Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
User Info
Welcome, Guest. Please login or register.
17 May 2024, 19:16:37

Login with username, password and session length
Search:     Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ

http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
25,700 Posts in 12,500 Topics by 70 Members
Latest Member: KAN
Home Help Search Calendar Login Register
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...  |  ภาพประทับใจ  |  ผนังเก่าเล่าเรื่อง (Moderator: ผนังเก่าเล่าเรื่อง)  |  [0.6] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน 3 ก่อนกำเนิดหนุมาน โดย กลม บางบาน
0 Members and 1 Guest are viewing this topic. « previous next »
Pages: [1] Go Down Print
Author Topic: [0.6] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน 3 ก่อนกำเนิดหนุมาน โดย กลม บางบาน  (Read 57 times)
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,553


View Profile
« on: 15 March 2023, 17:58:56 »

[0.6] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน 3 ก่อนกำเนิดหนุมาน โดย กลม บางบาน


10 มีนาคม 2022  ·

เท้าความเดิม.. บนสรวงสวรรค์ ก่อนกำเนิดหนุมาน
(ตรวจสอบจากพจนานุกรมฯแล้ว ใช้คำว่า-เท้าความ ไม่ใช่ ท้าวความ)

งานนี้มีรุม... เทพยดาบนสวรรค์วางแผนรวมหัวกัน รุมกินโต๊ะนนทก(อาหารบนโต๊ะน่ากินกว่านะครับ) ที่จะไปเกิดเป็นทศกัณฐ์ ไว้ล่วงหน้า แล้วทศกัณฐ์มันจะชนะได้อย่างไร?(ฟะ)

เรื่องมันยังงี้ครับ...พลันที่พระนารายณ์ประกาศก้อง ก่อนตัดหัวนนทก...เหล่าเทวดาก็นั่งกันไม่ติด...พระนารายณ์จะอวตารไปเป็นคนธรรมดา จะไปสู้กับทศกัณฐ์...โคตรพญาอภิมหายักษ์...ก็กลัวว่า ถ้าแพ้ขึ้นมา เดี๋ยวได้เดือดร้อนกันทั้งสวรรค์...

คราวนี้ใครมีฤทธิ์มีเดชอะไร ก็ขนไปช่วยกันยกใหญ่...บ้างก็ส่งอาวุธ  บ้างก็ให้คาถา  บ้างก็ไปสร้างลูกไว้ให้เป็นทหารพระราม...(ทำกันหยังกะ มะกันไบเดน บีบให้ประเทศ EU และ NATO ในยุโรป boycott และ sanction ทางเศรษฐกิจแก่รัสเซีย มีหรือสิงห์เฒ่าอย่างปูติน จะยอมศิโรราบ ยุโรปเองตะหากที่จะเดือดร้อน ส่งผลกระทบกันไปทั้งโลก รวมทั้งอภิมหาอำนาจไทยแลนด์แดนสยามด้วย แต่..มาคิดดูอีกที อ๊ะ.ไม่ช่ายซิ ต้องว่า มะกันเลียนแบบรามเกยรติ์ จึงจะถูก)
ฝ่ายพระอินทร์ท่านหัวเสธ.ไม่เบา...ก็ส่งเทวดาลูกน้องคนสนิทจุติไปเป็นน้องทศกัณฐ์...แล้วเป็นไส้ศึกแปรพักตร์ มาคอยใบ้หวย...เอ๊ยไม่ใช่...คอยทำนายทายทักเหตุการณ์ล่วงหน้าให้ฝ่ายพระราม...ลูกน้ององค์นั้นก็กลายมาเป็น...พิเภก...

.

..........(เอาเรื่องมาลง ให้อ่านต่อเนื่อง)

ต่อมา...
มีฤาษีตนนึง ชื่อ ฤๅษีโคดม บำเพ็ญพรตครองตัวเป็นโสดมานาน จนถูกนกที่เลี้ยงไว้ปรามาสว่าเป็น ท่านฤๅษีขนมจีน คือไม่มีน้ำยา หาเมียไม่ได้ ลูกก็ไม่มี...จิ้งจกทัก โบราณยังให้หยุดฟัง...นี่นกทั้งตัวทัก...ก็เลยคิดจะมีลูกขึ้นมา...

