Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
User Info
Welcome, Guest. Please login or register.
27 April 2024, 18:35:29

Login with username, password and session length
Search:     Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ

http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
25,605 Posts in 12,440 Topics by 70 Members
Latest Member: KAN
Home Help Search Calendar Login Register
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...  |  หมวดหมู่ทั่วไป  |  สาระน่ารู้  |  เรื่องที่ควรรู้เท่าทันระดับชาติ  |  “สนธิ” แฉ กสทช. ฮั้วประมูล /อเมริกาใช้ “แม้ว” เจรจาผลประโยชน์ในพม่า
0 Members and 1 Guest are viewing this topic. « previous next »
Pages: [1] Go Down Print
Author Topic: “สนธิ” แฉ กสทช. ฮั้วประมูล /อเมริกาใช้ “แม้ว” เจรจาผลประโยชน์ในพม่า  (Read 1072 times)
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,458


View Profile
« on: 13 January 2013, 10:20:18 »

(เปิดหัว...บทความนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณ..ในการอ่าน)

http://www.manager.co.th/Home/

http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9550000137357

“สนธิ” เปิดทีโออาร์แฉ กสทช.โกหกฮั้วประมูล ชี้อเมริกาใช้ “แม้ว” เจรจาผลประโยชน์ในพม่า



“สนธิ” ชี้รัฐบาลใช้เงินคนไทยสร้างท่าเรือทวาย “ทักษิณ” อยู่เบื้องหลังเพื่อแลกสัมปทานพลังงาน เชื่อ “โอบามา” เยือนไทยหวังผลขยายอิทธิพล
ในภูมิภาค และที่ยอมให้วีซ่านักโทษชายก็เพื่อใช้เป็นตัวแทนเจรจาผลประโยชน์กับพม่า ซัด “มาร์ค” โอดโดนถอดยศยิ่งเข้าตัวเอง ตอนเป็นรัฐบาลไม่จัดการยศแม้ว
เพราะอยากปรองดองกับเสื้อแดงจะได้เป็นนายกฯ ต่อ พร้อมเปิดทีโออาร์จับโกหก กสทช. ฮั้วประมูลชัดเจน


วันที่ 9 พ.ย. เมื่อเวลา 20.00 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” ช่วงหนึ่งว่า
ท่าเรือทวายที่รัฐบาลไทยเตรียมบริจาคเงินเพื่อช่วยสร้างท่าเรือน้ำลึกที่พม่า ก็เพราะว่าตอนนี้พม่ามีแหล่งพลังงานที่อุดมสมบูรณ์ พอเปิดประเทศทุกคนก็มุ่งมาที่นี่
การที่พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้เป็นายกฯ แต่ให้น้องสาวเป็น ในทางยุทธศาสตร์การค้าเท่ากับเป็นการดี เพราะสามารถบินไปคุยกับนายเต็ง เส่ง นายกรัฐมนตรีพม่าได้
แล้วเขาก็บอกว่าเดี๋ยวจะสั่งน้องสาวบริจาคเงิน เอาเงินมาลงทุนท่าเรือทวายเป็นแสนล้าน เพื่อแลกเปลี่ยนกับผลประโยชน์ด้านพลังงาน
ในแง่ของการลงทุนนี่คือภาษีอากรของคนไทย ฉะนั้นแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ กินสองสามเด้ง ได้ธุรกิจที่เขาต้องการโดยเอาเงินทองคนไทยไปแจก
แล้วโอกาสที่จะได้สัมปทานจากพม่าจะง่ายกว่าฝรั่งที่ไปประมูลด้วย เพราะเอางบประมาณแผ่นดินไปสร้างให้พม่า
       
       และโยงกลับมาที่ทำไมนายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต้องมาเมืองไทย เพราะว่าตอนนี้ธุรกิจพลังงานหลายแห่งกำลังมุ่งมาที่ภูมิภาคนี้
เพราะฉะนั้น โอบามามาเมืองไทย เพราะจะไปเขมร และพม่าด้วย เพื่อตอกย้ำว่าเป็นขาใหญ่ จะให้สัมปทานใครให้คิดถึงอเมริกาก่อน
       
       นอกจากนี้ ปีหน้าเป็นต้นไปอเมริกาจะเริ่มเดินลงนรกไปทีละนิด เหตุผลนึงที่โอบามาชนะการเลือกตั้ง เพราะว่ายุติสงครามในอิรัก
คำถามที่มีต่อก็คือว่า ถ้าอิรักร้อนขึ้นอีกที โอบามาจะทำอย่างไร และอีกคำถามมีอยู่ว่า โอบามาจะสั่งเข้าไปรบในอิหร่านหรือไม่ ถ้าไม่รบ อิหร่านผลิตอาวุธนิวเคลียร์ได้
หรือจะสั่งให้อิสราเอลรบกับอิหร่าน สงครามในตะวันออกกลางก็จะเกิดขึ้น ซีเรียซึ่งในขณะนี้เป็นไม้เบื่อไม้เมากับอเมริกาก็จะถือโอกาสจับมือกับอิหร่าน
เมื่อเกิดสงครามในตะวันออกกลาง จะทำให้น้ำมันกระโดดขึ้นไปเป็นบาร์เรลละอย่างน้อย 200 เหรียญ หรือ 250 เหรียญ ตรงนี้จะเป็นความโชคร้าย
ของคนที่ร่วมโครงการรถคันแรก ค่าใช้จ่ายรถคันนึง ถ้าเป็นอีโคคาร์ตกที่ประมาณ 16,000 บาทต่อเดือน
       
       นายสนธิ กล่าวอีกว่า อเมริกาต้องการมีอิทธิพลในพม่า และเขมร จีนก็เช่นกัน นี่เป็นที่มาว่าทำไม โอบามา จึงมาที่นี่ ก็เพื่อที่จะ
1.สร้างอิทธิพลทางการค้า 2.สร้างอิทธิพลทางความมั่นคง โอบามาพูดว่าเขาอาจจะตัดงบประมาณที่เกี่ยวกับอเมริกาให้น้อยลง
แต่งบประมาณด้านทหารในทางเอเชียแปซิฟิกจะไม่มีวันตัดแล้วจะให้มันสูงขึ้นตลอดเวลา เพราะที่นี่คือแหล่งเจริญเติบโตในศตวรรษหน้า
เขาพร้อมจะเผชิญหน้ากับจีน แม้ไม่ได้พูดออกมา แต่การแสดงออกมันเป็นเช่นนั้น
       
       และความขัดแย้งในเอเชียแปซิฟิกทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเกาะเตี้ยวอี๋ว์ซึ่งทะเลาะกันระหว่างจีนกับญี่ปุ่น คนที่อยู่เบื้องหลังก็คือ อเมริกา
หรือสมัยก่อนนายเฉิน สุ่ย เปียน ประธานาธิบดีไต้หวัน ทะเลาะกับจีนตลอดเวลา คนที่อยู่เบื้องหลังก็คือ อเมริกา แต่เผอิญเฉิน สุ่ย เปียน สอบตก
นายหม่า อิง จิ่ว เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ แล้วเป็นก๊กมินตั๋งซึ่งสนิทกับจีน ก็เลยไม่ยอมเล่นตามเกมอเมริกา ถ้าภูมิภาคนี้มีแต่ความสงบ จีน ฮ่องกง ไต้หวัน
ถ้าเป็นแท็กเดียวกันเฉพาะเงินตราต่างประเทศที่ฝากเอาไว้ในอเมริกาในรูปแบบของพันธบัตร เข้าใจว่าน่าจะถึง 2 ล้านล้านกว่าเหรียญสหรัฐ
จีนตอนนี้มีอยู่ล้านล้านเหรียญ เท่ากับว่าจีนเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ แล้วถ้าญี่ปุ่นจับมือกับจีนได้ อเมริกาจะไม่มีบทบาทอะไรเลยในภูมิภาคนี้
เพราะฉะนั้น บารัค โอบามา ถึงต้องมาภูมิภาคนี้ ไม่มาไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสนามบินอู่ตะเภา บ่อน้ำมันที่ใช้เชฟรอนเป็นหัวหอกในการบุกเข้าไป
หรือการเปิดประเทศของพม่า และที่สำคัญที่สุดนี่คือ เหตุผลทำไมอเมริกาถึงให้วีซ่า พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะต้องการให้พ.ต.ท.ทักษิณทำตัวเป็นหัวหน้าคนใช้
ไปเจรจากับพม่าแทนอเมริกา
       
       ส่วนกรณีถอดยศนายอภิสิทธิ์ นายสนธิกล่าวว่า เห็นนายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ว่าต้องถอดยศทักษิณด้วย ถึงจะไม่ใช่ 2 มาตรฐาน
ตรงนี้ถ้านายอภิสิทธิ์ทำงานเป็น แล้วยึดถือความยุติธรรม คุณงามความดีเป็นหลัก ต้องถอดยศทักษิณไปแล้วตั้งแต่สมัยนั้น เพราะของทักษิณชัดเจนยิ่งกว่า
เป็นถึงนักโทษที่ศาลพิพากษาไปแล้ว และก็ไม่ได้ต่างไปจากตำรวจคนอื่นๆ ที่ถูกถอดยศเพราะถูกศาลพิพากษา มีคนเป็นร้อยเลยที่มียศถาบรรดาศักดิ์แล้วถูกถอดยศไป
       
       คนที่รักนายอภิสิทธิ์ ก็จะแก้ตัวให้ว่าเพราะตำรวจมันไม่ทำเรื่อง แต่ตนซึ่งผมเข้าใจดีถึงคุณภาพของความเป็นผู้นำ ถือว่านายอภิสิทธิ์สอบตก
นายกรัฐมนตรีโดยตำแหน่งเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
เป็นผู้ดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คณะกรรมการที่พิจารณาเขาทำเรื่องเสร็จหมดแล้ว รอเข้าคณะอนุกรรมการ ก.ตร. เวลาโยกย้ายแต่งตั้งตำรวจ
เรื่องที่คณะกรรมการชุดล่างที่เขาทำมาแล้วทำไมนายสุเทพไม่หยิบเรื่องนี้เข้าไปในคณะอนุกรรมการ ก.ตร.และถอดยศไปเลย ก็พยายามจะซื้อเรื่องว่า
กฤษฎีกาตีความ ซึ่งเมื่อใดก็ตามที่รัฐบาลชุดไหนพูดว่าต้องส่งให้กฤษฎีกาตีความ นั่นคือการซื้อเวลา
       
       ที่ไม่ทำเพราะว่าต้องการจะเล่นการเมือง ต้องการจะให้ทักษิณ เห็นว่าผมไม่ได้เล่นคุณนะ เผื่อเยื่อใยกันเอาไว้ในการเล่นการเมือง
เช่นเดียวกับกรณีไปประกันตัวเสื้อแดง เพราะหวังว่าพวกเสื้อแดงจะเห็นใจยอมปรองดอง ส่วนพวกที่ไม่ประนีประนอมและถีบออกมาคือ พวกเสื้อเหลือง
โดยมองว่าถ้าจับมือกับเสื้อแดงได้การเมืองไทยจะอยู่ในมือ ได้เป็นนายกฯ ต่อ เรื่องสองมาตรฐาน นายอภิสิทธิ์ยิ่งพูดยิ่งเข้าตัว แล้วปัญหาที่เกิด เกิดขึ้นเพราะตัวคุณเอง
       
       แล้วคุณคอยดู ถ้าปีหน้าศาลโลกพิพากษาออกมาว่าประเทศไทยเสียดินแดน ประชาธิปัตย์อย่าไปตำหนิ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะไปยอมรับอำนาจศาลโลก
นรกของคุณยังจะมาอีกปีหน้า
       
       นายสนธิ กล่าวถึงกรณี กสทช. ด้วยว่า ในการประมูลอะไรก็ตามๆ ข้อราชการ มันจะมีสิ่งที่เขาเรียกว่า TOR หรือ Terms of Reference
คือ เงื่อนไขของผู้มีสิทธิเข้าประมูล เขาจะระบุชัดเจนว่า ใครบ้างมีสิทธิเข้าประมูล เงื่อนไขการประมูลมีอย่างไรบ้าง และผู้ประมูลจะต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง
และในการประมูลนั้น จะให้ประมูลอะไรบ้าง เมื่อประมูลแล้วจะได้อะไรบ้าง เงื่อนไขพวกนี้ เขาเรียกเงื่อนไข TOR ที่ชัดเจน บริษัทต่างๆ ที่จะเข้าไปประมูลเรื่องพวกนี้
จะต้องอ่าน TOR ให้ละเอียด เมื่ออ่านเสร็จเรียบร้อยแล้ว บริษัทต้องพิจารณาว่าคุ้มหรือไม่
       
       เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้า TOR ไม่ชัดเจน TOR มีความอ่อนไหวมากไป TOR มีความไม่มั่นคงในข้อเสนอที่รัฐจะให้ TOR ไม่ได้ปกป้องผู้ที่ประมูลได้
บริษัทที่จะต้องลงทุนมหาศาลจะไม่กล้า จะถอย นอกเสียจากว่า บริษัทที่เข้าประมูลรู้เห็นเป็นใจกับเจ้าของ TOR ว่าเข้ามาเถอะถึง TOR ไม่มั่นคง
       
       ทีนี้ กสทช. เขาก็มี TOR แต่ใช้คำว่า IM (Information Memorandum) ซึ่งไม่ได้เปิดเผยสู่สาธารณะ แต่ตนได้มา เมื่ออ่านให้ละเอียดแล้ว
สรุปง่ายๆ เขาโกหก 8 ข้อ คือเขารู้เห็นเป็นใจกับผู้ที่เข้าประมูล
       
       ง่ายๆ หัวข้อที่สำคัญที่สุดคือ อยู่ในหน้า 2 แผ่นที่ 2 ของเอกสารชิ้นนี้ เขาเขียนว่า “สรุปข้อสนเทศนี้ก็คืออันนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ทราบข้อมูลเท่านั้น
และไม่มีข้อผูกพันใดๆ แล้วสรุปข้อสนเทศนี้ มิได้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของพื้นฐานในการตัดสินใจการลงทุน หรือการประเมินมูลค่าประกอบ
การตัดสินใจเข้าร่วมประมูล และไม่ได้ถือเป็นคำแนะนำ กสทช.ใดๆ ทั้งสิ้น”
       
       สรุปคือ อะไรเกิดขึ้นในทีโออาร์นี้ ประมูลได้แล้วถ้าผิดพลาด กสทช.จะไม่รับผิดชอบ นี่มันไม่ใช่ทีโออาร์ที่ทุกคนต้องอยู่ในกรอบกติกา
คือ มันต้องระบุชัดเจนว่าผู้ใดทำผิดทีโออาร์จะไม่มีสิทธิอะไรบ้าง แต่นี่บอกว่า “กสทช.จะไม่แสดงตนแทน หรือรับประกัน หรือรับผิดชอบ หรือรับผิดใดๆ
ในความถูกต้องแม่นยำ หรือความสมบูรณ์ของข้อมูลในสรุปข้อสนเทศนี้”
       
       ซึ่งถ้าเป็นบริษัทต่างชาติ แล้วต้องเข้าประมูลเป็นหมื่นๆ ล้าน ถ้ามาเจอข้อความที่บอกว่า ไม่แสดงตนแทน หรือรับประกัน รับผิดชอบ รับผิดใดๆ
ในความถูกต้องแม่นยำของข้อมูลนี้ จะเข้าประมูลหรือไม่ น่ากลัวฉิบหายเลยนะ
       
       “แสดงว่ามันรู้กันไง แต่ความกลัวของมัน มันจะปัดสวะออก เฮ้ย ไม่ต้องกลัว ผมเขียนไปอย่างนี้ แต่ว่าคุณประมูลได้เลย เข้าใจหรือยัง นี่คือการฮั้วในระดับหนึ่ง
ตลกมาก เมื่ออ่านดูแล้วถ้าเป็นนักธุรกิจที่ไม่มีเส้นสายทางการเมือง สนใจจะเข้าร่วมประมูล ถ้าได้เอกสารสรุปข้อสนเทศที่มีความไม่แน่นอน และสามารถเปลี่ยนแปลง
ได้ตามอำเภอใจ ไม่รับผิดชอบด้วย คุณจะกล้าประมูลมั้ย นอกเสียจากว่าคุณแอบจับมือกันเรียบร้อยแล้ว รู้กัน นี่ไง นี่คือตัวที่จับผิดชัดเจน” นายสนธิระบุ
       
       แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวต่อว่า ข้อที่จับโกหกได้มี 8 ข้อ
       
       ข้อที่ 1 ในหน้า 29 ระบุชัดเจนว่า “เพื่อเป็นเครื่องมือสนับสนุนการดำเนินมาตรการป้องกันมิให้การกระทำอันเป็นการผูกขาด
หรือก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมในการแข่งขัน หรือถ้าฮั้วกัน ในกิจการโทรคมนาคม โดยกำหนดให้ผู้ประกอบการ ทรู เอไอเอส และดีแทค มีอำนาจเหนือตลาด”
คือพูดง่ายๆ ว่าถ้าเอไอเอส บีบให้ทุกคนต้องยอมตามราคาเอไอเอส ทุกคนต้องจัดทำรายงานบัญชีแยกประเภทเพื่อให้ กสทช.นำใช้ในการวิเคราะห์
เพื่อตรวจสอบพฤติกรรมกีดกันการแข่งขัน และการกำหนดราคาเพื่อขจัดคู่แข่งขัน และบีบส่วนต่างกำไร แต่ปรากฏว่า ข้อตรงนี้ไม่ได้มีเงื่อนไขอยู่ในนี้เลย
       
       ข้อที่ 2 ในหน้าที่ 35 ข้อ 7.6.7 ระบุว่า “ผู้รับใบอนุญาตต้องกำหนดอัตราค่าบริการให้เป็นธรรม สมเหตุสมผล และไม่เอาเปรียบผู้บริโภค”
ในการประมูลครั้งนี้ไม่ได้ระบุชัดเจนเลยว่าเมื่อประมูลได้แล้วจะคิดราคาเท่าไหร่
       
