Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
User Info
Welcome, Guest. Please login or register.
28 April 2024, 20:57:47

Login with username, password and session length
Search:     Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ

http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
25,608 Posts in 12,441 Topics by 70 Members
Latest Member: KAN
Home Help Search Calendar Login Register
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...  |  เรื่องราวน่าอ่าน  |  เรื่องเล่าจากความทรงจำที่หาฟังยาก  |  ฤๅพระชะตา “พระปิ่นเกล้าฯ” แรงจน “พระจอมเกล้าฯ” ตรัสให้ถวายราชสมบัติด้วยกันสองพระ
0 Members and 1 Guest are viewing this topic. « previous next »
Pages: [1] Go Down Print
Author Topic: ฤๅพระชะตา “พระปิ่นเกล้าฯ” แรงจน “พระจอมเกล้าฯ” ตรัสให้ถวายราชสมบัติด้วยกันสองพระ  (Read 214 times)
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,461


View Profile
« on: 05 September 2022, 22:21:56 »

ฤๅพระชะตา “พระปิ่นเกล้าฯ” แรงจน “พระจอมเกล้าฯ” ตรัสให้ถวายราชสมบัติด้วยกันสองพระองค์?


ฤๅพระชะตา “พระปิ่นเกล้าฯ” แรงจน “พระจอมเกล้าฯ” ตรัสให้ถวายราชสมบัติด้วยกันสองพระองค์?



(ซ้าย) พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, (ขวา) พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว

ผู้เขียน   ผิน ทุ่งคา
เผยแพร่   วันศุกร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ.2565

ในการเสด็จขึ้นครองราชย์ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 มีความพิเศษกว่ารัชกาลใด เพราะพระองค์ได้รับการกราบทูลเชิญให้ขึ้นครองราชย์พร้อมกับเจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ หรือ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ดังความตอนหนึ่งในพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ ฉบับเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ (ขำ บุนนาค) ที่ระบุว่า

“…แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยฝ่ายทหารพลเรือน ทั้งพุทธจักรแลอาณาจักรปฤกษาพร้อมกันว่า สมเด็จพระอนุชาธิบดี เจ้าฟ้ามงกุฎสมมุติเทวาวงษพงศอิศรกระษัตริย์ แลสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศร์รังสรรทรงพระปรีชารอบรู้ราชประเพณีผู้ประเสริฐล้ำเลิศ ในพระบรมราชวงษ จึงพร้อมกันขออันเชิญเสด็จเถลิงถวัลยราช มไหสวริย์สืบมหันตมหิศรราชวงษดำรงศิริราชสมบัติฃัติยราชประเพณี พระมหากระษัตราธิราชเจ้าลำดับต่อไป…”

แต่ไม่มีความตอนใดในพงศาวดารที่ระบุถึงสาเหตุของการสถาปนากษัตริย์ขึ้นพร้อมกันถึงสองพระองค์ในครั้งนั้น แม้กระทั่งสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เบื้องแรกก็ยังไม่ทรงทราบถึงสาเหตุดังกล่าว จนกระทั่งได้มาทราบความเอาเมื่อล่วงถึงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จากคำบอกเล่าของเจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดี (ท้วม บุนนาค) ซึ่งขณะนั้นมีอายุกว่า 80 ปีแล้ว

ความตอนนี้ สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงฯ ทรงเล่าไว้ใน “นิทานโบราณคดี/นิทานที่ ๑๙ เรื่อง เมืองไทยมีพระเจ้าแผ่นดินสองพระองค์” ว่า

“เมื่อพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวใกล้จะสวรรคต สมเด็จเจ้าพระยาฯ [สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ บิดาของเจ้าพระยาภาณุวงศ์ฯ] ไปเฝ้าพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวซึ่งทรงผนวชอยู่ ณ วัดบวรนิเวศฯ กราบทูลให้ทรงทราบว่า จะเชิญเสด็จขึ้นครองราชสมบัติ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวตรัสว่า ถ้าจะถวายราชสมบัติแก่พระองค์ ขอให้ถวายแก่พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ ซึ่งตรัสเรียกว่า ‘ท่านฟากข้างโน้น’ ด้วย เพราะพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ พระชาตาแรงนัก