จัดการก่อกองไฟ เสกสาวสวยขึ้นมาได้คนนึง เอามาเป็นเมีย (ง่ายดีอ้ะ...สอนมั่งฮี่)...จนมีลูกสาวคนนึง ชื่อว่านางสวาหะ...(แม่ของหนุมาน)

ส่วนบนสวรรค์...พระอินทร์กับพระอาทิตย์ แกอยากจะช่วยพระนารายณ์สู้กับทศกัณฐ์ โดยจะใช้วิธี ไปสร้างลูกเอาไว้

...แต่...แหม  เทวดาสององค์แกนี่ก็จริงๆเลย...สาวโสดที่ไหนๆไม่เอา จำเพาะต้องมาตีท้ายครัวชาวบ้าน...ก็เลยย่องมาฟีเจอริ่งกับเมียฤาษี ตอนที่ผัวเขาไม่อยู่...จนได้ลูกชายออกมาสองคน...คนพี่ลูกพระอินทร์ ตัวสีเขียว...คนน้องลูกพระอาทิตย์ ตัวสีแดง...

ฤๅษีก็พาซื่อ นึกครึ้มในใจว่า...เออ กูก็ใช้ได้นี่หว่า ขนาดแก่ๆ ไม่ได้ใช้งานมานานขนาดนี้ ยังได้ลูกมาตั้งสามคน...ก็หลงเลี้ยงไป...

จนวันนึงจะพาลูกข้ามน้ำ...มือนึงอุ้มลูกชายคนเล็ก ลูกชายคนโตให้ขี่หลัง ส่วนนางสวาหะลูกสาวคนโต...ให้เดินเองใช้จูงเอา...

นางสวาหะน้อยใจเลยตัดพ้อ...แหม..พ่อ...ลูกตัวเองล่ะให้เดิน ลูกคนอื่นดันอุ้มกะให้ขี่คอ...

ฤๅษีถึงกะอึ้งกิมกี่สิครับ ถามไปถามมา นางสวาหะก็แฉหมดเปลือก...ตอนพ่อไม่อยู่น่ะ แม่มีผู้ชายมาหาตั้งสองคน...แล้วก็ได้น้องสองคนนี่ออกมา...

ฤๅษีเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ความสงสัยก็รวมไปถึงนางลูกสาวนี่ด้วย...ทั้งสามหน่อนี่มันลูกกูจริงรึเปล่าวะ...

ก็เลยใช้วิธี จับเด็กทั้งสามคน โยนแม่น้ำ แล้วอธิษฐานว่า...ใครเป็นลูกของตน ขอให้ว่ายน้ำกลับมา...ใครไม่ใช่ ขอให้ว่ายข้ามฝั่งไปเป็นลิงอยู่ในป่า...

นางสวาหะว่ายน้ำกลับมาได้คนเดียว...ส่วนเด็กอีกสองคน ว่ายข้ามไปอีกฝั่งของแม่น้ำ...กลายเป็นลิงไปอยู่ในป่า...

ส่วนฤาษี...กลับบ้านก็ไปเฉ่งเอากับเมีย...เมียก็ไปเฉ่งต่อกับลูกสาว...หาว่าเป็นหนอนบ่อนไส้...

แหม เจ๊ก้อ...ตัวเองทำผิดแล้วยังมาโทษลูกสาว...สาปลูกสาวให้ไปอยู่ที่เขาจักรวาล...ยืนขาเดียว มือเหนี่ยวกิ่งไม้ ข้าวปลาน้ำท่าไม่ต้องกิน...กินลมเป็นอาหาร...เมื่อไหร่มีลูกเป็นลิงจึงจะพ้นคำสาป...

ฝ่ายพระอินทร์กับพระอาทิตย์...เห็นลูกสองคนของตน ต้องกลายเป็นลิงเร่ร่อนอยู่ในป่า...แต่ถ้าปล่อยไว้ยังงี้ เสียชื่อลูกเทวดาใหญ่หมด...

...ฤๅษี มึงไม่เลี้ยงลูกให้กู...กูไม่แคร์โว้ย...เนรมิตเมืองให้เองก็ได้...อยากให้อลังการ์ขนาดไหน จัดไป...
อ้าว...แล้วเมืองเปล่าๆ จะมีประโยชน์อะไร...ได้ซี้...เมืองเปล่าๆซะที่ไหน...

