Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
User Info
Welcome, Guest. Please login or register.
15 December 2025, 19:28:54

Login with username, password and session length
Search:     Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ

http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
28,529 Posts in 14,020 Topics by 70 Members
Latest Member: KAN
Home Help Search Calendar Login Register
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...  |  เหนือเกล้าชาวสยาม  |  พระบรมโพธิสัตว์เจ้าแห่งแผ่นดินสยาม (Moderator: Smile Siam)  |  เรื่องเล่าน้ำตาไหล 35 ปีความทรงจำ 'ดร.สุเมธ' ผู้ถวายงานใกล้ชิด 'ร.๙'
0 Members and 1 Guest are viewing this topic. « previous next »
Pages: [1] Go Down Print
Author Topic: เรื่องเล่าน้ำตาไหล 35 ปีความทรงจำ 'ดร.สุเมธ' ผู้ถวายงานใกล้ชิด 'ร.๙'  (Read 93 times)
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 11,351


View Profile
« on: 21 November 2025, 10:37:05 »

เรื่องเล่าน้ำตาไหล 35 ปีความทรงจำ 'ดร.สุเมธ' ผู้ถวายงานใกล้ชิด 'ร.๙'


https://mgronline.com/live/detail/9600000108867

หน้าหลัก MGR Live MGR Live
เรื่องเล่าน้ำตาไหล 35 ปีความทรงจำ 'ดร.สุเมธ' ผู้ถวายงานใกล้ชิด 'ร.๙'
เผยแพร่: 26 ต.ค. 2560 19:23   ปรับปรุง: 26 ต.ค. 2560 19:53   โดย: MGR Online
.





ทุกครั้งที่ได้ยิน ได้ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับ "ในหลวงรัชกาลที่ ๙" แม้จะฟังซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ไม่เคยเบื่อ เช่นเดียวกับครั้งนี้ที่บางเรื่องบางตอนอาจเคยได้ยินได้ฟังมาแล้ว แต่เชื่อว่าอีกหลายเรื่องหลายคนอาจไม่เคยรู้ หรือเคยเห็นมาก่อน


"คิดถึงพ่อสุดหัวใจ"

คือความรู้สึกของคนไทยในเวลานี้ เช่นเดียวกับ "ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล" เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ข้าราชบริพารที่รับใช้เบื้องพระยุคลบาทอย่างใกล้ชิดมานาน 35 ปี

13 ต.ค.59 ห้วงเวลาที่เศร้าที่สุดในชีวิต





"วันนั้นมาถึงโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว" ดร.สุเมธ เริ่มเล่าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือในงานแสดงปาฐกถาที่ห้องประชุมราชปนัดดาสิรินธร อาคารศรีสวรินทิรา ชั้น 1 โรงพยาบาลศิริราช เมื่อเร็วๆ นี้ "ตอนนั้นผมตั้งใจไปกราบถวายพระพรที่ศาลาสหทัยสมาคม แต่พอรู้ข่าวผมก็บอกมหาดเล็กว่า ไม่เป็นไร ขอเข้าไปที่พระบรมรูป เพราะมีสิทธิ์ทำได้แค่นั้น ผมเข้าไปกราบลาแทนที่จะเข้าไปกราบถวายพระพรเหมือนอย่างเคย

ความรู้สึกมันบอกไม่ถูก มีความว่างเปล่าอยู่ในจิตใจ ขนาดท้องฟ้ายังไว้ทุกข์ เศร้า ครึ้มไปหมด มีภาวะเหมือนหนักท่ามกลางความว่างเปล่า หลังจากนั้น 4-5 วัน ผมนั่งทำใจอยู่คนเดียว ผมเป็นลูกศิษย์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ไม่ค่อยดีเท่าไร เพราะไม่ได้ทำตามที่พระองค์ท่านสอนไว้ คือต้องเป็นคนเข้มแข็ง พระองค์เคยสอนผมในวันที่หมดกำลังใจ 'คนเรานั้นจะทำงานใหญ่บนแผ่นดินได้ต้องทำตัวเสมือนเป็นแท่งเหล็ก' ก่อนที่จะนำมาตีเป็นมีดดาบ ต้องถูกเผา ถูกทุบครั้งแล้วครั้งเล่า แต่สุดท้ายเหล็กที่ไม่มีค่าก็กลายเป็นมีดดาบขึ้นมา





ใครก็ตามที่ไม่เคยถูกทุบ ถูกเผา ทำงานใหญ่ให้แก่แผ่นดินไม่ได้" คำสอนยังก้องอยู่ในหู แต่ความอ่อนแอของมนุษย์ก็ยังมีอยู่ หลังจากตั้งสติ และคิดทบทวนดีๆ แม้วันนี้พระองค์ท่านไม่อยู่แล้ว แต่พระสุรเสียงยังก้องอยู่ในหู โดยเฉพาะประโยคที่ฝังอยู่ในใจ และยึดมั่นในการทำงานมาโดยตลอด

