Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
User Info
Welcome, Guest. Please login or register.
17 May 2024, 20:07:12

Login with username, password and session length
Search:     Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ

http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
25,700 Posts in 12,500 Topics by 70 Members
Latest Member: KAN
Home Help Search Calendar Login Register
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...  |  วิถีสู่ชีวิตแห่งความพอเพียง  |  ศิลปะและวัฒนธรรมทางเลือก  |  การแสดงโขน ตอน "พระรามครองเมือง"
0 Members and 1 Guest are viewing this topic. « previous next »
Pages: [1] Go Down Print
Author Topic: การแสดงโขน ตอน "พระรามครองเมือง"  (Read 235 times)
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,553


View Profile
« on: 22 July 2022, 10:40:00 »

การแสดงโขน ตอน "พระรามครองเมือง"


ภาพถ่ายการแสดงโขน จากงานราชพฤกษ์รวมใจภักดิ์รักพ่อหลวง [Part VI การแสดงโขน ตอน "พระรามครองเมือง"]

ภาพถ่ายการแสดงโขน จากงานราชพฤกษ์รวมใจภักดิ์รักพ่อหลวง ณ สวนเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2549

มานำเสนอให้ชมกันเป็นภาพถ่ายชุดที่ 6 ภาพถ่ายชุดนี้เป็นของวันที่ 9 ธค. 51 วันนี้ตามโปรแกรมแล้วจะเป็นการแสดงโขน ตอน "พระรามครองเมือง"

.....

จับความตั้งแต่ในภาคสวรรค์ บรรดาเหล่าเทวดานางฟ้า ต่างพากันมาเข้าเฝ้าพระอิศวร บนวิมานยอดเขาไกรลาส

















นนทก เป็นยักษ์อสูร เดิมมีอัธยาศัยอ่อนน้อม เรียบร้อย มีความเพียรและมีความอดทนอย่างยิ่ง





ที่เชิงเขาไกรลาศ นนทกมีหน้าที่ล้างเท้าให้กับเหล่าทวยเทพและบรรดาผู้มาเข้าเฝ้าพระอิศวร








ทุกครั้งที่นนทกทำหน้าที่ล้างเท้าให้กับเทวดา
ก็มักจะมีเทวดาเกเรคอยกลั่นแกล้งนนทกอยู่เป็นประจำ





บ้างก็ไม่ให้ล้างเท้าง่ายๆ บ้างก็เอามือจับหัวนนทกไว้
พอล้างเท้าเสร็จก็ถอนผมนนทกเสียทีละเส้นสองเส้น จนหัวล้านโล้น
ครั้นเมื่อไม่มีผมจะให้ถอนก็ใช้วิธีเขกหัวแทน





จนกระทั่งวันหนึ่ง
นนทกส่องดูเงาของตัวเองในอ่างน้ำเห็นศีรษะตนเองล้านโล้น
จึงเกิดความโทมนัสระคนโกรธเคือง ที่ตนอุตส่าห์ทำงานรับใช้เทวดาด้วยดีตลอดมา
แต่ก็ยังถูกรังแกจนดูอัปลักษณ์ ทำให้นนทกผูกใจเจ็บ
นนทกคิดจะล้างแค้นพวกเทวดาและบรรดาผู้มาเข้าเฝ้าพระอิศวรให้หนำใจ
เลยคิดเข้าเฝ้าพระอิศวร





นนทกได้เข้าเฝ้าและเล่าเรื่องทุกข์ใจของตนเองให้พระอิศวรทราบ
ว่าตนเองทำหน้าที่ล้างเท้าอย่างมีความมานะอดทนมาโดยตลอด
แต่แล้วพวกเทวดาเกเรมาคอยกลั่นแกล้งอยู่เป็นประจำ
จนศีรษะล้านโล้นทำให้รู้สึกทุกข์ใจเป็นยิ่งนัก





เมื่อพระอิศวรเป็นเจ้าได้ฟังคำกราบทูลของนนทกว่า
ได้บำเพ็ญเพียรสร้างความดี ความชอบมาเป็นเวลาช้านาน
พระอิศวรทรงคิดเมตตานนทก
ตรัสถามนนทกว่าอยากจะขอพรสิ่งใดก็จะประทานให้





นนทกอ้างว่าเพื่อป้องกันตนเองถูกรังแก จึงขอพรว่า
"ให้นิ้วข้าเป็นเพชรฤทธี จะชี้ใครจงม้วยสังขาร์
จะได้รองเบื้องบาทา ไปกว่าจะสิ้นชีวี ฯ"





ครั้นพระอิศวรได้รับฟังความทุกข์ใจของนนทก
และการถวายสัตย์ปฏิญาณต่อหน้าเบื้องพระพักตร์ว่า
จะทำหน้าที่ด้วยความสัตย์สุจริตและด้วยความจงรักภักดี
ด้วยความเมตตาพระอิศวรจึงประสิทธิประสาทให้พร
ตามที่นนทกทูลขอ





เมื่อนนทกได้พรตามที่ขอ
ทำให้นนทกซึ่งเป็นยักษ์อสูรที่มีหน้าที่ล้างเท้า
จากเดิมที่มิได้มีฤทธิ์เดชแต่ประการใด
ได้กลายเป็นเทพอสูรที่มีฤทธิ์เดชมาก
คือมีนิ้วชี้เป็นเพชร ชี้ใครให้ตายก็ได้