แล้วอ่านมนตราชัยชาญ   เรียกเทพบริวารลิงไพร ฯ
ตั้งเป็นเสนาสามนต์      รี้พลทวยหาญน้อยใหญ่
ให้ตรวจตรารักษากรุงไกร   นอกในพื้นพวกพานรินทร์
แล้วขนานนามราชธานี   ชื่อว่าบุรีขีดขิน”

...พิภพวานรนี้ ชื่อเมืองขีดขิน...ข้าทาสบริวารมีพร้อม...ก็ลิงทั้งนั้นแหละครับ คงเกายุกเกายิกกันทั้งเมือง...

ลูกพระอินทร์โตกว่าเป็นเจ้าเมือง ชื่อ พญากากาศ...ลูกพระอาทิตย์เด็กกว่าเป็นอุปราช ชื่อ สุครีพ...
(ต่อจากนั้น ก็เข้าเรื่อง ตอนกำเนิดหนุมานครับ อิอิ..)

.



« Last Edit: 04 April 2024, 22:02:17 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,553


View Profile
« Reply #1 on: 15 March 2023, 18:00:15 »





พระศิวะ มหาเทพ..."พี่นี้..มีแต่ให้"

.




พระนารายณ์ นักปราบจลาจล

.




พิเภก น้องชายของทศกัณฐ์ ที่มาเข้ากับฝ่ายพระราม
เป็นเจ้าของโพยหวย เอ๊ย.โพยความรู้สารพัดเรื่อง

.




ตอนล่างของภาพแสดงพระฤๅษีโคดมกำลังออกไปหาผลไม้ในป่า และตอนบนแสดงพระอินทร์กำลังเหาะจากไปหลังเข้าหานางกาลอัจนา (ที่มา : จิตรกรรมฝาผนังระเบียงวัดพระศรีรัตนศาสดาราม กรุงเทพฯ)

.

...............

(เรื่อง-ต่อ)

ต่อมา...

มีฤาษีตนนึง บำเพ็ญพรตครองตัวเป็นโสดมานาน จนถูกนกที่เลี้ยงไว้ปรามาสว่า ท่านฤๅษีขนมจีน คือไม่มีน้ำยา หาเมียไม่ได้ ลูกก็ไม่มี...จิ้งจกทัก โบราณยังให้หยุดฟัง...นี่นกทั้งตัวทัก...ก็เลยคิดจะมีลูกขึ้นมา...

จัดการก่อกองไฟ เสกสาวสวยขึ้นมาได้คนนึง...เอามาเป็นเมีย (ง่ายดีอ้ะ...สอนมั่งฮี่)...จนมีลูกสาวคนนึง ชื่อว่านางสวาหะ...(แม่ของหนุมาน)

ส่วนบนสวรรค์...พระอินทร์กับพระอาทิตย์ แกอยากจะช่วยพระนารายณ์สู้กับทศกัณฐ์ โดยจะใช้วิธี ไปสร้างลูกเอาไว้ ...แต่...แหม เทวดาสององค์แกนี่ก็จริงๆเลย...สาวโสดที่ไหนๆไม่เอา จำเพาะต้องมาตีท้ายครัวชาวบ้าน...ก็เลยย่องมาฟีเจอริ่งกับเมียฤาษี ตอนที่ผัวเขาไม่อยู่...จนได้ลูกชายออกมาสองคน...คนพี่ลูกพระอินทร์ ตัวสีเขียว...คนน้องลูกพระอาทิตย์ ตัวสีแดง...

ฤๅษีก็พาซื่อ...นึกครึ้มในใจว่า...เออ กูก็ใช้ได้นี่หว่า ขนาดแก่ๆ ไม่ได้ใช้งานมานานขนาดนี้...ยังได้ลูกมาตั้งสามคน...ก็หลงเลี้ยงไป...

.




ภาพแสดงนางสวาหะกำลังเดินร่ำไห้ตามฤๅษีโคดมผู้พ่อซึ่งกำลังอุ้มบุตรชายทั้งสอง (ที่มา : จิตรกรรมฝาผนังระเบียงวัดพระศรีรัตนศาสดาราม กรุงเทพฯ)

..........
(ต่อ)
จนวันนึงจะพาลูกข้ามน้ำ...มือนึงอุ้มลูกชายคนเล็ก ลูกชายคนโตให้ขี่หลัง ส่วนนางสวาหะลูกสาวคนโต...ให้เดินเองใช้จูงเอา...

