| ppsan | 
								|  | «  on: 21  November  2021, 22:15:39  » |  | 
 
 เรื่องเล่าเด็กบ้านนอก : 17  ปีสุดท้ายของการเรียนชั้นประถม : เริ่มสู่ชีวิตการเรียนมัธยมเรื่องเล่าเด็กบ้านนอก : 17
 ปีสุดท้ายของการเรียนชั้นประถม : เริ่มสู่ชีวิตการเรียนมัธยม
 
 
 หลังจากที่ร่ำเรียนโดยมีเพื่อนๆในแบบเรียนที่ใช้ชีวิตด้วยกันมานาน จนแทบจะเป็นเพื่อนกันจริงๆไปแล้ว อย่าง มานี  มานะ  ปิติ ชูใจ สมคิด ดวงแก้ว เพชร และบรรดาญาติผู้ใหญ่ทั้งหลาย กับสัตว์เลี้ยงอีกหลายตัว
 
 ซึ่งเด็กๆจะคุ้นเคยกับตัวละครเล่านี้มาตั้งแต่ ป.1 มาจนถึงป.4 แต่พอขึ้น ป.5 เนื้อหา แบบเรียนก็เปลี่ยนไป  เด็กชั้นประถมตามต่างจังหวัดจะต้องเจอกับ' วิชาภาษาอังกฤษ ' ที่เป็นของใหม่สำหรับพวกเขา
 
 
  
 '  A  B  C  D  D.....' คือสิ่งที่ต้องเรียนรู้ อ่านให้ออก เขียนให้ได้  หลายคนในกลุ่มเพื่อนๆของน้อยถึงกับบ่น
 
 " อ้าว...นักเรียนวันนี้คัดตัวภาษาอังกฤษ ทั้งแบบ พิมพ์ใหญ่ พิพ์เล็ก มาส่งครู พร้อมอ่านออกเสียงด้วยนะ " เสียงคุณครูที่ยืนอยู่หน้าห้องสั่งงาน
 
 "แค่ภาษาไทยกูยังแย่เลย  สอบทีไรก็ตกเกือบทุกที นี่มีภาษาอังกฤษมาอีก จะไหวไหมเนี่ย" ไอ้หมู เพื่อนร่วมห้องบ่นกับน้อย
 
 " กูก็เหมือนกัน นี่วิชาคณิตฯยังส่งการบ้านไม่ทันเลย เดี๋ยวคงโดนตีหน้าห้องอีก " แหล่ เพื่อนในกลุ่มอีกคน บ่นตามมา
 
 " เออเอาเหอะน่า เดี๋ยวก็ผ่านไปได้เองแหละ เดี๋ยวกูช่วย" น้อยให้กำลังใจเพื่อนๆ
 
 ................
 
 หลังจากที่เรียนมาจนถึงปลายปีการศึกษาพอจบ ป.5 ซึ่งวิชาภาษาอังกฤษของนักเรียนห้องน้อย เด็กๆหลายคนสอบไม่ผ่านเกือบทั้งห้อง   เพราะด้วยความใหม่กับวิชา และการสอนที่ล่าช้าเพราะนักเรียนไม่เข้าใจ ครูผู้สอนจึงต้องคอยสอนซ้ำๆกับบทเรียนเดิมๆ เลยทำให้สอนไม่จบตามแบบเรียน ต้องมาสอบซ่อมกันหลายคน
 
 พอต้องขยับเรียนชั้น ป.6 ครูที่สอนวิชาภาษาอังกฤษเป็นครูประจำชั้นเรียนของน้อยด้วย  ซึ่งเพื่อนๆในห้องต่างก็ได้ยินกิตศัพท์ว่าคุณครูท่านนี้'ดุ'มาก  เด็กๆหลายคนรู้สึกกลัวและไม่อยากเรียน เพราะกลัวโดนลงโทษ  จนบางครั้งในห้องเรียน จะมีเพื่อนๆไม่มาเรียน ขาดเรียนบ่อย  ถึงบ่อยมาก
 
