีวันลืม. เครื่องแต่งกายชุดสีน้ำเงิน มีดวงดอกขาวเล็ก ๆ หมวกสีขาว และรองเท้าสีขาว เป็นเครื่องแต่งกายของสุภาพสตรีชุดแรกที่เข้ามาฝังอยู่ในหัวใจของข้าพเจ้า เป็นชุดที่ข้าพเจ้ารู้สึกว่า มีสง่าและภาคภูมิอย่างยิ่ง หม่อมราชวงศ์กีรติเป็นคนร่างอวบ แต่ว่าไม่ใช่คนใหญ่โต. สมบูรณ์และเปล่งปลั่ง ผิวอ่อน ดวงหน้านั้นเมื่อได้สังเกตเห็นโดยใกล้ชิดและบ่อยครั้ง ก็ยิ่งประจักษ์ในความสวยงามเด่นชัดทวีขึ้น. ดวงตาดำใหญ่ภายใต้ขนคิ้วยาว มีน้ำสุกใสหล่ออยู่ในดวงตานั้น. แก้มปลั่ง คางเล็กเชิดนิดหน่อยจนมีรอยบุ๋มอันน่าพิศวาสเหนือลูกคางนั้น. ริมฝีปากเรียวยาวและเต็ม ประทับด้วยรูปสามเหลี่ยมสีแดงสองรูปเบื้องบนและอีกรูปหนึ่งที่เบื้องล่าง ทำให้ริมฝีปากคู่นั้นมีความงามเหนือสิ่งใด ๆ หมด. ข้าพเจ้าต้องยอมสารภาพว่า ไม่เคยเห็นริมฝีปากงามคู่ใดที่จะได้เคยตั้งอยู่บนคางเล็ก ๆ นั้น และยังตบแต่งได้งามถึงปานนั้นด้วย.

​ข้าพเจ้าทราบดีว่า เจ้าคุณอธิการบดีเป็นคนดีมาก และข้าพเจ้าเองก็มีความเคารพท่านเป็นอย่างยิ่ง แต่กระนั้นก็ยังอดประหลาดใจไม่ได้ว่า ด้วยเหตุอะไรในโลกนี้หนอ ที่สนับสนุนให้ความสวยงามถึงปานนี้ได้วิวาห์กับวัยชรา ๕๐ ปี. ข้าพเจ้ามีความฉงนใจอย่างเด็กหนุ่ม ซึ่งอยากจะรู้อยากจะเข้าใจความเป็นไปต่าง ๆ ความฉงนใจของข้าพเจ้าไม่ได้เป็นไปอย่างจริงจังนัก และไม่เกี่ยวข้องกับความรู้สึกส่วนตัวในผู้หนึ่งผู้ใดเลย. ข้าพเจ้าสังเกตว่า หม่อมราชวงศ์กีรติก็ดูมีความพออกพอใจ และมีความเบิกบานในชีวิตแต่งงานใหม่ ๆ ของเธอดีอยู่. นี่เป็นข้อที่เพิ่มความฉงนสนเท่ห์ใจของข้าพเจ้ายิ่งขึ้น. ข้าพเจ้าแน่ใจว่า หม่อมราชวงศ์กีรติมิใช่หญิงม่ายอยู่ก่อน เพราะความเปล่งปลั่งนั้นแลดูสดใสและใหม่เอี่ยมทุกประการ.

​หม่อมราชวงศ์กีรติเป็นคนสงบเงียบ สมตามคำที่ท่านเจ้าคุณได้บอกล่วงหน้า. ในระหว่างทางจากสถานีโตเกียวมาบ้านซึ่งรถวิ่งกินเวลาราว ๒๐ นาที เธอได้ปราศรัยกับข้าพเจ้าสองสามประโยค. เมื่อมาถึงบ้านข้าพเจ้าทราบได้ว่า เธอมีความชื่นชมในบ้านที่ข้าพเจ้าจัดเตรียมไว้รับรองนั้น ยิ่งกว่าที่ท่านเจ้าคุณเองจะรู้สึกได้เสียอีก. เธอตื่นเต้น ไม่ต้องสงสัย แต่เธอสามารถบังคับความตื่นเต้นไว้ได้. เธอเดินตรวจห้องและชมเครื่องตบแต่งต่าง ๆ ด้วยกิริยาการแช่มช้า ปราศจากอาการลุกลนตื่นเต้น. ในบางครั้งเธออุทานคำชมเชยด้วยเสียงซึ่งแสดงความยินดีอย่างลึกซึ้ง เธอไม่ได้พูดมากและบ่อยนัก แต่ข้าพเจ้าอ่านความชื่นชมยินดีของเธอได้จากดวงตา. ข้าพเจ้ารู้สึกในบัดนั้นว่า เธอไม่เหมือนกับสตรีโดยมากที่ข้าพเจ้าได้เคยพบมา.

ในระหว่างรับประทานอาหาร หม่อมราชวงศ์กีรติได้ไต่ถามข้าพเจ้าถึงเรื่องการศึกษา และความเป็นอยู่พอสมควร. ข้าพเจ้าแปลกใจที่เธอไม่ได้ซักถามถึงความสนุก และสิ่งที่น่าตื่นเต้นของนครโตเกียว ซึ่งเป็นธรรมดาของคนที่แรกมาถึงมักจะซักถาม. แต่เธอฟังท่านเจ้าคุณและข้าพเจ้าสนทนากันถึงเรื่องต่าง ๆ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เธอดูเป็นผู้ใหญ่ จนข้าพเจ้ามีความยำเกรง แต่ความสาวและความสวยพริ้งของเธอ ก็ยังเป็นเครื่องฉงนสนเท่ห์ใจของข้าพเจ้าอยู่.

ในขณะที่เจ้าคุณอธิการบดีกับภรรยาของท่านมาถึงนครโตเกียวนั้น บังเอิญเป็นฤดูร้อน และมหาวิทยาลัยก็กำลังปิดเทอมใหม่ ๆ ข้าพเจ้าก็มีเวลาฟรีเต็มที่ เป็นโอกาสดีอย่างยิ่งที่ข้าพเจ้าจะสละเวลาให้แก่ท่านเจ้าคุณได้ตามแต่ท่านจะต้องการ. ท่านเจ้าคุณเองในชั้นแรกก็ไม่สู้พอใจ ที่ได้มาพบความร้อนอย่างเดือนเมษายนในกรุงเทพฯ ที่โตเกียว. อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นการตัดสินใจของท่านเอง มิใช่โดยคำแนะนำของ​ข้าพเจ้า. แต่เมื่อได้ทราบว่า การมาถึงโตเกียวในฤดูร้อนนั้นได้แลกกับโอกาสดีอย่างหนึ่ง คือการหยุดเทอมของข้าพเจ้า ซึ่งอาจเป็นประโยชน์มากแก่ท่านในทางอื่น ท่านก็มีความพอใจ.

ในสัปดาห์แรก ข้าพเจ้าได้ใช้เวลาคลุกคลีอยู่กับท่านทั้งสองแทบตลอดทั้งวัน มี ๒-๓ ครั้งเท่านั้นที่ข้าพเจ้าไม่ได้รับประทานอาหารกลางวันหรืออาหารเย็นร่วมกับท่านทั้งสอง. ในตอนแรก ๆ ที่มาถึง ท่านเจ้าคุณต้องไปพบปะมิตรบางคนของท่าน ทั้งคนญี่ปุ่นและคนไทย มีท่านอัครราชทูตเป็นต้น และนอกจากนั้นท่านอยากจะดูความเป็นไปของบ้านเมืองและสถานที่ต่าง ๆ ตามธรรมดาของคนที่แรกมาถึงต่างประเทศ. ข้าพเจ้าต้องประจำทำหน้าที่เป็นผู้นำทางของท่าน เพราะว่าถ้าปราศจากผู้นำทางที่พูดภาษาญี่ปุ่นได้แล้ว การไปไหนมาไหนของท่านจะได้รับความลำบากมาก. ในระหว่างสัปดาห์แรกนั้น ท่านได้ไปในงานเลี้ยงต้อนรับท่านหลายครั้ง ทั้งโดยเพื่อนญี่ปุ่นและเพื่อนไทย. ในงานเลี้ยงครั้งหนึ่ง ๆ มีคนไปชุมนุมไม่น้อย. ข้าพเจ้าก็ได้มีโอกาสไปในงานนั้นด้วยทุกครั้ง.

ฉะนั้น เพียงชั่วสัปดาห์เดียว คนไทยในญี่ปุ่นก็ได้มีโอกาสพบปะท่านทั้งสองแทบทั่วกัน. ข้าพเจ้าได้ทราบว่า มีผู้ยินดีมากที่ได้รู้จักกับเจ้าคุณอธิการบดี แต่ข้าพเจ้ายังได้ทราบว่า หม่อมราชวงศ์กีรติได้รับความยินดีจากคนทั้งหลายมากกว่าที่สามีของเธอได้รับหลายเท่า ทั้งที่เธอเองเกือบจะไม่รู้จักใครที่นั่นมาแต่ก่อนเลย. หม่อมราชวงศ์กีรติได้บอกข้าพเจ้าในภายหลังว่า ในกรุงเทพฯ เธอรู้จักคุ้นเคยกับใครบ้าง แทบจะนับได้ถ้วนโดยมิต้องนึกนาน.

การณ์เป็นดังนี้ มิใช่ว่าเจ้าคุณดีไม่ทัดเทียมภรรยาของท่าน ข้าพเจ้าได้กล่าวแล้วว่า ท่านเจ้าคุณเป็นคนดีมาก แต่หม่อมราชวงศ์กีรติ​มีเสน่ห์เหลือเกิน. นี่แหละที่ทำให้ความยินดีที่ท่านทั้งสองได้รับจากคนทั้งหลายแตกต่างกัน. พวกผู้ชายมีความเบิกบานใจอย่างยิ่งที่ได้เห็นสุภาพสตรีไทยที่ทรงโฉมประโลมตาอย่างหม่อมราชวงศ์กีรติ จากประเทศสยามมาเยือนนครโตเกียว ทำให้เขาทั้งหลายมีความภาคภูมิใจ ในเมื่อได้ประสบว่า ชนชาวญี่ปุ่นได้มองดูสตรีไทยของเราด้วยสายตาแสดงความนิยมชมชื่น ในความสวยงามที่อาจลึกซึ้งเกินกว่าความคาดหมายของเขา. พวกสุภาพสตรีไทยที่นั่นก็มีความตื่นเต้นสนใจในรูปโฉมของหม่อมราชวงศ์กีรติไม่น้อย แต่เป็นธรรมดาที่จะไม่พูดจาเกรียวกราวกันมากไป. ท่านสุภาพสตรีเหล่านั้น และรวมทั้งผู้ชายบางคนด้วย ได้พากันมาซักถามข้าพเจ้าถึงประวัติและความเป็นไปของหม่อมราชวงศ์กีรติ ก่อนที่จะแต่งงานกับเจ้าคุณอธิการบดี. ในเวลานั้นข้าพเจ้าก็ยังตอบอะไรไม่ได้ คนเหล่านั้นมีความประหลาดใจตรงกันอยู่ข้อหนึ่งว่า ด้วยเหตุผลกลใดหนอ ที่เธอได้ใช้ประกอบการตัดสินใจในการแต่งงานกับเจ้าคุณสามีของเธอ. เป็นที่คาดหมายกันว่า หม่อมราชวงศ์กีรติมีอายุไม่เกิน ๒๘ ปี และการที่หญิงงามทรงเสน่ห์มีอายุเท่านั้น แต่งงานกับท่านสุภาพบุรุษที่มีอายุตั้ง ๕๐ ปี แม้ว่าจะเป็นคนใจดีและภาคภูมิตามทำนองของคนแก่ก็ตาม คนทั้งหลายก็ไม่อาจจะปลดเปลื้องความประหลาดใจออกเสียได้.

อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าเองย่อมจะมีความภาคภูมิใจมากเป็นพิเศษ ในฐานที่ได้รับเกียรติยศเป็นเสมือนองครักษ์ของหม่อมราชวงศ์กีรติ. ตามความรู้สึกของข้าพเจ้า ดูเหมือนว่าหม่อมราชวงศ์กีรติเองก็น่าจะได้ทราบว่า คนทั้งหลายมีความพอใจเธออย่างไร. เธอแสดงกิริยาสงบเสงี่ยมอ่อนโยนอยู่เนืองนิตย์ก็จริง แต่ใคร ๆ ก็อาจที่จะแลเห็นความหรรษาของเธอดารดาษอยู่บนผิวหน้าสีชมพูอ่อนนั้นได้.

​โดยที่ได้ใช้เวลาอยู่กับท่านทั้งสองแทบตลอดทั้งวัน และแทบทุกวัน ความรู้สึกสนิทสนมระหว่างข้าพเจ้ากับหม่อมราชวงศ์กีรติ ก็ได้มีทวีอย่างค่อนข้างรวดเร็ว. ข้าพเจ้าเป็นคนติดคนง่าย และหม่อมราชวงศ์กีรตินั้น ใคร ๆ ก็จะต้องลงความเห็นว่าเป็นคนที่น่าติดเหลือเกิน. ในเมื่อได้มีโอกาสใกล้ชิดสนิทสนมกัน เธอมักจะแสดงความปรานีต่อข้าพเจ้าเนือง ๆ เป็นต้นว่าในเวลารับประทานอาหารก็มักจะคอยช่วยเหลือดูแลให้ความสะดวกแก่ข้าพเจ้า ราวกับข้าพเจ้าเป็นเด็ก ๆ. ครั้งหนึ่งเธอพบรอยปริที่เน็กไทของข้าพเจ้า เธอได้ขอให้ข้าพเจ้าถอดออกแล้วก็จัดแจงเย็บให้ด้วยตนเอง อีกครั้งหนึ่งเธอพบโคลนเปื้อนปลายแขนเสื้อของข้าพเจ้า เธอก็เรียกไปแปรงให้. ตามธรรมดาข้าพเจ้าไม่เคยเอาใจใส่ต่อสิ่งเหล่านี้ และไม่เคยสนใจในความพะเน้าพะนอช่วยเหลือในสิ่งเล็กน้อยเช่นนี้. อย่างไรก็ตาม การที่ออกมาอยู่ต่างประเทศเสียตั้ง ๓ ปี ไม่มีญาติพี่น้องคอยพะเน้าพะนอเอาใจ ต้องหมกมุ่นกับการเล่าเรียน ต้องอยู่​กินอย่างประหยัดและมีชีวิตอย่างแห้งแล้ง นานแสนนาน ได้มาพบความปรานีเช่นนี้ และได้พบในยามเปล่าเปลี่ยวใจ ได้ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกซาบซึ้งในความปรานีนั้นมาก. ความซาบซึ้งนั้นเป็นไปอย่างข้าพเจ้าเองก็นึกประหลาด ข้าพเจ้าค้นหาเหตุผลไม่พบว่า ในระหว่างเวลาที่หม่อมราชวงศ์กีรตินั่งเย็บเน็กไทอยู่ และข้าพเจ้านั่งรออยู่ใกล้ ๆ อย่างเงียบ ๆ คอยตอบคำถามของเธอบางครั้ง เหตุใดข้าพเจ้าจึงรู้สึกว่ามีความสุขเสียเหลือเกิน.

 


33



​เมื่อเจ้าคุณอธิการบดีพาหม่อมราชวงศ์กีรติ ภรรยาของท่าน ไปฮันนีมูนที่ญี่ปุ่นนั้น ข้าพเจ้ากำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยริคเคียว และในเวลานั้น ข้าพเจ้าเพิ่งมีอายุได้ ๒๒ ปี.

ในเมืองไทย ข้าพเจ้าเคยรู้จักกับท่านเจ้าคุณโดยฐานที่ท่านเจ้าคุณกับบิดาของข้าพเจ้าเป็นมิตรกัน และท่านมักแสดงความปรานีต่อข้าพเจ้าในเวลาที่พบปะ. ข้าพเจ้ารู้จักคุณหญิงอธิการบดี เท่ากับที่รู้จักท่านเจ้าคุณ. ภายหลังที่ข้าพเจ้าได้ออกไปเล่าเรียนที่ญี่ปุ่นได้ประมาณหนึ่งปี ข้าพเจ้าได้ทราบข่าวด้วยความสลดใจว่า คุณหญิงอธิการบดีได้ถึงแก่กรรมเสียแล้วด้วยโรคไข้หวัดใหญ่ ตั้งแต่นั้นมาข้าพเจ้าไม่ได้ทราบข่าวของคุณหญิงอีกเลย. จนกระทั่งเวลาได้ผ่านไปอีก ๒ ปี และจนกระทั่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ข้าพเจ้าจึงได้รับข่าวจากท่านอีกครั้งหนึ่ง.