       ข้อที่ 3 ในหน้าที่ 36-37 กำหนดในหัวข้อกระบวนการขอรับใบอนุญาต ขั้นตอนการประมูล เขาเขียนไว้อย่างนี้ “ในกรณีที่ไม่มีผู้เข้าร่วมประมูล
หรือมีผู้เข้าร่วมประมูลเพียง 1 ราย กสทช.จะเลิกการประมูล และจะพิจารณากำหนดการประมูลครั้งต่อไปตามความเหมาะสม แต่ในกรณีที่มีผู้เข้าร่วมประมูล 3 ราย
และมีของอยู่ 3 ชิ้น ไม่ยกเลิก” คำถามมีอยู่ว่าเมื่อรู้ว่าสภาพมีผู้แข่งขัน 3 รายแน่นอน และ กสทช.เตรียมจัดสรรคลื่นความถี่เอาไว้ให้ครบ 3 ราย เหตุใดจึงไม่กำหนดว่า
หากมีผู้เข้าร่วมประมูลเพียง 3 ราย ตามการจัดสรรคลื่นความถี่แล้ว กสทช.จะต้องยกเลิกการประมูล
       
       ในหน้าที่ 37 ระบุว่า “กสทช.จะออกใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ IMT ย่าน 2.1 กิกะเฮิรตซ์ และใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่ 3
ให้แก่ผู้ชนะการประมูล ภายหลังจากผู้ชนะการประมูลได้ปฏิบัติตามเงื่อนไข และการดำเนินการก่อนรับใบอนุญาตอย่างครบถ้วนและถูกต้อง ภายใน 90 วัน
นับจากวันที่ได้รับหนังสือแจ้งเป็นผู้ชนะการประมูล” เห็นพฤติกรรม กสทช.หรือไม่ ตอนแรกออกมาแถลงว่า ในตอนแรกจะออกใบอนุญาตให้เลย
เมื่อเอไอเอสนำเงินมาให้ 50 เปอร์เซ็นต์ ของมูลค่าที่ได้ประมูลไว้
       
       ข้อที่ 4 “ผู้ขอรับใบอนุญาตต้องเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัด ที่จัดตั้งตามกฎหมายไทย และต้องมิใช่คนต่างด้าวตามกฎหมาย
ว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว” ความจริงคือ เอไอเอส คือ เทมาเส็ก ดีแทค คือ เทเลนอร์ ผู้ลงชื่อซีอีโอดีแทคลงนาม ชื่อจอห์น อับดุลลา โกหกหรือไม่
       
       ข้อที่ 5 ในหน้า 40 ข้อกำหนดคุณสมบัติ “ผู้ขอรับใบอนุญาตจะต้องไม่มีความเกี่ยวโยงกับผู้ขอรับใบอนุญาตรายอื่น” วัตถุประสงค์ข้อนี้เขามีเอาไว้เพื่อให้มี
การแข่งขันสมบูรณ์ ไม่ใช่ผูกขาดอยู่ในกลุ่มธุรกิจโทรคมนาคมรายเดิม แต่ทั่วประเทศไทยเขารู้กันหมดว่า ผู้เข้าร่วมประมูลทั้ง 3 บริษัท อาจเป็นบริษัทลูกของเอไอเอส
ดีแทค และทรูทั้งสิ้น
       
       ข้อที่ 6 ในหน้า 41 ได้กำหนดมาตรฐานรักษาความเป็นธรรม และผลประโยชน์ของรัฐ “ผู้ขอรับใบอนุญาตจะต้องไม่ทำการใดๆ
ในการตกลงร่วมกันในการเสนอราคา เพื่อให้วัตถุประสงค์ เพื่อให้ประโยชน์แก่ผู้ใดผู้หนึ่ง เป็นผู้มีสิทธิได้รับใบอนุญาตโดยหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นทางการ”
ในความเป็นจริง ดูจากผลการประมูลที่ประชาชนส่วนใหญ่ ต่างรู้สึกว่าเป็นการฮั้วราคากัน ความจริงเป็นการกระทำอย่างนี้ เข้าข่ายการกระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วย
ความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ พ.ศ.2542 หรือเรียกสั้นๆ ว่า พ.ร.บ.ป้องกันการฮั้ว มาตรา 11 ต้องกำหนดอัตราโทษเจ้าหน้าที่รัฐว่า
ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5-20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 1-4 แสนบาท
       
       ตนอยากเห็นผู้ใหญ่ใน กสทช.ติดคุกกันบ้าง กฎหมายนี้ใช้กับ กสทช. ได้แน่นอน เพราะในสรุปข้อสนเทศ ระบุไว้ว่าให้นำบทบัญญัติ พ.ร.บ.ฉบับนี้ มาใช้บังคับโดยอนุโลมอีกด้วย
       
       ข้อที่ 7 ในหน้าที่ 43 กสทช.กำหนดให้ใช้วิธีการประมูล ซึ่งประกอบด้วย 2 ขั้นตอน “ขั้นตอนแรกเรียกว่า ขั้นตอนการประมูลคลื่นความถี่หลัก
การเปิดประมูลคลื่นความถี่ให้ใบอนุญาตพร้อมกันเลย ขั้นที่สองเรียกว่าขั้นตอนการดำเนินการกำหนดย่านความถี่ คือได้คลื่นไปแล้ว แต่จะเอาย่านที่ใกล้ตรงนี้
ย่านไกลๆ นี้ ประมูลอีกทีนึง เลือกช่วงคลื่นความถี่ที่อยู่ติดกันตามจำนวนชุดคลื่นความถี่ที่ชนะการประมูล โดยผู้ที่ชนะการประมูลมีผลอนุโลมเสนอราคาสูงที่สุด
จะได้เลือกย่านความถี่เป็นลำดับแรก” นั่นคือที่มาของเอไอเอส การกำหนดให้ผู้ประมูล 3 ราย โดยที่มีสัญญาพอกับ 3 รายพอดี และให้เลือกช่วงคลื่นความถี่กันเอง
ถ้าไม่ได้เรียกว่าฮั้วจะเรียกว่าอะไรกัน และยังมีข้อความอีกหลายข้อความ ที่บ่งบอกถึงความน่าสงสัยในการแบ่งสัญญาการประมูลเช่น ผู้เข้าร่วมประมูลแต่ละราย
สามารถเสนอราคาสำหรับชุดคลื่นความถี่ได้เป็นจำนวน 3 ชุด เท่ากับจำนวนชุดคลื่นความถี่สูงสุด ที่เข้าร่วมประมูลแต่ละรายสามารถเสนอได้
       
       ข้อที่ 8 สรุปข้อสนเทศหน้า 46 ระบุเอาไว้ในหัวข้อ 2.7 เรื่องสิทธิของการไม่เสนอราคา “ผู้เข้าร่วมการประมูลแต่ละสิทธิ แต่ละราย มีสิทธิของการไม่เสนอราคา
จำนวน 3 ครั้ง ตลอดระยะเวลาการประมูล เมื่อผู้เข้าร่วมประมูลใช้สิทธิในการไม่เสนอราคา” ไม่ใช้สิทธิในการไม่เสนอราคา ในรอบการประมูลใดๆ
คะแนนกำหนดสิทธิในรอบการประมูลต่อไป ยังเท่ากับสิทธิในการประมูลรอบปัจจุบัน ถึงจะไม่ใช้สิทธิในรอบต่อไป คะแนนเหมือนเดิม
การกำหนดเงื่อนไขทำให้ดีแทค และทรู ใช้สิทธิฮั้วกันโดยไม่เสนอราคา เพราะฉะนั้น ไอเอ็มอันนี้ ออกมาเพื่อ 3 เจ้าเท่านั้นเอง เพื่อฮั้วกัน
ไอ้นี่ฟ้องดีๆ เข้า พ.ร.บ.ฮั้วติดตะรางแน่นอน


---------------------------


คำต่อคำ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” ศุกร์ที่ 9 พ.ย.2555
       
       รายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” ออกอากาศทางเอเอสทีวี วันศุกร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2555 เวลา 20.00-22.45 น. ดำเนินรายการโดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล
นางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ และ น.ส.กมลพร วรกุล ร่วมดำเนินรายการ
       
       จินดารัตน์/กมลพร - สวัสดีค่ะ
       
       กมลพร - ขอต้อนรับคุณผู้ชมทุกท่านเข้าสู่รายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” ค่ะ กับแขกรับเชิญพิเศษ กมลพร วรกุล และจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ
       
       จินดารัตน์ - นี่ ไม่ใช่รายการกว่าจะถึงจันทร์นะ มาอารมณ์นั้นเลย
       
       กมลพร - เขาบอกว่าคนดูชอบ รายการสดใส ร่าเริง เรตติ้งจะดีถ้าเป็นรายการสดใสร่าเริง
       
       จินดารัตน์ - เอาซะแบบ เป็นอะไรนะ พิธีกรรับเชิญเหรอ
       
       กมลพร - เราเป็นแขกรับเชิญ
       
       จินดารัตน์ - งั้นพบกับเจ้าของรายการเลยแล้วกันนะคะ สวัสดีค่ะคุณสนธิ
       
       สนธิ - สวัสดีครับ
       
       จินดารัตน์ - เป็นไงคะแขกรับเชิญอย่างนี้ ให้มาบ่อยๆ ก็ดีนะคะ หายง่วง
       
       สนธิ - ผมไม่อยากจะเปลี่ยนชื่อรายการจากคุยทุกเรื่องกับสนธิ เป็นตอแหลทุกเรื่องกับสนธิ
       
       กมลพร - รู้สึกภูมิใจ และเป็นเกียรติค่ะ ที่รายการดูสดใสขึ้นมา เพราะความน่ารักของเรา
       
       จินดารัตน์ - วันนี้ช่องทางการสื่อสารกับเรา เช่นเคยค่ะ พิมพ์ N1 เว้นวรรค ตามด้วยข้อความ ส่งมาที่ 4850770 ส่วนเฟซบุ๊กก็กดเข้าไปที่หน้าเพจ
คุยทุกเรื่องกับสนธิ ฝากคำถามไว้ได้ค่ะ
       
       กมลพร - ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เรามีเรื่องราวเยอะแยะนะคะ โดยเฉพาะคำอวยพร ในเฟซบุ๊ก ใน sms ในวาระครบรอบ 22 ปี หนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการ
และวันเกิดของคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ด้วย
       
       จินดารัตน์ - ก็มีคนเข้ามาอวยพรย้อนหลังด้วย บอกว่าขอให้สุขภาพแข็งแรงอยู่ไปนานๆ จะได้ต่อสู้กับ ไม่งั้นเดี๋ยวจะแย่ไม่มีใครนำทัพ
เพราะฉะนั้นสุขภาพของคุณสนธิ ไม่ต้องห่วง
       
       สนธิ - ไม่มีใครพูดสักคำเลยว่า สุขสันต์วันเกิดคุณสนธิ สงสารจังอายุก็มากแล้ว ถ้าเหนื่อยก็พักเถอะ ไม่มีเลย มีแต่ว่าขอให้อยู่ต่อไป
       
       กมลพร - สู้ต่อไปนานๆ
       
       สนธิ - สู้ต่อไป สู้ต่อไป 65 แล้วแอน เก๋
       
       จินดารัตน์ - ฟังดูน่าสงสารนะ
       
       สนธิ - น่าสงสารมาก
       
       จินดารัตน์ - ก่อนที่จะคุยกันวันนี้นะคะ หลายเรื่องราวหลายมุมมอง เรามีข่าวฝากประชาสัมพันธ์นิดนึง หนังสือยุทธการล่าบัลลังก์เล่ม 1-7 มาครบแล้ว
       
       สนธิ - ครบแล้ว
       
       จินดารัตน์ - มีจำหน่ายที่เอเอสทีวีชอป มีจำนวนจำกัดนะคะ ถ้าอยู่ต่างจังหวัดไม่สะดวกเข้ามาซื้อเอง หรืออยู่ในกรุงเทพฯ อยากจะให้
จัดส่งให้ก็ส่งมาที่ 0-2629-2948 ติดต่อคุณซอ หรือคุณตัวเล็ก ตั้งแต่ 10 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น และสำหรับคนที่โอนเงินค่าหนังสือมาแล้ว
แต่ไม่ได้ฝากหรืออีเมลหลักฐานโอนเงินพร้อมรายละเอียดมา รบกวนแฟกซ์ หรืออีเมลหลักฐานการโอนเงินพร้อมรายละเอียดชื่อเบอร์ ที่อยู่
ที่จะจัดส่งหนังสือให้มาด้วยที่หมายเลข 0-2629-5281 ส่งแฟกซ์มา เจ้าหน้าที่ได้รับหลักฐานแล้วจะติดต่อกลับไป น่าจะวงเล็บหน่อยนะ
ถ้าไม่ติดต่อภายใน 2 วันนี้เราจะยึดเป็นเงินกองกลาง
       
       สนธิ - 300 ชุด รู้สึกจะเหลือแค่ไม่ถึง 200 แล้วนะ
       
       จินดารัตน์ - ตอนนี้ได้เริ่มทยอยส่งไปแล้วนะคะ
       
       สนธิ - ตอนนี้มาครบแล้วครับ พอมาปั๊บ หมดทันทีเลยร้อยกว่าชุด
       
       จินดารัตน์ - พร้อมลายเซ็นคุณสนธิด้วย
       
       สนธิ - ผมเซ็นหนังสือให้เฉพาะเล่ม 1 ลายเซ็นสดๆ ร้อนๆ เลย
       
       กมลพร - จริงๆ ซื้อกับเอเอสทีวี ผู้จัดการ ดีกว่านะคะ เพราะว่าเก๋ไปซื้อกับร้านหนังสือที่อยู่ในเครือนี้ เขายังให้รอเลยค่ะ รอตั้งเกือบ 2 อาทิตย์กว่าจะได้
เพราะเขาคงทยอยจัดพิมพ์แล้วส่งมาที่นี่ก่อน
       
       จินดารัตน์ - แล้วเราบีบคอเขามาก่อน
       
       กมลพร - อุตส่าห์สร้างภาพ keep look
       
       จินดารัตน์ - อีกงานหนึ่งนะคะ ขออนุญาตคุณผู้ชมนะคะ อีกงานหนึ่งเป็นงานเสวนาสรรสาระทัศนจร ครั้งที่ 8 โดยชาวสันติอโศกค่ะ ชื่อตอนวิสัชนาธรรมกับสันติอโศก
จะจัดขึ้นวันที่ 10 พฤศจิกายนนี้ ที่ศาลา 5 วัดทองนพคุณ สมเด็จเจ้าพระยา ซอย 17 คลองสาน กรุงเทพฯ งานนี้เขาบอกว่าจะจัดขึ้นเพื่อเป็นงานรำลึกถึงกวีเอก
ท่านอังคาร กัลยาณพงศ์ งานจะเริ่มขึ้นตั้งแต่ 10 โมงเช้า โดยจะมีการเทศนาธรรมโดยพ่อท่านโพธิรักษ์ และจะมีการทานอาหารมังสวิรัติ น้ำผัก-ผลไม้
และมีรายการผู้ใกล้ชิดสนทนารำลึกถึงท่านอังคารด้วย ไปพบกันวันที่ 10 นะคะ ชาวสันติอโศกเชิญชวน ที่ศาลา 5 วัดทองนพคุณ สมเด็จเจ้าพระยา ซอย 17 คลองสาน
กรุงเทพฯ ค่ะ
       
       กมลพร - อีกเรื่องหนึ่งนะคะ หลังจากที่เรามีงาน วันนั้นเป็นงานก้าวสู่ปีที่ 23 ของเอเอสทีวีผู้จัดการ คนถามเยอะ เพราะว่าทางด้านของพันธมิตรฯ
รักคุณเท่าฟ้า เขาเอาเสื้อ และกระเป๋าที่รับบริจาคจากพันธมิตรฯ ที่ประสงค์จะบริจาคเสื้อ บริจาคผ้าให้มาทำแบบนี้ ทำมาจำนวนหนึ่งแล้วขายดีมาก
       
       จินดารัตน์ - เสื้อคอจีน
       
       กมลพร - เสื้อคอจีน อันนี้เป็นเสื้อคอจีนมี 2 สีใช่ไหมคะ สีน้ำเงินกับสีน้ำตาล เสื้อคอจีนตัวนี้ 400 บาท อันนี้สีน้ำเงิน
       
       จินดารัตน์ - อันนี้ใส่ไปงานสันติอโศกได้เลย
       
       สนธิ - มีปักว่าอะไรนะครับ
       
       กมลพร - รักคุณเท่าฟ้า ขายดีมาก เพราะว่าจะมาจำหน่ายอีกทีวันเสาร์ที่ 10 และวันอาทิตย์ที่ 11 พฤศจิกายนนี้ และเสาร์-อาทิตย์หน้า
       
       สนธิ - คือพรุ่งนี้ กับมะรืน จำหน่ายที่เอเอสทีวี
       
       กมลพร - บ้านเจ้าพระยา 9 โมงเช้าถึง 3 โมงเย็น แล้วก็อาทิตย์หน้าจะมาอีกนะคะ อันนี้ก็สวย ชอบสีนี้มาก เสื้อยืดคอกลมราคา 250 บาท เขียนว่า ขอถวายดวงใจไปที่ฟ้า
       
       สนธิ - จากปวงประชาข้าพระบาททั้งชาติไทย อันนี้ซื้อเผื่อวันเฉลิมพระชนมพรรษา
       
       กมลพร - อันนี้เป็นกระเป๋า
       
       จินดารัตน์ - กระเป๋ารักคุณเท่าฟ้าน่ารักนะ เด็กแนวมากๆ ใบละ 400 บาทเท่านั้นเอง ผ้าอย่างหนาเป็นผ้ายีนส์อย่างหนา
       