หากนนทกยึดมั่นในคำถวายสัตย์ปฏิญาณ
และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ของพระอิศวร
พระผู้มีพระบรมเจตนาที่จะให้สามโลกร่มเย็นเป็นสุข
ก็ย่อมใช้อำนาจและฤทธิ์เดชนั้น
เพื่อประโยชน์สุขของสรวงสวรรค์และสามโลก
นนทกก็จะมีแต่ความสุข ความเจริญ
เป็นที่รักใคร่ของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย





แต่นนทกได้ฤทธิ์และอำนาจแล้วเกิดความยินดีระเริงใจ
เกิดความหลงติดยึดว่า ฤทธิ์และอำนาจนั้นเป็นของตน
ไม่มีผู้ใดในสามโลกต่อสู้ต้านทานได้
จึงลืมคำที่ได้ถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระอิศวรเป็นเจ้า
แล้วใช้อำนาจนั้นในทางไม่ชอบ
เข่นฆ่าสังหารเทวดา ครุฑ นาค และคนธรรพ์ล้มตายลงเป็นเบือ
เพราะนนทกชี้นิ้วไปถึงไหน
". . .ต้องสุบรรณเทวานาคี ดั่งพิษอสุนีทนไม่ได้
ล้มฟาดกลาดเกลื่อนลงทันใด บรรลัยไม่ทันพริบตา ฯ"

ครั้นถึงคราวที่เหล่าเทวดานางฟ้ามาให้นนทกล้างเท้าก่อนขึ้นเฝ้าพระอิศวร เหล่าเทวดาต่างก็ยังรังแกนนทกอีกเช่นเคย








นนทกจึงเกิดความโกรธเกินจะยับยั้ง
แผลงฤทธิ์ชี้นิ้วเพชรไปยังเทวดานางฟ้าจนล้มหายกระจัดกระจายไป





เมื่อเป็นดังนี้ทั่วทั้งสามโลกก็เดือดร้อนวุ่นวายไปหมด
บรรดาครุฑ นาค คนธรรพ์และเหล่าเทวดาก็พากันไปหาพระอินทร์เทวราช
ผู้มีหน้าที่ดูแลความเป็นไปของโลก
แล้ววิพากษ์วิจารณ์กันอึงมี่ไปว่า
ยักษ์อสรูนนทกที่เคยรับใช้ถวายงานพระอิศวรอยู่ที่เชิงเขาไกรลาศนั้น
บัดนี้กลับกลายเป็นอันธพาล
อาศัยนิ้วเพชรที่พระอิศวรเป็นเจ้าประทานพรให้มา
บังอาจเข่นฆ่าราวีเทวดา ครุฑ นาค และคนธรรพ์ทั้งปวง
จนเดือดร้อนทั่วไตรภพ

เมื่อปรึกษาหารือพร้อมกันแล้ว
พระอินทร์จึงนำเหล่าเทวดา คนธรรพ์ ครุฑ นาคทั้งหลาย
ไปเข้าเฝ้าฯ พระอิศวรเป็นเจ้า
กราบทูลกลียุคอันเป็นไปให้ทรงทราบทุกประการ

การกระทำรุนแรงของนนทกในครั้งนี้
ความทราบถึงองค์พระอิศวร
ซึ่งพินิจเล็งเห็นว่า
คงไม่มีผู้ใดเหมาะที่จะปราบปรามเหตุอันร้ายแรงนี้ได้
นอกจากพระนารายณ์เป็นเจ้า
จึงตรัสให้เชิญพระนารายณ์มาระงับเหตุ





   เมื่อนั้น       พระอิศวรบรมนาถา
ได้ฟังองค์อมรินทรา    จึ่งมีบัญชาตอบไป

ไอ้นี่ทำชอบมาช้านาน    เราจึ่งประทานพรให้
มันกลับทรยศกบฏใจ    ทำการหยาบใหญ่ถึงเพียงนี้ ฯ

ตรัสแล้วจึ่งมีบัญชา       ดูราพระนารายณ์เรืองศรี
ตัวเจ้าผู้มีฤทธี       เป็นที่พึ่งแก่หมู่เทวัญ
จงช่วยระงับดับเข็ญ       ให้เย็นทั่วพิภพสรวงสวรรค์
เชิญไปสังหารอ้ายอาธรรม์    ให้มันสิ้นชีพชีวา ฯ





ครั้นพระอิศวรเป็นเจ้ามีบัญชาเช่นนั้นแล้ว
พระนารายณ์จึงรับโองการแห่งจอมเทพ
แล้วตรองดูด้วยญาณก็ทราบว่า
ชะตากรรมของนนทกมาถึงวาระสุดท้ายแล้ว
แต่ชะตากรรมของนนทกจะดับสิ้นเพราะสตรี

ดังนั้นพระนารายณ์
จึงแปลงโฉมเป็นนางเทพอัปสรที่สวยสดงดงามกว่าใครในสามโลก





เมื่อพระนารายณ์ได้รับทราบโองการจึงเสด็จมายังเชิงเขาไกรลาส
และคิดหาวิธีปราบนนทก
โดยจำแลงเป็นนางเทพอัปสร รูปร่างหน้าตาหมดจดงดงาม
เข้าไปพูดจาล่อลวงยั่วยวนนนทก





