Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
User Info
Welcome, Guest. Please login or register.
09 May 2024, 17:43:20

Login with username, password and session length
Search:     Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ

http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
25,650 Posts in 12,467 Topics by 70 Members
Latest Member: KAN
Home Help Search Calendar Login Register
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...  |  ภาพประทับใจ  |  สถานที่สวยงาม (Moderator: ppsan)  |  4. ภาพศิลาจำหลักเรื่องรามเกียรติ์ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์)
0 Members and 1 Guest are viewing this topic. « previous next »
Pages: [1] Go Down Print
Author Topic: 4. ภาพศิลาจำหลักเรื่องรามเกียรติ์ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์)  (Read 95 times)
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,503


View Profile
« on: 19 June 2023, 20:48:58 »

ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์  ด้านทิศเหนือ ช่องที่ 1 - 11


ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม(วัดโพธิ์)
จารึกที่พนักรอบพระอุโบสถ ทั้ง 4 ทิศ จำนวน 34 ชุด รวม 152 แผ่น

.

ด้านทิศเหนือ มี 11 ช่อง ช่องที่ 1-11 ช่องละ 4 ภาพจำหลัก

ช่องที่ 1  แผ่นที่ 109-112
ช่องที่ 2  แผ่นที่ 113-116
ช่องที่ 3  แผ่นที่ 117-120
ช่องที่ 4  แผ่นที่ 121-124
ช่องที่ 5  แผ่นที่ 125-128
ช่องที่ 6  แผ่นที่ 129-132
ช่องที่ 7  แผ่นที่ 133-136
ช่องที่ 8  แผ่นที่ 137-140
ช่องที่ 9  แผ่นที่ 141-144
ช่องที่ 10  แผ่นที่ 145-148
ช่องที่ 11  แผ่นที่ 149-152


.....
ขอขอบคุณ...
1. ภาพศิลาจำหลักเรื่องรามเกียรติ์ วัดโพธิ์ และภาพวาด จาก...
http://www.kitmaiwatpho.com/index.html
บัณฑิต พวงมาลัย – วาดภาพ ,  พระมหากิตติศักดิ์ ไมตรีจิต – แต่งสีภาพ

2. ภาพศิลาจำหลักเรื่องรามเกียรติ์ วัดโพธิ์ (ภาพลอกลาย) จาก...
Harvard Art Museums 
https://harvardartmuseums.org/search-results?q=bangkok#gsc.tab=0&gsc.q=bangkok&gsc.page=1

.




.

-----------------------------------------------------------------------------------


[24] ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ วัดโพธิ์ ชุดที่ 24


ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ ชุดที่ 24 (แผ่นที่ 109-112 เรียงจากขวามาซ้าย)
ด้านทิศเหนือ มี 11 ช่อง - ช่องที่ 1 แผ่นที่ 109-112




.




.

ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ แผ่นที่ 109 ตอน พ่อลูกต่อสู้กัน

      วายุบุตรทราบเหตุเต้า     ตามมา
พบรบกับมัจฉา            ณุน้อย
รู้จักลูกรักษ์อา            วรณ์เทวศ
ถามท่าทางพลางคล้อย      คลาศเข้าเมืองมาร ฯ

โคลงภาพจำหลักรามเกียรติ์ : สถานที่ตั้ง พนักพระอุโบสถ ทิศเหนือ ช่องที่ 1 แผ่นที่ 1 (เรียงตามทักษิณาวัตร)

.




แผ่นที่ 109 ตอน พ่อลูกต่อสู้กัน : ในภาพ หนุมานกำลังต่อสู้กับมัจฉานุ ซึ่งเป็นนายด่านของเมืองบาดาล หลังจากนั้นหนุมานจึงได้ซักถามมัจฉานุ เพราะมีรูปร่างคล้ายกันแต่มีหางเป็นปลา จึงได้ทราบว่า มัจฉานุเป็นลูกของตนกับนางสุพรรณมัจฉา จึงได้ถามทางที่จะไปยังเมืองบาดาล

.




-ภาพลอกลาย-
หลังจากที่พระรามถูกลักพาตัวไปแล้ว เมื่อทุกคนฟื้นตื่นขึ้นมา พระลักษมณ์จึงได้ให้หนุมานรีบลงไปยังเมืองบาดาล แล้วชิงตัวพระรามกลับมา...

หนุมานแทรกกายดำดิ่งลึกลงไปในดิน จนเจอสระบัวใหญ่ จึงหักก้านดอกบัว แล้วหดตัวเองให้เล็ก มุดตัวลงไปตามก้านบัว จนเห็นประตูเมืองบาดาล จากนั้นหนุมานก็เจอสารพัดด่าน ถึงจะเข้าถึงปราสาทด้านในของไมยราพได้...ทั้งกองกำลังยักษ์นับพันของไมยราพที่ดักรออยู่หน้าปากประตู ด่านพญาคชสารตกมัน ด่านเขาเพลิงกรด และด่านยุงยักษ์ นับหมื่นตัว...

หนุมานผ่านมาหลายด่าน ร่างกายชักเหนื่อยล้า เดินโซซัดโซเซมาจนถึงสระบัวแห่งหนึ่ง พบกับมัจฉานุ ลิงน้อยหน้าตาคล้ายกับตน ต่างกันตรงที่มีหางเป็นปลา โผล่พรวดขึ้นมาจากสระ เป็นนายด่านสำคัญ (ไมยราพได้เก็บมัจฉานุมาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรมตั้งแต่เด็ก)

หลังจากต่อสู้กันจนเหนื่อย ไม่มีใครแพ้ชนะ หนุมานจึงซักถามมัจฉานุว่าพ่อแม่เป็นใคร จึงรู้ว่าเป็นลูกของตนที่เกิดกับนางสุพรรณมัจฉา... 

มัจฉานุรู้สึกผิดที่ต่อสู้ประหัตประหารกับพ่อบังเกิดเกล้า จึงก้มกราบขอขมาบิดาตัวเอง หนุมานก็สุดแสนจะดีใจที่ได้เจอลูกตัวเอง เพราะหลังจากไปทำนางสุพรรณมัจฉาท้อง ตัวเองก็ไม่เคยเจอหน้าลูกและเมียอีกเลย

ทั้งคู่สวมกอดกันและนั่งคุยกันอย่างสนิทสนมอยู่ชั่วครู่ หนุมานจึงขอให้มัจฉานุช่วยบอกทางเข้าสู่เมืองบาดาลให้ที มัจฉานุเกิดอาการลังเล เพราะฝั่งนึงก็เป็นพ่อบังเกิดเกล้า อีกฝั่งก็เป็นพ่อบุญธรรมที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่ยังเล็ก จะให้ทรยศ บอกทางเข้าเมืองไป มันก็จะเป็นการเนรคุณข้าวแดงแกงร้อน มัจฉานุเลยได้แต่บอกหนุมานเป็นปริศนาไปว่า...

...บิดาลงมาทางไหน ก็เดินทางต่อด้วยทางนั้น... หนุมานหยุดคิดอยู่ชั่วครู่...จึงหักก้านบัว แล้วย่อตัวให้เล็กเพื่อลอดก้านบัว...เข้าสู่เมืองบาดาลชั้นใน ที่คุมขังพระราม...

.
   



-ภาพวาด-
บัณฑิต พวงมาลัย – วาดภาพ ,  พระมหากิตติศักดิ์ ไมตรีจิต – แต่งสีภาพ

.




.

ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ แผ่นที่ 110 ตอน นางพิรากวนตักน้ำ

      พิรากวนเดินเดียดน้ำ     ถึงประตู
ขึ้นชั่งคันตราชู            หักสบั้น
พลยักษ์ฮึกฮักกรู         กันจับ ตัวนา
นางว่าคันชั่งนั้น            เก่าแล้วหักเอง ฯ

โคลงภาพจำหลักรามเกียรติ์ : สถานที่ตั้ง พนักพระอุโบสถ ทิศเหนือ ช่องที่ 1 แผ่นที่ 2 (เรียงตามทักษิณาวัตร)

.




แผ่นที่ 110 ตอน นางพิรากวนตักน้ำ : ในภาพ นางพิรากวนตักน้ำใส่ตุ่มเดินแบกมาเพื่อไปใส่กะทะต้มพระรามและไวยวิกลูกของตนตามคำสั่งของไมยราพ จนถึงประตูนครบาดาลชั้นใน นายทวารผู้ประจำตาชั่ง จึงเรียกให้นางขึ้นชั่งน้ำหนัก ตาชั่งประจำเมืองก็หักโครมลงมา เพราะด้วยน้ำหนักของหนุมานที่แปลงเป็นใยบัวชิ้นเล็ก ติดสไบนางพิรากวน     

.




-ภาพลอกลาย-
หนุมานเดินทางลงมาจนถึงประตูเมืองบาดาล หนุมานแอบซุ่มอยู่หลังพุ่มไม้ข้างกำแพง จนแอบเห็นนางพิรากวน นางยักษ์ชราเดินตักน้ำไป ร้องไห้ไป บ่นอะไรพึมพำเหมือนคนเสียสติ เมื่อได้พูดจากันจึงรู้ว่าคือ นางพิรากวน เป็นพี่สาวของไมยราพ มีลูกชื่อไวยวิก ไมยราพเกิดระแวงว่าไวยวิกจะยึดบัลลังก์เมืองบาดาลแทน...จึงบังคับให้นางตักน้ำไปใส่กะทะเพื่อจะต้มไวยวิกกับพระรามในคราวเดียวกัน...

หนุมานจึงอาสาจะช่วยไวยวิกและพระราม โดยแปลงร่างเป็นใยบัวชิ้นเล็ก ติดสไบนางพิรากวนไป นางพิรากวนจึงแบกตุ่มน้ำเข้าประตูนครบาดาลอย่างปกติ นายทวารทั้งสี่ผู้ประจำตาชั่ง หน้าประตูเมือง เรียกให้นางหยุดแล้วขึ้นตาชั่ง เพื่อตรวจดูน้ำหนักขาออกและขาเข้าว่าเท่ากันหรือไม่ เพื่อจะได้แน่ใจว่าไม่ได้นำสิ่งผิดกฎบาดาลเข้ามาในเมือง...
     
นางพิรากวนจึงจำใจขึ้นนั่งตาชั่งใหญ่หน้าประตูเมือง เพียงแค่ยันกายขึ้นนั่ง ตาชั่งประจำเมืองก็หักโครมลงมา เพราะด้วยน้ำหนักของใยบัวหนุมานแปลง

นายทวารหลวงพากันแตกตื่น เข้าจับกุมนางยักษ์ชรา...นี่พระพี่นาง ท่านลักลอบนำอะไรติดมาด้วย น้ำหนักจึงเพิ่มจนตาชั่งหัก... 

นางพิรากวนลุกขึ้นจากพื้น ปัดฝุ่นที่ติดตัว พลางแกล้งทำเป็นเจ็บบั้นเอว เถียงเจ้าพนักงานเสียงดัง

...พ่อหนุ่ม ข้าเป็นเพียงหญิงชรา จะมีเรี่ยวแรงพกพาอะไรมากมายขนาดนั้น อีกอย่างตราชั่งตราชูประจำเมืองตัวนี้ก็มีอายุหลายร้อยปีแล้ว ข้าเห็นตั้งแต่เด็กยันแก่ รู้สึกว่าไม่เคยมีใครดูแลรักษาเลย ตาชั่งเก่าอยู่นานจนผุพัง เหมืองสังขารของทุกชีวิต หรือจะให้ข้าทูลองค์ไมยราพว่าพวกเจ้าไม่ได้ดูแลตาชั่งกันเลย... 

นายทวารเหล่านั้นกลัวว่าความผิดจะมาถึงตน จึงอนุญาตให้นางพิรากวนเข้าเมืองไป...

.




-ภาพวาด-
บัณฑิต พวงมาลัย – วาดภาพ ,  พระมหากิตติศักดิ์ ไมตรีจิต – แต่งสีภาพ

.




.

ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ แผ่นที่ 111 ตอน หนุมานรบกับไมยราพณ์

      หณุมานหารหักเข้า     โรมรัน
โจมจับไมยราพยัน         เหยียบไว้
มือขวาแกว่งขรรค์ฟัน      เศียรขาด
ซ้ายบีบแมลงภู่ให้         ยักษ์ร้ายวายวาง ฯ

โคลงภาพจำหลักรามเกียรติ์ : สถานที่ตั้ง พนักพระอุโบสถ ทิศเหนือ ช่องที่ 1 แผ่นที่ 3 (เรียงตามทักษิณาวัตร)

.




แผ่นที่ 111 ตอน หนุมานรบกับไมยราพณ์ : ในภาพ หนุมานต่อสู้กับไมยราพ ใช้เท้าเหยียบร่างไว้ มือขวาใช้พระขรรค์ฟันไมยราพจนคอขาด ส่วนมือซ้ายบีบแมลงภู่ที่ไมยราพฝากดวงใจไว้ จนตายคามือ

.




-ภาพลอกลาย-
หนุมานรีบรุดเข้าไปช่วยพระรามที่ถูกขังในกรงกลางดงตาล เสกเป่าให้เหล่าทหารยักษ์ที่เฝ้ารักษาการณ์หลับใหล แล้วออกแรงแหวกกรงเหล็กเข้าไปช่วยพระราม แต่ภาพที่หนุมานเห็นคือ องค์ราชาแห่งอโยธยา นอนหลับกองอยู่กับพื้นไร้ผ้าปู ถูกขังอยู่ในกรงเหล็กดั่งนักโทษเลว เป็นที่น่าอนาจใจยิ่งนัก หนุมานไม่สามารถกลั้นน้ำตาลูกผู้ชายไว้ได้ เสียใจที่มิอาจปกป้องพระรามได้จนต้องมาลำบาก นึกแค้นใจไมยราพยิ่งนัก

หนุมานเข้าประคองอุ้มพระรามที่ยังทรงบรรทมขึ้นบ่า พาเหาะออกไปนอกเมืองบาดาล พอถึงบริเวณภูเขาคิรีวัน เห็นบริเวณใต้ต้นรังใหญ่ดูร่มรื่น วางพระรามลงให้บรรทมคอยอยู่ที่นี่ พลางอธิษฐานฝากเทวดาให้อารักขา เจ้าป่าเขาให้ดูแลนายของตน ก่อนที่จะย้อนกลับมารับภายหลัง

หนุมานเหาะกลับไปยังเมืองบาดาลเพื่อชำระแค้นไมยราพ ถีบประตูปราสาทเจ้าเมืองบาดาลเข้าไปท้าไมยราพรบ ทั้งสองต่อสู้กันจนเหนื่อยล้า จึงท้าผลัดกันตีด้วยกระบองต้นตาลคนละ 3 ที หนุมานนอนลงให้ไมยราพตีก่อน หวดตีอย่างแรงจนแผ่นดินสั่นไหว หวดสามครั้ง จนตัวหนุมานจมลงไปในดิน แต่ไม่บาดเจ็บอะไร ถลันลุกขึ้นมาได้ ถึงคราวหนุมานบ้าง ไมยราพจำใจต้องนอนคว่ำลงให้หนุมานตี หนุมานเงื้อกระบองตาลหวดตีไมยราพจนจมดิน แล้วฟันแขน ขาของไมยราพขาด แต่แขนขานั้นก็กลับมาต่อกันใหม่ได้ดังเดิม

ทั้งสองลุกขึ้นมาสู้กันอีกยก จนหนุมานได้เปรียบ เหยียบอกไมยราพติดพื้นไว้ แล้วร้องถามนางพิรากวนว่าเป็นเพราะเหตุใด จึงฆ่ามันไม่ตาย นางก็ตอบว่า...ไมยราพถอดดวงใจฝากไว้กับแมลงภู่ ใส่กล่องแก้วซ่อนไว้ที่ยอดเขาตรีกูฎ...

หนุมานจึงนิมิตร่างกายให้ใหญ่เท่าภูเขา ใช้เท้าเหยียบร่างไมยราพไว้ แล้วคลำหากล่องแก้วบนเขาตรีกูฎจนเจอ และบีบแมลงภู่หัวใจไมยราพแหลกคามือ จนสิ้นชีวิต จากนั้นหนุมานก็ชักตรีเพชรออกเชือดคอไมยราพ หิ้วหัวไป

.
   



-ภาพวาด-
บัณฑิต พวงมาลัย – วาดภาพ ,  พระมหากิตติศักดิ์ ไมตรีจิต – แต่งสีภาพ

.




.

ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ แผ่นที่ 112 ตอน หนุมานนำพระรามกลับ

      เสร็จผลาญไมยราพแล้ว     หณุมาน
บ่าแบกพระอวตาร         อยู่เกล้า
รีบออกนอกบาดาล         โดยด่วน
หมายมุ่งพลับพลาเข้า      เขตไม้ไพรพนม ฯ

โคลงภาพจำหลักรามเกียรติ์ : สถานที่ตั้ง พนักพระอุโบสถ ทิศเหนือ ช่องที่ 1 แผ่นที่ 4 (เรียงตามทักษิณาวัตร)

.




แผ่นที่ 112 ตอน หนุมานนำพระรามกลับ : ในภาพ หนุมานแบกพระรามที่ยังนอนหลับใหลอยู่ที่เขาคิรีวัน แบกขึ้นบ่า เหาะกลับไปยังค่าย วางองค์รามลงแท่นบรรทม

.




-ภาพลอกลาย-
หลังจากฆ่าไมยราพแล้ว หนุมานก็ถือหัวพญายักษ์เข้าสู่ท้องพระโรงเมืองบาดาล นั่งบนพระที่นั่งรัตนา เหล่าทหารเสนายักษ์หมอบกราบอย่างพร้อมเพียงกันด้วยความหวาดกลัว 

หนุมานสั่งให้ทหารถอดตรวนไวยวิก แล้วแต่งตั้งให้ครองเมืองบาดาลสืบต่อจากไมยราพ จากนั้นตั้งมัจฉานุ ลูกรักให้เป็นอุปราช ช่วยราชการเมืองบาดาล 

พอแบ่งงานราชการเสร็จสรรพ ก็ถือหัวไมยราพไปรับพระรามผู้ยังหลับใหลอยู่ที่เขาคิรีวัน แล้วแบกนายขึ้นบ่า เหาะกลับไปยังค่าย วางองค์รามลงแท่นบรรทม

ในวันรุ่งขึ้นพระรามตื่นจากบรรทม คำแรกที่ถาม...

...ไหนล่ะ ที่พิเภกทำนายไว้ ยักษ์เยิ้กที่ไหนไม่เห็นมาเลย พิเภก ลื้อมั่วป่าววะ...

แล้วหันไปเห็นพระลักษมณ์ร้องไห้อยู่ จึงถามว่า...

...น้องพี่ นี่เกิดอะไรขึ้น ทำไมเจ้าถึงได้แต่ร้องไห้ พี่ไม่เห็นรู้เรื่องอะไรเลย...นั่นมันเศียรยักษ์ ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่... 

พระลักษมณ์จึงทูลเรื่องราวทั้งหมด ตั้งแต่ถูกไมยราพสะกดทัพ ไมยราพลักพี่ไปขังที่เมืองบาดาล จนหนุมานไปช่วยกลับมา   

พระราม พระลักษมณ์ต่างชื่นชมความสามารถของหนุมานยิ่งนัก จึงถอดแหวนออกมอบให้แก่หนุมานเป็นรางวัล แล้วเสด็จขึ้นพระที่เพื่อพักผ่อน...
 