       สนธิ - กำไรเอาเข้าเอเอสทีวี วันพรุ่งนี้ใช่ไหม
       
       จินดารัตน์ - พรุ่งนี้ วันมะรืน
       
       สนธิ - พรุ่งนี้ที่ 10 กับอาทิตย์ที่ 11
       
       จินดารัตน์ - ถึงตาคุณสนธิขายของ ของมาแล้ว ไม่ได้ถ้าไม่พูดนะคะ
       
       สนธิ - ข่าวดีนะครับ ท่านผู้ชม คุณเก๋ และคุณแอน เครื่องทำน้ำด่างล็อตแรก 410 เครื่องมาถึงแล้ว วันนี้เอาของออกจากท่าเรือแล้ว ของดูนะครับ
วันจันทร์จะเริ่มส่งให้ได้แล้ว ทีนี้เราเพิ่งสั่งไปอีก 500 เครื่อง เราสั่งไป 500 เครื่อง ยังไม่ทันจะทำอะไรเลย อาทิตย์ที่แล้วพูดไปมีคนซื้อเข้ามา 200 กว่าเครื่อง
เกือบๆ 300 เครื่อง ทีนี้เลยจะเล่าให้อะไรให้ฟังนิดนึง เพราะว่าโรงงานนี้เขาผลิตเครื่องนี้ขายทั่วโลก แคนาดา บราซิล หลายๆ ประเทศ กำลังการผลิตเขาค่อนข้างแน่น
แต่เราไปแทรกคิวเขามาได้ เพราะฉะนั้น ถ้าท่านผู้ชมต้องการที่จะได้ตอนนี้ ต้องรีบสั่งเข้ามานะครับ เบอร์โทรศัพท์ 0-2633-5353 ทีนี้ หลายคนเข้าใจว่า
เครื่องทำน้ำด่างที่เราเอาเข้ามาให้ท่านผู้ชมใช้ เป็นของใหม่เป็นเรื่องใหม่ จริงๆ แล้วเรื่องนี้เกิดขึ้นมาเมื่อ 44 ปีที่แล้ว จากนายแพทย์คนนึงที่ญี่ปุ่น
       
       กมลพร - นายแพทย์ฮิโรมิ ชินยา
       
       สนธิ - ตอนนี้คนญี่ปุ่นที่ทานน้ำด่างมีประมาณ 30-40 ล้านคน คุณหมอคนนี้เค้าทำอย่างไร ปี 2511 เป็นหมอชาวญี่ปุ่น เขาทำเครื่องทำน้ำด่างจากเครื่องไฟฟ้า
แล้วเค้ารักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งในลำไส้ เอเขาตรวจสอบแล้วโดยใช้กล้องส่องลำไส้ เขาพบว่าสามารถจะรักษาโรคมะเร็งได้ ซึ่งตอนนั้นเครื่องแพงมาก
เพราะว่ามันไม่ได้เป็นเครื่องแบบนี้ มันเป็นเครื่องที่ทำอยู่ในโรงพยาบาล เมื่อ ดร.ฮิโรมิ ชินยา ได้ใช้กล้องส่องลำไส้ถึงกว่า 30,000 คนไข้
ตลอดระยะเวลา 44 ปีที่ผ่านมา เขาพบเรื่องที่น่าสนใจมาก สรุปว่า เรากินอะไรเราก็ได้อย่างนั้นไป ลักษณะภายในลำไส้
มีส่วนสัมพันธ์กับโรคภัยไข้เจ็บที่เกิดขึ้นกับเรา เดี๋ยวจะอธิบายโดยฉายวิดีโอที่ ดร.ฮิโรมิ ชินยา ได้ส่องกล้องและเก็บหลักฐานเอาไว้
       
       ผมอยากจะให้ดูวิดีโอภาพแรกให้ท่านผู้ชมได้ดู อันนี้ภาพแรกเป็นลำไส้ของมนุษย์ในอุดมคติที่สะอาดมาก อันนี้เป็นลำไส้จริงของผู้หญิงคนหนึ่งอายุ 45 ปี
เราจะเห็นเส้นเลือดฝอยอย่างชัดเจนอยู่เต็มไปหมด ออกซิเจน อากาศถ่ายเทได้ดี ลำไส้มีลักษณะเรียบ กลมเกลี้ยง และบีบ เคลื่อนตัวเป็นลูกคลื่นตลอดเวลา
เพื่อขับกากอาหารออกมาเป็นอุจจาระ ซึ่งภาพนี้จะไม่มีกากอาหารเหลืออยู่เลย เผอิญคนคนนี้ ดร.ฮิโรมิ เซนยา ได้ดูแลในการควบคุมอาหารและดื่มน้ำด่างจากเครื่องเป็นเวลา 5 ปี
       
       มาดูวิดีโอที่ 2 วิดีโอที่ 2 นี้เป็นลำไส้ของผู้หญิงคนหนึ่ง อายุ 75 ปี แต่เผอิญผู้หญิงคนนี้เป็นคนทานมังสวิรัติ ไม่ทานเนื้อเลย จะเห็นว่าลำไส้เขายังสะอาด
เห็นเส้นเลือดฝอยในลำไส้ชัดเจน มีคราบอาหารติดอยู่ที่ลำไส้เล็กน้อยมาก ขอย้ำนะครับว่าคนที่ทานอาหารพืช ผัก ผลไม้ คือคนที่ทานอาหารฤทธิ์ด่าง
ซึ่งร่างกายปกติของเราต้องการความเป็นด่างในเลือดเรานะครับ
       
       มาดูวิดีโอที่ 3 ดูแล้วอย่าตกใจนะครับ นี่คือวิดีโอที่ 3 เป็นภาพลำไส้ของผู้หญิงคนหนึ่ง อายุ 47 ปี ที่ชอบกินอาหารเนื้อสัตว์ ชีส นม โยเกิร์ต เป็นประจำทุกวัน
อาหารพวกนี้มีสภาพเป็นกรดสูง ยิ่งคนที่ไม่ชอบกินผักผลไม้ด้วยจะเห็นเป็นสภาพนี้ นี่คือลำไส้คนที่กินเนื้อ กินนม กินโยเกิร์ต กินอะไรที่เป็นไขมัน
จะเห็นได้ชัดว่าไม่เห็นเส้นเลือด มีก้อนเนื้อบีบรัดตัวเต็มไปหมด ทำให้ระบบการดูดซึมอาหารไม่ดี และเกิดโรคขึ้นมากมาย เช่น โรคความดันโลหิตสูง
โรคหัวใจ ปวดท้อง ลำไส้อักเสบ ริดสีดวงทวาร รวมถึงมะเร็งด้วย
       
       มาดูวิดีโอที่ 4 วิดีโอที่ 4 ดูน่ากลัวนะ เป็นผู้ชายอายุ 68 ปี นี่คือลำไส้นะครับ มีประวัติเป็นโรคเส้นเลือดขอดในลำไส้ กินเนื้อสัตว์มาก ชอบกินชีส โยเกิร์ต
ดื่มนมทุกวัน กินเนื้อแดง 4 ครั้งต่อสัปดาห์ ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ผู้ชายคนนี้เป็นโรคความดันสูง คอเลสเตอรอลสูง มีเซลล์มะเร็งในระยะเริ่มต้น
       
       ดูวิดีโอที่ 5 มี 2 รูป รูปซ้าย-รูปขวา เป็นการเปรียบเทียบวิดีโอชุดที่ 2 กับวิดีโอชุดที่ 4 ระหว่างลำไส้ของคนที่กินอาหารมังสวิรัติ
คือซ้ายมือ เป็นอาหารด่าง ส่วนคนที่ทานอาหารเนื้อสัตว์ อาหารที่เป็นกรด อยู่ทางขวามือ เห็นมั้ยข้อแตกต่างกัน ดูน่ากลัวมั้ย นี่คือลำไส้พวกเราที่กินเนื้อ
แล้วมันต่างกันเพราะอะไรรู้มั้ย เพราะซากเนื้อสัตว์ เราไม่เข้าใจ ซากเนื้อสัตว์ซึ่งเป็นอาหารที่เป็นกรดนั้น มันจะเน่าเหม็นเร็วกว่าพืช พอกินปั๊บ อีกสักพักมันจะเน่าเหม็นแล้ว
ทีนี้มนุษย์เรามีลำไส้ที่ยาวมาก ธรรมดาสัตว์ที่กินเนื้อจะมีลำไส้ยาว 3 เท่าของร่างกายเท่านั้นนะ แต่มนุษย์เรานี่ลำไส้ยาว 12 เท่าของร่างกาย เท่ากับลำไส้มันขดไปขดมา
       
       ทีนี้มาลองดูกันเองว่าอาหารเนื้อสัตว์ที่เป็นกรด เน่าเหม็นเร็ว แล้วเนื่องจากลำไส้เรายาว มันก็อยู่ในลำไส้นานเหลือเกิน ผลเลยทำให้เกิดความแตกต่าง
อย่างที่เราเห็นในรูป 2 รูปนี้ และสิ่งที่เน่าเหม็นอยู่ในตัวเรา มันก็เกิดโรคได้มากขึ้น ด้วยเหตุนี้ถึงต้องมีหลักสูตรล้างพิษตับ ล้างลำไส้ ของสันติอโศก
ผมเองล้างพิษตัวเองทางผิวหนังด้วยการอบเซาน่าแช่น้ำร้อนสลับน้ำเย็นทุกวัน และผมทานน้ำด่างทุกวัน วิดีโอที่ 6 ดูน่ากลัวไหม นี่คือลำไส้ของผู้หญิง
คนหนึ่งอายุ 45 ปี ป่วยเป็นมะเร็งเต้านมที่ผ่านการฉายแสงมาแล้ว เธอมีประวัติทานอาหารเนื้อสัตว์ นม ชีส ลำไส้ดูลำไส้เธอสิ น่ากลัวไหม
แต่หลังจากนั้นเธอได้รับการดูแลรักษาโรค โดยให้งดเนื้อสัตว์ทานผักผลไม้ และดื่มน้ำด่างที่ทำจากเครื่อง 750 ซีซีทุกวันเป็นเวลา 3 เดือน
มาดูครับเป็นอย่างไร นี่ไง หลังจากทานน้ำด่างหยุดเนื้อสัตว์ ผู้หญิงคนเดียวกันกับวิดีโอลำไส้ที่น่ากลัวเมื่อกี้ สยองเมื่อกี้ จากลำไส้ที่เน่าเฟะ
เปลี่ยนแปลงและฟื้นฟูดีขึ้นมามาก และสะอาดขึ้นมากจาก 3 เดือนที่แล้ว หลังจากเปลี่ยนพฤติกรรม และดื่มน้ำด่างที่ทำจากเครื่องไฟฟ้าทุกวัน
และงดเนื้อสัตว์หันมาทานอาหารพืชผักผลไม้แทน ดูสิครับ เปรียบเทียบดูว่าต่างกันขนาดไหน ดูภาพวิดีโอสุดท้ายเปรียบเทียบดู
ซ้ายคือลำไส้ก่อนปรับอาหาร และกินน้ำด่าง ขวาคือเมื่อเปลี่ยนอาหารและกินน้ำด่างใหม่ จะเห็นได้ชัดว่า น้ำด่างและการทานอาหารนั้นมีผลในการเปลี่ยนแปลงลำไส้เราจริงๆ
       
       วิดีโอที่ 8 สุดท้ายน่ากลัวไหม ผู้ชายคนนี้อายุ 52 ปี ป่วยเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก ความดันโลหิตสูง คอเลสเตอรอลสูง
เป็นคนที่ชอบกินอาหารที่มีโปรตีนสูง กินเนื้อแดงทุกวัน ข้างในลำไส้เต็มไปด้วยก้อน และคราบไขมันตลอดเวลา พอเขาผ่าตัดต่อมลูกหมากแล้ว
เปลี่ยนพฤติกรรมใหม่ มาปรับอาหาร ดื่มน้ำด่างที่ทำจากเครื่องใหม่ ปรากฏว่า ลำไส้เปลี่ยนไปสะอาด นี่ครับอย่างเห็นได้ชัด ลองดูสิครับว่า
เปลี่ยนไปจากเดิมเยอะไหม ทีนี้มาดูรูปคู่กัน รูปซ้ายคือรูปก่อนเขาผ่าตัด และยังทานเหมือนเดิม รูปขวาคือเมื่อผ่าตัดแล้ว ปรับอาหาร ทานน้ำด่าง
เพราะฉะนั้นแล้วจะเห็นได้ชัดว่า น้ำด่างและอาหาร การเลือกทานอาหารผมถึงบอกว่า คนเราพยายามทานเนื้อสัตว์ให้น้อยลง ทานปลามากขึ้น
       
       จินดารัตน์ - สัตว์เล็ก
       
       สนธิ - ทานสัตว์เล็กๆ หรือว่าทานพวกกุ้ง ปลา ปลาแม่น้ำได้ และทานน้ำด่าง น้ำด่างนี่นะครับ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในไตรปิฎกเล่ม 5 ข้อ 44 พระองค์ท่านเขียนไว้ว่า
ถ้าขึ้นจอได้ขึ้นคำพูดด้วยนะครับ ท่านเขียนว่า ภิกษุเป็นพรรดึก คืออุจจาระคั่งค้างแข็งเป็นก้อนในลำไส้ใหญ่ ทำให้ท้องผูก ทรงอนุญาตให้ดื่มน้ำด่างอามิส
เพราะฉะนั้นแล้วจะเห็นได้ชัดว่า การรับประทานน้ำด่างเป็นคำพูดของพระพุทธเจ้าซึ่งมีมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ มีอยู่ในพระไตรปิฎก
ทีนี้ไอ้เครื่องกรองน้ำที่เราสั่งเข้ามา มีไส้กรองถึง 2 ชั้น และสามารถแยกน้ำออกมาให้เป็นกรด และด่างออกมาได้ โดยเหนี่ยวนำจากแผ่นไทเทเนียม
ซึ่งเคลือบแพลทินัมตั้ง 8 ชั้น สามารถทำให้น้ำออกมามีค่าตัวโออาร์พี หรือ ค่าความเป็นด่าง ศักย์ไฟฟ้าเป็นลบ ทำให้สามารถจะต้านอนุมูลอิสระ
ราคาแบบนี้เครื่องที่ขายอยู่ของเกาหลีประมาณ 6-7 หมื่นบาท ของเรา 35,000 บาท
       
       จินดารัตน์ - ถูกกว่าเครื่องกรองน้ำ
       
       สนธิ - ถูกกว่าเครื่องกรองน้ำ ทีนี้มีท่านผู้ชมอยู่พอสมควรที่ส่งข้อความมาในเฟซบุ๊กว่า ทำอย่างไงดีตอนนี้ มีเครื่องกรองน้ำอยู่แล้ว ถ้าจะเอาอันนี้มาต้องใช้เงินอีกก้อนหนึ่ง
ช่วงนี้เงินทองไม่ได้ดี ฝ่ายการเงินเอเอสทีวีกำลังจะติดต่อบริษัทลีสซิ่ง อาจจะให้ผ่อนส่งกับบริษัทลีสซิ่ง อาจจะเดือนละ 3,000 บาทปีนึง แต่ว่าขอให้ได้มาก่อนละกัน
ได้เมื่อไหร่จะแจ้งให้ทราบ แต่ตอนนี้ถ้าใครอยากต้องการสั่ง ให้รับสั่งเพราะเดี๋ยวไม่นานจะหมด คอลเซ็นเตอร์ 0-2633-5353
       
       จินดารัตน์ - วันนี้เป็นวันพิเศษด้วย จะรับโทรศัพท์ถึงเที่ยงคืน
       
       สนธิ - วันนี้เหรอครับ วันนี้เลยเหรอ
       
       จินดารัตน์ - 0-2633-5353 คอลเซ็นเตอร์ จะอยู่รับโทรศัพท์คุณผู้ชมที่ต้องการจองเครื่องทำน้ำด่าง เฉพาะวันนี้จองได้จนถึงเที่ยงคืน วันนี้นะคะ
ส่วนคนที่จองไปแล้วล็อตแรก เครื่องมาแล้ว
       
       สนธิ - เครื่องมาแล้ว
       
       จินดารัตน์ - มารับได้
       
       สนธิ - มารับได้ หรือว่าจะส่งไปให้
       
       จินดารัตน์ - คือวันอังคารที่ 13 พฤศจิกายนนี้ อังคารหน้า 10 โมงเช้าถึง 6 โมงเช้า ที่บ้านพระอาทิตย์นะคะ ไปรับเครื่องด้วยตนเองได้ วันอังคารที่จะถึงนี้
       
       กมลพร - พี่ไปมาหรือยัง ของพี่มีล็อตนี้
       
       จินดารัตน์ - ยัง เยอะ
       
       กมลพร - รอล็อตพร้อมคุณผู้ชม
       
       สนธิ - แอนซื้อกี่เครื่องนะ
       
       จินดารัตน์ - สำหรับของแอนซื้อ 2 เครื่อง
       
       สนธิ - 2 เครื่อง คุณแอนซื้อไป 2 เครื่อง แล้วก็มีพี่น้องเราฝากซื้ออีกประมาณ 6-7 เครื่อง
       
