Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
User Info
Welcome, Guest. Please login or register.
03 May 2024, 02:00:47

Login with username, password and session length
Search:     Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ

http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
25,628 Posts in 12,450 Topics by 70 Members
Latest Member: KAN
Home Help Search Calendar Login Register
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...  |  ภาพประทับใจ  |  ภาพสวยงาม  |  Animals  |  เปิดตำนาน “เพกาซัส” ม้ามีปีก
0 Members and 1 Guest are viewing this topic. « previous next »
Pages: [1] Go Down Print
Author Topic: เปิดตำนาน “เพกาซัส” ม้ามีปีก  (Read 601 times)
p_san@
Global Moderator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,427


View Profile
« on: 30 March 2021, 10:11:01 »

เปิดตำนาน “เพกาซัส” ม้ามีปีก


Pegasus เป็นสัตว์ยอดเยี่ยมซึ่งสามารถพบได้ในตำนานเทวดาภาษากรีก เจ้าสัตว์ตัวนี้
มีรูปร่างเสมือนม้า กายสีขาวแต่ว่ามีปีก ซึ่งบิดาของมัน บางครั้งก็อาจจะเป็นเทวดาที่สมุทร
อย่าง Poseidon ตอนที่แม่เป็น Medusa Pegasus นั้นมีชื่อเสียงจากการที่ได้ให้ความให้
การช่วยเหลือ Perseus แล้วก็ Bellerophon สำหรับเพื่อการทำภารกิจ



Pegasus เกิดขึ้นมาในตอนที่ Perseus สะบั้นคอของ Medusa ขาด แล้วก็ทันทีทันใด
เจ้าม้ามีปีกตัวนี้ก็บินออกมาจากคอที่ขาดนั้น ข้างในข้างหลังนี้ Pegasus ได้เป็นเป็น
ยานพาหนะของ Bellerophon แล้วก็ยังเผชิญได้จากการช่วยวีรบุรุษสำหรับเพื่อการ
กำจัดสัตว์ร้าย ยกตัวอย่างเช่น Chimera รวมทั้งเรื่องราวการบินไปที่ Olympus

ในนิยายของ Hesiod เขียนไว้ว่า Medusa ได้ร่วมเพศกับ Poseidon ท่ามกลางทุ่งดอกไม้
จนถึงก่อเกิดเป็น Pegasus กับ Chrysaor



Hesiod ยังพูดถึงภายหลังที่ Pegasus ได้กำเนิดออกมาเจ้าม้าก็ได้บินไปที่ Olympus
ซึ่งเป็นที่อยู่ราชสำนักของ Zeus แล้วก็ Pegasus ก็ได้รับหน้าที่แปลงเป็นยานพาหนะ
ของทวยเทพเทวดาสายฟ้า

แต่ว่าในตำนานอีกแบบพูดว่า Pegasus ได้ใช้เวลาอยู่บนโลกก่อนจะบินไปที่ Olympus
รวมทั้งระหว่างนั้น Pegasus ก็ได้ให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลสองวีรบุรุษอย่าง Perseus
รวมทั้ง Bellerophon

ภายหลังการเสียชีวิตของ Medusa Perseus ก็ได้กลับไปอยู่ที่บ้านของเขา รวมทั้งกลางทาง
ก็ได้ยินเรื่องของหญิงงามที่ถูกตรึงโซ่ไว้กับหิน โน่นเป็น Andromeda บุตรสาวของกษัตริย์และก็ราชินี
ที่ Ethiopia รวมทั้งด้วยเหตุว่าราชินีได้ไปคุยโตว่าบุตรสาวตนเองนั้นงามกว่า Nereids ผู้ติดตามของ Poseidon



Poseidon โกรธมากๆก็เลยได้ลงอาญาพลเมืองของ Ethiopia โดยทำให้น้ำหลาก
ซึ่งโน่นเป็นเพียงแค่ขั้นตอนแรกเพียงแค่นั้น ถัดมาก็ได้ส่งสัตว์สมุทรยักษ์ Cetus รุกรามพวกเขา
ซึ่งทางเดียวที่จะทำให้ Poseidon หายโกรธเป็นการบวงสรวง Andromeda นี่ก็เลยเป็นเหตุผล
ให้คุณถูกตรึงไว้กับหิน

และก็เมื่อ Perseus ทราบเข้าก็ได้เสนอตัวเข้าช่วยเจ้าฟ้าหญิง และก็จะช่วยจัดแจงกับตัวประหลาด Cetus
แต่ว่ามีเงื่อนไขเป็นเขาจะต้องได้สมรสกับ Andromeda ซึ่งกษัตริย์ที่ Ethiopia ก็ตกลง รวมทั้งเมื่อ Cetus
จะมาจัดแจงกับเจ้าฟ้าหญิง มันก็จะต้องถูกสาปให้เปลี่ยนเป็นหิน จากผลการมองดูหัวของ Medusa ที่ Perseus มีอยู่

ถัดมาจะคือเรื่องของ Pegasus และก็ Bellerophon ซึ่งว่าตามตำนานหนึ่ง Bellorophon ได้มาที่เมือง
ที่ Tiryns ซึ่งเป็นที่ที่ Proetus เป็นราชาอยู่ แต่ว่าราชินี Stheneboea ได้กำเนิดหลงเสน่ห์กับ Bellerophon เข้าให้