.
   



-ภาพวาด-
บัณฑิต พวงมาลัย – วาดภาพ ,  พระมหากิตติศักดิ์ ไมตรีจิต – แต่งสีภาพ

.




.



Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,503


View Profile
« Reply #1 on: 19 June 2023, 20:51:01 »

[25] ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ วัดโพธิ์ ชุดที่ 25


ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ ชุดที่ 25 (แผ่นที่ 113-116 เรียงจากขวามาซ้าย)
ด้านทิศเหนือมี 11 ช่อง - ช่องที่ 2 แผ่นที่ 113-116




.




.

ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ แผ่นที่ 113 ตอน ฝ่ายยักษ์เตรียมออกศึก

      ทศเศียรเคืองเคียดแค้น     แสนศัลย์
ออกอาศน์มาตยาคัล         คั่งเฝ้า
บัญชาสั่งกุมภกัณฐ์         นุชนารถ ท่านนา
คุมพยุหโยธาเต้า         ต่อด้วยดัษกร ฯ

โคลงภาพจำหลักรามเกียรติ์ : สถานที่ตั้ง พนักพระอุโบสถ ทิศเหนือ ช่องที่ 2 แผ่นที่ 1 (เรียงตามทักษิณาวัตร)

.




แผ่นที่ 113 ตอน ฝ่ายยักษ์เตรียมออกศึก : ในภาพ ทศกัณฐ์แค้นยิ่งนักที่ไมยราพถูกฆ่าตาย จึงสั่งให้กุมภกรรณเข้าเฝ้าเพื่อให้ออกศึก กุมภกรรณขอให้ส่งนางสีดาคืน การศึกก็จะสงบลง ทศกัณฐ์โกรธกระทืบเท้า ชี้หน้าด่า จนกุมภกรรณจำต้องยอมออกรบ

.




-ภาพลอกลาย-
เมื่อทศกัณฐ์ทราบข่าวการตายของไมยราพ หัวใจสลาย แทบจะครองสติไม่อยู่ เจ้าแห่งลงกาน้ำตานองหน้า ถอนใจยาว เพราะยังหาทางออกต่อการศึกนี้มิได้ จึงสั่งนางกำนัลให้ไปตามกุมภกรรณ น้องชายคนโปรดมาหารือข้อราชการนี้...ด้วยกุมภกรรณมีหอกโมกขศักดิ์เป็นอาวุธสำคัญ ทั้งได้พรจากองค์พระพรหม และมีฤทธิ์เดช และกล้าหาญ

เมื่อกุมภกรรณทราบว่าผู้เป็นทั้งพี่และเจ้าชีวิตเรียกหา จึงรีบเข้าเฝ้า ทศกัณฐ์ยินดียิ่งนักเมื่อเห็นน้องผู้จะเป็นทางออกยามคับขันอย่างนี้ จึงตรัสว่า...

...น้องพี่ มามะ มานั่งข้างพี่มา เจ้ารู้หรือไม่ว่าไอ้ลิงไพร่ขี้ข้ามนุษย์ มันฆ่าไมยราพ ตายเสียแล้ว พี่นี้แสนแค้นยิ่งนัก เห็นว่าเจ้าเป็นผู้ที่จะล้างอายเราชนเผ่าอสูรวงศ์ จะชนะสองพี่น้องรามลักษมณ์อย่างมิยากเย็นนัก... 

กุมภกรรณ เสนอให้พี่ชายคืนนางสีดา ทศกัณฐ์อาละวาดใส่ แต่ยังทนได้ เพราะรักพงศ์เผ่าเหล่ายักษ์มั่นคง

ทศกัณฐ์กระทืบเท้า ชี้หน้าด่า

...ไปเลยกุมภกรรณ เมื่อนิยมมนุษย์นัก มรึงก็ไปอยู่กะไอ้พิเภกเลยไป ทีแรกกูนึกว่ามึงจะกล้าหาญ ข้าศึกมาถึงบ้านจะให้กูจัดพานออกไปรับใช่ไหม มึงไสหัวออกไปจากเมืองกูเลย ไป...

กุมภกรรณได้แต่ก้มหน้ารับคำระบายตามอารมณ์ของพี่ชายผู้มีพระคุณดั่งพ่อ เมื่อพี่ชายสั่งให้รบ ก็จำใจออกรบ แม้จะรู้อยู่ว่าต้องแพ้ 

ทศกัณฐ์ยันกายลงจากพระแท่น เข้าประคองกุมภกรรณผู้หมอบกราบอย่างมิไหวติง 

...โถ น้องพี่ มามะคนดี มานั่งข้างๆพี่มา พี่ตวาดเพราะร้อนใจจากการศึกที่ใกล้ตัวเข้ามาทุกที...

...มามะ องค์อุปราชแห่งลงกา นามทศกัณฐ์จะน่าเกรงขามอย่างไร หากไม่มีขุนศึกอย่างกุมภกรรณข้างกาย พี่ทั้งรักทั้งชื่นชมในฝีมือของเจ้า ไม่มีใครมีจิตใจเที่ยงตรงเท่าน้องพี่ และไม่มีใครเข้าใจหัวอกพี่เท่าเจ้า...

...มาเถิดน้องรัก มาช่วยพี่ขจัดเสี้ยนหนามแห่งลงกาซะเถิด เจ้าก็รู้ว่าพี่เชิดชูอธิปไตยแห่งลงกาเป็นที่ตั้ง ไม่เค๊ยไม่เคยจะสนใจอิสตรี...

กุมภกรรณกราบพี่ที่ตัก แล้วลุกยืนอย่างทรนง...หัวใจของกุมภกรรณได้ถวายแด่เจ้าเหนือหัวของมัน ข้าจะปกป้องทุกชีวิตในลงกาตราบลมหายใจสุดท้าย... 

ทศกัณฐ์โผเข้าโอบไหล่น้อง...

...นี่สิน้องรักของพี่ ข้าจะคอยเชยชมชัยชนะที่เจ้าจะนำกลับมาในเร็ววัน...

...มโหทรขุนเสนา จงตระเตรียมทัพหลวงเยี่ยงกษัตริย์ให้แก่พญากุมภกรรณ ตระเตรียมทหารให้พร้อม ให้ยิ่งใหญ่...

.




-ภาพวาด-
บัณฑิต พวงมาลัย – วาดภาพ ,  พระมหากิตติศักดิ์ ไมตรีจิต – แต่งสีภาพ

.




.

ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ แผ่นที่ 114 ตอน ตระเตรียมพล

      เสนามารมาตย์รู้     รังการ
เตรียมตรวจโยธามาร      หมู่แกล้ว
ม้ารถคชสารชาญ         ไชเยศ
เทียมรถเทียมเกยแก้ว      กราบเกล้าทูลแถลง ฯ

โคลงภาพจำหลักรามเกียรติ์ : สถานที่ตั้ง พนักพระอุโบสถ ทิศเหนือ ช่องที่ 2 แผ่นที่ 2 (เรียงตามทักษิณาวัตร)

.




แผ่นที่ 114 ตอน ตระเตรียมพล : ในภาพ เหล่าเสนาอำมาตย์แห่งกรุงลงกา กราบทูลเจ้าเหนือหัว ในการเตรียมความพร้อมในการออกศึกสงคราม ทั้งทหารกล้า ช้าง ม้า รถทรง และอาวุธยุทโธปกรณ์

.




-ภาพลอกลาย-
จากนั้นกุมภกรรณขอลาไปอาบน้ำ บูชาทวยเทพเอาฤกษ์เอาชัย (กุมภกรรณเป็นยักษ์ที่เคารพรักองค์ศิวะ นารายณ์ และพระพรหมอย่างมาก) แต่งตัวด้วยผ้าใหม่ ใส่เครื่องประดับเยี่ยงราชา ทรงคทาทองคู่ใจ ตรวจตรากระบวนทัพตั้งแต่เสนายันทหารเลวเป็นที่พอใจแล้วจึงตรงไปที่รถศึก เรียกหาทุกศาตราวุธ มิให้ห่างจากกายยามต้องการ

พอได้เวลาอันพอใจ ก็ให้ทหารโห่สามลา พลม้า พลช้าง ต่างคึกคะนองโห่ร้องกันอึกทึก เดินทัพกันคึกคักจนมาถึงหน้าค่ายของพระราม...จึงให้ทหารตัวเอ้ ออกร้องท้าให้สองมนุษย์ออกมาสู้กัน

.




-ภาพวาด-
บัณฑิต พวงมาลัย – วาดภาพ ,  พระมหากิตติศักดิ์ ไมตรีจิต – แต่งสีภาพ

.




.

ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ แผ่นที่ 115 ตอน กุมภกรรณยกทัพ

      กุมภกัณฐ์อสุเรศเรื้อง     เดโช
ทรงรถเทียมสิงโต         เติบเต้น     
ได้ฤกษ์เลิกพลโย         ธายักษ์ มาแฮ
ออกจากลงกาเขม้น         มุ่งมล้างไพริน ฯ

โคลงภาพจำหลักรามเกียรติ์ : สถานที่ตั้ง พนักพระอุโบสถ ทิศเหนือ ช่องที่ 2 แผ่นที่ 3 (เรียงตามทักษิณาวัตร)

.




แผ่นที่ 115 ตอน กุมภกรรณยกทัพ : ในภาพ กุมภกรรณ ใส่เครื่องประดับเยี่ยงราชา ทรงคทาทองคู่ใจ แล้วขึ้นรถศึกที่เทียมด้วยสิงโต นำทัพเข้าสู่สมรภูมิ

.




-ภาพลอกลาย-
พระรามอยู่ในพลับพลาได้ยินเสียงโห่ร้องจากทัพอสูร นึกแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น จึงถามพิเภกที่ปรึกษา พิเภกจับยามดูแล้วทูลว่า...เป็นทัพของกุมภกรรณอุปราชแห่งลงกาและยังเป็นพี่ของตน เดินทัพมาเพื่อทำศึกกับพระองค์

พระรามจึงให้พิเภกออกไปเจรจาให้กุมภากรรณเลิกทัพกลับลงกา กุมภกรรณก็โกรธเป็นฟืนไฟ จึงฝากข้อปริศนาให้พระรามแก้ หากแก้ได้ก็จะเลิกทัพกลับไป แล้วจะไม่ยุ่งกะการศึกนี้อีก แล้วจึงถามว่าใครคือ...ชีโฉด หญิงโหด ช้างงารี ชายทรชน...

พิเภกได้ฟังดังนั้นก็กลัวว่าพี่ชายจะฆ่าตน จึงรีบกลับไปยังค่าย เล่าให้พระรามฟังคำต่อคำว่า กุมภกรรณด่ามาว่าอย่างไร รวมทั้งข้อปริศนาด้วย

.




-ภาพวาด-
บัณฑิต พวงมาลัย – วาดภาพ ,  พระมหากิตติศักดิ์ ไมตรีจิต – แต่งสีภาพ

.




.

ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ แผ่นที่ 116 ตอน ขบวนทัพกุมภกรรณ

      โยธากองทัพท้าว     กุมภกัณฐ์
หลายพวกหลายพันนันต์      นับล้าน
ผงคลีตลบควัน            มัวมืด
ประทะทัพขับกันต้าน      ต่อด้วยพานร ฯ

โคลงภาพจำหลักรามเกียรติ์ : สถานที่ตั้ง พนักพระอุโบสถ ทิศเหนือ ช่องที่ 2 แผ่นที่ 4 (เรียงตามทักษิณาวัตร)

.




แผ่นที่ 116 ตอน ขบวนทัพกุมภกรรณ : ในภาพ กองทัพของกุมภกรรณที่ยกมานั้น ยิ่งใหญ่ พรั่งพร้อมทั้งทหารกล้าพลรบ มากมายคณานับล้านตน จนฝุ่นตลบมืดมัวทั้งสนามรบ และเข้าต่อสู้กับพลวานรของทัพพระราม 

.




-ภาพลอกลาย-
การศึกสงครามครั้งแรก พระรามให้สุครีพออกรบกับกุมภกรรณ แม้สุครีพจะมีพละกำลังมากกว่ากุมภกรรณ แต่ด้วยเล่ห์กลที่กุมภกรรณเหนือชั้นกว่า ทำให้สุครีพพลาดท่าเสียที ถูกกุมภกรรณตีด้วยคทาแล้วจับเอาตัวไปได้ เมื่อสุครีพพ่ายแพ้ พวกทหารลิงรีบมารายงานพระราม พระรามจึงให้หนุมานรีบไปช่วยไว้ได้ทัน

หลังจากที่กุมภกรรณเสียทีแก่หนุมานและสุครีพ จึงรีบกลับเข้าวัง รายงานให้ทศกัณฐ์ทราบและแจ้งว่าตนจะไปทำพิธีลับหอกโมกขศักดิ์ที่ริมน้ำเชิงเขาพระสุเมรุ ซึ่งหาก ลับเสร็จทั้งห้าคม หอกก็จะมีฤทธิ์มากมายปราบได้ถึงสวรรค์ชั้นสิบหก ไม่มีผู้ใดสามารถต้านทานได้ แต่พิธีนี้ต้องใช้เวลาสี่คืน

ในเช้าวันรุ่งขึ้นพระรามสงสัยว่าเหตุใดกุมภกรรณไม่ยกทัพมารบ พิเภกจึงทูลว่ากุมภกรรณกำลังประกอบพิธีลับหอกโมขศักดิ์ ควรส่งคนไปทำลายพิธีนี้ และด้วยความที่กุมภกรรณเป็นคนรักความสะอาด ชอบแต่กลิ่นหอมไม่สามารถทนต่อสิ่งที่เน่าเหม็นได้ จึงควรให้หนุมานและองคตแปลงเป็นกาจิกหมาเน่าลอยน้ำเข้าไปใกล้กุมภกรรณ และเป็นจริงดั่งพิเภกว่าเมื่อหนุมานและองคตนิมิตกายเข้าไปใกล้ ปรากฏว่ากุมภกรรณก็อาเจียน รู้สึกคลื่นไส้เวียนศีรษะลับหอกไม่ได้ และล้มเลิกพิธีลับหอกไป

.




-ภาพวาด-
บัณฑิต พวงมาลัย – วาดภาพ ,  พระมหากิตติศักดิ์ ไมตรีจิต – แต่งสีภาพ

.




.



Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,503


View Profile
« Reply #2 on: 19 June 2023, 20:52:52 »

[26] ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ วัดโพธิ์ ชุดที่ 26


ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ ชุดที่ 26 (แผ่นที่ 117-120 เรียงจากขวามาซ้าย)
ด้านทิศเหนือมี 11 ช่อง - ช่องที่ 3 แผ่นที่ 117-120




.




.

ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ แผ่นที่ 117 ตอน ทัพหน้าทั้งสองปะทะกัน

      องคตวางวิ่งเข้า        โหมหัก
รบรับทัพหน้ายักษ์         ควั่งคว้าง
หวดซ้ายป่ายขวาชัก         ขาฉีก
ฟาดฟัดตัดหัวขว้าง         เกลื่อนกลิ้งกลางดิน ฯ

โคลงภาพจำหลักรามเกียรติ์ : สถานที่ตั้ง พนักพระอุโบสถ ทิศเหนือ ช่องที่ 3 แผ่นที่ 1 (เรียงตามทักษิณาวัตร)

.




แผ่นที่ 117 ตอน ทัพหน้าทั้งสองปะทะกัน : ในภาพ องคตเข้ารุกรับโรมรันกับกองทัพหน้าของฝ่ายยักษ์ ฆ่ายักษ์ตายกลาดเกลื่อน

.




-ภาพลอกลาย-
วันรุ่งขึ้นกุมภกรรณออกรบ พระรามให้พระลักษมณ์และสุครีพไปออกรบ การสู้เป็นไปอย่างอุตลุดและอลวนของเหล่าทหารยักษ์และเหล่าทหารลิง แต่พระลักษมณ์พลาดท่าถูกหอกโมกขศักดิ์ที่กุมภกรรณพุ่งเข้าที่หน้าอก เหล่าทหารลิงไปประคองแล้วพวกหนุมาน องคต และสิบแปดมงกุฎถาโถมเข้าไล่กุมภกรรณ จนเวลาพลบค่ำกุมภกรรณยกทัพกลับลงกา สุครีพเรียกนิลนนให้รีบไปแจ้งพระรามเรื่องพระลักษมณ์ต้องหอก พระรามเดินทางมาพร้อมกับพิเภก เห็นพระลักษมณ์ต้องหอกก็ร้องไห้ไม่เป็นสมประดี

พิเภกทูลว่าพระลักษมณ์ยังไม่ตายจนกว่าตะวันส่องแสง ขอให้หนุมานไปหยุดรถพระอาทิตย์แล้วรีบไปเก็บเอายาสังกรณีกับตรีชวา ที่ภูเขาสรรพยากับน้ำจากแม่น้ำปัญจมหานที ก็สามารถแก้ได้และหอกจะหลุดไป 

กุมภกรรณเมื่อรู้ข่าวว่าพระลักษณ์ฟื้นจากหอกโมกขศักดิ์ ก็หาวิธีใหม่ โดยเนรมิตร่างกายใหญ่โต นอนขวางแม่น้ำไม่ให้ไหลไปถึงเขามรกตอันเป็นที่ตั้งของทัพพระรามเพื่อให้กองทัพพระรามอดน้ำตาย พิเภกจึงใช้ให้หนุมานไปทำลายพิธี

.




-ภาพวาด-
บัณฑิต พวงมาลัย – วาดภาพ ,  พระมหากิตติศักดิ์ ไมตรีจิต – แต่งสีภาพ

.




.

ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ แผ่นที่ 118 ตอน หนุมานฆ่ายักษ์

      วายุบุตรโจนจับจ้อง     โจมผจญ
ล้างเหล่าอสุรพล            เผ่าร้าย
ตายกลาดดาษดินดล         ดาดื่น
แตกย่อย่นจนท้าย         รถท้าวกุมภกัณฐ์ ฯ

โคลงภาพจำหลักรามเกียรติ์ : สถานที่ตั้ง พนักพระอุโบสถ ทิศเหนือ ช่องที่ 3 แผ่นที่ 2 (เรียงตามทักษิณาวัตร)

.




แผ่นที่ 118 ตอน หนุมานฆ่ายักษ์ : ในภาพ หนุมานบุกเข้าโจมตีกองทัพยักษ์ จนแตกพ่ายไปถึงรถทรงของกุมภกรรณ

.




