Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
User Info
Welcome, Guest. Please login or register.
18 May 2024, 14:18:13

Login with username, password and session length
Search:     Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ

http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
25,701 Posts in 12,500 Topics by 70 Members
Latest Member: KAN
Home Help Search Calendar Login Register
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...  |  ภาพประทับใจ  |  ผนังเก่าเล่าเรื่อง (Moderator: ผนังเก่าเล่าเรื่อง)  |  สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช [1]
0 Members and 1 Guest are viewing this topic. « previous next »
Pages: [1] Go Down Print
Author Topic: สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช [1]  (Read 166 times)
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,554


View Profile
« on: 27 August 2022, 14:04:18 »

สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช [1]


ขอขอบคุณ ภาพและเรื่องจาก...
https://www.facebook.com/NoomBangDeurOfficial
............








...

"...ใดใดในโลกล้วน       อนิจจัง
พระเกียรติเจ้าตากยัง    เที่ยงแท้
คือเงาติดไทยตรัง       ตรึงแน่น อยู่นา
ขอพระวิญญาณทราบแม้    สถิตหล้า เสวยสวรรค์"
17 เมษายน วันคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงกอบกู้เอกราช ชาติไทยพุทธศักราช 2310 เสียกรุงครั้งที่ 2

พระวีรกรรมความกล้าหาญความเสียสละ จวบจนถึงวันนี้ 250 ปี


...

"...ไม่เคยสู้ จะรู้กำลังข้าศึกได้เยี่ยงไร "


...

" พี่น้องทั้งหลาย บัดนี้เราจะยกทัพขึ้น ไปกอบกู้กรุงศรีอยุธยาพี่น้องรอเราอยู่ เราจะรบอย่างเต็มกำลัง ใครทำผิดเราจะยกโทษให้ไม่ได้ แม้เราเองทำผิด ก็จงสำเร็จโทษเราเถิด "




...


นับแต่ครั้งที่พม่าเข้าล้อมกรุงศรีอยุธยาเมื่อก่อนเสียกรุง จวบจนสิ้นรัชสมัยของพระองค์ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชต้องทรงกรำศึกทั้งทางเรือและทางบกถึง ๓๐ ครั้ง เป็นศึกที่ทำกับพม่าเสีย ๑๐ ครั้ง ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่ใช้ยุทธวิธีในการศึก ด้วยการผสานกำลังทัพเรือ และ กำลังทัพบกเข้าด้วยกัน

...





...



สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงมีพระราชโอวาทถวายเตือนแก่พระสงฆ์ว่า
“ ขอพระผู้เป็นเจ้าทั้งปวงจงตั้งใจปฏิบัติสำรวมรักษาในพระจตุปาริสุทธิศีล ให้บริสุทธิ์ผ่องใสอย่าให้เศร้าหมอง แม้นผู้เป็นเจ้าจะขัดสนด้วยจตุปัจจัยสิ่งใดนั้น เป็นธุระโยมจะรับอุปัฏฐากผู้เป็นเจ้าทั้งปวง แม้นถึงจะปรารถนามังษะและรุจิระของโยม โยมก็อาจสามารถจะเชือดเนื้อและโลหิตออกถวายเป็นอัชณัติกทานได้ ”



...


"...พระเจ้าตาก ครั้นทรงอายุได้ 21 ปี เจ้าพระยาจักรีได้จัดการอุปสมบทอยู่ในสำนักอาจารย์ทองดี ณ วัดโกษาวาส อุปสมบทอยู่ 3 พรรษา แล้วจึงลาสิกขากลับเข้ารับราชการตามเดิม ได้รับตำแหน่งเป็นมหาดเล็กรายงาน "

...