ครั้นนนทกพลันได้เห็นนางอัปสรที่มีรูปโฉมงามเกินกว่าใคร
หน้าผ่องใส ปากสวย ผมสวย ตาสวย มือสวย
สวยเหมือนนางฟ้า ก็หลงรักหลงชอบนางอัปสรทันที
นนทกจึงคิดเข้าเกี้ยวนางอัปสรผู้เลอโฉม





นางอัปสรผู้เลอโฉม ได้วางกลท่ารำไว้
โดยสอนให้นนทกรำในท่าทางต่างๆ
ซึ่งท่ารำที่นางอัปสรใช้รำต่อมาถือว่าเป็นท่ารำแม่บท





นนทกจึงเดินเข้าไปถามนางอัปสรว่า “เจ้าต้องการสิ่งใด”
นางอัปสรจึงตอบไปว่า
“เราเป็นนางรำระบำใน จะมีรักได้เจ้าก็ต้องรำตามเรา”





นนทกจึงตอบไปว่า
“เชิญเจ้ารำเถอะให้สิ้นท่าที่เจ้าจำได้แล้วข้าจะรำตามไปไม่ให้ผิดเพลง"





ท่ารำแม่บท ที่ต้นด้วยคำว่า "เทพนม ปฐม พรหมสี่หน้า"





".........เทพนมปฐมพรหมสี่หน้า
สอดสร้อยมาลาเฉิดฉิน
ทั้งกวางเดินดงหงส์บิน
กินรินเลียบถ้ำอำไพ"





นางอัปสรซ่อนกลท่ารำ ไว้ที่ท่ารำนาคาม้วนหาง
ซึ่งท่ารำนี้ จะต้องให้นิ้วชี้ ชี้ลงตรงบริเวณหน้าขาของผู้รำ





นนทกหลงกลในท่ารำของนางอัปสร
นนทกร่ายรำตามในท่ารำนาคาม้วนหาง และชี้นิ้วไปที่ขาของตัวเอง





ด้วยฤทธิ์ของนิ้วเพชร ที่นนทกชี้ไปโดนขาของตัวเอง
จึงล้มลงด้วยฤทธิ์นิ้วเพชรของตนเอง





จากนั้นนางอัปสรที่อยู่ในร่างพระนารายณ์
ก็แปลงร่างคืนเป็นพระนารายณ์ และยืนเหยียบนนทกไว้





ครั้นนนทกเห็นนางอัปสรเป็นพระนารายณ์
นนทกจึงถามไปว่า “ข้ามีโทษอะไรให้ว่ามา”
เมื่อนั้นพระนารายณ์ได้ฟังจึงมีบัญชาว่า
“โทษเจ้านั้นใหญ่หลวงนักด้วยการโอหังไม่เกรงพระอิศวร
เจ้าฆ่าเทวดาโทษหนักถึงตาย
ข้าคิดเมตตา แต่จะไว้ชีวิตเจ้าไม่ได้ โทษของเจ้าคือตาย”





นนทกตัดพ้อว่า
“ซึ่งพระองค์   จะผลาญชีวี
เหตุใดมิทำซึ่งหน้า     มารยาเป็น หญิงไม่บัดสี
ฤาว่ากลัวนิ้วเพชรนี้     จะชี้พระองค์ให้บรรลัย
ตัวข้ามีแต่สองมือ     ฤาจะสู้ทั้งสี่กรได้
แม้นมีสี่มือเหมือนพระองค์ทรงชัย   ที่ไหนจะทำได้ดั่งนี้”

พระนารายณ์ฟังแล้วก็ตอบว่า
“กูนี้แปลงเป็นสตรีมา
เพราะมึงจะถึงแก่ความตาย      ฉิบหายด้วยหลงเสน่หา
ใช่ว่าจะกลัวฤทธา       ศักดานิ้วเพชรนั้นเมื่อไร
ชาตินี้มึงมีแค่สองหัตถ์    จงไปอุบัติเอาชาติใหม่
ให้สิบเศียรสิบพักตร์เกรียงไกร เหาะเหินเดินได้ในอัมพร
มีมือยี่สิบซ้ายขวา       ถือคฑาอาวุธธนูศร
กูจะเป็นมนุษย์แต่สองกร    ตามไปราญรอนชีวี”

แล้วพระนารายณ์ก็ปลิดชีพนนทก



.....

ศึกรามเกียรติ์จึงเกิดขึ้นด้วยการที่นนทกถูกฆ่า
และจากคำท้าทายอาฆาตซึ่งกันและกัน
ระหว่างนนทกกับพระนารายณ์

นนทกได้ไปเกิดเป็นทศกัณฐ์





พระนารายณ์อวตารเป็นพระราม





โดยที่พระนารายณ์ทรงทูล
ขอจักร-ขอสังข์-ขอคธา-ขอพระลักษมี
จากพระอิศวรให้ร่วมไปเกิดเป็น
พระพรต-พระลักษมณ์ พระสัตรุดและนางสีดา (ตามลำดับ)

รวมทั้งเทวดาอีก 18 องค์ ก็พร้อมใจกันไปเกิดเป็นพญาวานร 18 มงกุฎ
จากนั้น ศึกระหว่างพระรามกับทศกัณฐ์ก็เกิดขึ้นด้วยเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผู้หญิงอีกครั้งหนึ่งในหลายปีต่อมา

.......................................พักยกกันก่อน......................................



Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,553


View Profile
« Reply #1 on: 22 July 2022, 10:42:09 »


การสงครามระหว่างพระรามกับทศกัณฐ์ เกิดขึ้นด้วยเหตุเมื่อ
พระราม พร้อมด้วยนางสีดา และ พระลักษมณ์ ละทิ้งเมืองออกมาอยู่ป่าตามกำหนด 14 ปี





ระหว่างนั้น ทศกัณฐ์ได้ทราบข่าวความงดงามของนางสีดา ผู้เลอโฉม





ทศกัณฐ์จึงคิดวางแผนชวนมารีศ ให้แปลงร่างเป็นกวางทองไปล่อตานางสีดา





มารีศมีศักดิ์เป็นน้าของทศกัณฐ์





มารีศแปลงร่างเป็นกวางทอง





ขณะที่พระราม นางสีดาและพระลักษมณ์ กำลังพักผ่อนกันอยู่ในป่า





นางสีดาเห็นกวางทองที่แปลงร่าง นางสีดาก็อยากได้กวางทองมาเลี้ยง

แต่พระลักษมณ์กลับทักขึ้นมาว่า มันแปลกๆ ที่กวางทองมาวิ่งเล่นแถวนี้





แต่นางสีดาอยากได้กวางทองตัวนั้น
ถ้าไม่ได้กวางทองขอตายดีกว่า
พร้อมกับเอ่ยปากขอให้พระรามออกไล่จับกวางทองให้ได้





พระรามจึงออกไปจับกวางทอง และช่วงที่ตามจับกวางทองอยู่นั้น





พระรามได้แผลงศรยิงกวางทอง





จากนั้นกวางทองได้แปลงร่างกลับเป็นยักษ์อสูรมารีส
และก่อนตายได้ส่งเสียงร้องเป็นเสียงของพระราม
...... เจ้าลักษมณ์ช่วยพี่ด้วย ๆ ......





นางสีดาและพระลักษมณ์เมื่อได้ยินเสียงร้องของพระราม
นางสีดาจึงขอให้พระลักษมณ์รีบตามเข้าป่าเพื่อไปช่วยพระราม
จนพระลักษมณ์ต้องออกตามเข้าป่าไปอีกองค์หนึ่ง

ครั้นเมื่อเหลือนางสีดาอยู่คนเดียว





ทศกัณฐ์เห็นนางสีดาอยู่เพียงคนเดียว จึงคิดวางแผนเพื่อลวงนางสีดา





โดยทศกัณฐ์ได้แปลงเป็นฤๅษีดาบส





ครั้นนางสีดาได้เห็นฤๅษีดาบส
จึงลงมานั่งและถามฤๅษีดาบสไปว่า เดินเข้าป่ามานี่แล้วจะไปที่ใด
ฤๅษีดาบสที่เป็นทศกัณฐ์นั้น กลับชวนพูดคุยทำนองเกี้ยวพาราสี





นางสีดาจึงพูดว่า เหตุไฉนฤๅษีผู้ทรงศีล กลับประพฤติตัวเยี่ยงนี้
ทศกัณฐ์ เห็นว่านางสีดาไม่หลงกล





และเมื่อกลลวงนั้นไม่สำเร็จ ทศกัณฐ์ในร่างฤๅษีดาบสก็แปลงร่างกลับมาเป็นทศกัณฐ์แล้วลักพานางสีดาขึ้นราชรถหนีไป





ระหว่างทางที่ทศกัณฐ์พานางสีดาหนีไปนั้น ได้พบกับพญานกสดายุ





นกสดายุนั้นเพื่อนรักของท้าวทศรถ นกสดายุจึงเข้าช่วยนางสีดา





ทศกัณฐ์แผลงศรใส่นกสดายุ ดอกแล้วดอกเล่า





แต่ทศกัณฐ์ก็ไม่สามารถฆ่านกสดายุให้ตายได้





นกสดายุกลับโอ้อวดไปว่า
"ไม่มีใครฆ่าเราได้ นอกจากแหวนพระยาอิศวรที่นางสีดาสวมอยู่นั่น "
ทศกัณฐ์จึงแย่งถอดแหวนจากนางสีดา
แล้วขว้างโดนนกสดายุปีกหางหักยับและล้มลงแน่นิ่ง

จากนั้นทศกัณฐ์ลักพานางสีดาไป
ระหว่างทางนางสีดาได้ทิ้งสไบไว้ในป่า
เพื่อหวังว่าพระรามจะตามมาช่วยและเจอสไบของนาง





ส่วนนกสดายุที่บาดเจ็บเจียนตายนั้น
ได้ใช้ปากคาบแหวนพระอิศวรไว้ และนอนรอความตาย





พระรามและพระลักษมณ์ได้ออกตามนางสีดา
จนมาเจอนกสดายุที่นอนบาดเจ็บอยู่





นกสดายุได้เล่าเรื่องการต่อสู้กับทศกัณฐ์ให้พระรามฟัง
พร้อมกับมอบแหวนของนางสีดาให้กับพระราม
ก่อนที่นกสดายุจะสิ้นใจ
ได้บอกกับพระรามให้ปลิดชีพตัวเองด้วยศรของพระราม





พระรามรู้สึกเศร้าใจเป็นยิ่งนักที่ต้องฆ่านกสดายุ
จากนั้นพระรามได้แผลงศรอัคนิบาต เกิดเป็นไฟ เผาศพให้นกสดายุ