"ขอขอบใจนะ ที่มาช่วยฉันทำงาน แต่ฉันขอบอกก่อนนะว่า มาช่วยฉันทำงาน ฉันไม่มีอะไรจะให้นอกจากความสุขที่จะมีร่วมกันในการทำประโยชน์ให้ผู้อื่น"

เป็นเวลา 35 ปีเต็ม นับแต่ปี 2524 จนถึง 2559 ที่ได้มีโอกาสถวายงาน "ในหลวงรัชกาลที่ ๙" 3 ประโยคคำสอนที่นั่งตกผลึกหลังจากพระองค์ได้จากไป คือ มองทุกอย่างที่ฉันทำ, จดทุกอย่างที่ฉันพูด และสรุปทุกอย่างที่ฉันคิด โดยตลอดเวลา 70 ปีพระองค์ทรงอุทิศพระวรกาย ทรงงานหนักมาโดยตลอด เพื่อรักษาแผ่นดิน น้ำ ลม และไฟ ไม่ใช่เพื่อพระองค์ แต่เพื่อคนไทยทุกคน





"1 ปี พระองค์ประทับอยู่ในกรุงเทพฯ 4 เดือน ที่เหลือประทับอยู่ต่างจังหวัด" ดร.สุเมธเล่า ก่อนจะเผยต่อไปว่า "8 เดือนที่อยู่นอกเมือง เป็นช่วงเวลาที่เหนื่อยยากมากที่สุด เสด็จฯไปจังหวัดเชียงใหม่ สกลนคร ไกลกังวล และนราธิวาสแห่งละ 2 เดือน และการเสด็จฯ ไปในแต่ละครั้ง ส่วนมากจะเข้าไปในพื้นที่ที่คนอื่นไม่ไปกัน เพราะเป็นถิ่นทุรกันดาร ลำบากสุดๆ"

ส่วนการประทับที่กรุงเทพฯ พระองค์ทรงงานอย่างหนักจนเกิดเป็นโครงการแก้ปัญหาความเป็นอยู่ของประชาชนมากมาย โดยในปี พ.ศ.2495 ได้เสด็จฯ ไปที่ห้วยมงคล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และเกิดโครงการพระราชดำริโครงการแรกขึ้น ณ พื้นที่แห่งนั้น ตลอดระยะเวลา 70 ปีของการครองราชย์ มีโครงการพระราชดำริทั้งหมด 4,685 โครงการ เฉลี่ยปีละ 50 โครงการ

ถึงวันนี้ เมื่อรวบรวมระยะทางเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรจากตัวเลขจริง ตั้งแต่ปี พ.ศ.2512-2528 มีระยะทางรวมทั้งสิ้น 384,400 กิโลเมตร ระยะทางที่ดวงจันทร์ห่างจากโลกประมาณ 363,000 กิโลเมตร รวมสถิติแค่เพียง 17 ปีเท่านั้น ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ก็เสด็จฯ เยี่ยมราษฏรของพระองค์มากกว่าระยะทางจากโลกถึงดวงจันทร์แล้วหรือเฉลี่ย 25,000 กิโลเมตรต่อปี (ข้อมูล : นิทรรศการ "ดิน น้ำ ป่า ฟ้า" แรงบันดาลใจจากพ่อ จัดให้ประชาชนเข้าชมที่หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพฯ)





70 ปี จากนภา ภูผา สู่มหานที สรุปงานพ่อหลวงในเผ่นเดียว

"บางแห่งไม่มีคนเข้าไปกัน ถนนก็ไม่ได้เหมือนมอเตอร์เวย์ หรือราชดำเนิน แต่พระองค์ท่านก็ยังมีพระอารมณ์ขัน อย่างที่เขาวง กาฬสินธุ์ รถวิ่งไปบนทางที่ไม่น่าจะใช่ทาง วิ่งไปบนหิน แทนที่จะทุกข์ร้อนอะไร พระองค์ท่านบอกว่า วันนี้แล่นไปในทางดิสโก้ เพราะทุกคนนั่งในรถเหมือนเต้นดิสโก้กันเลย ลองคิดดูสิครับ ปีละ 8 เดือน ไม่มีร่างกายมนุษย์คนไหนจะทนได้หรอกครับ แต่พระองค์ทำเพื่อประชาชนคนไทยทุกคน