"...ในปี พ.ศ. 2301 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศเสด็จสวรรคต พระที่นั่งสุริยามรินทร์ ( สมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ ) ได้ทรงกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นข้าหลวงเชิญท้องตราขึ้นไปชำระความหัวเมืองฝ่ายเหนือ ต่อมาจึงโปรดเกล้าฯ ให้เป็นหลวงยกกระบัตรเมืองตาก (ในขณะที่รับราชการอยู่เมืองตากนั้น ได้มีนายทองดี เข้าราชการเป็นทหารคู่ใจ ภายหลังพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นพระยาพิชัยดาบหัก) ต่อมาเจ้าเมืองตากถึงแก่กรรมลง จึงทรงโปรดให้เลื่อนขึ้นเป็น พระยาตาก"

...


พระราชภาระในเรื่องการแก้ไขความอดอยากขาดแคลนของราษฎรดังกล่าวนี้ ได้ก่อให้เกิดความทุกข์กังวลขึ้นในพระราชหฤทัยของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีเป็นอันมาก ถึงกับเคยออกพระโอษฐ์ตรัสว่า
“ บุคคลผู้ใดเป็นอาทิคือเทวดา บุคคลผู้มีฤทธิ์มาประสิทธิ์มากระทำให้ข้าวปลาอาหารบริบูรณ์ขึ้น ให้สัตว์โลกเป็นสุขได้ แม้นผู้นั้นจะปรารถนาพระพาหาแห่งเราข้างหนึ่ง ก็อาจตัดบริจาคให้แก่ผู้นั้นได้ ”

...


"...มีเวลาหนึ่งเดือนให้ปลูกผัก มีเวลาสิบปีให้ปลูกไม้ผล มีเวลาร้อยปีให้ปลูกฝังความเป็นคน "

...


"...ไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่เกิด อันเป็นธรรมดา มีแพ้-มีชนะ ซึ่งเราต้องเรียนรู้และเก่งมากขึ้น "
#พระเชียงเงิน หนึ่ง ในทหารเอกของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช

...


"รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง รู้เขา ไม่รู้เรา รบร้อยครั้ง ตายร้อยครั้ง "

...


สร้างขึ้นเพื่อย้อนรำลึกถึงเหตุการณ์ เมื่อ พ.ศ. 2310 ที่เราเสียกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชและเหล่าบรรพชนไทย ได้ทรงเสียสละรวบรวม ต่อสู้ กอบกู้เอกราช รวมชาติกลับคืนมาอีกครั้ง ปีนี้มีอายุครบ 250 ปี

...


"...หลังจากการต่อสู้ที่ทุ่งโพสาวหาญเสร็จสิ้นลง ทัพพระเจ้าตากเดินทางต่อมาถึงบ้านพรานนก จึงได้พักทัพและให้ทหารออกไปหาเสบียงอาหาร ทหารพม่าจึงได้พบทหารไทยที่ออกไปเข้า จึงทำการล้อมไล่จับ ทหารไทยส่วนหนึ่งหนีมาบ้านพรานนก แจ้งให้พระเจ้าตาก ด้วยความปรีชาสามารถอันฉับพลัน ได้สั่งการให้ทหารไทยจัดรูป ขบวนเป็นนกปีกกา โอบพม่า 2 ข้าง พระเจ้าตากขึ้นม้าพร้อมทหารคู่ใจ 5 ม้า นำหน้าออกไปพบกับทหารม้าพม่า 30 ม้าเมื่อเผชิญหน้ากับขบวนม้าพระเจ้าตาก จึงเข้าทำการจู่โจมอย่างรวดเร็ว ทหารพม่าเกิดโกลาหล ด้วยความตกใจทำการสู้พลางถอยพลาง ไปปะทะกำลังทหารพม่า 200 คน ที่ตามมา ช่วงนี้เองทหารราบไทยที่วางกำลังปีกกาโอบไว้ 2 ข้าง ได้โอกาสจึงทำการจู่โจมตีรุกไล่ฟันพม่าล้มตาย ที่เหลือตายก็หลบหนีแตกกระจายไปหมดสิ้น"

...

