ppsan
|
 |
« on: 31 May 2025, 08:52:06 » |
|
พุทธมณฑล : นกแต้วแร้วนางฟ้า

ช่วงสงกรานต์อาจะเป็นช่วงของความสนุกสนานของคนส่วนใหญ่ แต่กลับเป็นช่วงเวลาของความลำบากของคนที่ไม่อยากออกไปไหน วันหยุดก็เยอะเสียด้วยสิ บล็อกก่อนก็เล่าว่าไปที่บางปูกับเดอะเกลือคาเฟ่ แต่วันหยุดนั้นก็ช่างยาวนานจนเบื่อ แต่แล้วก็มีข่าวนกใหม่แทรกเข้ามา นกแต้วแร้วนางฟ้ามาพุทธมณฑล หูผึ่งเลยทันที เพราะเป็นนกที่เราแห้วมาแล้วสองครั้ง ทั้งที่นี่และสวนรถไฟ เช้าวันหนึ่งในช่วงสงกรานต์ 2567 ผมก็ออกเดินทางอีกครั้ง ด้วยความมั่นใจเพราะรู้หมายจากครั้งก่อนว่า นกลงที่ตรงไหน จากที่จอดรถเราเดินดุ่มๆ มุ่งหน้าไปยังป่าไผ่ในพุทธมณฑล แดดยามสายนั้นไม่ปราณี นี่ขนาดมาเช้าต่างจากครั้งเก่าที่มาบ่าย เราไม่พบใครเลย ในบริเวณที่เคยมีนกแต้วแร้วมาลง
จากบล็อกนกกระเบื้องคอขาว เราเคยเล่าแล้วว่า ที่สวนเวฬุวันเป็นที่ๆ พบนกชนิดนี้เป็นครั้งแรกและหายไปนับสิบปี ก่อนที่พบเจอพวกมันอีกครั้ง เราได้แต่ทำใจ ถ่ายนกอย่างอื่นไปแก้เซ็ง เป็นการแห้วครั้งที่สาม

หลังสงกรานต์ก็เป็นการมาทำงานตามปรกติ มีคนบอกว่า นกแต้วแร้วนางฟ้ามาพุทธมณฑล เราก็เลยบอกไปว่า ไปมาแล้วไม่เจอ เค้าเลยส่งหมายมา พบว่าเป็นในสวนอยู่ข้างองค์พระ วันหยุดสัปดาห์ต่อมา เราก็ต้องออกเดินทางอีกครั้ง ถึงจุดลงรถมีคนมาถามทาง เราก็บอกไป แหม่ ที่ตอนเรามาครั้งก่อน ไม่เห็นมีใครให้เราถามบ้างเลย ไปถึงก็เห็นเป็นมหกรรม ที่มีนักถ่ายภาพนั่งอยู่ราว 20 คน วางกล้องยังไม่ได้นั่ง นกก็บินมาเกาะกิ่งไม้ และโผลงมายังพื้นดิน เสียงชัตเตอร์ดังสนั่น เรากดภาพนิ่งมาราว 20 ภาพและ 1 วิดีโอ เป็นมารยาทที่เราจะรอจนนกไป บางคนก็เก็บกล้องกลับเหมือนเรา แต่คนส่วนใหญ่ก็นั่งต่อไปเพื่อต้องการภาพพิเศษ เช่น ตอนนกบิน

นกแต้วแร้วนางฟ้า (fairy pitta) คล้ายกับนกแต้วแร้วธรรมดา (blue wing pitta) เพียงแต่ว่าแถบปีกสีฟ้านั้นบางกว่า แต่ครั้งแรกที่ถูกพบที่ประเทศไทยนั้น มันถูกคิดว่าเป็น นกแต้วแร้วอกเขียว (hooded pitta)
เป็นนกสีสันสดใสในสกุล Pitta ตั้งชื่อโดยนักปักษีวิทยาชาวฝรั่งเศส Louis Pierre Vieillot ในปี 1816 ให้ชื่อแก่นก African pitta นกแต้วแร้วนั้นกระจายพันธ์ไปในแนวเส้นศูนย์สูตร ตั้งแต่เขตแอฟริกามาจนถึงทางตอนเหนือของออสเตรเลีย
หลังจากนั้น ก็มีการค้นพบนกกลุ่มนี้ราว 31 สายพันธ์ แต่ในปัจจุบัน ถูกแยกออกไปกลายเป็นสามสกุล สกุล Pitta เดิม เหลือเพื่อนอยู่ร่วมกัน 20 ชนิด

ในทุกๆ ปี นกแต้วแร้วนางฟ้า จะอยู่อาศัยและทำรังวางไข่ ตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายนจนถึงกันยายน ในพื้นที่ของประเทศญี่ปุ่น คาบสมุทรเกาหลี ประเทศจีนทางตะวันออก จนถึงเกาะไต้หวัน
หลังจากนั้นเมื่อประเทศดังกล่าว เข้าสู่ช่วงฤดูหนาว พวกมันจะอพยพลงมา ยังแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผ่านฮ่องกง ฟิลิปปินส์ อินโดจีน รวมถึงประเทศไทย โดยเฉพาะเกาะมันในที่พบเห็นได้ทุกปี ไปยังตอนกลางของเกาะบอเนียว ความสำคัญคือ จำนวนประชากรที่คาดว่ามีน้อยมาก มีการประมาณประชากรนกชนิดนี้ทั้งโลกไว้ตั้งแต่ 100-10,000 ตัว และจำนวนประมาณการ จากการอพยพที่ 50-1,000 ตัว เท่านั้น สถานะในปัจจุบัน คือถูกคุกคามระดับเปราะบาง (vulnerable)
. ที่มา : ขอขอบคุณเรื่องและภาพจาก ผู้ชายในสายลมหนาว https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=nontree&month=05-2024&date=13&group=22&gblog=116 .
|