พระรามและพระลักษมณ์ก็เดินป่าเพื่อตามหานางสีดาต่อไป
ในช่วงที่นางสีดาได้ทิ้งสไบไว้ในป่านั้น
ขณะนั้นมีลิงน้อยในป่าได้เห็นเหตุการณ์ และได้เก็บผ้าสะไบไว้





ระหว่างทางที่พระรามกับพระลักษมณ์เดินอยู่ในป่า
เทวดาได้นิมิตให้เดินทางไปยังทิศหรดี
เพื่อจะได้เจอกับลิงน้อยที่เก็บผ้าสไบของนางสีดาไว้

แล้วเมื่อพระรามตามหานางสีดาในป่า
ได้พบกับลิงน้อยในป่า
ลิงน้อยจึงมอบสไบของนางสีดาให้กับพระราม
พระรามรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากที่ไม่สามารถตามนางสีดาได้ทัน





จากนั้นพระรามและพระลักษณ์ก็ออกเดินป่าเพื่อตามนางสีดากลับคืนมา และเป็นจุดเริ่มต้นในการยกทัพไปตีเมืองลงกา

.......................................พักยกกันก่อน......................................



Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,553


View Profile
« Reply #2 on: 22 July 2022, 10:43:46 »


ส่วนทศกัณฐ์ได้พานางสีดาไปไว้ในสวน
ให้สหัสกุมารและยักษ์เฝ้าไว้
แต่ทศกัณฐ์ไม่สามารถเข้าใกล้นางสีดาได้เลย
เพราะบุญบารมีของนางสีดาบันดาลให้ทศกัณฐ์เมื่อเข้าใกล้จะร้อนเหมือนโดนไฟ

ในขณะที่พระรามกำลังเดินอยู่ในป่ากัลลีวัน
. . เทพารักษ์ได้ช่วยบันดาลให้พระรามเหนื่อย และพักในป่านี้
เพื่อที่จะได้หนุมานถวายตัวกับพระราม
และไปเป็นทหารเอกของพระราม ไว้ปราบยักษ์อสูร





ขณะที่พระรามเศร้าใจและเสียใจที่พลัดพรากนางสีดา
และทรงรู้สึกเหน็ดเหนื่อยจึงได้นอนหลับพักผ่อนในป่าป่ากัลลีวัน

. . หนุมานชาญสมรซึ่งถูกพระอุมาสาปให้หมดฤทธิ์
เพราะความซุกซนไปหักกิ่งไม้ทำลายสวนของพระอุมา
ได้ตระเวณเที่ยวเล่นในป่าบริเวณนั้น





หนุมานพอดีปีนเล่นอยู่บนต้นไม้ และเก็บผลไม้อยู่นั้น
หนุมานได้มองเห็นพระราม พระลักษมณ์ นอนหลับอยู่
จึงแปลงเป็นลิงเผือกตัวน้อย
แล้วลู่ใบไม้โปรยใบไม้ใส่ทั้งสองพระองค์ เพื่อให้ตื่น
เพราะหนุมานอยากรู้ว่าเป็นใครถึงได้มานอนหลับในป่าเช่นนี้

พระลักษมณ์เมื่อได้เห็นลิงเผือกมาเล่นไม่รู้ที่ต่ำที่สูง
เลยออกไปไล่ลิงเผือก
แต่ฝ่ายลิงเผือกยังคิดเล่นสนุกสนานอยู่
จากนั้นพระลักษมณ์กับหนุมานเลยต่อสู้ไล่กันไปมา
จนพระรามตื่นขึ้นมา





เมื่อพระรามรู้สึกตัวตื่น ก็พิศดูลิงเผือกแล้วบอกพระลักษมณ์ว่า





"นี่ไม่ใช่ลิงธรรมดา เพราะมีกุณฑลขนเพชรและเขี้ยวแก้ว"

พระลักษณ์ทูลว่า "หม่อมฉันไม่เห็นสิ่งที่พระองค์ตรัสถึงนั้นเลย"

. . . หนุมานได้ยิน ก็นึกถึงคำมารดาได้ว่า
"แม้ใครเห็นกุณฑลขนเพชร และเขี้ยวแก้วของตน
ผู้นั้นคือพระนารายณ์อวตาร
ให้หนุมานถวายตัวรับใช้อย่างจงรักภักดีไปตลอด"

ลิงเผือกจึงกลายร่างกลับมาเป็นหนุมาน
และลงมาเข้าเฝ้าถวายตัวต่อพระราม





พระรามได้เห็นหนุมานแล้วก็รู้สึกเอ็นดูรักใคร่
จึงแก้คำสาปของพระอุมาให้ ด้วยการลูบหลังหนุมาน 3 ครั้ง
ฤทธิ์ของหนุมานจึงกลับมาคืนคงเดิม





ว่าแล้วหนุมานชาญสมรก็ตีลังกาโชว์ให้ชม 1 รอบ





ต่อมาหนุมานได้พาสุครีพมาเข้าเฝ้าเพื่อถวายตัวต่อพระราม





สุครีพเป็นลิงมีกายสีแดง เป็นลูกของพระอาทิตย์กับนางกาลอัจนา
สุครีพมีศักดิ์เป็นน้าของหนุมาน
เมื่อพระฤาษีโคดมรู้ความจริงจากนางสวาหะว่า
สุครีพไม่ใช่ลูกของตน แต่เป็นลูกชู้
จึงสาปให้กลายเป็นลิงพร้อมกับพาลีผู้เป็นพี่ชาย ซึ่งเป็นลูกของพระอินทร์