เจ้าคุณอธิการบดีได้เขียนมาถึงข้าพเจ้าว่า ท่านจะออกมาประเทศญี่ปุ่นพร้อมด้วยภรรยาใหม่ของท่าน - หม่อมราชวงศ์กีรติ - ขอให้ข้าพเจ้าช่วยจัดแจงบ้านพักไว้ให้และรวมทั้งความสะดวกอื่น ๆ ตามที่​ผู้ซึ่งออกมาอยู่ต่างประเทศจะต้องการ, ท่านตั้งใจว่าจะพักอยู่ที่โตเกียวสัก ๒ เดือน.

ที่ว่าท่านพาภรรยาไปฮันนีมูนที่ญี่ปุ่นนั้น เป็นคำซึ่งข้าพเจ้าเรียกเอาเอง แต่ในจดหมายที่เขียนมานั้น ท่านบอกว่า ต้องการจะเปลี่ยนภูมิประเทศและต้องการเดินทางไกล เพื่อพักผ่อนหย่อนใจสักชั่วระยะเวลาหนึ่ง. ความประสงค์ข้อใหญ่ในการออกมาประเทศญี่ปุ่นนั้น ก็เพื่อจะให้เป็นที่เบิกบานสำราญใจแก่ภรรยาคนใหม่ของท่าน. กล่าวถึงหม่อมราชวงศ์กีรติ, ท่านได้เขียนมาว่า “ฉันทั้งรักและสงสารเธอ. เป็นผู้ที่ยังไม่สู้จะคุ้นกับโลกภายนอก ถึงแม้ว่าจะมีอายุมากแล้ว. ฉันปรารถนาจะให้กีรติคุ้นเคยกับโลกภายนอก ไม่เฉพาะแต่ในเมืองไทยเท่านั้น และฉันปรารถนาจะให้เธอเป็นสุขเบิกบาน ปรารถนาจะให้เธอรู้สึกว่าการแต่งงานกับผู้มีอายุเช่นฉันนั้น อย่างน้อยที่ไม่ไร้ความหมายเสียทีเดียว. ฉันเชื่อว่า พ่อนพพรจะพอใจกีรติ เช่นเดียวกับที่เธอได้มีความพอใจคุณหญิงเพื่อนคู่ทุกข์คู่ยากของฉัน ผู้หาบุญไม่แล้ว. แต่ว่ากีรติเป็นคนที่ค่อนข้างเงียบอยู่สักหน่อยสำหรับผู้ที่ยังไม่คุ้นเคยกัน แต่เป็นคนใจคอโอบอ้อมอารี ไม่ต้องสงสัย. ลักษณะนิสัยอย่างพ่อนพพร คาดได้ว่ากีรติจะพอใจมาก. ฉันได้บอกความข้อนี้ให้กีรติทราบแล้วด้วย.”

ข้าพเจ้าไม่เคยรู้จักหม่อมราชวงศ์กีรติมาแต่ก่อน และข้อความสั้น ๆ ที่เจ้าคุณอธิการบดีเขียนถึงท่านผู้นี้มาในจดหมาย ก็ไม่ช่วยให้ข้าพเจ้ารู้จักท่านดีขึ้น. ข้าพเจ้าเดาเอาว่า ท่านผู้นี้จะมีอายุราว ๔๐ หรืออาจจะเยาว์กว่านั้นสักนิดหน่อย คงจะเป็นคนถือตัว หรืออย่างน้อยก็ไว้ตัวตามเลือดของเผ่าพันธุ์ที่เป็นเจ้า และไม่ชอบเด็กที่มีนิสัยเอะอะตึงตังหลุกหลิกนั้นแน่ เพราะว่านั่นไม่ใช่ลักษณะนิสัยของข้าพเจ้า, คงจะเป็น​คนขรึม ๆ ไม่ค่อยโปรดความสนุกรื่นรมย์ตามทำนองของคนโดยมาก คงมีนิสัยเคร่งครัดในระเบียบแบบแผนต่าง ๆ ซึ่งล้วนแต่เป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าจะต้องติดต่อกับท่านด้วยความระมัดระวัง.

เจ้าคุณอธิการบดีเขียนมาในจดหมายว่า ท่านไม่มีประสงค์จะพักอยู่ที่โฮเต็ล ไม่ว่าจะเป็นโฮเต็ลที่หรูเพียงใด เช่นอิมพีเรียลโฮเต็ลเป็นต้นนั้น. ท่านเบื่อที่จะต้องไปใช้เวลาว่างปะปนกับคนแปลกหน้าทั้งหลาย เบื่อการแต่งตัวซึ่งจะต้องแต่งอย่างเป็นระเบียบในเวลาออกมานอกห้องหรือในเวลารับประทานอาหาร. ท่านต้องการจะเช่าบ้านพักสักหลังหนึ่ง ซึ่งท่านอาจจะใช้ชีวิตของท่านอย่างอิสระเสรีเต็มที่ และท่านไม่สนใจว่าในการอยู่โดยทำนองนี้จะสิ้นเปลืองเงินไปสักเท่าใด.

ในข้อหลังนี้ข้าพเจ้าทราบดี เพราะว่าท่านเจ้าคุณได้ชื่อว่าเป็นเศรษฐีย่อม ๆ คนหนึ่งในเมืองไทย และทั้งเป็นคนใจคอกว้างขวางโอบอ้อมอารี. ข้าพเจ้าได้จัดการว่าเช่าบ้านหลังหนึ่งที่ตำบลอาโอยามาชิฮัง เป็นตำบลที่อยู่นอกเมืองออกไป และอยู่ไม่ไกลจากทางรถไฟ การเดินทางเข้าไปในเมืองจะได้รับความสะดวกสบายทุกประการ. บ้านที่ว่าเช่าไว้นั้น เป็นบ้านที่ไม่ใหญ่โตนัก แต่ว่าเป็นบ้านที่สวยงามน่าเอ็นดูหลังหนึ่งในตำบลนั้น เป็นบ้านที่ปลูกขึ้นเมื่อดูตามรูปทรงภายนอก ประกอบด้วยศิลปะของชาวตะวันตก แต่การก่อสร้างภายใน มีการสร้างห้องหับและการจัดและตบแต่งบ้านด้วยเครื่องเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ เป็นไปตามแบบอย่างชาวญี่ปุ่น. บ้านนั้นตั้งอยู่บนเนินเตี้ย ๆ มีกำแพงซึ่งก่อด้วยหินก้อนใหญ่ ๆ สูงราว ๒ ฟุตครึ่ง เหนือก้อนหินมีดินพูนสูงขึ้นไปราว ๓ ฟุตและปลูกหญ้าเขียวชอุ่ม เหนือกำแพงดินยังปลูกต้นไม้กอน้อย ๆ เรียงรายไปบนกำแพง มีระยะห่างกันพอสมควร. ภายในบริเวณบ้านมีสวน ซึ่งดูทึบไปด้วยสีเขียวของใบไม้ใหญ่น้อย ​ประกอบกับมีต้นไม้ใหญ่สองต้นปลูกอยู่ที่หน้าบ้าน แผ่กิ่งก้านและใบอันหนาทึบปกคลุมอยู่แทบทั่วบริเวณ ทำให้บ้านหลังนั้นแลดูสดชื่นระรื่นตายิ่งขึ้น. ข้าพเจ้าเองมีความพอใจในบ้านหลังนี้มาก และแม้เจ้าของขอเรียกค่าเช่าเดือนละ ๒๐๐ เยน ข้าพเจ้าก็เห็นว่าไม่แพง สำหรับบ้านที่มีเครื่องแต่งบ้านพร้อมอย่างเป็นที่พอใจ และทั้งต้องคอยดูแลมิให้รกร้างทรุดโทรม..

ข้าพเจ้าได้ว่าจ้างสาวใช้รูปร่างหน้าตาน่าเอ็นดูไว้คนหนึ่ง สำหรับดูแลบ้านช่องให้เป็นไปตามทำนองความเป็นอยู่ของคนญี่ปุ่น. การที่เลือกหาสาวใช้หน้าตาน่าเอ็นดูนั้นข้าพเจ้าไม่ได้หมายว่า จะให้เป็นที่พอใจแก่ท่านเจ้าคุณในทางอื่น นอกไปจากหน้าที่โดยตรงของหล่อน. ข้าพเจ้ามีความเห็นว่า ถ้าเราสามารถที่จะเลือกได้ในระหว่างคนใช้ที่มีหน้าตาเหมือนยักษิณี กับที่มีหน้าตาหมดจดงดงามแล้ว เราก็ควรจะเลือกเอาคนหลัง เพราะว่าการที่อยู่ต่อหน้าความหมดจดงดงามไม่ว่าจะเป็นในบุคคลหรือในวัตถุก็ดี ย่อมจะช่วยให้อารมณ์ของเราแช่มชื่นขึ้นตามส่วน. ข้าพเจ้าทราบดีว่าเจ้าคุณอธิการบดีอยู่ในฐานะที่จะเลือกได้. ข้าพเจ้าต้องจ้างสาวใช้คนนี้ด้วยอัตราที่แพงกว่าปรกติธรรมดา แต่ส่วนที่แพงขึ้นนั้นมิใช่เป็นส่วนที่จะต้องเพิ่มให้แก่ความน่าเอ็นดูของหล่อน แต่ว่าข้าพเจ้าจำเป็นต้องเลือกหาผู้หญิงญี่ปุ่นที่พูดภาษาอังกฤษได้บ้างพอควร เพราะมิฉะนั้นแล้ว ท่านทั้งสอง - เจ้าคุณอธิการบดีกับภรรยาของท่าน - ก็จะได้รับความขลุกขลักมาก

วันแรกที่ข้าพเจ้าได้พบเจ้าคุณอธิการบดี พร้อมด้วยคณะของท่านที่สถานีโตเกียวนั้น ได้เป็นครั้งแรกด้วย ที่ข้าพเจ้าได้รับความฉงนสนเท่ห์ใจอย่างมากเนื่องในการที่ได้รู้จักกับภรรยาของท่าน. สุภาพสตรีสองคนที่มากับท่านเจ้าคุณนั้น เมื่อชำเลืองเห็นในขณะแรก ข้าพเจ้า​คาดว่าคนที่มีอายุประมาณ ๓๘ ปี แต่งตัวเรียบ ๆ และดูติดจะครึ ๆ ตื่น ๆ นิดหน่อยนั้น คงจะเป็นหม่อมราชวงศ์กีรติ ทั้งนี้สันนิษฐานตามจดหมายที่เจ้าคุณมีมาถึงข้าพเจ้า. ส่วนอีกคนหนึ่งนั้นตรงกันข้าม แลดูเป็นสาว และเต็มไปด้วยความเปล่งปลั่ง แต่งกายงดงามมีสง่า แม้เพียงชั่วการชำเลืองเห็นครั้งแรก ความงามสง่าของหล่อนก็ปรากฏโดยเด่นชัดในสายตาของข้าพเจ้า. ข้าพเจ้าเดาไม่ออกว่าหล่อนเป็นใคร. ธิดาคนโตของท่านเจ้าคุณซึ่งได้แต่งงานไปเมื่อหลายปีแล้ว ข้าพเจ้าก็เคยได้พบในกรุงเทพฯ.

อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าไม่มีโอกาสจะนึกเดาอยู่ได้เกินกว่าหนึ่งนาที เพราะว่าภายหลังที่ข้าพเจ้าตรงเข้าไปทักทายกับท่านเจ้าคุณได้สองสามคำ ท่านก็หันไปทางสุภาพสตรีคนสาว ซึ่งในขณะนั้นยืนอยู่ข้างเคียงท่าน และพูดว่า “นี่ภรรยาของฉัน คุณหญิงกีรติ.” คำแนะนำ​ของท่านทำเอาข้าพเจ้าแทบสะดุ้ง เพราะความคาดผิดอย่างเขลา. ข้าพเจ้าเกือบเสียกิริยาที่จะเพ่งดูดวงหน้าของเธอ เพื่อขจัดความสงสัยว่ามีอะไรในดวงหน้านั้นบ้างเล่า ที่ทำให้ใคร ๆ อาจที่จะคาดหมายได้ว่าเธอคือหม่อมราชวงศ์กีรติ ภรรยาคนใหม่ของเจ้าคุณอธิการบดี.

เธอยิ้มอย่างอ่อนโยน และงามชดช้อย เมื่อรับไหว้ของข้าพเจ้า. ส่วนผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ในขณะนั้นถอยไปยืนอย่างมีคารวะอยู่เบื้องหลังท่านเจ้าคุณสักสองก้าว. เมื่อเหลือบไปเห็นหล่อนอีกครั้งหนึ่ง ข้าพเจ้าก็พลันนึกได้ถึงข้อความตอนหนึ่งในจดหมายของท่านเจ้าคุณซึ่งได้เขียนบอกมาว่า ท่านจะนำแม่ครัวของท่านมาจากกรุงเทพฯ ด้วย. ข้าพเจ้าลืมความข้อนี้เสียสนิท. ในที่สุดข้าพเจ้าไม่มีอะไรสับสนอยู่ในหัวแล้วว่าใครเป็นใครก็จริง แต่ข้าพเจ้าก็ยังอดประหลาดใจไม่ได้ว่าข้าพเจ้าคาดอายุอานามและรูปโฉมของหม่อมราชวงศ์กีรติผิดไปถนัด.

​ในวันนั้น ข้าพเจ้าแต่งเครื่องแบบของนักเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นสิ่งแรกในตัวข้าพเจ้าที่หม่อมราชวงศ์กีรติมีความสนใจ, เธอชมเชยว่าเป็นเครื่องแบบที่เรียบร้อยน่าเอ็นดู และที่เธอชอบมากคือสีของมัน – สีน้ำเงิน, เธอก็บังเอิญแต่งสีเดียวกัน - สีน้ำเงิน และมีดวงดอกขาวประดับอยู่ทั่วผืนผ้า - ทั้งกระโปรงและเสื้อ, เป็นสีที่ไม่ฉูดฉาด แต่ถึงเช่นนั้นก็มีความภาคภูมิและมีสง่าอย่างบอกไม่ถูก.

เมื่อข้าพเจ้าสั่งรถยนต์ให้แล่นช้าตอนจะเลี้ยวเข้าประตูบ้าน เจ้าคุณอธิการบดีชะโงกตัว เอื้อมมือมาตบไหล่ข้าพเจ้าเบา ๆ และชมเชยว่า ข้าพเจ้าจัดหาบ้านให้เป็นที่พอใจมาก. เป็นความจริงว่าตามทางที่รถยนต์ผ่านมาในละแวกนั้น จะหาบ้านใดที่สวยงามน่าอยู่เหมือนบ้านของเราไม่มี. คนใช้สาวในเครื่องกิโมโนงามหมดจดเรียบร้อย ยืนคอยอยู่​ที่ริมบันไดหน้าบ้าน และน้อมกายลงคำนับตั้งแต่รถผ่านประตูเข้ามา. หล่อนคำนับอีกสองสามครั้งด้วยความคารวะอย่างสูงตามประเพณีของคนญี่ปุ่น เมื่อท่านทั้งสองลงมาจากรถ. เจ้าคุณได้ปราศรัยกับหล่อนด้วยถ้อยคำสองสามประโยค และหล่อนตอบเป็นภาษาอังกฤษได้เรียบร้อยพอใช้ ซึ่งทำให้ท่านต้องแสดงความพอใจอีก. ในที่สุด เมื่อท่านได้ตรวจดูห้องหับและเครื่องใช้ไม้สอยภายในบ้านเรียบร้อยแล้ว ท่านก็กล่าวคำชมเชย และขอบใจข้าพเจ้าอย่างเต็มที่อีกครั้งหนึ่ง. ข้าพเจ้าต้องสารภาพว่า ข้าพเจ้ามีความอิ่มใจมากที่ได้จัดการให้ความพอใจแก่ท่าน ได้โดยไม่มีขาดตกบกพร่อง เพราะว่าด้วยความสามารถเช่นนั้น ได้ทำให้เจ้าคุณกล่าวสรรเสริญข้าพเจ้าแก่คนอื่น ๆ ในภายหลังว่า ข้าพเจ้าเป็นเด็กที่เฉลียวฉลาดรอบคอบเหนือเด็กหนุ่ม ๆ โดยทั่วไป.