ตามตำราโหราศาสตร์ว่า ผู้มีชาตาเช่นนั้นจะต้องได้เป็นพระเจ้าแผ่นดิน ถ้าทรงรับราชสมบัติแต่พระองค์เดียว จะเกิดอัปมงคล ด้วยไปกีดบารมีของสมเด็จพระอนุชา แม้ถวายราชสมบัติด้วยกันทั้งสองพระองค์ จะได้ทรงสถาปนาสมเด็จพระอนุชาให้เป็นพระเจ้าแผ่นดินด้วยอีกพระองค์หนึ่ง เหมือนอย่างสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงสถาปนาสมเด็จพระเอกาทศรถเป็นพระเจ้าแผ่นดินด้วยกัน เช่นนั้นจึงจะพ้นอัปมงคล”

คำอธิบายที่ว่า พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวมี “พระชะตาแรง” พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงสถาปนาให้เป็นพระมหากษัตริย์คู่กัน เพื่อป้องกันการเกิดอัปมงคลจึงมีที่มาจากสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงฯ ซึ่งทรงรับฟังต่อมาจากเจ้าพระยาภาณุวงศ์ฯ อีกที มิได้มาจากพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ โดยตรง

แต่ เทพ สุนทรศารทูล ผู้รู้ด้านโหราศาสตร์ได้แสดงความเห็นต่างออกไป โดยกล่าวว่า พระชะตาของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ นั้นไม่อาจแข่งรัศมีกับพระชะตาของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ ได้เลย แต่มีลักษณะชะตาที่ส่งเสริมกันมากกว่า โดย เทพ อธิบายว่า

“ดวงชะตาของพระปิ่นเกล้ามีรูปดังนี้



นำมาลงรูปดวงพระชะตาให้บรรดาโหราจารย์ทั้งหลายวิจารณ์ดวงว่า ดวงพระชะตานี้แข็งอย่างไร จะมีบุญถึงพระเศวตฉัตรอย่างไร เพราะดวงดาวมีคู่มิตร คู่ธาตุ คู่วิชาการ คู่บุญ คู่วาสนาอยู่ทั้งหมด ไม่มีดาวให้โทษ เพราะพระราชสมภพเมื่อวันอาทิตย์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีมะโรง มีดาวกุมพระลัคนาอยู่ถึง ๓ ดวง

เทียบกับดวงพระชะตาของพระจอมเกล้าฯ มีรูปดวงพระชะตาดังนี้



คนที่มีความรู้ทางโหราศาสตร์พอใช้การได้จะแลเห็นว่า ดวงพระชะตาของพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เหนือกว่าดวงชะตาของพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เรียกว่าดวงชั้นพิเศษ มีดาวจันทร์ครูสุริยาอยู่ราศีทวารทั้ง ๓ ดวง ดาวราหูอยู่ราศีมังกร ก็เข้มแข็งมาก ไม่มีทางที่ดวงพระชะตาของพระปิ่นเกล้าฯ จะแข่งรัศมีได้เลย”

เทพ กล่าวต่อไปว่า เหตุผลที่มีความเป็นไปได้มากกว่าที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ ทรงสถาปนาให้ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ครองราชย์ร่วมกับพระองค์ก็คือ พระองค์ทรงบวชอยู่นานมีความเก่งกล้าทางวิชาการ แต่ขาดกำลัง “จึงต้องตั้งพระอนุชาให้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน เพื่อคานอำนาจของตระกูลบุนนาคไว้ เนื่องจาก พระปิ่นเกล้าฯ เป็นเจ้าชายนักเลงโต มีสมัครพรรคพวกมาก”

เรื่องนี้เมื่อมีการอธิบายกันไปคนละทาง ผู้เขียนเองก็ไม่มีความรู้ทางโหราศาสตร์จึงไม่อาจตอบได้เช่นกันว่าคำอธิบายใดถูกหรือผิด แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม การบริหารแผ่นดินของทั้งสองพระองค์ก็ได้กลายเป็นรากฐานสำคัญอย่างยิ่งของสยามประเทศในยุคถัดมา

อ้างอิง:

“เทียนวรรณ เสพาที พระจอมเกล้าฯ พระปิ่นเกล้าฯ และ-สุนทรภู่”. เทพ สุนทรศารทูล. ใน ศิลปวัฒนธรรม ฉบับพฤษภาคม 2546.

.....
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 25 พฤศจิกายน 2559


.....
ขอขอบคุณเรื่องและภาพจาก.....
https://www.silpa-mag.com/history/article_4383



Logged
Pages: [1] Go Up Print 
« previous next »
 

SMF 2.0.4 | SMF © 2013, Simple Machines | Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.059 seconds with 17 queries.