Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
User Info
Welcome, Guest. Please login or register.
31 October 2025, 21:58:31

Login with username, password and session length
Search:     Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ

http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
28,303 Posts in 13,871 Topics by 70 Members
Latest Member: KAN
Home Help Search Calendar Login Register
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...  |  กิจกรรมที่น่าสนใจ  |  กิจกรรมในวันหยุดพิเศษ  |  ท่องเที่ยวทางไกล  |  หินสามวาฬ"ภูสิงห์ บึงกาฬ" by หมาก The Walker
0 Members and 1 Guest are viewing this topic. « previous next »
Pages: [1] Go Down Print
Author Topic: หินสามวาฬ"ภูสิงห์ บึงกาฬ" by หมาก The Walker  (Read 257 times)
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 11,133


View Profile
« on: 08 October 2025, 11:19:33 »

หินสามวาฬ"ภูสิงห์ บึงกาฬ" by หมาก The Walker


The Walker
18 ก.ค. 2023 เวลา 20:16 • ท่องเที่ยว
หินสามวาฬ"ภูสิงห์ บึงกาฬ"





หินสามวาฬ จ.บึงกาฬ อัญมณีแห่งแดนอีสาน

มันเป็นหินขนาดยักษ์สามก้อนยืนเคียงกันบนภูเขา ด้านหลังและข้างรายล้อมด้วยป่าทึบ คลอเคล้าด้วยไอหมอกของฤดูฝน เบื้องหน้าเป็นทิวทัศน์ของท้องทุ่งทอดยาวไปไกลสุดลูกหูลูกตา

ขนาดของหินทั้งสามใหญ่โตพอที่จะกลายเป็นหน้าผาดีๆ เมื่อเราเดินขึ้นไปยืนอยู่ข้างบน และที่ยิ่งไปกว่านั้น คือมันดูเหมือนวาฬมากกว่าที่คิดเอาไว้ ทั้งรูปร่าง ผิวพรรณ และขนาด

และเมื่อปล่อยโดรนทะยานขึ้นไปบนฟ้า สิ่งที่ได้เห็นจากมุมสูงนั้นอลังการจนไม่คิดว่าจะมีคำใดนิยามความเป็น “หินสามวาฬ” ได้ดีไปกว่าคำว่า "มหัศจรรย์"



หินสามวาฬ ภูสิงห์ จ.บึงกาฬ


ทริปนี้เราเดินทางจากกรุงเทพฯโดยเครื่องบินไฟล์ทเช้า มุ่งหน้าสู่จังหวัดอุดรธานี จากนั้นก็เช่ารถ ขับจากสนามบินอุดรฯไปสู่ดินแดนที่ว่ากันว่าเป็นอัญมณีแห่งอีสาน...'บึงกาฬ'

โดยมีแผนการเดินทางคร่าวๆ ดังนี้ครับ

วันที่ 1 :   
-ช่วงเช้าใช้ไปกับการเดินทาง
-ช่วงบ่ายเที่ยวน้ำตกถ้ำพระ
-ช่วงเย็นเช็คอินเข้าที่พัก "บ้านสวนริมภู" ซึ่งอยู่ใกล้กับที่ทำการภูสิงห์

วันที่ 2 :   
-05:00 น. เดินทางจากที่พักถึงที่ทำการภูสิงห์ แล้วนั่งรถเจ้าหน้าที่ขึ้นไปยังจุดเริ่มเดิน จากนั้นเดินเท้าต่อประมาณ 2 กิโลเมตร
-07:00 น. ถึงยอดเขาและดื่มด่ำกับความอลังการของหินสามวาฬ
-09:00 น. ลงจากหินสามวาฬ โดยขากลับเจ้าหน้าที่จะพาไปแวะชมอีกสองจุด คือ สร้างร้อยบ่อและประตูภูสิงห์
-11:00 น. จบโปรแกรมพิชิตหินสามวาฬ

เอาล่ะครับ มีแผนแล้ว เราไปลุยกันต่อเลย!



ระหว่างทางจากสนามบินอุดร-บึงกาฬ


หลังจากใช้เวลาประมาณ 3 โมงในการขับรถจากสนามบินอุดร เราก็มาถึงพิกัดแรกในบึงกาฬครับ

นั่นก็คือ "น้ำตกถ้ำพระ" อีกหนึ่งแลนด์มาร์กอันโด่งดัง

น่าเสียดายที่ช่วงที่เราไปน้ำตกค่อนข้างแห้ง ความสวยงามจึงไม่เตะตานัก (ปกติจะอลังการกว่านี้มาก)

น้ำตกถ้ำพระ ในวันที่น้ำน้อย



.

