Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
User Info
Welcome, Guest. Please login or register.
10 May 2024, 03:11:49

Login with username, password and session length
Search:     Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ

http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
25,650 Posts in 12,467 Topics by 70 Members
Latest Member: KAN
Home Help Search Calendar Login Register
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...  |  เรื่องราวน่าอ่าน  |  นวนิยายที่น่าอ่านอย่างยิ่ง (Moderators: LAMBERG, moowarn)  |  นิยาย แนวผจญภัย บทที่ 2 โดย หนุ่มธุดงค์ไพร
0 Members and 1 Guest are viewing this topic. « previous next »
Pages: [1] Go Down Print
Author Topic: นิยาย แนวผจญภัย บทที่ 2 โดย หนุ่มธุดงค์ไพร  (Read 312 times)
p_san@
Global Moderator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,427


View Profile
« on: 21 April 2021, 21:31:18 »

นิยาย แนวผจญภัย บทที่ 2 โดย หนุ่มธุดงค์ไพร


นิยาย แนวผจญภัย บทที่ 2 ตอนที่ 1
หนุ่มธุดงค์ไพร


บทที่ 2

ตอนที่ 2.1

    เสียงน้ำค้างจากหลังคาหยดลงบนกองใบพลวงพุๆดังเปาะแปะ อากาศยามเช้าเย็นยะเยือกและปะปนไปกับสายหมอกจางๆ เสียงนกป่านานาชนิด พากันส่งเสียงร้องเจี๊ยวจ๊าว จากยอดต้นไทรบนเขา ซึ่งตอนนี้ถูกบดบังด้วยหมอกที่หนาทึบ ไกลออกไป เสียงไก่ป่าขันเจื้อยแจ้ว แว่วมาให้ได้ยินอีกหลายฝูง ด้านหลังครัวเสียงฟืนไหม้ไฟดัง เปรี๊ยะ กับเสียงดัง ออดแอด ของพื้นฟาก ที่ถูกปูขึ้นแบบหลวมๆ  เช้านี้อากาศสดใสจนสิงห์ ไม่อยากจะลุกจากเปล เขานอนบิดแขนไปมาสองสามครั้งแล้ว หันไปดูเสียงที่ดังจากในครัวก็เห็นที่มาของเสียง คือพรานเบ ซึ่งตอนนี้กำลังตั้งหม้อหุงข้าวบนเตาฟืนที่มีควันคุกรุ่นอยู่จางๆ เมื่อมองถัดออกไปคือเจ้าเคิ้งที่กำลังลำเลียงถ้วยจานไปล้างอยู่ที่ริมห้วยด้านล่างกับลุงโส่ย

“ตื่นแล้วหรือสิงห์ เป็นยังไงหนาวหรือเปล่า เมื่อคืนนอนหลับสบายไหม” พรานเบร้องทักเมื่อเห็นสิงห์กำลังลุกขึ้นจากเปล

“นอนหลับเป็นตายเลยน้าเบ อากาศเย็นสบายดีจัง ดีนะที่ผมเอาถุงนอนมาด้วย ถ้าลืมเอามาสงสัยได้ไปนอนขดข้างกองไฟแบบไอ้พะเปรียว”เขาพูดพรางเก็บพับเปลไปด้วย

“ไอ้พุ่มมันไปไหนหรือน้าเบ ไม่เห็นมันเลยสงสัยไปหายิงไก่ ปืนแก๊ปที่แขวนไว้ที่หัวเสาก็ไม่อยู่” สิงห์ร้องถามถึงพุ่ม

“เออ...มันไปยิงไก่ป่านั้นล่ะ ออกไปตั้งแต่ฟ้ายังไม่เปิดแล้ว ช่วงนี้ไก่ป่ามันชุม แต่มันเปรียวไปหน่อย ไม่ต้องไปไกลก็พอได้ตัว เห็นมันว่าจะไปนั่งเฝ้าแถวๆต้นไทรโน่น”พรานเบชี้ให้สิงห์ดูตำแหน่งที่เจ้าพุ่มไปซุ่มยิงไก่ป่า

“ปัดโถ...แล้วทำไมไม่ปลุกผม ลูกไทรสุกแบบนี้นกเขาเปล้าไม่ลงเป็นฝูงหรือน้าเบ ไอ้เราก็อุตสาห์แบกลูกกรดมาจนไหล่แถบหลุด น่าเสียดาย อย่างน้อยๆก็เอาปืนผมไปก็ยังดี”สิงห์ยืนบ่นอยู่ที่ระเบียงกระท่อม ตาก็จ้องไปที่ตำแหน่งที่พรานเบชี้ให้ดู ซึ่งตอนนี้มีเสียงนกป่านาๆชนิดร้องแก๊กก๊าก เต็มไปหมด

“มันเห็นเอ็งหลับอยู่ ก็ไม่อยากปลุกเอ็งล่ะสิงห์ คนกำลังหลับสบายๆ ใครเขาอยากจะปลุก ส่วนปืนมันคงไม่กล้าเอาไปโดยไม่เอ่ยปากขอ ไอ้พุ่มมันเกรงใจเอ็ง”พูดจบพรานเบก็เดินไปคนข้าว ที่กำลังเดือดอยู่ แล้วพูดเสริมมาอีกว่า

“แค่มันเห็นเอ็งมาเที่ยว มันก็ดีใจแล้ว ไม่ใช่แต่ไอ้พุ่มคนเดียวที่ดีใจ พวกข้าทุกคนก็ดีใจที่เอ็งกลับมาเที่ยวหาอีก”พรานเบพูดจบก็ยกหม้อข้าวที่มีไม้ไผ่ขัดกับฝาหม้อ แล้วยกลงรินน้ำข้าวลงในหม้ออีกใบที่แลดูบุบๆบี้ๆ จนควันคลุกลุ่นส่งกลิ่นหอมฉุยไปทั้งกระท่อม

“แหม...น้าเบพูดซะผมเขินเลย เรามันก็เหมือนญาติพี่น้องกันหมดล่ะ ผมก็ดีใจที่เราได้พบกันอีก ถึงเราจะรู้จักกันมาไม่กี่ปี แต่ทุกคนก็เหมือนครอบครัวของผม “พูดจบสิงห์ก็เดินไปหยิบถุงสบู่กับขันน้ำ เพื่อเตรียมไปล้างหน้าล้างตาที่ริมห้วยหลังกระท่อม โดยที่ไหล่ซ้ายมีผ้าขนหนูผืนเล็กอีกผืนพาดอยู่

“อากาศดีจริงๆเลยลุงโส่ย ผมชักไม่อยากกลับไปทำงานแล้ว”สิงห์ร้องทักพรานเฒ่าที่กำลังเดินสวนทางมากับเคิ้ง