ถึง Bellerophon จะไม่ยอมรับความรักที่ได้จาก Stheneboea โน่นทำให้คุณขายหน้ามากมาย
คุณก็เลยไปโป้ปดมดเท็จผัวตนเองว่า Bellerophon ได้กระทำให้ท่าให้ทางแก่คุณ ก็เลยอยากได้
ให้ประหารเขาเสีย โน่นทำให้ Proetus โกรธเกรี้ยวมากมาย แล้วก็ส่ง Bellerophon ไปให้

พ่อบุญธรรม Iobates จัดแจง



Iobates กษัตริย์ที่ Lycia ได้อ่านจดหมายที่ลูกเขาขอร้องให้ทำประหาร Bellerophon ซะ
แต่ว่าแทนที่จะประหาร เขากลับตกลงใจให้ภารกิจกับ Bellerophon โดยให้เขาไปจัดแจง Chimera
โดยที่ไม่คิดว่าเขาจะสามารถรอดกลับมาได้

ขณะทำการเตรียมการ Bellerophon ได้ไปขอความเห็นจากนักทำนายชื่อ Polyeidos
ได้เขาได้รับข้อแนะนำให้ไปค้นหา Pegasus มาช่วย แต่ว่าบางตำนานก็พูดว่า Polyeidos
รู้ที่อยู่ของ Pegasus และก็ช่วยทำให้ Bellerophon ฝึกฝน Pegasus ให้เชื่องได้

แต่ว่าอีกบางนำนานก็บอกว่า Poseidon ซึ่งเป็นบิดาลับๆของ Bellerophon ได้นำ Pegasus
มาให้เขาเอง แต่ว่าตำนานที่ได้รับความนิยมเยอะที่สุดเป็น Athena นำ Pegasus มาให้กับ
Bellerophon เอง แล้วก็จากการช่วยเหลือเกื้อกูลของ Pegasus ทำให้ Bellerophon ก็

สามารถกำจัด Chimera ลงได้



ถัดมาความหยิ่งตัวของ Bellerophon ก็มากเพิ่มขึ้น แล้วก็เขาต้องการที่กำลังจะได้อยู่ใน
ชั้นสูงของ Olympus รวมทั้ง Zeus ได้ตระหนักถึงความใฝ่สูงของวีรบุรุษคนนี้
เขาได้ส่งตัวถัดไปต่อย Pegasus ทำให้ Bellerophon สูญเสียความสมดุลแล้วก็หลุดล่วงไปยังโลก

ส่วนเจ้าม้า Pegasus ก็ยังได้อยู่บน Olympus แล้วก็รับใช้ Zeus ทวยเทพเทวดาสายฟ้าถัดไปนานเท่านาน…

แม้พวกเราเอ่ยถึงสัตว์ที่เป็นยานพาหนะที่มักโผล่มาในรูปภาพยนต์หรืออนิเมชั่นที่เกี่ยวกับ
เทพนิยายภาษากรีก แน่ๆว่าชื่อของเจ้าม้ามีปีก “Pegasus” จำเป็นต้องโผล่ออกมาจริงแท้แน่นอน



Logged
p_san@
Global Moderator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,427


View Profile
« Reply #1 on: 30 March 2021, 10:15:58 »

เพกาซัส (Pegasus)



มีลักษณะเป็นม้าสีขาวที่มีปีกขนาดใหญ่ มีความฉลาดปราดเปรื่อง
เป็นสัญลักษณ์ แห่ง ความบริสุทธิ์ และ ความสว่าง เป็น พลังแห่งดวงอาทิตย์
มีตำนานได้กล่าวถึงเพกาซัสอยู่ 2 ตำนาน ดังนี้

ตำนานแรกที่ว่าเป็นบุตรของโพไซดอน กับ เมดูซ่า
ส่วนตำนานสุดท้ายเป็น เพกาซัสที่เกิดจากหยดเลือดของเมดูช่าที่โดนตัดหัวโดยเพอซิอุส



Logged
p_san@
Global Moderator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,427


View Profile
« Reply #2 on: 30 March 2021, 10:24:54 »


เพกาซัส (Pegasus)



เพกาซัส (Pegasus, เปกาซอส หมายถึง แข็งแรง) เป็นสัตว์ในเทพนิยายกรีก
เป็นม้าร่างกำยำพ่วงพีสีขาวบริสุทธิ์ และมีปีกอันกว้างสง่างามเหมือนนกพิราบ
เพกาซัสเกิดมาจากนางกอร์กอน เมดูซ่า ถูกวีรบุรุษเพอร์ซีอุสฟันคอขาดตาย
ในขณะที่นางสิ้นใจตายนั้น เพกาซัสก็กระโจนออกมาจากลำคอของนาง
ไม่มีใครสามารถปราบเพกาซัสได้เลยซักคน

ตอนที่มันเกิดมาใหม่ๆ และออกวิ่งอย่างคึกคะนองนั้น น้ำที่กระเซ็นจากรอย

เท้าที่มันวิ่งก่อให้เกิดน้ำพุสวยงาม คือน้ำพุพีเรเนียน (Pyrenean spring)