น้ำร้อนได้เตรียมไว้เรียบร้อยแล้วสำหรับอาบ และทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง. ท่านทั้งสองได้รับความพอใจตั้งแต่แรกย่างเหยียบ​เข้าไปในบ้าน และไม่มีความผิดหวังอะไรมาขัดจังหวะ, ตอนค่ำข้าพเจ้าพาท่านไปรับประทานอาหารจีนที่ภัตตาคารกาโจเอ้ง ซึ่งเป็นภัตตาคารที่หรูหรามีชื่อเสียงเยี่ยมในนครโตเกียว. ทั้งสถานที่และอาหารที่รับประทานกันในค่ำวันนั้น ทำให้ท่านเจ้าคุณต้องพูดออกมาบ่อย ๆ ว่าชวนให้คิดถึงห้อยเทียนเหลาในกรุงเทพฯ. เมื่อกลับมาบ้าน ที่นอนของท่านทั้งสองได้จัดเตรียมไว้อย่างมีระเบียบเรียบร้อยพร้อมแล้ว. ข้าพเจ้ากลับมาบ้านของข้าพเจ้าในคืนวันนั้นด้วยความอิ่มใจในความสำเร็จ ซึ่งข้าพเจ้าเองก็ออกจะรู้สึกว่าเป็นไปดีอย่างเกินคาด.

 


34
นวนิยายเรื่อง ข้างหลังภาพ บทประพันธ์ของ ศรีบูรพา ตอนที่ 1-5


https://vajirayana.org/%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E
https://vajirayana.org/ข้างหลังภาพ

ข้างหลังภาพ





คำวิจารณ์....“ข้างหลังภาพ”

ข้าพเจ้าจะเป็นบุคคลคนแรกก็ได้ ที่ได้รับเกียรติยศอ่านบทประพันธ์เรื่อง “ข้างหลังภาพ” ของ “ศรีบูรพา” ในขณะที่ขัดเกลาเปลี่ยนแปลงใหม่แล้ว กล่าวคือ ข้าพเจ้าได้อ่านบทประพันธ์เรื่องนี้โดยละเอียดในตอนที่หนึ่ง ซึ่งผู้ประพันธ์ได้นำมาปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นในการรวมพิมพ์เป็นเล่มครั้งใหม่แต่ยังเป็นต้นร่าง ได้อ่านอย่างพินิจพิจารณาเป็นที่สุด และอย่างที่ได้พยายามเก็บแนวการประพันธ์เรื่องนี้อย่างละเอียดรอบคอบที่สุด

ข้าพเจ้าขอน้อมรับคำเชิญของท่านบรรณาธิการที่ขอให้เขียนวิจารณ์เรื่อง “ข้างหลังภาพ” นี้ด้วยความยินดี ยินดีที่จะได้มีโอกาสบรรยายถึงความรู้สึกนึกคิดของข้าพเจ้าโดยตรงในบทประพันธ์ที่ข้าพเจ้า และอีกหลายร้อยคนได้ให้ความสนใจมาแล้วอย่างยิ่งในตอนที่หนึ่ง ที่ได้นำลงพิมพ์ไว้เพียงนั้นในหนังสือพิมพ์ “ประชาชาติ” รายวัน ระหว่างเดือนธันวาคมกับมกราคม ปีที่แล้ว.

งานวิจารณ์เป็นงานใหม่ของข้าพเจ้า แต่เมื่องานใหม่ชิ้นนี้เป็นงานใหม่ที่ชอบใจแล้ว ข้าพเจ้าก็พอใจที่จะรับทำด้วยความเต็มใจ และเริ่มเขียนหน้าวรรณคดีวิจารณ์นี้ขึ้นด้วยการหยิบยกบทประพันธ์ที่ข้าพเจ้าชอบใจอยู่เป็นอย่างมากแล้วเหมือนกันเช่นนี้ขึ้นพิจารณา สอบความหมายความเข้าใจในเรื่องราวทั้งหมด สืบต้นสายปลายเหตุของเรื่องให้ประจักษ์แจ้งชัดในวงของผู้พึงอ่านบทประพันธ์ชนิดโนเวลเช่นนี้โดยทั่วถึง ข้าพเจ้าไม่ได้เขียนบทความนี้ในหน้าที่ของ “คริติค” ​เพราะคริติคนั้นอยู่ในขีดผู้ชี้ผิดชี้ชอบ ซึ่งถ้าจะแปลตามรูปศัพท์กรีกเดิมแล้ว ก็ได้แก่ผู้พิพากษ์โดยตรง ผู้พิพากษ์ย่อมไม่ใช่ผู้วิจารณ์ ในฐานะที่เป็นแต่เพียงผู้เยาว์ ข้าพเจ้าไม่บังอาจที่จะก้าวสูงขึ้นไปจนถึงขั้นผู้ชี้ผิดชี้ชอบเช่นนั้นได้ ข้าพเจ้าไม่อาจหาญพอที่จะเลือกเอา “ข้างหลังภาพ” ขึ้นมาเพ่งเล็งในฐานะของผู้พิพากษ์ได้ เพราะฐานะของผู้พิพากษ์ย่อมเป็นฐานะที่ถึงได้ยาก เป็นฐานะที่อยู่เหนืออาร์ติสต์ทั้งปวง ผู้พิพากษ์หรือคริติคนี้จึงรวมเข้ากับอาร์ติสต์ได้ยากที่สุด เพราะอาร์ติสต์ย่อมมีวิถีทางไปตามแนวของตัวโดยเฉพาะ ไม่ผยองความสามารถอาจหาญของตนขึ้นไปเทียบเท่ากับคริติค ท่านอาจารย์ ม.จ. วรรณ ไวทยากรฯ ได้ตรัสไว้ว่า “ผู้พิพากษาชี้ผิดชอบในอรรถคดีฉันใด ผู้พิพากษ์ก็ชี้ผิดชี้ชอบในวรรณคดีฉันนั้น.”

ได้กล่าวแล้วว่า ข้าพเจ้าจะขอเชิดชู “ข้างหลังภาพ” ขึ้นพิจารณาในกรอบแต่เพียงเป็นผู้วิจารณ์ผู้หนึ่ง เป็นการเชิดชูที่ผู้ใฝ่ใจในความสวยสดงดงามของศิลปะทั้งหลายจะพึงให้ได้แก่ผู้สร้างศิลปะนั้น ๆ ข้าพเจ้ามอง “ศรีบูรพา” ในเหลี่ยมนี้ ไม่นอกเหนือออกไปจากเขตที่หลักการวิจารณ์จะพึ่งอนุญาตให้ไม่เพ่งไปในทางที่ “ศรีบูรพา” จะเป็นผู้สนิทชิดชอบกับข้าพเจ้าเป็นส่วนตัวแล้วเขียนวิจารณ์กันไปโดยฉันทาคติ ข้าพเจ้าได้ตั้งปณิธานไว้แล้วว่า จะขอพิจารณา “ข้างหลังภาพ” ด้วยความยุติธรรมเป็นอย่างยิ่ง โดยถือไปตามแนวที่ “ข้างหลังภาพ” เป็นวรรณกรรมชิ้นหนึ่งที่นักประพันธ์ผู้หนึ่งได้ใช้ความสวยงามที่บังเกิดจากความฝันของเขา ผูกประพันธ์ร้อยกรองขึ้นไว้ด้วยความรอบคอบระมัดระวังอย่างวิจิตรพิสดาร เป็นออริจินัลเวอร์คที่บริสุทธิ์ผุดผ่องของเขาแท้จริง ข้าพเจ้าจะพิจารณา “ข้างหลังภาพ” ไปตามแนวนี้ และโดยความยุติธรรมอย่างนี้.

​ในขณะที่จะลงมือวิจารณ์เรื่อง “ข้างหลังภาพ” ข้าพเจ้าได้อ่านเอาเรื่องจากบทประพันธ์เรื่องนี้อีก ๒-๓ ตลบ โดยเลือกอ่านจากตอนที่ข้าพเจ้าผูกใจจดจ่ออยู่อย่างมากที่สุดในคราวที่อ่านตอนแรก และจดจำเหตุผลเรื่องราวทั้งหมดไว้ในสมองหนึ่งคืนเต็มก่อนจะลงมือเขียน แล้วจึงได้เขียนบทวิจารณ์บทนี้ขึ้นด้วยความสดชื่นเบิกบานใจอย่างแปลก ด้วยความที่รู้สึกโปร่งสมองในขณะที่ใช้ความตรองในการวิจารณ์เรื่องนี้ด้วยความสนุกสนานเพลิดเพลินและผ่องแผ้วในอารมณ์อย่างประหลาดมหัศจรรย์ที่สุด.

ข้าพเจ้าจำได้ดีว่า ได้เคยมีความรู้สึกดีในเมื่อได้อ่านบทประพันธ์จบลงดังนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง คือในปี พ.ศ. ๒๔๗๒ เมื่อข้าพเจ้าได้อ่านหนังสือเรื่อง “ละครแห่งชีวิต” โดยฝีปากหม่อมเจ้าอากาศดำเกิง. ชีวิตที่ผ่านความระทดสลดเศร้า ของวิสูตร และมาเรีย เกรย์ ในเรื่องนั้น ไม่ลืมเลือนไปจากความทรงจำของข้าพเจ้าได้จนบัดนี้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความงามประการที่สำคัญอันเป็นอาภรณ์ประดับ “ละครแห่งชีวิต” นั้นไม่ได้อยู่แต่ที่วิญญาณของวิสูตรหรือมาเรีย เกรย์เท่านั้น หากอยู่ที่เซตติงของเรื่องเป็นส่วนมาก หม่อมเจ้าอากาศดำเกิงได้ทรงสร้างเซตติงขึ้นได้สวยงามอย่างน่าชมเชยที่สุด เป็นฉากที่สดชื่นอ่อนหวานทั้งภายในและภายนอกประเทศสยาม ชีวิตในตอนที่สำคัญที่สุดของตัวเอกไม่ได้อยู่ภายในสยาม แต่ไปอยู่นอกสยาม ความสำคัญของเรื่อง “ละครแห่งชีวิต” นั้นอยู่ที่การบรรยายถึงชีวิตภายนอกประเทศสยามได้อย่างชัดเจน ข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่า “ละครแห่งชีวิต” มีราคาขึ้นด้วยเซตติงอย่างมากมายในยุคนั้น และนี่ก็เป็นความจริง ๘๐ เปอร์เซ็นต์ของผู้อ่าน “ละครแห่งชีวิต” ใน พ.ศ. ๒๔๗๒ ตื่นใจในเซตติงของบทประพันธ์มากกว่าที่จะเข้าใจในชีวิตอันเป็นไอเดียลลิสต์​ของวิสูตร โดยถ่องแท้ เช่นเดียวกับที่คนเมืองนอกเคยตื่นใจเรื่องทุกเรื่องที่เป็นบทประพันธ์ของ รัดยาร์ดคิปปลิง ก็โดยที่คิปปลิงตั้งเซตติ้งของเรื่องเกือบทุกเรื่องขึ้นในอินเดีย คนมักแสวงสิ่งใหม่ ต้องการที่จะได้พบแต่สิ่งแวดล้อมแปลก ๆ ใหม่ ๆ หรือสถานที่งดงามที่ตนหาโอกาสพบเห็นได้ยาก ดังนั้นเซตติงที่แปลกและใหม่จึงเป็นอาภรณ์สำคัญประการหนึ่งของบทประพันธ์ที่งดงามดังนี้.

“ข้างหลังภาพ” เปิดฉากตอนที่หนึ่งทั้งตอนขึ้นในประเทศญี่ปุ่น ในท่ามกลางความสดชื่นรื่นรมย์ของไมตรีจิตมิตรภาพที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง ในท่ามกลางกลิ่นไอที่หอมฟุ้งจรุงใจประสมกับสีสันวรรณะที่งดงามของดอกไม้ญี่ปุ่นนานาชนิด ผู้อ่านทุกคนจะสังเกตได้ว่า “ศรีบูรพา” ได้ร้อยกรองข้อความตลอดเรื่องในตอนนี้ขึ้นอย่างประณีตบรรจงเป็นที่สุด ได้พรรณนาถึงสภาพธรรมชาติที่อ่อนหวานนุ่มนวลไว้อย่างวิจิตรพิสดาร เช่นเล่าถึง ความสวยงามในเวลาค่ำคืนที่กามากูระ-เมืองชายทะเล สถานที่มีลมเย็นโกรกอยู่เรื่อย ๆ มีลูกคลื่นฟอกหาดสาดหินโดยไม่ขาดระยะ และมีดวงดาวที่พราวดาษอยู่เต็มฟ้า หรือที่ มิตาเกะ-เมืองที่งามไปด้วยธรรมชาติแวดล้อม มีลำธารที่กว้างใหญ่ “ซึ่งมีน้ำใสสะอาดจนสามารถจะแลเห็นก้อนหินตะปุ่มตะป่าอยู่ภายใต้พื้นน้ำ” หรือที่เล่าตลอดไปถึง ชีวิตการสมาคมในประเทศญี่ปุ่น และความเป็นอยู่โดยทั่วไปของประชาชนพลเมืองญี่ปุ่นอย่างละเอียดนั้นแล้ว เช่นนี้-ข้าพเจ้าขอยืนยัน ยืนยันโดยความยินดีด้วย “ศรีบูรพา” ทีเดียว ว่าผู้ประพันธ์ได้สร้างเซตติงขึ้นเป็นอาภรณ์ประดับบทประพันธ์เรื่องนี้ด้วยความตระการเพียบพร้อมจริง ๆ.

พูดถึงการสร้างเนื้อเรื่องแล้ว ความเรียงในการบรรยายไม่ลักลั่น เริ่มแต่เมื่อพระยาอธิการบดีพาหม่อมราชวงศ์กีรติผู้ภรรยาไปฮันนีมูน ​เมื่อต้นเรื่องตลอดไปจนจบนั้น นับว่าผู้ประพันธ์ได้วางไว้เป็นระเบียบเรียบร้อยดียิ่ง โวหารในการผูกประพันธ์กลมกลืน การเรียงระดับเรื่องราวต่อเนื่องกันดี ได้นำพาให้ผู้อ่านอยู่ในระดับแอทโมสเฟียร์ที่ดีงามจนจบเรื่อง

ว่าโดยลักษณะตัวละครในเรื่อง “ศรีบูรพา” ได้ทำความงวยงงสงสัยให้แก่ผู้อ่านอย่างมากมาย ในการสร้างหม่อมราชวงศ์กีรติขึ้นในเรื่องนี้ คาแรคเตอร์ของหญิงสาวผู้นี้ได้ประดิษฐ์ขึ้นเป็นอย่างสูง เป็นสตรีที่เป็นไอเดียลลิสต์อย่างแท้จริง ความรอบคอบเยือกเย็นสุภาพเรียบร้อย อ่อนหวานในวงการสมาคม ซื่อสัตย์กตัญญูและคุณงามความดีอีกหลายอย่างหลายประการ ยกเป็นคุณสมบัติของสตรีผู้นี้ทั้งสิ้น. หม่อมราชวงศ์กีรติเป็นสุภาพสตรีที่ “ศรีบูรพา” ได้ใช้ความคิดฝันของเขาไปในทางที่เป็นมงคลอันเจริญ ยิ่งเสียกว่า “เพลิน” ของ “ศรีบูรพา” ในเรื่อง “สงครามชีวิต” ยิ่งเสียกว่าสตรีใด ๆ ทุกผู้ทุกคน ในการที่ได้ระทมทุกข์บำรุงสุขอยู่ชั่วกาลเวลาเช่นนี้ ยากที่จะหาใครเทียบกับหม่อมราชวงศ์กีรติ.

ในความที่เป็นผู้อยู่ในความคุ้มครอง ป้องปัก ภายใต้จารีตประเพณีอย่างกวดขันของท่านพ่อ หญิงที่สาวที่สุดและสวยที่สุดทั้ง ๆ ที่มีอายุแท้จริงย่างเข้า ๓๕ ปีผู้นี้ จำต้องแต่งงานไปกับพระยาคนหนึ่งซึ่งอยู่ในพุ่มชรา แต่งไปด้วยความพิศวงสงสัยอย่างที่อยากจะรู้จักกับความรักอย่างบริสุทธิ์ผุดผ่องเป็นที่สุด แต่แล้วก็ไม่ได้พบได้เห็นจนแล้วจนรอด ตราบกระทั่งมีผู้ชายอีกคนหนึ่งผ่านเข้ามาในชีวิตของเธอ.