       กมลพร - แต่รอล็อตหน้าอีก 2 เพราะฉะนั้นรีบสั่งเลย เดี๋ยวจะรอนาน ตัดสินใจช้า
       
       จินดารัตน์ - เขาไปไหนๆ กันแล้ว
       
       กมลพร - มีอีกเรื่องนึง ยังไม่หมดเรื่อง น้ำด่างหมดแล้ว เรามีเรื่องพระด้วยใช่ไหมคะ
       
       จินดารัตน์ - แอนเห็นโบรชัวร์แล้ว สวยเชียว
       
       สนธิ - คุณผู้ชมครับ พระอาทิตย์ที่แล้วมามีคนจองเข้ามาเยอะพอสมควร แต่อยากจะให้มีการจองเข้ามาเพิ่มเติมอีก เพราะว่าเราทำจำนวนจำกัด โบรชัวร์ที่มีอยู่
ผมอยากให้โปรดิวเซอร์ขึ้นภาพโบรชัวร์ที่ถ่ายทิ้งไว้ล่วงหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพของวัตถุมงคล มีข้างหน้า ด้านข้างหลังโบรชัวร์นะครับ อันนี้คือตะกรุดที่หลวงพ่อญาท่าน
พระอาจารย์ผมก่อนมรณภาพ ท่านทำทิ้งเอาไว้ให้ ทำทิ้งเอาไว้แล้วท่านสั่งแม่ชีอุปัฏฐากคือ แม่ชีหลี ท่านบอกว่าแม่หลี พ่อตายไปแล้วค่อยเอาของพวกนี้ไปให้ด็อกเตอร์เขา
หลวงพ่อญา เรียกผมว่า ด็อกเตอร์ นี่คือตะกรุดซึ่งท่านเขียนด้วยตัวท่านเองนะครับ และต่อไปจะเป็นเหล็กขวานฟ้า อันนี้เป็นข้าว ข้าวก้นบาตรหลวงตามหาบัว
ซึ่งหลวงตาท่านมอบให้ผมเป็นพิเศษ ก็วางไว้ในผอบ กำลังจะเป็นหินอยู่แล้วนะ กำลังจะเป็นพระธาตุอยู่แล้วนะเนี้ย ผมตัดสินใจเอาออกมาครึ่งหนึ่ง
แล้วก็ใส่ไปเป็นมวลสารในการสร้างพระ และก็มีเหล็กขวานฟ้า เป็นเหล็กที่หลวงตามหาบัวท่านมอบให้ผมมาทั้งหมดก็ใส่ลงไปในมวลสาร ใส่ลงไปในเบ้าหลอม
ถ้าอยากจะได้พระชุดนี้ ประกอบด้วยมวลสารที่สำคัญนะ ก็อย่าลืมช่วยติดต่อมา รู้สึกจะมีเบอร์โทรศัพท์สั่งจองให้เรียบร้อย เบอร์ที่หน้าจอนะครับ
       
       กมลพร - เผื่อใครฟังอยู่ในวิทยุ เรามีลิงก์สัญญาณวิทยุ ก็ติดต่อไปได้ที่เฮียบุ๊งนะคะ เบอร์โทรศัพท์ 08-1300-5885
       
       สนธิ - คือพระอย่างที่ผมเรียนให้ทราบมีอยู่ 3 รุ่น รุ่นแรกคือขนาดหน้าตัก 9 นิ้ว ราคา 1 หมื่นบาท ทอน 1 บาท ก็คือ 9,999 บาท ส่วนขนาด 5 นิ้ว ราคา 4 พันบาท
ทอน 1 บาท คือ 3,999 บาท ส่วนชุดพระผงศักดิ์สิทธิ์เนื้อว่าน 108 พร้อมพระทองและเงิน ราคา 300 บาททอน 1 บาท ก็คือ 299 บาท
       
       จินดารัตน์ - พี่น้องพันธมิตรฯ แอนเจอหลายท่าน เออ พูดถูกนะคุณแอน คือพระเนี้ยจะเป็นสัญลักษณ์เลย คนเดินเข้ามาบ้านจะรู้ว่าเป็นของพันธมิตรฯ
       
       สนธิ - เพราะเป็นบ้านสีขาว แล้วเราเปิดจองครั้งเดียว หมดแล้วหมดเลย
       
       กมลพร -ทำตามจำนวนที่จองเท่านั้นนะคะ
       
       สนธิ - เมื่ออาทิตย์ที่แล้วผมเล่าเรื่องเทวดา เก๋คงไม่ได้ดู เก๋คงเที่ยวกับแฟนอยู่ เทวดาที่ผมเล่าให้ฟังว่า เทวดาจะมีรูปเป็นวงกลม สีขาวเรืองๆ
เวลามีพิธีสำคัญก็จะมีรูปเทวดานี้ขึ้นมา เป็นกลมๆ ปรากฏว่า ผมออกรายการเสร็จแล้วหลังจากนั้นก็มีท่านผู้ชมเยอะเลยส่งรูปที่ท่านผู้ชมเองถ่าย ที่สนามหลวงเอย
ที่งานพิธีเอย ที่การชุมนุมของพวกเราเอย ก็จะเห็นวงกลมๆ ลอยอยู่บนท้องฟ้า เป็นรูปเทวดา แล้วผมก็เล่าให้ฟังว่า เทวดาที่มีแสงนี่เขาต้องการบุญ
เช่นที่ไหนมีการทำบุญ ถ้าเราอัญเชิญเขาไป เขาจะไปฟังธรรม การฟังธรรมของเทวดาจะทำให้แสงนั้นสว่างขึ้นๆๆ เพราะเทวดาก็อยากจะหลุดพ้นนิพพานเหมือนกัน
       
       จินดารัตน์ - เหมือนสะสมบุญบารมี
       
       สนธิ - ทีนี้พระอรหันต์มีแสงมั้ย มี ผมเล่าให้ฟังแล้ว มี แต่ไม่ใช่แสงแบบเทวดา แสงจะสว่างจ้ายิ่งกว่าของเทวดาอีก ผมก็เลยเล่าให้ฟังเรื่องวันที่หลวงตามหาบัว
ท่านสิ้นแล้ว หลังจากนั้นไปอีก 2 วัน ก็ไปถ่ายรูปเก้าอี้ที่อยู่ในกุฏิท่าน ที่ท่านนั่งประจำ ก็เห็นนี่ครับ (ในภาพ) นี่ก็คือแสงของหลวงตามหาบัว ไม่เหมือนเทวดา
เหมือนพระอาทิตย์เลย เห็นมั้ยครับ นี่คือแสงของพระอรหันต์
       
       จินดารัตน์ - จ้าอย่างนี้เลยเหรอคะ
       
       สนธิ - เป็นอย่างนี้เลยครับ
       
       จินดารัตน์ - ทั้งๆ ที่ด้านนอกก็ไม่มีสปอตไลต์
       
       สนธิ - ไม่มีอะไรเลย ไม่มีสปอตไลต์เลยนะ ห้องนี่มืดด้วย
       
       กมลพร - ไม่มีแฟลชด้วยใช่มั้ยคะ
       
       สนธิ - ไม่มีครับ ไม่ได้ใช้แฟลช ไม่ได้ใช้อะไรเลย นี่ล่ะคือ จะถ่ายตอนนั้นถ้าจำได้ ขอท่าน ขอหลวงตาว่าขอให้ท่านแสดงอะไรให้หน่อย ท่านก็เลยแสดงออกมาให้ดู
แล้ววันซึ่งท่านเสียไปแล้วสัก 2-3 วัน พวกลูกศิษย์ลูกหาก็จะไปนั่งกราบท่านหน้ากุฏิซึ่งท่านเคยพักอยู่ เป็นที่พักของท่าน แล้วเห็นมั้ยครับในรูป เห็นหัวท่านมั้ย
เห็นศีรษะท่านมั้ย เห็นท่านเลยนั่งภาวนาอยู่ข้างในกุฏิท่าน ทั้งๆ ที่ร่างท่านอยู่ในโลง
       
       กมลพร - ตรงหน้าต่างนั้นใช่มั้ยคะ
       
       สนธิ - ใช่
       
       กมลพร - ถ้าเราขยายภาพให้ดู จะเห็นเลย
       
       สนธิ - ใช่ ก็เลยเอามาให้ท่านผู้ชมดู เพราะว่าสัญญากันไว้แล้วว่าจะทำมาให้
       
       จินดารัตน์ - ตกลงพระเราจะเปิดรับจองถึงเดือนกุมภาพันธ์ เพราะหลายคนบอกว่าเสียดายน่าจะได้ทันปีใหม่ จะเอาไปเป็นของขวัญปีใหม่ผู้หลักผู้ใหญ่ ไม่ทัน
       
       กมลพร - แต่ทันตรุษจีน
       
       สนธิ - ทันตรุษจีน
       
       กมลพร - ของขวัญปีใหม่จีนก็ได้
       
       สนธิ - ปีใหม่จีนครับ
       
       จินดารัตน์ - ก็คือถ้าหน้าตัก 9 นิ้ว ก็จะได้ทั้งกล่องอย่างนี้ไปด้วย
       
       สนธิ - ที่สำคัญคือความสีขาว เราอธิบายแล้วคือความบริสุทธิ์ สีขาวคือศาสนา สีขาวคือคุณงามความดีที่พวกเราทำกัน และที่ร้ายที่สุด ที่จำได้แม่นที่สุดก็คือว่า
เดินเข้าบ้านไหนถ้ามีพระสีขาวนี่อยู่ รู้ทันทีว่าเป็นบ้านพันธมิตรฯ เหมือนวันนี้ผมใส่สีเหลืองมา เพราะชีวิตนี้ผมจะเหลืองตลอด ผมภูมิใจในความเป็นเหลือง
เพราะฉะนั้นแล้วผมคิดว่าถ้าเราเชื่อมั่นศรัทธาในเรื่องอะไรก็ตาม สีพระองค์นี้เป็นตัวแทนของคุณงามความดีของพวกเรา และศักดิ์สิทธิ์ เพราะฉะนั้นมีไว้แล้วจะเป็นสิริมงคลแก่บ้าน
       
       จินดารัตน์ - แล้วชื่อพระ พุทธพิทักษ์ไทยทศทิศ เป็นชื่อที่พระราชทานนามโดยสมเด็จญาณฯ
       
       กมลพร - หาไว้เถอะค่ะ อย่างน้อยก็เป็นสิ่งมงคล
       
       สนธิ - มันผ่านแล้วผ่านเลยนะ เราเคยชุมนุมกันที่สนามหลวง สะพานมัฆวาน และผมจะพูดตลอดเวลาว่าใครก็ตามที่มาแล้ว จะต้องดีใจนะ เพราะมันจะเป็นครั้งนึงในชีวิต
มองย้อนหลับไปเมื่อแก่ตัวลง เล่าเรื่องเก่าๆให้ลุกหลานฟังจะภูมิใจ วันข้างหน้าแอนอาจจะเล่าให้หลานฟัง ยาย เนี้ย สมัยยายสาวๆ นะ ยายไปสู้ให้ชาติบ้านเมือง
นี่ไงรูปยายเห็นมั้ย หรือว่า นั่งเงียบๆ กับตัวเองอยู่กับความเงียบ รำลึกถึงเรื่องราเก่าๆ จะรู้สึกดีใจ ภูมิใจ สบายใจที่ได้ทำลงไป ยิ้มได้คนเดียว เหมือนกับมีพระองค์นี้ไว้องค์นึง
นี่คือตัวแทนของคุณงามความดี ที่พวกเราสู้มาโดยตลอด ตั้งแต่ปลายปี 2548 จนวันนี้
       
       จินดารัตน์ - เบอร์โทรศัพท์อีกมั้ย
       
       กมลพร - 08-1300-5885 ที่เหลือก็โทร.ไปถามรายละเอียดเฮียบุ๊ง ทุกอย่างแม้กระทั่งเบอร์บัญชี
       
       จินดารัตน์ - งั้นเดี๋ยวเราพักกันก่อนนะคะ ช่วงหน้าเราจะกลับมาไปไกลถึงฟากฝั่งอเมริกา จีนนิดหนึ่ง แล้วก็กลับมาที่ไทย เรื่องเยอะ
       
       กมลพร - งวดนี้ต้องจุดธูปมั้ยคะ จุดธูปคราวที่แล้วยังขนลุกขนพองไม่หาย
       
       จินดารัตน์ - กระถางธูปยังไม่มีใครกล้าแตะเลย สักครู่ค่ะ
       
       ช่วงที่ 2
       
       จินดารัตน์ - กลับมาช่วงที่ 2 รายการคุยทุกเรื่องกับสนธิ นะคะ เอ๊ะดูร่าเริงผิดปกตินะ รู้ว่าจะเลือกเที่ยงคืนน่ะวันนี้
       
       กมลพร - ไหนโปรดิวเซอร์บอกว่า ..
       
       จินดารัตน์ - เจ้าของรายการขอไปที่ ผอ.สถานีแล้ว
       
       กมลพร - เขาเขียน 2 ทุ่มถึง 4 ทุ่มนะคะ
       
       จินดารัตน์ - โธ่ รายการนี้นะ
       
       สนธิ - รายการนี้ไม่เคยเลิก 4 ทุ่ม รายการนี้เป็นรายการเดียวที่ท่านผู้ชมรอดูอยู่นาน และยาวแค่ไหนก็ยอม
       
       จินดารัตน์ - เกลียดแค่ไหนก็จะดู
       
       สนธิ - โอ๊ย คนเกลียดนี่นะ ยิ่งเกลียดยิ่งต้องดู ยิ่งชอบดู ดูไปกรี๊ดไป โกรธไป เดี๋ยววันนี้คงมีเรื่องโกรธอีก แหม มันหาเรื่องจริงๆ
       
       จินดารัตน์ - หาเรื่องกระทั่งคำพูดนู่น นี่ เอาไปเขียนกลอนลงหนังสือพิมพ์ ไปกระแหนะกระแหน แต่ว่ามีคุณผู้ชมทางบ้านที่เป็นแฟนรายการ 4 เหล่าทัพ
บอกสงสาร 4 เหล่าทัพบ้างเถอะ อย่าเลิกดึกมาก 4 เหล่าทัพนอนดึกมาตลอด
       
       สนธิ - 4 เหล่าทัพ อัดเทปก่อนล่วงหน้าเลย
       
       กมลพร - อันนี้สด
       
       จินดารัตน์ - รอดูตัวเองอยู่ที่บ้าน
       
       สนธิ - ทหารเรือตอนนี้ไปอยู่โน่น ออสเตรเลีย อยู่เพิร์ท พล.ร.ท.ปทีป ชื่นอารมณ์ ท่านไปช่วยลูกชายดูแลร้านอาหารไทยที่เพิร์ท
       
       กมลพร - แล้วจะกลับมาอีกเมื่อไรคะ
       
       สนธิ - คงอีกสัก 2 อาทิตย์มั้ง ถึงจะมา
       
       จินดารัตน์ - ดูซิ ทั้งเลี้ยงหลาน ทั้งช่วยดูแลร้านอาหาร
       
       สนธิ - แล้วมาสู้งานชาติบ้านเมืองอีกต่างหาก
       
       กมลพร - รีบกลับมานะคะ เดี๋ยวกลับมาไม่ทันเปลี่ยนแปลงบ้านเมือง ช่วงนี้มันเป็นวาทกรรม ใครๆ ก็ชอบพูดอย่างนี้
       
       จินดารัตน์ - อาจจะนะ ทหารอีกฟากฝั่งหนึ่งมาขู่ฟ่อๆๆ เลย เอ๊ะ อาการขู่คำรามนี่เราคุ้นๆ ยังไงไม่รู้นะคะ
       
       กมลพร - ขู่ฟ่อนี่งู ไม่ใช่หมา ใช่มั้ยพี่
       
       จินดารัตน์ - เราไปที่สหรัฐอเมริกาก่อนนะคะ ก็เป็นข่าวที่ทั่วโลกให้ความสนใจ เป็นไปตามคาด บารัค โอบามา ได้เป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 แล้ว
เป็นคนผิวสีคนแรกของประวัติศาสตร์อเมริกาด้วย แต่ว่าคนเขาก็เริ่ม เอ๊ะ แล้วมิตต์ รอมนีย์ มันห่วยแตกมากเหรอ หรือคนไม่สนใจ
       
       สนธิ - จริงๆ ถ้าหากดูคะแนนเสียงกันจริงๆ แล้ว มิตต์ รอมนีย์ แพ้บารัคแค่ 1 เปอร์เซ็นต์ ไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์มั้ง รู้สึกเสียงจะแพ้-ชนะกันแค่ล้านเสียง ต้องถือว่าน้อยมาก
ถือว่าสูสีมาก แต่บารัคเขาไปชนะอิเล็กโทรัลโหวต ทีนี้คนไทยยังไม่เข้าใจอิเล็กโทรัลโหวต อิเล็กโทรัลโหวต คือเขาเอาประชากรของรัฐๆ หนึ่ง เอามาแบ่ง
สมมติว่า 3 แสนคน จะได้ 1 เสียง สมมติว่าแคลิฟอร์เนีย เมื่อแบ่งประชากรเรียบร้อยแล้ว เอาจำนวนประชากรหารออกมาแล้ว ทั้งหมดจะมีอิเล็กโทรัลประมาณ
ตีซะว่า 53 เสียง ตัวนี้มายังไง คือมาจากการเอาจำนวนประชากร แล้วมาหารจากอัตราส่วนที่ตั้งเอาไว้
       
       ทีนี้ถ้าใครก็ตามชนะในแคลิฟอร์เนีย สมมติว่าบารัคชนะ บารัคได้เสียงแคลิฟอร์เนีย 2 ล้านเสียง มิตต์ รอมนีย์ ได้ 1,990,099 เสียง
ต้องถือว่าบารัคชนะ 1 เสียง ชนะ 1 เสียงนี่ก็กวาดหมดเลย เขาเรียกว่า Winner take all ทั้ง 53 เสียง ได้ไปหมดเลย เพราะฉะนั้นแล้ว
บารัคจะชนะทางตะวันตก ซึ่งมีอิเล็กโทรัลโหวตเยอะ แล้วชนะทางตะวันออก ทางนิวยอร์ก อะไรพวกนี้ อิเล็กโทรัลโหวตก็เยอะ มิตต์ รอมนีย์
จะชนะทางใต้ ข้างล่าง และตรงกลาง เขาเรียกมิดเวสต์ ตรงนี้อิเล็กโทรัลโหวตจะน้อย เพราะจำนวนประชากรน้อย เพราะฉะนั้นแล้ว
อิเล็กโทรัลโหวตของบารัค (ทางซ้าย) สีน้ำเงินคือของบารัค แต่ว่าในสีน้ำเงินแต่ละจุด อิเล็กโทรัลโหวตเยอะมาก
       