เพกาซัสโดนปราบโดยเด็กหนุ่มรูปงามชาวเมืองโครินทร์มีนามว่า "เบลเลอโรฟอน" (Bellerophon)
เบลเลอโรฟอนเป็นโอรสของเจ้าเมืองโครินทร์ที่มีนามว่า พระเจ้ากลอคุส (Glaucus)
ซึ่งต่อมาเบลเลอโรฟอนได้ขี่เพกาซัสปราบไคเมร่า



เพกาซัสมีลักษณะเป็นม้าที่ลำตัวสีขาวสะอาด มีปีกขนาดใหญ่เหมือนนกสีขาว
แต่ก็มีบางทีก็มีคนวาดให้ปีกของเพกาซัสเป็นสีทอง

เพกาซัสเป็นม้าที่มีความฉลาดปราดเปรื่อง เป็นเครื่องหมายแห่งความบริสุทธิ์ ความสว่าง พลังแห่งดวงอาทิตย์
และแน่นนอนว่าเป็นพาหนะของพวกพระเอกเท่านั้น นอกจากนี้ความหมายของชื่อเพกาซัสยังมีความหมายว่า
'springs of ocean' ซึ่งแปลว่าผู้เกิดมาจากน้ำ ความสามารถของเพกาซัสคือ ความไว การสร้างน้ำพุ และยัง
แข็งแรงขนาดที่ฝ่าพายุขนาดบินอยู่บนท้องฟ้าได้อย่างสบายๆ



Logged
p_san@
Global Moderator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,427


View Profile
« Reply #3 on: 30 March 2021, 10:26:13 »


เพกาซัส (Pegasus)

ตำนานการเกิดของเพกาซัสมีอยู่หลายตำนาน แต่ที่เป็นหลักๆ มีอยู่ 2 เรื่อง



ตำนานแรก มีเรื่องเล่าว่าโพเซดอนซึ่งเป็นเจ้าแห่งท้องสมุทร หรือที่มีอีกชื่อหนึ่งว่าเนปจูน (Neptune)
เกิดไปหลงรักสาวน้อยนางหนึ่งที่ชื่อว่า เมดูซ่า โดยเมดูซ่าเป็นบุตรของเทพฟอร์ซีส (Phorcys) กับ
นางซีโต (Ceto) และเป็น 1 ใน 3 พี่น้องกอร์กอน (Gorgons) โดยเมดูซ่ามีรูปโฉมที่งดงามมาก
จนโพเซดอนอดใจไม่ไหวแอบแปลงเป็นม้าเข้ามากุ๊กกิ๊กกับเมดูซ่าในบริเวณวิหาร ของเทพีเอเธน่า
ซึ่งถือเป็นการหลบหลู่กันอย่างแรง เพราะสมญานามของพระนางนอกจากจะเป็นเทพีแห่งปัญญาแล้ว
ก็ยังครองตำแหน่งเทพีแห่งพรหมจรรย์อีกด้วย จะไม่ให้โกรธได้อย่างไร เมื่อเล่นหยามหน้ากันเข้ามา
กุ๊กกิ๊กกัน ในวิหารศักดิ์สิทธ์ของพระนาง แถมไอ้หนุ่มนั่นก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นลุงแท้ๆ ของตัวเองซะอีก
เมื่อเอาผิดกับลุงของตัวเองไม่ได้ เทพีเอเธน่าจึงหันมาเล่นงานเมดูซ่าแทน

เมดูซ่าจึงรับกรรมไปคนเดียวเต็มๆ พระ นางสาปให้เมดูซ่าที่เคยเป็นสาวงามกลายเป็นอสูรกาย
หน้าตาอัปลักษณ์ เส้นผมสีดำที่เคยเป็นเกลียวสวยงามก็กลายเป็นงูเต็มหัวไปหมด และเมื่อนาง
มองสิ่งมีชีวิตใดก็ตาม สิ่งนั้นก็จะกลายเป็นหินไป จากหญิงสาวธรรมดาก็กลายเป็นปิศาจร้ายที่มีจิต

อันชั่วร้าย จากนั้น ก็ส่งตัวเมดูซ่าไปอยู่เกาะกอร์กอน (Gorgons) เพื่อตัดขาดจากโลกภายนอกไปเลย

เมื่อเวลาผ่านไป เพอซุส (Perseus) ซึ่งเป็นบุตรของเทพซุส (Zeus) กับนางดาเน่ (Danae) ถูกมอบหมาย
งานมาให้ตัดศีรษะของนางเมดูซ่า โดยกษัตริย์ โพลีเดคทีส (Polydectes) แห่งแคว้นเซริฟอส (Seriphos)
ซึ่งเคยให้ที่พักพิงแก่เพอซุส และเจ้าหญิงดาเน่ผู้เป็นมารดา ขณะลอยแพมาติดเกาะที่เมืองนี้ ก็เกิดมีใจ
คิดจะครอบครองเจ้าหญิงดาเน่ จึงคิดจะกำจัดเพอซุสที่เป็นก้างชิ้นใหญ่นี่ไปซะ ก็เลยออกอุบายให้เพอซุส
ไปตัดหัวเมดูซ่ามาซะเพราะกษัตริย์โพลีเดคทีสคิดว่า ยังไงซะเพอซุสก็คงตายด้วยฝีมือของเมดูซ่าอย่างแน่นอน