นางสวาหะน้อยใจเลยตัดพ้อ...แหม..พ่อ...ลูกตัวเองล่ะให้เดิน ลูกคนอื่นดันอุ้มกะให้ขี่คอ...ฤๅษีถึงกะอึ้งกิมกี่สิครับ...ถามไปถามมา นางสวาหะก็แฉหมดเปลือก...ตอนพ่อไม่อยู่น่ะ แม่มีผู้ชายมาหาตั้งสองคน...แล้วก็ได้น้องสองคนนี่ออกมา...

.




หลังจากโยนลูกทั้งสามคนลงน้ำเพื่อพิสูจน์ความจริง บุตรชาย 2 คนก็กลายเป็นลิงขึ้นฝั่งหนีหายเข้าป่า ในขณะที่ฤๅษีโคดมอุ้มนางสวาหะบุตรสาวแท้จริงของตนขึ้นจากฝั่ง (ที่มา : จิตรกรรมฝาผนังระเบียงวัดพระศรีรัตนศาสดาราม กรุงเทพฯ)
..........
(ต่อ)
ฤๅษีเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง...ความสงสัยก็รวมไปถึงนางลูกสาวนี่ด้วย...ทั้งสามหน่อนี่มันลูกกูจริงรึเปล่าวะ...ก็เลยใช้วิธี...จับเด็กทั้งสามคน...โยนแม่น้ำ...แล้วอธิษฐานว่า ใครเป็นลูกของตน ขอให้ว่ายน้ำกลับมา...ใครไม่ใช่ ขอให้ว่ายข้ามฝั่งไปเป็นลิงอยู่ในป่า...

นางสวาหะว่ายน้ำกลับมาได้คนเดียว...ส่วนเด็กอีกสองคน ว่ายข้ามไปอีกฝั่งของแม่น้ำ...กลายเป็นลิงไปอยู่ในป่า...

.




ตอนล่างของภาพแสดงพระฤๅษีอุ้มนางสวาหะกลับมาที่กระท่อมเพื่อต่อว่านางกาลอัจนา (ที่มา : จิตรกรรมฝาผนังระเบียงวัดพระศรีรัตนศาสดาราม กรุงเทพฯ)

ฝ่ายฤๅษีโคดมอุ้มลูกสาวกลับกระท่อมไปต่อว่านางกาลอัจนาพร้อมทั้งสาปให้นางกลายเป็นหิน จนกว่าพระรามจะนำหินก้อนนี้ไปถมเป็นทางข้ามมหาสมุทรไปยังเกาะลังกา ให้ถูกฝังจมอยู่อย่างนั้นตลอดไปไม่ได้ผุดเกิด ซึ่งตรงนี้เราจะรู้สึกถึงความแค้นของฤๅษีที่ไม่มีวันให้อภัยได้

ฝ่ายนางกาลอัจนาก็เช่นกัน ด้วยความโกรธแค้นลูกสาวที่เปิดโปงความลับนี้จนเป็นที่เดือดร้อน นางจึงสาปนางสวาหะลูกสาวตนให้ไป “อ้าปากยืนตีนเดียว เหนี่ยวกินลม” อยู่ในป่าเชิงขอบเขาจักรวาลและให้ทรมานอยู่อย่างนั้นจนเมื่อนางสามารถมีลูกเป็นลิงที่เก่งกาจกล้าหาญจึงจะพ้นคำสาปนี้และได้ไปเกิดใหม่
.

..........(ต่อ)
ส่วนฤาษี...กลับบ้านก็ไปเฉ่งเอากับเมีย...เมียก็ไปเฉ่งต่อกับลูกสาว...หาว่าเป็นหนอนบ่อนไส้...แหม เจ๊ก้อ...ตัวเองทำผิดแล้วยังมาโทษลูกสาว...สาปลูกสาวให้ไปอยู่ที่เขาจักรวาล...ยืนขาเดียว มือเหนี่ยวกิ่งไม้ ข้าวปลาน้ำท่าไม่ต้องกิน...กินลมเป็นอาหาร...เมื่อไหร่มีลูกเป็นลิงจึงจะพ้นคำสาป...