นพพร เป็นชายหนุ่มที่ถูกสร้างขึ้นอย่างประณีตพิสดารไม่น้อยไปกว่าหม่อมราชวงศ์กีรติ เป็นแบบอย่างของชายหนุ่มในวัย ๒๒ ปีที่น่ารักน่าเอ็นดู มีความรู้สึกนึกคิดที่ดีงามในการครองตัว มีจรรยา​มารยาทที่เรียบร้อยน่าชื่นชม มีทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นสมบัติของลูกผู้ชาย เช่นนั้น เป็นคุณสมบัติของ “นพพร” บุคคลที่ได้กำเนิดขึ้นจากปลายปากกา “ศรีบูรพา”.

เพราะเหตุที่เป็นนักศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยริคเคียว และเพราะเหตุที่บิดาเป็นมิตรกับเจ้าคุณอธิการบดีมาก่อน นพพรต้องรับหน้าที่เป็นผู้ต้อนรับขับสู้จัดหาที่ทางให้เจ้าคุณเฒ่าและหญิงสาวตลอดเวลาที่อยู่ในญี่ปุ่นนี้ และด้วยความที่เป็นคนดีอยู่แล้วประการหนึ่ง ประกอบกับความที่เคยมักคุ้นกับท่านเจ้าคุณอธิการบดีผู้มีใจดีประดุจพระประการหนึ่ง นพพรจึงได้พลอยสนิทสนมกลมเกลียวไปกับคุณหญิงอธิการบดีสาว หม่อมราชวงศ์กีรติ ผู้มีรูปโฉมโนมพรรณงดงามเสมือนแม่พระนั้นไปด้วย.

ความเรียงของเรื่องได้ดำเนินไปอย่างเรียบ ๆ สุขุม และสมเหตุสมผล ทุก ๆ ระยะเวลาที่ไมตรีจิตมิตรภาพของนพพร และหม่อมราชวงศ์กีรติ ได้เจริญงอกงามขึ้นไปทีละเล็กละน้อย จากการที่มีจิตใจคารวะในกันจนถึงขั้นของความเป็นมิตรไมตรี “ศรีบูรพา” ได้เดินเรื่องไปอย่างเรียบร้อยไม่เร่งรัด และไม่แอบเสอร์ด.

การที่มีโอกาสใกล้ชิดสนิทสนมกันยิ่งขึ้นไปเป็นลำดับนี้ ย่อมนำพาให้ความรู้สึกนึกฝันของชายหนุ่มอายุ ๒๒ ปี อย่างนพพร คาดไกลไหวหวั่นไปได้บ้าง และไม่เป็นปัญหาในเรื่องที่นพพรจะรู้สึกนึกรักในหม่อมราชวงศ์กีรติ ในมรรยาทอันแช่มช้อยน่ารักซึ่งเป็นความดีพิเศษของเธอ เช่นเดียวกับชายหนุ่มในวัยนี้ทุกคนจะพึงมีจิตใจไหวหวั่นไปในคุณงามความดีของสตรีที่ชอบชิดสนิทสนมของเขา จนบังเกิดความรักขึ้นได้ในท้ายที่สุด.

ข้อความทุกบททุกตอนที่สำแดงถึงความเฉลียวฉลาดของหม่อม​ราชวงศ์กีรติก็ดี ความสุภาพเรียบร้อยและความมีใจสูงของนพพรก็ดี ผู้ประพันธ์ได้วาดไว้ด้วยเหตุผลอันละเอียดอ่อนไม่รู่วาม ค่อยเป็นค่อยไป จนถึงขั้นของความเป็นมิตรสนิทสนมกันในบั้นปลาย นพพรกับหม่อมราชวงศ์กีรติได้ใช้ชีวิตอยู่ใกล้กันเกือบตลอดเรื่อง.

ในฐานที่เป็นผู้อาภัพอับรักมาตลอดในวัย ๓๕ ปี และในฐานที่ไม่เคยประสบพบรักที่อ่อนหวานสดชื่นเลยตลอดเวลา ๒๒ ปี ที่มีชีวิตอยู่ในโลกนี้ ทั้งคู่หม่อมราชวงศ์กีรติกับนพพรอดที่จะมีน้ำใจดีต่อกัน ด้วยความเห็นอกเห็นใจนั้นไม่ได้ ดังนั้นขณะที่อยู่ด้วยกันสองต่อสองบนเนินเขามิตาเกะ ที่อุดมไปด้วยธารน้ำใสไหลระรื่น ที่เต็มไปด้วยหินตะปุ่มตะป่ำสวยงามภายใต้พื้นน้ำ ที่สะพรั่งไปด้วยพรรณไม้กลิ่นหอมและสีสวย และเป็นที่ ๆ ห่างไกลจากผู้คนนั้น ความรักของนพพรก็ระเบิดขึ้น.

หม่อมราชวงศ์กีรติไม่ได้สะดุ้งตกใจในความเปลี่ยนแปลงอย่างชนิดน่ากลัวของนพพรเช่นนั้นเลย สุภาพสตรีที่สูงด้วยอุดมคติผู้นี้ได้ปรามไว้ด้วยกิริยาสงบ. ด้วยเหตุผลหว่านล้อมถึงศีลธรรมประเพณี และก็ด้วยถ้อยคำที่เต็มไปด้วยเหตุผลเหล่านี้ที่ระงับเหตุผลในเรื่อง “ความรัก” ของนพพรให้สงบระงับลงได้ ผู้ประพันธ์ได้ปลูกเหตุผลให้ตัวละครทั้งสองในตอนนี้ได้แยบคายเป็นที่น่าชมเชย ทุกข้อความที่อภิปรายขัดแย้ง ทั้งนพพรและหม่อมราชวงศ์กีรติต่างเต็มไปด้วยเหตุผล สมบูรณ์ด้วยการบรรยายอีโมชั่นของวิญญาณนพพร กับหม่อมราชวงศ์กีรติอย่างซาบซึ้งจับใจ.

เหตุการณ์บนเนินเขามิตาเกะ คือหัวใจของเรื่อง “ข้างหลังภาพ” นี้ โดยที่นอกจากจะเป็นเรื่องราวตอนสำคัญที่สุดแล้ว. ยังเป็นชนวนที่ให้ชื่อเรื่องประโลมใจเรื่องนี้ว่า “ข้างหลังภาพ” อีก ตามอนุสนธิ​สืบเนื่องมาจากบทนำตอนแรกที่นพพรพิจารณาดูรูปภูเขามิตาเกะ แล้วจึงหวนรำลึกนึกไปถึงเรื่องราวบนเนินเขามิตาเกะเรื่องของภาพคนสองคนในรูปวาดด้วยสีน้ำรูปนั้น ซึ่งคนหนึ่งในจำนวนสองคนนั้น นพพรสามารถแลเห็นได้ “แม้จนกระทั่งขนตาอันยาวงอน และจนกระทั่งรูปสามเหลี่ยมสีแดงสดใส 3 รูป ที่ได้วางไว้บนริมฝีปากจนทำให้ความบางของริมฝีปากนั้นมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด.”

ที่มิตาเกะ ทำให้กีรติเข้าใจนพพรอย่างทะลุปรุโปร่งหมดแล้ว แต่นพพรเพียงแต่เข้าใจกีรติดีขึ้นกว่าเดิม หาได้เข้าใจทะลุปรุโปร่งไปเช่นนั้นไม่ ความกลัดกลุ้มรุมใจที่ทำให้นพพรเวียนระไวไปสู่หม่อมราชวงศ์กีรติเพื่อขอเข้าใจความแน่ชัดขึ้นอีกนั้น ผู้ประพันธ์ได้วางอีโมชั่นไว้อย่างหรู เชื่อแน่ว่าผู้อ่านทุกคนจะต้องชมเชย “ศรีบูรพา” ในการบรรยายอีโมชั่นของนพพรและหม่อมราชวงศ์กีรติจนตลอดเรื่อง.

หม่อมราชวงศ์กีรติต้องจากนพพรมาสยาม เป็นการลาจากกันอย่างรำลึกนึกถึงกันเป็นที่สุด เป็นการลาจากกันโดยที่ฝ่ายหนึ่งยังไม่เข้าใจอีกฝ่ายหนึ่งแจ่มแจ้ง กีรติบอกนพพรแต่เพียงว่า “ฉันเป็นเพื่อนตายของเธอ” แม้จนนาทีสุดท้ายที่เรือจะออก นพพรได้ถามหม่อมราชวงศ์กีรติด้วยคำถาม ที่ได้เฝ้าถามอยู่หลายหนแล้ว แต่ไม่ได้รับทราบคำตอบ “คุณหญิงรักผมไหม?” หม่อมราชวงศ์กีรติตอบเขาแต่เพียงว่า “รีบลงไปเถอะนพพร รีบไปเสีย ฉันแทบใจจะขาด.”

“ศรีบูรพา” จบข้อความตอนหนึ่งเรื่อง “ข้างหลังภาพ” ลงเพียงนี้ ลงเพียงที่หม่อมราชวงศ์กีรติกลับสยามกับพระยาอธิการบดีผู้สามี ลงเพียงที่นพพรไม่ได้ยินคำรักจากหม่อมราชวงศ์กีรติเลยจนคำเดียว เป็นการจบที่ทิ้งแง่ไว้อย่างแยบคาย ชนิดที่จะหาช่องทางตำหนิติเตียนได้ยากอย่างที่สุด.

​ตลอดเรื่องที่อ่านมา “ศรีบูรพา” เขียนขึ้นอย่างระมัดระวัง อย่างที่ไม่จำเพาะแต่ผู้วิจารณ์เช่นข้าพเจ้า แม้จนผู้พิพากษ์เรื่องโนเวลที่ช่ำชอง ก็ยังยากที่จะหยิบยกแง่บกพร่องขึ้นตำหนิได้โดยปราศจากอติมาน. ข้าพเจ้าไม่ปรารถนาที่จะว่าผู้ประพันธ์ในการที่สร้างหม่อมราชวงศ์กีรติขึ้นด้วยความสมบูรณ์ในอุดมคติเป็นอย่างสูง ซึ่งยากที่จะเป็นไปได้ในปุถุชนคนธรรมดา เพราะเหตุการณ์รอบชีวิตหม่อมราชวงศ์กีรติที่เป็นมานั้นได้อนุโลมไว้แล้วในข้อนี้ นักประพันธ์ย่อมมีโอกาสที่จะใช้ความนึกฝันอย่างไกลยิ่ง และย่อมมีเสรีในความนึกฝันอย่างไม่มีขอบเขตอันเป็นธรรมดาของมนุษย์ปุถุชน ข้าพเจ้าไม่บังควรที่จะปรักปรำเอาว่า ความฝันของ “ศรีบูรพา” จะเป็นเครื่องทำให้เรื่องแอบเสอร์ด.

ตอนที่หนึ่งทั้งตอนของ “ข้างหลังภาพ” งดงามมาจนตลอดเรื่องเช่นนี้แล้ว ขอให้เราคาดฝันกันเถิดว่า การดำเนินเรื่องในตอนที่สองก็คงจะงดงามอย่างตอนที่หนึ่งเหมือนกัน เราจะได้พบชีวิตของหม่อมราชวงศ์กีรติกับนพพรในสยามอีกครั้งหนึ่ง ผู้ประพันธ์คงจะดำเนินเรื่องอย่างหรูและระมัดระวังอย่างจริงจังตามเคย สไตล์ในการประพันธ์ตอนที่สองคงจะไม่บกพร่องหรือลดหย่อนอ่อนไปจากตอนที่หนึ่งอย่างไร. ข้าพเจ้าหวังเช่นนั้น และเชื่อเหลือเกินว่า “ศรีบูรพา” จะไม่ทำให้ข้าพเจ้าเสียความมุ่งหวังอันนั้น.

สมจิตต์ ศิกษมัต

๕ ธันวาคม ๒๔๘๑

(คำวิจารณ์เรื่อง “ข้างหลังภาพ” จากบุคคลคนแรกที่ได้อ่าน ตีพิมพ์ในหนังสือ “มหาวิทยาลัย” ของจุฬา ฉบับพิเศษ เล่มที่ ๑๖ ฉบับที่ ๕ พ.ศ. ๒๔๘๑)

..


บทนำ

จนกระทั่ง ๓ วันล่วงไปแล้ว นับแต่ข้าพเจ้าได้นำภาพนั้นมาแขวนไว้ในห้องทำงาน ปรีดิ์จึงได้สังเกตเห็น. หล่อนไม่ได้ตื่นเต้นอะไรนัก นอกจากจะมาหยุดยืนพินิจอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็หันมาทางข้าพเจ้า ถามว่า “นี่ภาพที่ไหนคะ - มิตาเกะ?”

ข้าพเจ้าสะดุ้งนิดหน่อย แต่ปรีดิ์ไม่ทันสังเกต.

“เป็นที่ซึ่งมีภูมิประเทศงดงามแห่งหนึ่งนอกนครโตเกียว. ชาวนครโตเกียวมักเดินทางไปใช้เวลาในวันอาทิตย์ที่นั่น.”

“อ้อ, เธอซื้อมาจากโตเกียวหรือคะ?”

ข้าพเจ้าก้มหน้า มองดูหนังสือในมือซึ่งกำลังอ่านอยู่ก่อนที่ปรีดิ์จะเข้ามาในห้อง

“เปล่า, เพื่อนของฉันคนหนึ่งเขาเขียนให้.”

ข้าพเจ้าไม่สู้จะพอใจในซุ่มเสียงที่ได้เปล่งออกไปในตอนนี้ เพราะฟังดูคล้ายเสียงของตัวละครที่พูดด้วยความระมัดระวังอยู่บนเวที.

“ฉันก็นึกอย่างนั้นแหละ ถ้าเธอถึงต้องซื้อมาก็แปลกอยู่หน่อย ​เพราะดูเป็นภาพธรรมดาอย่างที่สุด และทั้งฉันก็บังเอิญมองไม่เห็นความงามอะไรในฝีมือที่วาดภาพนี้นัก. แต่ว่านัยน์ตาของฉันอาจอยู่ต่ำกว่าความงามของภาพนี้ก็ได้.”

“การดูภาพที่วาดด้วยสีน้ำเช่นนี้ถ้าดูใกล้นัก อาจไม่เห็นความงามได้ แต่ถ้าดูไกลออกไปอีกหน่อยเธออาจจะมีความเห็นอีกอย่างหนึ่งก็ได้.”

ปรีดิ์ไม่ติดใจที่จะทำตามดังที่ข้าพเจ้าแนะ และทั้งไม่ติดใจที่จะถามเอาความต่อไป ข้าพเจ้าก็มีความพอใจแล้ว.

ภาพนั้นประดับไว้ในกรอบซึ่งมีขอบสีดำสนิท แขวนไว้ที่ผนังด้านตรงข้ามกับโต๊ะทำงาน. เมื่อนั่งลงทำงาน ภาพนั้นอยู่ข้างหลังข้าพเจ้า. เดิมทีข้าพเจ้าคิดจะนำมาประดับไว้ตรงหน้า คือว่าอาจจะแลเห็นได้ทุกขณะที่ชำเลืองไป. แต่ภายหลังข้าพเจ้าจึงได้เปลี่ยนความคิดใหม่ ด้วยเชื่อแน่ว่า ถ้าจะทำตามความคิดเดิมแล้วภาพนั้นจะรบกวนประสาทของข้าพเจ้ามาก.

อันที่จริง ที่ปรีดิ์พูดก็มีส่วนถูกอยู่ไม่น้อย. ภาพนั้นเป็นภาพอย่างธรรมดาสามัญ ไม่มีสิ่งที่น่าสะดุดตาสะดุดใจอะไร และเมื่อเทียบกับภาพบางภาพที่ข้าพเจ้าประดับไว้ในห้องรับแขก และในห้องนอน ซึ่งบางอันมีค่าตั้ง ๔๐-๕๐ เยนแล้ว ก็อาจจะเห็นว่าต่างกันไกล. ภาพนั้นวาดด้วยสีน้ำ แสดงถึงภาพลำธารที่ไหลผ่านเชิงเขาแห่งหนึ่ง ซึ่งมีต้นไม้ใหญ่ขึ้นอยู่หนาทึบตามลาดเขา. อีกด้านหนึ่งของลำธาร เป็นทางเดินเล็ก ๆ ผ่านไปบนชะง่อนหิน บางตอนก็สูงบางตอนก็ต่ำตะปุ่มตะป่ำไปด้วยก้อนหินใหญ่น้อย มีพรรณไม้เลื้อยและดอกไม้ป่าสีต่าง ๆ บนต้นเล็ก ๆ ขึ้นเรียงรายอยู่ตามหินผานั้น. ไกลออกไปบนหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่ง อยู่ต่ำลงไปจนเกือบติดลำธาร แสดงภาพของคนสองคนนั่งอยู่ ภาพนั้นเป็นภาพที่วาดให้เห็นในระยะไกล และไม่แสดงให้เห็นชัดว่า​เป็นบุรุษคนหนึ่งกับสตรีคนหนึ่ง หรือว่าเป็นบุรุษทั้งสองคน แต่ว่าเป็นบุรุษคนหนึ่งนั้นแน่. บนภาพมีตัวหนังสือเขียนไว้ว่า “ริมลำธาร” ผู้เขียนคงตั้งใจจะให้เป็นชื่อของภาพนั้น. ตอนล่างของมุมหนึ่ง เขียนไว้ด้วยตัวหนังสือเล็ก ๆ ว่า “มิตาเกะ” และลงวันเดือนปีไว้ข้างใต้ แสดงว่าเป็นเวลา ๖ ปีมาแล้ว.