-ภาพลอกลาย-
กุมภกรรณยกทัพมาอย่างยิ่งใหญ่ เหิมเกริม เมื่อประจัญหน้ากัน สั่งให้เหล่าไพร่พลเข้าบดขยี้ศัตรูทันที   

นนทกาลสูรนำทัพหน้าออกตะลุยไล่ฆ่าทหารลิงตายเกลื่อนสนาม แต่พอเหล่าวานรตั้งหลักได้ก็กลับมารุกฝ่ายยักษ์ดูบ้าง ทั้งกัดทั้งถีบ สร้างความเสียหายให้ทหารอสูรพอสมควร นนทกาลเห็นลูกน้องตนต้องถอยร่นจากการโจมตีของลิงป่า จึงนำไพร่พลอีกชุดระดมซัดหอก ยิงธนูสกัดการรุกรานของลิงป่า

หนุมานเห็นว่าลูกน้องของตนแตกกระจายไม่เป็นขบวน จึงจำเป็นต้องกระโจนนำทัพตีโต้เหล่าอสูรด้วยตรีเพชรจนล้มตายทับถมกันเกลื่อน เมื่อนนทกาลเห็นพลมารตายเพราะลิงเผือกตัวเดียวก็ยิ่งเดือดดาลเข้าไปใหญ่ ขุนมารนนทกาลกระโจนจับหนุมาน ต่างผลัดกันแทง ผลัดกันตี พอถึงจังหวะเหมาะหนุมานเสียบตรีเพชรกลางอกขุนยักษ์นนทกาลจนล้มลงตายกลางสนามรบ ยังมิหนำใจหนุมานคว้าร่างไร้วิญญาณของนนทกาลโยนไปตกตรงหน้ารถทรงของกุมภกรรณ ตะโกนว่า

“กุมภกรรณ วันนี้จะเป็นวันตายของมึง อย่ามัวแต่อวดดีเพราะอีกไม่ช้ามึงก็จะตายด้วยพิษศรของนายกู” 

กุมภกรรณได้ยินสำนวนท้าทายจากลิงไม่มีหัวนอนปลายเท้า โกรธดั่งไฟไหม้ทุ่ง กระทืบเท้าชี้หน้าหนุมาน

“ไอ้ลิงกระจอก มึงอย่ามาทำพูดจาโอหังจนเกินหน้า ตัวกูนี้สืบวงศ์วานมาจากองค์พรหม ไม่มีวันจะตกต่ำเพราะพวกมึงหรอก มึงนั้นแหละที่หัวจะหลุดด้วยมือกู”

.




-ภาพวาด-
บัณฑิต พวงมาลัย – วาดภาพ ,  พระมหากิตติศักดิ์ ไมตรีจิต – แต่งสีภาพ

.




.

ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ แผ่นที่ 119 ตอน พระรามแผลงศร

      จักรีธิราชเรื้อง        ฤทธิรงค์
จับพระแสงศรทรง         หน่วงน้าว
พระเนตรมุ่งหมายองค์      อสุเรศ
ตระบัดจากสายท้าว         ไล่ล้างไพริน ฯ

โคลงภาพจำหลักรามเกียรติ์ : สถานที่ตั้ง พนักพระอุโบสถ ทิศเหนือ ช่องที่ 3 แผ่นที่ 3 (เรียงตามทักษิณาวัตร)

.




แผ่นที่ 119 ตอน พระรามแผลงศร : ในภาพ พระรามพาดศรพรหมมาสตร์ขึ้นสายธนู น้าวอย่างสุดแรง แผลงไปถูกกลางอกกุมภกรรณ ร่างอันใหญ่โตของพญามารล้มคะมำกองกับพื้น พญามารแทบขาดใจ...

.




-ภาพลอกลาย-
ในการออกรบในวันรุ่งขึ้น กุมภกรรณนำทัพมาเต็มอัตราศึก เพราะครานี้กุมภกรรณต้องการชัยชนะอย่างเด็ดขาด รบพุ่งแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน ไม่มีคำว่ายืดเยื้อ พร้อมประกาศ สู้อย่างถวายชีวิต ขอยอมตายซะดีกว่า ถ้าไม่ได้เลือดหัวศัตรูมาล้างพื้นท้องพระโรงลงกา

พอยกพลออกมาจากปราสาท กลับเกิดอาเพศวิปริตเป็นลางร้ายต่างๆ กุมภกรรณตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ต้องตัดใจรีบสั่งให้เดินทัพตามฤกธ์ยาม
 
ฝ่ายพระราม พระลักษมณ์ขึ้นรถทรง เทียมโดยมาตุลีสารถีที่องค์อินทร์ส่งมาช่วยรบ กงล้อแห่งราชรถเคลื่อนนำทัพ ล้อหมุนลิ่วบดถนนจนฝุ่นกระจาย เสียงกลองเสียงปี่ดังสนั่นคึกคัก เมื่อกองทัพพระรามมาถึงสนามรบ ก็เกิดการสู้รบกันชุลมุน

ครั้งหนึ่ง กุมภกรรณแผลงศรแหวกอากาศ จนฟ้าดินสะเทือนไหว ฟ้ามืดมิดดั่งราตรี แล้วเกิดเปลวไฟไหม้ล้อมรอบกองทัพวานร พระรามเห็นว่าพญาอสูรเริ่มใช้ศาตราศรชั้นสูง จึงคว้าศรพาลจันทร์มาขึ้นสายแล้วยิงเสียดอากาศ เกิดเสียงสนั่นฟ้าฟาด ปรากฎเป็นห่าฝนตกลงมาดับไฟ มิหนำซ้ำห่าศรขององค์รามยังสังหารเหล่าม้าศึก ช้างศึก แทงทะลุร่างทหารยักษ์ บ้างหัวหลุด ตีนขาด นอนตายกันเกลื่อน

กุมภกรรณเห็นว่าพระรามสามารถแก้ศรของตนได้และยังมาฆ่าเหล่าทหารของตนอีก พญามารโมโหยิ่งนักจึงบังคับรถมุ่งโจมตีเหล่าพลลิงอย่างประชิดตัว ฆ่าทุกหน้าอย่างไม่ยั้ง พระรามเห็นท่าไม่ดีจึงสั่งให้มาตุลีเทียมรถทรงเข้าประจันหน้ากับกุมภกรรณ

กุมภกรรณเริ่มก่อน พาดสายศรสิทธิ์ลงคาถา แล้วแผลงไปเป็นห่าลูกธนูตกสังหารเหล่าทหารลิง จนล้มตายกันอย่างมากมาย จากนั้นพระราตอบโต้ด้วยการขึ้นศรอัคนิวาต ออกแรงน้าวอย่างสุดตัว แผลงเล็งที่รถศึกของกุมภกรรณ ศรสิทธิ์แหวกอากาศเข้าหักรถชัยของพญามารจนแตกเป็นเสี่ยง แถมยังสังหารราชสีห์ทั้งพันและสารถีเทียมรถล้มตายลงทันที 

ขณะนี้กุมภกรรณทั้งเสียรถ เสียพลเหลือตัวคนเดียวในสนามรบ แต่ก็ยังกัดฟัน ทำตามพันธสัญญาของตนเองที่มีไว้แก่พี่ชายพญาทศกัณฐ์ ว่าหากตนไม่ได้หัวพระราม ตนจะไม่กลับเข้าลงกาอีก พญามารรวบรวมแรงกระชับคันศรโดดขึ้นราชรถศัตรู หมายตีสองพี่น้องมนุษย์ให้แหลกคามือ องค์รามลักษมณ์ปัดป้องอย่างสามารถและช่วยกันกระหน่ำตีอสูรด้วยคันศร จนกุมภกรรณตกลงมาจากรถทรง แต่จอมมารก็ยังยันกายขึ้นต่อตีสองมนุษย์อย่างไม่คิดชีวิต

พระรามได้โอกาส หวดพญายักษ์ด้วยศรจนตัวเซไปมา พอสบจังหวะองค์รามพาดศรพรหมาสตร์ขึ้นสายธนู น้าวอย่างสุดแรง แผลงไปถูกกลางอกกุมภกรรณ ร่างอันใหญ่โตของพญามารล้มคะมำกองกับพื้น พญามารแทบขาดใจ

.




-ภาพวาด-
บัณฑิต พวงมาลัย – วาดภาพ ,  พระมหากิตติศักดิ์ ไมตรีจิต – แต่งสีภาพ

.




.

ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ แผ่นที่ 120 ตอน อวสานกุมภกรรณ

      ศรศักดิ์ปักอกท้าว     กุมภกัณฐ์
เจ็บปวดสุดรำพรรณ         เรียกน้อง
พิเภกตกใจถลัน            กรกอด พี่นา
ต่างโศกกำสรดร้อง         สั่งเศร้าสงสาร ฯ

โคลงภาพจำหลักรามเกียรติ์ : สถานที่ตั้ง พนักพระอุโบสถ ทิศเหนือ ช่องที่ 3 แผ่นที่ 4 (เรียงตามทักษิณาวัตร)

.




แผ่นที่ 120 ตอน อวสานกุมภกรรณ : ในภาพ กุมภกรรณต้องศรพรหมาสตร์ของพระราม เจ็บเจียนตาย จึงร้องเรียกพิเภกน้องชายให้เข้ามาหา พิเภกถลาเข้ากอดพี่ชายแน่นพร้อมร่ำไห้ทั้งสองตน ก่อนสิ้นใจกุมภกรรณเห็นร่างพระรามคือองค์พระนารายณ์อวตาร จึงทูลขอขมาและสำนึกผิด และขอฝากพิเภกผู้เป็นน้องชายด้วย ฝ่ายพิเภกเห็นพี่ชายตายก็เข้ากอดศพไว้ แล้วรำพันถึงกุมภกรรณด้วยประการต่างๆ แล้วสะอื้นซบหน้าลงจนสิ้นสมประดี

.




-ภาพลอกลาย-
กุมภกรรณพยามยันกายไม่ให้ล้มจนเสียเชิง ขณะนี้ร่างพญามารสุดแสนเจ็บปวดจากฤทธิ์ศรพระราม และปวดใจเพราะเสียทีแก่มนุษย์ที่เชื่อว่าอ่อนแอกว่าเผ่าอสูร กุมภกรรณหายใจถี่ขึ้นๆ ดั่งใกล้จะหมดแรง ในสายตาพร่ามัวคู่นั้นเห็นมนุษย์ทั้งสองร่างงดงามยิ่ง เห็นผิวหน้าองค์ลักษมณ์ผ่องแพ่วดั่งทองทา เห็นองค์รามกายเขียวขำดั่งนิล จวบบัดนี้กุมภกรรณเห็นรัศมีที่ออกจากตัวองค์ราม สว่างวาบดั่งพระนารายณ์ เห็นองค์สี่กรทรงจักร สังข์ ตรี คทา อันเป็นเทพอาวุธอันคู่แก่องค์

...รามคืออวตารแห่งนารายณ์จริงๆ พิเภกไม่ผิดที่เชื่อในพระองค์...

กุมภกรรณฝืนเปิดตาให้เบิกกว้างเพื่อสัมผัสรัศมีแห่งความเมตตาแห่งพระนารายณ์ พร้อมยกสองมือประนมเหนือหัว

...ข้าไม่คิดเลยว่าจะมีโอกาสได้เฝ้านารายณ์ผู้ครองเกษียรสมุทรอันไกลโพ้น บัดนี้ท่านได้เสด็จมาอยู่ตรงหน้าข้า ข้ารู้สึกเป็นเกียรติเหลือเกิน แต่ข้าได้ทำอะไรลงไปนี่ ข้าบังอาจต่อสู้กับพระองค์ บังอาจคิดจะเอาชนะผู้ปราบอธรรมของทั้งสามโลก องค์นารายณ์จงล้างบาปของข้าด้วยสายตาอันปราณีของพระองค์ด้วย

....พิเภกน้องพี่ไม่ใช่ผู้ผิด เจ้ารู้มากกว่าใคร เหตุใดพี่ถึงไม่เชื่อเจ้า พี่มัวแต่จมปรักอยู่ในความเชื่อโง่ๆ พี่มัวแต่มุ่งเน้นที่จะปกป้องอสุรวงศ์ จนลืม ลืมว่าเราทำความมัวหมองอะไรไว้ให้โลกใบนี้ ข้าขอสมาด้วยใจที่ซื่อตรง ขอพระองค์วิษณุจงรับวิญญาณของข้าสู่สวรรค์ด้วยเถิด สุดท้ายนี้ข้าขอฝากพิเภกที่ข้ารักอย่างน้องและเฝ้าถนอมเช่นลูก ขอให้ท่านจงปกป้องพิเภกต่อจากข้า.... 

ขณะนี้พระรามใบหน้านิ่งดั่งพระเจ้า ทุกชีวิตในบริเวณนั้นแทบจะหยุดหายใจ คอยวาจาสิทธิ์จากพระอวตาร

...เราไม่เคยคิดโกรธท่าน แม้ท่านคือศัตรู กุมภกรรณ...ท่านอย่าได้กังวลใจไปเลย เราจะดูแลพิเภกอนุชาท่าน เยี่ยงสหายรัก จะถนอมน้องของท่านเยี่ยงบุตรของเรา บัดนี้ได้ฤกษ์งามยามดี ขอให้ท่านดำเนินสู่ชั้นฟ้าด้วยความสวัสดีเทอญ... 

เมื่อกุมภกรรณได้ฟังพระดำรัสจากองค์อวตาร พญามารรู้สึกสบายใจ สบายตัว ลืมความเจ็บปวดอันกระจายทั่วร่างกายอย่างฉับพลัน จอมอสูรแห่งลงกากวักมือเรียกพิเภกเข้ามาใกล้ โอบที่ต้นคอน้อง กระซิบที่ข้างหู สั่งพลางแล้วร้องไห้ นี่คือคำพูดจากพี่ถึงน้องครั้งสุดท้าย
 
ซึ่งเจ้าจะทำราชการ       ใต้เบื้องบทมาลย์พระทรงศร
สิ่งใดอย่าได้อนาทร       ผ่อนตามฤทัยพระทรงฤทธิ์
 
จงอุตส่าห์แสวงหาความชอบ    ให้รอบรู้หน้าหลังระวังผิด
จึ่งจะว่าดีมีความคิด       ญาติมิตรจะได้พึ่งอนุชา
 
สั่งพลางผ่าวจิตด้วยพิษศร    เร่าร้อนฤทัยยักษา
สิ้นเสียงก็สิ้นชีวา       ไปเกิดฟากฟ้าดุษฎีฯ   
(พระราชนิพนธ์ใน ร.1)

พอสิ้นเสียงสั่งพระมหาอุปราชกุมภกรรณแห่งลงกา ก็สิ้นใจ พิเภกไม่สามารถครองสติได้ ถลากอดร่างพี่ รำพันอย่างไม่เป็นภาษา...

.




-ภาพวาด-
บัณฑิต พวงมาลัย – วาดภาพ ,  พระมหากิตติศักดิ์ ไมตรีจิต – แต่งสีภาพ

.




.



Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,503


View Profile
« Reply #3 on: 19 June 2023, 20:54:13 »

[27] ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ วัดโพธิ์ ชุดที่ 27


ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ ชุดที่ 27 (แผ่นที่ 121-124 เรียงจากขวามาซ้าย)
ด้านทิศเหนือมี 11 ช่อง - ช่องที่ 4 แผ่นที่ 121-124




.




.

ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ แผ่นที่ 121 ตอน อินทรชิตออกศึก

      อินทรชิตฤทธิรุทขึ้น     ศรสาตร มาฤๅ
กลายกลับเปนนาคบาศ      พ่านพื้น
ไล่รัดเหล่าลิงดาษ         ดาอยู่
ทั้งพระลักษณ์ฤๅฟื้น         สลบสิ้นสมประดี ฯ

โคลงภาพจำหลักรามเกียรติ์ : สถานที่ตั้ง พนักพระอุโบสถ ทิศเหนือ ช่องที่ 4 แผ่นที่ 1 (เรียงตามทักษิณาวัตร)

.




แผ่นที่ 121 ตอน อินทรชิตออกศึก : ในภาพ อินทรชิตทรงรถศึกเทียมราชสีห์ มีโลทันเป็นสารถี น้าวยิงศรนาคบาศ กลายเป็นเหล่าพญานาค ไล่รัดพลวานรถ้วนทั่ว ทั้งเสนาลิงและพระลักษมณ์ จนสลบไสล

.




-ภาพลอกลาย-
หลังจากกุมภกรรณเสียชีวิตแล้ว อินทรชิตจึงขออาสาออกไปรบเพื่อกู้ชื่อเสียงให้แก่กรุงลงกา ทศกัณฐ์ดีใจอย่างยิ่ง จึงสวมกอดลูกชายอย่างชื่นใจ

อินทรชิตกราบลาผู้เป็นพ่อ แล้วถอยออกมาเข้าเฝ้านางมณโฑผู้มารดา ยังปราสาทหลวง นางมณโฑถอนใจ อ้าแขนรับลูกมากอดไว้ที่อก นางรู้สึกหนักใจที่ลูกชายจะต้องออกไปรับมือกับพระราม ซึ่งก็คือพระนารายณ์อวตาร หาใช่ข้าศึกธรรมดาไม่ นางมณโฑจะรั้งไว้ก็กลัวอาญา ได้แต่เตือนให้ลูกระวังตัว

อินทรชิตมหาอุปราชหนุ่ม จอมทัพองค์ใหม่แห่งลงกา จัดทัพออกศึก คัดเอาแต่ขุนมารผู้กล้า ทั้งขุนช้าง ขุนม้า ขับรถศึกพรั่งพร้อมด้วยอาวุธชนิดต่างๆ เช่น ง้าว ทวน เกาทัณฑ์ จัดกระบวนเป็นหมวดกองอย่างเพรียกพร้อมทุกอัตราศึก เคลื่อนทัพ หมายประจัญบานเหล่าวานรให้เด็ดขาด
.

ฝ่ายกองทัพพระรามนั้น พระลักษมณ์ได้อาสาออกรบ อินทรชิตมองเห็นทัพวานร มุ่งตรงมายังสมรภูมิ จึงให้โลทันชักรถศึกขึ้นไปประจันหน้าศัตรู การสู้รบเป็นไปอย่างดุเดือด ฝ่ายยักษ์ล้มตายเป็นจำนวนมาก จวบจนมืดค่ำ อินทรชิตจึงร้องสั่งไพร่พลที่เหลืออยู่ ให้ถอยทัพกลับเข้าลงกาทันที

.
   



-ภาพวาด-
บัณฑิต พวงมาลัย – วาดภาพ ,  พระมหากิตติศักดิ์ ไมตรีจิต – แต่งสีภาพ

.




.

ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ แผ่นที่ 122 ตอน ศรนาคบาศรัดพลวานร

      สุบรรณเรืองฤทธิรู้     รีบบิน
โจมจับจิกนาคินทร์         คาบคั้น
ฝูงนาคซ่อนแทรกดิน      กลัวเดช ครุฑนา
ปวงเหล่าพานรนั้น         รอดได้ทุกตน ฯ

โคลงภาพจำหลักรามเกียรติ์ : สถานที่ตั้ง พนักพระอุโบสถ ทิศเหนือ ช่องที่ 4 แผ่นที่ 2 (เรียงตามทักษิณาวัตร)

.




แผ่นที่ 122 ตอน ศรนาคบาศรัดพลวานร : ในภาพ อินทรชิตแผลงศรนาคบาศ เข้าไล่รัดเหล่าเสนาวานร ทั้งหนุมาน นิลนนท์ นิลขัน ชมพูพาน องคต รวมทั้งพระลักษมณ์ด้วย พระรามจึงต้องแผลงพลายวาต เรียกพญาครุฑมาช่วย บินโฉบจิกฉีกร่างนาค เลื้อยแทรกแผ่นดินหนี เพื่อเอาชีวิตรอด

.




-ภาพลอกลาย-
หลังจากอินทรชิตเกือบเสียทีแพ้พระลักษมณ์ในสนามรบ อินทรชิตก็รีบลาทศกัณฐ์ผู้เป็นพ่อไปที่เขาอากาศคีรี เพื่อทำพิธีชุบศรนาคบาศ เป็นเวลาเจ็ดวัน เจ็ดคืน ระหว่างนี้ก็ให้จัดทัพไปขัดตาศัตรูไว้ก่อน...