เมื่อหนุมาน-สุครีพ ได้เล่าเรื่องในกรุงขีดขิน
ที่มีพาลี(พี่ชายของสุครีพ) ครองเมืองอยู่
แต่พาลีมีนิสัยไม่ดี ทำผิดศีลธรรมในหลายเรื่อง เช่น
ตอนที่พระอิศวรฝากนางดารามากับพาลีเพื่อให้กับสุครีพผู้เป็นน้อง
พาลีกลับยึดนางดาราไว้เป็นภรรยาเสียเอง
แล้วไล่สุครีพให้มาอยู่ในป่า

เมื่อพระรามทรงทราบเรื่องแล้ว ทรงคิดช่วยสุครีพ
โดยให้สุครีพไปท้ารบกับพาลีก่อน





แล้วพระรามก็ยกทัพไปช่วย





พระรามแผลงศรฆ่าพาลีตาย





. . . ก่อนพาลีจะตาย ได้รู้สึกผิด
จึงสั่งสอนหนุมานและสุครีพให้จงรักภักดีต่อพระราม
ตรงเรื่องนี้ต่อมาได้กลายเป็นตำนานในเรื่อง "พาลีสอนน้อง"

ด้วยความสำนึกในบุญคุณอันใหญ่หลวงของพระราม
หนุมานจึงมอบตัวเป็นข้ารับใช้
และนำพวกพ้องวานรทั้งกรุงขีดขินและกรุงชมพู
มาเป็นไพร่พลกระทำศึกกับทศกัณฐ์

แล้วพระรามก็ได้พลวานรในเมืองขีดขิน
ทั้งนิลพัทกับองคต และชมพูพาน
มาเป็นกำลังของกองทัพและนัดชุมนุมไพร่พลกันที่ภูเขาคันธมาทน์

ซึ่งพระอิศวรได้มาเนรมิตพลับพลาถวายไว้แล้ว พร้อมเครื่องทรง
เพราะทั้งสององค์ต้องลาเพศฤๅษีมาเป็นจอมทัพ
จากนั้นพระรามก็สั่งการให้มีการจองถนน-สร้างถนนไปยังกรุงลงกา

.......................................พักยกกันก่อน......................................



Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,553


View Profile
« Reply #3 on: 22 July 2022, 10:45:21 »


. . .ณ กรุงลงกา คืนหนึ่งทศกัณฐ์ได้นอนหลับและฝันร้ายว่า





"พระยาแร้งขาวบินมาจากทิศตะวันออก
ข้ามสมุทรที่พระลาน
แล้วมีแร้งดำบินจากทิศตะวันตกมาตีกัน
แร้งดำถูกตีตายกลายเป็นยักษ์"

แล้วยังฝันต่ออีกว่า
"ทศกัณฐ์ ได้เอากะลาน้ำมันมีไส้เชื้อไฟ วางในมือ
มีหญิงมาจุดไฟให้ลุกโพลงจนไหม้มือ และพิษไฟร้อนทั้งตัว"

เมื่อทศกัณฐ์ตื่นขึ้นมา รู้สึกร้อนใจเป็นยิ่งนัก





จึงสั่งให้เรียกพิเภกมาทำนายฝัน





พิเภกทำนายว่า ดังนี้ .. กะลา คือ เมืองลงกา
ไส้เชื้อไฟ คือ ทศกัณฐ์ .. น้ำมัน คือ วงศ์ยักษ์
ไฟลุกไหม้ คือ นางสีดา .. หญิงที่มาจุดไฟ คือ นางสำมะนักขา
แร้งขาว คือ พระราม .. แร้งดำ คือ ทศกัณฐ์

. . . แล้วสรุปว่า เป็นฝันร้าย
ทายว่าบ้านเมืองและวงศ์ยักษ์จะพินาศหมด เพราะศึกครั้งนี้





ทศกัณฐ์ จึงขอให้พิเภกช่วยสะเดาะห์เคราะห์ให้ พิเภกตอบว่า





"มีวิธีแก้อย่างเดียว คือ
ขอให้พี่ตั้งมั่นในสัตย์ธรรมรักษาศีล
และคืนนางสีดาไป ก็จะพ้นความวิบัติได้"

. . . ทศกัณฐ์ ฟังแล้วโมโหโกรธาเป็นยิ่งนัก





ทศกัณฐ์หาว่า พิเภกเข้าข้างศัตรู จึงทำร้ายลงโทษพิเภก
แต่บรรดายักษา ต่างก็ทูลขอต่อทศกัณฐ์ไม่ให้ฆ่าพิเภก





ทศกัณฐ์จึงเนรเทศพิเภกออกจาก กรุงลงกา
พรัอมกับลงโทษ นางตรีชาดา ชายาพิเภก
ให้ไปเป็นนางทาสีรับใช้นางสีดา อยู่ในสวน





. . .แต่พิเภกรู้ดวงชะตาของตนแล้วว่า
จะได้พระนารายณ์อวตารเป็นองค์อุปถัมภ์
จึงเหาะไปเฝ้าพระองค์ที่ภูเขาคันธกาลา
จนได้เจอกับพระราม
พระรามให้พิเภกถือน้ำพิพัฒน์สัตยาแล้วรับไว้เป็นโหรประจำทัพ