ภาพนั้นก็เป็นภาพธรรมดาสามัญ และไม่มีสิ่งที่น่าสะดุดตาสะดุดใจอะไร ฝีมือที่วาดก็ปานกลาง จะว่างามก็งามพอใช้ ไม่ถึงกับจะเรียกคำอุทานจากผู้ชมได้. ผู้ที่รักความงามของธรรมชาติน่าจะสนใจและให้คำชมเชยบ้าง แต่ปรีดิ์ไม่มีนิสัยเช่นนั้น ซึ่งก็เป็นที่น่าเสียดาย เพราะว่าเป็นนิสัยที่ตรงข้ามกับของข้าพเจ้า.

อย่างไรก็ตาม การที่ปรีดิ์และรวมทั้งคนอื่น ๆ ด้วยจะไม่สนใจในภาพนั้นเลย ก็เป็นการสมควรแล้ว เพราะว่าตามที่ปรีดิ์พูด “ภาพนั้นดูเป็นภาพธรรมดาอย่างที่สุด.” แต่สำหรับข้าพเจ้า - และข้าพเจ้าคนเดียวเท่านั้น ที่จะมีความเห็นตรงกันข้ามกับคนเหล่านั้น ข้าพเจ้าผู้รู้ดีว่า ข้างหลังภาพนั้นมีชีวิต และเป็นชีวิตที่ตรึงตราอยู่บนดวงใจของข้าพเจ้า. สำหรับคนอื่น ข้างหลังภาพนั้น ก็คือกระดาษแข็งแผ่นหนึ่ง และต่อไปก็คือผนัง ฉะนั้นเขาจะมองเห็นภาพนั้นเป็นอย่างอื่น นอกจากที่เป็นแต่เพียงภาพธรรมดาสามัญภาพหนึ่งอย่างไรได้.

มองดูภาพนั้น เมื่ออยู่แต่ลำพัง ข้าพเจ้าแลเห็นน้ำในลำธารไหลเอื่อย ๆ และไหลแรงบางตอน เมื่อผ่านจากที่สูงไปสู่ที่ลาดต่ำ. เห็นจนกระทั่งแสงแดดอ่อน ๆ ของฤดูออทัมน์. คนสองคนที่นั่งอยู่บนชะง่อนหินซึ่งผู้เขียนได้ใช้สีป้าย ๆ ไว้เหมือนอย่างไม่เอาใจใส่เลยนั้น ข้าพเจ้าสามารถแลเห็นได้ แม้จนกระทั่งขนตาอันยาวงอนของคน ๆ หนึ่งในภาพนั้น และจนกระทั่งรูปสามเหลี่ยมสีแดงสดใส ๓ รูป ที่ได้วาดไว้บน​ริมฝีปากบาง จนทำให้ความบางของริมฝีปากนั้นมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด ข้าพเจ้าย่อมทราบดีว่า ผู้เขียนได้เขียนภาพนั้นด้วยชีวิต มิใช่โดยไม่เอาใจใส่เลย. ข้าพเจ้าแลเห็นความเคลื่อนไหวทุกสิ่งทุกอย่าง ในภาพอันสงบและดูเป็นธรรมดาที่สุดนั้น ทุกฉากทุกตอนตั้งแต่บทต้น จนกระทั่งบทสุดท้ายซึ่งได้ปิดฉากลงอย่างแสนเศร้า เมื่อเร็ว ๆ นี่เอง---

..




35

นวนิยายเรื่อง ข้างหลังภาพ บทประพันธ์ของ ศรีบูรพา

https://letterboxd.com/film/behind-the-painting/

Behind the Painting 2001 ข้างหลังภาพ Directed by Cherd Songsri

An older Nopporn looks at a simple painting and recollects the story behind it. As a young student in Japan, he once met and fell in love with Kirati, who was unhappily married to an older man.


Cast
Kara Polasit    Theeradej Wongpuapan
Art-Ong Chumsai Na Ayudhya    Vanchart Chunsri    Wannasa Thongviset    
Thida Singhajan    Nuanprang Treechit       Pirawan Prasopsart
Preeda Chullamondhol    Chamroenluk Thanawangnoi
Prakit Vathesatogkit    Wanchai Thanawangnoi    Anuwan Preeyanon
Pansan Angkhutharn    Pipat Lertsuthiphon 
Ayumi Hara    Hiroka Takahashi




.

.

https://sahamongkolfilm.com/saha-movie/behind-painting-movie-2544/

ข้างหลังภาพ (Behind the Painting)





เรื่องย่อ

ความรักเป็นพรอันประเสริฐ เป็นยอดปรารถนาของชีวิต “ม.ร.ว.กีรติ” ผู้สวยสง่าและร่ำรวยเชื่อมั่นเช่นนี้ จึงหวังและรอที่จะได้รับพรความรักตั้งแต่เริ่มรุ่นสาว รอจนกระทั่งอายุ 34 ปี ผ่านวัยครึ่งคนแล้วก็ยังไม่เคยได้รับพรนี้เลย เมื่อรู้สึกว่าสิ้นหวังจึงยอมแต่งงานกับ “พระยาอธิการบดี” ชายสูงอายุวัยพ่อ

เจ้าคุณอธิการฯ พากีรติไปฮันนีมูนที่ญี่ปุ่น โดยขอร้องให้ “นพพร” ลูกชายของเพื่อนที่เรียนอยู่ที่นั่นนำเที่ยว นพพรหลงรักกีรติ เป็นรักครั้งแรกของหนุ่มวัย 22 ปี เขาสารภาพรักกีรติที่ริมลำธารบนภูเขามิตาเกะในวันที่พาเธอไปเที่ยว

นพพรเฝ้าถามกีรติว่า “คุณหญิงรักผมไหม” กีรติไม่ตอบ นพพรยืนยันว่าเขาจะรักกีรติไปนานตราบชั่วฟ้าดินสลาย ต่อมาอีก 4 ปี เจ้าคุณอธิการฯ ตาย กีรติวาดภาพริมลำธาร และรอคอยนพพรที่จะกลับมาในอีก 3 ปีข้างหน้า อีก 3 ปีกีรติอายุ 42 ปี รอรับพรความรักอีกครั้ง

“ข้างหลังภาพ” ถ่ายทอดเรื่องราวของ “นพพร” (เคน-ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์) นักเรียนไทยที่กำลังศึกษาอยู่ ณ ประเทศญี่ปุ่น ได้มีโอกาสต้อนร้บ “เจ้าคุณอธิการบดี” (อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา) พร้อมภรรยายังสาว “หม่อมราชวงศ์กีรติ” (คาร่า พลสิทธิ์) ครั้งนั้นนพพรรับหน้าที่นำเที่ยวในช่วงเวลาสั้นๆ ทำให้นพพรและคุณหญิงได้ใกล้ชิดกัน ความรักระหว่างทั้งสองก่อเกิดขึ้นในใจอย่างไม่ทันตั้งตัว คุณหญิงต้องหักห้ามใจเพราะรู้ถึงสถานะตนเองว่ามีคู่ชีวิต กระทั่งถึงวันที่ต้องร่ำลา เธอติดตามสามีกลับประเทศไทย ขณะที่อีกฝ่ายยังอยู่ที่นั่นจนกว่าจะสำเร็จการศึกษา

ภายหลัง 6 ปี นพพรเดินทางกลับไทยได้ทราบข่าวการเสียชีวิตของท่านเจ้าคุณ ฝ่ายคุณหญิงกีรติที่ก็เฝ้ารอคอยกลับต้องผิดหวังเมื่อนพพรตกลงแต่งงานกับคู่หมั้น จากนั้นไม่นานอาการป่วยของคุณหญิงยิ่งทรุด ท้ายที่สุดทั้งสองได้พบกันอีกครั้งในเวลาที่เธอสิ้นลมเสียแล้ว ความรักที่ทั้งสองได้ร่วมวาดยังคงหลงเหลือไว้เพียงในความทรงจำ ดังคำพูดของคุณหญิงที่ว่า “ฉันตายโดยปราศจากคนที่รักฉัน แต่ฉันก็อิ่มใจที่มีคนที่ฉันรัก”

 
ผู้หญิงไทยสมัยกีรติ:

“ม.ร.ว.กีรติ” เกิดเมื่อ ค.ศ. 1902 ในสมัยที่ประเทศไทยยังใช้ชื่อสยามและปกครองโดยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ สมัยนั้นผู้หญิงไทยที่จะได้รับการยกย่องว่าเป็นคนดี ต้องอยู่ในโอวาทของผู้ปกครองและประพฤติปฏิบัติตามจารีตประเพณีอย่างเคร่งครัด ใครฝ่าฝืนจะถูกสังคมประณามว่าเป็นคนชั่ว กีรติเป็นลูกสาวคนแรกของพ่อที่เป็นหม่อมเจ้า และเป็นคนสวยมาก พ่อจึงรักและหวงแหน ถึงขนาดพอกีรติเริ่มจะรุ่นสาว พ่อให้ลาออกจากโรงเรียนประจำมาอยู่กับบ้าน จ้างครูหญิงฝรั่งแก่ๆ มาสอน  กีรติจะออกจากบ้านได้ก็เฉพาะเมื่อจะไปพักกับพระญาติหญิงของพ่อในพระบรมมหาราชวังที่เพศชายผ่านเข้าออกไม่ได้ กีรติต้องเดินตามแนวทางที่พ่อและสังคมสมัยนั้นกำหนดทุกอย่าง จนกระทั่ง ค.ศ. 1932 ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตย ผู้หญิงไทยได้รับสิทธิเสรีภาพที่จะประพฤติปฏิบัติตามความคิดเห็นของตนเองมากขึ้นกว่าเดิม กีรติได้รับสิทธิเสรีภาพนี้เช่นกัน แต่ค่านิยมของสังคมเก่ายังมีอยู่มากจนเกือบจะกล่าวได้ว่าไม่เปลี่ยนแปลงเลย อีกทั้งอายุของกีรติก็เกินกว่า 30 ปีแล้ว และเธอเป็นเหมือนนกที่ถูกขังอยู่ในกรงตลอดมา ถึงแม้ประตูกรงเปิด เธอก็ยังหวั่นวิตกต่าง ๆนานาที่จะบินไปสู่โลกแห่งเสรีภาพตามลำพัง


“ศรีบูรพา” (1915-1974) ผู้เขียน “ข้างหลังภาพ”

เป็นนักประพันธ์และนักหนังสือพิมพ์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคนหนึ่งของไทย ท่านเป็นผู้ต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมในสังคมจนกระทั่งรัฐบาลเผด็จการสั่งจำคุกถึง 13 ปี ท่านต้องโทษอยู่ 5 ปีก็ได้รับนิรโทษกรรมเนื่องในวาระกึ่งพุทธกาล (พ.ศ.2500) เมื่อพ้นโทษ ประเทศไทยเกิดปฏิวัติเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ซึ่งเป็นเผด็จการยิ่งกว่ารัฐบาลก่อน ศรีบูรพาต้องลี้ภัยการเมืองไปอยู่ประเทศจีนจนเสียชีวิตที่นั่น เมื่อศรีบูรพาเสียชีวิตแล้ว 20 ปี รัฐบาลไทยจึงได้ตระหนักในคุณค่าของท่าน และได้ตั้งชื่อถนนสายที่ผ่านหน้าบ้านของท่านว่า “ถนนศรีบูรพา” เพื่อเป็นเกียรติ ศรีบูรพาเขียนเรื่อง “ข้างหลังภาพ” เมื่อ ค.ศ. 1937 นวนิยายเรื่องนี้ได้พิมพ์จำหน่ายแล้ว 33 ครั้งและถูกแปลเป็นภาษาอังกฤษ, จีน, ญี่ปุ่นด้วย












.

https://sahamongkolfilm.com/saha-movie/behind-painting-movie-2544/

.

https://www.youtube.com/watch?v=Vngi-BkMuV8&t=35s

ข้างหลังภาพ

https://youtu.be/Vngi-BkMuV8?si=5OYTRdv5hPAnBnNa

ภาพยนตร์ #ข้างหลังภาพ (2544)
นำแสดงโดย คารา พลสิทธิ์ และ เคน ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์

..




36

"ข้างหลังภาพ" โศกนาฏกรรมความรักที่แฝงค่านิยมการจำกัดสิทธิสตรี





ท่ามกลางบรรยากาศลำธารที่มีน้ำใสไหลผ่านจนเห็นหินตะปุ่มตะป่ำ ใบไม้พลิ้วไหวตามแรงลมโชยพัดอ่อน พบชายหญิงนั่งคุยกันอย่างออกรสใต้ต้นไม้ หากกล่าวแค่นี้อาจนึกไม่ออกว่านี่คือบทบรรยายของนวนิยายเรื่องใด แต่หากพูดว่า ‘มิตาเกะ’ คงจะนึกออกว่านี่คือสถานที่ของการเกิดเรื่องราว ‘ข้างหลังภาพ’

นวนิยายข้างหลังภาพ ถูกเขียนจากปลายปากกาของ ‘ศรีบูรพา’ หรือ กุหลาบ สายประดิษฐ์ ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกปี พ.ศ. 2480 ได้รับยกย่องจากหลาย ๆ คนว่าเป็นงานประพันธ์ที่มีลีลาวาทศิลป์อันละเมียดละไม สำนวนไพเราะเพราะพริ้ง สอดแทรกไปด้วยค่านิยม ขนบธรรมเนียมของไทย ตลอดจนข้อขบคิดในด้านความรัก

ข้างหลังภาพเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ ‘นพพร’ นักเรียนไทย อายุ 22 ปี ที่มาเรียนในประเทศญี่ปุ่น โดยนพพรถูกไหว้วานให้ดูแลเพื่อนสนิทของบิดาที่มาฮันนีมูนในประเทศญี่ปุ่น คือ ‘เจ้าคุณอธิการบดี’ พร้อมด้วยภรรยา ‘หม่อมราชวงศ์กีรติ’ ซึ่งการพบกันของนพพรและหม่อมราชวงศ์กีรติในครั้งนี้ ทั้งสองคนไม่ทราบเลยว่า จะนำพาไปสู่โศกนาฏกรรมความรักอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


นกน้อยในกรงทอง





“เธอจงเห็นใจฉันเถิด เราเกิดมาโดยเขากำหนดให้เป็นเครื่องประดับโลก ประโลมโลก และเพื่อจะทำหน้าที่นี้อย่างดีที่สุด เราจำต้องบำรุงรักษารูปโฉมของเราให้ทรงคุณค่าไว้ จริงอยู่นี่มิใช่หน้าที่อันเดียวหรือทั้งหมดของสตรีเพศ แต่เธอคงไม่ปฏิเสธว่ามันเป็นหน้าที่ของเรา”

“ผมไม่มีความเห็นแย้งเลยในข้อนี้ เพราะว่านอกเหนือจากความดี บุรุษแสวงความงามในสตรีเพศ”

“ยิ่งกว่านั้น บางทีคุณความดีของสตรีก็ถูกมองข้ามไปเลย ถ้ามิได้มีอยู่ในความงาม”

นี่คือหนึ่งในบทสนทนาระหว่างหม่อมราชวงศ์กีรติและนพพรที่แสดงถึงค่านิยมความงามของผู้หญิงจากรูปลักษณ์ภายนอก ในการพบกันครั้งแรก นพพรคาดคะเนว่าหม่อมราชวงศ์กีรติมีอายุเพียง 26 ปีเท่านั้น แต่เมื่อทราบว่าแท้จริงแล้วเธออายุมากถึง 35 ปี นพพรกลับตกใจและกล่าวว่าเธอพูดปด ซึ่งการที่เธอดูสวยสะพรั่งอ่อนกว่าวัยล้วนมาจากการบำรุงประทินผิวมากกว่าหนึ่งชั่วโมง

ไม่ว่าอดีตหรือปัจจุบัน ความงามมักเป็นสิ่งแรกที่ผู้คนมองหาเสมอ รองลงมาคือความดีและความสามารถ แม้นจะอุดมไปด้วยความดี หากแต่ไร้สิ้นความงาม สตรีผู้นั้นก็จะถูกมองข้ามไปอย่างน่าเสียดาย ซึ่งหม่อมราชวงศ์กีรตินับว่าโชคดี เพราะเธอมีทั้งความงาม ความเฉลียวฉลาด และเต็มไปด้วยความดี ดังที่นพพรกล่าวว่า ‘ข้าพเจ้าเคยพบสตรีคนใดที่ทรงเสน่ห์และความงามยิ่งไปกว่าหม่อมราชวงศ์กีรติหรือไม่? ข้าพเจ้าเคยพบสตรีคนใดที่ทั้งอ่อนหวานและฉลาดหลักแหลมยิ่งไปกว่าหม่อมราชวงศ์กีรติหรือไม่?’





