ppsan
|
 |
« on: 07 June 2025, 09:54:24 » |
|
ลาดกระบัง : นกกระสาแดง

การดูนกที่ลาดกระบังเป็นการดูนกในนาข้าวที่โล่งแจ้ง การไปสายคือหายนะ แต่บางครั้งก็ไม่สามารถจะเลือกเวลาได้ เมื่อไม่เจอนกเป้าหมาย ก็ย้ายไปหาที่ร่มเพื่อดูนกน้ำกัน ทางไปวัดอุทัยธรรมาราม ตอนนี้อยู่ระหว่างการสร้างถนน ระหว่างทางก็ผ่านบ่อปลา ลองมองหานกกันไป นกยาง ปากห่าง หรือกาน้ำ เป็นนกธรรมดาที่พบได้ตลอด ส่องไปเรื่อยๆ จนเจอนกตัวใหญ่ตัวหนึ่งยืนอยู่ริมบ่อ ท่าทางกำลังจะหาอาหารนั่นคือ นกกระสาแดง บ้านเราเรียกนกกระสา (stork) เพราะว่าตัวใหญ่ แต่จริงๆ แล้วทางสากล จัดเป็นนกยาง (heron) จุดที่ใช้ในการจำแนกความแตกต่างของนกสองกลุ่มนี้ คือในขณะบิน นกยางจะหดคอเหมือนตัว S
นกกระสาแท้ และหาดูง่ายคือ นกปากห่าง นกกระสาแดง (purple heron) มีความสูง ราว 80-90 ซม ตัวเล็กและผอมบางกว่านกกระสานวล (grey heron) ซึ่งเป็นนกยางที่มีรูปร่างและใช้คำนำหน้าว่า นกกระสาเหมือนกัน
ชื่อภาษาอังกฤษนั้น ได้มาจากลำตัวที่มีสีอมม่วง แต่ชื่อไทยนั้นตั้งตามขนสีแดงที่ยาวไปจากลำคอไปถึงหน้าอก ความหายากจัดอยู่ในสถานะไม่น่ากังวล (less concern)
ถูกตั้งชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Ardea purpurea ในปี 1766 โดยนักธรรมชาติวิทยาชาวสวีเดน Carl Lineaus บิดาแห่งอนุกรมวิธาน ที่เป็นรากฐานมาจนถึงปัจจุบัน

กำหนดชื่อสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดในทางวิทยาศาสตร์เป็นภาษาลาติน เพราะเป็นภาษาที่ตายไปแล้ว แม้เวลาผ่านไปความหมายก็ยังคงเดิม โดยนำหน้าด้วย genus (สกุล) ตามด้วย species (ชนิด) Ardea คือนกยาง และ purpurea คือสีม่วงแดง
เมื่อเวลาผ่านไปมีการพบว่า สิ่งมีชีวิตแต่ละสายพันธุ์ไม่เหมือนกันเสียทีเดียว มีความต่างกันเล็กน้อยไปตามภูมิภาค ทำให้ต้องมีการเพิ่ม sub species นกกระสาแดงในปัจจุบัน ถูกแบ่งออกจากกันเป็น 4 ชนิดย่อย
กลุ่มแรกเรียกว่า นกกลุ่มตะวันตก (A. p. purpurea) พบนกในฤดูผสมพันธ์ในยุโรปไปจนถึงคาซักสถาน จนถึงฤดูหนาว ก็จะบินลงมาทางใต้ หากินร่วมกับนกประจำถิ่นในทวีปแอฟริกาเหนือ กลุ่มที่สองเรียกว่า นกกลุ่มตะวันออก (A. p. manilensis) พบนกในฤดูผสมพันธ์ทางตะวันออกของจีนไปถึงรัสเซีย จนถึงฤดูหนาว ก็จะบินลงมาทางใต้ หากินร่วมกับนกประจำถิ่นในอินเดีย ไปจนถึงเวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และไทย
นกกระสาแดงที่พบในประเทศไทย จึงมี 2 สถานะ uncommon resident ที่พบเห็นได้ทั้งปี และ common winter visitor ที่พบได้เฉพาะในฤดูหนาวเท่านั้น
กลุ่มที่สามเรียกว่า นกกลุ่มใต้ A. p. madagascariensis พบในเกาะมาดากัสการ์ ทางตะวันออกของแอฟริกา
และนกกระสาแดงชนิดย่อยสุดท้าย A. p. bournei พบเฉพาะที่หมู่เกาะ Cape Verde ทางตะวันตกของแอฟริกา ปัจจุบันยังไม่ได้ข้อสรุปว่า จะยังเป็นนกกระสาแดงชนิดย่อย หรือว่าจะถูกตั้งเป็นนกชนิดใหม่ว่า Bourne's heron (A. bournei)

15/2/2568
ปี 1951 Dr William Bourne แพทย์และนักปักษีวิทยาชาวอังกฤษ เดินทางมาสำรวจนกที่หมู่เกาะ Cape Verde เมื่อถึงเกาะ Santiago ได้สังเกตว่า นกกระสาแดงที่เกาะนี้แตกต่างไปจากที่แผ่นดินใหญ่ Bourne ส่งตัวอย่างนกไปยังปารีส
หนึ่งปีต่อมา René de Naurois นักบวชและนักปักษีวิทยาชาวฝรั่งเศส ให้ความเห็นว่า นกตัวนี้สีจางกว่านกกระสาแดงที่พบโดยทั่วไป ควรตั้งเป็นชนิดย่อยใหม่ A. p. bournei และตั้งชื่อสามัญเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ค้นพบว่า Bourne's heron
เป็นการพบนกชนิดย่อยใหม่ครั้งแรกในชีวิตของ Bourne แต่ยังมีการเรียกชื่อนกชนิดย่อยนี้ ตามสถานที่ค้นพบ Cape Verde heron, Santiago heron หรือ Cape Verde purple heron อีกด้วย ปัจจุบันมีประชากรเหลืออยู่เพียง 40 ตัว จัดอยู่ในสถานะถูกคุมคามอย่างวิกฤติ (critically endangered) ในฤดูผสมพันธุ์พวกมันจะมาทำรังบนต้นมะฮอกกานี ที่หมู่บ้าน Banana บนเกาะ Santiago แห่งเดียวเท่านั้น สมัยก่อนการแยกนกชนิดย่อยใหม่ใช้เพียงรูปร่างภายนอก ปัจจุบันการตัดสินใจแยกนกชนิดใหม่หรือหรือนกชนิดย่อยใหม่ ใช้การเจาะเก็บเลือด เพื่อตรวจลึกลงไปในระดับ DNA ซึ่งมีความจำเป็นมากในกลุ่มนกที่แยกจากกันได้ยากอย่างนกกลุ่ม LBJ ปี 2021 Dr William Bourne ได้เสียชีวิตลง
. ที่มา : ขอขอบคุณเรื่องและภาพจาก ผู้ชายในสายลมหนาว https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=nontree&month=05-2024&date=30&group=22&gblog=113 .
|