Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
User Info
Welcome, Guest. Please login or register.
20 May 2024, 18:42:49

Login with username, password and session length
Search:     Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ

http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
25,703 Posts in 12,501 Topics by 70 Members
Latest Member: KAN
Home Help Search Calendar Login Register
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...  |  ภาพประทับใจ  |  สถานที่สวยงาม (Moderator: ppsan)  |  วัดไชยวัฒนาราม จ.พระนครศรีอยุธยา โดย สายหมอกและก้อนเมฆ
0 Members and 1 Guest are viewing this topic. « previous next »
Pages: [1] Go Down Print
Author Topic: วัดไชยวัฒนาราม จ.พระนครศรีอยุธยา โดย สายหมอกและก้อนเมฆ  (Read 84 times)
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,556


View Profile
« on: 21 January 2023, 23:35:51 »

วัดไชยวัฒนาราม จ.พระนครศรีอยุธยา  โดย สายหมอกและก้อนเมฆ


วัดไชยวัฒนาราม จ.พระนครศรีอยุธยา  โดย สายหมอกและก้อนเมฆ

หนึ่งวันในพระนครศรีอยุธยา

๒  พฤษาคม  พ.ศ. ๒๕๕๘


วัดพนัญเชิงวรวิหาร อยุธยา (๑)
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=morkmek&month=10-07-2015&group=3&gblog=292

วัดพนัญเชิงวรวิหาร อยุธยา (๒)
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=morkmek&month=13-07-2015&group=3&gblog=293

วัดใหญ่ชัยมงคล (๑)
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=morkmek&month=29-07-2015&group=3&gblog=295

วัดใหญ่ชัยมงคล (๒)
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=morkmek&month=10-08-2015&group=3&gblog=297

วัดสมณโกฏฐาราม วัดมเหยงคณ์
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=morkmek&month=17-08-2015&group=3&gblog=299

วัดกุฎีดาว
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=morkmek&month=31-08-2015&group=3&gblog=301

วัดจักรวรรดิ์ / วัดมหาธาตุ
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=morkmek&month=11-09-2015&group=3&gblog=303

วัดมหาธาตุ
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=morkmek&month=21-09-2015&group=3&gblog=304

ต่อเลยนะคะ วัดสุดท้ายของวันนี้ค่ะ

..................


๑๗.๑๒ น. ออกจากวัดมหาธาตุ ข้างหน้านี้ วัดพระรามค่ะ




บึงพระราม
พระยาโบราณราชธานินทร์สันนิษฐานว่าแต่เดิม "บึงพระราม"  หรือ "หนองโสน"   น่าจะมีขนาดเล็กกว่านี้
ต่อมาเมื่อมีการขุดดินขึ้นมาถมพื้นที่ เพื่อสร้างพระราชวัง และวัดต่างๆ ทำให้บึงมีขนาดใหญ่ขึ้น
ปัจจุบันในบึงมีเกาะกระจายอยู่หลายเกาะ บางเกาะมีวัดอยู่ด้วย แต่มีอยู่เกาะหนึ่งเป็นที่ตั้งของ "อยุธยามหาปราสาท"   
ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานดวงพระวิญญาณของสมเด็จพระเจ้าอู่ทอง และประดิษฐานพระบรมรูปของพระองค์
โดยสร้างเป็นทรงปราสาท ๓ ยอด แบบเดียวกับตราประจำจังหวัด



ข้อมูลจากหนังสือเล่มนี้ค่ะ


ดูแผนที่ประกอบ


ขับรถผ่าน...  วิหารพระมงคลบพิตร



วัดพระราม
คาดกันว่าหลังจากพระเจ้าอู่ทองสวรรคตแล้ว พระราชโอรสของพระองค์ พระนามว่า "พระราเมศวร" 
ได้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์องค์ต่อมา และโปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดพระรามขึ้น บนพื้นที่ ที่เคยเป็น
สถานที่ถวายพระเพลิงพระบรมศพของพระเจ้าอู่ทอง

เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล วัดแห่งนี้จึงถือเป็นวัดสำคัญแห่งหนึ่งของอยุธยา ได้รับการปฏิสังขรณ์เรื่อยมา
โดยมีการบูรณะครั้งใหญ่ในสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ





ไม่ได้จอดแวะสองวัดด้านบน เพราะตั้งใจจะมาวัดนี้เป็นวัดสุดท้ายของวันนี้



วัดไชยวัฒนาราม
เป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งของอยุธยา ตั้งอยู่นอกเกาะกรุงศรีอยุธยาฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าปราสาททอง พ.ศ. ๒๑๗๓
บริเวณที่ตั้งของวัดนี้เคยเป็นที่ตั้งบ้านเรือนของพระราชมารดาซึ่งได้สิ้นไปก่อนที่พระเจ้าปราสาททองจะเสวยราชสมบัติเป็นกษัตริย์

การสิ้นพระชนม์ของพระราชมารดา มีความเกี่ยวเนื่องกับการขึ้นครองราชย์ของพระองค์ กล่าวคือ
พระราชมารดาสิ้นขณะที่พระองค์มีตำแหน่งเป็นเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ เสนาบดีกลาโหมในรัชสมัยพระเชษฐาธิราช
เจ้าพระยากลาโหมได้จัดงานศพให้กับมารดาของท่านที่บริเวณวัดกุฎธาราม โดยเชิญขุนนางทั้งทหารและพลเรือนจำนวนมากมาร่วมงานศพในครั้งนั้น

และในที่ชุมนุมนี้เองที่เจ้าพระยากลาโหมได้ประกาศยึดอำนาจจากกษัตริย์ ต่อมาเมื่อได้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์องค์ที่ ๒๕
เป็นต้นราชวงศ์ของราชวงศ์ปราสาททองแล้ว พระองค์จึงได้สร้างวัดไชยวัฒนารามขึ้น เพื่ออุทิศผลบุญนี้ให้กับพระราชมารดาของพระองค์
อนึ่ง วัดนี้อาจจะถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะเหนือเขมรด้วย

รูปแบบทางสถาปัตยกรรมจึงเหมือนจำลองมาจากนครวัด อย่างเดียวกับที่พระองค์ได้ทรงสร้างปราสาทวัดพระนครหลวง
ริมแม่น้ำป่าสัก บนเส้นทางจากอยุธยาไปพระพุทธบาท สระบุรี

.....
ข้อมูลจาก //www.ayutthayastudies.aru.ac.th/content/view/358/116/

.................




๑๗.๒๕  น.  ท้องฟ้าวันนั้น ประมาณนี้


แวะทักทายกันนิด






ภายในอาณาบริเวณแผนผังรูปสี่เหลี่ยมของวัดไชยวัฒนาราม มีสิ่งก่อสร้างหลายชนิด
โดยศูนย์กลางอยู่ที่องค์ปรางค์ประธานขนาดใหญ่สูงถึง ๓๕ เมตร ล้อมรอบด้วยปรางค์บริวาร ๔ องค์ประจำทิศต่างๆ
ปรางค์ทั้งหมดนี้ตั้งอยู่บนฐานประทักษิณเดียวกัน ล้อมรอบด้วยระเบียงคดยาวต่อเนื่องกันเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีหลังคารูปจั่วคลุมยาวโดยตลอด



ใหญ่โตโอฬารแค่ไหน เทียบกับคนที่เดินอยู่ค่ะ






บริเวณด้านทิศตะวันออกของแนวระเบียงคดซึ่งเป็นด้านหน้าของวัดและเป็นเส้นทางสู่แม่น้ำเจ้าพระยานั้น
มีซากฐานของพระอุโบสถขนาดใหญ่ ยาว ๕๒.๗๕ เมตร กว้าง ๒๐ เมตร


ภายในมีพระพุทธรูปหินทราย ปางมารวิชัย จำนวน ๓ องค์ ประทับอยู่ด้านหน้าของพระอุโบสถ


เห็นพระพุทธรูป ๒ องค์  และฐานไม่มีพระพุทธรูป ซ้ายมือ


ทั้งซ้ายและขวา ของพระอุโบสถ มีเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสองอยู่หนึ่งคู่