จากนั้นเพอซุสก็ได้ออกตามหาเมดูซ่าโดยได้รับความช่วยเหลือจากเทพีเอเธน่า ทั้งคำบอกใบ้ไปเกาะกอร์กอน
แถมให้ยืมโล่ห์ของพระนางอีกด้วย แล้วก็ยังมีดาบที่เทพแห่งการสื่อสารเมอร์คิวรีที่ได้มอบไว้ให้ ซึ่งดาบนี้เป็น
ดาบวิเศษที่ไม่มีวันหักเป็นของแถมให้อีกต่างหาก แล้วในที่สุดเพอซุสก็ได้พบกับเมดูซ่าจนได้ เพอซุสได้ใช้โล่ห์
ที่เอเธน่ามอบให้เพื่อป้องกันตัว และใช้วิธีเหลือบมองเงาของนางเมดูซ่าผ่านโล่ห์วิเศษ และในที่สุดเพอซุสก็

ตัดหัวเมดูซ่าได้สำเร็จ เลือดของเมดูซ่าที่หยดต้องน้ำของมหาสมุทร ก็บังเกิดกลายเป็นม้าวิเศษขึ้นมาทันที

ซึ่งม้าตัวนี้ได้รับการพรรณนาว่า เป็นสัตว์วิเศษที่มีความสวยงามอย่างที่โลก ไม่เคยได้พบเห็นมาก่อน
จากนั้นเพกาซัสก็บินรับเพอซุสไปส่งขึ้นฝั่ง แล้วเพกาซัสก็บินตรงไปที่เขาเฮลิคอน (Helicon)
ที่มีเทวีแห่งศิลป์ทั้ง 9 นาง หรือที่เรียกว่า Muses ( มิวซิส ) คอยให้การดูแลเพกาซัสต่อมา
พูดง่ายๆ ก็คือเป็นพี่เลี้ยงนั่นเอง จากนั้นเพอซุสก็ได้ปราบมังกรทะเลและช่วยเจ้าหญิงอันโดรเมด้า
(Andromeda) แห่งเมืองเอธิโอเปีย ก็ได้ไปรับพระมารดาและพากันไปตั้งเมืองใหม่ที่ชื่อว่าไมซีเน่ (Mycenae)

แต่อีกตำนานบอกว่าเพกาซัสเกิดมาจากเลือดของเมดูซ่าอย่างเดียว โปเซดอนไม่มีเอี่ยว
เรื่องนี้มีอยู่ว่าในบรรดาสามศรีพี่น้องกอร์กอน เมดูซ่าถึงจะไม่ได้เป็นอมตะเหมือนพี่สาวทั้งสอง
แต่ก็มีความงามเป็นเลิศ และนางก็บังอาจท้าทายความงามของนางกับเทพีเอเธน่า
จนทำให้พระนางโกรธจึงสาปให้เมดูซ่ามีรูปลักษณ์ที่น่าเกลียด มีเส้นผมเป็นงู
จากนั้นก็นำตัวสามศรีพี่น้องตัวแสบไปขังไว้ที่เกาะกอร์กอน ส่วนเรื่องราวหลังจากนั้น
ก็ลงท้ายเหมือนกัน


-------------------------------------------------------------------------------------------------------------

หลังจากที่มาอยู่ที่เขาเฮลิคอนแล้วเพกาซัสก็ซุกซนเหมือนเด็กๆ ทั่วไป แต่มันต่างกันตรงที่เขาเป็นม้า แถมบินได้
เพกาซัสก็เลยชอบไปๆ มาๆ ระหว่างโลกมนุษย์และเขาโอลิมปัส (Olypus)ซึ่งเป็นที่อยู่ของเทพทั้งหลาย
หรือเรียกง่ายๆ ว่าสรรค์ บางทีก็ชอบบินท่องไปในมหาสมุทร กระโดดกระหยองกระแหยงไปตามเรื่อง
ซึ่งมีอยู่วันหนึ่งคณะเทวีแห่งศิลป์ได้ประกวดร้องเพลงกับ พีเอริซ (Pierises)ทำให้เขาเฮลิคอนพองตัว
เทพโพเซดอนจึงให้เพกาซัสใช้กีบเท้าแทงเขาเฮลิคอน เพื่อที่จะทำให้เขากลับสู่สภาพเดิม
จากนั้นมาจุดที่เพกาซัสใช้ขาแทงเขาเฮลิคอนก็หลายเป็นน้ำพุขึ้นมาเรียกว่า Hippocrene ( ฮิปโปครีน )
หรือ Horse Spring ( น้ำพุอาชา ) ซึ่งเชื่อกันว่าน้ำพุนี้มีพลังวิเศษ หากใครได้ดื่มน้ำจากน้ำพุนี้
จะทำให้มีพรสวรรค์ในด้านศิลปะขึ้นมาทันที



หลังจากที่เพอซุสปราบเมดูซ่าไม่กี่ปี เทพีเอเธน่าก็ยกเพกาซัสให้กับเบลเลอโรฟอน (Bellerophon)
โดยมอบบังเหียนสีทองให้อันหนึ่ง ซึ่งบังเหียนนี้มีความสามารถทำให้เพกาซัสเชื่องได้
แล้วเบลเลอโรฟอนก็ไปดักรอเพกาซัสที่น้ำพุ ในขณะที่เพกาซัสกำลังดื่มน้ำจากน้ำพุพีเรเนียน (Pyrenean spring)
น้ำพุนี้ก็ถูกสร้างโดยเพกาซัสเหมือนเดิม คือใช้กีบเท้ากระทุ้งให้น้ำพุ่งขึ้นมา