" ผู้ที่เข้าใจตัวเองเท่านั้น จึงจะเข้าผู้อื่นได้ "


...

" ผู้ตาม " ย่อมมีความหวัง
" ผู้นำ " ย่อมมีภาระ
สรรพชีวิต มี " บ่วง" แต่ต้องเดินหน้าต่อไป


...


บ้านหลัง "เล็ก" ใช่ว่าจะวุ่นวาย
บ้านหลัง "ใหญ่ " ใช่ว่าจะมีความสุข
บ้านแบบไหนก็มี "สุข" หากเราสามัคคี
#หอจดหมายเหตุ โรงทานสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช

...

"...ผู้มีสติ จะไม่ชักธงรบเพียงเพราะ บันดาลโทสะ "


...

"...ม้าศึกคู่กายที่สง่างาม ย่อมได้จากม้าพยศที่ดุร้ายเสมอ
...เหล็กกล้าต้องตี บารมีต้องสะสม เกิดมาเป็นคนต้องสู้..."


...


"...ทัพแกะที่มีราชสีห์นำ อาจชนะ ทัพราชสีห์ที่แกะนำได้ฉันใด แม้จะมีกองทัพที่อ่อนแอ แต่ถ้ามีแม่ทัพที่เข้มแข็ง ก็อาจเอาชนะศึกได้ ฉันนั้น "



« Last Edit: 27 August 2022, 14:30:42 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,554


View Profile
« Reply #1 on: 27 August 2022, 14:32:38 »



พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชนี้ จัดสร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงพระวีรกรรมพระเจ้าตากสิน ได้มีการสู้รบและกระสุนปืนได้ถูกพระชงฆ์ (แข้ง) พระโลหิตของพระมหากษัตริย์ไทยได้หลังลงสู่แม่น้ำน่านแห่งนี้ พระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ประดิษฐานอยู่บริเวณหลังตลาดชุมแสง และ อยู่ริมแม่น้ำน่าน อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์

...


การรบปากพิงมีความสำคัญต่อความเข้มแข็งของเมืองพิษณุโลก
"...ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช วัดปากพิงตะวันตก หมู่ 2 ตำบลงิ้วงาม อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก อดีตสนามรบครั้งสำคัญ พระเจ้าตากสินนำทัพหลวง ขึ้นมาตั้งสกัดกองทัพของอะแซหวุ่นกี้ ที่บ้านปากพิง แขวงเมืองพิษณุโลก ทำการรบพุ่งกันเป็นสามารถ จึงพร้อมใจกันสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ของพระองค์ขึ้นมาเพื่อสักการะบูชา น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ และยังสร้างพิพิธภัณฑ์ รวบรวมสิ่งของ และภาพวาดจิตกรรมฝาผนัง ที่เล่าเรื่องราวยุทธศาสตร์บ้านปากพิง"

...


จังหวัดอุตรดิตถ์ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ได้ทำพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์เพื่อ ชำระบริสุทธิ์แห่งสงฆ์หัวเมืองเหนือทั้งปวง กอบกู้ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาและแผ่นดิน โดย"ปราบปรามชุมนุมพระฝาง"

พื้นที่ประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเมืองสวางคบุรีเก่า ของชุมนุมพระฝางเดิม และเมืองพิชัย 1 ใน 7 เมืองหน้าด่านของท่านพระยาพิชัย รองจากพิษณุโลก หัวเมืองทางเหนือ ส่วนใหญ่เราจะพบเห็นอนุสาวรีย์ท่านพระยาพิชัยดาบหัก ทหารเอกของพระองค์ ถือว่าท่านได้สร้างวีรกรรมอันเลื่องลือมาจนถึงชนรุ่นหลังในความ" ซื่อสัตย์" แต่ปัจจุบันก็พบอนุสาวรีย์ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และพระยาพิชัยดาบหัก
#สี่แยกชำบอน ประตูสู่เมืองพิชัย บนถนนสาย อุตรดิตถ์-พิษณุโลก

...