ฝั่งตรงข้ามวัดไชยวัฒนาราม คือ  พระตำหนักสิริยาลัย


พระตำหนักสิริยาลัย
สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช  (รัชกาลที่ ๙)  เพื่อใช้เป็นที่ประทับเวลาเสด็จฯ
มายังจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตั้งอยู่บริเวณอำเภอเมือง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตรงข้ามวัดไชยวัฒนาราม
โดยพระตำหนักหลังนี้สร้างจากทรัพย์สินส่วนพระองค์ เนื่องในอากาสที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
ทรงเจริญพระชนมายุครบ ๕  รอบใน ปีพุทธศักราช  ๒๕๓๔

ข้อมูลจาก วิกิพีเดีย




เรือของนักท่องเที่ยว มาเทียบท่าตรงนี้
เมื่อปี ๒๕๕๔  น้ำท่วมโบราณสถานวัดไชยวัฒนาราม จมน้ำอยู่เป็นเดือน...





ปรางค์บริวาร ๔ องค์ประจำทิศต่างๆ ปรางค์ทั้งหมดนี้ตั้งอยู่บนฐานประทักษิณเดียวกัน
ล้อมรอบด้วยระเบียงคดยาวต่อเนื่องกันเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีหลังคารูปจั่วคลุมยาวโดยตลอด


และตลอดความยาวของพระระเบียงนี้มีพระพุทธรูปปางมารวิชัย จำนวน ๑๒๐ องค์ ประทับนั่งอยู่เป็นแถวยาว






มีอาคารทรงเมรุประจำอยู่ทั้ง ๘ ทิศ โดยผนังด้านนอกของเมรุทิศนี้มีปูนปั้นอยู่ ๑๒ ภาพ แสดงเรื่องราวพุทธประวัติ
ภายในเมรุทั้งแปดนี้ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยทรงเครื่อง (อาจสื่อถึงความเป็นพุทธราชาของสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง) ประทับอยู่




แต่ละเมรุมีพระพุทธรูปอยู่ ๒ องค์หันพระพักตร์ไปตามแนวยาวของพระระเบียง
ส่วนเมรุอีก ๔ องค์ ที่เหลือนั้นมีพระพุทธรูปหันพระพักตร์เข้าสู่ปรางค์ประธาน
เสมือนหนึ่งว่าไม่มีสรรพสิ่งใดจะรอดพ้นไปจากสายพระเนตรอันทรงเมตตาของพระองค์ไปได้




พระเมรุที่อยู่ตรงมุมทั้ง ๔










เดินวนรอบจนครบทั้ง ๔ มุม






ขนุน ต้นใหญ่มาก




มีภาพปูนปั้นเรื่องพุทธประวัติประดับที่ผนังด้านนอกของเมรุทิศเมรุรายผนังละ ๑ ตอน เนื้อเรื่องเรียงต่อเนื่องกันจนครบวงรอบ
เริ่มต้นตอนแรกที่องค์ทิศตะวันออกเฉียงใต้ เป็นตอนการอภิเษกสมรสของพระเจ้าสุทโธทนะและพระนางสิริมหามายา
ไล่เรียงไปจนจบที่ตอนงานถวายพระเพลิงพระบรมศพพระพุทธเจ้า


ปัจจุบันภาพปูนปั้นเหล่านี้หลุดล่วงไปมากแล้ว








ทางเดินด้านหน้าค่ะ






ภาพสุดท้ายค่ะ



.....
ขอขอบคุณ ภาพและเรื่องจาก
วัดไชยวัฒนาราม อยุธยา  โดย สายหมอกและก้อนเมฆ
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=morkmek&month=09-2015&date=28&group=3&gblog=306

Create Date : 28 กันยายน 2558
Last Update : 28 กันยายน 2558 5:25:19 น.      
Counter : 4535 Pageviews.



Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,556


View Profile
« Reply #1 on: 22 January 2023, 15:44:40 »

วัดไชยวัฒนาราม อยุธยา  โดย สายหมอกและก้อนเมฆ [2]


16.56 น. จุดหมายสุดท้ายของทริปวันนี้ ก่อนกลับบ้าน - วัดไชยวัฒนาราม

วัดไชยวัฒนาราม





วัดไชยวัฒนาราม สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2173 โดยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นบนที่ ที่เป็นบ้านเดิมของพระองค์เพื่ออุทิศพระราชกุศลถวายพระราชมารดา แต่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงสันนิษฐานว่า วัดนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะเหนือนครละแวกโดยจำลองแบบมาจากปราสาทนครวัด

วัดไชยวัฒนารามเป็นวัดหลวงที่บำเพ็ญพระราชกุศลของพระมหากษัตริย์สืบต่อมาหลังจากนั้นทุกพระองค์ จึงได้รับการปฏิสังขรณ์สืบต่อมาทุกรัชสมัย เป็นสถานที่ถวายพระเพลิงศพพระบรมวงศานุวงศ์เกือบทุกพระองค์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศสิ้นพระชนม์ก็ได้ถวายพระเพลิงที่วัดนี้







ปรางค์ประธาน ตั้งอยู่บริเวณตรงกลางของพื้นที่ฐานประทักษิณ ซึ่งฐานประทักษิณได้ยกสูงขึ้นมาจากพื้น มีลักษณะเป็นปรางค์ จัตุรมุข มุขด้านตะวันออก จะเจาะมุขทะลุเข้าสู่เรือนธาตุ ซึ่งภายในจะประดิษฐาน พระพุทธรูปนั่ง (ปัจจุบันไม่พบแล้ว)



ยอดขององค์ปรางค์ ทำเป็นรัดประคดซ้อนกัน 7 ชั้นแต่ละชั้น เป็นลวดลาย ใบขนุน กลีบขนุน ส่วนบนสุดเป็นทรงดอกบัวตูม ปรางค์แบบนี้มีลักษณะเหมือนปรางค์ในสมัยอยุธยาตอนต้น ซึ่งวัดไชยวัฒนาราม สร้างในสมัยอยุธยาตอนกลาง จึงอาจกล่าวได้ว่าเป็นการนำเอาพระปรางค์ที่นิยมสร้างในสมัยอยุธยาตอนต้นมาก่อสร้างอีกครั้ง



พระตำหนักสิริยาลัย อยู่ฝั่งตรงข้ามวัดไชยวัฒนาราม


เรือนำเที่ยว จอดรอนักท่องเที่ยวริมน้ำ




ต้นไม้ใหญ่ริมน้ำ
























ระเบียงคด คือส่วนที่เชื่อมต่อ ระหว่างเมรุแต่ละเมรุเอาไว้ โดยรอบฐานประทักษิณ แต่เดิมจะมีหลังคารอบ ๆ ที่บริเวณระเบียงคด มีพระพุทธรูปปางมารวิชัยประดิษฐานอยู่ รวมทั้งหมด 120 องค์ แกนในทำจากไม้ พอกปูนทีละชั้นจนได้สัดส่วน ส่วนนิ้วใช้โลหะสำริด ดัดขึ้นรูป ปัจจุบันเหลือที่ยังมีพระเศียร อยู่ 2 องค์









ปรางค์บริวาร คือปรางค์องค์เล็กลงมาที่อยู่รายล้อมปรางค์ประธาน มีทั้งหมด 4 องค์ลักษณะจะเพรียวกว่า ปรางค์ประธานเมรุ คืออาคารทรงยอดแหลมที่อยู่รายรอบระเบียงคด ทั้ง 8 ทิศ ภายในคูหาจะประดิษฐานพระพุทธรูปทรงเครื่อง ปางมารวิชัย เอาไว้ที่เมรุทิศ เมรุละ 1 องค์ เมรุมุม เมรุละ 2 องค์ภายในคูหา มีภาพจิตรกรรมฝาผนัง หลงเหลือร่องรอยอยู่เล็กน้อย















จากกระแสออเจ้า บุพเพสันนิวาส มีร้านให้เช่าชุดไทยแถวหน้าวัดเยอะเลยค่ะ

















สวยดีค่ะ เข้ากับบรรยากาศดีเนาะ


















17.50 น. จะรอตะวันตกดินก็ไม่ไหวแล้วค่ะ กลับบ้านก่อน


18.07 น. เดินทางกลับบ้าน



.....
ขอขอบคุณ ภาพและเรื่องจาก
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=morkmek&month=11-2020&date=12&group=30&gblog=25
วังช้าง แล เพนียด, วัดไชยวัฒนาราม โดย สายหมอกและก้อนเมฆ

Create Date : 12 พฤศจิกายน 2563
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2563 19:05:10 น.      
Counter : 2266 Pageviews.



Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,556


View Profile
« Reply #2 on: 22 January 2023, 19:17:09 »


วัดไชยวัฒนาราม

11.25 น. วันที่ 9 มีนาคม 2565

11 โมงกว่า เดินกลับมาเอารถจักรยานที่จอดไว้ที่วัดพระราม มีน้อง ๆ 3 คน กำลังถามทางไปวัดไชยวัฒนารามกับเจ้าหน้าที่ เราเลยมาพร้อมกับเด็ก ๆ
ขี่มาได้ซักระยะ ไม่เห็นเด็ก ๆ แล้ว ทิ้งช่วงกันพอสมควร

เราก็แวะถามทางคนแถวนั้นเป็นระยะ ถึงวัดไชยวัฒนารามประมาณเที่ยงกว่า หิวมากค่ะ เดินหาร้านอาหาร ส่วนมากปิดหมด เดินย้อนกลับมาร้านที่เราถามทางป้า (ป้าขายของชำ) ป้าบอกเดี๋ยวทำให้จะกินอะไร  เราเลยสั่งผัดกะเพรา ง่ายสุดละ...ป้าทำให้ค่ะ ข้าวเยอะมาก



ป้าคงใส่ทุกอย่างให้ที่มี แต่ไม่มีใบกะเพรา (ที่เห็นนั่น ใบโหระพา) อร่อยดีค่ะ แต่เรากินไม่หมด ป้าบ่นนิดหน่อย ทำไมกินข้าวไม่หมด   
เราเลยรีบบอก อร่อยมาก อากาศร้อนกินได้ไม่เยอะ แล้วซื้อน้ำอัดลมป้าอีกขวด น้ำเปล่าอีกขวด ทั้งหมด 50 บาทถ้วน


เข้าชมวัดไชยวัฒนาราม  ใช้บัตรรวมได้ค่ะ



12.33 น.



อยุธยา มาหลายครั้งก็ยังชอบมา แต่อย่าถามหาความรู้ด้านประวัติศาสตร์ โบราณคดี หรือวิชาการใด ๆ จากเรานะคะ 



วัดไชยวัฒนาราม ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตกนอกเกาะเมือง เป็นวัดที่พระเจ้าปราสาททอง กษัตริย์กรุงศรีอยุธยา องค์ที่ 24 ( พ.ศ. 2173-2198) โปรดให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2173 ได้ชื่อว่าเป็นวัดที่มีความงดงามมากแห่งหนึ่งในกรุงศรีอยุธยา

วัดไชยวัฒนาราม ได้ชื่อว่าเป็นโบราณสถานที่มีความงดงามมากแห่งหนึ่ง ความสำคัญอีกประการหนึ่งคือ วัดนี้เป็นที่ฝังพระศพของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์ (เจ้าฟ้ากุ้ง) กวีเอกสมัยอยุธยาตอนปลายกับเจ้าฟ้าสังวาลย์ซึ่งต้องพระราชอาญาโบยจนสิ้นพระชนม์ในรัชสมัยของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ สิ่งที่น่าชมภายในวัดได้แก่ พระปรางค์ศรีรัตนมหาธาตุ เป็นปรางค์ประธานของวัดตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัสและที่มุมฐานมีปรางค์ทิศประจำอยู่ทั้งสี่มุม การที่สมเด็จพระเจ้าปราสาททองซึ่งเป็นกษัตริย์สมัยอยุธยาตอนปลายทรงสร้างปรางค์ขนาดใหญ่เป็นประธานของวัด เท่ากับเป็นการรื้อฟื้นศิลปะสมัยอยุธยาตอนต้นที่นิยมสร้างปรางค์เป็นประธานของวัด เช่น การสร้างปรางค์ที่วัดมหาธาตุและวัดราชบูรณะ เนื่องจากพระองค์ทรงได้เขมรมาอยู่ใต้อำนาจจึงมีการนำรูปแบบสถาปัตยกรรมเขมรเข้ามาใช้ในการก่อสร้างปรางค์อีกครั้งหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีพระระเบียงรอบปรางค์ประธาน ภายในพระระเบียงมีพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย ผนังระเบียงก่อด้วยอิฐถือปูน มีลูกกรงหลอกเป็นรูปลายกุดั่น พระอุโบสถ อยู่ด้านหน้าของวัดภายในมีซากพระประธานเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยสร้างด้วยหินทราย ใบเสมาของพระอุโบสถทำด้วยหินสีค่อนข้างเขียว จำหลักเป็นลายประจำยามและลายก้านขด และเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง ทางด้านหน้าพระอุโบสถมีเจดีย์ 2 องค์ ฐานกว้าง 12 เมตร สูง 12 เมตร ซึ่งถือเป็นศิลปะที่เริ่มมีแพร่หลายตั้งแต่สมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง วัดไชยวัฒนารามได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติ เมื่อวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2478 และกรมศิลปากรได้ดำเนินการบูรณะตลอดมาจนปัจจุบันไม่มีสภาพรกร้างอยู่ในป่าอีกแล้ว และยังคงมองเห็นเค้าแห่งความสวยงามยิ่งใหญ่ตระการตา ซึ่งผู้ไปเยือนไม่ควรพลาดชมอย่างยิ่ง