“จะไปยากอะไร เอ็งก็มาอยู่นี่เสียเลย ดีเสียอีกข้าจะได้มีเพื่อนกินเหล้า ฮาๆ” ลุงโส่ยหัวเราะชอบใจจนเห็นฟันดำปี๋

“หาเมียกะเหรี่ยงสวยๆสักคนสองคนก็ดีนะ พี่สิงห์จะได้ไม่เหงา ในหมู่บ้านสาวๆสวยๆเยอะแยะไป เดี๋ยวผมติดต่อให้” เคิ้งสอดมาอีกคน

“เออเอ็งรีบเอาจานไปเก็บเถอะ ก่อนที่เอ็งจะโดนข้าเตะ” สิงห์ทำท่ายกขาจะเตะ จนเคิ้งโดดหลบ แต่สิ่งที่ทำไม่ได้ตั้งใจหรือจงใจอะไร แค่เป็นการหยอกล้อกันเล่นธรรมดา

    ที่ลำห้วยน้ำใส จนมองเห็นฝูงปลาเล็กปลาน้อย ที่มารุมกินเศษอาหาร ที่เคิ้งและลุงโส่ยเอาจานชามมาล้างเมื่อสักพัก สิงห์มองสำรวจไปทั่ว ที่แห่งนี้เขาเคยมาเมื่อนานมาแล้ว ทุกสิ่งที่เคยเห็นมีการเปลี่ยนแปลงไปไม่มากนัก ระดับน้ำในลำห้วยยังคงอยู่ในระดับปกติ เหมือนครั้งที่แล้ว ผิดจากต้นไม้พวกบอนป่าฝั่งตรงข้ามซึ่ง เมื่อก่อนมีอยู่ไม่กี่กอ แต่ตอนนี้มันแตกใบแตกหน่อจนแน่นไปหมด หลายยอดมีรอยกัดแทะจากแมลง หลายยอดก็ถูกกัดกินไปทั้งยอดจนกุด สิงห์เลือกที่เหมาะๆสำหรับล้างหน้าล้างตา ได้ตรงโขดหินใหญ่เรียบก้อนหนึ่ง เหนือบริเวณที่ สองพ่อลูกลงมาล้างจาน ประมาณสองวา เขาเอาผ้าขนหนูไปแขวนไว้กับกิ่งไม้แห้งท่อนหนึ่ง ซึ่งต้นของมันล้มตายอยู่ใกล้ๆห้วยนั้น น้ำใสไหลเย็นยะเยือกกระทบกับผิวหน้าของเขาจนชา แต่ไม่นานมันก็รู้สึกสดชื่น
กลับมาที่กระท่อม ข้าวในหม้อกำลังถูกดงด้วยไฟอ่อนๆจนระอุ ส่วนด้านล่างตรงลานที่ก่อไฟเมื่อคืน มีกาน้ำที่กำลังเดือดบนกองไฟกองเล็กๆ สิงห์เขาไปรื้อหาของในเป้อยู่สักพัก ก็หยิบซองใส่กาแฟออกมาสี่ห้าซอง เสร็จแล้วตัวเองฉีกกาแฟใส่แก้วที่ทำจากกระบอกไม้ไผ่ จากนั้นก็เดินไปเทน้ำร้อนจากกาที่กำลังเดือดได้ที่  กาแฟร้อนถูกชงจนหอมไปทั่ว เขานั่งห้อยขาบนระเบียงบ้านจิบกาแฟไปพลาง

“น้าเบ ลุงโส่ยกาแฟผมเอามาหลายซอง เอาไปแบ่งกันกินนะ เคิ้งถ้าจะกินก็หยิบไปเลย ไม่ต้องมาเกรงใจ” สิงห์พูดพร้อมชี้มือให้เคิ้งดูตำแหน่งที่วางซองกาแฟ

“ครับพี่ เดี๋ยวผมชงให้พ่อกับน้าเบก่อน ผมยังไม่ค่อยอยากเท่าไหร่”เคิ้งพูด แล้วเดินไปหยิบแก้วที่ทำจากกระบอกไม้ไผ่ ที่เหน็บไว้ข้าวฝาในครัว

“ปั้ง..”

“นั้นไง ไอ้พุ่มล่ออะไรเข้าแล้ว สงสัยจะไก่ป่า” ลุงโส่ยพูดพร้อมหันไปมองที่มาของเสียง

“โอ้โห..ลุงโส่ย ฟังรู้ด้วยหรือว่าได้ตัวหรือไม่ได้ตัว” สิงห์ร้องแซว

“เอ็งเชื่อข้าซิ โดนนะโดนแน่ และคิดว่าได้ตัวด้วย แต่ไม่รู้ว่าเป็นตัวอะไร” แกพูดแล้วเอื้อมมือไปหยิบแก้วกาแฟจากลูกชาย

“มันฟังยังไงลุง ถึงรู้ว่าคนที่ยิง ยิงโดนหรือไม่โดนสัตว์” สิงห์ออกอาการสงสัย

“ง่ายๆ  ถ้าเป็นปืนแก๊ปนะ  เวลายิงมันจะดัง  แบบหลวมๆ  ถ้าไม่ถูกอะไรเลย  แต่ถ้าถูกมันจะดังออกหนักๆ  ส่วนปืนลูกซอง  ก็แบบเดียวกับปืนแก๊ป  แต่มันจะดังแน่นกว่า  ส่วนปืนลูกกรด มันจะดัง เปรี๊ยะ..” พูดจบแกก็ยกกาแฟขึ้นซด

“ลุงโส่ยเก่งไม่เบา มาคราวนี้ผมได้ความรู้เยอะเลย อ้าวนั้น นกเขาเปล้าบินมาเกาะบนยอดต้นนุ่นนี้นา” สิงห์ชี้ให้ดู

“พี่สิงห์ เอาลูกกรดสอยเลยพี่ ระยะนี้ไม่น่าพลาด”เคิ้งร้องบอก แต่สิงห์ก็ไม่ทันลุงโส่ย เพราะแกไปหยิบปืนของสิงห์ตั้งแต่มือไหร่ไม่มีใครรู้ พอปลดเซฟปืนได้ ก็พาดเล็งกับเสากระท่อมทันที ก่อนแกเหนี่ยวไก ยังพูดขึ้นอีกว่า

“เอ็งเตรียมวิ่งไปเก็บได้เลยไอ้เคิ้ง เดี๋ยวข้าจะสอยมาให้ไอ้สิงห์ย่างเกลือ”พูดจบแกก็เหนี่ยวไกทันที หลังจากเล็งอยู่นาน

“เปรี๊ยะ..”
สิ้นเสียงปืน ที่ดังออกไป แต่เป้าที่แกเล็งไม่มีอาการสั่นไหวแต่อย่างใด แต่มันกลับทำท่าพองขนจนฟู ก่อนจะขี้แล้วบินหนีไป  เล่นเอาสิงห์หัวเราะก๊าก