นอกจากคำกล่าวข้างต้นจะแสดงค่านิยมความงามของผู้หญิง ศรีบูรพายังสอดแทรกข้อเสียเปรียบในการจำกัดเพศสภาพของผู้หญิงที่อยู่ในสังคมผู้ชายเป็นผู้นำ โดยถือเสมือนผู้หญิงเป็นเครื่องรองรับอารมณ์ความใคร่ และเครื่องประดับฐานะเพียงเท่านั้น

“ฉันอยู่บ้านเรียนหนังสือจากครูแหม่มบ้าง บางทีท่านพ่อก็ส่งฉันไปอยู่ในรั้วในวัง รับใช้เจ้านายใหญ่โตองค์หญิงบางองค์ที่เป็นญาติของเรา ฉันใช้ชีวิตวัยสาวในทำนองนี้หลายปี ฉันต้องอยู่ในโลกของเจ้านายนานพอ จนฉันแทบไม่มีโอกาสจะระลึกว่า ความเป็นสาวนั้นมีค่าอย่างที่สุดสำหรับสตรีเพศเพียงใด”

“เพราะว่าเราไม่ได้ถูกอบรมให้เป็นคนช่างคิด เรามีทางที่เขากำหนดไว้ให้เดิน เราต้องอยู่ในทางแคบ ๆ ตามจารีตประเพณีขนบธรรมเนียม”

กิจวัตรของสตรีผู้สูงศักดิ์ด้วยตำแหน่งหม่อมราชวงศ์ ในยุคที่ยังถือขนบสตรีที่ต้องอยู่ในกรอบ คงหนีไม่พ้นการเข้าไปเรียนวิชากุลสตรีในวังจากเจ้านายชั้นสูง ทั้งการเย็บปักถักร้อย และการอบรมงานบ้านงานเรือน ไม่บ่อยมากนักที่จะมีโอกาสเที่ยวเล่นเหมือนหญิงสาวที่ไร้ฐานันดร

แม้เธอจะได้รับการศึกษาจากครูชาวตะวันตก ก็จะได้เรียนในหลักสูตรลักษณะที่ผู้หญิงพึงมีเช่นกัน ดังที่หม่อมราชวงศ์กีรติกล่าวว่า ถึงเธอจะเรียนหนังสือกับแหม่ม แต่ก็เป็นแหม่มแก่ ๆ ไม่ต่างจากแม่นมของเธอ ทำให้เธอไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้สัมผัสโลกภายนอกผ่านการศึกษา

หากจะหาคำนิยามที่เหมาะสมกับหม่อมราชวงศ์กีรติ คำว่า ‘นกน้อยในกรงทอง’ ดูจะไม่เกินจริง


ออกท่องโลกใหม่





“นพพรเธอเป็นโคลัมบัสของฉัน เธอนำให้ฉันได้มาพบโลกใหม่”

โคลัมบัส หรือ คริสโตเฟอร์ โคลัสบัส นักสำรวจผู้บุกเบิกเส้นทางเดินเรือจนพบทวีปอเมริกา ซึ่งก็ไม่แปลกนักหากหม่อมราชวงศ์กีรติจะเปรียบนพพรเป็นโคลัมบัส เพราะนพพรทำให้เธอเห็นโลกอีกใบที่แตกต่างจากประเทศไทย ทั้งภูมิทัศน์ใหม่ วัฒนธรรมใหม่ ผู้คนใหม่ ตลอดจนความรักอันลึกซึ้งที่เธอไม่เคยสัมผัสมาก่อน

หากมองบนพื้นฐาน Beauty Standard อาจเรียกได้ว่าเธอโชคดีที่เกิดมาสวย แต่กลับโชคร้ายเรื่องความรัก เพราะความสวยของเธอเป็นภัยมากกว่าโชค ความสวยเป็นสิ่งป้องกันและกีดกันเธอจากโลกภายนอก เมื่อนั้นแล้วการพบความรักจึงเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยาก

นพพรอาจเป็นรักแรกและรักเดียวของหม่อมราชวงศ์กีรติ เพราะการที่เธอแต่งงานกับเจ้าคุณอธิการบดีนั้นไม่ได้เกิดความรัก แต่เกิดจากการที่เธอสิ้นหวังในการรอรักแท้ วันแล้ววันเล่าที่เวลาผ่านล่วงไปจนเธอย่างเข้าอายุ 35 ปี เธอจึงต้องยอมตกลงแต่งงานกับหนุ่มรุ่นราวคราวพ่อ


เป็นอะไรก็เป็นเถิด แต่จงเป็นอย่างดีที่สุด





“แม้มิได้เป็นดวงอาทิตย์ ก็จงเป็นดวงดาว”

ประโยคข้างต้นเป็นหนึ่งในเนื้อเพลงปลอบประโลมใจให้พอใจในฐานะของตน ที่นพพรแปลความหมายจากภาษาญี่ปุ่นตามคำขอของหม่อมราชวงศ์กีรติ

การพอใจในสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่นั้นนับว่าเป็นเรื่องดี แต่คงไม่ใช่ทุกคนที่รู้สึกเช่นนั้น มักจะเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นเสมอ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิด หากแต่แท้จริงแล้วเราสามารถเป็นตัวของตัวเองได้อย่างดีที่สุด ดังคำกล่าวที่ว่า ‘แม้มิได้เกิดเป็นดอกซากุระ ก็อย่ารังเกียจที่จะเป็นบุปผาพรรณอื่น ขอแต่ให้เป็นดอกที่งามที่สุดในพรรณของเรา’

หากเราไม่พึงพอใจในตัวเองแล้ว ใครกันเล่าจะมาพึงพอใจในตัวเรา





นอกจากเรื่องการสอดแทรกขนบธรรมเนียมแล้ว ข้อขบคิดเรื่องความรักก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่แสดงออกอย่างชัดเจนผ่านมุมมองความรักระหว่างหม่อมราชวงศ์กีรติ หญิงผู้มีประสบการณ์ความรักอย่างจำกัด และนพพร เด็กหนุ่มที่กำลังจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่

ด้วยตัวหม่อมราชวงศ์กีรติเองที่มีอายุ 35 ปี การแต่งงานที่แลกมาด้วยความผาสุกแต่ปราศจากความรักนั้น ย่อมเป็นสิ่งที่ทดแทนกันได้ เพราะนิยามความผาสุกของเธอนั้นไม่ได้มีเพียงแค่ชีวิตที่อุดมไปด้วยความรัก แต่ยังรวมถึงการได้พบความแปลกใหม่ในอีกโลกหนึ่ง อีกทั้งการแสดงออกความรักของเธอมักจะใช้นัยทางคำพูดมากกว่าการกระทำ ในขณะที่นพพรเห็นแย้งในข้อที่ว่า ความผาสุกที่ไร้ความรักดูแห้งแล้งเหลือเกิน และการแสดงออกความรักไม่จำเป็นต้องตีความนัยให้ซับซ้อน หากรักก็พูดว่ารักเท่านั้น





ดังนั้นเมื่อนพพรถามหม่อมราชวงศ์กีรติว่า ‘คุณหญิงรักผมไหม’ เธอมักจะตอบบ่ายเบี่ยงหรือตอบประโยคที่สื่อถึงความนัยไว้เสมอ เนื่องด้วยเธอมีสถานะเป็นภรรยาของเจ้าคุณอธิการบดี จึงต้องระมัดระวังการใช้คำพูด แต่ก็ยังคงแสดงออกซึ่งความรักที่มีต่อนพพรในแบบของเธอ อย่างตอนที่ทั้งสองคนร่ำลากันบนเรือ นพพรก็ถามคำถามเดิม แต่เธอกลับตอบว่า ‘รีบไปเสียเถิด ก่อนที่ฉันจะขาดใจ’ ซึ่งนพพรก็ตีความจากคำพูดนั้นว่า ‘ไม่รัก’

แต่แท้จริงแล้วหากนพพรพินิจจากคำพูดและการกระทำของเธอให้ดี เขาจะพบว่าหม่อมราชวงศ์กีรติรักเขาหมดหัวใจ ดังคำที่เธอเขียนใส่กระดาษก่อนจะเสียชีวิตด้วยวัณโรคว่า ‘ฉันตายโดยปราศจากคนที่รักฉัน แต่ฉันก็อิ่มใจว่า ฉันมีคนที่ฉันรัก’ นี่จึงเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่เธอใช้คำว่ารัก ทำให้นพพรคลายความกระจ่างว่าหม่อมราชวงศ์กีรติรักเขาเสมอมา

ฉะนั้นแล้ว คำว่า ข้างหลังภาพ ในเรื่องนี้จึงไม่ใช่เพียงกระดาษแข็งแผ่นหนึ่งที่ถัดไปคือผนัง แต่หมายความถึง ‘ข้างหลังภาพ’ ที่มีชีวิตและเรื่องราว ตลอดจนการอ่านเรื่องนี้ไม่เพียงแค่ได้ความบันเทิง แต่ขณะเดียวกันก็ได้ข้อคิดบางอย่างที่สอดแทรกอยู่ ซึ่งสิ่งนี้เองทำให้นวนิยายเรื่องนี้ไม่มีกาล ไม่ล้าสมัย หยิบมาอ่านเมื่อไรก็ได้ และไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าใด ก็ยังตราตรึงในใจผู้อ่านไม่เสื่อมคลาย

เรื่อง : ขวัญจิรา สุโสภา (The People Junior)
ขอขอบพระคุณบทความจาก The people




.




37
นวนิยายเรื่อง ข้างหลังภาพ บทประพันธ์ของ ศรีบูรพา






"ข้างหลังภาพ" เป็นผลงานชิ้นยอดเยี่ยมของ "กุหลาบ สายประดิษฐ์" หรือ "ศรีบูรพา" นักประพันธ์เอกของเมืองไทย ตีพิมพ์ครั้งแรกเป็นตอนๆ ในหนังสือพิมพ์ประชาชาติ รายวัน เมื่อปี พ.ศ. 2480 มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับชีวิตรักที่ไม่สมหวังของ "ม.ร.ว. กีรติ" กุลสตรีผู้เพียบพร้อม แต่กลับหาคนรักมาแต่งงานด้วยไม่ได้ เมื่ออายุล่วงเลยมาถึง 35 ปี เธอจึงจำต้องแต่งงานกับพ่อม่ายวัย 50 หลังแต่งงานทั้งคู่เดินทางไปฮันนีมูนที่โตเกียว ที่นั่นเธอได้รู้จักกับ "นพพร" นักเรียนนอกวัย 22 ทั้งคู่สนิทสนมกันจนกลายเป็นความรัก โดยนพพรได้สารภาพรักกับ ม.ร.ว. กีรติ คราวเมื่อทั้งคู่ไปเที่ยวธารน้ำตกที่มิตาเกะ ส่วน ม.ร.ว. กีรติ แม้จะรักนพพร แต่เธอกลับไม่ยอมบอกความในใจ

.

.


https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E
https://th.wikipedia.org/wiki/ข้างหลังภาพ


ข้างหลังภาพ

ข้างหลังภาพ คือ นวนิยายประพันธ์โดยศรีบูรพา หรือชื่อจริงว่า กุหลาบ สายประดิษฐ์ เริ่มตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ลงในหนังสือพิมพ์ประชาชาติรายวัน เมื่อ พ.ศ. 2479 เป็นเรื่องราวของความรักต่างวัย ต่างสถานะ นอกจากเรื่องราวที่กินใจแล้ว ภาษาที่ใช้ในเรื่องเป็นภาษาที่งดงาม มีวลีที่เป็นที่ชื่นชอบมากมาย นวนิยายเรื่องนี้เมื่อรวมเล่มได้รับการตีพิมพ์ซ้ำถึง 47 ครั้ง ยังได้รับการยกย่องด้วยความงามในเชิงวรรณศิลป์ และแสดงเป็นละครโทรทัศน์ ภาพยนตร์ รวมถึงละครเวที ในรูปแบบละครเพลงอีกด้วย

กุหลาบ สายประดิษฐ์ เขียนเรื่องนี้โดยอาศัยประสบการณ์จริงที่เคยไปดูงานที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2479 และจากความคุ้นเคยกับเจ้านายในราชสกุลวรวรรณ หลายพระองค์ที่เป็นพี่น้องกับ หม่อมเจ้าวรรณไวทยากร วรวรรณ เจ้าของหนังสือพิมพ์ประชาชาติรายวัน โดยเป็นที่คาดหมายกันว่าตัวละคร หม่อมราชวงศ์กีรติ น่าจะถอดแบบมาจากหม่อมเจ้าบรรเจิดวรรณวรางค์ วรวรรณ[a] บางคนคาดว่าถอดแบบมาจากพระนางเธอ ลักษมีลาวัณ แต่ชนิด สายประดิษฐ์ ภริยาของผู้แต่งระบุว่าเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน

ข้างหลังภาพ ตีพิมพ์ตอนแรกในหนังสือพิมพ์ประชาชาติ ฉบับวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2479 ต่อเนื่องจนจบบทที่ 12 ในวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2480 ถึงตอนที่ ม.ร.ว.กีรติ ลาจากนพพรที่ท่าเรือโกเบ โดยเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่น ต่อมาเมื่อรวมพิมพ์ครั้งแรกโดย สำนักงานนายเทพปรีชา ศรีบูรพาได้แต่งเพิ่มอีก 7 บท รวมเป็น 19 บท โดยตอนที่แต่งขึ้นใหม่เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในประเทศไทย

ต่อมาในปี พ.ศ. 2486 ศรีบูรพาได้เขียนเรื่องสั้นชื่อ "นพพร-กีรติ" เป็นจดหมายรัก ที่เขียนถึงระหว่างกัน ตีพิมพ์ในหน้า 255 ถึง 273 ของหนังสือรวมเรื่องสั้น "ผาสุก" ของสำนักพิมพ์อุดม และได้นำไปรวมเล่มใน ข้างหลังภาพ ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 3 ในเวลาต่อมา


เนื้อเรื่อง

นพพร และ หม่อมราชวงศ์กีรติ พบกันครั้งแรกที่สถานีรถไฟโตเกียว นพพรมีอายุ 22 ปี เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยริคเคียว ขณะที่หม่อมราชวงศ์กีรติ หญิงวัย 35 มาฮันนีมูนกับพระยาอธิการบดีผู้เป็นสามีที่แก่คราวพ่อ ทั้งยังเป็นเพื่อนสนิทกับพ่อของนพพร จึงขอร้องให้นพพรพาหม่อมราชวงศ์กีรติเที่ยวญี่ปุ่น เพราะตัวท่านเองแก่เกินกว่าจะไปไหนต่อไหนได้สะดวก แต่ก็ยังอยากให้หม่อมราชวงศ์กีรติสนุกกับการอยู่ญี่ปุ่น และนั่นเป็นโอกาสให้นพพร เด็กหนุ่มที่ไม่เคยรู้จักความรักมาก่อนได้อยู่ใกล้ชิดกับผู้หญิงที่สวยสง่า กิริยาวาจาแช่มช้อยเป็นผู้ดี แม้เธอจะสูงวัยกว่า แต่เมื่อยิ่งได้ใกล้ชิด นพพรก็ยิ่งหลงรักเทอดทูนหม่อมราชวงศ์กีรติ ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าเธอแต่งงานแล้ว นพพรเฝ้าถามหม่อมราชวงศ์กีรติว่าทำไมเธอจึงแต่งงานกับชายรุ่นพ่อ ทั้ง ๆ ที่เธอทั้งสวยสง่า ฉลาด และฐานะเดิมก็ดีอยู่ก่อนแล้ว ทั้งไม่ได้ถูกใครบังคับและไม่ได้รักท่านเจ้าคุณด้วย ทุกครั้งที่นพพรถามหม่อมราชวงศ์กีรติเลี่ยงที่จะตอบ จนวันหนึ่งเขาพาเธอไปเที่ยวมิตาเกะ หม่อมราชวงศ์กีรติที่ตามปกติจะวางตัวสง่างาม กลับกลายเป็นสาวน้อย ผู้ร่าเริงท่ามกลางแมกไม้ สายลม และความหลังที่เป็นความลับของหม่อมราชวงศ์กีรติจึงถูกเปิด และทุกครั้งที่นพพร ถามว่าหม่อมราชวงศ์กีรติรักเขาไหม คุณหญิงกีรติไม่เคยตอบตรงคำถามเลย ส่วนนพพรยืนยันว่า “ผมจะรักคุณหญิง ตราบชั่วฟ้าดินสลาย”