เปิดทุกวันเวลา 08.00-18.00 น. ค่าเข้าชม ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 50 บาท หรือสามารถซื้อบัตรรวมได้ ชาวไทย 40 บาท ชาวต่างชาติ 220 บาท โดยบัตรนี้สามารถเข้าชมวัดและโบราณสถานบริเวณอุทยานประวัติศาสตร์ได้ ภายในระยะเวลา 30 วัน ได้แก่ วัดพระศรีสรรเพชญ์และพระราชวังหลวง วัดมหาธาตุ วัดราชบูรณะ วัดพระราม วัดไชยวัฒนาราม

หมายเหตุ ตั้งแต่เวลาประมาณ 19.30- 21.00 น. จะมีการส่องไฟชมโบราณสถาน อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยามีบริการเครื่องโสตทัศนาจร สามารถฟังข้อมูลการบรรยายวัดพระศรีสรรเพชญ์ วัดไชยวัฒนาราม และวัดมหาธาตุ เป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ สามารถเช่าได้ที่จุดบริการใกล้ป้อมจำหน่ายบัตรของอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา โดยคิดค่าบริการเครื่องละ 150 บาท สำหรับชม 3 วัดดังกล่าว (ราคาไม่รวมค่าบัตรเข้าชมโบราณสถาน)







อีกฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นพระตำหนักสิริยาลัยค่ะ







พนังกั้นน้ำริมน้ำเจ้าพระยาสูงขึ้น



ทางเข้าเดิม ริมน้ำ









มองเห็นพระปรางค์วัดพุทไธศวรรย์


พระตำหนักสิริยาลัย



























แหงนหน้ามองด้านบน เห็นค้างคาวเยอะเลย










ปรางค์ทิศทั้งสี่มุม










12.53 น. ยังมีนักท่องเที่ยวแต่งชุดไทย ถ่ายภาพที่วัดไชยวัฒนารามนะคะ กลางวันแดดร้อน แต่ตอนเย็นคนน่าจะเยอะกว่านี้



.................


วัดโลกยสุธาราม

บ่ายโมงกว่า เรามาแวะพระนอนวัดโลกยสุธาราม (เห็นป้ายบอกทาง ตอนจะเข้ามาวัดไชยวัฒนาราม)