#จังหวัดตาก ศาลพระเจ้าตาก แห่งแรกของเมืองไทย
"ในแผ่นดินพระเจ้าอยู่หัวพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์ (พระเจ้าเอกทัศน์) ได้พระราชทานบรรดาศักดิ์ให้ "มหาดเล็กสิน " เป็นหลวงยกกระบัตรปกครองเมืองตาก จนได้เป็นพระยาตาก ในเวลาต่อมา เป็นที่เริ่มเรียกพระนาม " พระยาตาก และ " พระเจ้าตาก" เมืองแรกที่พระเจ้าตากทรงปกครอง "
ศาลนี้แต่เดิมอยู่ที่วัดดอยเขาแก้วฝั่งตรงข้ามกับตัวเมืองตาก ต่อมาในปีพ.ศ. 2490 ชาวเมืองตากเห็นว่าศาลเดิมนั้นไม่สมพระเกียรติ จึงได้สร้างศาลขึ้นใหม่โดยให้กรมศิลปากรหล่อพระบรมรูปสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ขนาดใหญ่กว่าพระองค์จริงเล็กน้อย ในพระอิริยาบถที่กำลังประทับอยู่บนราชอาสน์ มีพระแสงดาบพาดอยู่ที่พระเพลา ที่ฐานพระบรมรูปมีคำจารึกว่า “พระเจ้าตากสินกรุงธนบุรี ทรงพระราชสมภพเมื่อ พ.ศ. 2277 สวรรคต พ.ศ. 2325 รวม 48 พรรษา” เป็นที่เคารพสักการะของประชาชนทั่วไปและเป็นศาลที่สร้างขึ้นเป็นแห่งแรกของเมืองไทย คนไทยเดินทางขึ้นเหนือผ่านเมืองตากต้องแวะสักการะสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช

...

" อยู่ก็อย่าให้เขาเย้ยหยัน  จากไปก็อย่าให้ลูกหลานอับอาย "


...


พระเจ้าตากสินมหาราช ได้ทรงพระราชดำรัส เมื่อครั้งที่ทรงยกทัพไปปราบเมืองพุทไธมาศ เมื่อ พ.ศ. ๒๓๑๔ มีข้อความดังนี้
“เป็นความสัจแห่งข้า ข้าทำความเพียรมิได้เห็นแก่กายและชีวิต ทั้งนี้จะปรารถนาสมบัติพัสถานอันใดหามิได้ ปรารถนาจะให้แต่สมถชีพราหมณ์สัตว์โลกเป็นสุข อย่าให้เบียดเบียนกัน ให้อยู่ในธรรมปฏิบัติเพื่อที่จะเป็นปัจจัยแก่โพธิญาณสิ่งเดียว ถ้าแลผู้ใดสามารถอยู่ในราชสมบัติให้สมณชีพราหมณ์ประชาราฎร์เป็นสุขใด้ จะยกสมบัตินี้เพื่อบุคคลนั้น แล้วข้าจะไปสร้างสมณธรรมแต่ผู้เดียว ถ้ามิฉะนั้นปรารถนาศีรษะและหทัย วัตถุสิ่งใดสิ่งหนึ่งก็จะให้แก่ผู้นั้น”

...