       จินดารัตน์ - ประชากรเยอะมาก
       
       สนธิ - ประชากรเยอะมาก เมื่อพวกแล้วจะชนะมิตต์ รอมนีย์ เพราะฉะนั้นจะถือว่าบารัค โอบามา ชนะแบบขาด แบบฉีกกระดาษ คงไม่ใช่ และเหตุผลหนึ่งที่บารัคชนะ
เพราะว่าบารัคใช้นโยบายว่า ถ้าเขาขึ้นมาแล้ว เขาคือเพื่อนชนชั้นกลาง ส่วนมิตต์ รอมนีย์ เป็นเพื่อนของชนชั้นคนรวย ในเมืองไทยพรรคเพื่อไทย เป็นเพื่อนกับชนชั้นล่าง
คือพวกรากหญ้า เพราะเอานโยบายประชานิยม แต่ต่างกันตรงที่ว่า บารัคเขาบอกว่าเขาเป็นเพื่อนชนชั้นกลาง แต่เขาทำให้ชนชั้นกลาง เขาทำอะไรให้
เขาทำในเรื่องของการเป็นอยู่ ในเรื่องของโอบามาแคร์ คือสวัสดิการทางสุขภาพ คือพูดง่ายๆ ว่าลูกหลานของคนชนชั้นกลาง ถ้าไม่สบาย อย่างน้อยที่สุด
ได้รับการรักษาพยาบาลที่ดี เขาทำให้จริง
       
       ในช่วงที่บารัคเป็นประธานาธิบดีมา 4 ปี มีคนที่เป็นบิลเลียนแนร์ มีเงินล้าน เพิ่มขึ้นมหาศาล เพราะฉะนั้นแล้วบารัคเขารับปากชนชั้นกลางว่าจะช่วย เขาช่วยจริง
ในขณะซึ่งทางเมืองไทยรับปากว่าจะช่วยคนข้างล่าง เขาช่วยเหลือกัน ช่วยแจกเงิน เอานโยบายประชานิยมให้เพื่อให้เลือกเข้ามา เพื่อจะทำมาหากินในประเทศ
เพื่อให้พวกเขาข้างบนซึ่งเป็นพวกเค้า ชนชั้นคนรวยร่ำรวยขึ้นมา เหมือนตัวอย่างท่าเรือทวาย ผมกระโดดข้ามไปเลยนะ เอ๊ะ คนสงสัยว่าทวายคืออะไร ทวายคือท่าเรือ
แท้ที่จริงแล้ว คือท่าเรือน้ำลึกขนาดใหญ่ เพื่อที่จะรองรับการเทียบเรือ และการขนส่งสินค้า อุปมาอุปไมยก็เหมือนกับท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง ทีนี้คำถามมีอยู่ว่า
ทำไมประเทศไทยต้องไปลงทุนจ้างท่าเรือทวายให้พม่า ผมก็มองอย่างนี้ ผมมองว่าการที่สร้างแบบนี้ เหมือนกับว่าตอนนี้พม่าเปิดประเทศ
พม่ากับเขมรมีอยู่อย่างหนึ่งซึ่งเหมือนกัน คือ แหล่งพลังงานที่อุดมสมบูรณ์ เมื่อพม่าเปิดประเทศปั้บ ทุกคนมุ่งไปที่พม่าหมด เพราะว่าอุดมสมบูรณ์ด้วยพลังงาน
ฉะนั้นการที่ทักษิณไม่ได้เป็นายกรัฐมตรีอย่างเป็นทางการ แล้วให้น้องสาวเป็น ในทางยุทธศาสตร์การค้า เท่ากับดี เพราะเขาสามารถจะบินไปคุยกับเต็ง เส่งได้
แล้วเขาบอกว่าเดี๋ยวผมจะสั่งน้องสาวผมให้บริจาคเงิน เอาเงินมาลงทุนท่าเรือทวายเป็นแสนล้าน
       
       บ่อน้ำมันตรงนี้ให้บริษัทนี้เข้ามาทำได้มั้ย เขาจะมีผลประโยชน์ตรงนั้น แต่ว่าเพื่อให้เต็ง เส่งได้ เขาก็ต้องเอาผลประโยชน์มาให้เต็ง เส่ง ในแง่ของการลงทุน
ผลประโยชน์ตรงนี้ก็คือภาษีอากรคนไทย โดยที่น้องสาวเขาคุม ฉะนั้นแล้วเขากินสองเด้ง ไม่ต้องมาโผล่ที่นี่ได้ธุรกิจที่เขาต้องการโดยเอาเงินทองคนไทยไปแจก
พวกนี้เพื่อแลกกับทรัพย์สิน เหมือนสมัยก่อนเวลาเขาบินไปต่างประเทศ เวลาเขานั่งรถไปกับผู้นำเขาจะขอทำโทรศัพท์มือถือ อันนั้นเขาเป็นนายกฯ ขอทำน่าเกลียด
แต่อันนี้แนบเนียน เขาเข้าไปแล้วบอกเต็ง เส่ง ว่า จริงๆ แล้วเขาคือนายกรัฐมนตรี น้องสาวเขาทำตามคำสั่ง ไม่เชื่อเขา คณะรัฐมนตรีมีมติ หรือไม่เชื่อคุณส่งรัฐมนตรี
ของพม่าไปเมืองไทยแล้วผมจะให้น้องสาวไปพบ นี่จ้อข้อเท็จจริง ท่าเรือทวายที่มาที่ไป ก็คือการแลกผลประโยชน์กัน เขาได้สองสามเด้ง เด้งหนึ่งก็คือว่าท่าเรือทวาย
ใครก่อสร้างล่ะ ก็บริษัทเมืองไทย เป็นผู้ก่อสร้าง พวกนี้จะกินเด้งแรกคืออะไรรู้มั้ย ค่าคอมมิชชันในการก่อสร้าง ได้เงินไปอีกก้อน เด้งที่สองคือได้สิทธิสัมปทานที่เขาต้องการ
หรือเขาอาจจะคุยกับเชฟรอน ฝรั่ง เชฟรอนเวลามันเข้าไปมันต้องไปเสนอราคาให้ สู้คนไทยไม่ได้เพราะคนไทยเอางบประมาณแผ่นดิน เอาภาษีเอาเงินของประเทศ
ไปสร้างให้พม่า เพื่อแลกกับสัมปทาน เพราะฉะนั้นแล้วโอกาสที่จะได้สัมปทานจากพม่า จะง่ายกว่าฝรั่งที่ไปประมูล เขาจึงทำตัวเป็นขาใหญ่เอาฝรั่งมาร่วมด้วย
เฮ้ย ผมมาร่วมกับคุณนะ เอามั้ย ถ้าคุณมาร่วมผมจะได้สัมปทานตรงนี้ๆ
       
       จินดารัตน์ - ทำธุรกิจโดยที่พ่นน้ำลายอย่างเดียว ไม่มีการลงทุน
       
       สนธิ - นี่ไงเข้าใจหรือยัง นี่คือเกมทั้งหมดอ่านต้องให้ทะลุตรงนี้ และโยงกลับมาอีก ทำไมโอบามาต้องมาเมืองไทย เพราะว่าตอนนี้ธุรกิจพลังงานหลายแห่ง
กำลังมุ่งไปที่เขมร ไปที่พม่า เพราะฉะนั้น โอบามามาเมืองไทย เพราะจะไปเขมรด้วย พม่าด้วย ไปตอกย้ำว่าอเมริกาอยู่เบื้องหลัง ลูกพี่ใหญ่มาแล้ว เพราะฉะนั้น
จะทำอะไรจะให้สัมปทานใคร คิดถึงอเมริกาก่อน นี่ไง นี่คือที่มาของมัน แต่ถ้ามามองย้อนหลังกลับไปดูอเมริกา โอบามาขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีงวดนี้
เขาขึ้นมาและกำลังเดินไต่ลวดข้ามเหว เพราะปัญหาอเมริกามีเยอะมาก ปัญหาใหญ่สุดของอเมริกาที่เขาเรียกว่า หน้าผาการเงิน เขาเรียก Fiscal Cliff
       
       จินดารัตน์ - เป็นอย่างไรคะคุณสนธิ Fiscal คือ การเงินการทอง การเงินของอเมริการ Fiscal Cliff หมายความว่า ในขณะนี้อเมริกาหนี้สินเยอะเหมือนเดิม
และอเมริกาตามกฎหมายข้อตกลงกันกับสภาผู้แทนราษฎรอเมริกาแล้ว วุฒิสภาอเมริกาแล้ว เริ่มตั้งแต่มกราปีหน้าเขาต้องตัดงบประมาณเขาลง เพื่อที่จะ Balance
สร้างความสมดุลในงบประมาณ เพราะงบประมาณเขาติดลบตลอด เพราะฉะนั้นการตัดการใช้จ่ายของเขาลง หมายความว่าเศรษฐกิจเขาต้องถดถอยอีก
ทั้งๆ ที่ตอนนี้เศรษฐกิจกำลังจะเริ่มดีขึ้น เพราะตัดงบประมาณลง ไอ้พวกนี้ไม่ไว้ใจ ตลาดหุ้นจะลง น้ำมันจะขึ้น ทองคำจะขึ้น มันจะเป็นอย่างนี้ คำถามว่า
โอบามาไม่ทำได้ไหม ไม่ได้ และอีกอย่างหนึ่ง โอบามาเป็นเวรเป็นกรรม ประธานาธิบดีของอเมริกาแทบจะทุกคนเลย พอขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี สภาผู้แทน
เสียงข้างมากในสภาผู้แทนจะเป็นฝ่ายตรงข้ามทุกที โอบามามาเป็นประธานาธิบดีงวดนี้ สภาผู้แทนคือ สภาคองเกรสเขา กลับมีเสียงข้างมากเป็นรีพับลิกัน
ส่วนวุฒิสภาเซเลบ เสียงข้างมากเป็นเดโมแครตจริง แต่ปริมาณที่มากกว่าเพียงไม่กี่คน ถ้าเขามากกว่าได้ถึง 2 ส่วน 3 เขาสามารถที่จะใช้สิทธิ 2 ส่วน 3 Override
สภาผู้แทนราษฎรได้
       
       เพราะฉะนั้นแล้ว โอบามาประสบปัญหาในเรื่องของการออกกฎหมาย จะประสบปัญหาในเรื่องปัญหาที่เขาต้องการจะแก้ตลอดเวลา
เพราะฉะนั้น 4 ปีสุดท้ายของเขาเป็น 4 ปีที่หืดขึ้นคอ หืดขึ้นคอมากเลย ไม่ใช่ง่ายอย่างที่เขาคิด และเป็น 4 ปีสุดท้าย ซึ่งถ้าหมด 4 ปีนี้แล้ว รีพับลิกันคิดว่า
ตนเองจะมีโอกาสและอีกครั้งหนึ่ง เพราะฉะนั้นแล้วรีพับลิกันจะขวางหมดทุกเรื่อง เพื่อไม่ให้โอบามามีผลงาน เพราะฉะนั้นแล้ว เป็นเวรกรรมของโอบามาอีกเช่นกัน
อีกครั้งหนึ่งที่จะต้องมีแบบนี้ เพราะฉะนั้นแล้วแต่ว่าตอนนี้พอเลือกตั้งชนะ ทุกคนดีใจ เฮกัน วลีที่ป็อปปูลาร์ของอเมริกาคือ โอโมเยส (***) เหมือนวลีที่ป็อปปูลาร์
ที่สุดในเมืองไทยคือ แท้งกิ้วทรีฮา (***) เราโยงเข้ามาได้อย่างไงเนอะ
       
       กมลพร - โยงเข้ามาได้อย่างไง
       
       สนธิ - ช่างคิด
       
       กมลพร - โอบามาเขาบอกแล้วว่า มันไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีที่สุด ตอนเขาชนะการเลือกตั้ง
       
       จินดารัตน์ - หืดขึ้นคอ
       
       สนธิ - หืดขึ้นคอจริงๆ ผมจะบอกให้รู้ และผมจะบอกให้รู้ว่า จากปีหน้าเป็นต้นไป อเมริกาจะเริ่มเดินลงนรกไปทีละนิด เหตุผลเพราะทำไมรู้ไหม
โอบามาเหตุผลนึงที่ชนะการเลือกตั้ง เพราะว่าโอบามายุติสงครามในอิรัก ถอนตัวออกมา อันที่ 2 โอบามาถอนตัวจากอิรัก คำถามที่มีต่อก็คือว่า
แล้วถ้าอิรักมันร้อนขึ้นอีกที โอบามาจะทำยังไง อันที่ 2 คำถามมีอยู่ว่า อิหร่าน โอบามาจะทำอย่างไร โอบามาจะสั่งเข้าไปรบหรือไม่ ถ้าไม่รบ
อิหร่านผลิตอาวุธนิวเคลียร์ได้ โอบามาจะทำยังไง หรือโอบามาจะสั่งให้อิสราเอลรบกับอิหร่าน ถ้าอิสราเอลรบกับอิหร่าน อิหร่านก็รบกับอิสราเอล
ก็เท่ากับสงครามในตะวันออกกลางก็เกิดขึ้นทันที สงครามในตะวันออกกลางเกิดขึ้นปั๊บ ซีเรียซึ่งในขณะนี้เป็นไม้เบื่อไม้เมากับอเมริกา
เพราะซีเรียกำลังปราบกบฏอยู่ ซีเรียก็จะถือโอกาสจับมือกับอิหร่าน ก็แข็งข้อ เพราะว่าศัตรูร่วมคืออิสราเอล เมื่อเกิดสงครามย่อยๆ
หรือสงครามใหญ่ในตะวันออกกลาง สงครามครั้งนี้จะทำให้น้ำมันกระโดดขึ้นไปเป็นบาร์เรลอย่างน้อย 200 เหรียญ หรือ 250 เหรียญ
ตรงนี้จะเป็นความโชคร้ายของรถคันแรก ลด 1 แสนบาท นี่มันโยงไปหมดเลยนะ
       
       จินดารัตน์ - สงสัยต้องเอาไปปลูกสะระแหน่
       
       สนธิ - ผมจะเล่าให้ฟัง มันโยงกันไปหมดเลยนะ แล้วผมจะบอกให้รู้ว่าไอ้รถคันแรก ลด 1 แสนบาทนี่ คือความโชคร้ายของคนไปซื้อ ใครก็ตามซื้อรถ
คิดว่าอีโคคาร์คันละ 5-6 แสน ได้ทอน 1 แสนบาท เหลือแค่ 5 แสนกว่าบาท โอ๊ยโชคดี ได้รถราคาถูก ผมอยากให้คุณ วันหลังผมจะวานคุณรัชพล คุณโก้ สามีรูปหล่อ
ของคุณสโรชา พรอุดมศักดิ์
       
       กมลพร - เต็มยศเลย
       
       สนธิ - เต็มยศ คุณสโรชาหวงมาก หึงสุดฤทธิ์สุดเดชเลย คุณโก้ไปมองอะไรใครไม่ได้เลยนะ คุณสโรชานี่ควันออกหู
       
       จินดารัตน์ - เดี๋ยวนะคะ น้องหนูไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ
       
       สนธิ - ผมล้อเล่น ผมชอบล้อเขาเล่น โก้เขาจะอธิบายให้ฟังได้ ว่าคุณมีรถ 1 คัน ต้นทุนค่าใช้จ่ายรถคุณตกคันละเท่าไร วันนี้คุณซื้ออีโคคาร์มาคันหนึ่ง
คุณต้องผ่อนประมาณ 8 พันบาทต่อเดือน ถึงหมื่นบาท เพราะราคาดาวน์มันถูก และคุณผ่อน 5 ปี คุณอาจจะผ่อนสัก 8 พัน คุณบวกค่าน้ำมันซึ่งหนีไม่พ้น
เดือนละ 6 พัน 7 พัน = หมื่นห้า คุณบวกค่าประกันอีกปีละสักประมาณเดือนละ 1,500 บาท 1,000 บาท = 16,000 บาทต่อเดือน
       
       จินดารัตน์ - ค่าบำรุงรักษาอีก
       
       สนธิ - ค่าบำรุงรักษาช่างมัน ผมยกให้ 16,000 บาทต่อเดือนนะ ยังไม่นับค่าที่จอดรถ ยังไม่นับว่าพอคุณขับรถออกมาจากบ้าน หรือออกมาจากทาวน์เฮาส์
ที่คุณเช่าอยู่ หรือว่ากำลังผ่อนส่งอยู่ คุณจะต้องเจอ พอออกแค่หน้าปากซอย คุณต้องรออีก 30 นาที กว่ารถคุณจะเข้าถนนใหญ่ได้ แล้วคุณวิ่งอีกชั่วโมงครึ่งจะมาถึง
พอมาถึงคุณต้องมาหาที่จอดรถอีก ถูก/ไม่ถูก เพราะฉะนั้นแล้วมันเป็นทุกข์ มันไม่ใช่ความสุขเลยนะกับการมีรถ โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำมันที่ราคาแบบนี้ ไม่มีทาง
เพราะฉะนั้นแล้วจะเห็นได้ชัด ว่าราคาน้ำมันจะมีแต่ขึ้นไปเรื่อยๆ แล้วยิ่ง ปตท.สูบเลือด ขูดรีดประชาชน โดยที่จะเอากำไรมากที่สุดเพื่อไปแบ่งปันให้แก่ผู้ถือหุ้น เอกชน
ซึ่งเบื้องหลังแล้วที่แท้จริงคือนักการเมือง ใช้นอมินีเป็นคนถือหุ้นเอาไว้ ก็ยิ่งจะทำให้เขารวยขึ้น
       