การสงครามระหว่างพระราม-พระลักษมณ์ กับ ทศกัณฐ์
ก็ได้เกิดการต่อสู้อยู่เป็นเวลานาน





เหตุการณ์เกิดสู้รับกันในหลายๆ ศึกสงคราม





ศึกสงครามแล้ว สงครามเล่า





การต่อสู้ก็ยังไม่แพ้ชนะกัน





หลายครั้งต่อหลายครั้งที่พระราม-พระลักษมณ์ แผลงศร ใส่ทศกัณฐ์





แต่ทศกัณฐ์ก็ไม่ตาย





. . .พระรามจึงได้สอบถามพิเภกว่า
เหตุใดจึงฆ่าทศกัณฐ์ไม่ตาย
พิเภกจึงแจ้งว่า
"ทศกัณฐ์ได้ถอดดวงใจฝากพระฤๅษีโคบุตรไว้
จึงทำให้ทศกัณฐ์ถูกฆ่าอย่างไรก็ไม่ตาย"





หนุมานจึงออกอุบายร่วมกับองคต มาลวงพระฤๅษีว่า
ขอเป็นข้ารับใช้ทศกัณฐ์แทนพระราม
พระรามนั้นใจร้ายใจดำต่อตนเป็นอย่างมาก
พระฤๅษีถูกอ้อนวอนมากๆ ก็ใจอ่อน
จึงพาไปจะฝากตัวเป็นข้าทศกัณฐ์

แต่ก่อนไป หนุมานก็หลอกถามจนรู้ว่า
กล่องดวงใจทศกัณฐ์อยู่ที่พระฤๅษีนี่เอง
จึงบอกให้พระฤๅษีถือไปด้วย
เพราะกลัวพระรามจะใช้ใครมาขโมย ระหว่างที่ท่านไม่อยู่
พระฤๅษีหลงเชื่อ ก็ถือกล่องดวงใจทศกัณฐ์ไปด้วย





หนุมานพลันเอ่ยถามพระฤๅษี
"ทำไมทศกัณฐ์ไม่เก็บดวงใจเอง ขอรับพระเจ้าตา"
หนุมานแกล้งถามซื่อ ๆ





"ถ้าดวงใจใกล้ตัวก็จะวิ่งเข้าในอกตามเดิม ต้องไว้ห่าง ๆ" พระฤๅษีตอบตามตรง
"ถ้าอย่างนั้น ท่านฝากกล่องดวงใจไว้กับองคตดีกว่าและอยู่นอกวัง
แล้วพาอีฉันไปถวายตัวก่อน เพราะถ้าท่านตาถือกล่องเข้าวังไป
เดี๋ยวหัวใจจะวิ่งเข้าร่างท้าวทศกัณฐ์ก็จะต้องเดือดร้อนทำพิธีใหม่
แล้วค่อยพาองคตไปถวายตัวภายหลัง"
พระฤๅษีโคบุตรเห็นชอบ ก็เลยฝากกล่องดวงใจไว้กับองคตโดยดี
พอเดินไปได้ไม่เท่าไร

หนุมานก็หลอกลวงอีกว่า
"ขอให้อีฉันกลับออกไปเตือนองคต ให้ระวังพวกยักษ์ดี ๆ
เพราะลิงกับยักษ์ไม่ถูกกันมาก่อน
อีฉันจะไปบอกองคตให้ชี้แจงแก่พวกยักษ์ว่า
องคตเป็นลูกศิษย์พระเจ้าตา
มาอยู่ที่นี่เพื่อถวายตัวเป็นข้าทศกัณฐ์ จะได้ไม่เกิดเหตุร้าย
อีฉันวิ่งเร็ว เดี๋ยวเดียวก็มา ท่านแก่แล้วรออยู่ที่นี่ดีกว่าขอรับ"

"เออ ดีก็ดี ไปเร็ว ๆ มาเร็ว ๆ นะ"
พระฤๅษีตกลงง่าย ๆ

. . . หนุมานรีบไปนิมิตกล่องดวงใจใหม่อีกกล่องให้เหมือนกัน
ส่งให้องคต และสั่งให้ฝังกล่องจริงซ่อนไว้ที่ฝั่งทะเลก่อน
พอฤๅษีท่านกลับออกมา ก็มอบกล่องดวงใจเก๊ให้
แล้วองคตรีบกลับไปรักษากล่องจริงไว้
และถ้าเมื่อไรเห็นหนุมานหาวเป็นดาวเป็นเดือนในท้องฟ้า
ก็ให้รีบนำกล่องจริงมาให้หนุมานทันที

. . . ครั้นฤๅษีพาหนุมานมาเป็นข้ารับใช้ของทศกัณฐ์
ทีแรกทศกัณฐ์จะไม่ยอมรับหนุมาน
เพราะเรื่องเคืองแค้นเรื่องเก่าๆ มากมาย
แต่พระฤๅษีรับรองไว้ดี ทศกัณฐ์จึงรับไว้
และรู้ว่าหนุมานเก่งเป็นทหารเอก
ทศกัณฐ์ซึ่งชอบผู้มีฝีมือทางรบก็โปรด
ถึงกับตั้งเป็นโอรสบุญธรรมทรงมงกุฏ

