Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
User Info
Welcome, Guest. Please login or register.
10 May 2024, 11:14:50

Login with username, password and session length
Search:     Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ

http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
25,650 Posts in 12,467 Topics by 70 Members
Latest Member: KAN
Home Help Search Calendar Login Register
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...  |  เรื่องราวน่าอ่าน  |  เรื่องเล่าจากความทรงจำที่หาฟังยาก  |  “ผาวิ่งชู้” ตำนานรักอมตะของหนุ่มสาวต่างฐานันดร
0 Members and 1 Guest are viewing this topic. « previous next »
Pages: [1] Go Down Print
Author Topic: “ผาวิ่งชู้” ตำนานรักอมตะของหนุ่มสาวต่างฐานันดร  (Read 190 times)
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,503


View Profile
« on: 25 December 2021, 00:16:21 »

“ผาวิ่งชู้” ตำนานรักอมตะของหนุ่มสาวต่างฐานันดร


“ผาวิ่งชู้” อีกตำนานรักอมตะของหนุ่มสาวต่างฐานันดร! ควบม้าจากหน้าผาสูงชัน ลอยลิ่วลงสู่แม่ปิง!!
เผยแพร่: 20 ธ.ค. 2564 09:31   ปรับปรุง: 20 ธ.ค. 2564 09:31   โดย: โรม บนนาค




ตำนานรักอมตะของหนุ่มสาวชาวเหนือ ไม่ได้มีแต่ “วังบัวบาน” เท่านั้น แต่ยังมี “ผาวิ่งชู้” เรื่องราวของความรักต่างฐานันดร ซึ่งเป็นตำนานรันทดที่เก่าแก่มาตั้งแต่ครั้งโบราณกาล

“ผาวิ่งชู้” เป็นตำนานพื้นบ้านที่เกิดขึ้นมานานนับพันปี ครั้งที่ พระยาแสนโท เป็นผู้ปกครองเมืองพิศดารนคร หรือเมืองฮอดในปัจจุบัน มีธิดาชื่อ พระนางแอ่นฟ้า กับบุตรชื่อ พระนาย สองคนพี่น้อง เมื่อโตเป็นสาวพระนางแอ่นฟ้าได้เกิดความรักกับ น้อยสิงห์คำ ลูกของเสนาคนหนึ่ง จึงเกิดเป็นปัญหารักต่างฐานันดรขึ้น พระยาแสนโทได้เรียกคนทั้งสองไปตักเตือนว่าเป็นเรื่องผิดกฎมณเฑียรบาล มีโทษถึงขั้นประหารชีวิต แต่ด้วยความรักที่หนุ่มสาวทั้งสองมีต่อกันจึงตัดสินใจหนีออกจากเมืองโดยควบม้าสีขาวไปกลางดึก เมื่อพระยาแสนโททราบเรื่องจึงส่งคนออกติดตามด้วยความกริ้ว และสั่งว่าถ้าเจอคนทั้งสองก็ให้ประหารชีวิตเสีย

เมื่อหนุ่มสาวทั้งสองออกจากเมืองไปได้ระยะหนึ่ง ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าม้ากลุ่มใหญ่ควบตามมาจนแผ่นดินสะเทือน คิดว่าหนีก็คงไม่พ้น ถ้าถูกจับไปก็ต้องถูกประหารชีวิตแน่

เผอิญตรงนั้นมีหน้าผาสูงชันอยู่ริมแม่น้ำ จึงตัดสินใจที่จะตายด้วยกันโดยควบม้าโดดลงหน้าผานั้น แต่เมื่อขึ้นไปถึงหน้าผา น้อยคำสิงห์กลับไม่กล้าที่จะควบม้าพาคนรักไปสู่ความตาย พระนางแอ่นฟ้าเห็นจวนตัวแล้ว จึงให้เข้าบังคับม้าเอง ให้น้อยคำสิงห์ซ้อนหลัง จากนั้นก็เอาผ้าขาวผูกตาม้ากระตุ้นให้ทะยานไปข้างหน้าอย่างสุดแรง เมื่อไปสุดหน้าผาทั้งม้าและคนจึงลอยลิ่วลงสู่แม่น้ำปิงจมหายไป

พระนาย ผู้เป็นน้องชายที่ร่วมติดตามมากับทหาร เห็นความตายของพี่สาวอย่างน่าเวทนาเช่นนั้นก็โศกเศร้าเสียใจอย่างหนัก พอกลับลงมาถึงลำห้วยก็ตรอมใจตายอยู่ตรงนั้น ทำให้ผู้เป็นพ่อและแม่ต้องเสียใจขึ้นไปอีกที่ต้องเสียลูกรักทั้งสองไปแบบนี้ แต่ก็ทำได้แค่มาทำบุญทิ้งสิ่งของลงไปในสายน้ำหวังจะให้ไปถึงลูก

ร่างของน้อยคำสิงห์ลอยไปติดท่าน้ำแห่งหนึ่ง ที่นั้นจึงเรียกกันว่า “บ้านน้อย” ส่วนร่างของพระนางแอ่นน้อยลอยไปติดอีกท่าหนึ่ง เรียกกันว่า “บ้านแอ่น” ร่างของม้าที่ลอยไปติดก็เรียกว่า “ท่าม้า” ทั้งผ้าขาวที่ปิดตาม้าไปจมที่วังน้ำ ก็ได้ชื่อว่า “วังผ้าขาว” อีกทั้งสิ่งของที่พ่อแม่ทำบุญลอยไปตามตามสายน้ำนั้น ก็ทำให้กลายเป็นชื่อหมู่บ้านอีกหลายแห่ง เช่น ข้าวแต๋น เป็น “บ้านผาแตน” หม้อเป็น “บ้านวังหม้อ” สลุง เป็น “บ้านวังสลุง” หรือ “วังลุง” มาจนถึงทุกวันนี้

นี่เป็นตำนานของผาวิ่งชู้ สถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของอำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นหน้าผาสูงชันกว่า ๕๐ เมตร อยู่ริมฝั่งแม่น้ำปิง มีลานกว้างประมาณ ๑๐๐ เมตรเป็นจุดชมวิวที่งดงามแห่งหนึ่งของนักท่องเที่ยว และถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ในปี ๒๕๐๑ โดยผู้กำกับชั้นครู “มารุต” นำแสดงโดยแชมป์มวยไทยคนดัง สุรชัย ลูกสุรินทร์ และเรวดี ศิริวิไล






เรื่องและภาพจาก
https://mgronline.com/onlinesection/detail/9640000125365


เรื่องเก่า เล่าสนุก



Logged
Pages: [1] Go Up Print 
« previous next »
 

SMF 2.0.4 | SMF © 2013, Simple Machines | Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.038 seconds with 19 queries.