       คนซึ่งสนับสนุนให้นักการเมืองชั่วๆ พวกนี้รวยขึ้น คนที่สนับสนุนให้ ปตท.ขูดรีดต่อไปได้ ก็คือพวกเรานี่เองล่ะ เราไม่คิด แล้วปรากฏว่ายังไง วันนี้ วันนี้ทอนแสนบาท
บอกว่าถังแตกแล้ว ไม่มีให้อีกแล้ว อันที่ 2 ธ.ก.ส.บอกปีหน้าไม่มีเงินให้อีกแล้ว อันที่ 3 ตัดสินใจจะไปช่วยทวายสร้างท่าเรือน้ำลึก ใช้เงินอีกเกือบแสนล้าน หรือแสนกว่าล้าน
คุณเอาเงินมาจากไหน อันที่ 4 ข้าวที่คุณจำนำเอาไว้ คุณออกสมุดปกขาว สมุดปกเหลือง บ้าบอคอแตกยังไง ข้าวอยู่ที่นี่แต่คุณขายของไม่ออก อันที่ 5 ข้อตกลงกับ
ต่างประเทศต่างๆ นี่เรากำลังพูดเรื่องอเมริกาทำไมมันวนมาทางนี้ จะให้พูดต่อมั้ยเรื่องนี้
       
       จินดารัตน์/กมลพร - พูดค่ะ
       
       สนธิ - ผมยกตัวอย่างให้คุณฟัง ความโง่ที่บัดซบของผู้บริหารประเทศทุกวันนี้ ข้อที่ 1 กระสันกันเหลือเกินที่อยากจะได้รถไฟความเร็วสูง
อยากเหลือเกินที่จะให้มีรถไฟวิ่งจากเชียงใหม่ ลงมากรุงเทพฯ ความเร็วสูง ใช้เวลาวิ่งไม่เกิน 3 ชั่วโมง 3 ชั่วโมงครึ่ง ภูมิใจ คำถามว่าเมืองไทยต้องการรถไฟความเร็วสูง
หรือเมืองไทยต้องการรถไฟที่มีรางคู่ และความเร็วไม่เกินแค่ 150 ก็พอ เพื่อที่จะวิ่งจากกรุงเทพฯ สามารถที่จะไปสระบุรีได้ภายในเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง 150 กิโลฯ ต่อชั่วโมง
เพื่อให้คนที่ตื่นทำงานในกรุงเทพฯ สามารถจะไปซื้อบ้านราคาถูก สิ่งแวดล้อมที่ดี แล้วนั่งรถไฟจากสระบุรีเข้ามา เข้าใจหรือยัง 150 กิโลฯ ต่อชั่วโมง
ถ้าคุณเป็นรถด่วนวิ่งจากเชียงใหม่มากรุงเทพฯ คุณวิ่งจริงๆ ก็แค่ 5 ชั่วโมงกว่าเอง ต่างกับที่คุณวิ่งรถไฟความเร็วสูง 2 ชั่วโมงกว่า 3 ชั่วโมง แต่ค่าก่อสร้างต่างกัน 5-6 เท่า
เห็นหรือยัง คือไม่ใช้สติปัญญาในการคิด ไม่รู้จักใช้ความพอเพียง หรือจีนบอกว่าจะสร้างถนนจากคุนหมิง มณฑลยูนนาน วิ่งลงมาข้างล่าง มาจนถึงสิบสองปันนา
วิ่งเข้าหลวงน้ำทา ที่ลาว แล้วมาเจอที่ลาว แล้วให้ไทยเข้าไปในลาว ปรากฏว่าตกลงกันว่า ลาวไม่ออกเงินค่าทาง เพราะลาวบอกลาวทำตัวเป็นป้ายรถเมล์
ครึ่งหนึ่งจีนออก อีกครึ่งหนึ่งไทยออก ไทยนี่ไม่เจียมตัว เรานี่ประเทศที่เล็กเท่าลูกอัณฑะจีน แต่ทำตัวใหญ่ ไปออกคนละครึ่งกับเขา แล้วก็บอกว่าเขาขนสินค้าของเขา
จากจีนมาที่ลาว ไม่เข้ามาไทย จอดวางที่ลาว ไทยต้องวิ่งจากไทยเข้าไปในลาวเพื่อไปรับสินค้าเขา แล้วเราเอาอะไรไปส่งเขาล่ะ ของเขามาหมดเลย มาทั้งคอมพิวเตอร์
มาทั้งพลาสติก สินค้าจีน เครื่องไฟฟ้า เขาขนมาเต็มไปหมดเลย แล้วเอามาขายเพื่อให้เราขนของเขามาขายที่บ้านเรา แล้วเขาซื้ออะไรเราไปรู้มั้ย มังคุด ลำไย ทุเรียน
แค่นี้ ไม่มีอะไรไปมากกว่านี้ แค่นี้เอง แล้วของเขาก็ไปที่ลาว แล้วเขาไปตั้งฟาร์มที่ลาวแล้วตอนนี้ ไปเช่าที่ลาว เป็นล้านๆ ไร่เลย แล้วเขาจ้างคนลาวทำอะไรรู้มั้ย
ทำการเกษตร ที่เขาต้องการ รถเขาขนสินค้ามาใช่มั้ย จากจีน พอมาส่งที่ลาว หลวงน้ำทา เขาก็ขนสินค้าเกษตรเขากลับไป ไม่เสียเที่ยว คนไทยวิ่งรถเปล่าจากนี่ไปรับของเขา
และกลับมาขายคนไทย วันดีคืนดีอีกหน่อย จีนมันก็ส่งโลงศพมาขาย ส่งกระดาษกงเต๊กมาขาย แล้วส่งดอกไม้จันทน์มาขาย เพื่อที่จะเผาศพคนไทยไง ความโง่ของคนไทย
       
       จินดารัตน์ - เผาหมู่เลย
       
       สนธิ - เผาหมู่ นี่ไง ผมถึงบอกมันไม่เคยคิด อะไรที่เป็นของชาติของบ้านของเมือง มันคิดกันไม่เป็น ทำไมมันคิดไม่เป็นผมไม่เข้าใจ มันงี่เง่า มันลืมตัว
มันหวังที่จะกำไร มันหวังที่จะได้ แล้วจีนเขาก็บอกว่า ค่ารถไฟความเร็วสูงถ้าไทยไม่มีมันจะลงทุนให้ แล้วมันจะมาเก็บเงินค่าเดินทาง รถไฟความเร็วสูงใครได้ประโยชน์
เพราะจีนเขาสามารถจะมีรถไฟความเร็วสูงตอนนี้ทางภาคตะวันออก นั่งรถไฟจากปักกิ่ง ผมนั่งมาแล้วนะ ดีมากไม่เถียง จากเซี่ยงไฮ้มากว่างเจา เข้ามาทางกว่างสี
ลงมาเวียดนาม แล้วต่อความเร็วสูงจากเวียดนามลงมาต่อเข้ามาถึงไทยทางเหนือ ล่าสุดต่อไปถึงสิงคโปร์ มาเลเซีย ใครได้ จีนได้คนเดียว แล้วคนที่ได้ นั่งกระดิกเท้า
ไม่ต้องทำอะไรเลยคราวนี้ คือสิงคโปร์ ไม่ต้องทำอะไรเลยทั้งขนสินค้าทำอะไรได้หมด มันมาตั้งโรงงานที่เวียดนาม มันมาตั้งโรงงานที่ประเทศไทย ผลิตสินค้ามันแล้วก็วิ่งมา
หรือเอาสินค้าสิงคโปร์ ซึ่งเป็นสินค้าราคาแพง สินค้าไฮเอนด์ส่งขึ้นไปทางนี้ ในขณะนี้จีนกับอเมริกากำลังแข่งขันกันทางนี้ที่จะเข้ามามีอิทธิพล อเมริกาต้องการมีอิทธิพลในพม่า
และเขมร จีนก็แข่งกับอเมริกาในเขมร นี่เป็นที่มาว่าทำไมบารัค โอบามา จึงมาที่นี่ เพื่อที่จะเหมือนในอำเภอ หมู่บ้านมีมาเฟียสองคน มีขาใหญ่สองขาแล้วจู่ๆ มาเฟียมาเยี่ยม
หมู่บ้านตำบลหนึ่ง หัวหน้าตำบลมาเห็นขาใหญ่มันก็เกรงใจ แอนกับเก๋ก็เป็นลูกน้องขาใหญ่จะไปเปิดร้านคาราโอเกะ ขาใหญ่ไปเยี่ยมหัวหน้าหมู่บ้าน ก็ต้องกลัว เกรงบารมี
บารัค โอบามา มางวดนี้ไม่ใช่อะไร 1 เพื่อสร้างอิทธิพลทางการค้า และ 2 เพื่อสร้างอิทธิพลทางความมั่นคง บารัคเขาพูดมาแล้วว่าเขาอาจจะตัดงบประมาณก็ได้
ที่เกี่ยวกับอเมริกาน้อยลงแต่งบประมาณด้านทหารในทางเอเชียแปซิฟิกเขาจะไม่มีวันตัดเขาจะให้มันสูงขึ้นตลอดเวลา เพราะเขาต้องการที่จะอยู่ในเอเชียแปซิฟิก
เพราะเขารู้ว่า นี่คือแหล่งเจริญเติบโตในศตวรรษหน้า เขาพร้อมจะเผชิญหน้ากับจีน เขาไม่ได้พูด แต่การแสดงออกของเขาเป็นเช่นนั้น และความขัดแย้งในเอเชียแปซิฟิก
ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเกาะเตี้ยวอี๋ว์ซึ่งทะเลาะกันระหว่างจีนกับญี่ปุ่น คนที่อยู่เบื้องหลังก็คืออเมริกาเพื่อให้ญี่ปุ่นทะเลาะกับจีน หรือสมัยก่อนนายเฉิน สุ่น เปียน
ประธานาธิบดีไต้หวัน ทะเลาะกับจีนตลอดเวลา คนที่อยู่เบื้องหลังก็คืออเมริกา แต่เผอิญเฉิน สุ่ย เปียน สอบตก เลยไม่ได้เป็นประธานาธิบดี นายหม่า อิง จิ่ว เป็น
แล้วเป็นก๊กมินตั๋ง ซึ่งสนิทกับจีน ก็เลยไม่ยอมเล่นตามเกมอเมริกาเท่าไหร่นัก ภูมิภาคนี้แต่ความสงบ จีน ฮ่องกง ไต้หวัน ถ้าเป็นแท็กเดียวกันเฉพาะเงินตราต่างประเทศ
ที่เก็บเอาไว้แล้วฝากเอาไว้ในอเมริกาในรูปแบบของพันธบัตร มูลค่าผมเข้าใจว่าน่าจะถึง 2 ล้านล้านกว่าเหรียญสหรัฐ จีนตอนนี้มีอยู่ล้านล้านเหรียญ
เท่ากับว่าเขาเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ แล้วถ้าญี่ปุ่นสงบแล้วจับมือกับจีนได้ พัฒนาเศรษฐกิจไปในที่สุดญี่ปุ่นกับจีนก็เกี่ยวก้อยกัยอเมริกาจะไม่มีบทบาทอะไรเลยในภูมิภาคนี้
มาที่เขมรก็ไม่ได้ เพราะมาติดจีน ต้องสู้กับจีนถึงพริกถึงขิง เวียดนามวางตัวอิงไปทางอเมริกานิดหน่อย แต่ไม่กล้าปฏิเสธจีน จะเหลือประเทศเดียวที่เข้ากับอเมริกาได้
ทางอาเซียน 2 ประเทศ ประเทศนึงคือ ฟิลิปปินส์ เพราะว่าเป็นขี้ข้าอเมริกามาตั้งแต่สมัยแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว อีกประเทศนึงคือประเทศ สิงคโปร์ ซึ่งเป็นหัวหน้า
คนใช้ของอเมริกา ทำตามอเมริกาบอก เพราะฉะนั้นบารัค โอบามา ถึงต้องมาภูมิภาคนี้ เขาไม่มาไม่ได้ ทำไมบารัคไม่ไปตะวันออกกลาง ทำไมบารัคไม่ไปเยี่ยมรัสเซีย
ทำไมบารัคไม่ ผลประโยชน์ตอนนี้ของอเมริกาอยู่ที่เซาท์อีสต์เอเชีย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสนามบินอู่ตะเภา ไม่ว่าจะเป็นบ่อน้ำมันที่ใช้เชฟรอนเป็นหัวหอกในการบุกเข้าไป
ไม่ว่าจะเป็นพม่าซึ่งคุณเปิดประเทศ และที่สำคัญที่สุดนี่คือเหตุผล ทำไมอเมริกาถึงให้วีซ่าทักษิณเข้าอเมริกา เพราะต้องการให้ทักษิณทำตัวเป็นหัวหน้าคนใช้
ไปเจรจากับพม่าแทนอเมริกา ทะลุยังตอนนี้
       
       กมลพร - เห็นภาพ
       
       สนธิ - นี่คือการเมืองระหว่างประเทศฉบับ สนธิ ลิ้มทองกุล
       
       จินดารัตน์ - งั้นขอนิดนึงคะคุณสนธิ
       
       สนธิ - ขอมากกว่านี้ก็ได้
       
       จินดารัตน์ - อยากให้คุณสนธิพูดถึงผู้หญิงไทยลูกครึ่งอเมริกา
       
       สนธิ - ลัดดา ดักเวิร์ธ พ่อเป็นอดีตทหารอเมริกัน ตามพ่อไป แม่เป็นคนไทย ตามพ่อไปประเทศต่างๆ เคยไปอยู่สิงคโปร์ เคยไปอยู่ประเทศโน้นประเทศนี้
ไปเรียนโรงเรียนอินเตอร์ แล้วในที่สุดแล้วเข้าไปเป็นทหาร แล้วไปรบที่อิรัก ขาขาดสองข้าง แขนเสีย ลัดดา ดักเวิร์ธมีความรู้สึกคล้ายๆ กับใครรู้ไหม
คล้ายๆ กับไทเกอร์ วูดส์ พ่ออเมริกันแม่เป็นคนไทย แต่ว่าลัดดามาทางการเมือง เพราะ Ladda เป็นเดโมแครตแทมมี ลัดดา เป็นเดโมแครตเขาใกล้ชิดกับบารัค โอบามา
เขาเคยลงสมัครครั้งหนึ่งแล้วเขาแพ้ แล้วเขากลับมาสู้อีก ความที่เขาขาด ความที่เขาเป็นผู้หญิง ความที่เขาใจสู้ ทำให้เขาได้คะแนนเสียงมาก และเขาไม่ยอมแพ้ใคร
ถึงจุดๆ หนึ่ง เขาชนะคู่ต่อสู้เขาร่วม 10 เปอร์เซ็นต์ ผมคิดว่าในที่สุดแล้ว ผมยังเชื่อว่า ถึงจุดสุดท้ายถ้าต้องหงายไพ่แล้ว ลัดดา แทมมี ดักเวิร์ธ ก็คืออเมริกา
เพราะเขาคิดแบบอเมริกัน เขาโตแบบอเมริกัน
       
       เหมือนครั้งหนึ่งเราเคยดีใจที่ ไทเกอร์ วูดส์ มาเมืองไทย เราบอกไทเกอร์ วูดส์ มีแม่เป็นคนไทย ปรากฏว่า โดนมันเอารองเท้าตบหน้า ให้มหาวิทยาลัยเกษตร
ไปพลาดท่าๆ ไหนไม่รู้ให้ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์มันไปรับ มันไปรับยังไม่อยากไปรับเลย ต้องขนเอาเสื้อครุยไปให้มันที่โรงแรม อุบาทว์ไหม แล้วมันไม่เคย appreciate ว่า
มันมีเชื้อสายคนไทยครึ่งหนึ่ง อย่าไปหวังกับคนพวกนี้ อย่าไปหวังกับ ลัดดา ดักเวิร์ธ เช่นกัน ในขณะนี้หวังอยู่อย่างเดียว คนไทยต้องดูแลคนไทยให้ดี
คนไทยต้องปกป้องผลประโยชน์คนไทยให้ดีที่สุด ชัดเจนไหม จะถามอะไรเรื่องบารัคอีกไหม
       
       กมลพร - มีคำถามในเฟซบุ๊กมาพอดีเลย ขออนุญาตถามก่อนจะพักกัน คือเขาเห็นคุณสนธิเป็นพ่อหมอ พูดเรื่องราคาทองทีไรแม่นทุกที ไม่รู้เกี่ยวอะไรกับบารัค
แต่ว่าคุณคนนี้ เขาบอกว่า พอบารัคมาเป็นผู้นำแล้ว ราคาทองจะเป็นอย่างไร ควรลงทุนไหมคะ
       
       สนธิ - ใจผมคิดว่า ทองต้องขึ้น เพราะว่าอเมริกาจะแก้ปัญหางบประมาณไม่ได้ ตามที่ผมเล่าให้ฟังเมื่อกี้ แล้วผมเชื่อว่าแนวโน้มสงครามทางตะวันออกกลางจะเกิด
อย่างอิหร่าน เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าปัญหาการเงินไม่ดีทองจะขึ้น ปัญหาสงครามจะเกิดขึ้น น้ำมันจะขึ้น และทองจะขึ้น ผมตอบอย่างนี้ดีกว่า
       
       จินดารัตน์ - รอดูจังหวะนิดนึง ติดตามข่าวต่างประเทศด้วยเยอะๆ บารัค โอบามา ได้มาอย่างหนึ่งคือ ระฆังช่วยไว้นะคะคุณสนธิ พายุแซนดี
       
       สนธิ - มันมีส่วน แต่ว่าเป็นส่วนที่ได้ นี่ขนาดแซนดีช่วยนะ ยังชนะป็อปปูลาร์โหวตนิดเดียวเอง
       
