Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
User Info
Welcome, Guest. Please login or register.
31 October 2025, 14:11:17

Login with username, password and session length
Search:     Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ

http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
28,290 Posts in 13,862 Topics by 70 Members
Latest Member: KAN
Home Help Search Calendar Login Register
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...  |  เรื่องราวน่าอ่าน  |  นวนิยายที่น่าอ่านอย่างยิ่ง (Moderators: LAMBERG, moowarn)  |  นวนิยายเรื่อง ข้างหลังภาพ บทประพันธ์ของ ศรีบูรพา
0 Members and 1 Guest are viewing this topic. « previous next »
Pages: [1] Go Down Print
Author Topic: นวนิยายเรื่อง ข้างหลังภาพ บทประพันธ์ของ ศรีบูรพา  (Read 37 times)
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 11,120


View Profile
« on: 29 October 2025, 18:44:20 »

นวนิยายเรื่อง ข้างหลังภาพ บทประพันธ์ของ ศรีบูรพา






"ข้างหลังภาพ" เป็นผลงานชิ้นยอดเยี่ยมของ "กุหลาบ สายประดิษฐ์" หรือ "ศรีบูรพา" นักประพันธ์เอกของเมืองไทย ตีพิมพ์ครั้งแรกเป็นตอนๆ ในหนังสือพิมพ์ประชาชาติ รายวัน เมื่อปี พ.ศ. 2480 มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับชีวิตรักที่ไม่สมหวังของ "ม.ร.ว. กีรติ" กุลสตรีผู้เพียบพร้อม แต่กลับหาคนรักมาแต่งงานด้วยไม่ได้ เมื่ออายุล่วงเลยมาถึง 35 ปี เธอจึงจำต้องแต่งงานกับพ่อม่ายวัย 50 หลังแต่งงานทั้งคู่เดินทางไปฮันนีมูนที่โตเกียว ที่นั่นเธอได้รู้จักกับ "นพพร" นักเรียนนอกวัย 22 ทั้งคู่สนิทสนมกันจนกลายเป็นความรัก โดยนพพรได้สารภาพรักกับ ม.ร.ว. กีรติ คราวเมื่อทั้งคู่ไปเที่ยวธารน้ำตกที่มิตาเกะ ส่วน ม.ร.ว. กีรติ แม้จะรักนพพร แต่เธอกลับไม่ยอมบอกความในใจ

.

.


https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E
https://th.wikipedia.org/wiki/ข้างหลังภาพ


ข้างหลังภาพ

ข้างหลังภาพ คือ นวนิยายประพันธ์โดยศรีบูรพา หรือชื่อจริงว่า กุหลาบ สายประดิษฐ์ เริ่มตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ลงในหนังสือพิมพ์ประชาชาติรายวัน เมื่อ พ.ศ. 2479 เป็นเรื่องราวของความรักต่างวัย ต่างสถานะ นอกจากเรื่องราวที่กินใจแล้ว ภาษาที่ใช้ในเรื่องเป็นภาษาที่งดงาม มีวลีที่เป็นที่ชื่นชอบมากมาย นวนิยายเรื่องนี้เมื่อรวมเล่มได้รับการตีพิมพ์ซ้ำถึง 47 ครั้ง ยังได้รับการยกย่องด้วยความงามในเชิงวรรณศิลป์ และแสดงเป็นละครโทรทัศน์ ภาพยนตร์ รวมถึงละครเวที ในรูปแบบละครเพลงอีกด้วย

กุหลาบ สายประดิษฐ์ เขียนเรื่องนี้โดยอาศัยประสบการณ์จริงที่เคยไปดูงานที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2479 และจากความคุ้นเคยกับเจ้านายในราชสกุลวรวรรณ หลายพระองค์ที่เป็นพี่น้องกับ หม่อมเจ้าวรรณไวทยากร วรวรรณ เจ้าของหนังสือพิมพ์ประชาชาติรายวัน โดยเป็นที่คาดหมายกันว่าตัวละคร หม่อมราชวงศ์กีรติ น่าจะถอดแบบมาจากหม่อมเจ้าบรรเจิดวรรณวรางค์ วรวรรณ[a] บางคนคาดว่าถอดแบบมาจากพระนางเธอ ลักษมีลาวัณ แต่ชนิด สายประดิษฐ์ ภริยาของผู้แต่งระบุว่าเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน

ข้างหลังภาพ ตีพิมพ์ตอนแรกในหนังสือพิมพ์ประชาชาติ ฉบับวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2479 ต่อเนื่องจนจบบทที่ 12 ในวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2480 ถึงตอนที่ ม.ร.ว.กีรติ ลาจากนพพรที่ท่าเรือโกเบ โดยเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่น ต่อมาเมื่อรวมพิมพ์ครั้งแรกโดย สำนักงานนายเทพปรีชา ศรีบูรพาได้แต่งเพิ่มอีก 7 บท รวมเป็น 19 บท โดยตอนที่แต่งขึ้นใหม่เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในประเทศไทย

ต่อมาในปี พ.ศ. 2486 ศรีบูรพาได้เขียนเรื่องสั้นชื่อ "นพพร-กีรติ" เป็นจดหมายรัก ที่เขียนถึงระหว่างกัน ตีพิมพ์ในหน้า 255 ถึง 273 ของหนังสือรวมเรื่องสั้น "ผาสุก" ของสำนักพิมพ์อุดม และได้นำไปรวมเล่มใน ข้างหลังภาพ ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 3 ในเวลาต่อมา


เนื้อเรื่อง

นพพร และ หม่อมราชวงศ์กีรติ พบกันครั้งแรกที่สถานีรถไฟโตเกียว นพพรมีอายุ 22 ปี เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยริคเคียว ขณะที่หม่อมราชวงศ์กีรติ หญิงวัย 35 มาฮันนีมูนกับพระยาอธิการบดีผู้เป็นสามีที่แก่คราวพ่อ ทั้งยังเป็นเพื่อนสนิทกับพ่อของนพพร จึงขอร้องให้นพพรพาหม่อมราชวงศ์กีรติเที่ยวญี่ปุ่น เพราะตัวท่านเองแก่เกินกว่าจะไปไหนต่อไหนได้สะดวก แต่ก็ยังอยากให้หม่อมราชวงศ์กีรติสนุกกับการอยู่ญี่ปุ่น และนั่นเป็นโอกาสให้นพพร เด็กหนุ่มที่ไม่เคยรู้จักความรักมาก่อนได้อยู่ใกล้ชิดกับผู้หญิงที่สวยสง่า กิริยาวาจาแช่มช้อยเป็นผู้ดี แม้เธอจะสูงวัยกว่า แต่เมื่อยิ่งได้ใกล้ชิด นพพรก็ยิ่งหลงรักเทอดทูนหม่อมราชวงศ์กีรติ ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าเธอแต่งงานแล้ว นพพรเฝ้าถามหม่อมราชวงศ์กีรติว่าทำไมเธอจึงแต่งงานกับชายรุ่นพ่อ ทั้ง ๆ ที่เธอทั้งสวยสง่า ฉลาด และฐานะเดิมก็ดีอยู่ก่อนแล้ว ทั้งไม่ได้ถูกใครบังคับและไม่ได้รักท่านเจ้าคุณด้วย ทุกครั้งที่นพพรถามหม่อมราชวงศ์กีรติเลี่ยงที่จะตอบ จนวันหนึ่งเขาพาเธอไปเที่ยวมิตาเกะ หม่อมราชวงศ์กีรติที่ตามปกติจะวางตัวสง่างาม กลับกลายเป็นสาวน้อย ผู้ร่าเริงท่ามกลางแมกไม้ สายลม และความหลังที่เป็นความลับของหม่อมราชวงศ์กีรติจึงถูกเปิด และทุกครั้งที่นพพร ถามว่าหม่อมราชวงศ์กีรติรักเขาไหม คุณหญิงกีรติไม่เคยตอบตรงคำถามเลย ส่วนนพพรยืนยันว่า “ผมจะรักคุณหญิง ตราบชั่วฟ้าดินสลาย”