ทศกัณฐ์จึงให้มังกรกัณฐ์ เจ้าเมืองโรมคัล (บุตรพญาขร ผู้เป็นน้องของทศกัณฐ์ ซึ่งมังกรกัณฐ์ก็คือควายทรพีกลับชาติมาเกิด และต้องตายด้วยศรพระราม ตามที่พระอิศวรสาปไว้)

การศึกวันนี้ พระรามออกรบเอง พอมาถึงสนามรบ ทั้งสองทัพเข้าโจมตีกันทันที เหล่ายักษ์และวานรต่อสู้กันอย่างดุเดือด สุดท้าย พระรามยิงศรพรหมาสตร์ พุ่งตรงเข้าตัดเศียรมังกรกัณฐ์ขาดกระเด็นออกจากร่าง สิ้นใจตกลงมาตายกลางสนามรบ...

.
จากนั้น พระรามมอบหมายให้ ชมพูวราช หรือชมพูหมี ไปทำลายพิธีชุบศรของอินทรชิตได้สำเร็จ อินทรชิตจึงกรีฑาทัพมุ่งหน้าสู่สนามรบทันที โดยไม่เข้ากรุงลงกา ได้พบ วิรุญมุข ที่ตั้งท่าขัดตาทัพคอยอยู่ (ทศกัณฐ์ให้วิรุญมุข ลูกของวิรุญจำบัง ผู้เป็นราชาครองเมืองจารึกต่อจากผู้พ่อพญาทูษณ์ ผู้เป็นน้องท้องเดียวกับทศกัณฐ์ วิรุญมุขจึงมีศักดิ์เป็นหลานปู่ของทศกัณฐ์ พ่อส่งมาฝากปู่ทศกัณฐ์เพื่อให้เรียนการอักษร การยุทธ การปกครองจากเหล่าคุรุในลงกา กุมารยักษ์ตนนี้ยังเด็กนัก มีผมจุกบนหัว หน้าเขียวหรือบางที่บอกว่าเป็นสีเขียวเข้ม มีหอกเป็นอาวุธ ทรงม้าฝีเท้าจัด) 

พระรามได้ให้พระลักษมณ์ออกศึกในครั้งนี้ โดยมีพิเภกตามเสด็จด้วย อินทรชิตไม่รอช้า สั่งให้ทหารเข้าโจมตีเหล่าวานรทันที เหล่าพลยักษ์เข้าตี เข้าแทงวานรมิเลือกหน้า เหล่าวานรก็หลบหลีกถีบยักษ์ ช่วยกันจับขบกัดจนจนเหล่าพลมารตายเกลื่อนทั่วลานยุทธ บ้างคอขาดตัวขาด แขนขากระจายไร้ทิศทาง

อินทรชิตเห็นท่าไม่ดี จึงสั่งให้วิรุญมุขหลานชายออกไปรบแทนตนก่อน แล้วอินทรชิตก็เหาะขึ้นไปบนฟ้า ร่ายมนต์พลางตัวหลบบนกลีบเมฆ รอบนอากาศจนได้โอกาส จึงยกนาคบาศขึ้นพาดสาย แล้วแผลงไปหมายฆ่าทั้งนายทัพและเหล่าวานร ศรนาคบาศกลายร่างเป็นพญานาคเข้าขดรัดและพ่นพิษจนพระลักษมณ์และไพร่พลกระบี่ แน่นิ่งไม่ได้สติทั้งกองทัพ เว้นแต่พญาพิเภกที่ยังปลอดภัย (เพราะยักษ์มีอำนาจเหนือนาค)   

.




-ภาพวาด-
บัณฑิต พวงมาลัย – วาดภาพ ,  พระมหากิตติศักดิ์ ไมตรีจิต – แต่งสีภาพ

.




.

***124***ตามเนื้อเรื่อง
.
ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ แผ่นที่ 123 ตอน พระลักษมณ์ต้องศรนาคบาศ

      พระยาครุฑยุดแย่งยื้อ     นาคี
ปากจิกสองปีกตี            ครั่นครื้น
นาคาฤทธิราวี            วายวอด
พระลักษณ์สลบกลับฟื้น      สติตั้งองค์ตรง ฯ

โคลงภาพจำหลักรามเกียรติ์ : สถานที่ตั้ง พนักพระอุโบสถ ทิศเหนือ ช่องที่ 4 แผ่นที่ 3 (เรียงตามทักษิณาวัตร)

.




แผ่นที่ 123 ตอน พระลักษมณ์ต้องศรนาคบาศ : ในภาพ พญาครุฑกำลังจิกฉีกร่างพญานาค ยื้อยุดดึงนาคออกจากการรัดร่างพระลักษมณ์ที่สลบอยู่ จนฟื้นคืนสติ

.




-ภาพลอกลาย-
ฝ่ายอินทรชิตเหาะขึ้นไปบนฟ้า ร่ายมนต์พลางตัวหลบบนกลีบเมฆ รอบนอากาศจนได้โอกาส จึงยกนาคบาศขึ้นพาดสาย แล้วแผลงไปหมายฆ่าทั้งนายทัพและเหล่าวานร ศรนาคบาศกลายร่างเป็นพญานาคเข้าขดรัดและพ่นพิษจนพระลักษมณ์และไพร่พลกระบี่ แน่นิ่งไม่ได้สติทั้งกองทัพ

แล้วอินทรชิตก็เหาะลงมาดูผลงานของตน พลางหัวเราะร่า แต่เมื่อเห็นพิเภกผู้เป็นอาก็โกรธแค้นยิ่งนัก ชี้หน้าด่าอย่างไม่นับญาติอีกต่อไป พิเภกผู้ซึ่งอยู่เพียงลำพังกับอินทรชิตและกองทัพลงกา ก็วิ่งหนีเข้าป่าหายตัวไป

เหล่าเสนาทหารมาร ทูลถามว่าจะทำอย่างไรกับพระลักษมณ์ที่โดนนาครัดจนหมดสติ อินทรชิตหัวเราะอย่างเย้ยหยัน

...ปล่อยมันไว้ตรงนี้แหละ นี่ก็จะมืดแล้ว เราควรกลับสู่นครไปพักผ่อนกันเถิด อีกไม่นานเจ้ารามพี่มันก็ต้องออกมาตามหาน้อง พอเจอว่าน้องไม่ไหวติงก็นึกว่าตาย พาลจะเสียใจร้องไห้จนสลบตามไปอีกคน แล้วถึงครานั้นเราจะได้จับฆ่าทั้งพี่ทั้งน้องให้ตายพร้อมกันซะ...

แล้วอุปราชแห่งลงกา ก็สั่งไพร่พลให้ถอนทัพกลับเข้าเมือง...

.




-ภาพวาด-
บัณฑิต พวงมาลัย – วาดภาพ ,  พระมหากิตติศักดิ์ ไมตรีจิต – แต่งสีภาพ

.




.

***123***ตามเนื้อเรื่อง
ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ วัดโพธิ์ ชุดที่ 27 (27.4 - แผ่นที่ 124)
.
ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ แผ่นที่ 124 ตอน ศรพลายวาต

      แถลงปางหริรักษ์รู้     รีบรัด
เหนพระนุชนาคมัด         ร่ำไห้
พิเภกท่าวทูลรหัศ         เหตุราช
บัดพระแสงศรใช้         ครุฑรู้เร็วมา ฯ

โคลงภาพจำหลักรามเกียรติ์ : สถานที่ตั้ง พนักพระอุโบสถ ทิศเหนือ ช่องที่ 4 แผ่นที่ 4 (เรียงตามทักษิณาวัตร)

.




แผ่นที่ 124 ตอน ศรพลายวาต : ในภาพ พิเภกกราบทูลให้พระรามแผลงศรพลายวาต ไปตามพญาครุฑมาช่วยเหลือ จิกตีเหล่านาคจนหนีกระเจิง

.




-ภาพลอกลาย-
ในขณะที่ทั้งพระลักษมณ์ ทั้งกองทัพลิงหมดสติ พิเภกผู้อยู่เพียงลำพังกับอินทรชิตและกองทัพลงกา ก็วิ่งหนีไปทูลพระรามถึงพลับพลาว่า ขณะนี้พระอนุชาเป็นลมหมดสติอยู่ในสมรภูมิ พระรามมิรอช้า เร่งรุดตรงสู่สนามรบเพื่อดูอาการของน้องชาย ภาพที่องค์รามเห็นคือ พระลักษมณ์นอนแน่นิ่งไร้สติ หน้าซีดเผือด ลมหายใจระรวยเต็มที พระรามยังไม่สามารถหาทางที่จะช่วยน้อง ได้แต่ลูบหน้า ปาดหงื่อที่โทรมกายน้องรัก กล่าวรำพึงรำพันไม่ได้ศัพท์ จนเป็นลมหมดสติไป

หลังจากฟื้นคืนสติกลับมา พิเภกได้กราบทูลว่า...อันพระอนุชาและเหล่าพลวานรที่ต้องศรอินทรชิต บัดนี้ยังไม่เสียชีวิต ขอพระองค์จงแผลงศรพลายวาต เพื่อให้แสงศรออกไปตามพญาครุฑมาช่วยเหลือ...

พระรามทรงกายขึ้น แล้วแผลงศรพลายวาตศาสตราเทพขึ้นฟ้า เล็งตรงสู่วิมานฉิมพลี...

เพียงครู่เดียว พญาสุบรรณผู้เป็นใหญ่ในหมู่นก รู้ว่าพระสี่กรเรียกหา จึงนำเหล่าครุฑบินว่อน เสียงปีกสนั่นทั้งท้องฟ้าจนแผ่นดินสะเทือน เมื่อเห็นว่ากองทัพพระลักษมณ์ถูกนาครัดอยู่ เหล่าครุฑจึงตรงเข้าโฉบจิกฉีกร่างนาคให้ออกจากกายพระอนุชาลักษมณ์ ตลอดถึงกระชากหมู่นาคที่พันรอบกายนายบ่าวกระบี่ต่างๆ ด้วยกงเล็บอันแหลมคม

เหล่านาคเมื่อเห็นว่าฝูงพญาครุฑผู้มีอำนาจเหนือตนบินมา ต่างพากันคลายร่างวานรแล้วเลื้อยแทรกแผ่นดินหนี เพื่อเอาชีวิตรอด 

เมื่อสิ้นกิจ เหล่าครุฑเข้ากราบลาแทบบาทองค์ราม ผู้เป็นอวตารแห่งวิษณุนายตน แล้วบินกลับสู่วิมานตามเดิม

เมื่อร่างของพระลักษมณ์และเหล่าขุนกระบี่ปราศจากนาคที่รัดไว้ กอปรกับละอองน้ำค้างได้ชะพิษแห่งศรหลุดออกจากร่าง จนทุกชีวิตสามารถฟื้นคืนสติ มีแรงลุกขึ้นถวายบังคมแด่พระราม พระรามยินดียิ่ง เมื่อเห็นน้องที่รักและขุนศึกผู้ซื่อสัตย์รอดตายอีกครั้ง จึงสั่งให้ถอยทัพกลับพลับพลา เพื่อพักผ่อนเอาแรง

.




-ภาพวาด-
บัณฑิต พวงมาลัย – วาดภาพ ,  พระมหากิตติศักดิ์ ไมตรีจิต – แต่งสีภาพ

.




.



Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,503


View Profile
« Reply #4 on: 19 June 2023, 20:55:45 »

[28] ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ วัดโพธิ์ ชุดที่ 28


ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ ชุดที่ 28 (แผ่นที่ 125-128 เรียงจากขวามาซ้าย)
ด้านทิศเหนือมี 11 ช่อง - ช่องที่ 5 แผ่นที่ 125-128




.




.

ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ แผ่นที่ 125 ตอน ล้อมจับวิรุญมุข

     จักรีธิราชไท้           ธรณี
เหนวิรุญมุขหนี           แอบอ้อม
วางศรฤทธิพิรีย์           รณภาพ
เปนข่ายเพ็ชรวงล้อม         คั่นไว้กลางพล ฯ

โคลงภาพจำหลักรามเกียรติ์ : สถานที่ตั้ง พนักพระอุโบสถ ทิศเหนือ ช่องที่ 5 แผ่นที่ 1 (เรียงตามทักษิณาวัตร)

.




แผ่นที่ 125 ตอน ล้อมจับวิรุญมุข : ในภาพ พระรามแผลงศรพาลจันทร์ เป็นตาข่ายเข้าคลุมร่างวิรุญมุข ที่หายตัวได้ แล้วใช้หอกไล่ฟันแทงเหล่าวานรจนตายเกลื่อนกลาด

.




-ภาพลอกลาย-
อินทรชิตเห็นท่าไม่ดี จึงสั่งให้วิรุญมุขหลานชายออกไปรบแทนตนก่อน วิรุญมุข นำไพร่พลขี่ม้าควงหอกเข้าแทงขุนหมู่วานร ทั้งเสียงม้าเสียงลิงดังลั่นไม่ได้ศัพท์ เพราะต่างสู้กันอย่างไม่คิดถึงชีวิต แต่ในที่สุดเหล่าพลวานรก็ใช้ความเร็ว แย่งเอาอาวุธของเหล่าอสูรไว้ได้ กรูกันเข้าทำร้ายเหล่าทหารม้าแห่งโรมทัน จนตายทั้งนายทั้งม้า

พระนัดดาวิรุญมุขเห็นว่า ทหารตนเสียที จึงยกหอกขึ้นประนมร่ายพระเวทย์ เสกให้ทั้งร่างของตัวและม้าหายตัวโดยไม่มีผู้ใดเห็นได้ แล้วใช้หอกไล่แทงเหล่าวานรจนตายเกลื่อนกลาด

ทั้งพระราม พระลักษมณ์ นิลนนท์ ชมพูพานและองคต เห็นลูกน้องของตนตายอย่างไม่เห็นผู้ฆ่า รู้สึกแปลกใจ จึงถามพิเภกผู้รู้

พิเภกน้อมเศียร เฉลยกลของอสูรตามจริงที่รู้มา

...อันวิรุญมุข อสูรกุมาร ได้ร่ายวิชาพลางตัวล่องหนโดยไม่มีผู้ใดเห็น เข้าแทงฟันขุนกระบี่ด้วยหอกแหลมจนล้มตาย ขอให้พระองค์จงแผลงศรเป็นตาข่ายคลุมจับยักษ์ตนนี้ด้วยเถิด... 

พระรามไม่รอให้เสียเวลา คว้าลูกศรพาลจันทร์ ท่องพระเวทแล้วแผลงไป ศรสิทธิ์เข้าตัดคอม้าทรงของวิรุญมุข แล้วกลายเป็นตาข่ายเพชรเข้ารัดกายอสูรน้อย ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด จะกระชากออกก็ยิ่งแน่น ขุนมารได้แต่ร้องไห้ตามภาษาเด็ก

.




-ภาพวาด-
บัณฑิต พวงมาลัย – วาดภาพ ,  พระมหากิตติศักดิ์ ไมตรีจิต – แต่งสีภาพ

.




.

ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ แผ่นที่ 126 ตอน วิรุญมุขกำบังกาย

      หณุมานโผนเผ่นเข้า   บุกรุก
โจมจับวิรุญมุข      มัดได้
วานรจับจิกจุก      จูงลาก มานา
ถึงส่งสุครีพให้      ผูกเข้าไถ่ถาม ฯ

โคลงภาพจำหลักรามเกียรติ์ : สถานที่ตั้ง พนักพระอุโบสถ ทิศเหนือ ช่องที่ 5 แผ่นที่ 2 (เรียงตามทักษิณาวัตร)

.




แผ่นที่ 126 ตอน วิรุญมุขกำบังกาย : ในภาพ หนุมานกระโจนเข้าจับวิรุญมุขที่ถูกตาข่ายเพชรคลุมตัวอยู่ จับมัดแล้วจิกหัวลากจูงมาให้สุครีพไถ่ถามและลงโทษ 
.




-ภาพลอกลาย-
หนุมานและเหล่าวานรรุมจับวิรุญมุขมารน้อยที่ใช้กลพลางตัวสังหารไพร่พลของตน แต่ถูกตาข่ายเพชรคลุมตัวอยู่ มาให้สุครีพไถ่ถามและลงโทษให้หลาบจำ   

.




-ภาพวาด-
บัณฑิต พวงมาลัย – วาดภาพ ,  พระมหากิตติศักดิ์ ไมตรีจิต – แต่งสีภาพ

.




.

ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ แผ่นที่ 127 ตอน วิรุญมุขต้องโทษ

     สุครีพเคืองขัดแค้น     ขบฟัน
เรียกเร่งลิงราชมัณ         ติดไม้
ผูกยักษ์ซักถามพลัน         พลางเฆี่ยน
วิรุญมุขสุดทนได้         บอกแจ้งตามจริง ฯ

โคลงภาพจำหลักรามเกียรติ์ : สถานที่ตั้ง พนักพระอุโบสถ ทิศเหนือ ช่องที่ 5 แผ่นที่ 3 (เรียงตามทักษิณาวัตร)

.




แผ่นที่ 127 ตอน วิรุญมุขต้องโทษ : ในภาพ สุครีพให้ลิงราชมัล ผูกมัดเชลยเข้ากับขื่อคาแล้วเฆี่ยนตี เพื่อสอบถาม วิรุญมุขทนเจ็บไม่ไหวจึงสารภาพไปตามจริง

.




-ภาพลอกลาย-
สุครีพโกรธแค้นที่วิรุญมุข เสกร่างหายตัว แล้วเข่นฆ่าพลวานรจนล้มตายมากมาย จึงสั่งให้ราชมัลผูกมัดเชลยเข้ากับขื่อคาแล้วลงหวายเฆี่ยนจนหลังลาย เพื่อสอบถามความจริง

.




-ภาพวาด-
บัณฑิต พวงมาลัย – วาดภาพ ,  พระมหากิตติศักดิ์ ไมตรีจิต – แต่งสีภาพ

.




.

ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ แผ่นที่ 128 ตอน ปล่อยวิรุญมุข

      ริรูปพานเรศร้าย     ใจหาร
มัดวิรุญมุขมาร            ไหล่แล้
สักหน้าทเวนประจาร         รอบค่าย
พาออกนอกแดนแก้         มัดให้กลับไป ฯ

โคลงภาพจำหลักรามเกียรติ์ : สถานที่ตั้ง พนักพระอุโบสถ ทิศเหนือ ช่องที่ 5 แผ่นที่ 4 (เรียงตามทักษิณาวัตร)

.




แผ่นที่ 128 ตอน ปล่อยวิรุญมุข : ในภาพ วิรุญมุขได้รับการปล่อยตัวหลังจากถูกเฆี่ยนหลังและสักหน้า พาแห่ประจานรอบค่าย แล้วปล่อยตัวไป

.