 'หนังยาง' ถูกถักเป็นตัวหนอน แล้วใช้ดีดที่หลังหู เป็นการลงโทษ สลับกับไม้เรียว สามครั้งบ้าง หกครั้งบ้าง น่องถึงกับลายตามรอยไม้เรียว ตามความผิดที่ต้องถูกลงโทษหากไม่มีการบ้านมาส่งในตอนเช้า
 
 ทุกครั้งที่เข้าเรียนวิชาภาษาอังกฤษ คุณครูจะสั่งให้เด็กๆ พูดกับเพื่อนร่วมชั้นเป็นภาษาอังกฤษเพื่อให้คุ้นเคยกับภาษา แม้แต่ตอนจะออกไปเข้าห้องน้ำ ต้องขออนุญาตเป็นภาษาอังกฤษด้วยเช่นกัน
 
 หลายคนไม่กล้าที่จะไปเข้าห้องน้ำเพราะกลัวพูดผิดเวลาขออนุญาตครู แต่ก็มีเพื่อนบางคนที่ทนไม่ไหว เพราะเวลาชั่วโมงเรียนนานถึง'สองคาบเรียน'
 
 " น้อย มึงขออนุญาตครูให้กูด้วย กูไม่ไหวแล้ว " หมู ทำหน้าบูดเบี้ยวเพราะปวดฉี่แล้วอั้นไว้นาน กระซินกับน้อย
 
 "เออได้ " น้อยรับปากช่วย
 
 " May i go out please. " กับ " May i come in please "
 
 ประโยคที่ต้องท่องจำให้แม่น ก่อนออกไปขออนุญาตครู ซึ่งประโยคแค่นี้พอไปยืนหน้าครูบางครั้งก็พูดผิด พูดถูก เพื่อนหลายคนเลยไม่กล้าที่จะพูดกัน เพราะกลัวครูดุเอา
 
 ช่วงเช้า'หมู' จะมาโรงเรียนแต่เช้าก่อนใคร  ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยมาโรงเรียนแต่เช้าแบบนี้มาก่อนเพราะต้องมาขอให้น้อยช่วยทำการบ้านให้โดยมีค่าตอบแทนเป็นรายวิชาไป บางวิชา หนึ่งสลึง บางวิชา ห้าสิบสตางค์ บางวิชาน้อยไม่คิดเงินแต่ให้หมู'ลอกการบ้านเอง'
 
 เป็นรายได้พิเศษที่มาจากเพื่อนๆ หลายคนที่ให้น้อยได้ช่วยทำการบ้านให้ โดยเฉพาะวิชาภาษาอังกฤษ กับคณิตศาสตร์ เพราะการบ้านช่วง ป.6 เยอะมาก และบางคนก็ไม่ค่อยเข้าใจกับวิชาเรียนบวกกับต้องคอยช่วยงานทางบ้าน เวลาที่จะทำการบ้านก็น้อย เลยมาทำในเวลาเช้าที่โรงเรียน
 
 หลายคนทำไม่ทันส่งก็ต้องยอมรับการลงโทษ หลายคนก็ไม่มาเรียนเพื่อเลี่ยงการถูกทำโทษ ทำให้การเรียนช่วง ป.6 ไม่ค่อยสนุก เพราะเริ่มเรียนหนักขึ้น ด้วยเพราะคุณครูเริ่มเคี่ยวเข็ญอยากให้เด็กๆได้มีความรู้เพื่อไปสอบเข้าเรียน ในโรงเรียนมัธยมต่อไป
 
 .................
 