“ไหนลุง นกเขาเปล้าย่างเกลือของผม หมดกันดีมันไม่ขี้ใส่หน้าลุง ฮาๆ”สิงห์หัวเราะชอบใจ

“ดีแต่โม้พ่อ เสียชื่อหมด ฮาๆ”เคิ้งเสริมมาอีกแรง

“มันน่าเจ็บใจนัก ไอ้นกเวร หนอยเล่นกูเสียหน้า สงสัยตั้งศูนย์ ไม่ค่อยดี” แกพรานศูนย์ปืน

“สงสัยจะจริงลุงโส่ย ผมลืมตั้งศูนย์ปืนไว้ ไหนเอามาให้ผมตั้งใหม่สิ” สิงห์แกล้งพูดแก้เขิน ให้พรานเฒ่า
เขากำลังปรับแต่งศูนย์ปืน ให้ได้ระยะที่ต้องการ ยังไม่ทันยกเล็ง นกเขาเปล้าบินมาจากทางไหน ไม่มีใครรู้ มันบินมาเกาะที่ปลายกิ่งนุ่นต้นเดิม แต่อยู่ถัดออกไปอีกประมาณวากว่าๆ  โดยไม่ต้องมีใครบอก เขารีบกระชากลูกเลื่อนเพื่อเอาปลอกลูกปืนเก่าออก แล้วดันลูกใหม่เข้าไปในรังเพลิงแทน ก่อนจะยกขึ้นเล็ง โดยพาดปืนคู่ใจที่เสากระท่อม ในท่านั่งห้อยขา เขาเล็งอยู่อึดใจ ก่อนที่จะลั่นไกออกไป

“เปรี้ยง..”
เสียงปืนลูกกรดดังพร้อมๆกับ  นกเขาเปล้าที่เกาะบนปลายกิ่งนุ่นนั้น ห่อปีกหมุนควงตกลงมาทันที ติดตามด้วยกะเหรี่ยงดง คือเจ้าเคิ้งวิ่งไปที่โคนต้นนุ่นที่เต็มไปด้วยต้นสาบเสือ ไม่นานนักหลังจากเดินมุดซุ้มสาบเสืออยู่หลายรอบ เคิ้งก็เดินยิ้มแป้นออกมา พร้อมชูผลงานที่สิงห์ยิงได้ให้ดู

“มันต้องแบบพี่สิงห์สิพ่อ ถึงจะได้เอามาย่างเกลือ เห็นไหมกลางอกพอดีเลย”เคิ้งยังไม่วายแซวลุงโส่ย

“ถ้าศูนย์ปืนมันตั้งมาแล้ว อย่างตะกี้ ข้าก็ไม่พลาดหรอกเว้ย ไอ้เคิ้ง” พรานเฒ่ายังไม่เลิกบ่น แต่ก็คว้านกเขาเปล้าจากมือลูกชาย ไปนั่งถอนขนอยู่ข้างๆกองไฟหน้าลานกระท่อม ยังไม่ทันจะถอนเสร็จ ก็ได้ยินเสียงปืน ดัง ปัง ที่ตำแหน่งเดิมคือต้นไทรบนเขา ซึ่งตอนนี้พอจะมองเห็นเพราะหมอกเริ่มจางลงไปมากแล้ว เสียงปืนที่ดังกึกก้อง ไปทั้งหุบ ทำให้นกหลากหลายชนิดที่มากินลูกไทร พากันแตกฮือไปคนละทิศคนละทาง พอเงียบไปสักไม่กี่นาที ฝูงนกที่บินไปก็พากันบินวนเวียนแถวๆต้นไทรต้นนั้นอีก อึดใจต่อมา ก็มีเสียงปืนดังขึ้นอีก และเช่นเดียวกับครั้งแรก พอเสียงปืนดังฝูงนกก็บินแตกฮือ เป็นเช่นนี้ถึงสี่ครั้ง ที่เสียงปืนดังขึ้น

“สงสัยไอ้พุ่มคงยิงนกแล้ว” พรานเบพูดออกมา หลังจากเงียบอยู่นาน

“น่าจะจริงอย่าน้าเบว่า นัดแรกคงจะยิงตัวอะไรสักอย่าง แต่สามนัดหลังนี้ สงสัยจะยิงนก” สิงห์เห็นด้วยกับพรานเบ ที่ตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่ในครัวดังกรุกกรัก

“แล้วน้าเบกำลังทำอะไร” เขาสงสัยเมื่อเห็นพรานคู่ใจกำลังจัดแจงตั้งกระทะลงบนเตาไฟ

“ข้าว่าจะคั่วพริกนี้สักหน่อย จะทำน้ำพริกแห้งเอาไว้กินในป่า”พูดจบก็เอาพริกแห้งหน้าตาเหมือนพริกขี้นก แต่มีรสชาติเผ็ดกว่ามาก ใส่ลงไปในกระทะที่ตั้งไฟอ่อนๆได้ที่ เท่านั้นยังไม่พอ พรานเบก็ดึงหัวหอมแดง และหัวกระเทียม ที่แขวนอยู่ในครัวออกมาอย่างละเจ็ดแปดหัว เสร็จแล้วแกก็โยนมันลงไปใต้เตาถ่าน ที่ด้านบนมีกระทะที่กำลังคั่วพริก จนควันโขมง เล่นเอาจามกันไปทั้งกระท่อม พรานเบร้องบอกเคิ้งให้ไปตัดใบตองป่า ที่มีอยู่เป็นดงตรงริมห้วย ไม่ถึงอึดใจเคิ้งก็ถือใบตอง แล้วส่งให้พรานเบด้านหลังครัว เสียงพริกแห้งในกระทะ แตกดัง โพละ พ่ะ เพราะมันพองจนแตก พรานเบตักกะปิมอญ ที่แกมีไว้กระปุกใหญ่ ตักมาได้พอประมาณ ก็บรรจงห่อด้วยใบตองป่า สองสามชั้น มองแล้วคล้ายๆห่อขนมกล้วย เสร็จแล้วก็เอาไม้ไผ่ ที่แกทำไว้ปิ้งปลา มาเสียบคีบไว้  จากนั้นแกก็ร้องบอกให้เคิ้งเอาไปปิ้งไฟที่ลานหน้ากระท่อม ที่ตอนนี้ลุงโส่ยกำลังลนขนอ่อนของนกเขาเปล้าอยู่


« Last Edit: 21 April 2021, 22:11:11 by p_san@ » Logged
p_san@
Global Moderator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,427


View Profile
« Reply #1 on: 21 April 2021, 21:35:26 »


หนุ่มธุดงค์ไพร ;
บ้านธุดงค์ไพร อยู่ บ้านปลายนาสวน ต.นาสวน อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี ครับ ถ้ามีโอกาสก็ขอเรียนเชิญนะครับ