ภาพพระอนุสารีย์ที่โรงเรียนวชิรปราการวิทยาคม

#กำแพงเพชร เมืองที่พระยาตากได้รับโปรดเกล้าให้ปกครองต่อจากเมืองตาก คือ
ตำแหน่งพระยาวรชิปราการ ก่อนถูกเรียกเข้ามาช่วยป้องกันกรุงศรีอยุธยาจากข้าศึก ดังคำขวัญ จังหวัด

" กรุพระเครื่อง เมืองคนแกร่ง
ศิลาแลงใหญ่ กล้วยไข่หวาน
น้ำมันลานกระบือ เลื่องลือมรดกโลก "

คนแกร่ง หมายถึง กำแพงเพชรได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งนักรบ นักสู้ และเป็นเมืองยุทธภูมิในการสงครามตั้งแต่สมัยอยุธยาด้วยเมืองกำแพงเพชรเป็นเมืองหน้าด่าน เป็นจุดแรกที่จะต้านทานข้าศึกก่อนบุกเข้าสู่เมืองหลวง เหตุนี้เจ้าเมืองกำแพงเพชรส่วนใหญ่จึงมักจะได้รับบรรดาศักดิ์เป็น “พระยารามรณรงค์สงคราม”ซึ่งหมายความว่ามีความกล้าหาญในสนามรบราวกับพระรามต่อสู้กับทัพทศกัณฐ์

พระยาวชิรปราการ หรือพระเจ้ากรุงธนบุรีเป็นสัญลักษณ์ของคนแกร่ง วีรบุรุษของคนกำแพงเพชรและคนไทยทั้งมวล ตามพระราชประวัติกล่าวว่าสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงเคยดำรง ตำแหน่งพระยาตากครองเมืองตากพระองค์ทรงเป็นแม่ทัพรบกับพม่าจนได้รับชัยชนะ สมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์แห่งกรุงศรีอยุธยาจึงโปรดให้เลื่อนเป็นพระยาวชิรปราการ เจ้าเมืองกำแพงเพชร

...


“...โลกเรานี้ไม่มีกระไรเที่ยงแท้ดอก ดูแต่ตัวเจ้าเถิด เกิดมาจากธุลี ก็กลับ สู่ธุลี มีอำนาจวาสนารุ่งเรือง ยามสูงสุด ยังกลับมาสู่ต่ำสุด ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่หมุนเวียนเปลี่ยนไป ไม่มีกระไรแน่นอน ดุจดังดวงตะวันที่ลับหายไปจากขอบฟ้า แลรอคอยเพลารุ่งอรุณอีก วนเวียนอยู่เช่นนี้ เช่นเดียวกับชีวิตของมนุษย์”

...


#อุทัยธานี หัวเมืองหน้าด่านชั้นนอก
สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช กับ เมืองอู่ไทธานี​ (เมืองอุทัยธานีเก่า) โดยเมืองอู่ไท มีฐานะเป็นหัวเมืองหน้าด่านชั้นนอก คอยสกัดกั้นกองทัพพม่า ที่จะเข้าไปตีกรุงศรีอยุธยา และในปี พ.ศ. ๒๓๐๙ กองทัพพม่ายกทัพมารุกรานไทย พระยาตากได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระยาวชิรปราการ เจ้าเมืองกำแพงเพชร ระหว่างทางพระองค์ท่านเดินทัพเพื่อเข้ากรุงศรีอยุธยา จากเมืองตาก ได้มาทันกองทัพพม่า ที่บ้านทัพทัน (ปัจจุบันคือ อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี) ได้สู้รบกับพม่าจนได้ชัยชนะ แล้วเดินทางต่อมาจนถึง วัดแจ้ง เมืองอู่ไท ก็สว่างหรือแจ้งพอดี ได้พบกับกองทัพพม่าอีก เกิดการสู้รบกัน อย่างดุเดือด พระองค์ท่านต่อสู้จนได้ชัยชนะอีกครั้ง แต่ต้องเสียม้าศึกไปสองตัว เมื่อพระองค์ท่านได้ปราบพม่าที่วัดแจ้ง เรียบร้อยแล้ว ก็เดินทัพต่อไปเพื่อไปช่วย ป้องกันกรุงศรีอยุธยา

ชาวบ้านอุทัยธานีและผู้ที่เคารพ รัก ศรัทธาพระเจ้าตาก จึงได้จัดสร้างศาล และปั้นพระบรมรูปพระองค์ท่าน โดยมีลักษณะประทับยืน ถือดาบสองมือ ไว้เป็นที่ระลึก ณ วัดแจ้ง ต.อุทัยเก่า อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๖

...