กระทั่งทรงพระประชวรก็ยังทรงห่วงประชาชนของพระองค์ "ช่วงเย็นวันหนึ่งที่ต้องถวายเข้ารับการผ่าตัดใหญ่ ก็มีรับสั่งให้ผมที่ถวายงานด้านน้ำและไอที นำจอคอมพิวเตอร์มาติดตั้งข้างเตียงด้วยเพื่อทอดพระเนตรก่อนถวายการผ่าตัด ซึ่งพระองค์ไม่คิดถึงเรื่องการผ่าตัดเลย รับสั่งแต่ว่ามีพายุกำลังต่อตัวอยู่ที่มหาสมุทรแปซิฟิกเคลื่อนเข้าชายฝั่งเวียดนาม และอาจเข้ามาที่ไทยด้วย ดูสิครับ พระองค์ท่านไม่เคยห่วงพระองค์เองเลย ฉะนั้นตลอด 70 ปี พระองค์ไม่ใช่แค่พระราชทานงาน พระราชทานโครงการ แต่พระราชทานพระวรกายเพื่อคนไทยทุกคน"

2 ภาพ ที่ไม่เคยเปิดให้ใครดูมาก่อน





ภาพแรก เป็นภาพเมื่อ 19 ปีก่อน ดร.สุเมธเล่าว่า เป็นภาพคลานเข้าไปกราบพระบาท "ในหลวงรัชกาลที่ ๙" และขอพระราชทานพรเนื่องในวันเกิดครบ 60 ปีครั้งนั้นในหลวง ร.๙ พระราชทานน้ำสังข์และใบมะตูม ทัดที่ใบหู พร้อมรับสั่งว่า "เกษียณไม่ได้"

อีกภาพ เป็นภาพเมื่อ 6 ปีที่แล้ว คลานเข้าไปกราบพระบาทและขอพระราชทานพรเนื่องในวันเกิดครบ 72 ปี แต่ไม่คิดว่าจะเป็นพรพระราชทานสุดท้ายจากพระองค์ท่าน

"ผมไม่รู้หรอกว่าวันนั้นจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เข้าเฝ้าฯ และคำที่พระราชทานในวันนั้นเป็นคำสั่งเสียสุดท้ายที่ผมได้รับ เมื่อ 6 ปีที่แล้ว ผมคลานเข้าไปกราบพระบาทขอพระราชทานพรเนื่องในวันเกิดครบ 72 ปี พระองค์ทรงเงียบเฉย ผมก็เงยหน้าขึ้นมา พระหัตถ์ยื่นมาวางที่ไหล่ซ้ายแล้วเขย่าๆ พร้อมกับรับสั่งด้วยความอ่อนแรงว่า 'สุเมธงานยังไม่เสร็จนะ งานยังไม่เสร็จสุเมธ' ผมตอบไปเพียงว่ารับใส่เกล้า"





ดร.สุเมธ เล่าด้วยน้ำเสียง และใบหน้าหม่นเศร้า ก่อนจะเผยว่า ตราบใดที่ยังมีลมหายใจอยู่ก็จะขอทำงานต่อไป ไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่นตามที่พระองค์ทรงได้กำชับเอาไว้

"วันนี้เกษียณไม่มี และตราบใดที่งานยังไม่เสร็จ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะเสร็จเมื่อไร ไม่เป็นไร ทำตัวเหมือนที่พระองค์ท่านสอน เรื่องพระมหาชนก ฝั่งทะเลอยู่ข้างหน้า ว่ายถึงหรือเปล่าไม่รู้ แต่ต้องว่าย ถ้าไม่ว่ายก็จมน้ำตาย วันหนึ่งก็ต้องถึง

ผมอยากให้คนไทยฝังใจไว้ทุกคนว่า ตราบใดที่เรามีชีวิตอยู่ ยังมีเรี่ยวแรงอยู่ งานไม่มีวันเสร็จ แพทย์ทำหน้าที่ไป พยาบาลทำหน้าที่ไป ทุกคนทำหน้าที่ของตัวเอง วันนี้พระองค์ท่านไม่ได้อยู่คอยสอนพวกเราแล้ว เหนือสิ่งที่อื่นใด พระองค์ท่านมองพวกเราลงมาจากข้างบน" ดร.สุเมธทิ้งท้าย

ภาพ : วรวิทย์ พานิชนันท์

.


ที่มา: เรื่องเล่าน้ำตาไหล 35 ปีความทรงจำ 'ดร.สุเมธ' ผู้ถวายงานใกล้ชิด 'ร.๙'
https://mgronline.com/live/detail/9600000108867

.




Logged
Pages: [1] Go Up Print 
« previous next »
 

SMF 2.0.4 | SMF © 2013, Simple Machines | Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.043 seconds with 20 queries.