ออ..ตัวละครที่ผมเอามาเขียน มีชีวิต จริงครับ รวมทั้งหมา 2 ตัวที่เอามาเขียนด้วย


Logged
p_san@
Global Moderator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,427


View Profile
« Reply #2 on: 21 April 2021, 21:38:37 »

นิยาย แนวผจญภัย บทที่ 2 ตอนที่ 2


    เสียงครกหินดังสะเทือนเป็นจังหวะอยู่หลังครัว  พริกแห้งคั่ว หอมกระเทียมและกะปิเผา ถูกผสมเข้าด้วยกันอย่างลงตัว หลังจากพรานเบตักให้สิงห์ที่นั่งดูอยู่ใกล้ๆชิม เมื่อได้ที่ดีแล้วก็ตักแบ่งใส่ถ้วยเล็กๆไว้หนึ่งถ้วย ที่เหลือตักใส่กระปุกพลาสติกเก่าๆ ได้เกือบเต็ม จากนั้นพรานเบก็ร้องเรียกให้เคิ้งไปเก็บผักที่ริมห้วยหลังกระท่อม

“ไอ้เคิ้ง เอ็งไปเก็บผักมาจิ้มกินกับน้ำพริกเผาให้ข้าหน่อย แถวๆตรงหัวโค้งโน่นผักกูดเยอะ” พรานเบพูดพร้อมชี้มือบอกเคิ้ง

“โน่นไง ไอ้พุ่มกลับมาแล้ว บ๊ะ! ได้ไก่ป่ามาด้วย” พรานเฒ่าร้องบอก เมื่อเห็นพุ่มกำลังเดินลงมาจากตีนเขา

“ไอ้พุ่มมันเก่งนะ น้าเบ เรื่องหาของกินในป่าไปกับมันไม่ต้องกลัวอด” สิงห์หันไปพูดกับพรานเบ ที่ตอนนี้กำลังจัดของอยู่ในห้องบนกระท่อม
จริงอย่างที่สิงห์บอกกับพรานเบว่า พุ่มเป็นเด็กที่เก่งในเรื่องหากิน หรือจะบอกว่าคนทำบาปขึ้นก็ไม่ผิด ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ขอให้บอก เห็นห้วยน้ำที่ไหน ถ้าไม่ได้ กบธูปตัวใหญ่ๆก็กบขาสั้น อย่างไม่ได้เลย ก็เป็นปลาเวียนเป็นพวงๆ ลำบากจริงๆ ก็หางัดหินล้วงรู หาปูหาปลาไปตามเรื่อง หรือแม้แต่ตัวอ้นที่ทำรู้อยู่ในดิน พุ่มก็เอาตัวมากินจนได้โดยไม่ต้องออกแรงขุดให้เหนื่อย นกกระทาหรือ ไม่มีปืนยิง ก็ทำแร้วดักเอามากินก็เยอะ แถมบางที่มีไก่ป่ามาติดเข้าอีกก็บ่อย เรื่องของกินในป่า สิงห์เองก็เห็นและเชื่อฝีมือของเด็กหนุ่มคนนี้

“ได้ไก่มาตัวเดียวเองพี่สิงห์ ผมนั่งเฝ้าตั้งนานมาแค่คู่เดียว” พูดจบพุ่มก็โยนไก่ป่าที่ยิงได้บนกองฟืน

“แค่นี้ก็ดีแล้วพุ่ม ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย ตัวใหญ่เสียด้วยนิ รุ่นๆกำลังน่าแกง”สิงห์พูดพร้อมยกไก่ป่าที่พุ่มยิงได้ขึ้นมาดู

“อ้าว..ลุงโส่ยเอานกมาจากไหนนั่น” พุ่มหันไปดูพรานเฒ่ากำลังย่างนก ที่ตอนนี้กำลังเหลืองจนน้ำมันหยดบนกองไฟดัง ฉ่า

“ไอ้สิงห์มันสอยมาเมื่อกี้ แล้วเอ็งล่ะ ได้ไก่ป่ามาตัวเดียวหรือไง ไหนตะกี้ข้าได้ยินเสียงปืนตั้งหลายที” พูดจบแกก็ล้วงย่ามแล้วหยิบถุงพลาสติกเก่าๆขึ้นมา ภายในมีลูกหมากแห้งๆสิบกว่าลูก กับกระปุกใส่ยาเก่าๆ ซึ่งตรงขอบฝากระปุกมีคราบสีแดงๆออกชมพูส้ม ไม่ต้องบอกก็คงรู้ว่ามันน่าจะเป็นปูนแดง จากนั้นแกก็ล้วงไปหยิบใบพลูขึ้นมาสองสามใบ หลังจากโยนใบที่ดูเหลืองทิ้งไปเสียหนึ่งใบ แกก็บรรจงทาปูนแดงลงบนใบพลูที่เหลือสองสามครั้ง แล้วก็ม้วนเป็นมวน ก่อนเอาไปเคี้ยวในปากตุ้ยๆ ในขณะที่แกเคี้ยวแกก็หยิบเศษลูกหมากแตกๆสองสามชิ้นโยนเข้าปากตามไปอีก

“เออ เกือบลืม พี่สิงห์ ผมได้นกเขาเปล้ามาอีกสี่ตัว” พูดจบพุ่มก็ล้วงเข้าไปหยิบนกเขาเปล้าในย่ามที่สะพายไหล่อยู่

“โอ้โห..เก่งจริงๆโว้ยพุ่ม ดีเลยจะได้ให้ลุงโส่ยย่างเกลือเสียให้หมด ดูสิอ้วนๆกำลังดีทั้งนั้นเลย” สิงห์พูดพลางหยิบนกเขาเปล้าอ้วนพี ขึ้นมาดูทีละตัว

“ไปพุ่ม เอ็งไปทำไก่ป่า เดี๋ยวพี่นั่งถอนขนนกเอง” พูดจบสิงห์ก็นั่งถอนขนนกข้างกองฟืน ส่วนพุ่มนั่งถอนขนไก่ป่าอยู่ข้างๆ โดยมีพรานเฒ่าที่ต้อนนี้แกเคี้ยวหมากจนปากแดง มาช่วยอีกแรง