6 ปีล่วงไป นพพรสำเร็จการศึกษาและฝึกหัดงานที่ญี่ปุ่นพอสมควรแก่การแล้วก็กลับสยาม ในขณะนี้หม่อมราชวงศ์กีรติเป็นหม้ายแล้วและบำเพ็ญชีวิตอยู่อย่างสงบ เขาทั้งสองคนได้พบกันอีกครั้งหนึ่ง แต่เป็นการพบที่นพพรรู้สึกเหมือนพบพี่สาวที่ดีคนหนึ่งเท่านั้น เวลา 6 ปีในญี่ปุ่นได้เปลี่ยนจิตใจของนพพรเด็กหนุ่มผู้อ่อนแก่ความรักให้เป็นชายหนุ่มญี่ปุ่นที่ไม่ใคร่จะคิดถึงใครจะคิดถึงอะไรนอกจากงานและการตั้งตัวเท่านั้น ครั้นแล้วนพพรก็แต่งงานกับคู่หมั้นที่บิดาหาไว้ให้เมื่อครั้งก่อนไปศึกษาอยู่ที่ญี่ปุ่น เมื่อแต่งงานแล้วได้สองเดือน นพพรได้ทราบว่าหม่อมราชวงศ์กีรติได้เจ็บหนักด้วยวัณโรคและอยากพบเขา จนแพทย์และพยาบาลรู้สึกว่าควรจะมาตามเขาให้ไปพบเพื่อให้คนไข้ได้สงบจิตใจในวาระสุดท้าย นพพรก็ไปเยี่ยมและหม่อมราชวงศ์กีรติก็ให้ภาพเขียนที่ระลึกถึงสถานที่ให้กำเนิดความรักแก่เขาทั้งสอง ซึ่งเป็นภาพวาดโดยฝีมือของเธอเอง พร้อมด้วยคำตัดพ้อบางประโยคเป็นที่สะกิดใจนพพรให้ระลึกถึงความหลังและหวนคิดเสียดายอาลัยคนรักคนแรกของตน ครั้นแล้วหม่อมราชวงศ์กีรติสตรีผู้อาภัพในเรื่องรักก็ถึงแก่กรรมใน 7 วันต่อมา

.

ข้างหลังภาพ (ภาพยนตร์ปี พ.ศ. 2544)

คารา พลสิทธิ์ เป็น ม.ร.ว.กีรติ
ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์ เป็น นพพร

.




Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 11,120


View Profile
« Reply #1 on: 29 October 2025, 18:45:26 »


"ข้างหลังภาพ" โศกนาฏกรรมความรักที่แฝงค่านิยมการจำกัดสิทธิสตรี





ท่ามกลางบรรยากาศลำธารที่มีน้ำใสไหลผ่านจนเห็นหินตะปุ่มตะป่ำ ใบไม้พลิ้วไหวตามแรงลมโชยพัดอ่อน พบชายหญิงนั่งคุยกันอย่างออกรสใต้ต้นไม้ หากกล่าวแค่นี้อาจนึกไม่ออกว่านี่คือบทบรรยายของนวนิยายเรื่องใด แต่หากพูดว่า ‘มิตาเกะ’ คงจะนึกออกว่านี่คือสถานที่ของการเกิดเรื่องราว ‘ข้างหลังภาพ’

นวนิยายข้างหลังภาพ ถูกเขียนจากปลายปากกาของ ‘ศรีบูรพา’ หรือ กุหลาบ สายประดิษฐ์ ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกปี พ.ศ. 2480 ได้รับยกย่องจากหลาย ๆ คนว่าเป็นงานประพันธ์ที่มีลีลาวาทศิลป์อันละเมียดละไม สำนวนไพเราะเพราะพริ้ง สอดแทรกไปด้วยค่านิยม ขนบธรรมเนียมของไทย ตลอดจนข้อขบคิดในด้านความรัก

ข้างหลังภาพเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ ‘นพพร’ นักเรียนไทย อายุ 22 ปี ที่มาเรียนในประเทศญี่ปุ่น โดยนพพรถูกไหว้วานให้ดูแลเพื่อนสนิทของบิดาที่มาฮันนีมูนในประเทศญี่ปุ่น คือ ‘เจ้าคุณอธิการบดี’ พร้อมด้วยภรรยา ‘หม่อมราชวงศ์กีรติ’ ซึ่งการพบกันของนพพรและหม่อมราชวงศ์กีรติในครั้งนี้ ทั้งสองคนไม่ทราบเลยว่า จะนำพาไปสู่โศกนาฏกรรมความรักอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


