Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
User Info
Welcome, Guest. Please login or register.
28 April 2024, 21:58:13

Login with username, password and session length
Search:     Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ

http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
25,608 Posts in 12,441 Topics by 70 Members
Latest Member: KAN
Home Help Search Calendar Login Register
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...  |  เรื่องราวน่าอ่าน  |  เรื่องเล่าจากความทรงจำที่หาฟังยาก  |  แผ่นดิน 2 กษัตริย์ สู่รอยร้าวในราชสำนัก!
0 Members and 1 Guest are viewing this topic. « previous next »
Pages: [1] Go Down Print
Author Topic: แผ่นดิน 2 กษัตริย์ สู่รอยร้าวในราชสำนัก!  (Read 166 times)
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,461


View Profile
« on: 05 September 2022, 22:12:01 »

แผ่นดิน 2 กษัตริย์ สู่รอยร้าวในราชสำนัก!


แผ่นดิน 2 กษัตริย์ สู่รอยร้าวในราชสำนัก!


เกร็ดประวัติศาสตร์
4 มีนาคม 2021  ·
แผ่นดิน 2 กษัตริย์ สู่รอยร้าวในราชสำนัก!

ดังที่ทราบกันดีแล้วว่า ครั้งหนึ่งในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ราชวงศ์วงศ์จักรีได้มีพระเจ้าอยู่หัวถึงสองพระองค์ครองราชสมบัติปกครองประเทศร่วมกัน คือ สืบเนื่องมาจากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่4) ทรงมีพระอนุชา (น้องชาย) อยู่หนึ่งพระองค์นามว่า “สมเด็จฯ เจ้าฟ้าจุฑามณี” ซึ่งพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 ทรงให้ความรักและเมตตาต่อพระอนุชาองค์นี้มาก และพระอนุชาเองก็ทรงให้ความรักและเคารพต่อพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 ผู้เป็นพี่ชายเช่นกัน ทั้งสองพระองค์เป็นพี่น้องที่ประสูติจากแม่เดียวกัน ประทับร่วมกัน ผ่านสุขร่วมทุกข์กันมาโดยตลอด

ด้วยความรักของพี่น้องที่มีต่อกัน ประกอบกับพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 ทรงมีวิชาความรู้ทางโหราศาสตร์ พระองค์เห็นว่าดวงพระชะตาของสมเด็จฯ เจ้าฟ้าจุฑามณีนั้นแข็งแกร่งมาก บารมีไม่ได้น้อยไปกว่าพระองค์เลย ตัวของสมเด็จฯเจ้าฟ้าจุฑามณีนั้นก็รับราชการมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 เป็นถึงผู้บัญชาการกรมทหารปืนใหญ่ กรมทหารแม่นปืน เป็นต้น นับว่าประสบการณ์มีมากนัก หากยกขึ้นเป็นกษัตริย์คู่กับพระองค์แล้วไซร้ ก็จะเป็นผลดีต่อราชสำนักสืบไป

พระองค์จึงมีพระบรมราชโองการสถาปนาพระเกียรติยศ สมเด็จฯเจ้าฟ้าจุฑามณี ขึ้นเป็นพระมหากษัตริยาธิราชเจ้า มีพระราชพิธีบวรราชาภิเษก ทรงรับพระบวรราชโองการให้พระเกียรติยศเสมอด้วยพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ที่ 2 เฉลิมพระปรมาภิไธยจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า “พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว”

ในต้นปี พ.ศ. 2408 สมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ ทรงมีพระอาการประชวรที่หาสาเหตุพระโรคได้ไม่แน่ชัด พระจอมเกล้าฯ เสด็จพระราชดำเนินไปทับเยี่ยมไข้ที่วังหน้า (ธรรมศาสตร์) เป็นประจำทุกวัน ดูแลพระอนุชาจนนาทีสุดท้ายของพระชนม์ชีพ จนเวลาเช้าย่ำรุ่ง ตรงกับวันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2408 สมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ เสด็จสวรรคต รวมพระชนมพรรษา 58 พรรษา หลังจากนั้นเพียง 3 ปีเศษ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ รัชกาลที่ 4 ก็สวรรคต สิ้นสุดแผ่นดินสองกษัตริย์