    หลังจากพุ่มถอนขนไก่ป่าเสร็จแล้วสิงห์ก็ให้พุ่มเอาไก่ป่าและนกเขาเปล้า ที่ลนขนอ่อนเสร็จเรียบร้อยดีแล้ว ให้พุ่มไปทำที่ริมห้วยด้วย หลังจากพุ่มนั่งทำไก่อยู่เงียบๆได้พักหนึ่ง เคิ้งที่เดินไปเก็บผักป่า ก็กลับมา นอกจากจะมีผักกูดยอดงามๆน่ากินแล้ว ยังมียอดผักหนามอวบๆอีกหลายสิบยอด แถมยังมีหยวกกล้วยป่าขาวอวบอีกสองท่อน  ยังไม่หมดแค่นั้นในกระชุไม้ไผ่สานยังมีปูห้วยตัวใหญ่ๆอีกสิบกว่าตัว แต่ละตัวก้ามใหญ่ๆทั้งนั้น ส่วนสิงห์เองตอนนี้ขึ้นไปตำพริกแกงอยู่บนครัว โดยมีพรานเบคอยเป็นลูกมือให้ ส่วนเคิ้งหลังจากโยนหยวกกล้วยป่าเขาไปเผาในกองไฟแล้วตัวเองก็ เดินลงไปช่วยพุ่มทำไก่และนกเขาเปล้าที่ริมห้วย  เหลือเพียงแต่ลุงโส่ยที่นั่งเคี้ยวหมากย่างนกเขาเปล้า ที่ตอนนี้สงกลิ่นหอมฉุย

“พุ่มเก็บเครื่องในนกไว้ด้วยนะ” สิงห์ร้องบอกพุ่มที่ตอนนี้กำลังนั่งผ่าท้องไก่และนกเขาเปล้าอยู่กับเคิ้ง

“เอาไอ้สิงห์ ใบกระเพรา กับใบยี่หร่า” ลุงโส่ยส่งก้านกะเพราและยี่หร่าที่มีใบดงก้านใหญ่ ส่งให้สิงห์หลังครัว โดยไม่ต้องบอกก็รู้งาน

“ตะไคร้ซอยแค่นี้พอหรือเปล่า” พรานเบร้องถามสิงห์ ในขณะที่ตัวเองกำลังซอยตะไคร้อยู่สามต้น

“แค่นั้นก็พอแล้วน้าเบ ลูกมะกรูดเอาไว้ที่ไหนน้าเบ อยู่นี่เอง” สิงห์ค้นหาอยู่อึดใจก็เจอลูกมะกรูดที่วางซุกไว้

    เสียงครกหินดังขึ้นอีกครั้ง ภายในนั้นมีพริกแห้งกำใหญ่ตำผสมกับตะไคร้ซอยกระเทียมและหัวหอมแดง ตำแบบหยาบๆ จากนั้นสิงห์ก็เอาลูกมะกรูดมาซอยเอาแต่ผิวเกือบครึ่งลูกใส่ลงไป ตาก็พลัน ไปเห็นข่าแง่งใหญ่ ที่เมื่อเย็นวานเขาเอามาต้มข่าไก่ ก็นึกขึ้นได้ว่าลืมใส่ลงไปด้วย เมื่อส่วนผสมทุกอย่างละเอียดเข้าที่ดีแล้ว สิงห์ก็ตักกะปิมอญ เติมลงไปเกือบครึ่งช้อน แถมยังซอยขมิ้นลงไปอีก ห้าหกแว่น พริกแกงป่าเสร็จพร้อมๆกับจานไก่ป่าสับ ที่พุ่มเดินเอามาไว้ในครัว ส่วนเคิ้งเดินถือพวงนกกับกระปุกเกลือเดินไปที่กองไฟหน้ากระท่อม ที่ตอนนี้มีท่อนหยวกกล้วยไหม้ไฟจนดำปี๋ ใกล้ๆกันก็มีนกย่างตัวแรกเสียบไม้วางอิงอยู่ข้างๆ นกเขาเปล้าถูกทาเกลือแล้วขึ้นย่างไฟอ่อนๆทั้งสี่ตัว พร้อมๆกับปูห้วย ที่เคิ้งโยนลงไปด้วย หลังจากพวกมันโดนไฟไม่นานตัวก็เป็นสีส้มเกือบแดง ส่งกลิ่นหอมฉุยน่ากิน

“ทำอะไรกินกัน หอมมาถึงนี่เลย”เสียงใครบางคนเล็ดลอด ออกมาจากชายดงสาบเสือ แต่ไม่ถึงอึดใจเจ้าของเสียงก็เดินโผล่ออกมา

“มาทันกินข้าวเช้าพอดีเลย กว่าจะมาได้นะไอ้เหน๋อ” สิงห์ร้องตะโกนบอกเพื่อนร่วมทางอีกคน แต่ไม่ทันขาดคำ ก็มีใครอีกสองคนเดินโผล่ออกมาด้วย

“ทำอะไรกินสิงห์หอมเชียว พี่กำลังหิวอยู่พอดี เดินกันจนหน้ามืดแล้ว ฮาๆ” เสียงชายวัยไล่ๆกับพรานเบร้องทัก

“แกงไก่ครับพี่พร แหม...มาได้จังหวะเลยนะครับ อ่าวนั้นพี่แปะ ก็มาด้วยหรือ” สิงห์ร้องทักชายอีกคนที่เดินแบกของพะรุงพะรัง พอๆกัน แถมที่ไหล่ยังสะพายปืนลูกซองห้านัดมาด้วย

“ข้าไปตามพี่พรตั้งแต่เมื่อวานแล้วไอ้สิงห์ ดีนะพี่พรอยู่บ้าน ไม่ได้ไปไหน นั่งคุยเรื่องจะไปเที่ยวป่ากันเพลินๆ พี่แปะมาหาพอดี เลยชวนๆกันมา” เหน๋อบอกสิงห์

“ดีเลย ไปกันเยอะๆสนุกดี เป็นยังไงบ้างพี่พร พี่แปะ สบายดีกันนะครับ” สิงห์หันไปถามพร้อมส่งยิ้มให้

“สบายดี ก็อยู่ตามมีตามเกิด ไม่ได้เดือดร้อนอะไรมาก” พรานพรบอกก่อนยกน้ำในขันขึ้นดื่มหลายอึก

“พี่ก็สบายดี ปีนี้ดีหน่อยฝนฟ้าดี ลงข้าวโพดกับข้าวไร่ไว้งามดี แล้งนี้คงไม่ต้องกลัวอะไร” พรานแปะตอบก่อนจะรับขันน้ำจากพรานพรขึ้นมาดื่ม

“สรุปเอ็งจะไปเที่ยวที่ไหนว่ะสิงห์”เหน๋อถามสิงห์ถึงสถานที่ ที่จะไป พูดจบก็โยนเป้เก่าๆที่หนักอึ้งลงบนระเบียง

“พวกข้าว่าจะไปแถวๆชายดงป่าดำก็พอ” สิงห์ร้องบอกจากในครัว

“อะไรนะ เอ็งจะไป ป่าดำกันหรือ ใครเขาไปเที่ยวกันว่ะ” พรานพรและพรานแปะแทบจะพูดออกมาพร้อมๆกัน ทั้งสามมองหน้ากันไปมา เพราะไม่แน่ใจว่าสิงห์และพวกพรานที่เหลือจะไปป่าดำ

“ก็แค่เที่ยวแถวๆชายดงแค่นั้น เราไม่ได้เข้าไปกลางดงเสียเมื่อไหร่เพราะผมก็ไม่เคยไปสักที จะได้เปลี่ยนบรรยากาศดูบ้าง” พูดจบสิงห์ก็เอาพริกแกงลงไปผัดในกระทะจนหอมฉุย