นกน้อยในกรงทอง





“เธอจงเห็นใจฉันเถิด เราเกิดมาโดยเขากำหนดให้เป็นเครื่องประดับโลก ประโลมโลก และเพื่อจะทำหน้าที่นี้อย่างดีที่สุด เราจำต้องบำรุงรักษารูปโฉมของเราให้ทรงคุณค่าไว้ จริงอยู่นี่มิใช่หน้าที่อันเดียวหรือทั้งหมดของสตรีเพศ แต่เธอคงไม่ปฏิเสธว่ามันเป็นหน้าที่ของเรา”

“ผมไม่มีความเห็นแย้งเลยในข้อนี้ เพราะว่านอกเหนือจากความดี บุรุษแสวงความงามในสตรีเพศ”

“ยิ่งกว่านั้น บางทีคุณความดีของสตรีก็ถูกมองข้ามไปเลย ถ้ามิได้มีอยู่ในความงาม”

นี่คือหนึ่งในบทสนทนาระหว่างหม่อมราชวงศ์กีรติและนพพรที่แสดงถึงค่านิยมความงามของผู้หญิงจากรูปลักษณ์ภายนอก ในการพบกันครั้งแรก นพพรคาดคะเนว่าหม่อมราชวงศ์กีรติมีอายุเพียง 26 ปีเท่านั้น แต่เมื่อทราบว่าแท้จริงแล้วเธออายุมากถึง 35 ปี นพพรกลับตกใจและกล่าวว่าเธอพูดปด ซึ่งการที่เธอดูสวยสะพรั่งอ่อนกว่าวัยล้วนมาจากการบำรุงประทินผิวมากกว่าหนึ่งชั่วโมง

ไม่ว่าอดีตหรือปัจจุบัน ความงามมักเป็นสิ่งแรกที่ผู้คนมองหาเสมอ รองลงมาคือความดีและความสามารถ แม้นจะอุดมไปด้วยความดี หากแต่ไร้สิ้นความงาม สตรีผู้นั้นก็จะถูกมองข้ามไปอย่างน่าเสียดาย ซึ่งหม่อมราชวงศ์กีรตินับว่าโชคดี เพราะเธอมีทั้งความงาม ความเฉลียวฉลาด และเต็มไปด้วยความดี ดังที่นพพรกล่าวว่า ‘ข้าพเจ้าเคยพบสตรีคนใดที่ทรงเสน่ห์และความงามยิ่งไปกว่าหม่อมราชวงศ์กีรติหรือไม่? ข้าพเจ้าเคยพบสตรีคนใดที่ทั้งอ่อนหวานและฉลาดหลักแหลมยิ่งไปกว่าหม่อมราชวงศ์กีรติหรือไม่?’





นอกจากคำกล่าวข้างต้นจะแสดงค่านิยมความงามของผู้หญิง ศรีบูรพายังสอดแทรกข้อเสียเปรียบในการจำกัดเพศสภาพของผู้หญิงที่อยู่ในสังคมผู้ชายเป็นผู้นำ โดยถือเสมือนผู้หญิงเป็นเครื่องรองรับอารมณ์ความใคร่ และเครื่องประดับฐานะเพียงเท่านั้น

“ฉันอยู่บ้านเรียนหนังสือจากครูแหม่มบ้าง บางทีท่านพ่อก็ส่งฉันไปอยู่ในรั้วในวัง รับใช้เจ้านายใหญ่โตองค์หญิงบางองค์ที่เป็นญาติของเรา ฉันใช้ชีวิตวัยสาวในทำนองนี้หลายปี ฉันต้องอยู่ในโลกของเจ้านายนานพอ จนฉันแทบไม่มีโอกาสจะระลึกว่า ความเป็นสาวนั้นมีค่าอย่างที่สุดสำหรับสตรีเพศเพียงใด”

“เพราะว่าเราไม่ได้ถูกอบรมให้เป็นคนช่างคิด เรามีทางที่เขากำหนดไว้ให้เดิน เราต้องอยู่ในทางแคบ ๆ ตามจารีตประเพณีขนบธรรมเนียม”

กิจวัตรของสตรีผู้สูงศักดิ์ด้วยตำแหน่งหม่อมราชวงศ์ ในยุคที่ยังถือขนบสตรีที่ต้องอยู่ในกรอบ คงหนีไม่พ้นการเข้าไปเรียนวิชากุลสตรีในวังจากเจ้านายชั้นสูง ทั้งการเย็บปักถักร้อย และการอบรมงานบ้านงานเรือน ไม่บ่อยมากนักที่จะมีโอกาสเที่ยวเล่นเหมือนหญิงสาวที่ไร้ฐานันดร