อยู่ที่น้ำตกถ้ำพระพักใหญ่ๆ เราก็มุ่งหน้าเข้าที่พัก "บ้านสวนริมภู" ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับภูสิงห์ที่ตั้งของหินสามวาฬ จากนั้นก็รีบพักผ่อน เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นมาลุยตั้งแต่เช้ามืด



บ้านสวนริมภู ที่พักใกล้หินสามวาฬ


05:00 น. เจ้าหน้าที่(ที่ติดต่อไว้ก่อนแล้ว)มารับไปลงทะเบียน ณ ที่ทำการภูสิงห์ แล้วก็มุ่งหน้าไปที่จุดเริ่มเดิน ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที



รถกระบะของเจ้าหน้าที่ มารับที่ที่พักและไปส่งที่จุดเริ่มเดิน



ถึงจุดเริ่มเดินแล้ว (ลานธรรมภูสิงห์)



ได้เวลาลุย!


ทางเดินไม่ไกลครับ แค่ 2 กิโลเมตร แถมไม่ชันด้วยนะ เดินง่ายสบายเท้า

โดยเมื่อถึงครึ่งทางจะเจอกับจุดพักชมวิว ซึ่งเราโชคดีมากครับ ที่เช้าวันนั้นมีทะเลหมอกโผล่มาทักทาย


ทะเลหมอกปะทะแสงแรก...สวยมาก



.

เคลิ้มกับทะเลหมอกได้ไม่นานนักก็หลุดจากภวังค์ เพราะนึกขึ้นได้ว่า "ตรงนี้ยังสวยขนาดนี้ แล้วข้างบนจะสวยขนาดไหน?" เราจึงตัดสินใจรีบเดินต่อทันที



ไปต่อไม่รอแล้วนะ


และนี่คือสิ่งที่เราเห็นเมื่อขึ้นไปถึงหินสามวาฬ...เข่าแทบทรุด ฮ่าๆๆๆ



หมอกฟุ้งๆ เย็นสบาย แต่มองอะไรไม่เห็นเลย



เหมือนฟ้ากลั่นแกล้ง


ขณะที่กำลังท้อใจในโชคชะตา จู่ๆ ผมก็นึกขึ้นได้ "เฮ้ย เรามีโดรนนี่หว่า!"

ว่าแล้วก็รีบปลุก "เจ้าเขี้ยวกุด" ที่นอนหลับอยู่ในกระเป๋าออกมาผงาด!

ทะยานขึ้นไปเลยเขี้ยวกุดเพื่อนรัก



เขี้ยวกุดพร้อมทะยานใน 3....2....1.....Go!


และต่อไปนี้ คือสิ่งที่ได้เห็นผ่านมุมสูงครับ...สวยแทบบ้า

สวยเหมือนวาดขึ้นมาด้วย AI



.

ผมพูดได้อย่างมั่นใจเลยครับ ว่านี่คือหนึ่งในทิวทัศน์ที่สวยที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็น

สำหรับผม...หินสามวาฬไม่ได้แค่ดูเหมือนวาฬครับ แต่มันเหมือนเป็นวาฬที่มีชีวิต

เมื่อมองจากบนฟ้า ผมรู้สึกว่าวาฬทั้งสามตัว พ่อแม่ลูก กำลังแหวกว่ายไปอย่างมีทิศทางกลางมหาสมุทรสีเขียวขจี โดยมีเป้าหมายเป็นดินแดนใดสักแห่งที่ซ่อนอยู่ตรงเส้นขอบฟ้า

และมันคงจะไม่มีคำไหนนิยามสิ่งที่เห็นในนาทีนั้น ได้ดีไปกว่าคำว่า "มหัศจรรย์"



วาฬพ่อแม่ลูกออกเดินทางด้วยกัน



สู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้น...


อลังการ



.

หลังจากบินวนดูวาฬอยู่นานจนแบตเกือบจะหมดเกลี้ยง ผมก็เรียกเขี้ยวกุดกลับมานอนในกระเป๋าตามเดิม และชมวิวในมุมมองปกติต่อ


หินสามวาฬในมุมมองปกติ






.


คนบนหลังวาฬ

ซึ่งยิ่งตั้งใจมองใกล้ๆ มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกว่าหินยักษ์ทั้งสาม เหมือนวาฬมากจริงๆ ครับ ทั้งรูปร่าง ผิวพรรณ และขนาด

โดยจากที่ลองหาข้อมูลมา ส่วนตัวผมมองว่าหินสามวาฬมีความคล้าย "วาฬหัวทุย" หรือ Sperm Whale มากที่สุด...นี่ครับ มีหลักฐานมายืนยันด้วย



วาฬหัวทุย หรือ Sperm Whale (เหมือนไหมครับ?)


