| ppsan | 
								|  | «  on: 08  October  2025, 11:19:33  » |  | 
 
 หินสามวาฬ"ภูสิงห์ บึงกาฬ" by หมาก The Walker
 The Walker
 18 ก.ค. 2023 เวลา 20:16 • ท่องเที่ยว
 หินสามวาฬ"ภูสิงห์ บึงกาฬ"
 
 
 
  
 
 หินสามวาฬ จ.บึงกาฬ อัญมณีแห่งแดนอีสาน
 
 มันเป็นหินขนาดยักษ์สามก้อนยืนเคียงกันบนภูเขา ด้านหลังและข้างรายล้อมด้วยป่าทึบ คลอเคล้าด้วยไอหมอกของฤดูฝน เบื้องหน้าเป็นทิวทัศน์ของท้องทุ่งทอดยาวไปไกลสุดลูกหูลูกตา
 
 ขนาดของหินทั้งสามใหญ่โตพอที่จะกลายเป็นหน้าผาดีๆ เมื่อเราเดินขึ้นไปยืนอยู่ข้างบน และที่ยิ่งไปกว่านั้น คือมันดูเหมือนวาฬมากกว่าที่คิดเอาไว้ ทั้งรูปร่าง ผิวพรรณ และขนาด
 
 และเมื่อปล่อยโดรนทะยานขึ้นไปบนฟ้า สิ่งที่ได้เห็นจากมุมสูงนั้นอลังการจนไม่คิดว่าจะมีคำใดนิยามความเป็น “หินสามวาฬ” ได้ดีไปกว่าคำว่า "มหัศจรรย์"
 
 
 
  หินสามวาฬ ภูสิงห์ จ.บึงกาฬ
 
 
 ทริปนี้เราเดินทางจากกรุงเทพฯโดยเครื่องบินไฟล์ทเช้า มุ่งหน้าสู่จังหวัดอุดรธานี จากนั้นก็เช่ารถ ขับจากสนามบินอุดรฯไปสู่ดินแดนที่ว่ากันว่าเป็นอัญมณีแห่งอีสาน...'บึงกาฬ'
 
 โดยมีแผนการเดินทางคร่าวๆ ดังนี้ครับ
 
 วันที่ 1 :
 -ช่วงเช้าใช้ไปกับการเดินทาง
 -ช่วงบ่ายเที่ยวน้ำตกถ้ำพระ
 -ช่วงเย็นเช็คอินเข้าที่พัก "บ้านสวนริมภู" ซึ่งอยู่ใกล้กับที่ทำการภูสิงห์
 
 วันที่ 2 :
 -05:00 น. เดินทางจากที่พักถึงที่ทำการภูสิงห์ แล้วนั่งรถเจ้าหน้าที่ขึ้นไปยังจุดเริ่มเดิน จากนั้นเดินเท้าต่อประมาณ 2 กิโลเมตร
 -07:00 น. ถึงยอดเขาและดื่มด่ำกับความอลังการของหินสามวาฬ
 -09:00 น. ลงจากหินสามวาฬ โดยขากลับเจ้าหน้าที่จะพาไปแวะชมอีกสองจุด คือ สร้างร้อยบ่อและประตูภูสิงห์
 -11:00 น. จบโปรแกรมพิชิตหินสามวาฬ
 
 เอาล่ะครับ มีแผนแล้ว เราไปลุยกันต่อเลย!
 
 
 
  ระหว่างทางจากสนามบินอุดร-บึงกาฬ
 
 
 หลังจากใช้เวลาประมาณ 3 โมงในการขับรถจากสนามบินอุดร เราก็มาถึงพิกัดแรกในบึงกาฬครับ
 
 นั่นก็คือ "น้ำตกถ้ำพระ" อีกหนึ่งแลนด์มาร์กอันโด่งดัง
 
 น่าเสียดายที่ช่วงที่เราไปน้ำตกค่อนข้างแห้ง ความสวยงามจึงไม่เตะตานัก (ปกติจะอลังการกว่านี้มาก)
 
 น้ำตกถ้ำพระ ในวันที่น้ำน้อย
 
  
 
  .
 
 อยู่ที่น้ำตกถ้ำพระพักใหญ่ๆ เราก็มุ่งหน้าเข้าที่พัก "บ้านสวนริมภู" ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับภูสิงห์ที่ตั้งของหินสามวาฬ จากนั้นก็รีบพักผ่อน เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นมาลุยตั้งแต่เช้ามืด
 
 
 
  บ้านสวนริมภู ที่พักใกล้หินสามวาฬ
 
 
 05:00 น. เจ้าหน้าที่(ที่ติดต่อไว้ก่อนแล้ว)มารับไปลงทะเบียน ณ ที่ทำการภูสิงห์ แล้วก็มุ่งหน้าไปที่จุดเริ่มเดิน ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที
 
 
 
  รถกระบะของเจ้าหน้าที่ มารับที่ที่พักและไปส่งที่จุดเริ่มเดิน
 
 
 
  ถึงจุดเริ่มเดินแล้ว (ลานธรรมภูสิงห์)
 
 
 
  ได้เวลาลุย!
 