“เอ็งแน่ใจแล้วนะไอ้สิงห์ คิดดูให้ดีๆ เพราะพวกข้าก็ไม่เคยไปเลย แม้แต่ชายดงป่าดำนั่น” พรานพรพูดเสริมก่อนจะเอาปืนลูกซองเดียวลำกล้องยาวสี่สิบนิ้วของแกลงจากบ่า

“ไม่ใช่ผมคนเดียวที่แน่ใจหรอกพี่พร พวกผมที่อยู่ตรงนี้ ทั้งลุงโส่ย น้าเบ พุ่ม และเคิ้ง ทุกคนตกลงใจจะไปด้วยกันหมดแล้ว ที่เหลือก็เหลือแค่พวกพี่ทั้งสามคนนี่หละ” สิงห์หันไปพูดกับพรานพร พูดจบก็เอาไก่ป่าสับในจานเทใส่กระทะที่ผัดพริกแกงจนหอม ดังฉ่า

“พวกพี่พร พี่แปะ หรือเหน๋อ ถ้าอึดอัดใจหรือไม่สบายใจที่จะไปด้วยกัน พวกเราก็ไม่ว่าอะไรหรอก เอาตามความสมัครใจจะดีกว่า” สิงห์พูดเสริมมาอีก

“เอ็งไปข้าก็ไป ไหนๆเราก็เพื่อนกัน จะกลัวอะไร” เหน๋อร้องตอบ ในขณะที่มือทั้งสองข้างกำลังม้วนยาสูบ

“ถ้าเอ็งว่ายังนั้น ข้าก็คงต้องไปด้วย ข้าก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า ป่าดำ มันเป็นอย่างไง เคยแต่ได้ยินชื่อมานานแล้ว แล้วเอ็งหละจะเอากับเขาด้วยหรือเปล่า ไอ้แปะ” พรานพรหันไปถามพรานรุ่นน้อง ที่ตอนนี้กำลังยืนสูบยาเส้นจนควันโขมง

“ไหนๆก็แบกของจนหลังแอ่นมาถึงนี้แล้ว จะให้ข้าแบกกลับไปอีกก็ใช่ที่ มีพี่เบกับพวกเราทุกคน ข้าก็ไม่นึกกลัวอะไรแล้ว” พรานแปะพูดจบ หลังจากอัดยาสูบอยู่นาน

“ให้มันได้แบบนี้สิ พี่พร พี่แปะ ไอ้เหน๋อ ถึงจะเรียกว่าเพื่อนแท้ มาๆขึ้นมากินข้าวกินปลาก่อน แล้วค่อยมาคุยกันต่อ” สิงห์พูดพลางตักแกงไก่ป่าใส่จานใบใหญ่


« Last Edit: 21 April 2021, 22:12:45 by p_san@ » Logged
p_san@
Global Moderator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,427


View Profile
« Reply #3 on: 21 April 2021, 21:43:19 »

นิยาย แนวผจญภัย บทที่ 2 ตอนที่ 3


          ดวงอาทิตย์ขึ้นพ้นสันเขาแล้ว หมอกเมื่อตอนเช้าที่เคยปกคลุมไปทั่วจนมองอะไรไม่เห็น บัดนี้กลับเห็นสิ่งต่างๆรอบตัวได้อย่างชัดเจนมากขึ้น จนแลเห็นต้นไทรใหญ่ที่ตอนนี้นกป่านานาชนิด ที่มากินลูกไทรสุก พากันส่งเสียงร้องจนดังลั่นไปหมด  เสียงออดแอด ของพื้นฟากไม้ไผ่ บนระเบียงของกระท่อมหลังใหญ่ ที่มีจานชามและหม้อข้าวที่หุงจนสุกขึ้นหม้อ ส่งกลิ่นหอมฉุย  ถัดออกมามีจานแกงไก่ป่าร้อนๆควันกรุ่นๆ  ส่วนตรงกลางวงมีน้ำพริกเผาละลายน้ำมะขามเปียกอีกหนึ่งถ้วย ซึ่งรอบๆมีผักจิ้มอีกหลายอย่างทั้ง ผักกูด ผักหนาม มะเขือที่ปลูกเองข้างกระท่อม และหยวกกล้วยเผาที่เคิ้งแกะเอาเปลือกด้านนอกที่ถูกเผาไฟจนดำปี๋ออกเหลือแต่ด้านในที่ถูกหั่นเป็นชิ้นๆพอดีคำ  ข้างๆกันนั้นยังมีจานใส่นกเขาเปล้าย่างเกลืออีกห้าตัวและ ปูห้วยเผาอีกจานใหญ่ หลังจากจัดเตรียมอาหารพร้อมแล้ว ทุกคนก็นั่งร่วมวงกันกินข้าวเช้า ในขณะที่กิน สิงห์ก็คุยเรื่องราวต่างๆถึงเหตุผลที่จะไปเที่ยวที่ป่าดำ โดยสิงห์บอกว่าจะไปแค่ชายป่าดำเท่านั้น แค่อยากไปเห็นไม่คิดที่จะเข้าไปถึงกลางดงดำนั้นเลย โดยระบุจำนวนวันว่าจะไปเที่ยวป่ากี่คืนและจะออกมาประมาณวันที่เท่าไหร่ ส่วนเรื่องเสบียงและของจำเป็นต่างๆสิงห์จะให้พรานเบเป็นคนตรวจสอบอีกที ว่าขาดเหลืออะไรบ้างหลังจากกินข้าวเสร็จ ต่างคนต่างถามถึงสารทุกข์สุขดิบกันต่างๆนาๆ บวกกับได้บรรยากาศดีๆ รอบตัวเช่นนี้ อาหารมื้อนี้จึงกลายเป็นมื้อพิเศษ ทั้งที่เป็นแค่กับข้าวบ้านป่าธรรมดาๆ แต่ได้เพื่อนและคนที่คุ้นเคยเป็นตัวชูรสด้วยแล้วจะเอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม

“น้าเบ เดี๋ยวเราช่วยตรวจของกันดีกว่า ว่าขาดเหลืออะไรมั่ง” สิงห์หันไปพูดกับพรานเบหลังจากลำเลียงจานชามให้เคิ้งกับพุ่มด้านล่างกระท่อม

“เออๆ เดี๋ยวข้าให้ข้าวไอ้พะเปรียวกับไอ้พะบองก่อน” พรานเบพูดจบก็ยกหม้อใส่น้ำข้าวและเศษอาหารที่เหลือ มาผสมกันแล้วลงไป เทเศษอาหารให้หมาสองตัว ที่ตอนนี้พวกมันพากันวิ่งล้อมหน้าล้อมหลังเจ้านายของมัน