เช้าวันนั้นเราอยู่บนหินสามวาฬจนเกือบจะเก้าโมงก็ตัดสินใจเดินลง ซึ่งใช้เวลาไม่นานเราก็กลับไปถึงลานจอดรถ จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ขับรถพาเราไปเที่ยวอีก 2 จุดครับ นั่นก็คือ "สร้างร้อยบ่อ" และ "ประตูภูสิงห์"



เดินลงจากหินสามวาฬ



สร้างร้อยบ่อ



ประตูภูสิงห์


ถัดจากนั้นเราก็เดินทางกลับออกมา และถึงที่พักตอนประมาณ 11 โมง เป็นอันจบภารกิจพิชิตหินสามวาฬแบบทั้งประทับใจ และตื่นตะลึง

สำหรับผม ที่นี่ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่คู่ควรกับคำว่า Amazing Thailand ที่สุดครับ เพราะมันมหัศจรรย์มากจนไม่รู้จะหาคำไหนมาบรรยาย โดยเฉพาะเมื่อมองผ่านโดรน

และสำหรับใครที่ชอบธรรมชาติ ชอบวิวสวย ชอบถ่ายภาพและบินโดรน แนะนำเลยครับ ว่าหินสามวาฬคือที่ที่คุณจะพลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง



หินสามวาฬ...Amazing Thailand


ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับคนที่สนใจ
1.หินสามวาฬตั้งอยู่ในเขตพื้นที่อนุรักษ์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงดิบกะลาป่าภูสิงห์และป่าดงสีชมพู จ.บึงกาฬ
2.เปิดให้บริการช่วงเวลา 5.30-17.00 น.
3.จริงๆ แล้วที่นี่สามารถเที่ยวได้ทั้งปี แต่ฤดูกาลที่เหมาะสมคือฝนและหนาว (แต่ผมว่าหน้าฝนน่าจะดีกว่านะ)
4.หินสามวาฬเกิดขึ้นจากการแยกตัวของก้อนหินก้อนใหญ่ออกเป็น 3 ก้อน คาดว่ามีอายุประมาณ75 ล้านปี และความพิเศษของหินสามวาฬอยู่ตรงที่เมื่อมองดูจากระยะไกล หินสามก้อนนี้จะดูคล้ายกับฝูงวาฬสามตัว

5.ที่นี่เป็นหนึ่งในจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยที่สุดในภูสิงห์
6.การเดินทางถือว่าง่ายมากครับ เพราะแค่ขับรถไปที่ลานจอด จากนั้นเดินต่ออีกเล็กน้อยก็จะถึงเลย
7.กรณีไม่มีรถสามารถเหมารถเจ้าหน้าที่จากที่ทำการภูสิงห์เพื่อขึ้นไปชมหินสามวาฬได้ โดยค่าเช่าเหมารถอยู่ที่ 600 บาท/คัน นั่งได้ 10 คนโดยประมาณ
8.โดยปกติจากลานจอดรถจะเดินแค่ 200 เมตรเท่านั้น

9.แต่ในบางปีที่มีฝนตกเยอะมาก จำเป็นต้องการปรับปรุงเส้นทาง ทำให้สามารถนั่งรถมาได้ถึงแค่ลานธรรมภูสิงห์เท่านั้น และต้องเดินเท้าต่ออีกประมาณ 2 กิโลเมตร
10.ถึงแม้จะเป็นหินก้อนใหญ่ แต่ก็ระวังตกลงไปข้างล่างด้วยนะครับ เพราะบางบริเวณ โดยเฉพาะขอบหินค่อนข้างลื่น
11.เจ้าหน้าที่จะมาร์คจุดที่ห้ามออกไปไว้บนก้อนหินด้วยนะครับ อย่าล้ำเขตนะทุกคน
12.นอกจากหินสามวาฬแล้ว บริเวณใกล้เคียงยังมีจุดชมวิวอื่นๆ อีก เช่น จุดชมวิวถ้ำฤาษี จุดชมวิวหินหัวช้าง ส้างร้อยบ่อ และกำแพงภูสิงห์ เป็นต้น

13.สำหรับใครที่อยากจะมาค้างคืน รอบๆ ภูสิงห์มีห้องพักให้เลือกเพียบเลย
14.กรณีจะบินโดรนที่หินสามวาฬ (ในกรณีที่จะนำไปเผยแพร่ในเชิงพาณิชย์) ต้องขออนุญาตจากกรมป่าไม้ก่อนเท่านั้นนะครับ





เรื่องเล่าจากหินสามวาฬ อัญมนีแห่งแดนอีสานจบลงแล้วครับ ขอบคุณที่อ่านมาจนบรรทัดสุดท้าย และหวังอย่างยิ่งว่ามันจะมีประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย

แล้วเจอกันใหม่ในการเดินทางครั้งต่อไปนะครับ ใบ้ให้นิดนึงว่าเป็นพิกัดที่ผมไปพิชิตต่อเนื่องจากหินสามวาฬเลย

เร็วๆ นี้เจอกันครับ

หมาก (The Walker)

"ให้การเดินทางของผม
เป็นหนังสือเล่มโปรดของคุณ"
The Walker

.


ที่มา: https://www.blockdit.com/posts/64b67cd8da317286dbf2075a

.




Logged
Pages: [1] Go Up Print 
« previous next »
 

SMF 2.0.4 | SMF © 2013, Simple Machines | Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.065 seconds with 17 queries.