 
 ทางเดินไม่ไกลครับ แค่ 2 กิโลเมตร แถมไม่ชันด้วยนะ เดินง่ายสบายเท้า
 
 โดยเมื่อถึงครึ่งทางจะเจอกับจุดพักชมวิว ซึ่งเราโชคดีมากครับ ที่เช้าวันนั้นมีทะเลหมอกโผล่มาทักทาย
 
 
 ทะเลหมอกปะทะแสงแรก...สวยมาก
 
  
 
  .
 
 เคลิ้มกับทะเลหมอกได้ไม่นานนักก็หลุดจากภวังค์ เพราะนึกขึ้นได้ว่า "ตรงนี้ยังสวยขนาดนี้ แล้วข้างบนจะสวยขนาดไหน?" เราจึงตัดสินใจรีบเดินต่อทันที
 
 
 
  ไปต่อไม่รอแล้วนะ
 
 
 และนี่คือสิ่งที่เราเห็นเมื่อขึ้นไปถึงหินสามวาฬ...เข่าแทบทรุด ฮ่าๆๆๆ
 
 
 
  หมอกฟุ้งๆ เย็นสบาย แต่มองอะไรไม่เห็นเลย
 
 
 
  เหมือนฟ้ากลั่นแกล้ง
 
 
 ขณะที่กำลังท้อใจในโชคชะตา จู่ๆ ผมก็นึกขึ้นได้ "เฮ้ย เรามีโดรนนี่หว่า!"
 
 ว่าแล้วก็รีบปลุก "เจ้าเขี้ยวกุด" ที่นอนหลับอยู่ในกระเป๋าออกมาผงาด!
 
 ทะยานขึ้นไปเลยเขี้ยวกุดเพื่อนรัก
 
 
 
  เขี้ยวกุดพร้อมทะยานใน 3....2....1.....Go!
 
 
 และต่อไปนี้ คือสิ่งที่ได้เห็นผ่านมุมสูงครับ...สวยแทบบ้า
 
 สวยเหมือนวาดขึ้นมาด้วย AI
 
  
 
  .
 
 ผมพูดได้อย่างมั่นใจเลยครับ ว่านี่คือหนึ่งในทิวทัศน์ที่สวยที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็น
 
 สำหรับผม...หินสามวาฬไม่ได้แค่ดูเหมือนวาฬครับ แต่มันเหมือนเป็นวาฬที่มีชีวิต
 
 เมื่อมองจากบนฟ้า ผมรู้สึกว่าวาฬทั้งสามตัว พ่อแม่ลูก กำลังแหวกว่ายไปอย่างมีทิศทางกลางมหาสมุทรสีเขียวขจี โดยมีเป้าหมายเป็นดินแดนใดสักแห่งที่ซ่อนอยู่ตรงเส้นขอบฟ้า
 
 และมันคงจะไม่มีคำไหนนิยามสิ่งที่เห็นในนาทีนั้น ได้ดีไปกว่าคำว่า "มหัศจรรย์"
 
 
 
  วาฬพ่อแม่ลูกออกเดินทางด้วยกัน
 
 
 
  สู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้น...
 
 
 อลังการ
 
  
 
  .
 
 หลังจากบินวนดูวาฬอยู่นานจนแบตเกือบจะหมดเกลี้ยง ผมก็เรียกเขี้ยวกุดกลับมานอนในกระเป๋าตามเดิม และชมวิวในมุมมองปกติต่อ
 
 
 หินสามวาฬในมุมมองปกติ
 
  
 
  
 
  
 .
 
 
  คนบนหลังวาฬ
 
 ซึ่งยิ่งตั้งใจมองใกล้ๆ มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกว่าหินยักษ์ทั้งสาม เหมือนวาฬมากจริงๆ ครับ ทั้งรูปร่าง ผิวพรรณ และขนาด
 
 โดยจากที่ลองหาข้อมูลมา ส่วนตัวผมมองว่าหินสามวาฬมีความคล้าย "วาฬหัวทุย" หรือ Sperm Whale มากที่สุด...นี่ครับ มีหลักฐานมายืนยันด้วย
 
 
 
  วาฬหัวทุย หรือ Sperm Whale (เหมือนไหมครับ?)
 