       กมลพร - ฉิวเฉียด
       
       สนธิ - จริงๆ แล้วบารัค งวดนี้อาจจะแพ้ด้วยซ้ำ แซนดีอาจจะมาช่วยได้ทำให้เคยแพ้อยู่ 1 เปอร์เซ็นต์ กลับเป็นชนะ 1 เปอร์เซ็นต์
       
       กมลพร - ดีดตัวขึ้นมาอีก 1 เปอร์เซ็นต์
       
       สนธิ - แซนดีช่วย แต่ว่าพูดถึงพายุแซนดี ผมนอกเรื่องสักนิดนึง แอนสังเกตไหมว่า ผมสังเกตมานานแล้ว ความจริงคุณควรเตือนผมสักครั้ง งวดไหนสักอาทิตย์หนึ่ง
ให้ผมพูดเรื่องภัยพิบัติที่เขาทำนายว่า มันจะเกิดขึ้นภายในสิ้นปีนี้ คือเดือนหน้า เขาเตือนว่าเดือนหน้าถ้าเป็นไปได้อย่าเดินทาง อย่านั่งเครื่องบิน อันนี้คนซึ่งคาดคะเนกัน
ทั้งนักวิทยาศาสตร์หลายๆ คนเขาว่ากัน รวมทั้งพ่อแม่ครูอาจารย์ คนที่นั่งข้างใน คนที่นั่งสมาธิเขาบอกกันหมด แต่สิ่งหนึ่งซึ่งเป็นหลักฐานพิสูจน์ชัดคือว่า
พายุแซนดีครั้งนี้เกิดขึ้นมารุนแรงมาก และหลังจากแซนดีเกิดไปแล้ว นิวเจอร์ซีย์ยังไม่สงบ พายุหิมะตามมาอีก ซ้ำเติมคนซึ่งพังจากบ้านแซนดี
       
       จินดารัตน์ - ไม่มีที่อยู่อาศัย
       
       สนธิ - ไม่มีที่อยู่อาศัยต้องหนาวเหน็บ และปรากฏว่า ภาวการณ์ของภัยพิบัติในขณะนี้เพิ่มมากขึ้น ผมว่าจดไว้ดีกว่า อาทิตย์หน้าเดี๋ยวผมจะพูดเรื่องภัยพิบัตินิดนึง
เพราะผมมีสถิติภัยพิบัติหลายอย่าง ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่า ในขณะนี้เรากำลังก้าวเข้าไปสู่ความฉิบหาย ทางภัยธรรมชาติมากขึ้น คืออย่างนี้เวลาเกิดขึ้นอย่างแซนดีเกิดขึ้น
หรือที่น้ำท่วมเมื่อปีที่แล้ว พอเกิดขึ้นเราโวยวาย วันนี้เราลืมหมดแล้ว แต่ถ้าเรามองให้ดีๆ เราโยงแต่ละตัวเข้าหาแต่ละตัว เราจะบอกตายแล้ว ไม่ใช่เรื่องเล็กแล้วนี่หว่า
แต่ถ้าเรามองเฉพาะตรงนั้น พอผ่านตรงนั้นไป
       
       จินดารัตน์ - ลืม ประมาท
       
       สนธิ - ลืมสนิทเลย ไม่ให้ความสนใจ พอเกิดขึ้นมาอีก จำขึ้นมาอีก แต่ลืมนึกไปว่า ที่มันเกิดขึ้นมาอีก เพราะว่ามันมีที่มาที่ไป เพราะว่ามันเป็นอย่างนี้กราฟมันขึ้นไปเรื่อยๆ
รุนแรงไปเรื่อยๆ
       
       จินดารัตน์ - แล้วมันเกิดแบบที่เราคาดไม่ถึงด้วยไหมคะ มันจะเป็นแบบ
       
       สนธิ - ไม่มีทาง มันเกิดแบบไม่มีใครคิดถึง และขณะที่รู้อยู่แล้วว่า มันต้องมาแล้วต้องแรง ไม่ได้คิดว่า มันจะแรงขนาดนี้ แล้วพิสูจน์ชัดว่า ไม่มีอะไรที่ชนะธรรมชาติ
เป็นไปได้อย่างไง สหรัฐอเมริกา ทั้งอีสต์โคสต์ทางชายฝั่งตะวันออก นิวยอร์ก แมนฮัตตัน นิวเจอร์ซีย์ เพนซิลเวเนีย พวกนี้ไม่มีไฟฟ้าใช้ตั้ง 10 กว่าล้านบ้าน
เป็นไปได้อย่างไรนี่คือ อเมริกานะ นี่ไม่ใช่กำปงโสมนะ เข้าใจยัง หรือไม่ใช่ย่างกุ้ง ไม่ใช่เป็นไปได้อย่างไง ซับเวย์อเมริกาน้ำท่วม กว่าจะเปิดใช้ได้ 7-8 วัน
       
       จินดารัตน์ - อายุ 100 กว่าปี
       
       สนธิ - อายุ 100 กว่าปี แมนฮัตตันไม่เคยมีใครคิดว่า แมนฮัตตันจะไม่มีไฟใช้ อุโมงค์น้ำท่วม อเมริกา นิวยอร์ก ชีวิตอยู่ได้เพราะอุโมงค์ ถ้าไม่มีอุโมงค์รถผ่านไปไม่ได้
เดี้ยงหมดเลย แล้วจู่ๆ ตลาดหลักทรัพย์อเมริกานิวยอร์กปิด 2 วัน อเมริกามันงกเงินจะตาย ทำมาหากินกับการซื้อหุ้น ซื้อมาขายไป ปิด 2 วันนี่เรื่องใหญ่สำหรับมันแล้วนะ
มันต้องซีเรียสจริงๆ ไม่งั้นมันไม่ปิดหรอก แล้วเคยมีมั้ยอย่านี้ ไม่เคยเห็น ไม่เคยเจอ
       
       จินดารัตน์ - ถ้าอย่างนั้นขอเพิ่มได้มั้ยคะ ไหนๆ คุณสนธิสัญญาว่าจะพูดเรื่องภัยพิบัติอาทิตย์หน้า ไหนๆ ก็ศึกษาทางด้านพระพุทธ มาเยอะ
คนอยากรู้ว่าพุทธทำนายเป็นอย่างไร
       
       สนธิ - ผมไม่ได้ศึกษาทางด้านพระพุทธเยอะ ผมเป็นคนพยายามเอาพระธรรมคำสั่งสอนมาแล้วปฏิบัติตามให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
       
       จินดารัตน์ - อาจารย์เยอะไงคะคุณสนธิ เผื่อจะมีท่านไหน เกจิท่านไหนจะเคยเปรย
       
       สนธิ - ถ้าจะมาพูดรวมเอามาพูดอาทิตย์หน้าได้ แต่เอาเป็นสั้นๆ ว่า โดยทางด้านจิตวิญญาณ พ่อแม่ครูอาจารย์ก็บอกว่าธรรมชาติกำลังจะสั่งสอนโลก
ในขณะเดียวกันสิ่งศักดิ์สิทธิ์กำลังจะล้างโลก ล้างคนชั่วให้ตายไป พุทธทำนายก็มีทั้งพ่อแม่ครูอาจารย์ที่เป็นระดับเกจิอาจารย์ พระอริยสงฆ์ พระอรหันต์ก็เคยพูดให้ผมฟัง
ตลอดเวลาว่าวันนึงคนชั่วจะตายไป คนชั่วจะตายไป เพราะภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นจะลงโทษ คนดีมีศีลมีธรรมจะอยู่รอด ท่านพูดอย่างนี้ รายละเอียดเดี๋ยวอาทิตย์หน้ามาฟังกัน
       
       กมลพร - ระฆังแซนดีช่วยโอบามาหรือเปล่าไม่รู้ แต่ระฆังปานเทพมาแล้วค่ะ 2 รอบเลย บอกว่าขอพักก่อนมีเรื่อง Callcenter นิดหน่อย เดี๋ยวเราไปพักกันสักครู่ค่ะ
       
       ช่วงที่ 3
       
       กมลพร - กลับมาช่วงสุดท้ายของรายการ
       
       จินดารัตน์ - สุดท้ายแล้วเหรอ
       
       สนธิ - ยังไม่สุดท้าย กลับมาอีกช่วงหนึ่งที่จะพูดเรื่องจีน และอาจจะมีอีกหลายช่วงที่จะพูดหลายเรื่อง
       
       จินดารัตน์ - ก่อนจะไปเรื่องจีนนะคะ ขออภัยคุณผู้ชมทางบ้านอย่างสูงเลยค่ะ ต้องกราบขออภัย เพราะว่าตอนนี้ระบบคอลเซ็นเตอร์เรา
       
       สนธิ - เดี้ยง
       
       จินดารัตน์ - ปลดล็อกไม่ได้ เกิดปัญหาทางเทคนิคเล็กน้อย พอมีคนโทร.มาก็จะเด้งไป ขณะนี้ปิดทำการค่ะ เพราะฉะนั้นขออนุญาตคุณผู้ชมว่า
ทุกๆ เบอร์ที่โทร.เข้าไปในคอลเซ็นเตอร์ เขาจะมีเมมโมรีไว้ บันทึกไว้หมดทุกเบอร์
       
       สนธิ - แล้วจะโทร.กลับหมด
       
       จินดารัตน์ - วันพรุ่งนี้ หรือวันต่อๆ ไปเขาจะไล่เรียงโทร.กลับไปทุกเบอร์นะคะ ก็รอการติดต่อกลับจากเจ้าหน้าที่ของเรา วันนี้อาจจะติดขัดเล็กน้อย
เพราะฉะนั้นก็หยุดการโทร.ไว้ก่อนก็ได้นะคะ หรือใครอยากจะโทร.ไปเพื่อให้เบอร์ขึ้น ให้เจ้าหน้าที่โทร.กลับก็โทร.ได้
       
       สนธิ - รับประกันว่าจะโทร.กลับทุกเบอร์
       
       กมลพร - แต่ต้องใจเย็นๆ นิดหนึ่ง มาอีกเรื่องหนึ่ง นอกจากจะมีการเลือกตั้งผู้นำที่เรียกว่าพญาอินทรี อย่างอเมริกาแล้ว เรื่องของจีนตอนนี้ก็น่าจับตามองมาก
โดยเฉพาวะภาวะผู้นำ ที่เขาเรียกกันว่าผู้นำรุ่นที่ 5 ของจีน หลายคนก็สนใจมากที่อยากจะขอความรู้จากคุณสนธิ
       
       สนธิ - ผู้นำรุ่นที่ 5 ของจีนนะ รุ่นที่ 1 เป็นเหมา เจ๋อ ตง รุ่นที่ 2 คือเติ้ง เสี่ยว ผิง รุ่นที่ 3 คือเจียง เจ๋อ หมิน รุ่นที่ 4 คือหู จิ่นเทา ก่อนที่จะพูดถึงผู้นำรุ่นที่ 5
ต้องเข้าใจว่าการเลือกผู้นำครั้งนี้ จริงๆ แล้วการเลือกผู้นำตั้งแต่สมัยหู จิ่นเทา ขึ้นมา มันมีการเปลี่ยนแปลงมา สมัยก่อนนั้นสิทธิเด็ดขาดจะอยู่ที่ผู้นำรุ่นก่อนที่จะเลือก
อย่างเช่น เหมา เจ๋อตง ก็จะตัดสินใจให้เติ้ง เสี่ยวผิง ขึ้น เติ้ง เสี่ยวผิง จะตัดสินใจให้กับเจียง เจ๋อหมิน ขึ้น ตอนที่เติ้ง เสี่ยวผิง จะตายไป แล้วตัดสินใจให้เจียง เจ๋อหมิน ขึ้น
เติ้ง เสี่ยวผิง พูดในที่ประชุมพรรค โดยเฉพาะในกลุ่มกรมการเมือง ที่เขาเรียกว่า Polit Bureau ผู้ใหญ่ในพรรคทั้งหมดบอกว่าให้เจียง เจ๋อหมิน ขึ้น
พอหมดเทอมเจียง เจ๋อหมิน แล้วให้หู จิ่นเทา ต่อ นี่คือวางตัวทายาทไปเลย เพราะฉะนั้นแล้วสี จิ้นผิง ที่กำลังจะขึ้นมาแทนหู จิ่นเทา เป็นผู้นำรุ่นที่ 5
คนแรกที่เกิดจากการเจรจากันระหว่างกลุ่มที่อยู่ในประเทศจีน ก่อนหน้านั้นเป็นการวางตัวไว้แล้ว เหมา เจ๋อตง วางตัวเติ้ง เสี่ยวผิง
เติ้งเสี่ยวผิง วางทีเดียว 2 คนเลย คือเจียง เจ๋อ หมิน และหู จิ่นเทา
       
      ผมเคยอธิบายเรื่องเจียง เจ๋อ หมิน กับหู จิ่นเทา ไว้ดังนี้ ว่า เติ้ง เสี่ยว ผิง เป็นผู้นำจีนที่มีสายตากว้างไกล และลึกซึ้ง ตอนที่วางเจียง เจ๋อ หมิน ขึ้นไป
เพราะว่าเติ้งเป็นคนเปิดประตูจีน ให้การลงทุนเข้ามา ให้จีนก้าวเข้าสู่การค้าในโลก เติ้ง เสี่ยว ผิง เป็นคนพูดว่า แมวสีอะไรก็ตามไม่สำคัญ จะสีขาว สีดำ สีอะไรก็ได้
แต่ขอให้จับหนูให้ได้ เพราะฉะนั้นแล้วเติ้ง เสี่ยว ผิง ก็เลยมองว่าเมื่อเปิดประตูแล้ว เติ้ง เสี่ยว ผิง เปิดเสิ่นเจิ้น เติ้ง เสี่ยว ผิง เปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษ ให้สิทธิพิเศษ
ออกกฎหมายปกป้องนักลงทุนที่อยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ ลดภาษีให้ เติ้ง เสี่ยว ผิง รู้ว่าเมื่อเปิดอย่างนี้แล้วคนที่จะสานต่อเรื่องพวกนี้จะต้องเป็นเทคโนแครต
ที่ฉลาด ที่ชำนาญ และที่เคยชินกับการลงทุนต่างประเทศ ไม่มีใครดีเท่าเจียง เจ๋อ หมิน เพราะเจียง เจ๋อ หมิน คือคนเซี่ยงไฮ้ และเจริญเติบโตในเซี่ยงไฮ้
และทุกคนในจีนก็รู้ว่าเซี่ยงไฮ้เป็นเมืองเดียวก็คือ ศูนย์กลางการค้ากับต่างประเทศ และการค้าทั่วประเทศอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ ก็เลยให้เจียง เจ๋อ หมิน เป็น
       
       เติ้งก็รู้ว่าถ้าเจียง เจ๋อ หมิน เป็น 2 เทอม 8 ปี หรือ 10 ปี ในช่วงนั้นเศรษฐกิจจะบูมมาก เพราะฉะนั้นก็จะเกิดชนชั้น คนมีเงินกับคนจน ช่องว่างระหว่างคนมีเงิน-คนจน
มันจะห่างกันมาก เพราะฉะนั้นแล้วถ้าเอาผู้นำคนต่อไปที่ไม่เข้าใจคนจน ที่ไม่สามารถจะปกป้องคนจน ชาวนา แรงงาน ก็จะลำบาก ก็เลยตั้งหู จิ่นเทา ล่วงหน้าไว้เลย
เพราะว่าหู จิ่นเทา นั้นโดยพื้นฐานเป็นคนอันฮุย อันฮุยนี่เป็นมณฑลที่จนมาก และชีวิตหู จิ่นเทา อยู่รับราชการเป็นนักการเมืองพรรคคอมมิวนิสต์ที่ดูแลมณฑลที่จนที่สุดมาแล้ว
หู จิ่นเทา เคยเป็นผู้ว่ามณฑลฮกเกี้ยน ฝูเจี้ยน ซึ่งก็เป็นมณฑลเดียวกับที่สี จิ้นผิง มา และหู จิ่นเทา เคยไปเป็นผู้ว่าฯ ของมณฑลทิเบต เพราะฉะนั้นเติ้งมองว่าปัญหาชนชาติ
กันแยกประเทศออกมาจากทิเบต จะรุนแรง ก็ถูกต้องเลย ในยุคหู จิ่นเทา เป็นยุคที่คนทิเบตต้านจีนมากที่สุด
       
       คุณรู้ใช่มั้ยว่าเดี๋ยวนี้พระทิเบตเผาตัวเองตายไป 60 กว่าคนแล้ว เพราะฉะนั้นเติ้งมองเห็น ทีนี้พอหู จิ่นเทา หมดเทอมแล้ว ต่อไปสี จิ้นผิง จีนมองอะไร
จีนมองว่าจะต้องเป็นคนที่พร้อมจะปฏิรูป ปฏิรูปประเทศและเดินหน้าต่อไป เพราะจีนวันนี้ถอยหลังต่อไปไม่ได้แล้ว แต่จีนจะทำยังไงที่จะให้ Market Socialism
สังคมนิยมการตลาด ก็คือค้าขายแบบต่างประเทศ แต่ในขณะเดียวกัน ยังเอาหลักสังคมนิยมยึดถือเอาไว้เหมือนเดิม
       
       จินดารัตน์ - ยังเป็นอนุรักษนิยม
       
       สนธิ - คุณสังเกตว่า ปรัชญาของการประชุมครั้งที่ 18 ครั้งนี้ เขามีอยู่ 2 ตัว ตัวแรกก็คือ ให้ควบคุมการเมืองให้อยู่ ตัวที่ 2 คือให้ปราบปรามคอร์รัปชันให้เด็ดขาด
ทีนี้กุญแจสำคัญที่สุดของผู้นำจีน ก็อยู่ที่คณะกรรมการกลางพรรค ที่เขาเรียกว่า Polit bureau
       