. . . ฝ่ายองคตก็ทำการเรียบร้อย ตามหนุมานสั่งทุกอย่าง
และมาอยู่รักษากล่องดวงใจจริง
รอหนุมานหาวเป็นดาวเป็นเดือนอยู่ริมทะเล

เพื่อให้ทศกัณฐ์เชื่อในหนุมาน หนุมานจึงอาสาออกรบ
โดยแต่งองค์ทรงเครื่องเต็มยศออกไปด้วย และได้พบกับพระลักษมณ์
ซึ่งพระลักษณ์เข้าใจผิดว่าหนุมานทรยศ
เพราะเห็นแก่เงินและยศศักดิ์ และเกิดโต้เถียงกันจนเย็น

หนุมานจึงว่า
"เย็นแล้ว ต้องกลับกรุงลงกาก่อน พรุ่งนี้เราจะออกมารบใหม่
จะจับตัวพวกเจ้าไปให้ทศกัณฐ์ให้หมดเลย"

ทศกัณฐ์รู้เข้าก็ชื่นใจ และชมเชยว่าหนุมานเก่งมาก
และยกสมบัติอินทรชิตให้เป็นรางวัล รวมทั้งนางสุวรรณกันยุมาด้วย

. . ส่วนพระลักษมณ์นึกๆ แล้วสงสัยหนุมาน
แต่ไม่ยกทัพกลับ เพราะเกรงหนุมานจะทรยศ
จะใช้ ความว่องไวกลับมาโจมตีกระทันหัน
จึงให้สุครีพกับนิลนนท์ ไปเล่าเรื่องนี้ให้พระรามฟัง

พระรามนึกรู้ว่าเป็นอุบายของหนุมาน
จึงสั่งให้สุครีพและนิลนนท์ กลับไปอยู่ช่วยพระลักษมณ์
พอรุ่งเช้า พระรามก็ยกทัพมาสมทบ

. . ฝ่ายหนุมานก็ชวนทศกัณฐ์มารบด้วย
ทศกัณฐ์จึงจัดทัพใหญ่ออกมารบกับพระราม





พอมาถึงสนามรบ หนุมานก็ออกอุบายว่า
ตนจะหายตัว ไปจับพระรามและพระลักษมณ์มัด
ถ้าทศกัณฐ์เห็นตน เหาะไปในท้องฟ้าเมื่อไร
ก็ให้ยกทัพเข้าไปรบทันที





แล้วหนุมานก็หายตัวเหาะขึ้นท้องฟ้า ไม่ให้ใครเห็นเลย
และหาวเป็นดาวเป็นเดือน ให้สัญญาณเฉพาะองคต
องคตจึงรีบนำกล่องดวงใจกล่องจริง มาให้หนุมานตามนัดหมายกัน
และหนุมานได้ชูกล่องดวงใจ อันเป็นตอน "หนุมานชูกล่องดวงใจ"





จากนั้นหนุมานได้นำกล่องดวงใจของทศกัณฐ์ไปถวายให้กับพระราม





หนุมานได้เล่าอุบายในการได้มาซึ่งกล่องดวงใจของทศกัณฐ์ถวายด้วย

พระลักษณ์ชมเชยว่า "ลิงเจ้าเล่ห์อย่างนี้ หาไม่ได้อีกแล้วในสามโลก"

. . .ดังนั้น ในการรบวันรุ่งขึ้นอีกวัน พระรามจึงแผลงศร ฆ่าทศกัณฐ์ตายได้





โดยหนุมาน เป็นผู้ขยี้ดวงใจพระยายักษ์ทศกัณฐ์





ก่อนจะเริ่มการฆ่าฟันนี้ ทศกัณฐ์ได้ตัดพ้อต่อว่าหนุมานเป็นอันมาก





หนุมานจึงบอกว่า





"ท่านคืนพระแม่สีดามาเถิด แล้วเราจะคืนกล่องดวงใจให้
เรื่องทั้งหลายเกิดขึ้นเพราะท่านหลงผิดไป"

ทศกัณฐ์ฟังแล้วก็รู้สึกว่าตนผิดจริงๆ แต่ก็ไว้ยศ ไม่ยอมแก่ศัตรู และอ้างว่า
"เรื่องทั้งหลายเกิดขึ้นเพราะพรหมลิขิต บันดาลให้เป็นไปแท้ๆ"





เป็นอันจบตอน "พระรามครองเมือง" ไว้เพียงเท่านี้

สำหรับเนื้อเรื่องรามเกียรติ์ได้คัดลอกมาจาก
//www.siamnt.com/literature-ramakien/html/ramakien-literature-1.html

ขอขอบคุณนักแสดงทุกๆ ท่านที่ร่วมแสดงโขนชุดนี้ให้ชมกันด้วย และรวมถึงทีมงานอื่นๆ ทุกๆ ทีมงานด้วย

และก็ขอขอบคุณทุกๆ ท่านที่แวะมาชมภาพถ่ายการแสดงโขนชุดพระรามครองเมืองนี้ด้วย



.....
ขอขอบคุณภาพและเรื่องจาก
https://www.bloggang.com/m/viewdiary.php?id=abird&month=05-2010&date=24&group=39&gblog=8




Logged
Pages: [1] Go Up Print 
« previous next »
 

SMF 2.0.4 | SMF © 2013, Simple Machines | Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.083 seconds with 20 queries.