วัดโลกยสุธาราม ตั้งอยู่ที่ตำบลประตูชัย อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตั้งอยู่ใกล้กับพระราชหลวงและวัดพระศรีสรรเพชญ์ อันเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรอยุธยา จึงอาจกล่าวได้ว่าที่นี่เป็นหนึ่งในวัดสำคัญภายในเกาะเมืองอยุธยา วัดโลกยสุธาราม มีอีกชื่อหนึ่งคือ วัดพระนอน ภายในวัดประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ที่ใหญ่ที่สุดในเกาะเมืองอยุธยา มีประวัติเก่าแก่ และถูกกล่าวถึงในพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาว่าเป็นเส้นทางนมัสการพระนอนของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ลักษณะเป็นพระพุทธรูปนอนกลางแจ้งสีขาว ก่ออิฐถือปูน องค์พระมีความยาว 42 เมตร สูง 8 เมตร แม้จะมีอายุเก่าแก่แล้ว แต่ยังคงรายละเอียดค่อนข้างสมบูรณ์ สีพระพักตร์อิ่มเอิบ ปิติ เปี่ยมด้วยเมตตาบารมี พระเศียรมีฐานบัวรองรับอย่างสวยงาม พระพุทธไสยาสน์องค์นี้นับเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของอยุธยาที่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

นอกจากนี้ วัดพระนอนยังมีร่องรอยของอาคารขนาดใหญ่ และระเบียงคดหลงเหลืออยู่ให้เห็น มีพระปรางค์สูงราว 30 เมตรโดดเด่นเป็นสง่าเป็นองค์ประธานของวัด ด้วยเหตุนี้วัดพระนอน จึงเหมาะสำหรับผู้ที่สนใจด้านประวัติศาสตร์ โบราณคดีไม่แพ้วัดอื่น ๆ ในเกาะเมืองอยุธยา พระนอนเป็นหนึ่งในมรดกแห่งอยุธยาที่ไม่มอดไหม้ไปพร้อมไฟสงคราม และเป็นความภูมิใจของอยุธยาในฐานะเมืองมรดกโลก ควรค่าแก่การมาเยี่ยมชม

ผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามสถาบันอยุธยาศึกษา หรือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพระนครศรีอยุธยา ได้ที่ โทร. 0 3524 6076

















...................


วัดวรเชษฐาราม

วัดวรเชษฐาราม เป็นวัดสำคัญที่สุดวัดหนึ่งในเขตอุทยานประวัติศาสตร์ ตั้งอยู่ทางทิตะวันตกของพระราชวังโบราณโบราณในเขตกำแพงเมืองพระนครศรีอยุธยาในสมัยอยุธยา

ชื่ออารามหลวงเก่าแก่อายุหลายร้อยปีแห่งนี้แปลได้ว่า พี่ชายผู้เป็นที่รัก จึงสันนิษฐานตามหลักฐานได้ว่าเป็นวัดที่สมเด็จพระเอกาทศรถโปรดให้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2136 ณ บริเวณที่ถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ผู้ทรงเป็นพระเชษฐา และได้สร้างพระเจดีย์ประธานเพื่อประดิษฐานพระบรมอัฐิของอดีตพระมหากษัตริย์ไว้ด้วย สิ่งที่สร้างความสับสนเนื่องจากที่อยุธยามีวัดวรเชษฐ์ 2 แห่งคือ วัดภายในเกาะเมือง ระหว่างวัดโลกยสุธารามและวัดวรโพธิ์ซึ่งเคยเป็นเขตพระราชวังหลัง ที่เรียกว่า สวนกระต่าย และวัดวรเชษฐ์นอกเกาะเมืองหรือวัดประเชด แต่วัดวรเชษฐ์ที่กล่าวถึงนี้อยู่ในเกาะเมือง ซึ่งเคยมีผู้ลักลอบเข้าไปขุดหาโบราณวัตถุ พบกรุเจดีย์ประธานมีผอบบรรจุอัฐิซึ่งมีพระพุทธรูปนาคปรกล้อมซึ่งเป็นพระพุทธรูปประจำวันเสาร์ อันเป็นพระราชสมภพของสมเด็จพระนเรศวรเป็นหลักฐานหนึ่งที่บ่งชี้ว่าวัดนี้คือวัดที่สมเด็จพระเอกาทศรถโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น หรือนักวิชาการบางคนชี้ว่าที่ตั้งของวัดอาจเป็นที่ตั้งพระตำหนักเดิมของสมเด็จพระเอกาทศรถซึ่งได้ทรงสร้างถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระเชษฐา แม้ไม่อาจชี้ชัดได้มากกว่านี้ แต่สิ่งก่อสร้างที่ยังหลงเหลืออยู่ก็เพียงพอจะดึงดูดให้ผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์ได้เข้าไป ชมวัดวรเชษฐารามนั่นคือพระเจดีย์ประธานก่ออิฐถือปูนทรงระฆังคว่ำศิลปะแบบสุโขทัยที่มีขนาดใหญ่โตมาก หน้าบันประดับลวดลายจากเครื่องถ้วยเช่นเดียวกับศิลปะที่ซุ้มประตูวัดมหาธาตุ ปรากฎลวดลายชั้นมาลัยเถา บัลลังก์และเสาหานรอบก้านฉัตรที่ยังสมบูรณ์และพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย พระประธานในพระวิหารก่ออิฐถือปูนที่ยังมีผู้ศรัทธานำมาลัยดอกไม้มากราบไหว้ทุกวัน และสภาพโดยรอบ สังเกตได้ว่าที่นี่เป็นวัดเดียวในอยุธยาที่มีคูน้ำล้อมรอบ ตามรูปแบบวัดในเมืองสุโขทัย