เมื่อเห็นจังหวะเหมาะเบลเลอโรฟอนก็กระโดดขึ้นหลังเพกาซัสปุ๊บ ครอบบังเหียนปั๊บ
เพกาซัสก็เลยต้องกลายเป็นม้ามีเจ้าของไปโดยปริยาย หลังจากนั้นเพกาซัสและเบลเลอโรฟอน
ก็ไปปราบตัวคิเมร่ากัน (Chimaera) ซึ่งตัวคิเมร่านี่มีหัวเป็นสิงห์ ตัวเป็นแพะ และมีหางเป็นมังกร
ซึ่งหลังจากนั้นทั้ง เบลเลอโรฟอนและเพกาซัสก็ได้ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่มากันตลอด



แต่ช่วงสุดท้ายของวีรบุรุษคนนี้กลับน่าเศร้านัก เมื่อการที่เขาทำศึกครั้งใดก็ชนะตลอด
เพราะมีม้าวิเศษอย่างเพกาซัส ทำให้เขาผยองจนลืมตัว คิดจะขึ้นไปพบปะเทพบนสวรรค์
โดยขี่หลังเพกาซัสมุ่งตรงไปยังเขาโอลิมปัส ทำให้ทวยเทพรู้สึกไม่พอใจ
และแน่นอนว่าเทพซุส (Zeus) ก็ให้บทลงโทษที่แสนสาหัสกับความโอหังครั้งนี้อย่างสาสม

เทพซุสปล่อยแมลงใส่เพกาซัส เมื่อเพกาซัสโดนเหล็กไนของแมลงนั้นก็เจ็บปวด
จนเผลอสะบัดเบลเลอโรฟอนจนตกจากหลังของมัน ถ้าเป็นคนธรรมดาคงตายไปแล้ว
แต่ด้วยความเมตตาของเทพีเอเธน่าจึงแค่บันดาลให้พื้นดินตรงนั้นอ่อนนุ่ม
จึงทำให้เบลเลอโรฟอนแค่ขาหักและตาบอดไป ชีวิตช่วงสุดท้ายของวีรบุรุษคนนี้จึงน่าอนาถนัก
ต้องเร่ร่อนไปทั่วแผ่นดินเพื่อจะตามหาม้าวิเศษ ในที่สุดเขาก็ตายอย่างเดียวดาย

ส่วนเพกาซัสก็กลายเป็นม้ารับใช้ของเหล่าเทพไป โดยเพกาซัสได้ไปที่เขาของเทพธิดาเอออส (Eos) หรือ ออโรร่า (Aurora)
ซึ่งเป็นเทพธิดาในการดูแลของเทพอพอลโล (Apollo) เทพแห่งดวงอาทิตย์ เพื่อช่วยนางในการทำให้ตะวันตกดิน
และก็ช่วยเทพอพอลโลในการทำให้พระอาทิตย์ขึ้น นอกจากนี้บางทีเพกาซัสก็รับใช้เทพซุสด้วย
โดยจะเป็นผู้นำสายฟ้าซึ่งเป็นอาวุธประจำกายของเทพซุส มาส่งให้เมื่อองค์มหาเทพต้องการ

หลังจากนั้น เพกาซัสก็ได้รับการสถาปนาขึ้นบนท้องฟ้าให้กลายเป็นกลุ่มดาวเพกาซัส
ซึ่งดาวกลุ่มนี้จะปรากฎขึ้นทางทิศใต้ในฤดูใบไม้ร่วง โดยเรียกดาวกลุ่มนี้ว่า "Square of Pegasus"
หรือ สี่เหลี่ยมเพกาซัส ซึ่งกลุ่มดาวเพกาซัสนี้มีตำแหน่งอยู่ติดๆ กับกลุ่มดาวอันโดรเมด้าอีกด้วย





Logged
p_san@
Global Moderator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,427


View Profile
« Reply #4 on: 30 March 2021, 10:29:05 »


กลุ่มดาวม้าบิน (เพกาซัส)



กลุ่มดาวม้าบิน เป็นกลุ่มดาวในซีกฟ้าเหนือ ตั้งชื่อตามเพกาซัส สัตว์ในเทพนิยายกรีก นับเป็นหนึ่งในกลุ่มดาว 48 กลุ่มในรายการของทอเลมี
และยังเป็นกลุ่มดาวในรายชื่อกลุ่มดาวสมัยใหม่ 88 กลุ่มที่รับรองโดยสหพันธ์ดาราศาสตร์สากล ดาวฤกษ์สว่าง 4 ดวงในกลุ่ม
เรียงกันเป็นดาวเรียงเด่นรู้จักกันในชื่อ จัตุรัสม้าบิน ดาวดวงหนึ่งใน 4 ดวงนี้ เป็นสมาชิกของทั้งกลุ่มดาวแอนดรอเมดาและกลุ่มดาวม้าบิน



Logged
p_san@
Global Moderator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,427


View Profile
« Reply #5 on: 30 March 2021, 10:38:39 »