" ความดีเท่านั้นที่จะเป็น "มิตร" ติดตามตนไปได้แท้ แม้ในยามสิ้นชีวิต "
พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชที่ทุ่งนาเชย อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี


...


#เชียงใหม่
ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั้น

๏ กรุงศรีอยุธแตก       ละเอียดแหลกมลายลาญ
โดยทัพพม่าผลาญ       มิละเหลืออะไรเลย
๏ ถึงคราวพระเจ้าตาก    นรวีรราชเผย
สิทธิ์เสริภาพเปรย       ก็รู้เขตประเทศกัน ฯ

เชียงใหม่ พ.ศ.๒๓๑๓ โปสุพลาซึ่งปกครองเชียงใหม่ขณะนั้น ได้มอบหมายให้โปมยุง่วนยกกองทัพลงมาตีเมืองสวรรคโลกของไทย

คราวนั้นพระเจ้าตากได้มอบหมายให้กองทัพทางภาคเหนือ อันมีทัพของพระยาพิชัย พระยาพิษณุโลก และพระยาสุโขทัยรวมพลเข้าตีกองทัพโปมยุง่วนแตกกระจายไป

ในโอกาสนั้น สมเด็จพระเจ้าตากได้จัดทัพจากกรุงธนบุรีเข้าสมทบขึ้นไปตีเชียงใหม่ ครั้งแรกไม่สัมฤทธิผล เพราะกองทัพของฝ่ายพม่าภายใต้การนำขอโปสุพลาและโปมยุง่วนได้ทำการต่อต้านอย่างเข้มแข็ง จำต้องถอนทัพกลับกรุงธนเพื่อถนอมกำลังและปรนเปรอไพร่พล

ผมได้พรรณนาตอนนี้เป็นบทกวี "อินทรทวิวิธฉันท์ ๑ "

สมเด็จพระเจ้าตากสิน ก็ได้ยกกองทัพจากกรุงธนบุรีขึ้นไปตีเชียงใหม่เป็นครั้งที่ ๒ คราวนี้ยึดเมืองเชียงใหม่ได้ โปสุพลาและโปมยุง่วนหนีขึ้นเหนือเข้าเขตพุกามไป ส่วนพระเจ้าตากก็ได้ตั้ง พญาจ่าบ้าน(บุญมา) ซึ่งมีฐานะเป็นปลัดเมืองขึ้นครองเชียงใหม่มีฐานะเป็นเมืองประเทศราชขึ้นกับกรุงธนบุรี โดยมอบอาญาสิทธิ์ให้ปกครองบ้านเมืองตามแบบธรรมเนียมของล้านนา ตั้งแต่ปี ๒๓๑๗ เป็นต้นมา
#อนุสาวรีย์ภายในค่ายตากสิน เชียงใหม่

...


#ถึงจะกำศึกไม่เคยว่างเว้น ยามพักรบก็ทรงชมชอบการชนไก่

“เทาทองหางขาว”
ขนเทาแซมทองตกต้อง    กายา
หางขาวเด่นเห็นจับตา    ชวนคล้อย
อกผายเชิดเลิศภิรมย์    สมจิต แท้นา
องอาจดั่งนักรบกล้า    ไก่ฟ้าราชาเอย
(โดย เสาวลักษณ์ ภู่พงษ์)

สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงชื่นชอบไก่เท่านั้น มีเรื่องราวที่ปรากฏเด่นชัดเมื่อปี พ.ศ.๒๓๑๘ คือ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงยกทัพหลวงมาตั้งค่ายที่บ้านปากพิงเพื่อช่วยเหลือเจ้าพระยาจักรีและเจ้าพระยาสุรสีห์ซึ่งทั้งสองถูกอะแซหวุ่นกี้ยกทัพปิดล้อมเมืองพิษณุโลก (สองแคว) เอาไว้