 
 เช้าวันนั้นเราอยู่บนหินสามวาฬจนเกือบจะเก้าโมงก็ตัดสินใจเดินลง ซึ่งใช้เวลาไม่นานเราก็กลับไปถึงลานจอดรถ จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ขับรถพาเราไปเที่ยวอีก 2 จุดครับ นั่นก็คือ "สร้างร้อยบ่อ" และ "ประตูภูสิงห์"
 
 
 
  เดินลงจากหินสามวาฬ
 
 
 
  สร้างร้อยบ่อ
 
 
 
  ประตูภูสิงห์
 
 
 ถัดจากนั้นเราก็เดินทางกลับออกมา และถึงที่พักตอนประมาณ 11 โมง เป็นอันจบภารกิจพิชิตหินสามวาฬแบบทั้งประทับใจ และตื่นตะลึง
 
 สำหรับผม ที่นี่ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่คู่ควรกับคำว่า Amazing Thailand ที่สุดครับ เพราะมันมหัศจรรย์มากจนไม่รู้จะหาคำไหนมาบรรยาย โดยเฉพาะเมื่อมองผ่านโดรน
 
 และสำหรับใครที่ชอบธรรมชาติ ชอบวิวสวย ชอบถ่ายภาพและบินโดรน แนะนำเลยครับ ว่าหินสามวาฬคือที่ที่คุณจะพลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง
 
 
 
  หินสามวาฬ...Amazing Thailand
 
 
 ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับคนที่สนใจ
 1.หินสามวาฬตั้งอยู่ในเขตพื้นที่อนุรักษ์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงดิบกะลาป่าภูสิงห์และป่าดงสีชมพู จ.บึงกาฬ
 2.เปิดให้บริการช่วงเวลา 5.30-17.00 น.
 3.จริงๆ แล้วที่นี่สามารถเที่ยวได้ทั้งปี แต่ฤดูกาลที่เหมาะสมคือฝนและหนาว (แต่ผมว่าหน้าฝนน่าจะดีกว่านะ)
 4.หินสามวาฬเกิดขึ้นจากการแยกตัวของก้อนหินก้อนใหญ่ออกเป็น 3 ก้อน คาดว่ามีอายุประมาณ75 ล้านปี และความพิเศษของหินสามวาฬอยู่ตรงที่เมื่อมองดูจากระยะไกล หินสามก้อนนี้จะดูคล้ายกับฝูงวาฬสามตัว
 
 5.ที่นี่เป็นหนึ่งในจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยที่สุดในภูสิงห์
 6.การเดินทางถือว่าง่ายมากครับ เพราะแค่ขับรถไปที่ลานจอด จากนั้นเดินต่ออีกเล็กน้อยก็จะถึงเลย
 7.กรณีไม่มีรถสามารถเหมารถเจ้าหน้าที่จากที่ทำการภูสิงห์เพื่อขึ้นไปชมหินสามวาฬได้ โดยค่าเช่าเหมารถอยู่ที่ 600 บาท/คัน นั่งได้ 10 คนโดยประมาณ
 8.โดยปกติจากลานจอดรถจะเดินแค่ 200 เมตรเท่านั้น
 
 9.แต่ในบางปีที่มีฝนตกเยอะมาก จำเป็นต้องการปรับปรุงเส้นทาง ทำให้สามารถนั่งรถมาได้ถึงแค่ลานธรรมภูสิงห์เท่านั้น และต้องเดินเท้าต่ออีกประมาณ 2 กิโลเมตร
 10.ถึงแม้จะเป็นหินก้อนใหญ่ แต่ก็ระวังตกลงไปข้างล่างด้วยนะครับ เพราะบางบริเวณ โดยเฉพาะขอบหินค่อนข้างลื่น
 11.เจ้าหน้าที่จะมาร์คจุดที่ห้ามออกไปไว้บนก้อนหินด้วยนะครับ อย่าล้ำเขตนะทุกคน
 12.นอกจากหินสามวาฬแล้ว บริเวณใกล้เคียงยังมีจุดชมวิวอื่นๆ อีก เช่น จุดชมวิวถ้ำฤาษี จุดชมวิวหินหัวช้าง ส้างร้อยบ่อ และกำแพงภูสิงห์ เป็นต้น
 
 13.สำหรับใครที่อยากจะมาค้างคืน รอบๆ ภูสิงห์มีห้องพักให้เลือกเพียบเลย
 14.กรณีจะบินโดรนที่หินสามวาฬ (ในกรณีที่จะนำไปเผยแพร่ในเชิงพาณิชย์) ต้องขออนุญาตจากกรมป่าไม้ก่อนเท่านั้นนะครับ
 
 
 
  
 
 เรื่องเล่าจากหินสามวาฬ อัญมนีแห่งแดนอีสานจบลงแล้วครับ ขอบคุณที่อ่านมาจนบรรทัดสุดท้าย และหวังอย่างยิ่งว่ามันจะมีประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย
 
 แล้วเจอกันใหม่ในการเดินทางครั้งต่อไปนะครับ ใบ้ให้นิดนึงว่าเป็นพิกัดที่ผมไปพิชิตต่อเนื่องจากหินสามวาฬเลย
 
 เร็วๆ นี้เจอกันครับ
 
 หมาก (The Walker)
 
 "ให้การเดินทางของผม
 เป็นหนังสือเล่มโปรดของคุณ"
 The Walker
 
 .
 
 
 ที่มา: https://www.blockdit.com/posts/64b67cd8da317286dbf2075a
 
 .
 
 
 
 
 
 |