-ภาพลอกลาย-
การลงโทษนี้ คือการทำให้เชลยอับอาย เริ่มจากการมัดมือเท้ากับหลัก จากนั้นให้ราชมัลสักหน้าด้วยข้อความถากถาง แล้วลงหวายเฆี่ยนจนหลังลาย นำตัวแห่ประจานจากหน้าค่ายวานร จนถึงหน้าทัพยักษ์ แล้วปล่อยไป

วิรุญมุขโดนทำร้ายจนแทบจะทรงตัวไม่อยู่ เดินป้อแป้เข้ากราบพระเจ้าลุงอินทรชิต เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟัง มีหรือที่อินทรชิตจะไม่โกรธ เจ้าชายแห่งลงกาตัวสั่นเพราะเจ็บแค้นแทนหลาน

.




-ภาพวาด-
บัณฑิต พวงมาลัย – วาดภาพ ,  พระมหากิตติศักดิ์ ไมตรีจิต – แต่งสีภาพ

.




.



Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,503


View Profile
« Reply #5 on: 19 June 2023, 20:57:04 »

[29] ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ วัดโพธิ์ ชุดที่ 29


ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ ชุดที่ 29 (แผ่นที่ 129-132 เรียงจากขวามาซ้าย)
ด้านทิศเหนือมี 11 ช่อง - ช่องที่ 6  แผ่นที่ 129-132




.




.

ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ แผ่นที่ 129  ตอน อินทรชิตทำพิธีกุมภนิยา

   สิบแปดมงกุฎเฝ้า      โรมรุม
เย่อแย่งพิทธิกุมภ์         แหลกล้าง
อินทรชิตจิตรล้าวลุม      เหลืออด ใจนา
เข้าจับจิกลิงคว้าง         หวดซ้ายป่ายขวา ฯ

โคลงภาพจำหลักรามเกียรติ์ : สถานที่ตั้ง พนักพระอุโบสถ ทิศเหนือ ช่องที่ 6 แผ่นที่ 1 (เรียงตามทักษิณาวัตร)

.




แผ่นที่ 129  ตอน อินทรชิตทำพิธีกุมภนิยา : ในภาพ ชามพูวราช องคต และชมพูพาน รุมเข้าทำร้ายอินทรชิตที่กำลังทำพิธีกุมภนิยา เพื่อให้ร่างกายเป็นอมตะ

.




-ภาพลอกลาย-
หลังจากอินทรชิต แปลงเป็นพระอินทร์ ยิงศรพรหมาสตร์ปักอกพระลักษมณ์แล้ว พิเภกและชมพูพาน ให้หนุมานไปเอายาที่แก้พิษศรพรหมาสตร์ ยังเขาอาวุธ ณ บุพพวิเท่ห์ทวีป อันไกลโพ้น หนุมานจึงช้อนเขาอาวุธแล้วแบกมาจนถึงเกาะลงกา แล้วภาวนาให้พระพายพัดกลิ่นของยาชนิดต่างๆบนเขาอาวุธโชยคลุ้งไปทั่วสนามรบ เพียงชั่วลมโชยพระอนุชาและเหล่าพลวานรก็ฟื้นคืนสติกลับมา แล้วหนุมานก็แบกเขาอาวุธคีรี กลับคืนที่เดิม...

ขณะเดียวกัน อินทรชิตได้นำไพร่พลอสูรข้ามสมุทรอ้อมไปยังเนินเขาจักรวาล เพื่อทำพิธีกุมภนิยา ชุบตัวให้ร่างกายคงกะพันกายสิทธิ์ ไม่มีใครสามารถทำร้ายได้

เมื่อโรงพิธีสร้างเสร็จแล้ว เตรียมเครื่องสังเวยจำนวนร้อยแปดอย่างให้พร้อม สั่งให้ทหารโหมกองไฟ 108 กองให้ครบเจ็ดวันเจ็ดคืน แล้วอินทรชิตก็ประทับบนบัลลังก์ จุดธูป จุดเทียน บูชาพระเวทและจับศรสามเล่ม คือ วิษณุปาณัม นาคบาศ และพรหมมาสตร์ ขึ้นพาดตัก หลังจากนั้นก็หลับตาสำรวมใจร่ายพระเวทไป

เมื่อพระรามรู้จากพิเภกว่าอินทรชิตไปทำพิธีกุมภนิยามหาเวท เพื่อชุบตนให้มีใครสามารถทำร้ายได้ จึงให้พระลักษมณ์ไปทำลายพิธี   

...ลักษมณ์น้องพี่ เจ้าจงไปแก้ตัว หาอินทรชิตให้เจอแล้วฆ่าซะ แต่คราวนี้เอาพิเภกไปด้วย...และมอบศรสามเล่มให้ไปด้วยคือ ศรอัคนิวาต ศรพลายวาต และศรพรหมมาสตร์ เพื่อกำจัดอินทรชิต พระลักษมณ์รีบรับอาสา จัดทัพมุ่งตรงสู่เขาจักรวาลทันที

เมื่อถึงเขาจักรวาล พระลักษมณ์เห็นศัตรูอยู่ในภาวะมิทันตั้งตัว จึงขึ้นศรพรหมาสตร์ แล้วแผลงไปทำลายพิธี ทำเอาหุบเขาจักรวาลสั่นสะเทือน เหล่าพลยักษ์โกลาหลด้วยความตกใจ แล้วเหล่า 18 มงกุฎนำโดยชามพูวราช องคต และชมพูพาน เข้ารุมทำร้ายอินทรชิตที่นั่งทำพิธีกุมภนิยา ชุบตัวให้ร่างกายคงกะพันกายสิทธิ์ ไม่มีใครสามารถทำร้ายได้ จึงเกิดการต่อสู้กันพัลวัน

.




-ภาพวาด-
บัณฑิต พวงมาลัย – วาดภาพ ,  พระมหากิตติศักดิ์ ไมตรีจิต – แต่งสีภาพ

.




.

ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ แผ่นที่ 130 ตอน พระลักษมณ์แผลงศรตอบโต้

    น้องรามเรืองเดชด้าว            ดินแสยง
กรก่งทรงศรแผลง                 ฤทธิก้อง
ต้องยักษ์เกลื่อนกลางแปลง      ตายกลาด
เฉวียดฉวัดตระบัดต้อง            บุตรท้าวทศกัณฐ์ ฯ

โคลงภาพจำหลักรามเกียรติ์ : สถานที่ตั้ง พนักพระอุโบสถ ทิศเหนือ ช่องที่ 6 แผ่นที่ 2 (เรียงตามทักษิณาวัตร)

.




แผ่นที่ 130 ตอน พระลักษมณ์แผลงศรตอบโต้ : ในภาพ พระลักษมณ์แผลงศรตอบโต้กับอินทรชิต เพื่อทำลายพิธีกุมภนิยา จนอินทรชิตต้องหลบหนีกลับกรุงลงกา

.




-ภาพลอกลาย-
อินทรชิตเห็นท่าไม่ดี จึงแผลงศรวิษณุปาฌัม กระจายเกลื่อนเป็นลูกไฟ เข้าครอกเหล่าพลลิงที่ต่างวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต

พระลักษมณ์เห็นกองทัพของตนเสียที จึงประทับศรอัคนิวาต แล้วแผลงไปต้องร่างอินทรชิต แล้วยังกลายเป็นห่าฝนดับไฟที่อินทรชิตส่งมาก่อนหน้านี้ เหล่าศพวานร ถูกน้ำฝนจากอัคนิวาต จึงฟื้นขึ้นมา ตบมือเยาะเย้ย

อินทรชิตทั้งเจ็บทั่วกายที่ปักด้วยลูกศร และเจ็บใจที่พระลักษมณ์สามารถล้างฤทธิ์อาวุธของตนได้

อินทรชิตชักศรนาคบาศ แผลงกลายเป็นนาคพุ่งเข้าใส่ร่างพระลักษมณ์ พระลักษมณ์จึงชักศรพลายวาต แล้วน้าวยิงเข้าล้างศรนาคบาศ เป็นครุฑเข้าจับนาคจนสิ้นชื่อแห่งศรนี้

อินทรชิตยังไม่ละความพยายาม ชักศรพรหมมาสตร์ออกมาร่ายคาถา แล้วแผลงพรหมาสตร์ของตนออกไป กลายเป็นอาวุธเกลื่อนฟ้า พุ่งเข้าเสียบแต่ละร่างวานร พระลักษมณ์แก้ไขโดยการสะกดคาถา แล้วแผลงศรพรหมาสตร์ของตนให้กลายเป็นพายุ ซัดสรรพอาวุธที่อินทรชิตส่งมาแหลกกระจุยในชั่วพริบตา ศรพระลักษมณ์ยังต้องเหล่าทหารอสูรตายจนหมด เข้าประหารม้าศึกคู่ใจองค์อุปราช

อินทรชิตรู้ตัวว่าขืนสู้ต่อไป มีแต่ตายอย่างเดียว ขอกลับไปไหว้พ่อ ลาแม่ สั่งลูกเมียก่อนแล้วจะกลับมาสู้ใหม่ จึงขว้างจักรขึ้นฟ้า ให้ลมกระโชกเมฆเคลื่อนมาบดบังพระอาทิตย์ แล้วชิงจังหวะนี้ เหาะกลับลงกา...

.




-ภาพวาด-
บัณฑิต พวงมาลัย – วาดภาพ ,  พระมหากิตติศักดิ์ ไมตรีจิต – แต่งสีภาพ

.




.

ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ แผ่นที่ 131 ตอน อินทรชิตรีบไปหาแม่

   โอรสทศพักตร์ต้อง     ศรทรง
ปักอกตลอดองค์                 แน่นแฟ้น
ร่ายเวทเป่าแผลลง         ฤๅหลุด เลยนา
สุดจิตรคิดแก้แค้น                 ลาศเข้าเมืองมาร ฯ

โคลงภาพจำหลักรามเกียรติ์ : สถานที่ตั้ง พนักพระอุโบสถ ทิศเหนือ ช่องที่ 6 แผ่นที่ 3 (เรียงตามทักษิณาวัตร)

.




แผ่นที่ 131 ตอน อินทรชิตรีบไปหาแม่ : ในภาพ อินทรชิตถูกศรพระลักษมณ์ปักอก สู้ต่อไปไม่ไหว จึงหลบหนีไปยังกรุงลงกา

.




-ภาพลอกลาย-
อินทรชิตรู้ตัวว่าขืนสู้ต่อไป มีแต่ตายอย่างเดียว ขอกลับไปไหว้พ่อ ลาแม่ สั่งลูกเมียก่อนแล้วจะกลับมาสู้ใหม่ จึงขว้างจักรขึ้นฟ้า ให้ลมกระโชกเมฆเคลื่อนมาบดบังพระอาทิตย์ แล้วชิงจังหวะนี้ เหาะกลับลงกา...

พระลักษมณ์เห็นว่าอินทรชิตหายไป จึงถามพิเภกว่าเกิดอะไรขึ้น

...ทูลพระอนุชา บัดนี้อินทรชิตสิ้นแล้วทุกสรรพวุธที่มี มันจึงตัดสินใจกลับลงกาไปลาพ่อแม่ ก่อนจะออกมารบใหม่แบบถวายชีวิต... 

พระลักษมณ์ได้ฟังข่าวดี แต่ก็ยังไม่วางใจ สั่งให้ทหารคอยเตรียมพร้ออยู่กับที่...

.




-ภาพวาด-
บัณฑิต พวงมาลัย – วาดภาพ ,  พระมหากิตติศักดิ์ ไมตรีจิต – แต่งสีภาพ

.




.

ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ แผ่นที่ 132 ตอน ในพระราชมณเฑียรกรุงลงกา
   
   ขึ้นเฝ้าชนนิศไท้        ทูลวอน
เสวยกษิรสินธุ์ศร         หลุดแล้ว
ทูลลาบาทบิดร            มาตุเรศ
เตรียมหมู่มารทวยแกล้ว      ออกร้ารณรงค์ ฯ

โคลงภาพจำหลักรามเกียรติ์ : สถานที่ตั้ง พนักพระอุโบสถ ทิศเหนือ ช่องที่ 6 แผ่นที่ 4 (เรียงตามทักษิณาวัตร)

.




แผ่นที่ 132 ตอน ในพระราชมณเฑียรกรุงลงกา : ในภาพ อินทรชิตที่บาดเจ็บบอบช้ำทั่วร่าง ขอดื่มน้ำนมจากนางมณโฑมารดาตน จนหายจากอาการบาดเจ็บ แล้วอาสาออกศึกอีกครั้ง

.




-ภาพลอกลาย-
เมื่ออินทรชิตหนีกลับมาลาแม่ นางมณโฑเห็นลูกได้รับบาดเจ็บ นางจึงนึกขึ้นได้ว่าพระแม่อุมาเคยให้พรไว้ น้ำนมทิพย์ของนาง สามารถสมานแผล รักษาพิษทุกชนิด มณโฑจึงให้อินทรชิตกินนมจากกายตน จนศรที่ปักติดกับตัวหลุดหมด แผลทั่วร่างก็หายเป็นปกติ แล้วจากนั้น ก็นำอินทรชิตเข้าเฝ้าทศกัณฐ์ต่อไป

เมื่อทศกัณฐ์ได้ยินว่าอินทรชิตจะออกรบอีกครั้ง ดีใจยิ่งนัก ลงจากแท่นเข้าสวมกอดลูก แล้วมอบศรสุรกานต์ อันเป็นสุดยอดแห่งอาวุธของตนให้แก่อินทรชิตเพื่อนำศรนี้ไปล้างเหล่าศัตรู อินทรชิตรับศรจากบิดาแล้วถอนใจกับตนเอง แล้วลากลับสู่ปราสาทตน...เพื่อบอกลาเมียและลูก

.




-ภาพวาด-
บัณฑิต พวงมาลัย – วาดภาพ ,  พระมหากิตติศักดิ์ ไมตรีจิต – แต่งสีภาพ

.




.



Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,503


View Profile
« Reply #6 on: 19 June 2023, 20:58:50 »

[30] ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ วัดโพธิ์ ชุดที่ 30


ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ ชุดที่ 30 (แผ่นที่ 133-136 เรียงจากขวามาซ้าย)
ช่องที่ 7 แผ่นที่ 133-136




.




.

ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ แผ่นที่ 133 ตอน เชิงเขาจักรวาล

         อินทรชิตอสุเรศเรื้อง     ไชยชาญ
ทรงรถเทียมสีห์ทยาน      รีบเร้า
มาถึงขอบจักรวาฬ         โดยด่วน
สั่งยักษ์โยธาเข้า            ไล่ล้างวานร ฯ

โคลงภาพจำหลักรามเกียรติ์ : สถานที่ตั้ง พนักพระอุโบสถ ทิศเหนือ ช่องที่ 7 แผ่นที่ 1 (เรียงตามทักษิณาวัตร)

.




แผ่นที่ 133 ตอน เชิงเขาจักรวาล : ในภาพ อินทรชิต ทรงรถศึกเทียมด้วยราชสีห์ ยกทัพไปยังเชิงเขาจักรวาลอย่างเร่งรีบ เพื่อปราบพระลักษมณ์และพลวานร

.




-ภาพลอกลาย-
อินทรชิตสั่งให้โลทันออกรถศึกทันที แต่เหมือนเกิดรางร้ายต่างๆนานา เช่น ยักษ์สารถีโลทันหน้ากลับกลายเป็นลิง สิงห์เทียมรถหน้ากลายเป็นม้า ลมกรรโชกพัดตีหน้าดั่งหลงทิศ เสียงโห่ฮาของเหล่าทหารก็เหมือนเสียงร้องไห้ แร้งกาโฉบเกาะธงชัย นกไม่ร้อง เครื่องสูงประดับขบวนมีควันลุกเหมือนไหม้ไฟ 

เมื่อขบวนเคลื่อนออกนอกราชฐาน พญามารเห็นยอดปราสาทหลวงก็ถอนใจ ถวายความเคารพเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นขุนมารบ่ายหน้า นำทัพสู่เขาจักรวาล

พระลักษมณ์ยินดียิ่งเมื่อเห็นอินทรชิตยกทัพกลับมา สั่งให้ทหารเฝ้าระวัง อย่าวู่วาม 

อินทรชิตมิรอให้คลีฝุ่นจาง บัญชาให้ทหารกล้าบุกกองทัพวานรทันที แต่บัดนี้ทหารยักษ์เกิดความเกรงกลัวลิงตัวเล็กๆ ถึงที่สุด

ทหารยักษ์สู้อย่างไม่เป็นขบวน พากันวิ่งหนีคมหอกคมดาบลิง ต่างเอาชีวิตรอด เป็นภาพที่น่าอดสูยิ่งนัก

.




-ภาพวาด-
บัณฑิต พวงมาลัย – วาดภาพ ,  พระมหากิตติศักดิ์ ไมตรีจิต – แต่งสีภาพ

.




.

ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ แผ่นที่ 134 ตอน อินทรชิตรบกับพระลักษมณ์

        อินทรชิตวางวิ่งเข้า     โหมหัก
พระลักษมณ์รบรับยักษ์      คล่องเคล้า
ตีต้องบุตรทศพักตร์         ซวนซุด ไปแฮ
สิ้นฤทธิสุดคิดเข้า         เมฆลี้ลับองค์ ฯ

โคลงภาพจำหลักรามเกียรติ์ : สถานที่ตั้ง พนักพระอุโบสถ ทิศเหนือ ช่องที่ 7 แผ่นที่ 2 (เรียงตามทักษิณาวัตร)

.




แผ่นที่ 134 ตอน อินทรชิตรบกับพระลักษมณ์ : ในภาพ พระลักษมณ์กับอินทรชิต รุกรบรับกันไปมา พระลักษมณ์ขึ้นเหยียบบ่า แล้วฟาดกลางหลังอินทรชิตด้วยด้ามศร จนยักษ์หนุ่มล้มลง แล้วเหาะหนีไปแอบในกลีบเมฆ

.




-ภาพลอกลาย-
อินทรชิตโกรธกับความตกต่ำ โกรธกับศักดิ์ศรีของตนที่ไม่เหลืออยู่อีกต่อไป มหาอุปราชแห่งลงกาประทับศรสุรกานต์ แล้วแผลงไปยังเป้าหมายคือพระลักษมณ์ พลังแห่งศรเข้าตัดคอ ตัดตัวพลลิงตายเกลื่อนท้องสนามยุทธ

พระลักษมณ์ชักศรพรหมาสตร์ขึ้นประทับยิงเป็นการตอบโต้ สุดยอดแห่งศรเข้าทำลายรถทรงของอินทรชิต และปลิดชีวิตไล่ฆ่ากองกำลังมาร แถมยังกลายเป็นฝนคอยชุบชีวิตเหล่าวานรที่เสียชีวิตอีก

บัดนี้ ทัพแห่งมหาอุปราช เหลือเพียงอินทรชิตแต่ผู้เดียว ผู้บัดนี้เลือดเข้าตา ทะลวงฟันทหารลิงจนถึงหน้ารถศึกของพระลักษมณ์ อนุชาแห่งรามกระโดดเข้าประลองยุทธกับอุปราชแห่งลงกา ดั่งเป็นครั้งสุดท้าย

ทั้งคู่สู้กันแบบถวายชีวิต ฝ่ายขวาสู้เพื่อพ่อ ฝ่ายซ้ายสู้เพื่อพี่ จึงทำให้ทุกชีวิตบริเวณเนินเขาจักรวาลต้องหยุดดู ดูคู่ต่อสู้แห่งยุค ที่ผลัดกันรุกรับอย่างว่องไว พระลักษมณ์หวด อินทรชิตหลบ

ยักษ์หนุ่มคว้าศรสุรกานต์หมายเผด็จศึกศัตรู ยิงศรสิทธิ์เข้าปักที่ไหล่ขวาและด้วยแรงธนูทำให้พระลักษมณ์ซวนเซแทบล้มลง 

พระหน้าทองกลั้นใจ ท่องคาถาได้เจ็ดคาบ เป่าลงที่ไหล่จนลูกธนูหลุดออกอย่างง่ายดาย พระลักษมณ์มิรอให้เสียโอกาส ประทับศรอัคนิวาต แล้วยิงตรงสู่ร่างของอินทรชิต ปักติดที่อกขุนมาร แต่อินทรชิตก็ยังเสกมนตร์สกัดพิษของธนูได้

พญายักษ์รวบรวมเรี่ยวแรง กระโดดเข้าใส่ แต่พระลักษมณ์สามารถคว้าศรของผู้โจมตีเอาไว้ได้ ขึ้นเหยียบบ่า แล้วฟาดกลางหลังอินทรชิตด้วยด้ามศร จนยักษ์หนุ่มล้มลง แต่มีหรือที่อินทรชิตจะยอมแพ้ง่ายๆ

อินทรชิตคว้าจักรซัดเข้าที่ร่างของพระลักษมณ์ แต่น้องพระสี่กรรู้ทัน คว้าศรพรหมาสตร์ แล้วแผลงออกไป ทำลายจักรแห่งอสูร จนแตกละเอียดเป็นผง...