ชาวบ้านชุมชนปากพิงมีการเล่าสืบต่อกันมาหลายชั่วอายุว่า “ทหารที่ดูแลเรื่องเสบียงอาหารของกองทัพ สั่งห้ามฆ่าไก่สีเทา เป็นอาหาร ด้วยทราบมาว่าสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงโปรดปรานไก่สีเทาทองมาก” เพราะในสมัยอยุธยาตอนปลาย ขณะที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชยังเป็นเพียงเจ้าเมืองตากนั้น พระองค์ได้เข้าร่วมวงดูการท้าชนไก่ระหว่างไก่เขียวหางดำที่ชื่อว่า “พาลี” ของหลวงพิชัยอาสา (พระยาพิชัยดาบหัก) ซึ่งเป็นทหารคู่ใจกับไก่โทนเถ้าของหลวงเมืองตากหรือพระยาพระคลัง ไก่โทนเถ้าที่ว่านี้มีสีเทาทองหรือเทาเหลือง เป็นไก่ที่เก่งและมีชั้นมีเชิงดี ชนชนะไก่มาแล้วหลายตัวจึงเป็นที่เลื่องลือในเมืองตากจนไม่มีใครอยากมาชนด้วย
(ข้อมูลจากนายสัตวแพทย์นิสิต ตั้งตระการพงษ์ ณ วัดปากพิงตะวันตก )

...


" ถ้าไม่รู้จักแพ้ ก็ไม่รู้วิธีรบอย่างไรถึงจะชนะ  หากไม่เคยล้ม ก็ไม่รู้จักวิธียืนอย่างไรให้มั่นคง "


...


#อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก

เมืองที่มีพระมหากษัตริย์ในอดีตได้เสด็จมาชุมนุมกองทัพที่เมืองนี้แล้วถึง 3 พระองค์
๑. คือ พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ทรงชนช้างกับขุนสามชนเจ้าเมืองฉอด
๒.สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงประกอบอิสรภาพ ณ เมืองแครงและยกทัพกลับราชอาณาจักรไทยโดยผ่านดินแดนเมืองตากเป็นแห่งแรก
๓ .สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี เคยได้รับพระบรมราชโองการแต่งตั้งเป็นเจ้าเมืองตากและเป็นผู้กอบกู้เอกราชของชาติไทยจากพม่าครั้งที่ 2 ณ ด่านตรวจคนเข้าเมืองตาก จึงได้จัดสร้างอนุสาวรีย์วีรชนไทยขึ้น เพื่อระลึกถึงเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาส­ตร์ อันเป็นการเชิดชูพระเกียรติของสมเด็กพระเจ้าตากสินมหาราช และได้เคารพสักการะ เพื่อความเป็นสิริมงคล นอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างความภูมิใจ ช่วยปลูกจิตสำนึก ให้มีจิตใจที่เสียสละ มีความรักชาติและอุทิศตน เพื่อประโยชน์สุขของชาติบ้านเมืองสืบต่อไป

...


"...ชีวิตนี้น้อยนัก สัตว์ย่อมตายแม้ภายใน ๑๐๐ ปี ถ้าแม้สัตว์ เป็นอยู่เกิน (๑๐๐ ปี) ไปไซร้ สัตว์นั้นก็ย่อมตายแม้เพราะชราโดยแท้ จงทำวันนี้ ของพรุ่งนี้ ให้ดีที่สุด เวลากลืนกินอยู่ทุกชีวิต แต่ความดีงามจะอยู่กับเราทุกเวลา "



Logged
Pages: [1] Go Up Print 
« previous next »
 

SMF 2.0.4 | SMF © 2013, Simple Machines | Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.085 seconds with 16 queries.