เพกาซัส (Pegasus) A Flying Horse




ม้าบินเพกาซัส


ถ้าจะพูดถึงม้าที่เป็นสัตว์วิเศษแล้วคงหนีไม่พ้นยูนิคอร์นและเพกาซัสอย่างแน่นอน
แต่แอนจะขอนำเรื่องของเพกาซัสมาอัพใส่บล๊อคก่อนแล้วกัน

จากนั้นติดตาม ยูนิคอร์นกันต่อนะคร๊า อิอิ (แอบมีภาค 2)

เพกาซัส (Pegasus) มีลักษณะเป็นม้าที่ลำตัวสีขาวสะอาด มีปีกขนาดใหญ่เหมือนนกสีขาว
แต่ก็มีบางทีก็มีคนวาดให้ปีกของเพกาซัสเป็นสีทอง


เพกาซัสเป็นม้าที่มีความฉลาดปราดเปรื่อง เป็นเครื่องหมายแห่งความบริสุทธิ์ ความสว่าง พลังแห่งดวงอาทิตย์
และแน่นนอนว่าเป็นพาหนะของพวกพระเอกเท่านั้น! นอกจากนี้ความหมายของชื่อเพกาซัสยังมีความหมายว่า
'springs of ocean' ซึ่งแปลว่าผู้เกิดมาจากน้ำ ความสามารถของเพกาซัสคือ ความไว การสร้างน้ำพุ และยังแข็งแรง
ขนาดที่ฝ่าพายุขนาดบินอยู่บนท้องฟ้าได้อย่างสบายๆ

ตำนานการเกิดของเพกาซัสมีอยู่หลายตำนาน แต่ที่เป็นหลักๆ มีอยู่ 2 เรื่อง คือ

1. ตำนานที่กล่าวว่าเพกาซัสเป็นบุตรของเทพโพเซดอน (Poseidon) กับนางเมดูซ่า (Medusa)
ซึ่งในขณะที่โพเซดอนลอบเข้าหานางเมดูซ่าได้แปลงกายอยู่ในลักษณะของม้า จึงทำให้ลูกที่เกิดมาเป็นม้าด้วย!

2. ตำนานที่กล่าวว่าเพกาซัสเกิดจากหยดเลือดของนางเมดูซ่าขณะที่เพอซิอุส(Perseus) ตัดหัวนางออกมา

เรามาเริ่มที่ตำนานแรกกันเลย มีเรื่องเล่าว่าโพเซดอนซึ่งเป็นเจ้าแห่งท้องสมุทร หรือที่มีอีกชื่อหนึ่งว่าเนปจูน (Neptune)
เกิดไปหลงรักสาวน้อยนางหนึ่งที่ชื่อว่า เมดูซ่า โดยเมดูซ่าเป็นบุตรของเทพฟอร์ซีส (Phorcys) กับ นางซีโต(Ceto)
และเป็น 1 ใน 3 พี่น้องกอร์กอน (Gorgons) โดยเมดูซ่ามีรูปโฉมที่งดงามมาก จนโพเซดอนอดใจไม่ไหว
แอบแปลงเป็นม้าเข้ามากุ๊กกิ๊กกับเมดูซ่าในบริเวณวิหารของเทพีเอเธน่านั่นแหละ ซึ่งถือเป็นการหลบหลู่กันอย่างแรง
เพราะสมญานามของพระนางนอกจากจะเป็นเทพีแห่งปัญญาแล้ว ก็ยังครองตำแหน่งเทพีแห่งพรหมจรรย์อีกด้วย
จะไม่ให้โกรธได้อย่างไรเมื่อเล่นหยามหน้ากันเข้ามากุ๊กกิ๊กกันในวิหารศักดิ์สิทธ์ของพระนาง แถมเจ้าหนุ่มนั่น
ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นลุงแท้ๆ ของตัวเองซะอีก


เมื่อเอาผิดกับลุงของตัวเองไม่ได้ เทพีเอเธน่าจึงหันมาเล่นงานเมดูซ่าแทน พระนางสาปให้เมดูซ่าที่เคยเป็นสาวงาม
กลายเป็นอสูรกายหน้าตาอัปลักษณ์ เส้นผมสีดำที่เคยเป็นเกลียวสวยงามก็กลายเป็นงูเต็มหัวไปหมด และเมื่อนาง
มองสิ่งมีชีวิตใดก็ตาม สิ่งนั้นก็จะกลายเป็นหินไป จากหญิงสาวธรรมดาก็กลายเป็นปิศาจร้ายที่มีจิตอันชั่วร้าย
จากนั้นก็ส่งตัวเมดูซ่าไปอยู่เกาะกอร์กอน (Gorgons) เพื่อตัดขาดจากโลกภายนอกไปเลย

เมื่อเวลาผ่านไป เพอซิอุส (Perseus) ซึ่งเป็นบุตรของเทพซุส (Zeus) กับนางดาเน่ (Danae) ถูกมอบหมายงาน
มาให้ตัดศรีษะของนางเมดูซ่าโดยกษัตริย์ โพลีเดคทีส (Polydectes) แห่งแคว้นเซริฟอส (Seriphos) ซึ่งเคยให้
ที่พักพิงแก่เพอซิอุสและเจ้าหญิงดาเน่ผู้เป็นมารดาขณะลอยแพมาติดเกาะที่เมืองนี้ ก็เกิดมีใจคิดจะครอบครอง
เจ้าหญิงดาเน่ จึงคิดจะกำจัดเพอซิอุสที่เป็นก้างชิ้นใหญ่นี่ไปซะ ก็เลยออกอุบายให้เพอซิอุสไปตัดหัวเมดูซ่า
มาซะเพราะกษัตริย์โพลีเดคทีสคิดว่ายังไงซะเพอซิอุสก็คงตายด้วยฝีมือของเมดูซ่าอย่างแน่นอน