อินทรชิตเห็นว่าหมดทางสู้ จึงรวบรวมกำลังครั้งสุดท้าย ร่ายคาถาให้ความมืดเข้าปกคลุมบริเวณนั้น แล้วตนเหาะเข้าซ่อนกายในกลีบเมฆ...แล้วปล่อยห่าฝนอาวุธเข้าทำลายเหล่าวานร

.
 



-ภาพวาด-
บัณฑิต พวงมาลัย – วาดภาพ ,  พระมหากิตติศักดิ์ ไมตรีจิต – แต่งสีภาพ

.




.

ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ แผ่นที่ 135 ตอน พระลักษมณ์เสี่ยงศร

        น้องพระราเมศเรื้อง     เรืองยศ
บงเนตรเหนองคต         อาจอ้าง
คอยรับศิรลูกทศ            พักตร์อยู่ นั้นแฮ
ทรงเสี่ยงศรมล้าง         ไล่ล้างอสุรินทร์ ฯ

โคลงภาพจำหลักรามเกียรติ์ : สถานที่ตั้ง พนักพระอุโบสถ ทิศเหนือ ช่องที่ 7 แผ่นที่ 3 (เรียงตามทักษิณาวัตร)

.




แผ่นที่ 135 ตอน พระลักษมณ์เสี่ยงศร : ในภาพ พระลักษมณ์ประทับศรพลายวาต แผลงไปปักร่างอินทรชิต จนขาดใจตายอยู่กลางอากาศ

.




-ภาพลอกลาย-
พระลักษมณ์แผลงศรพลายวาต จนสั่นสะเทือนทั่วฟ้า อินทรชิตต้องศรปักทั่วร่าง แต่ครั้งนี้จะร่ายเวทมนต์ใดๆ ศรก็หาหลุดไม่ ยักษ์รูปงามอย่างอินทรชิต บัดนี้เครื่องทรงที่ขาดกระจุย ร่างกายบอบช้ำเป็นที่สุด เลือดไหลโทรมกาย อินทรชิตหมดแรง หมดกำลังใจ ได้แต่ร้องไห้สงสารตัวเอง ที่มาพบจุดจบเช่นนี้...

อินทรชิตสิ้นลม ขาดใจตายอยู่กลางอากาศ...

พระลักษมณ์มิรอช้า ชักศรพรหมาสตร์หมายจะยิงซ้ำ ตัดหัวอินทรชิตให้เสร็จกิจ แต่พิเภกชิงห้ามไว้

...ช้าก่อนพะย่ะค่ะ ยังซ้ำไม่ได้...ด้วยว่า อินทรชิตผู้นี้ได้พรจากพระพรหมว่า หากศีรษะตกสู่แผ่นดิน จะเกิดไฟไหม้จนไม่มีชีวิตใดเหลือรอดอยู่ได้...

พระลักษมณ์ ลดศรลงตามคำเตือนของพิเภก...แล้วเราจะทำอย่างไรต่อดีหละท่าน...
 
พิเภกสามารถทูลทางออกได้อย่างทุกคราว

...ทูลพระอนุชา ท่านควรบัญชาให้องคตบุตรพญาพาลี ขึ้นไปขอพานแว่นฟ้าจากองค์พรหม เพื่อใช้รองศีรษะอินทรชิต... 

พระลักษมณ์มิรอช้า ร้องสั่งให้องคตขึ้นไปขอพานแว่นฟ้าทันที...

องคตบุตรแห่งพาลี รวบรวมกำลัง กระโดดขึ้นฟ้า มุ่งสู่วิมานท้าวมหาพรหม ผู้ประหลาดใจว่า เหตุใดองคตจึงมาเยือนถึงวิมานอันสงบของท่าน

...บัดนี้น้องพระสี่กรได้พิชิตบุตรแห่งทศกัณฐ์ นามอินทรชิตลงแล้ว พระอนุชาจึงบัญชาให้ข้าบาท มาขอพานแว่นฟ้าแก้วอลงกรณ์ เพื่อใช้รองเศียรของพญายักษ์ ก่อนจะตกสู่พื้นโลก... 

พระพรหมยินดีต่อชัยชนะของพระอวตารอย่างยิ่ง เพราะนี่เท่ากับภารกิจแห่งยุคได้บรรลุไปแล้วครึ่งหนึ่ง

องค์พรหมมิรอช้า มอบพานแก้วให้องคต แล้วอวยพรให้สำเร็จภารกิจโดยเร็ว

.




-ภาพวาด-
บัณฑิต พวงมาลัย – วาดภาพ ,  พระมหากิตติศักดิ์ ไมตรีจิต – แต่งสีภาพ

.




.

ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ แผ่นที่ 136 ตอน บนนภากาศ

        ศรไชยไปตัดเกล้า     อินทรชิต
ขาดกระเด็นดุจลิด         ลูกไม้
องคตเลื่องฦๅฤทธิ         เร็วรีบ
คอยรับเศียรมารได้         ด่วนเข้ามาถวาย ฯ

โคลงภาพจำหลักรามเกียรติ์ : สถานที่ตั้ง พนักพระอุโบสถ ทิศเหนือ ช่องที่ 7 แผ่นที่ 4 (เรียงตามทักษิณาวัตร)

.




แผ่นที่ 136 ตอน บนนภากาศ : ในภาพ พระลักษมณ์ประทับศรพรหมาสตร์ ยิงขึ้นฟ้า ตัดหัวอินทรชิต กระเด็นออกจากร่าง บัดนี้กายของมหาอุปราชแห่งลงกา ตกสู่พื้นอย่างสิ่งที่ไร้ค่า องคตรีบเหาะเอาพานแก้วรองศีรษะของน้องชายต่างบิดาไว้

.




-ภาพลอกลาย-
องคตถือพานแว่นฟ้า เหาะชูอยู่เหนือสนามรบ เมื่อพระลักษมณ์เห็นว่าทุกอย่างพร้อมแล้ว จึงประทับศรพรหมาสตร์ ยิงขึ้นฟ้า ตัดมือ ตัดแขน จนสุดท้ายตัดหัวอินทรชิต กระเด็นออกจากร่าง บัดนี้กายของมหาอุปราชแห่งลงกา ตกสู่พื้นอย่างสิ่งที่ไร้ค่า

องคตรีบเหาะเอาพานแก้วรองศีรษะของน้องชายต่างบิดาไว้ วานรสีมรกต กล่าวไว้อาลัยแด่อินทรชิต เป็นครั้งสุดท้าย...

...ถึงเราจะอยู่คนละฝ่าย และต้องมารบกันแบบเอาเป็นเอาตาย ถึงอย่างไรเราก็คือลูกแม่มณโฑเหมือนกัน ท่านจงภูมิใจที่ได้ตายอย่างผู้กล้า ท่านตายด้วยความกตัญญู หลับเถิด หลับให้สบาย...น้องข้า... 

จากนั้นบุตรแห่งพาลีหักใจ นำเศียรอุปราชยักษ์มาถวายนาย พระลักษมณ์ถวายเศียรอินทรชิต ที่บัดนี้ยังดูน่าเกรงขามยิ่ง มิเสื่อมคลาย แด่พระราม

พระรามภูมิใจในตัวน้องอย่างยิ่ง จูงมือขึ้นมาประทับคู่กัน แล้วถามพิเภกว่า

...ท่านผู้รู้พิเภก แล้วเราจะทำอย่างไรกับหัวจอมมารนี้ดีหละ... 

พิเภกทูลตอบทันที เหมือนเตรียมคำตอบไว้แล้ว

...ควรให้องคตทูนพานศีรษะอินทรชิตไว้บนอากาศ แล้วพระองค์แผลงศรเข้าทำลายเศียรให้เป็นผุยผง...

องคตผู้บัดนี้รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะตอนรับหัวก็ต้องตั้งสติ สกัดความเศร้าเอาไว้ ตอนนี้นายยังใช้ให้ยกหัวผู้มีศักดิ์เป็นน้อง เพื่อการทำลายอีก วานรหนุ่มไม่มีทางเลือก ได้แต่รีบถวายบังคม แล้วบรรจงประคองพานแว่นฟ้าที่รองเศียรอินทรชิต แล้วทะยานขึ้นฟ้า จากนั้นองคตชูพานขึ้นสูง

พระรามคว้าศรพรหมาสตร์ น้าวยิงออกอย่างเต็มแรง ด้วยความแม่นยำ ศรสิทธิ์ทำลายเศียรอินทรชิต แหลกเป็นผง ไม่เหลือซาก...
 
.
เหล่าพลยักษ์ที่หนีทัพซ่อนตัวอยู่ในป่า เห็นจอมทัพอินทรชิตตาย ก็ตกใจหน้าซีดตามๆกัน แต่ก็ต้องตัดใจ วิ่งหนีเข้าลงกา เพื่อกราบทูลต่อเหนือหัวทศกัณฐ์ เมื่อพญาทศกัณฐ์รู้ข่าวการตายของลูกชาย พญายักษ์เย็นวาบ ตัวทรุดอย่างอ่อนแรง ร้องไห้โดยมิอายใคร

ทศกัณฐ์ร้องไห้ฟูมฟายถึงการตายของบุตรชาย แต่ก็มิได้โทษว่าตนเองนั่นแหละคือต้นเหตุของการสูญเสียในครั้งนี้ ได้แต่โทษว่าไม่น่าพลาด พ่ายแพ้จนทำให้วงศ์ตระกูลอับอาย พอครองสติได้ จึงเรียกมโหทรให้เตรียมทัพ เพื่อยกพลไปยังเขาจักรวาล... 

เมื่อเข้าสู่สนามรบ พญาทศกัณฐ์ได้แต่ถอนใจ เพราะเห็นศพทหารตนตายเกลื่อนไปทั่ว เพียงชั่วครู่พญามารก็แทบจะทรงกายไม่อยู่ เมื่อเห็นร่างที่ไร้หัวของบุตรชาย นอนอนาถอยู่กับพื้น

ทศกัณฐ์รีบโดดลงจากรถ เข้าประคองร่างของบุตรชายไว้บนตัก บัดนี้จอมมารไม่เหลือความยิ่งใหญ่อีกต่อไปแล้ว ภาพที่เห็นคือยักษ์แก่ตนหนึ่ง ร้องไห้ อาลัยการตายอันน่าอดสูของลูกชาย ลูกชายที่หมายจะให้เป็นเจ้าลงกาต่อจากตน

ครั้งนี้ดูเหมือนว่าทศกัณฐ์จะเสียใจมากที่สุดในชีวิต แต่ก็ยังไม่ได้โทษตนเอง กลับย้อนมาโทษพิเภกที่บอกความลับของตนแก่ศัตรู จนทำให้ลูกชายเสียที ต้องมาตายอย่าง อนาถ เหล่าพลมารต่างร้องไห้กันทั่ว เพราะเห็นศพญาติของตนที่ขาขาด แขนขาด หัวหลุดออกจากร่าง สภาพบางร่าง แย่ขนาดไม่สามารถบอกได้ว่าใครเป็นใคร

ทศกัณฐ์ช้อนร่างลูกชายขึ้นรถทรง เคลื่อนขบวนกลับราชธานี เมื่อมาถึงลงกา อสูรชราอุ้มร่างของอินทรชิต เข้าสู่พระมหาปราสาทด้วยตนเอง เป็นภาพที่ใครเห็นก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาไว้ได้ เพราะสิ่งที่เลวร้ายสุดของคนเป็นพ่อ คือการที่ต้องมาทำศพลูกชายของตนเอง

.




-ภาพวาด-
บัณฑิต พวงมาลัย – วาดภาพ ,  พระมหากิตติศักดิ์ ไมตรีจิต – แต่งสีภาพ

.




.



Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,503


View Profile
« Reply #7 on: 19 June 2023, 21:01:58 »

[31] ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ วัดโพธิ์ ชุดที่ 31


ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ ชุดที่ 31 (แผ่นที่ 137-140 เรียงจากขวามาซ้าย)
ด้านทิศเหนือมี 11 ช่อง - ช่องที่ 8  แผ่นที่ 137-140




.




.

ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ แผ่นที่ 137  ตอน ณ ท้องพระโรงกรุงลงกา

      มูลพลำทศพักตร์เจ้า     ปางตาล
สามกษัตริย์เสวยไชยบาน      ผ่องแผ้ว
ดำริราชการราญ         อรินราช
กำเริบหฤทัยแกล้ว         กล่าวอ้างอวดหาญ ฯ

โคลงภาพจำหลักรามเกียรติ์ : สถานที่ตั้ง พนักพระอุโบสถ ทิศเหนือ ช่องที่ 8 แผ่นที่ 1 (เรียงตามทักษิณาวัตร)

.




แผ่นที่ 137  ตอน ณ ท้องพระโรงกรุงลงกา : ในภาพ ทศกัณฐ์เจ้ากรุงลงกา จัดเลี้ยงรับรองพระราชอาคันตุกะ ท้าวสหัสเดชะเจ้าครองนครปางตาล และมูลพลัมอุปราชเมืองปางตาลเพื่อนสนิท แล้วปรึกษาหารือการศึกต่อไป

.




-ภาพลอกลาย-
เมื่อขบวนพระราชอาคันตุกะมาถึง ทศกัณฐ์จัดงานเลี้ยงรับรองท้าวสหัสเดชะเจ้าครองนครปางตาล และมูลพลัมอุปราชเมืองปางตาลเพื่อนสนิท แล้วปรึกษาหารือเรื่องการศึก ซึ่งท้าวสหัสเดชะรับอาสาออกทำสงครามด้วยตนเอง แล้วคว้ากระบองเพชรออกมาควง จนเกิดเปลวรัศมี

...นี่คือกระบองวิเศษที่องค์พรหมประทานให้ ส่วนต้นกระบองใช้ชี้ให้ใครตายใครก็ได้ ส่วนปลายใช้ชี้ให้คืนชีพกลับมา กะอีแค่มนุษย์ตัวเล็กกะฝูงลิงป่า ไม่คณามือพี่หรอก... (ท้าวสหัสเดชะ มี 1,000 หน้า 2,000 มือ มากกว่าทศกัณฐ์อีก)   

ทศกัณฐ์ได้แต่หัวเราะรับอย่างชอบใจ

...ตัวข้าจะขอตามเสด็จไปดูความย่อยยับของทัพศัตรูเป็นขวัญตา...

สามจอมมารหัวเราะกันอย่างครึกครื้น

.




-ภาพวาด-
บัณฑิต พวงมาลัย – วาดภาพ ,  พระมหากิตติศักดิ์ ไมตรีจิต – แต่งสีภาพ

.




.

ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ แผ่นที่ 138 ตอน นางระบำรำฟ้อน

      นางระบำสำรับน้อย      เรียงราย
จับระบำรำกราย            กรีดฟ้อน
บำเรอบทเรศถวาย         สามกษัตริย์ ท่านนา
เมียงม่ายชายตาต้อน         ต่อให้ใหลหลง ฯ

โคลงภาพจำหลักรามเกียรติ์ : สถานที่ตั้ง พนักพระอุโบสถ ทิศเหนือ ช่องที่ 8 แผ่นที่ 2 (เรียงตามทักษิณาวัตร)

.




แผ่นที่ 138 ตอน นางระบำรำฟ้อน : ในภาพ นางระบำรำฟ้อน ออกมาร่ายรำถวายแด่ 3 กษัตริย์ในงานเลี้ยงรับรองแขกเมืองครั้งนี้ แต่ละนางฟ้อนกรีดกราย ชม้อยชม้ายสายตาชวนให้ใหลหลง 

.




-ภาพลอกลาย-
ในงานเลี้ยงรับรองพระราชอาคันตุกะ ทศกัณฐ์สั่งมโหทรขุนเสนา ไปบอกแก่เจ้าพนักงานให้นำเครื่องแต่งกายอันโอ่อ่ามาถวายท้าวสหัสเดชะพระเชษฐา แล้วให้จัดเลี้ยงดูแลเหล่าทหารเมืองปางตาล ด้วยอาหารคาวหวาน เหล้า ปลาอย่าให้ขาด

ฝ่ายพระแม่เมืองนางมณโฑ ก็จัดสรรเหล่านางงามที่คัดสรรแล้ว จำนวนสิบสองนางมาถวายการดูแลท้าวสหัสเดชะและอุปราชมูลพลัม ต่างผลัดกันโบกพัด ป้อนของเสวย รินถวายน้ำจันทร์มิบกพร่อง

เพียงชั่วครู่วงดนตรีเริ่มบรรเลงเพลง นางนักขับเสียงหวานเสนาะหู ปานจะขาดใจ นางรำออกมาฟ้อนอย่างอ่อนช้อยพร้อมเพียงกัน ดั่งชาวสวรรค์ ดูเหมือนว่าความบันเทิงที่ทางลงกาจัดไว้ จะดำเนินไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด 






-ภาพวาด-
บัณฑิต พวงมาลัย – วาดภาพ ,  พระมหากิตติศักดิ์ ไมตรีจิต – แต่งสีภาพ

.




.

ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ แผ่นที่ 139 ตอน ฉลองสัมพันธมิตร

      ปางตาลมารมาตย์พร้อม     โดยดับ กันนา
วางจอกสุราจับ            คีบแกล้ม
เมามัวทั่วทั้งทัพ            อวดอาจ
อำมาตย์ลงกาแย้ม         ยั่วให้ใจเหิม ฯ

โคลงภาพจำหลักรามเกียรติ์ : สถานที่ตั้ง พนักพระอุโบสถ ทิศเหนือ ช่องที่ 8 แผ่นที่ 3 (เรียงตามทักษิณาวัตร)

.




แผ่นที่ 139 ตอน ฉลองสัมพันธมิตร : ในภาพ เหล่าเสนามารเมืองปางตาล บ้างยกจอกเหล้าดื่ม บ้างคีบอาหารใส่ปาก จนเมามายกันทั้งกองทัพ โดยมีเสนามารฝ่ายลงกาเฝ้าบริการเอาใจอย่างใกล้ชิด

.