แม้เธอจะได้รับการศึกษาจากครูชาวตะวันตก ก็จะได้เรียนในหลักสูตรลักษณะที่ผู้หญิงพึงมีเช่นกัน ดังที่หม่อมราชวงศ์กีรติกล่าวว่า ถึงเธอจะเรียนหนังสือกับแหม่ม แต่ก็เป็นแหม่มแก่ ๆ ไม่ต่างจากแม่นมของเธอ ทำให้เธอไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้สัมผัสโลกภายนอกผ่านการศึกษา

หากจะหาคำนิยามที่เหมาะสมกับหม่อมราชวงศ์กีรติ คำว่า ‘นกน้อยในกรงทอง’ ดูจะไม่เกินจริง


ออกท่องโลกใหม่





“นพพรเธอเป็นโคลัมบัสของฉัน เธอนำให้ฉันได้มาพบโลกใหม่”

โคลัมบัส หรือ คริสโตเฟอร์ โคลัสบัส นักสำรวจผู้บุกเบิกเส้นทางเดินเรือจนพบทวีปอเมริกา ซึ่งก็ไม่แปลกนักหากหม่อมราชวงศ์กีรติจะเปรียบนพพรเป็นโคลัมบัส เพราะนพพรทำให้เธอเห็นโลกอีกใบที่แตกต่างจากประเทศไทย ทั้งภูมิทัศน์ใหม่ วัฒนธรรมใหม่ ผู้คนใหม่ ตลอดจนความรักอันลึกซึ้งที่เธอไม่เคยสัมผัสมาก่อน

หากมองบนพื้นฐาน Beauty Standard อาจเรียกได้ว่าเธอโชคดีที่เกิดมาสวย แต่กลับโชคร้ายเรื่องความรัก เพราะความสวยของเธอเป็นภัยมากกว่าโชค ความสวยเป็นสิ่งป้องกันและกีดกันเธอจากโลกภายนอก เมื่อนั้นแล้วการพบความรักจึงเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยาก

นพพรอาจเป็นรักแรกและรักเดียวของหม่อมราชวงศ์กีรติ เพราะการที่เธอแต่งงานกับเจ้าคุณอธิการบดีนั้นไม่ได้เกิดความรัก แต่เกิดจากการที่เธอสิ้นหวังในการรอรักแท้ วันแล้ววันเล่าที่เวลาผ่านล่วงไปจนเธอย่างเข้าอายุ 35 ปี เธอจึงต้องยอมตกลงแต่งงานกับหนุ่มรุ่นราวคราวพ่อ


เป็นอะไรก็เป็นเถิด แต่จงเป็นอย่างดีที่สุด





“แม้มิได้เป็นดวงอาทิตย์ ก็จงเป็นดวงดาว”

ประโยคข้างต้นเป็นหนึ่งในเนื้อเพลงปลอบประโลมใจให้พอใจในฐานะของตน ที่นพพรแปลความหมายจากภาษาญี่ปุ่นตามคำขอของหม่อมราชวงศ์กีรติ

การพอใจในสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่นั้นนับว่าเป็นเรื่องดี แต่คงไม่ใช่ทุกคนที่รู้สึกเช่นนั้น มักจะเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นเสมอ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิด หากแต่แท้จริงแล้วเราสามารถเป็นตัวของตัวเองได้อย่างดีที่สุด ดังคำกล่าวที่ว่า ‘แม้มิได้เกิดเป็นดอกซากุระ ก็อย่ารังเกียจที่จะเป็นบุปผาพรรณอื่น ขอแต่ให้เป็นดอกที่งามที่สุดในพรรณของเรา’

หากเราไม่พึงพอใจในตัวเองแล้ว ใครกันเล่าจะมาพึงพอใจในตัวเรา





นอกจากเรื่องการสอดแทรกขนบธรรมเนียมแล้ว ข้อขบคิดเรื่องความรักก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่แสดงออกอย่างชัดเจนผ่านมุมมองความรักระหว่างหม่อมราชวงศ์กีรติ หญิงผู้มีประสบการณ์ความรักอย่างจำกัด และนพพร เด็กหนุ่มที่กำลังจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่