“มีอะไรให้ข้าช่วยหรือเปล่าไอ้สิงห์” เหน๋อหันมาถาม

“ข้าว่าเราแยกของจากเป้กันดีกว่า มาตรวจดูอีกทีว่ายังขาดเหลืออะไรบ้าง” พูดจบสิงห์ก็เทเป้ใบเก่าของเขา

“ไอ้สิงห์ระวังขวดเหล้าแตก” ลุงโส่ยร้องลั่น เมื่อเห็นสิงห์เทเป้ แล้วขวดเหล้าแดงกลิ้งคลุกๆออกมา

“ฮาๆ ร้องจนผมตกใจหมดเลยลุง แหม...รักจริงๆนะเหล้าเนี๊ย เดี๋ยวพ่อจะให้แบกไปเลย” สิงห์และพวกกะเหรี่ยงที่เห็นเหตุการณ์ พากันหัวเราะลั่น

“สิงห์เอ็งเอาลูกปืนมาเท่าไหร่” พรานเบถามหลังจากเทข้าวให้หมาสองตัวเสร็จ

“เฉพาะลูกกรดของผมก็สิบกล่อง ส่วนลูกซองผมซื้อลูกปรายกับลูกเบอร์ อย่างละยี่สิบลูก” พูดจบสิงห์ก็ล้วงมือเข้าไปหยิบถุงกระดาษออกมาจากกองเสื้อผ้า เมื่อแกะถุงกระดาษออกดู ซึ่งภายในมีกล่องของลูกปืนขนาด .22 หลายกล่อง แต่ละกล่องมีจำนวน ห้าสิบลูก รวมแล้วเกือบ ห้าร้อยลูก เพราะอีกกล่อง สิงห์แกะเอามาใช้เมื่อตอนเดินทางเข้ามา ลูกปืนขนาดเล็กนี้เหมาะสำหรับเป็นปืนจ่ายตลาด ไว้ยิงนกยิงหนูและสัตว์ขนาดเล็กๆ อย่างกระรอก ไก่ป่า ได้สบาย หรือแม้แต่ เก้ง ถ้าอยู่ในระยะหวังผลก็มีหวังทรุด ส่วนที่เป็นลูกสีแดงและสีขาวใสออกขุ่น ยาวเกือบถึงปลายนิ้วชี้ คือลูกปืนของปืนลูกซอง ลูกเบอร์ของสิงห์คือ ลูกปืนลูกซองที่ภายในปลอกของมันมีลูกกระสุนกลมๆอยู่เก้าลูก เหมาะสำหรับยิงสัตว์ใหญ่ขึ้นมาอีก เช่น เก้ง หมูป่า ส่วนลูกปรายจะมีลูกกระสุนประมาณ เจ็ดสิบลูก ลูกปืนพวกนี้เหมาะสำหรับยิงสัตว์เล็กที่อยู่รวมกันเป็นฝูงๆ เช่น ไก่ป่า หรือสัตว์เล็ก พวกอีเห็น และชะมด

“แค่นี้ก็พอแล้ว ยังไม่รวมกับของข้าก็มีหลายลูก” พรานเบพูดจบก็หยิบเข็มขัดสำหรับใส่ลูกปืนลูกซอง ที่แขวนไว้ข้างฝาห้อง เมื่อพรานเบตรวจนับดูแล้วก็บอกว่า ของตัวเองมี ลูกปราย 8 ลูก ลูกเบอร์อีก 15 ลูก

“พี่มีลูกเบอร์ ห้าลูก ลูกปรายห้าหกลูกเอง แต่ก็ไม่รู้จะใช้ได้หรือเปล่า เก่าสนิมกินหมดแล้ว” พรานแปะพูดจบก็สลัดลูกปืนกระเด็นตกลงพื้นห้าลูก แล้วก็ล้วงลูกปืนลูกซองเก่าๆอย่างที่ว่ามาอีกห้าหกลูก แต่ละลูกบงบอกถึงความเก่าแก่ของมัน

“ของพี่ก็พอมีติดมาบ้างว่ะสิงห์ ถ้าเป็นลูกเบอร์ พี่มีเหลือ สิบสองลูก แต่ถ้าเป็นลูกปรายมีสิบกว่าลูก ไม่รวมที่พี่อัดเองนะเว้ย” พรานพรร้องบอก พูดจบก็ล้วงมือเข้าไปหยิบลูกปืนในยามสีมอๆที่สะพายมา

“ลูกมันแพงขนาดต้องอัดไว้ใช้เองเชียวหรือพี่พร หวังว่ามันจะใช้งานได้ดีนะ” สิงห์พูดพรางหยิบลูกปืนลูกซองที่พรานพรอัดใช่เอง

“อะไรที่มันประหยัดได้ พี่ก็ทำ ภูมิปัญญาชาวบ้านก็คิดได้แค่นี้ล่ะสิงห์ มันก็ใช้ได้บ้างไม่ได้บ้างตามสภาพของมัน ถ้าอากาศไม่ชื้น ฝนไม่ตก พี่รับประกัน ตูม! ทุกลูก” พรานพรรับประกันผลงานที่ทำกับมือ