6 ปีล่วงไป นพพรสำเร็จการศึกษาและฝึกหัดงานที่ญี่ปุ่นพอสมควรแก่การแล้วก็กลับสยาม ในขณะนี้หม่อมราชวงศ์กีรติเป็นหม้ายแล้วและบำเพ็ญชีวิตอยู่อย่างสงบ เขาทั้งสองคนได้พบกันอีกครั้งหนึ่ง แต่เป็นการพบที่นพพรรู้สึกเหมือนพบพี่สาวที่ดีคนหนึ่งเท่านั้น เวลา 6 ปีในญี่ปุ่นได้เปลี่ยนจิตใจของนพพรเด็กหนุ่มผู้อ่อนแก่ความรักให้เป็นชายหนุ่มญี่ปุ่นที่ไม่ใคร่จะคิดถึงใครจะคิดถึงอะไรนอกจากงานและการตั้งตัวเท่านั้น ครั้นแล้วนพพรก็แต่งงานกับคู่หมั้นที่บิดาหาไว้ให้เมื่อครั้งก่อนไปศึกษาอยู่ที่ญี่ปุ่น เมื่อแต่งงานแล้วได้สองเดือน นพพรได้ทราบว่าหม่อมราชวงศ์กีรติได้เจ็บหนักด้วยวัณโรคและอยากพบเขา จนแพทย์และพยาบาลรู้สึกว่าควรจะมาตามเขาให้ไปพบเพื่อให้คนไข้ได้สงบจิตใจในวาระสุดท้าย นพพรก็ไปเยี่ยมและหม่อมราชวงศ์กีรติก็ให้ภาพเขียนที่ระลึกถึงสถานที่ให้กำเนิดความรักแก่เขาทั้งสอง ซึ่งเป็นภาพวาดโดยฝีมือของเธอเอง พร้อมด้วยคำตัดพ้อบางประโยคเป็นที่สะกิดใจนพพรให้ระลึกถึงความหลังและหวนคิดเสียดายอาลัยคนรักคนแรกของตน ครั้นแล้วหม่อมราชวงศ์กีรติสตรีผู้อาภัพในเรื่องรักก็ถึงแก่กรรมใน 7 วันต่อมา

.

ข้างหลังภาพ (ภาพยนตร์ปี พ.ศ. 2544)

คารา พลสิทธิ์ เป็น ม.ร.ว.กีรติ
ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์ เป็น นพพร

.




38
เรื่องย่อ ทายาทหมายเลข1 - entertainment.trueid.net - Ep.16-20





เรื่องย่อ ทายาทหมายเลข1 EP.16
วันพฤหัสบดีที่ 9 ตุลาคม 2568

ศึกภายในตระกูลรพีธาดาระอุขึ้นอีกครั้ง เมื่อ “อันดามัน” (พูม่า ภูปภพ) เกิดอาการคลั่งหนัก คว้าปืนข่มขู่คนในครอบครัว ท่ามกลางความตกใจของทุกคนที่ไม่รู้ว่าเหตุการณ์นี้จะจบลงอย่างไร ในขณะเดียวกัน “สีน้ำ” (กรีน อัษฎาพร) ที่ประกาศชัดว่าจะไม่มีวันหยุดเดินเกมล้างแค้น ร่วมมือกับ “จารึก” (ดู๋ สัญญา) แบบเต็มกำลัง เพื่อโค่นตระกูลรพีธาดาให้ราบคาบ โดยพุ่งเป้าไปที่คดีของ “มหาสมุทร” (นิว อัครวินท์) ที่บุกทำร้าย “นาฬิ” ซึ่งกลายเป็นชนวนใหม่ให้ศึกนี้เดือดกว่าเดิม และครั้งนี้ “สีน้ำ” ต้องเผชิญหน้ากับ “ธารา” (นก สินจัย) แบบไร้ทางถอย การปะทะระหว่างสองหญิงแห่งสยามรพีอาจนำไปสู่จุดแตกหักครั้งใหญ่ ที่ไม่มีใครคาดคิดได้ ติดตามชมละคร ทายาทหมายเลข 1 ตอนที่ 16 วันพฤหัสบดีที่ 9 ตุลาคม 2568 เวลา 20:30 น. ทางช่องวัน 31

.

.

https://www.bilibili.tv/th/video/4797242597971968

ทายาทหมายเลข 1 EP.16

.





เรื่องย่อ ทายาทหมายเลข1 EP.17
วันพุธที่ 15 ตุลาคม 2568

หลัง “ธารา” (นก สินจัย) ล้มป่วยโคม่าไม่ได้สติ งานนี้ “สีน้ำ” (กรีน อัษฎาพร) จึงถือโอกาสสวมรอยแทนธารา มอบอำนาจให้ตัวเองได้ขึ้นนั่งบริหาร “สยามรพี” เต็มตัว เมื่ออำนาจอยู่ในมือ เธอไม่รอช้า โหวตปลด “วีริน (แหม่ม คัทลียา) - โปรยฝน (แป้ง อรจิรา) - ทะเลหลวง (ต้นข้าว ชยุตม์)” พ้นจากตำแหน่งทันที พร้อมเปิดเกมใหญ่ครั้งใหม่ “ขายสยามรพีให้เร็วที่สุด”

ด้าน “พศิน” (อ่ำ อัมรินทร์) ต้องหาทางช่วยลูกชาย “มหาสมุทร” (นิว อัครวินท์) ที่ถูกสีน้ำแฉจนต้องหนีหัวซุกหัวซุน ขณะเดียวกัน ความเคลื่อนไหวของสีน้ำยิ่งรุกหนัก วีรินและทะเลเริ่มจับพิรุธได้ เตรียมวางแผนตลบหลังเพื่อยุติอำนาจเธอให้ได้ แต่เรื่องยังไม่จบ… เพราะยังมีคนที่บุกลอบมาหาธาราที่นอนโคม่าอยู่ในโรงพยาบาลอีกด้วย ใครคือคนอยู่เบื้องหลัง และธาราจะได้ฟื้นขึ้นมาเปิดโปงความจริงหรือไม่ ติดตามชมละคร ทายาทหมายเลข 1 ตอนที่ 17 วันพุธที่ 15 ตุลาคม 2568 เวลา 20:30 น. ทางช่องวัน 31

.

.

https://www.bilibili.tv/th/video/4797242627200512

ทายาทหมายเลข 1 EP.17

.





เรื่องย่อ ทายาทหมายเลข1 EP.18
วันพฤหัสบดีที่ 16 ตุลาคม 2568

เกมอำนาจยิ่งเดือด! เมื่อ “สีน้ำ” (กรีน อัษฎาพร) เดินหน้าสร้างศัตรูรอบด้าน ล่าสุดพาตำรวจบุก รวบ “มหาสมุทร” (นิว อัครวินท์) ถึงบ้านทำเอาสั่นสะเทือนไปทั้งบ้าน ด้านคดีเครื่องบินตกเริ่มใกล้ความจริง เมื่อ “ทะเลหลวง” (ต้นข้าว ชยุตม์) สืบจนเจอชายลึกลับที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในอดีต พบว่าเป็นลูกน้องของ “จารึก” (ดู๋ สัญญา) งานนี้เกิดการปะทะกับตำรวจกลางพื้นที่ไล่ล่า และดูเหมือนจิ๊กซอว์ความจริงแต่ละชิ้นกำลังต่อกันอย่างสมบูรณ์

ขณะเดียวกัน “สีน้ำ” ที่ขึ้นแท่นมีอำนาจเต็มใน “สยามรพี” เตรียมเปิดโหวต “ขายกิจการ” ตามแผนที่เธอคุยไว้กับจารึก อนาคตของสยามรพีจึงแขวนอยู่บนเส้นด้าย! ส่วน “ธารา” ป้าใหญ่ของทุกคน ยังคงนอนโคม่าไม่รู้สึกตัว แต่ใน EP.นี้ มีสัญญาณบางอย่างบ่งบอกว่าเธออาจจะ “ฟื้น” ขึ้นมา!? ติดตามความเข้มข้นระอุอารมณ์ได้ใน “ทายาทหมายเลข 1” สามตอนสุดท้าย วันพฤหัสบดีที่ 16 ตุลาคม 2568 เวลา 20:30 น. ทางช่องวัน 31

.

.

https://www.bilibili.tv/th/video/4797242623006208

ทายาทหมายเลข 1 EP.18

.





เรื่องย่อ ทายาทหมายเลข1 EP.19
วันพุธที่ 22 ตุลาคม 2568

ถึงเวลาที่ครอบครัว “รพีธาดา” ต้องรวมใจอีกครั้ง เพื่อยุติความวุ่นวายที่กัดกินครอบครัวมานาน หลังความจริงเบื้องหลังการตายของ “นที” และ “ชลธาร” ว่าใครคือผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง รวมถึงการขึ้นสู่อำนาจของ “สีน้ำ” (กรีน อัษฎาพร) ที่ทำให้ “ธารา” (นก สินจัย) ป้าใหญ่ของบ้านต้องนอนโคม่าอย่างไม่เป็นธรรม ในงานครบรอบ 58 ปีของ “สยามรพี” สีน้ำประกาศช็อกกลางเวที! แต่งตั้ง “จารึก” (ดู๋ สัญญา) เป็นประธานกรรมการบริหารคนใหม่ สร้างความตกตะลึงไปทั้งวงการ แต่ครอบครัวรพีธาดาไม่ได้ยอมง่าย ๆ พวกเขาเตรียมแผนเด็ดเพื่อตลบหลังคืนอำนาจให้สยามรพีอีกครั้ง! ศึกครั้งนี้จะจบลงอย่างไร และใครจะเป็นผู้ควบคุม “สยามรพี” ตัวจริง?

.

.

https://www.bilibili.tv/th/video/4797242608850944

ทายาทหมายเลข 1 EP.19

.





เรื่องย่อ ทายาทหมายเลข1 EP.20
วันพฤหัสบดีที่ 23 ตุลาคม 2568

ทุกความจริงเริ่มถูกเปิดเผย! เมื่อรุ่นลูกของตระกูลรพีธาดาร่วมมือกันตามหาหลักฐานสำคัญ จนทำให้ “สีน้ำ” (กรีน อัษฎาพร) และ “จารึก” (ดู๋ สัญญา) ถูกจับได้กลางงานประกาศผู้บริหารคนใหม่ของ “สยามรพี”

ขณะที่ “ธารา” (นก สินจัย) ปรากฏตัวแบบไม่ทันตั้งตัว สร้างความตกใจให้ทุกคนในงาน แต่แม้ “จารึก” จะถูกส่งตัวถึงมือตำรวจ เขากลับปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาไม่ยอมรับผิด ทำให้ศึกนี้ยังไม่จบง่าย ๆ

ถึงเวลาแล้วที่ ธารา พร้อมน้อง ๆ และหลาน ๆ ตระกูลรพีธาดาต้องร่วมแรงร่วมใจ พลิกเกมครั้งสุดท้ายเพื่อโค่น “สีน้ำ” และ “จารึก” ให้สิ้นซาก และกอบกู้ “สยามรพี” บทสรุปของสงครามแค้น-ศึกชิงอำนาจจะเป็นเช่นไร และ “ใครคือ ทายาทหมายเลข 1 ที่แท้จริง”

.

.

https://www.bilibili.tv/th/video/4797242726422528

ทายาทหมายเลข 1 EP.20 ตอนจบ

.





รายชื่อนักแสดง ทายาทหมายเลข1 ช่องวัน31

สินจัย เปล่งพานิช รับบท ธารา
ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง รับบท นที
คัทลียา แมคอินทอช รับบท วีริน
ภรภัทร ศรีขจรเดชา รับบท ชลธาร
อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล รับบท สีน้ำ
สัญญา คุณากร รับบท จารึก
อัมรินทร์ นิติพน รับบท พศิน
อรจิรา แหลมวิไล รับบท โปรยฝน
ชยุตม์ นิติชาคร รับบท ทะเลหลวง
อัครวินท์ นันทิพัฒน์ รับบท มหาสมุทร

วิทยา เทพทิพย์ รับบท คีตะ
คุณากร ปุราโส รับบท เดินทัพ
วศิน อัศวนฤนาท รับบท ปราการ
ปวรดา วีรวรรณ รับบท มุกดาว
ภูปภพ โกมลโชติ รับบท อันดามัน
ญาณิน โอภาสสถาวร รับบท ปานชีวา
ปัณณธร อนันต์กิตติเลิศ รับบท มุกตะวัน
พิจิกา จิตตะปุตตะ รับบท จอมขวัญ
นที เอกวิจิตร์ รับบท หลวงพี่เสมอ
พิมพ์ลภัส จึงสุระ รับบท นาฬิ
รอง เค้ามูลคดี รับบท มานิต




















.




39
เรื่องย่อ ทายาทหมายเลข1 - entertainment.trueid.net - Ep.11-15





เรื่องย่อ ทายาทหมายเลข1 EP.11
วันพุธที่ 24 กันยายน 2568

ธารา (นก สินจัย) เริ่มไหวตัวทันกับแผนการของสีน้ำ (กรีน อัษฎาพร) และตัดสินใจไม่ให้สีน้ำก้าวขึ้นไปมีบทบาทในบอร์ดบริหารสยามรพี ฟากจารึก (ดู๋ สัญญา) พยายามแก้เกม แต่กลับถูกตีกลับจนถึงขั้นโมโหปรี๊ดแตก ขณะเดียวกัน วีริน (แหม่ม คัทลียา) ยังคงเดินหน้าตามสืบเรื่องราวของสีน้ำอย่างไม่ลดละ และยิ่งรู้สึกกังวลมากขึ้น หากสีน้ำคือสายลับของจารึกจริง ธาราอาจตกอยู่ในอันตราย เมื่อศัตรูอาจอยู่ใกล้ตัวมากกว่าที่คิด ติดตามชม ละครทายาทหมายเลข 1 ตอนที่ 11 วันพุธที่ 24 กันยายน 2568 เวลา 20:30 น. ทางช่องวัน 31

.

.

https://www.youtube.com/watch?v=FSDshmdkUTE

ทายาทหมายเลข 1 | Ep.11 (Full Ep) | 24 ก.ย. 68 | one31

.





เรื่องย่อ ทายาทหมายเลข1 EP.12
วันพฤหัสบดีที่ 25 กันยายน 2568

“ทะเลหลวง” (ต้นข้าว ชยุตม์) กับ “ปานชีวา” (นินน่า ญาณิน) เดินหน้าสืบเบื้องหลังของ “สีน้ำ” (กรีน อัษฎาพร) ที่ท่าทีเริ่มไม่น่าไว้วางใจ ฟากสีน้ำเองก็ยังพยายามเดินหน้าขอความเชื่อใจจาก “ธารา” (นก สินจัย) อย่างไม่ลดละ

ด้าน “คีตะ” (ก้อง วิทยา) ก็กำลังเข้ามาปั่นป่วนรุ่นลูกเต็มตัว โดยเฉพาะ “มุกดาว” (ปาว ปวรดา) และ “อันดามัน” (พูม่า ภูปภพ) ที่ต้องเผชิญกับแผนร้ายของเขา สัญญาณร้ายครั้งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้นกับรพีธาดา คืนนี้

ติดตามชม ละครทายาทหมายเลข 1 ตอนที่ 12 วันพฤหัสบดีที่ 25 กันยายน 2568 เวลา 20:30 น. ทางช่องวัน 31

.

.

https://www.youtube.com/watch?v=rhS8bMbu0gY&t=31s

ทายาทหมายเลข 1 | Ep.12 (Full Ep) | 25 ก.ย. 68 | one31

.