ด้านใต้ติดกับวัดโลกยสุธาราม ด้านตะวันออกติดกับวัดวรโพธิ์ อยู่ใกล้กับถนนสาย 347 ตัดกับถนนสาย 3263 ที่แยกวรเชฐษ์ หรือสามารถเดินทางไปตามแผนที่นี้ https://www.tourismthailand.org/fileadmin/upload_img/Multimedia/Ebrochure/470/วัดวรเชษฐาราม.pdf



จอดจักรยานถ่ายรูประหว่างทาง ไม่ได้เข้าไปด้านในค่ะ


ศาลหลักเมือง


มาแวะร้านบุษาคาเฟ่ ... มาตามรีวิวที่เค้าแนะนำว่าควรมา






เลือกบุษบาลาเต้ (ซิกเนเจอร์ของร้าน) กับขนมอีกชิ้น


ลาเต้เย็นท็อปด้วยสายไหม


ขออนุญาตถ่ายภาพขนมในตู้ค่ะ






มีที่นั่งชั้นบนด้วยค่ะ แต่ร้อนมาก เราเลยลงมานั่งข้างล่าง




ร้านบุษบาคาเฟ๋ อยู่หน้าวัดราชบูรณะค่ะ .... กลับละ ไปคืนรถจักรยานค่ะ


สามารถคืนรถจักรยานได้ถึง 6 โมงเย็น แต่เราคืนก่อน ไม่อยากกลับบ้านค่ำมาก
ช่วงบ่ายไม่มีเรือข้ามฟาก มีแค่ช่วงเช้า- เย็น นั่งพี่วินตรงตลาดเจ้าพรหม มาสถานีรถไฟ 25 บาท
ขามาซื้อตั๋ว เค้าขอบัตรประชาชน ขากลับไม่ได้ขอบัตร เลยออกตั๋วให้เราเป็นผู้ชายซะงั้น





รถไฟไทยบ้านเรา มาตรงเวลาบ้าง ไม่ตรงบ้าง  แต่โดยรวมก็ยังอยากใช้บริการอยู่ค่ะ




.....
ความเดิม

นั่งรถไฟเที่ยวอยุธยา > วัดราชบูรณะ
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=morkmek&month=25-03-2022&group=30&gblog=26

วัดมหาธาตุ
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=morkmek&month=01-04-2022&group=30&gblog=27

วัดพระราม
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=morkmek&month=08-04-2022&group=30&gblog=28

วัดพระศรีสรรเพชญ์
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=morkmek&month=15-04-2022&group=30&gblog=29
 

.....
ขอขอบคุณ ภาพและเรื่องจาก
วิหารพระมงคลบพิตร, วัดไชยวัฒนาราม, วัดโลกยสุธาราม โดย สายหมอกและก้อนเมฆ
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=morkmek&month=04-2022&date=25&group=30&gblog=30

Create Date : 25 เมษายน 2565
Last Update : 25 เมษายน 2565 10:38:30 น.      
Counter : 1037 Pageviews.



« Last Edit: 22 January 2023, 19:32:06 by ppsan » Logged
Pages: [1] Go Up Print 
« previous next »
 

SMF 2.0.4 | SMF © 2013, Simple Machines | Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.07 seconds with 17 queries.