***กำเนิดรอยร้าว ระหว่างลูกพระจอมกับลูกพระปิ่น
เหตุการณ์หลังการสวรรคตของ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4

1. ในที่ประชุมพระราชวงศ์และขุนนางได้มีมติเอกฉันท์เห็นควรให้ยกราชสมบัติตกแก่พระราชโอรสพระองค์ใหญ่ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า รัชกาลที่4 คือ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ฯ ขึ้นเป็นรัชกาลที่ 5 พระนามว่าพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะนั้นพระชนมายุ 15 พรรษา ปกครองพระบรมหาราชวัง หรือวังหลวง

2. ในที่ประชุมพระราชวงศ์และขุนนางได้มีมติเอกฉันท์เห็นควรให้ยกตำแหน่งกรมพระราชวังบวร(พระมหาอุปราช,วังหน้า) แก่พระราชโอรสพระองค์ใหญ่ของพระบาทสมเด็จพระปิ่นกล้า พระนามว่า พระเจ้าบวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ายอดยิ่งประยูรยศ ขึ้นเป็น กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ ขณะนั้นพระชนมายุ๓๑ พรรษา ปกครองพระราชวังบวร หรือวังหน้า(ธรรมศาสตร์)

ในช่วงต้นรัชกาลที่ 5 ประมาณปี พ.ศ. 2417 พระองค์ทรงริเริ่มปฏิรูปการปกครองประเทศโดยการดึงอำนาจเข้าศูนย์กลาง ทรงตั้งระบบหอรัษฎากรพิพัฒน์ (ปัจจุบันคือ กระทรวงการคลัง) เพื่อรวบรวมการเก็บภาษีทั้งหมดมาไว้ในที่เดียว ซึ่งทำให้เจ้านายและขุนนางผู้ใหญ่บางท่านไม่พอใจ เพราะกระทบต่อการเก็บรายได้ โดยเฉพาะเจ้าวังหน้าที่แต่เดิมนั้นมีรายได้ถึง 1 ใน 3 ของรายได้ทั้งหมด ในที่สุดก็มีข่าวว่าวังหน้าริเริ่มสะสมกำลังทหารซึ่งมีมากถึง 2,000 นาย สถานการณ์ทั้ง 2 วังเริ่มตึงเครียด ความสัมพันธ์ของวังหลวงและวังหน้าได้ตัดขาดลงบางส่วน ชาวบ้านประชาชนหวั่นเกรงว่าอีกไม่นานต้องเกิดสงครามระหว่าง กษัตริย์กับอุปราชเป็นแน่

แต่แล้ว!!ในปีเดียวกันนั้นเวลาประมาณห้าทุ่มเศษ ได้เกิดไฟไหม้ขึ้นที่วังหลวงซึ่งเป็นจุดอันตรายอย่างยิ่ง เนื่องจากอยู่ใกล้คลังแสงและวัดพระแก้ว ในเวลาเดียวกันนั้นก็พบเหล่าทหารวังหน้าที่ดูเหมือนจะบังเอิญมาประจำการอยู่บริเวณรอบๆจุดเกิดเหตุ และพยายามที่จะเข้ามาช่วยดับไฟแต่กับมีอาวุธติดกายมาด้วย ทหารวังหลวงเห็นเข้าจึงขัดขวางและปฏิเสธความช่วยเหลือ …เหตุการณ์นี้จึงตอกย้ำรอยร้าวของทั้งสองวังมากขึ้นจนถึงขั้น....(ในตอนต่อไป)



จากภาพซ้าย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว รัชกาลที่4
จากภาพขวา พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้า เจ้าอยู่หัว


.....
ขอขอบคุณเรื่องและภาพจาก.....
https://www.facebook.com/เกร็ดประวัติศาสตร์-726502237386172/photos/3729725003730532



« Last Edit: 05 September 2022, 22:14:56 by ppsan » Logged
Pages: [1] Go Up Print 
« previous next »
 

SMF 2.0.4 | SMF © 2013, Simple Machines | Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.053 seconds with 22 queries.