จากนั้นเพอซิอุสก็ได้ออกตามหาเมดูซ่าโดยได้รับความช่วยเหลือจากเทพีเอเธน่า ทั้งคำบอกใบ้ไปเกาะกอร์กอน
แถมให้ยืมโล่ห์ของพระนางอีกด้วย (แสดงว่าแค้นนี้ยังฝังใจ) แล้วก็ยังมีดาบที่เทพแห่งการสื่อสารเมอร์คิวรี
ที่ได้มอบไว้ให้ ซึ่งดาบนี้เป็นดาบวิเศษที่ไม่มีวันหักเป็นของแถมให้อีกต่างหาก


แล้วในที่สุดเพอซิอุสก็ได้พบกับเมดูซ่าจนได้ เพอซิอุสได้ใช้โล่ห์ที่เอเธน่ามอบให้เพื่อป้องกันตัว และใช้วิธี
เหลือบมองเงาของนางเมดูซ่าผ่านโล่ห์วิเศษ และในที่สุดเพอซิอุสก็ตัดหัวเมดูซ่าได้สำเร็จ เลือดของเมดูซ่า
ที่หยดต้องน้ำของมหาสมุทรก็บังเกิดกลายเป็นม้าวิเศษขึ้นมาทันที ซึ่งม้าตัวนี้ได้รับการพรรณนาว่าเป็นสัตว์วิเศษ
ที่มีความสวยงามอย่างที่โลกไม่เคยได้พบเห็นมาก่อน จากนั้นเพกาซัสก็บินรับเพอซิอุสไปส่งขึ้นฝั่ง

แล้วเพกาซัสก็บินตรงไปที่เขาเฮลิคอน (Helicon) ที่มีเทวีแห่งศิลป์ทั้ง 9 นาง หรือที่เรียกว่า Muses (มิวซิส)
คอยให้การดูแลเพกาซัสต่อมา พูดง่ายๆก็คือเป็นพี่เลี้ยงนั่นเอง (ตรงนี้บางตำนานบอกว่าเทพีเอเธน่าเป็นผู้นำไป
มอบให้เทวีแห่งศิลป์ที่เขาเฮลิคอนด้วยตัวเอง) จากนั้นเพอซิอุสก็ได้ปราบมังกรทะเลและช่วยเจ้าหญิงอันโดรเมด้า
(Andromeda) แห่งเมืองเอธิโอเปีย ก็ได้ไปรับพระมารดาและพากันไปตั้งเมืองใหม่ที่ชื่อว่าไมซีเน่ (Mycenae)

ส่วนหัวของนางเมดูซ่าเทพีเอเธน่าก็นำมาติดบนโล่ห์ประดับไว้

แต่อีกตำนานก็บอกว่าเพกาซัสเกิดมาจากเลือดของเมดูซ่าอย่างเดียว โพเซดอนไม่เกี่ยวข้อง
เรื่องนี้มีอยู่ว่าในบรรดาสามศรีพี่น้องกอร์กอน เมดูซ่าถึงจะไม่ได้เป็นอมตะเหมือนพี่สาวทั้งสอง
แต่ก็มีความงามเป็นเลิศ และนางก็บังอาจท้าทายความงามของนางกับเทพีเอเธน่า จนทำให้
พระนางโกรธจึงสาปให้เมดูซ่ามีรูปลักษณ์ที่น่าเกลียดมีเส้นผมเป็นงูอย่างที่เคยเล่าให้ฟังแล้ว
จากนั้นก็นำตัวสามศรีพี่น้องตัวแสบไปขังไว้ที่เกาะกอร์กอน


ส่วนเรื่องราวหลังจากนั้นก็ลงท้ายเหมือนกัน

กลับมาที่เรื่องของเพกาซัสกันต่อนะ หลังจากที่มาอยู่ที่เขาเฮลิคอนแล้วเพกาซัสก็ซุกซนเหมือนเด็กๆทั่วไป
แต่มันต่างกันตรงที่เพกาซัสเป็นม้าแถมบินได้ เพกาซัสก็เลยชอบไปๆมาๆ ระหว่างโลกมนุษย์และเขาโอลิมปัส
(Olypus) ซึ่งเป็นที่อยู่ของเทพทั้งหลายหรือเรียกง่ายๆว่าสรรค์นั่นแหละ บางทีก็ชอบบินท่องไปในมหาสมุทร
กระโดดกระหยองกระแหยงไปตามเรื่อง

ซึ่งมีอยู่วันหนึ่งคณะเทวีแห่งศิลป์ได้ประกวดร้องเพลงกับ พีเอริซ (Pierises) ทำให้เขาเฮลิคอนพองตัว
เทพโพเซดอนจึงให้เพกาซัสใช้กีบเท้าแทงเขาเฮลิคอนเพื่อที่จะทำให้เขากลับสู่สภาพเดิม
จากนั้นมาจุดที่เพกาซัสใช้ขาแทงเขาเฮลิคอนก็หลายเป็นน้ำพุขึ้นมา เรียกว่า Hippocrene (ฮิปโปครีน)
หรือ Horse Spring (น้ำพุอาชา) ซึ่งเชื่อกันว่าน้ำพุนี้มีพลังวิเศษ หากใครได้ดื่มน้ำจากน้ำพุนี้จะทำให้
มีพรสวรรค์ในด้านศิลปะขึ้นมาทันที