ด้วยตัวหม่อมราชวงศ์กีรติเองที่มีอายุ 35 ปี การแต่งงานที่แลกมาด้วยความผาสุกแต่ปราศจากความรักนั้น ย่อมเป็นสิ่งที่ทดแทนกันได้ เพราะนิยามความผาสุกของเธอนั้นไม่ได้มีเพียงแค่ชีวิตที่อุดมไปด้วยความรัก แต่ยังรวมถึงการได้พบความแปลกใหม่ในอีกโลกหนึ่ง อีกทั้งการแสดงออกความรักของเธอมักจะใช้นัยทางคำพูดมากกว่าการกระทำ ในขณะที่นพพรเห็นแย้งในข้อที่ว่า ความผาสุกที่ไร้ความรักดูแห้งแล้งเหลือเกิน และการแสดงออกความรักไม่จำเป็นต้องตีความนัยให้ซับซ้อน หากรักก็พูดว่ารักเท่านั้น





ดังนั้นเมื่อนพพรถามหม่อมราชวงศ์กีรติว่า ‘คุณหญิงรักผมไหม’ เธอมักจะตอบบ่ายเบี่ยงหรือตอบประโยคที่สื่อถึงความนัยไว้เสมอ เนื่องด้วยเธอมีสถานะเป็นภรรยาของเจ้าคุณอธิการบดี จึงต้องระมัดระวังการใช้คำพูด แต่ก็ยังคงแสดงออกซึ่งความรักที่มีต่อนพพรในแบบของเธอ อย่างตอนที่ทั้งสองคนร่ำลากันบนเรือ นพพรก็ถามคำถามเดิม แต่เธอกลับตอบว่า ‘รีบไปเสียเถิด ก่อนที่ฉันจะขาดใจ’ ซึ่งนพพรก็ตีความจากคำพูดนั้นว่า ‘ไม่รัก’

แต่แท้จริงแล้วหากนพพรพินิจจากคำพูดและการกระทำของเธอให้ดี เขาจะพบว่าหม่อมราชวงศ์กีรติรักเขาหมดหัวใจ ดังคำที่เธอเขียนใส่กระดาษก่อนจะเสียชีวิตด้วยวัณโรคว่า ‘ฉันตายโดยปราศจากคนที่รักฉัน แต่ฉันก็อิ่มใจว่า ฉันมีคนที่ฉันรัก’ นี่จึงเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่เธอใช้คำว่ารัก ทำให้นพพรคลายความกระจ่างว่าหม่อมราชวงศ์กีรติรักเขาเสมอมา

ฉะนั้นแล้ว คำว่า ข้างหลังภาพ ในเรื่องนี้จึงไม่ใช่เพียงกระดาษแข็งแผ่นหนึ่งที่ถัดไปคือผนัง แต่หมายความถึง ‘ข้างหลังภาพ’ ที่มีชีวิตและเรื่องราว ตลอดจนการอ่านเรื่องนี้ไม่เพียงแค่ได้ความบันเทิง แต่ขณะเดียวกันก็ได้ข้อคิดบางอย่างที่สอดแทรกอยู่ ซึ่งสิ่งนี้เองทำให้นวนิยายเรื่องนี้ไม่มีกาล ไม่ล้าสมัย หยิบมาอ่านเมื่อไรก็ได้ และไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าใด ก็ยังตราตรึงในใจผู้อ่านไม่เสื่อมคลาย

เรื่อง : ขวัญจิรา สุโสภา (The People Junior)
ขอขอบพระคุณบทความจาก The people




.




Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 11,120


View Profile
« Reply #2 on: 29 October 2025, 18:47:26 »


นวนิยายเรื่อง ข้างหลังภาพ บทประพันธ์ของ ศรีบูรพา

https://letterboxd.com/film/behind-the-painting/

Behind the Painting 2001 ข้างหลังภาพ Directed by Cherd Songsri

An older Nopporn looks at a simple painting and recollects the story behind it. As a young student in Japan, he once met and fell in love with Kirati, who was unhappily married to an older man.