เรื่องย่อ ทายาทหมายเลข1 EP.13
วันพุธที่ 1 ตุลาคม 2568

ความจริงเริ่มถูกเปิดเผย “สีน้ำ” (กรีน อัษฎาพร) นอกจากจะเป็นสายให้ “จารึก” (ดู๋ สัญญา) ยิ่งกว่านั้นคือความสัมพันธ์ลับระหว่างสีน้ำกับ “คีตะ” (ก้อง วิทยา) ที่แท้จริงเขาคือ “มนัส” ชายผู้มีแผนการร้ายแอบแฝง ทั้งหลอก “มุกดาว” (ปาว ปวรดา) จนถึงขั้นล่วงละเมิด และทำทีเป็นที่พึ่งพาให้ “อันดามัน” (พูม่า ภูปภพ) ตกอยู่ในอุ้งมือได้อย่างแนบเนียน ขณะเดียวกัน “ทะเลหลวง” (ต้นข้าว ชยุตม์) เริ่มระแคะระคายพฤติกรรมสีน้ำ จึงเดินหน้าสืบอย่างหนัก ร่วมกับ “ธารา” (นก สินจัย) และ “วีริน” (แหม่ม คัทลียา) เพื่อหวังจับสีน้ำให้ได้คาหนังคาเขา แต่เมื่อสีน้ำเริ่มรู้ตัว เธอจึงวางหมากใหม่ เตรียมโยนความผิดให้ทะเลหลวงติดคุกอีกครั้ง โดยใช้จุดอ่อนเรื่องความใจร้อนของเขามาเล่นงาน… หรือครั้งนี้ทะเลจะก่อคดีขึ้นจริง!? ด้านมุกดาวที่เริ่มตาสว่าง ก็พยายามดึงอันดามันออกมาจากอิทธิพลของคีตะ แต่ทั้งคู่กลับเดินหน้าแผนการใหม่ที่อันตรายยิ่งกว่าเดิม! ติดตามชม ละครทายาทหมายเลข 1 ตอนที่ 13 วันพุธที่ 1 ตุลาคม 2568 เวลา 20:30 น. ทางช่องวัน 31

.

.

https://www.bilibili.tv/th/video/4797232529807360

ทายาทหมายเลข 1 EP.13

.





เรื่องย่อ ทายาทหมายเลข1 EP.14
วันพฤหัสบดีที่ 2 ตุลาคม 2568

โศกนาฏกรรมครั้งใหญ่! การจากไปของ “มนัส” หรือ “คีตะ” (ก้อง วิทยา) กลายเป็นแผลลึกที่ “สีน้ำ” (กรีน อัษฎาพร) รับไม่ได้ ความเศร้าที่กลายเป็นความแค้นยิ่งทำให้สีน้ำประกาศกร้าวว่าจะต้องลากทั้งตระกูลรพีธาดาให้พังพินาศไม่เหลือชิ้นดี

สีน้ำเตรียมส่งวีดีโอที่เป็นหลักฐานให้ “จารึก” (ดู๋ สัญญา) ศัตรูหมายเลขหนึ่งของตระกูล และฝากทุกเดิมพันไว้กับเกมล้มสยามรพี! แต่เกมนี้ไม่ได้มีเพียงสอง… จารึกยังจับมือกับ “นาฬิ” (พิมมี่ พิมพ์ลภัส) หญิงสาวที่ซ่อนรอยแค้นลึกไม่แพ้กัน ทำให้การรวมตัวของพวกเขากลายเป็นพายุที่พร้อมโหมกระหน่ำใส่รพีธาดาได้ทุกเมื่อ ติดตามชม ละครทายาทหมายเลข 1 ตอนที่ 14 วันพฤหัสบดีที่ 2 ตุลาคม 2568 เวลา 20:30 น. ทางช่องวัน 31

.

.

https://www.oned.net/video/6376535929112

ทายาทหมายเลข 1 EP.14

.





เรื่องย่อ ทายาทหมายเลข1 EP.15
วันพุธที่ 8 ตุลาคม 2568

ความลับครั้งใหญ่เริ่มถูกเปิดเผย เมื่อหลักฐานสำคัญที่บ่งบอกว่า “อันดามัน” (พูม่า ภูปภพ) คือตัวจริงที่พรากชีวิต “คีตะ” (ก้อง วิทยา) ไปตกอยู่ในมือของ “ทะเลหลวง” (ต้นข้าว ชยุตม์) ด้วยฝีมือของ “เดินทัพ” (ทีม คุณากร) ที่แอบลบไฟล์จากเมมโมรี่การ์ดของ “สีน้ำ” (กรีน อัษฎาพร) ก่อนจะส่งมอบให้ทะเล ความจริงนี้ทำให้ “จารึก” (ดู๋ สัญญา) เดือดดาลลูกชายขั้นสุด ขณะที่แรงกดดันมหาศาลถาโถมใส่ “โปรยฝน” (แป้ง อรจิรา) ผู้เป็นแม่ของอันดามัน เพราะครั้งนี้ทุกสายตากำลังจับจ้องว่าเธอจะปกป้องลูก หรือยอมให้เขารับผิด! โดยเฉพาะเมื่อ “วีริน” (แหม่ม คัทลียา) พูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “ลูกเราทำผิด เขาต้องเป็นคนรับผิดชอบ” ทำให้โปรยฝนต้องเผชิญหน้ากับทางเลือกสุดเจ็บปวด ในเวลาเดียวกัน “นาฬิ” (พิมมี่ พิมพ์ลภัส) ที่หักหลัง “มหาสมุทร” (นิว อัครวินท์) ไปจับมือร่วมแผนกับจารึก ทำให้มหาสมุทรโกรธแค้นจนพร้อมจะเปิดศึกครั้งใหม่ ขณะที่ “สีน้ำ” ยังคงเดินเกมต่อ เตรียมงัดไพ่ใบใหม่ที่ทำให้สยามรพีสั่นสะเทือนยิ่งกว่าเดิม ติดตามชมละคร ทายาทหมายเลข 1 ตอนที่ 15 วันพุธที่ 8 ตุลาคม 2568 เวลา 20:30 น. ทางช่องวัน 31

.

.

https://www.bilibili.tv/th/video/4797242593121792

ทายาทหมายเลข 1 EP.15

.




40
เรื่องย่อ ทายาทหมายเลข1 - entertainment.trueid.net - Ep.6-10





เรื่องย่อ ทายาทหมายเลข1 EP.6
วันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายน 2568

ธารา (นก สินจัย) ปรึกษากับสีน้ำ (กรีน อัษฎาพร) ถึงสิ่งที่เธออยากรู้ให้ได้ ว่าใครกันแน่คือคนที่อยู่เบื้องหลังการวางยามุกดาว (ปาว ปวรดา) คำถามนี้ทำให้สีน้ำถึงกับแปลกใจ เมื่อพี่ใหญ่เริ่มตั้งข้อสงสัยกับเรื่องในครอบครัวเช่นนี้

ด้านมุกดาวก็เต็มไปด้วยความน้อยใจต่อธารา ผู้เป็นป้าใหญ่ที่เหมือนจะไม่เห็นค่าของเธอ แต่โชคยังดีที่มีคีตะ (ก้อง วิทยา) ซินแสผู้รอบรู้คอยอยู่เคียงข้าง ทำให้เธอใจเย็นลง และเริ่มแอบมีความรู้สึกดี ๆ ต่อเขา

ขณะเดียวกัน ทะเลหลวง (ต้นข้าว ชยุตม์) ก็ต้องเจอปัญหาใหญ่ที่ห้างสยามรพีอีกครั้ง จนถูกเรียกเข้าที่ประชุม และต้องเจอกับโปรยฝน (แป้ง อรจิรา) ที่พูดจาเชือดเฉือนใส่วีริน (แหม่ม คัทลียา) ต่อหน้าทุกคนว่า “ลูกเธอเป็นคนสร้างเรื่อง เนี่ยนะเหรอคนที่จะขึ้นเป็นผู้นำของสยามรพีในอนาคต” ทำให้ทั้งวีรินและทะเลหลวงเริ่มสงสัย ว่านี่อาจไม่ใช่คำพูดลอย ๆ แต่เป็นแผนการบางอย่างที่โปรยฝนตั้งใจสร้างขึ้น เพื่อกีดกันอีกฝ่ายออกไปจากเส้นทาง เพราะมหาสมุทร (นิว อัครวินท์) กำลังถูกพักงาน ห้ามเข้าออฟฟิศของสยามรพี เมื่อโดนเล่นนอกเกมมา คืนนี้ วีริน จะพลิกเกมกลับอย่างไร?

ติดตามชม ละครทายาทหมายเลข 1 Ep.6 วันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายน 2568 เวลา 20:30 น. ทางช่องวัน 31

.

.

https://www.youtube.com/watch?v=ER3gkjbSAzc

ทายาทหมายเลข 1 | Ep.06 (Full Ep) | 4 ก.ย. 68 | one31

.





เรื่องย่อ ทายาทหมายเลข1 EP.7
วันพุธที่ 10 กันยายน 2568

ศึกพี่น้องยังคุกรุ่น! เมื่อทะเลหลวง (ต้นข้าว ชยุตม์) กับมหาสมุทร (นิว อัครวินท์) ต้องปะทะกันแทบทุกครั้งที่เจอหน้า จนธารา (นก สินจัย) ป้าใหญ่แห่งรพีธาดา เรียกทั้งคู่มาพบ พร้อมคำเตือนเด็ดขาดว่า “ถ้าเราสองคนยังทะเลาะกันเองแบบนี้ ป้าจะหาคนใหม่มานั่งตำแหน่งผู้นำสยามรพี” คำพูดนี้ อาจทำให้ทั้งทะเลหลวงและมหาสมุทร ต้องเริ่มตั้งคำถามกับตัวเอง ว่าจะสู้เพื่ออะไรกันแน่

ด้านมุกดาว (ปาว ปวรดา) ก็เริ่มเข้าใกล้คีตะ (ก้อง วิทยา) มากขึ้น เมื่อทั้งคู่จับมือทำธุรกิจบางอย่างร่วมกัน ความสัมพันธ์นี้อาจกลายเป็นอีกหนึ่งแรงสั่นสะเทือนในตระกูลรพีธาดา ขณะเดียวกัน ธาราเหมือนจะได้เบาะแสสำคัญว่า ใครกันแน่คือผู้อยู่เบื้องหลังการตายของนที (แท่ง ศักดิ์สิทธิ์) ผู้เป็นน้องชาย เธอจึงเรียกวีริน (แหม่ม คัทลียา) มาพบ เพื่อร่วมไขปริศนาครั้งนี้ แต่เรื่องไม่จบแค่นั้น เพราะธารายังต้องเปิดศึกปะทะคารมกับศัตรูหมายเลข 1 อย่างจารึก (ดู๋ สัญญา) อีกครั้ง! ขณะที่วีรินเองก็หนีไม่พ้นการถูกโปรยฝน (แป้ง อรจิรา) เอาคืนอย่างเจ็บแสบ งานนี้แม่บ้านสะใภ้ใหญ่สะเทือนอีกระลอก ต้องลุ้นกันว่า ความขัดแย้งในตระกูลรพีธาดา จะยิ่งแตกหักหรือกลับมารวมเป็นหนึ่งได้จริงหรือไม่?

.

.

https://www.youtube.com/watch?v=4nGsCCATmWI

ทายาทหมายเลข 1 | Ep.07 (Full Ep) | 10 ก.ย. 68 | one31

.





เรื่องย่อ ทายาทหมายเลข1 EP.8
วันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน 2568

ปานชีวา (นินน่า ญาณิน) ทำให้ห้างสยามรพีเกิดความวุ่นวาย งานนี้ทะเลหลวง (ต้นข้าว ชยุตม์) อดเป็นห่วงไม่ได้ จนเข้าไปช่วยดูแลใกล้ชิด แต่กลับถูกแม่อย่างวีริน (แหม่ม คัทลียา) ตำหนิแรงว่า “อยากช่วยใครก็ช่วยได้ แต่ไม่ควรทำให้ตัวเองและสยามรพีต้องเดือดร้อน” กลายเป็นชนวนทำให้แม่ - ลูกเกิดความผิดใจขึ้นมา

ขณะที่มุกดาว (ปาว ปวรดา) เริ่มถลำลึกเข้าไปในแผนการของคีตะ (ก้อง วิทยา) ที่ดูเหมือนจะไม่ได้มีเจตนาดีต่อเธอและครอบครัวเลยแม้แต่น้อย เรื่องนี้ก็อาจนำมาซึ่งภัยร้ายที่ยากเกินจะแก้ไข ส่วนคดีที่มุกดาวเคยถูกวางยาจนต้องเข้าโรงพยาบาล เริ่มมีความคืบหน้า เมื่อพศิน (อ่ำ อัมรินทร์) ลูกเขยผู้ทรงอำนาจ สามีของโปรยฝน (แป้ง อรจิรา) สืบหาเบาะแสของคนร้ายได้ ทำให้ธารา (นก สินจัย) เร่งตามต่อทันทีว่า เรื่องทั้งหมดจะเกี่ยวโยงกับศัตรูหมายเลข 1 อย่างจารึก (ดู๋ สัญญา) หรือไม่

ด้านการประชุมบอร์ดบริหารสยามรพี ก็ยิ่งเพิ่มแรงกดดันให้ครอบครัวรพีธาดา เมื่อปัญหาหนักหน่วงยังถาโถมไม่หยุด ทะเลหลวงกับวีรินต้องเผชิญศึกทั้งในบ้านและในบอร์ดไปพร้อมกัน

.

.

https://www.youtube.com/watch?v=i1PhJIgcTnQ

ทายาทหมายเลข 1 | Ep.08 (Full Ep) | 11 ก.ย. 68 | one31

.





เรื่องย่อ ทายาทหมายเลข1 EP.9
วันพุธที่ 17 กันยายน 2568

ยิ่งธารา (นก สินจัย) และวีริน (แหม่ม คัทลียา) ตามสืบคดีเครื่องบินตกของนที (แท่ง ศักดิ์สิทธิ์) และชลธาร (ตรี ภรภัทร) ก็ยิ่งพบกับเงื่อนงำที่ซับซ้อนเกินคาด อีกทั้งวีรินเริ่มสงสัยว่าอาจมี “คนระดับบอร์ดบริหาร” แอบเป็นสายลับให้ฝั่งศัตรูอย่างจารึก (ดู๋ สัญญา) งานนี้เธอจึงต้องเร่งหาตัวคนทรยศให้เจอ ก่อนที่ความวุ่นวายจะลุกลามไปทั้งตระกูล!

ฟากเรื่องในบ้านก็เดือดไม่แพ้กัน เมื่อพศิน (อ่ำ อัมรินทร์) มีปากเสียงกับโปรยฝน (แป้ง อรจิรา) ต่อหน้าลูก ๆ ให้บรรยากาศครอบครัวตึงเครียดไปทั่ว ขณะที่ทะเลหลวง (ต้นข้าว ชยุตม์) ก็เริ่มไม่ไว้ใจมุกดาว (ปาว ปวรดา) เพราะเธอปกปิดความลับบางอย่าง ที่เชื่อมโยงกับคีตะ (ก้อง วิทยา) ด้านศึกภายนอก จารึกยังเดินหน้ารุก เพื่อหวังฮุบสยามรพีให้ได้

.

.

https://www.youtube.com/watch?v=RcT2jCWAJG4

ทายาทหมายเลข 1 | Ep.09 (Full Ep) | 17 ก.ย. 68 | one31

.





เรื่องย่อ ทายาทหมายเลข1 EP.10
วันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน 2568

วีริน (แหม่ม คัทลียา) เริ่มจับพิรุธของสีน้ำ (กรีน อัษฎาพร) ที่มีท่าทีแปลกไปจากเดิม แถมยังดูเหมือนจะมีความลับบางอย่างที่ปกปิดไม่ให้ธารา (นก สินจัย) รู้ ยิ่งทำให้บรรยากาศในตระกูลรพีธาดาตึงเครียดมากขึ้นทุกที ท่ามกลางความปั่นป่วนที่คุกรุ่น ธาราตัดสินใจเรียกประชุมครอบครัวครั้งใหญ่ เพื่อหาคำตอบและยุติความระส่ำระสายที่กำลังกัดกินทุกคนในตระกูล ติดตามชม ละครทายาทหมายเลข 1 ตอนที่ 10 วันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน 2568 เวลา 20:30 น. ทางช่องวัน 31

.

.

https://www.youtube.com/watch?v=90y4sJqpGZw

ทายาทหมายเลข 1 | Ep.10 (Full Ep) | 18 ก.ย. 68 | one31

.




Pages: 1 2 3 [4] 5 6 ... 10
SMF 2.0.4 | SMF © 2013, Simple Machines | Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.106 seconds with 12 queries.