หลังจากที่เพอซิอุสปราบเมดูซ่าไม่กี่ปี เทพีเอเธน่าก็ยกเพกาซัสให้กับเบลเลอโรฟอน (Bellerophon)
โดยมอบบังเหียนสีทองให้อันหนึ่ง ซึ่งบังเหียนนี้มีความสามารถทำให้เพกาซัสเชื่องได้ แล้วเบลเลอโรฟอน
ก็ไปดักรอเพกาซัสที่น้ำพุในขณะที่เพกาซัสกำลังดื่มน้ำจากน้ำพุพีเรเนียน (Pyrenean spring)
น้ำพุนี้เพกาซัสก็สร้างขึ้นเอง คือใช้กีบเท้ากระทุ้งให้น้ำพุ่งขึ้นมา เมื่อเห็นจังหวะเหมาะเบลเลอโรฟอน
ก็กระโดดขึ้นหลังเพกาซัสปุ๊บ ครอบบังเหียนปั๊บ เพกาซัสก็เลยต้องกลายเป็นม้ามีเจ้าของไปโดยปริยาย

หลังจากนั้นเพกาซัสและเบลเลอโรฟอนก็ไปปราบตัวคิเมร่ากัน (Chimaera) ซึ่งตัวคิเมร่านี่มีหัวเป็นสิงห์ตัวเป็นแพะ
และมีหางเป็นมังกร ซึ่งหลังจากนั้นทั้งเบลเลอโรฟอนและเพกาซัสก็ได้ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่มากันตลอด
แต่ช่วงสุดท้ายของวีรบุรุษคนนี้กลับน่าเศร้านัก เมื่อการที่เขาทำศึกครั้งใดก็ชนะตลอดเพราะมีม้าวิเศษอย่างเพกาซัส
ทำให้เขาผยองจนลืมตัว คิดจะขึ้นไปพบปะเทพบนสวรรค์โดยขี่หลังเพกาซัสมุ่งตรงไปยังเขาโอลิมปัส
ทำให้ทวยเทพรู้สึกไม่พอใจและแน่นอนว่าเทพซุส (Zeus) ก็ให้บทลงโทษที่แสนสาหัสกับความโอหังครั้งนี้อย่างสาสม

เทพซุสปล่อยแมลงใส่เพกาซัส เมื่อเพกาซัสโดนเหล็กไนของแมลงนั้นก็เจ็บปวดจนเผลอสะบัดเบลเลอโรฟอน
จนตกจากหลังของมัน ถ้าเป็นคนธรรมดาคงตายไปแล้ว แต่ด้วยความเมตตาของเทพีเอเธน่าจึงแค่บันดาลให้
พื้นดินตรงนั้นอ่อนนุ่ม จึงทำให้เบลเลอโรฟอนแค่ขาหักและตาบอดไป ชีวิตช่วงสุดท้ายของวีรบุรุษคนนี้จึงน่าอนาถนัก
ต้องเร่ร่อนไปทั่วแผ่นดินเพื่อจะตามหาม้าวิเศษ ในที่สุดเขาก็ตายอย่างเดียวดาย

ส่วนเพกาซัสก็กลายเป็นม้ารับใช้ของเหล่าเทพไป โดยเพกาซัสได้ไปที่เขาของเทพธิดาเอ-ออส (Eos)
หรือ ออโรร่า (Aurora) ซึ่งเป็นเทพธิดาในการดูแลของเทพอพอลโล (Apollo) เทพแห่งดวงอาทิตย์
เพื่อช่วยนางในการทำให้ตะวันตกดิน และก็ช่วยเทพอพอลโลในการทำให้พระอาทิตย์ขึ้น

นอกจากนี้บางทีเพกาซัสก็รับใช้เทพซุสด้วย โดยจะเป็นผู้นำสายฟ้าซึ่งเป็นอาวุธประจำกายของเทพซุส
มาส่งให้เมื่อองค์มหาเทพต้องการ

หลังจากนั้น เพกาซัสก็ได้รับการสถาปนาขึ้นบนท้องฟ้าให้กลายเป็นกลุ่มดาวเพกาซัส ซึ่งดาวกลุ่มนี้
จะปรากฎขึ้นทางทิศใต้ในฤดูใบไม้ร่วง โดยเรียกดาวกลุ่มนี้ว่า "Square of Pegasus"
หรือ สี่เหลี่ยมเพกาซัส ซึ่งกลุ่มดาวเพกาซัสนี้มีตำแหน่งอยู่ติดๆกับกลุ่มดาวอันโดรเมด้าอีกด้วย





ขอขอบคุณแหล่งอ้างอิงจาก :
www.newciv.org.pegasus/pegasusmyth.html



Logged
Pages: [1] Go Up Print 
« previous next »
 

SMF 2.0.4 | SMF © 2013, Simple Machines | Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.137 seconds with 19 queries.