          ความจริงแล้วการอัดลูกปืนใช้เองมีกันมานานแล้ว นานพอๆกับการที่มีปืนลูกซองใช้ เพราะการที่อยู่ในป่าในดง โอกาสที่จะได้ออกไปในตัวเมืองก็น้อย เรื่องที่จะหาซื้อลูกปืนใช้ก็ลำบากเพราะการเดินทางไม่สะดวก ครั้นจะซื้อหาแถวหมู่บ้านก็สู้ราคาไม่ไหว เพราะคนขายบวกค่าเดินทางเกือบเท่าตัว ตัวเลือกก็มีน้อย หนักเข้าก็อัดใช้กันเองก็สิ้นเรื่อง ดินปืนหรือก็ตำกันเอง ไอ้เรื่องที่จะมาวัดตวงไม่ต้องถามถึง กะๆเอาเองทั้งนั้น ยึดแค่ติดไฟได้เร็วเป็นใช้ได้ ส่วนลูกกระสุน ที่ของจริงจะเป็นลูกเหล็กกลมๆ  ก็ใช้ตะกั่วเม็ดแทน จะเอาลูกปรายก็เลือกเม็ดเล็กกรอกใส่เข้าไป จะเอาสักกี่เม็ดก็ว่าไป หรือจะทำเป็นลูกเบอร์ ก็เลือกตะกั่วเม็ดใหญ่ขึ้นมา หรือหนักๆหน่อยก็ลูกโดด แต่คนทำต้องหล่อลูกตะกั่วเป็น ขืนทำไม่ดีลูกปืนคับลำกล้องแตกใส่หน้าแหกก็มีออกบ่อย เมื่อมีอุปกรณ์อยู่แล้ว ก็เริ่มขั้นตอนการอัดลูกปืน อันดับแรกก็ต้องมีปลอกลูกปืนลูกซองที่เป็นพลาสติกก่อน จะสีอะไรก็แล้วแต่ เวลายิงแล้วพรานป่าส่วนใหญ่จะเก็บปลอกลูกปืนนั้นไว้ พอได้ปลอกมาแล้วก็หาตะปูตอกเอาตัวจุดชนวนหรือดินขับออกจากส่วนท้ายของลูกปืนออกก่อน เสร็จแล้วก็กรอกดินปืนที่ตำเองลงไป จะให้แรงก็ใส่เยอะหน่อย ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งาน จากนั้นก็หาหมอนรองกันดินปืนหก ส่วนมากจะเป็น ใยจากกาบมะพร้าว แต่ถ้าหาไม่ได้จริงๆก็เศษกระดาษหรือบางทีก็ใช้ใบไผ่แห้ง เอามาปั่นกับฝ่ามือจนเหลือแต่ใย พอรองหมอนแล้วก็ใส่ลูกกระสุนที่เป็นตะกั่วเม็ดตามต้องการ สุดท้ายก็หาอะไรมาปิดกันลูกกระสุนหกหล่น แค่นี้ก็ได้ลูกปืนแบบภูมิปัญญาชาวบ้านแล้ว เวลาจะใช้ยิงก็แค่ เอาแก๊ปดินปืน ที่เป็นกระดาษแกะใส่ตรงส่วนที่เป็นตัวจุดชนวน หรือดินขับ เมื่อยิงแล้วปลอกก็ยังสามารถเอามาอัดได้ใหม่อีก แต่ต้องดูสภาพด้วย ส่วนใหญ่จะใช้อย่างมากไม่เกิน 2-3 ครั้งก็ทิ้งไป เมื่อตรวจนับลูกปืนของพรานกะเหรี่ยงดูแล้วสิงห์ก็เบาใจไปเยอะ เพราะรวมๆแล้วก็หลายสิบนัดอยู่ รวมของเขาอีกก็อีกเยอะทั้งลูกซองและลูกกรด จึงหมดปัญหาเรื่องลูกปืน ถึงลูกปืนหมด อย่างน้อยก็ยังมีปืนแก๊ปอีกสองกระบอก

“ข้าเอาปืนสั้นมาวะ ไอ้สิงห์แต่ก็ใช้ลูกปืนของเอ็งได้” พูดจบเหน๋อก็หยิบปืนสั้นขนาด.22 ลูกโม่ ออกมาจากเป้ แถมลูกปืนอีกสองกล่องแบบหัวทองแดง

“เออติดไปก็ดีกว่าไม่มีวะ ไม่รู้จะไปเจออะไรข้างหน้า” เสียงพรานเฒ่าร้องบอกพรางหยิบปืนสั้นของเหน๋อไปดูเล่น

“เรื่องลูกปืนข้าว่าหายห่วง ได้เลยสิงห์ ถ้ามันหมดจริงๆอย่างน้อยๆก็ยังมีไอ้พร มันอัดลูกปืนใช้ได้เอง” พรานเบพูดขณะกำลังยัดลูกปืนลงในเข็มขัด

“ทำอย่างกับไปรบเลยพี่สิงห์ กลัวจะไม่ได้ยิงอะไรเลยมากกว่าผมว่า” เคิ้งร้องบอกขณะกำลังลำเรียงถ้วยชามที่เอาไปล้าง ขึ้นมาบนกระท่อมหลังครัว

“ติดไปเยอะๆล่ะดีแล้วไอ้เคิ้ง เอ็งจะไปรู้ได้ยังไงว่าป่าดำมันเป็นยังไง เอาไปมากๆดีกว่าเอาไปน้อย เสือกไปหมดกลางทางแล้วจะลำบาก” ลุงโส่ยพูดจบก็เดินไปยกถุงข้าวสารออกจากย่ามมาว่างเรียงกับคนอื่นๆ ที่ตอนนี้กำลังจัดเรียงข้าวของต่างๆบนระเบียง

“ข้าวสารข้าว่าติดไปคนละสามสี่กิโลก็น่าจะพอ หรือถ้าไม่พอจริงๆ ก็อาศัยพวกหัวเผือกหัวมันก็พอหาได้อยู่บ้าง ส่วนของแห้งก็แล้วแต่เอ็งจะเอาไปไอ้สิงห์” พรานเบพูดจบก็เดินไปตักขาวสารในปี๊บใส่ถุงพลาสติก

“ผมซื้อพวกของแห้งมาเยอะเหมือนกันน้าเบ ปลาเค็ม กับพวกอาหารกระป๋อง เนื้อเค็มก็มี” สิงห์พูดจบก็ชูพวงเนื้อเค็มให้ดู

          ดวงอาทิตย์ขึ้นพ้นยอดไม้ไปนานแล้ว อากาศเยือกเย็นในตอนเช้าทุเลาลงไปมาก แสงแดดเจิดจ้า กระทบสายน้ำใสในลำห้วยระยิบระยับ  เสียงนกหัวขวาน เจาะต้นยางแห้งดัง โป๊กๆ เป็นจังหวะ ดังก้องไปทั้งหุบ นกอีแซวหางบ่วงร้องเจื้อยแจ้วอยู่บ่นยอดนุ่น ที่ยอดมะม่วงหน้ากระท่อมยังมีนกกรงหัวจุก ร้องเสียงใสอย่างมีความสุข ผิดกับเพื่อนๆของมันที่ต้องร้องอยู่ในกรงไม้แคบๆ ที่เจ้าของนำมาแขวนไว้กลางแดด  สายมากแล้วหลังจากจัดแบ่งสิ่งของต่างๆ ทั้งลูกปืนและเสบียง สรุปได้ว่า มีปืนลูกซองเดี่ยวสองกระบอก ของพรานเบและพรานพร ลูกซองห้านัดอีกกระบอกของพรานแปะ ปืนยาวลูกกรด ของสิงห์อีกหนึ่ง ปืนสั้นของเหน๋อ และปืนแก๊ปอีกสามกระบอก ของพุ่มกับเคิ้ง และของพรานเฒ่า ทั้งปืนและสิ่งของ ของแต่ละคนพร้อมแล้ว พรานเบก็เดินไปที่ศาลเพียงตาหน้ากระท่อม ก่อนที่จะมีควันธูปส่งกลิ่นหอมคละคลุ้งมาตามสายลมจางๆ และหลังจากทุกคนจุดธูปบอกเจ้าป่าเจ้าเขาแล้ว ขบวนท่องไพรก็เริ่มออกเดินทาง.......


« Last Edit: 21 April 2021, 22:13:36 by p_san@ » Logged
Pages: [1] Go Up Print 
« previous next »
 

SMF 2.0.4 | SMF © 2013, Simple Machines | Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.128 seconds with 17 queries.