-ภาพลอกลาย-
ในงานเลี้ยงพรั่งพร้อมไปด้วยสุราอาหาร เหล่าเสนามารเมืองปางตาลเสพสุขกันอย่างสำราญ บ้างยกจอกเหล้าดื่ม บ้างคีบอาหารใส่ปากอย่างเอร็ดอร่อย จนเมามายกันทั้งกองทัพ โดยมีเสนามารฝ่ายลงกาเฝ้าบริการเอาใจใกล้ชิด

.




-ภาพวาด-
บัณฑิต พวงมาลัย – วาดภาพ ,  พระมหากิตติศักดิ์ ไมตรีจิต – แต่งสีภาพ

.




.

ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ แผ่นที่ 140 ตอน กำลังเมาเต็มที่

ปางตาลมารไพร่บ้า        บึกบึน
เหล้าเค่มเต็มเมามึน         โกรธเกรี้ยว
ทำเพลงครึกเครงครึน      ลุกโลด
ทิ้งท่วยฉวยชามเคี้ยว      อวดโอ้โวหาร ฯ

โคลงภาพจำหลักรามเกียรติ์ : สถานที่ตั้ง พนักพระอุโบสถ ทิศเหนือ ช่องที่ 8 แผ่นที่ 4 (เรียงตามทักษิณาวัตร)

.




แผ่นที่ 140 ตอน กำลังเมาเต็มที่ : ในภาพ ทหารเมืองปางตาลเมื่อมึนเมาได้ที่ ก็ร้องรำทำเพลงกันครึกครื้น บ้างก็ลุกยืนแสดงอวดฤทธิ์

.




-ภาพลอกลาย-
ทหารเมืองปางตาลเมื่อมึนเมาได้ที่ บ้างลุกยืนแสดงอวดฤทธิ์ บ้างยกไหดื่ม บ้างร้องรำทำเพลงตีเกราะเคาะไม้ บ้างเมามายจนอาเจียร เป็นที่สนุกครื้นเครงกันอย่างเต็มคาราเบล 

.




-ภาพวาด-
บัณฑิต พวงมาลัย – วาดภาพ ,  พระมหากิตติศักดิ์ ไมตรีจิต – แต่งสีภาพ

.




.


-------------------------------------

ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ วัดโพธิ์ ใกล้จะจบแล้วนะครับ เรื่องที่จะนำเสนอต่อไปคือ...

จิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เป็นจิตรกรรมไทย เขียนด้วยสีฝุ่น ประกอบด้วยภาพทั้งหมด ๑๗๘ ห้องภาพ

ภาพใหญ่ สวยตระการตา เหมาะสำหรับท่านที่ชอบสะสมภาพครับ


 


Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,503


View Profile
« Reply #8 on: 19 June 2023, 21:03:13 »

[32] ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ วัดโพธิ์ ชุดที่ 32


ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ ชุดที่ 32 (แผ่นที่ 141-144 เรียงจากขวามาซ้าย)
ด้านทิศเหนือมี 11 ช่อง - ช่องที่ 9 แผ่นที่ 141-144




.




.

ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ แผ่นที่ 141 ตอน ทัพสหัสเดชะ

      ท้าวสหัสเดชะเจ้า      กุมภัณฑ์
ทรงรถนางกำนัล         นั่งน้อม
ราชสีห์สี่สิบพัน            พารุด เร็วฤๅ
ปวงหมู่พลมารห้อม         แห่ซ้ายแซงขวา ฯ

โคลงภาพจำหลักรามเกียรติ์ : สถานที่ตั้ง พนักพระอุโบสถ ทิศเหนือ ช่องที่ 9 แผ่นที่ 1 (เรียงตามทักษิณาวัตร)

.




แผ่นที่ 141 ตอน ทัพสหัสเดชะ : ในภาพ รถทรงของสหัสเดชะ เทียมด้วยราชสีห์สี่หมื่นตัว วิ่งเร็วรี่ มีนางสนมกำนัลนั่งกรีดกรายมาด้วย

.




-ภาพลอกลาย-
เสนาฝ่ายปางตาล จัดทัพให้กองทหารแห่งอุปราชเป็นทัพหน้า บังคับบัญชาโดยมูลพลัม ผู้มีหอกเป็นอาวุธ ตามมาด้วยทัพหลวงอันเป็นองค์สหัสเดชะเป็นจอมทัพ และปิดท้ายด้วยทัพแห่งลงกา โดยมีทศกัณฐ์เป็นผู้บังคับพล (แต่เกิดเหตุอาเพศ ฟ้าผ่ารถทรงของทศกัณฐ์ จนเศวตฉัตรไหม้ไฟไม่เหลือซาก สหัสเดชะจึงให้ทศกัณฐ์กลับไปรักษาเมือง)

รถศึกของสหัสเดชะ เทียมด้วยราชสีห์สี่หมื่นตัว วิ่งเร็วรี่ มีเหล่าทวารบริวารห้อมล้อมตามมาด้วย และบนรถทรงนี้มีนางสนมกำนัลนั่งกรีดกรายมาด้วย เพราะสหัสเดชะนั้น ขมขอบหญิงงามเป็นชีวิตจิตใจ แม้ออกศึกสงครามก็ให้เหล่านางกำนัลติดตามเพื่อความสำราญบันเทิงใจไปด้วย

.




-ภาพวาด-
บัณฑิต พวงมาลัย – วาดภาพ ,  พระมหากิตติศักดิ์ ไมตรีจิต – แต่งสีภาพ

.




.

ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์  แผ่นที่ 142 ตอน ขบวนทัพเมืองปางตาล

      โจษจลพลทัพท้าว      ปางตาล
ขี่แรดเสือสีห์ทยาน         รุกร้น
นิมิตบิดรูปมาร            หลายหมู่
เสียงโห่โกลาล้น            แล่นด้าวดินไหว ฯ

โคลงภาพจำหลักรามเกียรติ์ : สถานที่ตั้ง พนักพระอุโบสถ ทิศเหนือ ช่องที่ 9 แผ่นที่ 2 (เรียงตามทักษิณาวัตร)

.




แผ่นที่ 142 ตอน ขบวนทัพเมืองปางตาล : ในภาพ ขบวนกองทัพเมืองปางตาล บรรดาเสนาน้อยใหญ่ ขี่ม้าอาชาไนย ขี่แรด ขี่เสือ ขี่สิงห์ วิ่งกันอุตลุดเป็นที่โกลาหลยิ่งนัก

.




-ภาพลอกลาย-
กองทัพเมืองปางตาลยิ่งใหญ่ มีทั้งกองทัพม้า กองทัพแรด เสือ และราชสีห์ เป็นที่น่าเกรงขามแก่ศัตรู เคลื่อนพลเสียงสนั่นลั่นเลื่อนแผ่นดินไหว โห่ร้องกันอึงมี่ดังไปถึงกองทัพของศัตรู 

.




-ภาพวาด-
บัณฑิต พวงมาลัย – วาดภาพ ,  พระมหากิตติศักดิ์ ไมตรีจิต – แต่งสีภาพ

.




.

ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ แผ่นที่ 143 ตอน ทัพมูลพลัม

      มูลพลำอสุเรศเรื้อง      เดชะ
ทรงหอกสัตตโลหะ         ฮึกห้าว
รีบรถราชพาหนะ         นำเสด็จ
สมเด็จเชฐาท้าว            ธิราชเจ้าจอมมาร ฯ

โคลงภาพจำหลักรามเกียรติ์ : สถานที่ตั้ง พนักพระอุโบสถ ทิศเหนือ ช่องที่ 9 แผ่นที่ 3 (เรียงตามทักษิณาวัตร)

.




แผ่นที่ 143 ตอน ทัพมูลพลัม : ในภาพ มูลพลัมทรงรถศึกเทียมด้วยราชสีห์ ในมือถือหอกสุรกานต์อาวุธประจำกาย โลดแล่นเข้าสู่สมรภูมิรบ ด้วยความฮึกเหิม

.




-ภาพลอกลาย-
มูลพลัมยืนบนรถศึกมราเทียมด้วยราชสีห์อย่างสง่างาม ในมือถือหอกสัตตโลหะอาวุธประจำกาย นำทัพหน้าอันยิ่งใหญ่เข้าสู่สมรภูมิรบทันใด

.




-ภาพวาด-
บัณฑิต พวงมาลัย – วาดภาพ ,  พระมหากิตติศักดิ์ ไมตรีจิต – แต่งสีภาพ

.




.

ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ แผ่นที่ 144 ตอน กองทัพหน้ามูลพลัม

      พลมารทัพหน้าหมู่      มูลพลำ
โตเติบกำยำดำ            ดุดื้อ
ขี่โตตะกวดนำ            พลพวก มาฤๅ
นับโกฏินับแสนอื้อ         กาจกล้ากลางสมร ฯ

โคลงภาพจำหลักรามเกียรติ์ : สถานที่ตั้ง พนักพระอุโบสถ ทิศเหนือ ช่องที่ 9 แผ่นที่ 4 (เรียงตามทักษิณาวัตร)

.




แผ่นที่ 144 ตอน กองทัพหน้ามูลพลัม : ในภาพ บรรดาเสนายักษ์กองทัพหน้าของมูลพลัม ขี่ม้าและสัตว์แปลกนับแสน โลดแล่นกันอึกทึกครึกโครมเข้าสู่สมรภูมิ

.




-ภาพลอกลาย-
กองทัพหน้าของมูลพลัม อุปราชแห่งปางตาล ยิ่งใหญ่น่าเกรงขาม นำขบวนทัพออกหน้า ที่เหล่าเสนายักษ์ปางตาลนับล้านนับแสน ขี่ควบพาหนะทั้งม้า ตะกวด สัตว์แปลกอื่นๆ จนอื้ออึงทั้งสนามรบ เข้าต่อสู้กับกองทัพของพระราม

.




-ภาพวาด-
บัณฑิต พวงมาลัย – วาดภาพ ,  พระมหากิตติศักดิ์ ไมตรีจิต – แต่งสีภาพ

.




.



Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,503


View Profile
« Reply #9 on: 19 June 2023, 21:04:22 »

[33] ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ วัดโพธิ์ ชุดที่ 33


ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ ชุดที่ 33 (แผ่นที่ 145-148 เรียงจากขวามาซ้าย)
ด้านทิศเหนือมี 11 ช่อง - ข่องที่ 10 แผ่นที่ 145-148




.




.

ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ แผ่นที่ 145 ตอน ทัพพระราม

      พระรามสามโลกล้ำ      ฦๅลบ
ทรงรถเทียมสินธพ         เผ่นผ้าย
ได้ฤกษ์เลิกพลรบ         เร็วเร่ง มานา
ออกจากพลับพลาย้าย      ยึดพื้นพานร ฯ

โคลงภาพจำหลักรามเกียรติ์ : สถานที่ตั้ง พนักพระอุโบสถ ทิศเหนือ ช่องที่ 10 แผ่นที่ 1 (เรียงตามทักษิณาวัตร)

.




แผ่นที่ 145 ตอน ทัพพระราม : ในภาพ พระรามและพระลักษมณ์ แต่งกายด้วยชุดกษัตริย์รัดกุม คว้าศรคู่กายแล้วก้าวขึ้นรถทรงออกจากพลับพลา นำขบวนทัพวานรเข้าสู่สงคราม

.




-ภาพลอกลาย-
พระรามและพระลักษมณ์ เข้าสรงน้ำ แต่งกายด้วยชุดกษัตริย์รัดกุม คว้าศรคู่กายแล้วก้าวขึ้นรถทรงออกจากพลับพลา นำขบวนทัพวานรเข้าสู่สงคราม

.




-ภาพวาด-
บัณฑิต พวงมาลัย – วาดภาพ ,  พระมหากิตติศักดิ์ ไมตรีจิต – แต่งสีภาพ

.




.

ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ แผ่นที่ 146 ตอน ขบวนหน้าทัพพระราม

      นานาอเนกพ้อง        พลลิง
ขี่แกะแสะเสือสิงห์         แรดช้าง
ขี่โคมหิงษกะทิง            ถึกเถื่อน
กวัดแกว่งอาวุธคว้าง         วิ่งซ้องสับสน ฯ

โคลงภาพจำหลักรามเกียรติ์ : สถานที่ตั้ง พนักพระอุโบสถ ทิศเหนือ ช่องที่ 10 แผ่นที่ 2 (เรียงตามทักษิณาวัตร)

.




แผ่นที่ 146 ตอน ขบวนหน้าทัพพระราม : ในภาพ ชมพูพาน ชามพูวราช นิลนนท์ และพลวานร กองทัพหน้าของพระราม ต่างขี่สรรพสัตว์ออกศึก ทั้งแกะแพะ โค เสือ สิงห์ กระทิง แรด กวัดแกว่งอาวุธ วิ่งกันสับสนไปมา

.




-ภาพลอกลาย-
พระรามสั่งให้พญาสุครีพนายพลใหญ่จัดทัพทันที สุครีพมอบหมายให้หนุมานเป็นกองหน้า องคตเป็นเกียกกายคอยตีซ้ำ ผู้นำทัพหลวงคือพระราม นิลนนท์เป็นยกกระบัตร โคมุทเป็นกองหลัง ไพร่พลทั้งปีกซ้ายขวาอาวุธครบมือ นั่งหมอบเฝ้ารอเสด็จองค์รามข้างราชรถ กองทัพวานรที่ฮึกเหิม มีขวัญกำลังใจยอดเยี่ยมมาก เพราะรบกับยักษ์ทีไร นายชนะทุกที

แต่เมื่อถึงสมรภูมิ สองทัพเจอกันยกแรก เหล่าวานรที่เคยดูคึกคักกลับหยุดชะงัก ตัวชาขาสั่น เพราะเห็นร่างกายอันใหญ่โตราวเขาอัศกรรณของสหัสเดชะ เหล่าพลลิงแตกฮือวิ่งหนีเข้าป่าพงเพราะเกรงกลัวต่อความน่าเกรงขามของพญายักษ์พันหน้า ที่ถืออาวุธครบทั้งสองพันมือ เพราะสหัสเดชะได้พรพิเศษจากพระพรหมที่ ใครเห็นก็จะต้องเกรงกลัวบารมี บรรดาพลลิง จึงวิ่งหนีหายหมด...เหลือแต่ลิงซีสูงๆ ระดับแม่ทัพนายพลเช่น หนุมาน สุครีพ ที่ยังทนรับหน้าได้... ขณะนี้นอกจากพี่น้องรามลักษมณ์ ก็มีเพียงสุครีพ หนุมาน องคต ชมพูพาน วานรสิบแปดมงกุฎ และพิเภกเท่านั้น ที่กล้ายืนประจันหน้ากับกองทัพแห่งปางตาล

พระลักษมณ์ สุครีพและหนุมานต้องมาตามเรียกกลับทัพ เหล่าทหารลิงน้อยจึงเริ่มมีความมั่นใจว่า อย่างน้อยก็มีนายตามมาช่วย จึงหันหน้ากลับเข้าต่อสู้กับทัพยักษ์ที่ตามมา... 

.




-ภาพวาด-
บัณฑิต พวงมาลัย – วาดภาพ ,  พระมหากิตติศักดิ์ ไมตรีจิต – แต่งสีภาพ

.




.

ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ แผ่นที่ 147 ตอน มูลพลัมรบพระลักษมณ์

      มูลพลำพระลักษณ์เข้า      โจมจับ กันนา
เปลี่ยนท่าเปลี่ยนที่รับ         ยะหยุ้ง
ต่างมุ่งต่างหมายขยับ      ผลาญชีพ
พระยายักษ์ได้ทีผุ้ง         หอกให้สังหาร ฯ

โคลงภาพจำหลักรามเกียรติ์ : สถานที่ตั้ง พนักพระอุโบสถ ทิศเหนือ ช่องที่ 10 แผ่นที่ 3 (เรียงตามทักษิณาวัตร)

ด้านทิศเหนือมี 11 ช่อง - ช่องที่ 10 (ชุดที่ 33) แผ่นที่ 147 

.




แผ่นที่ 147 ตอน มูลพลัมรบพระลักษมณ์ : ในภาพ พระลักษมณ์ง้างคันธนูต่อสู้กับหอกสุรกานต์ของมูลพลัม ที่พุ่งเข้าใส่อย่างรวดเร็ว

.




-ภาพลอกลาย-
เมื่อมูลพลัมมาถึง เหล่าวานรได้รวมตัวกันจัดขบวนเตรียมรับศึกอย่างเรียบร้อย เห็นองค์ลักษมณ์ผู้งดงาม ยืนสง่าในตำแหน่งนายทัพ

พลยักษ์บุกโจมตีเหล่าทหารลิงทันที ลิงหนีทัพรวบรวมกำลังใจเข้าต่อสู้อย่างมิคิดชีวิตดั่งขอไถ่โทษจากนายตน จนสามารถฆ่าทหารแห่งมูลพลัมตายเรียบ

สี่ขุนพลแห่งกองทัพน้อยของมูลพลัม ทั้ง ตรีพลัม อติกัม ไชยาสูร และกาลสูร เห็นลูกน้องตายก็เจ็บแค้นยิ่งนัก กระโจนเข้าฟันแทงลิงป่าอย่างบ้าระห่ำ นายทหารลิงอย่าง นิลเอก นิลขัน สุรเสน สุรกานต์ เห็นท่าลูกน้องจะรับศึกจากยอดฝีมือแห่งมูลพลัมไม่ไหว จึงเข้าช่วยรบ แปดยอดฝีมือจากสองเผ่าพันธุ์ ต่างแลกอาวุธกันอย่างดุเดือด จนขุนพลแห่งปางตาลทั้งสี่ เสียชีวิตด้วยน้ำมือวานรตัวน้อย

บัดนี้มูลพลัมทั้งโกรธและทั้งงงว่า ยอดฝีมือยักษ์แพ้ลิงป่าได้อย่างไร จึงกระชับหอกสุรกานต์ บริกรรมคาถาแล้วซัดตรงเข้าปักอกพระลักษมณ์ ด้วยแรงซัดแห่งหอกวิเศษส่งให้พระหน้าทองลงไปนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น

.




-ภาพวาด-
บัณฑิต พวงมาลัย – วาดภาพ ,  พระมหากิตติศักดิ์ ไมตรีจิต – แต่งสีภาพ

.




.

ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ แผ่นที่ 148 ตอน พระลักษมณ์ถูกหอก

      ถูกชงฆ์พระลักษณ์ล้ม      ซวนลง
องคตรับรององค์         โอบไว้
หณุมานร่ายมนต์ตรง      แผลเป่า
หอกหลุดพระลักษณ์ได้      สติฟื้นสมประดี ฯ

โคลงภาพจำหลักรามเกียรติ์ : สถานที่ตั้ง พนักพระอุโบสถ ทิศเหนือ ช่องที่ 10 แผ่นที่ 4 (เรียงตามทักษิณาวัตร)

.




แผ่นที่ 148 ตอน พระลักษมณ์ถูกหอก : ในภาพ พระลักษมณ์ถูกหอกสุรกานต์ของมูลพลัมที่แข้งจนซวนเซ องคตจึงรีบเข้าประคององค์ไว้ แล้วหนุมานร่ายมนต์เป่าที่แผล หอกนั้นก็หลุดออกมา พระลักษมณ์ทรงฟื้นสติ

.