       ทีนี้ Polit bureau คุณจะตั้งใครก็ตาม มีอยู่ 9 คน คุณจะตั้งคนนั้นไป คุณจะตั้งคนนี้ไป มันก็จะมีกลุ่มคนของเขา เจียง เจ๋อ หมิน ทุกวันนี้ยังมีอำนาจอยู่เลย
เขาก็จะมีลูกน้องเขาอยู่ หู จิ่นเทา ก็ยังมีลูกน้องเขาอยู่ เติ้ง เสี่ยว ผิง ก็ยังมีลูกน้องเก่าๆ อยู่ จีนในขณะนี้ก็จะมีพวกไปฝรั่งจ๋าเลย กับยังจีนจ๋าอยู่เหมือนเดิม
คือยังคิดแบบเหมา เจ๋อ ตง คนที่คิดแบบเหมา เจ๋อ ตง ก็มองว่าจีนวันนี้ก้าวหน้าเกินไปแล้ว จีนวันนี้ไม่มีความรักชาติเหมือนแต่ก่อน เด็กจีนสมัยนี้ไม่เคยเข้าใจว่า
จีนเกิดขึ้นมาได้ยังไง ด้วยความยากแค้น เดี๋ยวนี้เด็กจีนถือไอโฟน เดี๋ยวนี้เด็กจีนเต้นแร็ป เดี๋ยวนี้ดาราจีนเปิดนมเปิดต้ม คือวัฒนธรรม ศีลธรรม พังพินาศฉิบหายหมด
คือคนซูเปอร์อนุรักษนิยมของพรรคคอมมิวนิสต์ที่อยากให้จีนกลับไปเพื่อกู้ชาติ เข้ามาร้องเพลง เข้ามาร้องเพลงปฏิวัติประชาชนเหมือนเดิม คนพวกนี้คือกลุ่มคน
ซึ่งยังมีอิทธิพลอยู่พอสมควร และเป็นกลุ่มเดียวกับที่ป๋อ ซีไหล ไปเกาะเอาไว้
       
       เมื่อเขาจัดการกับป๋อ ซีไหล ป๋อ ซีไหล ไปพลาดก็เพราะความโลภของเมีย และของตัวเอง ตัวเองก็ไม่รู้เรื่องราวอะไรทั้งสิ้น หรือจะรู้ก็ไม่รู้ ของแบบนี้
เมื่อเขาจะจัดการป๋อ ซีไหล พวกนี้ก็ขวาง ทีนี้ถ้าขวางแล้วการประชุมสมัชชาประชาชนครั้งที่ 18 ครั้งนี้ก็จะเกิดขึ้นไม่ได้ เพราะว่าจีนจะมีอยู่อย่างหนึ่ง
คุยให้รู้เรื่องก่อนจะเอาใคร พอคุยรู้เรื่องแล้วก็จะแจ้งประชุมกันตั้งแต่วันที่ 8-9-10-11 พอครบ 4 วันก็ยกมือ ทีนี้จะยกมือจะพรึ่บเหมือนกันหมดเลย เป็นเอกภาพ
ไม่มีความขัดแย้งกัน ฉะนั้นก่อนจะถึงวันที่ 8 คือเมื่อวานนี้ ประชุมสมัชชาครั้งที่ 18 ก่อนจะถึงวันนั้นเขาจะต้องเจรจาต่อรอง ยื่นหมูยื่นแมว
ทอนสตางค์กันให้เรียบร้อยก่อน กูเอาไอ้นี่ มึงโอเคมั้ย ถ้ามึงโอเค มึงจะขอไอ้นี่ กูให้ คือถ้าคุณเสนอไอ้นี่มา แล้วคุณให้นี่ผม ผมจะยกมือให้คุณ
       
       จินดารัตน์ - คือจัดการให้เรียบร้อยก่อน
       
       สนธิ - นี่คือที่มาของการที่เขาจับป๋อ ซีไหล เป็นตัวประกัน และในที่สุดฝ่ายอนุรักษนิยมซึ่งปกป้องป๋อ ซีไหล ในที่สุดตัวเองก็ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ
ก็เลยถีบป๋อ ซีไหล ออกไปกระเด็น ป๋อ ซีไหล ก็เลยโดนกระทืบตอนนี้
       
       ทีนี้เวิน เจียเป่า ก็มองว่าจะอย่างไรก็ตาม เขาต้องดำเนินคดีป๋อ ซีไหล ให้ได้ เขาไม่ดำเนินคดีป๋อ ซีไหล ไม่ได้ เพราะว่าเขาต้องการจะปราบเรื่องคอร์รัปชัน
รวมทั้งหู จิ่นเทา ด้วย เพราะถ้าเขาปราบหัวเสี่ยวไหลได้ก็แสดงว่าเขาจะต้องได้รับฉันทมติจากกลุ่มซูเปอร์อนุรักษนิยม เขาเลยต้องยอมกลุ่มซูเปอร์อนุรักษนิยม
กลุ่มนี้ก็จะคนบางคนมี 1 หรือ 2 หรือ 3 คน ที่อยู่ในคณะกรรมการกลางของเจียง เจ๋อ หมิน ก็มี ของหู จิ่น เทาก็มี มันก็จะกลายเป็นกรมการเมืองคณะกรรมการการเมือง
ที่ประนีประนอมกัน ก็กลายเป็นว่าสี จี่ ปิง ขึ้นไปทำงานเป็นประธานาธิบดี แต่ก็ไม่สามารถจะทำได้ตามที่ตัวเองต้องการร้อยเปอร์เซ็นต์ นี่คือข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
       
       กมลพร - มีอยู่ช่วงหนึ่งที่สีหายไป
       
       สนธิ - นี่คือเหตุผลใหญ่ เขาเจรจาต่อรองกัน ให้เรียบร้อยหมดทุกอย่าง ฉะนั้นแล้วจีนก็จะเดินหน้าต่อไปแต่ก็จะไม่เป็นเอกภาพ ไม่เคยมีครั้งไหนที่ประเทศจีน
มีเอกภาพมากเท่ายุคเติ้งเสี่ยวผิง เพราะความที่มีบารมีสูง พูดคำไหนคนเชื่อหมด พอมาถึงเจียง เจ๋อ หมิน ก็ยังไม่เป็นเอกภาพ การขวางทางกัน คุณจะเห็นว่าวันที่ประชุม
จะมีผู้เฒ่าของจีนนั่งอยู่แถวหน้าสุดเลย จะมีรูปเจียง เจ๋อ หมิน รูปจู หลง จี คนพวกนี้ล้วนแล้วแต่มีลูกน้องตัวเองหมด เหมือนวงการทหาร ตำรวจ ผู้บัญชาการทหารบกเกษียณไป
ใครก็จะมีสายลูกน้องตัวเองขึ้นมาหลายคน เดินมาแต่ละคนผู้เฒ่าทั้งนั้น เกษียณไปก็จะสายลูกน้องตัวเองขึ้นมาหลายคน เคยยิ่งใหญ่ในจีนแต่ทุกวันนี้ยังมีเส้นสายอยู่ใน
พรรคคอมมิวนิสต์ เพราะฉะนั้นคนนี้จะมีตัวกลาง ลูกน้องที่วางเอาไว้เป็นคนผลักดัน เพราะคนพวกนี้คือกลุ่ม เขาเรียกว่า Political Faction มันเหมือนกับเมืองไทยเป๊ะ
เพราะฉะนั้นแล้วสี จี่ ปิง ก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ในขณะนี้เขาก็มีข่าวออกมา นิวยอร์กไทม์ รายงานว่า เหวิน เจีย เป่า ร่ำรวยผิดปกติ ทีนี้เหวิน เจียว เป่า ก็ยังไม่กลัว ก็ท่าเลย
เขายื่นจดหมายให้แก่คณะกรรมการวินัยพรรค เรื่องคอร์รัปชัน บอกขอให้มีการสืบสวนตัวเขาอย่างเต็มที่ เขาพร้อมจะพิสูจน์คนก็บอกว่า ทำไปเพื่ออะไร จริงๆ แล้วเหวิน เจี่ย เป่า
ทำไปเพื่อเอาตัวเองมาพิสูจน์ว่าตัวเองไม่ผิด เพื่อให้ผ่านกฎหมาย เขาเรียกว่ากฎหมายพระอาทิตย์ส่องแสง Sunshine Law กฎหมายนี้เป็นกฎหมายซึ่งค้างเติ่งอยู่
กรมการเมือง และสมัชชาไม่ยอมผ่านสักที พอกฎหมายนี้ผ่านเมื่อไหร่ ผู้นำทุกคนไม่เว้นเลยจะต้องแสดงทรัพย์สินตัวเองทุกอย่างหมดเหมือน ป.ป.ช.แล้วถูกผู้ใหญ่
ผู้เฒ่าในพรรคคอมมิวนิสต์เก่าๆ ขวางหมด แต่ละคนธรรมดาที่ไหนล่ะ เดี๋ยวตายหมู่ แต่ถ้าเหวิน เจี่ย เป่า ทำสำเร็จ เพราะฉะนั้นต้องผลักดันกฎหมายนี้ออกมา
นี่คือล่าสุด เดี๋ยวเรื่องก็เงียบ
       
       สรุปแล้วผู้นำจีนที่ซื่อสัตย์ที่สุด ลูกหลานไม่ได้ไปทำอะไรให้เสียชื่อเสียงทุจริต คือ จู่ หลง จี คนเดียว เจียง เจ๋อ หมิน ลูกยิ่งใหญ่มาก ทำธุรกิจโน้นนี้ ทุกคนทำหมด
หู จิ่น เทาก็มี มีอยู่คนเดียวในประเทศจีนที่ถือว่าเป็นนักการเมืองที่รับใช้ประชาชนจริงๆ และซื่อสัตย์มากก็คือจู หลง จี
       
       จินดารัตน์ - แต่คล้ายๆ กับจู หลง จี บารมีน้อยกว่าคนอื่น
       
       สนธิ - เขาบารมีไม่น้อยแต่เขาเป็นคนซึ่งข้าราชการกลัวเขามาก เป็นคนตรงมาก จริงจังมากกับทุกเรื่อง เขาปราบปรามคอร์รัปชันแล้วไม่ชอบใครก็ตาม
ที่จะทำงานแล้วไม่มีประสิทธิภาพ สี คี่ ปิง ก็น่าจะไปได้ดี เหตุผลเพราะสมัยเขาเด็กๆ เขาถูกขบวนการเล่นงาน ปราบปราม พ่อเขาตกจากเก้าอี้จากเคยมีตำแหน่งใหญ่
และตัวเขาเองอายุสิบกว่าขวบถูกส่งไปทำงานเป็นกรรมกร ประสบการณ์ในชีวิตเขาเรียนรู้จากตรงนี้ ถึงแม้เขาจะอยู่ในสถานภาพลูกท่านหลานเธอ
พวกผู้นำจีนทุกวันนี้ 70-80 กว่าเปอร์เซ็นต์ ก็คือลูกหลานของอดีตผู้นำ เหมือนกั๋ว ซี ไหล ก็ลูกหลานอดีตผู้นำ และยิ่งสี คี่ ปิ งก็เหมือนกัน
อดีตพ่อเคยเป็นผู้นำของพรรคคอมมิวนิสต์มีชื่อเสียงในยุคเริ่มก่อตั้ง พ่อเขามีอิทธิพลสูงเหมือนกัน แต่พอดีสี คี่ ปิง ไม่เหมือนคนอื่น เนื่องจากสมัยเด็กเขาลำบากมาก
ถูกจับเข้าคุก ถูกด่า ถูกเหยียดหยาม สมัยก่อนประเทศจีนเหมือนบ้าคลั่งไปเลย จะรังเกียจปัญญาชน ใครเล่นไวโอลินเก่ง เป็นทาสจักวรรดินิยม เอาไวโอลินไปทุ่มเลย
ใครอ่านวรรณกรรมฝรั่งถือว่าคนนี้ใช้ไม่ได้
       
       ในสังคมการเมืองทุกยุคทุกสมัยของทุกประเทศจะมีกลุ่มคนพวกนี้ที่ไม่เคยใช้ปัญญา ใช้แต่ความลุ่มหลง หลงใหล และคลั่งไคล้ในตัวผู้นำ โดยที่ตัวเองไม่เคยคิด
โดยที่ตัวเองไม่เคยคิดว่าข้อเท็จจริงเป็นเช่นไร
       
       จินดารัตน์ - มาร์ค ปุ๊ก คุ้ง โดนรัฐมนตรีกลาโหมเซ็นใบถอดยศ เอาเงินคืนด้วย พูดเรื่องนี้หน่อยไหมคะ
       
       สนธิ - ผมเห็นคุณอภิสิทธิ์ท่านให้สัมภาษณ์มาว่า ถ้าจะทำเขาก็ต้องถอดยศทักษิณด้วย มันถึงจะไม่ใช่ 2 มาตรฐาน ผมฟังแล้วผมก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ตัวผมเอง
ผมยังมีความจำ ข้อที่ 2 ผมเป็นคนกินข้าว ไม่ได้กินข้าวผสมขี้ ผมก็เลยถามตัวผมเองอย่างนี้ แอน ผมถามว่า ถ้าคุณอภิสิทธิ์ทำงานเป็น แล้วยึดถือความยุติธรรม
คุณงามความดีเป็นหลัก คุณอภิสิทธิ์ต้องถอดยศคุณทักษิณไปแล้วตั้งแต่สมัยนั้น เพราะของคุณทักษิณยังชัดเจนว่า ของเขาทุกวันนี้ เพราะคุณทักษิณเป็นนักโทษ
ที่ศาลพิพากษาไปแล้ว สิ้นสุดไปแล้ว และคุณทักษิณก็คือ พ.ต.ท.ที่ไม่ได้ต่างกว่า พ.ต.ท. พ.ท. พ.ต.อ. ร.ต.อ. ที่ถูกถอดยศ เหตุผลเพราะถูกศาลพิพากษา
มีคนเป็นร้อยเลยที่มียศถาบรรดาศักดิ์แล้วถูกถอดยศไป ทำไมคุณทักษิณถึงถูกถอดยศยาก ทำไมคุณอภิสิทธิ์ไม่ถอดยศ คนที่รักคุณอภิสิทธิ์ ก็จะแก้ตัวให้ว่า
ตำรวจมันไม่ทำเรื่อง ไม่ส่งมา คือพูดให้กับคนซึ่งลุ่มหลงหลงใหลคุณอภิสิทธิ์ก็จะเห็นใจ แต่พูดกับผมซึ่งผมเข้าใจดี คุณภาพของความเป็นผู้นำผมถือว่า
คุณอภิสิทธิ์สอบตก นายกรัฐมนตรีโดยตำแหน่งเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
เป็นผู้ดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คณะกรรมการที่พิจารณาเขาทำเรื่องเสร็จหมดแล้ว รอเข้าคณะอนุกรรมการ ก.ตร. เวลาโยกย้ายแต่งตั้งตำรวจ
ซึ่งมีผลประโยชน์มาเกี่ยวข้อง คุณสุเทพ จะเข้ามานั่งหัวโต๊ะและคุณสุเทพก็จะไปชี้นู่นชี้นี่ เอาคนโน้นทำไมไม่เลือกคนนี้ คนนี้ไม่ดี ถอด ผมเสนอคนนั้น
ถอดเอาคนของผมเข้าไป ทำไมคุณสุเทพทำได้ แล้วทำไมเรื่องที่คณะกรรมการชุดล่างที่เขาทำมาแล้วทำไมไม่หยิบเรื่องนี้เข้าไปในคณะอนุกรรมการ ก.ตร.
และถอดยศไปเลย ก็พยายามจะซื้อเรื่องว่า กฤษฎีกาตีความ แอนกับเก๋จำไว้นะ เมื่อใดก็ตามที่รัฐบาลชุดไหนพูดว่าต้องส่งให้กฤษฎีกาตีความ นั่นคือการซื้อเวลา ทุกเรื่อง
ซื้อเวลาทั้งสิ้น ทำไมถึงไม่ทำ ที่ไม่ทำเพราะว่าต้องการจะเล่นการเมือง ต้องการจะให้ทักษิณ ชินวัตร รู้ว่าเฮ้ย ผมไม่ได้เล่นคุณนะ เผื่อเยื่อใยกันเอาไว้ในการเล่นการเมือง
กับในกรณีที่เสื้อแดงไปประกันตัวให้เขา นายแต้ม วิชัย ไปที่ศาลอาญาไปให้การว่าคนพวกนี้ไม่มีพิษไม่มีภัย โปรดให้การประกันตัว เพราะหวังว่าพวกเสื้อแดงจะเห็นใจเขา
จะเข้าใจเขา ประนีประนอมปรองดองกับเขา ส่วนพวกที่ไม่ประนีประนอมและถีบออกมาคือพวกเสื้อเหลืองอย่างผม เฮ้ยมึงตัวขวางดีนัก การเมืองตอนนี้ถ้ากูจับมือกับ
เสื้อเหลืองได้การเมืองไทยจะไปไหนล่ะ ก็อยู่ในมือกู ขอให้กูเป็นนายกฯ ต่อและกัน นี่คือเหตุผลที่ไม่ถอดยศทักษิณ แต่ถ้าเอาความเป็นธรรมเป็นหลัก
ความยุติธรรมเป็นหลัก ทักษิณ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้ต่ำกว่า พ.อ. พ.ท. ที่ถูกถอดยศไปเลย ตัวอย่างมีอยู่แล้ว ต้องให้กฤษฎีกาตีความทำไม ไม่ต้อง
สามารถจะดำเนินการไป เพราะหวังว่าเขาจะเห็นใจประนีประนอม แล้ววันนี้เขาเห็นใจคุณเปล่า
       
       กมลพร - กระทืบแล้วบี้ด้วย

Logged
Pages: [1] Go Up Print 
« previous next »
 

SMF 2.0.4 | SMF © 2013, Simple Machines | Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.11 seconds with 18 queries.