Cast
Kara Polasit    Theeradej Wongpuapan
Art-Ong Chumsai Na Ayudhya    Vanchart Chunsri    Wannasa Thongviset    
Thida Singhajan    Nuanprang Treechit       Pirawan Prasopsart
Preeda Chullamondhol    Chamroenluk Thanawangnoi
Prakit Vathesatogkit    Wanchai Thanawangnoi    Anuwan Preeyanon
Pansan Angkhutharn    Pipat Lertsuthiphon 
Ayumi Hara    Hiroka Takahashi




.

.

https://sahamongkolfilm.com/saha-movie/behind-painting-movie-2544/

ข้างหลังภาพ (Behind the Painting)





เรื่องย่อ

ความรักเป็นพรอันประเสริฐ เป็นยอดปรารถนาของชีวิต “ม.ร.ว.กีรติ” ผู้สวยสง่าและร่ำรวยเชื่อมั่นเช่นนี้ จึงหวังและรอที่จะได้รับพรความรักตั้งแต่เริ่มรุ่นสาว รอจนกระทั่งอายุ 34 ปี ผ่านวัยครึ่งคนแล้วก็ยังไม่เคยได้รับพรนี้เลย เมื่อรู้สึกว่าสิ้นหวังจึงยอมแต่งงานกับ “พระยาอธิการบดี” ชายสูงอายุวัยพ่อ

เจ้าคุณอธิการฯ พากีรติไปฮันนีมูนที่ญี่ปุ่น โดยขอร้องให้ “นพพร” ลูกชายของเพื่อนที่เรียนอยู่ที่นั่นนำเที่ยว นพพรหลงรักกีรติ เป็นรักครั้งแรกของหนุ่มวัย 22 ปี เขาสารภาพรักกีรติที่ริมลำธารบนภูเขามิตาเกะในวันที่พาเธอไปเที่ยว

นพพรเฝ้าถามกีรติว่า “คุณหญิงรักผมไหม” กีรติไม่ตอบ นพพรยืนยันว่าเขาจะรักกีรติไปนานตราบชั่วฟ้าดินสลาย ต่อมาอีก 4 ปี เจ้าคุณอธิการฯ ตาย กีรติวาดภาพริมลำธาร และรอคอยนพพรที่จะกลับมาในอีก 3 ปีข้างหน้า อีก 3 ปีกีรติอายุ 42 ปี รอรับพรความรักอีกครั้ง

“ข้างหลังภาพ” ถ่ายทอดเรื่องราวของ “นพพร” (เคน-ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์) นักเรียนไทยที่กำลังศึกษาอยู่ ณ ประเทศญี่ปุ่น ได้มีโอกาสต้อนร้บ “เจ้าคุณอธิการบดี” (อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา) พร้อมภรรยายังสาว “หม่อมราชวงศ์กีรติ” (คาร่า พลสิทธิ์) ครั้งนั้นนพพรรับหน้าที่นำเที่ยวในช่วงเวลาสั้นๆ ทำให้นพพรและคุณหญิงได้ใกล้ชิดกัน ความรักระหว่างทั้งสองก่อเกิดขึ้นในใจอย่างไม่ทันตั้งตัว คุณหญิงต้องหักห้ามใจเพราะรู้ถึงสถานะตนเองว่ามีคู่ชีวิต กระทั่งถึงวันที่ต้องร่ำลา เธอติดตามสามีกลับประเทศไทย ขณะที่อีกฝ่ายยังอยู่ที่นั่นจนกว่าจะสำเร็จการศึกษา

ภายหลัง 6 ปี นพพรเดินทางกลับไทยได้ทราบข่าวการเสียชีวิตของท่านเจ้าคุณ ฝ่ายคุณหญิงกีรติที่ก็เฝ้ารอคอยกลับต้องผิดหวังเมื่อนพพรตกลงแต่งงานกับคู่หมั้น จากนั้นไม่นานอาการป่วยของคุณหญิงยิ่งทรุด ท้ายที่สุดทั้งสองได้พบกันอีกครั้งในเวลาที่เธอสิ้นลมเสียแล้ว ความรักที่ทั้งสองได้ร่วมวาดยังคงหลงเหลือไว้เพียงในความทรงจำ ดังคำพูดของคุณหญิงที่ว่า “ฉันตายโดยปราศจากคนที่รักฉัน แต่ฉันก็อิ่มใจที่มีคนที่ฉันรัก”

 
ผู้หญิงไทยสมัยกีรติ:

“ม.ร.ว.กีรติ” เกิดเมื่อ ค.ศ. 1902 ในสมัยที่ประเทศไทยยังใช้ชื่อสยามและปกครองโดยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ สมัยนั้นผู้หญิงไทยที่จะได้รับการยกย่องว่าเป็นคนดี ต้องอยู่ในโอวาทของผู้ปกครองและประพฤติปฏิบัติตามจารีตประเพณีอย่างเคร่งครัด ใครฝ่าฝืนจะถูกสังคมประณามว่าเป็นคนชั่ว กีรติเป็นลูกสาวคนแรกของพ่อที่เป็นหม่อมเจ้า และเป็นคนสวยมาก พ่อจึงรักและหวงแหน ถึงขนาดพอกีรติเริ่มจะรุ่นสาว พ่อให้ลาออกจากโรงเรียนประจำมาอยู่กับบ้าน จ้างครูหญิงฝรั่งแก่ๆ มาสอน  กีรติจะออกจากบ้านได้ก็เฉพาะเมื่อจะไปพักกับพระญาติหญิงของพ่อในพระบรมมหาราชวังที่เพศชายผ่านเข้าออกไม่ได้ กีรติต้องเดินตามแนวทางที่พ่อและสังคมสมัยนั้นกำหนดทุกอย่าง จนกระทั่ง ค.ศ. 1932 ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตย ผู้หญิงไทยได้รับสิทธิเสรีภาพที่จะประพฤติปฏิบัติตามความคิดเห็นของตนเองมากขึ้นกว่าเดิม กีรติได้รับสิทธิเสรีภาพนี้เช่นกัน แต่ค่านิยมของสังคมเก่ายังมีอยู่มากจนเกือบจะกล่าวได้ว่าไม่เปลี่ยนแปลงเลย อีกทั้งอายุของกีรติก็เกินกว่า 30 ปีแล้ว และเธอเป็นเหมือนนกที่ถูกขังอยู่ในกรงตลอดมา ถึงแม้ประตูกรงเปิด เธอก็ยังหวั่นวิตกต่าง ๆนานาที่จะบินไปสู่โลกแห่งเสรีภาพตามลำพัง


“ศรีบูรพา” (1915-1974) ผู้เขียน “ข้างหลังภาพ”

เป็นนักประพันธ์และนักหนังสือพิมพ์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคนหนึ่งของไทย ท่านเป็นผู้ต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมในสังคมจนกระทั่งรัฐบาลเผด็จการสั่งจำคุกถึง 13 ปี ท่านต้องโทษอยู่ 5 ปีก็ได้รับนิรโทษกรรมเนื่องในวาระกึ่งพุทธกาล (พ.ศ.2500) เมื่อพ้นโทษ ประเทศไทยเกิดปฏิวัติเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ซึ่งเป็นเผด็จการยิ่งกว่ารัฐบาลก่อน ศรีบูรพาต้องลี้ภัยการเมืองไปอยู่ประเทศจีนจนเสียชีวิตที่นั่น เมื่อศรีบูรพาเสียชีวิตแล้ว 20 ปี รัฐบาลไทยจึงได้ตระหนักในคุณค่าของท่าน และได้ตั้งชื่อถนนสายที่ผ่านหน้าบ้านของท่านว่า “ถนนศรีบูรพา” เพื่อเป็นเกียรติ ศรีบูรพาเขียนเรื่อง “ข้างหลังภาพ” เมื่อ ค.ศ. 1937 นวนิยายเรื่องนี้ได้พิมพ์จำหน่ายแล้ว 33 ครั้งและถูกแปลเป็นภาษาอังกฤษ, จีน, ญี่ปุ่นด้วย












.

https://sahamongkolfilm.com/saha-movie/behind-painting-movie-2544/

.

https://www.youtube.com/watch?v=Vngi-BkMuV8&t=35s

ข้างหลังภาพ

https://youtu.be/Vngi-BkMuV8?si=5OYTRdv5hPAnBnNa

ภาพยนตร์ #ข้างหลังภาพ (2544)
นำแสดงโดย คารา พลสิทธิ์ และ เคน ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์

..




Logged
Pages: [1] Go Up Print 
« previous next »
 

SMF 2.0.4 | SMF © 2013, Simple Machines | Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.05 seconds with 16 queries.