-ภาพลอกลาย-
องคตและหนุมานรีบเข้าไปประคองนาย พยายามดึงหอกให้หลุดออกจากอกองค์ลักษมณ์ แต่ก็ไร้ค่า จะกระชากแรงกว่านี้ ก็เกรงว่านายจะเจ็บองค์ จึงสำรวมท่องคาถาได้เจ็ดคาบแล้วเป่าลงทั่วทั้งองค์พระอนุชา หอกนั้นพลันหลุดออกอย่างง่ายดาย เพียงครู่เดียวพระลักษมณ์สามารถทรงกายขึ้น เงื้อศรสิทธิ์ พร้อมจะรบต่อเพื่อชำระแค้น

.




-ภาพวาด-
บัณฑิต พวงมาลัย – วาดภาพ ,  พระมหากิตติศักดิ์ ไมตรีจิต – แต่งสีภาพ

.




.



Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,503


View Profile
« Reply #10 on: 19 June 2023, 21:05:53 »

[34] ภาพศิลาจำหลักเรื่องรามเกียรติ์ วัดโพธิ์ ชุดที่ 34

[34] ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ วัดโพธิ์ ชุดที่ 34


ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ ชุดที่ 34 (แผ่นที่ 149-152 เรียงจากขวามาซ้าย)
ด้านทิศเหนือมี 11 ช่อง - ช่องที่ 11 แผ่นที่ 149-152




.




.

ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ ชุดที่ 34 แผ่นที่ 149 ตอน พระลักษมณ์แผลงศร

      น้องพระหริรักษ์เรื้อง      รณรงค์
เหยียบบ่าวายุบุตรองค์      เอกอ้าง
จับศรพาดสายทรง         แผลงผาด มาฤๅ
นิฤนาทเสียงเพียงมล้าง      โลกย์ด้วยเดชา ฯ

โคลงภาพจำหลักรามเกียรติ์ : สถานที่ตั้ง พนักพระอุโบสถ ทิศเหนือ ช่องที่ 11 แผ่นที่ 1 (เรียงตามทักษิณาวัตร)

.




แผ่นที่ 149 ตอน พระลักษมณ์แผลงศร : ในภาพ พระลักษมณ์ทรงขึ้นเหยียบบ่าหนุมาน ให้สูงเทียมเท่ามูลพลัม แล้วจับศรพาดสาย แผลงออกไป

.




-ภาพลอกลาย-
หนุมานรีบเข้ากราบทูล...บัดนี้พระองค์มิได้ทรงรถศึก อยู่ในตำแหน่งต่ำกว่ารถยักษ์มูลพลัม เพื่อให้สมพระเกียรติ ขอเชิญเสด็จประทับบนบ่าของข้าบาทเถิด... 

จากนั้นหนุมานเสกร่างกายให้ใหญ่โต จนมีความสูงเท่าราชรถของมูลพลัม พระลักษมณ์เสด็จขึ้นบ่าวายุบุตร บัดนี้พระลักษมณ์งามสง่า ดั่งพระนารายณ์ทรงสุบรรณ

มูลพลัมชักรถเข้าต่อสู้กับพระลักษมณ์อย่างดุเดือด ต่างฝ่ายต่างชำนาญในการโจมตี ต่างหลบหลีกอย่างรู้ทันกลศึกของกันและกัน จนองค์ลักษมณ์ได้โอกาสแผลงศรเข้าสังหารสารถีคู่ใจมูลพลัม และทำลายรถทรงของมูลพลัมจนพังไม่มีชิ้นดี

อสูรนักรบตกลงจากรถ แต่ก็ยังทรงกายไว้ได้ มูลพลัมขว้างจักรอันเป็นอาวุธลับประชิดตัวหมายตอบโต้ แต่พระลักษมณ์ผู้ว่องไว พาดสายศรพลายวาตยิงเข้าทำลายจักรกรดแตกละเอียดกลายเป็นผง ศรสิทธิ์แห่งองค์ลักษมณ์แล่นเข้าสังหารทหารแห่งมูลพลัมตายทุกนาย

บัดนี้ท้าวมูลพลัมสิ้นรถ สิ้นพลโยธา องค์อุปราชเริ่มถอดใจไม่อยากสู้ต่อ เพราะจริงๆแล้วศึกนี้ไม่ใช่กิจอะไรของปางตาลเลย การนี้มิได้เกี่ยวข้องกับตนแม้แต่น้อย แต่เพื่อให้สมกับเป็นชายชาติกษัตริย์ และเพื่อคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ต่อทศกัณฐ์เพื่อนรัก มูลพลัมจำต้องแข็งใจสู้ สู้ต่อเพื่อชื่อเสียงของตน ของนักรบแห่งปางตาล

.




-ภาพวาด-
บัณฑิต พวงมาลัย – วาดภาพ ,  พระมหากิตติศักดิ์ ไมตรีจิต – แต่งสีภาพ

.




.

ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ แผ่นที่ 150 ตอน มูลพลัมตาย

      ศรไชยไล่ล้างเหล่า     พลมาร
ม้ารถคชสารลาญ         แหลกหล้ม
มูลพลำอหังหาญ         หาโทษ
ศรศักดิ์ปักคอล้ม         พินาศกลิ้งกลางดิน ฯ

โคลงภาพจำหลักรามเกียรติ์ : สถานที่ตั้ง พนักพระอุโบสถ ทิศเหนือ ช่องที่ 11 แผ่นที่ 2 (เรียงตามทักษิณาวัตร)

ด้านทิศเหนือมี 11 ช่อง - ช่องที่ 11 (ชุดที่ 34) แผ่นที่ 150 

.




แผ่นที่ 150 ตอน มูลพลัมตาย : ในภาพ มูลพลัมต้องศรไชยแห่งองค์ลักษมณ์ ปักคอ ล้มลงตายกลางดิน

.




-ภาพลอกลาย-
บัดนี้มหาอุปราชแห่งปางตาล เหมือนหมดทางจะต่อกรต่อไป เจ้าชายอสูรรวบรวมกำลังที่เหลืออยู่ ทะยานขึ้นไปหักยอดเขาที่ใกล้ที่สุด แล้วทุ่มก้อนหินใหญ่ลงมาอย่างสุดแรง หมายจะสังหารพระลักษมณ์ 

แต่น้องพระอวตาร เตรียมง้างธนูรอไว้แล้ว ทรงปล่อยพระแสงศรเข้าเสียบทะลุร่างมูลพลัม อุปราชแห่งปางตาล ตายอย่างอนาถ ณ กลางป่านั้นเอง...

เมื่อมูลพลัมตาย พระลักษมณ์นำเหล่าวานรกลับมาเฝ้าพระราม เล่าถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมา และได้กล่าวชื่นชมหนุมานที่ได้ช่วยชีวิตตนไว้ และไว้พระเกียรติโดยการให้ขึ้นประทับบ่าในการต่อสู้ จนได้รับชัยชนะ

พระรามทรงชื่นชมพระอนุชาว่า ถูกอาวุธหนักถึงสึ่ครั้ง แต่ก็ไม่เป็นไร ชมเชยหนุมานว่าคือยอดขุนพล และเหล่าเสนาวานรและสิบแปดมงกุฎ ว่ามีฝีมือเกินจะหาใครเทียบได้ หากเสร็จศึกแล้วจะมีรางวัลให้...

.




-ภาพวาด-
บัณฑิต พวงมาลัย – วาดภาพ ,  พระมหากิตติศักดิ์ ไมตรีจิต – แต่งสีภาพ

.




.

ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ แผ่นที่ 151 ตอน หนุมานจับสหัสเดชะ

      หณุมานทำเล่ห์ล้อ      ลวงยักษ์
ได้ตะบองเพ็ชรหัก         คว่างทิ้ง
โถมถีบอสุรศักดิ์            ตกรถ ลงแฮ
ฝูงนาฏนักสนมกลิ้ง         เกลื่อนล้มลางหนี ฯ

โคลงภาพจำหลักรามเกียรติ์ : สถานที่ตั้ง พนักพระอุโบสถ ทิศเหนือ ช่องที่ 11 แผ่นที่ 3 (เรียงตามทักษิณาวัตร)

ด้านทิศเหนือมี 11 ช่อง - ช่องที่ 11 (ชุดที่ 34) แผ่นที่ 151 

.




แผ่นที่ 151 ตอน หนุมานจับสหัสเดชะ : ในภาพ หนุมานใช้เล่ห์กลหลอกลวงท้าวสหัสเดชะจนได้ตะบองเพชร หักขว้างทิ้ง ใช้เท้าถีบสหัสเดชะจนตกจากราชรถ เหล่านางสนมหวีดร้อง วิ่งหนีแตกกระเจิงด้วยความตกใจ

.




-ภาพลอกลาย-
พิเภกกราบทูลพระรามว่า สหัสเดชะเป็นผู้ที่จะต่อกรด้วยเห็นจะยาก ราชาแห่งยักษ์ตนนี้ได้พรจากองค์พรหมให้ชนะศ้ตรูทุกครั้ง แถมยังมีอาวุธวิเศษคือคทาเพชร หรือกระบองวิเศษ ต้นชี้ตาย ปลายชี้เป็น จึงมีอยู่ทางเดียวคือ ขอให้พระองค์ใช้หนุมานไปลวงสหัสเดชะ

หนุมานเหาะกลับไปยังแนวป่า เหลือบเห็นกองทัพของสหัสเดชะตั้งอยู่ในที่มั่น จึงหาที่เข้ากำบัง แปลงกายเป็นลิงน้อยสีขาวผ่อง คอยซุ่มดูอยู่บนกิ่งไม้ ใกล้บริเวณราชรถทรงของราชาแห่งปางตาล 

เมื่อเห็นสหัสเดชะสั่งเคลื่อนพล จึงกระโดดเข้าตัดหน้าราชรถสุรกานต์ จนสารถีต้องกระชากสายบังเหียนอย่างกระทันหัน ทำให้ท้าวสหัสเดชะหน้าเกือบคะมำ เหล่านางสนมทั้งห้าร้อยตกใจวีดว้ายอลหม่านไปหมด

ราชาร่างใหญ่โกรธจัด รับสั่งให้ทหารจับลิงป่าโอหังมาลงโทษให้ได้ ลิงน้อยทำตกใจวิ่งหนีเหล่าอสูร จนถูกจับตัวมาถวายพญามาร ลิงน้อยทำตัวสั่น สะดุ้งทุกครั้งที่สหัสเดชะตวาดถาม แต่ลิงน้อยก็สรรเสริญเยินยอจนสหัสเดชะนึกเอ็นดูชื่นชอบ จึงชวนให้มาอยู่ด้วย

หนุมานหลอกล่อจนสหัสเดชะหลงเชื่อ ยื่นคฑาเพชรให้ไว้ป้องกันตนในสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้นข้างหน้านี้ (พี่สาหัส เอ๊ย.สหัสฯ...รับคนแปลกหน้าขึ้นรถ แล้วยังยื่นปืนให้เค้าอีก คราวนี้คงสาหัสแน่ๆ)

เมื่อหนุมานลวงสหัสเดชะจนได้คทามาอยู่ในมือ ก็ร่ายมนตร์บันดาลร่างให้ใหญ่โตเทียบองค์พรหม สำแดงเดช มีสี่หน้า แปดมือ ใช้เท้าถีบสหัสเดชะผู้เคยอนุบาลตนจนตกจากราชรถ

หนุมานในร่างลิงยักษ์กระทืบเท้าจนรถรัตนมณีแหลกยับไม่มีชิ้นดี เหล่านางสนมทั้งห้าร้อยหวีดร้อง วิ่งหนีแตกกระเจิงด้วยความตกใจ   

ท้าวสหัสเดชะทรงกายยืนขึ้นอีกครั้ง ทั้งตกใจทั้งโกรธที่เสียรู้แก่หนุมาน แถมยังห่วงเหล่านางกำนัลที่ร้องเร่อย่างขวัญเสีย ทั้งสองพันหัตถ์คว้าทั้งนางใน ควานหาอาวุธ ดูวุ่นวายไปหมด

หนุมานชูคทาวิเศษของสหัสเดชะขึ้น แล้วหักออกเป็นสองท่อน โยนซากคทากลับไปตกตรงหน้าจอมอสูร ราชาแห่งปางตาลไม่มีทางออกใด นอกจากสั่งให้ทหารเข้าโจมตีหนุมานทันที

.




-ภาพวาด-
บัณฑิต พวงมาลัย – วาดภาพ ,  พระมหากิตติศักดิ์ ไมตรีจิต – แต่งสีภาพ

.




.

ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ แผ่นที่ 152 ตอน สหัสเดชะตาย

      วายุบุตรองอาจเชื้อ      ชาญชนะ
เข้าจับสหัสเดชะ            เหยียบไว้
ชักตรีที่อุระ            ฟันฟาด
ตัดเกศตัดกรให้            พินาศด้วยเดชา ฯ

โคลงภาพจำหลักรามเกียรติ์ : สถานที่ตั้ง พนักพระอุโบสถ ทิศเหนือ ช่องที่ 11 แผ่นที่ 4 (เรียงตามทักษิณาวัตร)

.




แผ่นที่ 152 ตอน สหัสเดชะตาย : ในภาพ หนุมานจับสหัสเดชะมัด ใช้เท้าเหยียบไว้ แล้วชักตรีเพชรจากอก ตัดมือตัดคอ จนเศียรขาดกระเด็น 

.




-ภาพลอกลาย-
หนุมานผู้บัดนี้ตัวใหญ่เท่าภูเขา มีสี่หน้าแปดกร ฆ่าสมุนมารตายเรียบ บัดนี้เหลือเพียงท้าวสหัสเดชะเพียงองค์เดียวในสนามรบ สหัสเดชะชึ้นศรแผลงเป็นห่าลูกธนู เข้าปักทั่วร่างหนุมาน แต่วายุบุตรกลับมิรู้สึกระคายผิว ดึงลูกธนูออกเล่นดั่งถูกหนามตำ

สหัสเดชะเข้าประชิดตัว ใช้ด้ามศรฟาดที่กลางหลังหนุมานจนเซไป พญาลิงลมทรงกายไว้ได้ หันกลับมาตอบโต้ จ้วงแทงตรีเพชรเข้าที่ร่างของราชาอสูร ชิงอาวุธได้จากทั้งสองพันหัตถ์

บัดนี้พญายักษ์เจ็บไปทั่วกาย ไร้ทางสู้ หมดพลังที่จะยันกายลุกขึ้นสู้อีกครั้ง นอนนิ่งมิไหวติง พญามารรู้สึกเสียเกียรติ เสียดายชีวิตยิ่ง แต่เพื่อมิให้ชื่อเสียงมัวหมอง

พญาสหัสเดชะรวบรวมกำลังเฮือกสุดท้าย ทะลึ่งขึ้นหักยอดเขา หมายทุ่มสังหารวานรเผือกอย่างสุดแรง แต่หนุมานปัดหินใหญ่ได้ด้วยมือทั้งสี่ ใช้ตรีเพชรจ้วงฟันร่างอันใหญ่โตของสหัสเดชะจนเลือดโชกทั้งกาย

จากนั้นหนุมานเสกหางให้ยาวพอที่จะรัดร่างพญามารไว้อย่างแน่นหนา สหัสเดชะจะดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด มีแต่จะบีบรัดร่างกายมากขึ้น จนร่างกายพญาอสูรแทบจะแหลกละเอียดจากแรงบีบรัด 

สหัสเดชะได้แต่ร้องไห้ รำพันอาลัยต่อจุดจบที่ตกต่ำของตน...

เมื่อแน่ใจว่าได้มัดเชลยอย่างแน่นหนาดีแล้ว หนุมานเสกหางให้ยาวออกจากตัวสหัสเดชะ แล้วบุตรพระพายทะยานขึ้นฟ้ากลับพลับพลา เพื่อเฝ้านายตน

...ข้าบาทได้รบชนะจอมมารสหัสเดชะ และได้มัดกายมันไว้อย่างแน่นหนา บัดนี้พญายักษ์ยังพอมีลมหายใจอยู่ ขอให้เหล่าวานรเข้าไปเย้ยหยันให้มันได้อับอาย จนสาแก่ใจ...

เมื่อขบวนวานรมาถึง ภาพที่เห็นคือ ยักษ์ตัวใหญ่เท่าภูเขา มีเศียรรอบหัว มือที่อยู่ทั่วตัวบัดนี้ดูอ่อนแรงปวกเปียกไปหมด พญามารแต่งองค์ด้วยอาภรณ์สีขาวสลับทองที่บัดนี้เลอะเทอะไปด้วยรอยเลือด บัดนี้ราชาแห่งปางตาล ดูระโหยโรยแรงเหลือเกิน

เมื่อทหารลิงเห็นเหล่านางสนมของสหัสเดชะที่ติดตามมาดูแลราชาของตนอย่างใกล้ชิด ต่างคึกคะนองเข้าหยอกล้อแต่ละนางด้วยกริยาอันกลักขฬะเป็นที่สุด บ้างดึงสไบผ้าผ่อนจนหลุดลุ่ย บ้างฉุดกระชากเหล่านางในเข้ารกพงอย่างสนุกสนาน ทั่วบริเวณนั้นมีแต่เสียงหวีดร้องของเหล่าอสุราสาวที่ต่างวิ่งหนีลิงป่ากันให้วุ่น ทหารลิงบางส่วนจับกลุ่มกัน ชี้หน้าประจานเย้ยพญายักษ์อย่างสนุกปาก

ฟังดูเหมือนเป็นการซ้ำเติมที่เจ็บช้ำสำหรับพญาสหัสเดชะผู้ที่ได้แต่หลับตาร้องไห้ เบือนหน้าหนีความอัปยศ หนีจากภาพตรงหน้า ภาพที่เหล่าฝูงลิงทำอุบาทว์ลวนลามข้าราชบริพารของตน

จนหนุมานเห็นว่าการเย้ยเยาะศัตรูให้เจ็บแสบนั้นพอสมควรแล้ว วายุบุตรชักตรีเพชรออกจากอก ฟันมือทั้งสองพัน แล้วฟันฉับที่คอของสหัสเดชะศีรษะขาดกระเด็นทันที

.




-ภาพวาด-
บัณฑิต พวงมาลัย – วาดภาพ ,  พระมหากิตติศักดิ์ ไมตรีจิต – แต่งสีภาพ

.............................


ภาพศิลาจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม(วัดโพธิ์)
จารึกที่พนักรอบพระอุโบสถ ทั้ง 4 ทิศ จำนวน 34 ชุด รวม 152 แผ่น


.....
ขอขอบคุณ...
1. ภาพศิลาจำหลักเรื่องรามเกียรติ์ วัดโพธิ์ และภาพวาด จาก...
http://www.kitmaiwatpho.com/index.html
บัณฑิต พวงมาลัย – วาดภาพ ,  พระมหากิตติศักดิ์ ไมตรีจิต – แต่งสีภาพ

2. ภาพศิลาจำหลักเรื่องรามเกียรติ์ วัดโพธิ์ (ภาพลอกลาย) จาก...
Harvard Art Museums 
https://harvardartmuseums.org/search-results?q=bangkok#gsc.tab=0&gsc.q=bangkok&gsc.page=1






.



Logged
Pages: [1] Go Up Print 
« previous next »
 

SMF 2.0.4 | SMF © 2013, Simple Machines | Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.27 seconds with 18 queries.