สรุปว่า...งานนี้ฤๅษีโคดม ผู้พ่อและสามี ไม่ให้อภัยเมียและลูกชายสองคน 100 % คือสาปให้เด็กชายที่หลงคิดว่าเป็นลูกของตน กลายเป็นลิงป่า และสาปให้เมีย กลายเป็นก้อนหิน และให้ถูกนำไปทำทางสร้างเป็นถนนข้ามมหาสมุทรไปยังกรุงลงกา(โดน 2 เด้ง เพิ่มเป็น 200 % รึป่าววะ) แต่นางกาลอัจนา ผู้แม่ของแตงโม เอ้ย.แม่นางสวาหะ ให้อภัยลูกสาว 50% คือสาปให้ไปยืนขาเดียวเหนี่ยวกิ่งไม้ อ้าปากกินแต่ลม และจะพ้นคำสาปได้ก็ต่อเมื่อ มีลูกและคลอดออกมาเป็นลิง

อะไรกันนักกันหนาาา...อายุก็ปูนนี้แล้ว จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ได้ จะพยาบาทอาฆาตกันไปถึงไหน ขอบิณฑบาตร นะ โยมจ๋า ทนายตั้มษิทรา ขอร้อง...(ประเหลาะขุ่นแม่ที่โกรธจนให้อภัยได้ 100 %)

(ต่อจากนั้น ก็เข้าเรื่อง ตอนกำเนิดหนุมานครับ)

.




นางสวาหะถูกสาปให้มายืนตีนเดี่ยวกินลมบนยอดเขา ทางด้านซ้ายของภาพเป็นพระพายกำลังเหาะมาหา และถัดลงมาทางด้านล่างแสดงภาพนางสวาหะกับลูกลิงเผือก (ที่มา : จิตรกรรมฝาผนังระเบียงวัดพระศรีรัตนศาสดาราม กรุงเทพฯ)

ภาพจิตรกรรมแสดงนางสวาหะที่ถูกสาปกำลังยืนเท้าเดียวเปลือยกายท่อนบน ผมยาวประไหล่ลู่ลมอยู่บนยอดเขา ยืนหันหน้าไปทางพระพายที่กำลังเหาะมาหาเพื่อจะมาทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากพระอิศวร ตามท้องเรื่องนางสวาหะตั้งท้องนาน 30 เดือนจึงคลอดลูกออกมาทางปากเมื่อ “ปีขาลเดือนสามวันอังคาร” โดยเราจะเห็นว่านางสวาหะกำลังอุ้มลูกลิงสีขาวถือตรีศูลอันเล็กๆ อยู่ในมือ วาดถัดลงมาทางตอนล่างของภาพจิตรกรรม

.




พญากากาศ (พาลี)

..........(ต่อ)
ฝ่ายพระอินทร์กับพระอาทิตย์...เห็นลูกสองคนของตน ต้องกลายเป็นลิงเร่ร่อนอยู่ในป่า...แต่ถ้าปล่อยไว้ยังงี้ เสียชื่อลูกเทวดาใหญ่หมด...ฤๅษี มึงไม่เลี้ยงลูกให้กู...กูไม่แคร์โว้ย...เนรมิตเมืองให้เองก็ได้...อยากให้อลังการ์ขนาดไหน จัดไป...อ้าว แล้วเมืองเปล่าๆจะมีประโยชน์อะไร...ได้ซี้...เมืองเปล่าๆซะที่ไหน...

“แล้วอ่านมนตราชัยชาญ
เรียกเทพบริวารลิงไพร ฯ
ตั้งเป็นเสนาสามนต์
รี้พลทวยหาญน้อยใหญ่
ให้ตรวจตรารักษากรุงไกร
นอกในพื้นพวกพานรินทร์
แล้วขนานนามราชธานี
ชื่อว่าบุรีขีดขิน”

...พิภพวานรนี้ ชื่อเมืองขีดขิน...ข้าทาสบริวารมีพร้อม...ก็ลิงทั้งนั้นแหละครับ คงเกายุกเกายิกกันทั้งเมือง...ลูกพระอินทร์โตกว่าเป็นเจ้าเมือง ชื่อ พญากากาศ...ลูกพระอาทิตย์เด็กกว่าเป็นอุปราช ชื่อ สุครีพ...

.




สุครีพ

.

.....





.



« Last Edit: 04 April 2024, 22:09:43 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,553


View Profile
« Reply #2 on: 04 April 2024, 22:11:58 »


ปรับปรุงภาพใหม่ ไฉไลกว่าเดิม







.





Logged
Pages: [1] Go Up Print 
« previous next »
 

SMF 2.0.4 | SMF © 2013, Simple Machines | Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.049 seconds with 16 queries.