 หลังจากผ่านการเรียนมาจนช่วงปลายปีการศึกษา 2529 ผ่านกิจกรรมทั้งเรียนลูกเสือ เนตรนารี เดินทางไกล แข่งกีฬาสี ร่วมกัน จนถึงวันจบหลักสูตรประถมศึกษา เพื่อนๆหลายคนมีแผนที่จะเรียนต่อ หลายคนไม่เรียนอยากออกไปช่วยที่บ้านทำนา หลายคนอยากเข้าไปทำงานที่กรุงเทพฯ เพราะมีพี่ๆครอบครัวทำงานอยู่ก่อนแล้ว
 
 ส่วน'น้อย'เอง มีแผนที่จะเข้าเรียนต่อที่กรุงเทพฯ  ตามที่พี่สาววางแผนไว้ แต่ต้องเปลี่ยนแผนกระทันหัน เพราะติดปัญหาหลายอย่าง จนน้อยต้องเข้าสอบแข่งขันเพื่อเข้าเรียนโรงเรียนในตำบล พร้อมกับเพื่อนๆอีกหลายคน
 
 
  
 ................
 
 ผลสอบออกมาเป็นที่น่าพอใจสำหรับคุณครูที่ได้เพาะบ่ม เคี่ยวเข็ญ ลูกศิษย์ เพราะเด็กๆที่ไปสอบเข้าเรียนต่อ  ต่างสอบผ่ามได้เข้าเรียนกันครบทุกคน แต่บางคนที่สอบผ่านแล้วต้อง'สละสิทธิ์'ที่สอบได้ เพราะทางบ้านเปลี่ยนใจอยากให้ออกมาช่วยงานที่บ้านมากกว่า ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายเพราะบางคนมีผลการเรียนดีมาก
 
 น้อยได้เข้าเรียนในห้องที่เป็นแผนการเรียน คณิตศาสตร์-อังกฤษ ตามที่ตั้งใจไว้  รอเวลาที่พี่สาวพร้อมให้ย้ายไปเรียนที่กรุงเทพฯ เมื่อความพร้อมมาถึง
 
 สำหรับเด็กที่จบชั้นประถมปีที่หก แล้วต้องไปเรียนที่ใหม่ พบกับเพื่อนใหม่ ต้องมีการปรับตัวเรียนรู้กับสิ่งแวดล้อมใหม่ เพื่อนใหม่ ครู อาจารย์ และสถานที่ รวมถึงวิชาการเรียนที่ยกระดับความยากขึ้นอีกหลายเท่าตัว
 
 .................
 
 การเรียนใน 'โรงเรียนมัธยม' ที่อยู่ห่างจากบ้านเกือบสองกิโลเมตร  ทำให้น้อยต้องตื่นเช้ากว่าตอนเรียนชั้นประถม  เพราะโรงเรียนอยู่ไกลบ้าน  แล้วต้องปั่นจักรยาน ที่ได้รับมรดกตกทอดมาจาก พี่ชาย พี่สาว อีกที พร้อมด้วยกล่องข้าวที่ต้องห่อข้าวไปกินมื้อกลางวัน ร่วมกับเพื่อนๆที่ต่างคนก็เตรียมห่อข้าวมาตั้งวงกินร่วมกันในมื้อกลางวัน
 
 สิ่งแวดล้อมใหม่ๆทำให้น้อยอดตื่นเต้นไม่ได้ สถานที่แปลกตา ขนาดพื้นที่ การเรียน แบบย้ายห้องเรียน เพื่อนๆรุ่นพี่ที่ดูตัวโตเป็น หนุ่ม-สาว กันแล้ว ภาษาที่ใช้พูดคุยกัน ดูใหม่ไปหมดสำหรับน้อย แล้วน้อยจะต้องปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่ๆได้ดีขนาดไหน คือสิ่งที่ ตัวน้อยเองต้องเรียนรู้ต่อไป..
 
 ................
 
 *** จบแล้วนะครับสำหรับเรื่องเล่าของชีวิตเด็กบ้านนอก ในชุดแรก ซึ่งมีมาทั้งหมด 17 ตอนด้วยกัน ขอบคุณมากสำหรับเพื่อนๆที่กดติตาม และตามอ่านจนครบทุกตอน ส่วนเรื่องเล่าเด็กบ้านนอก' ชุด'ต่อไป ผู้เขียนเองขอข้ามไปในช่วงอายุของ ' น้อย 'ที่ได้ทำงานแล้ว และได้มีโอกาสเดินทางท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆแล้วจะนำมาเล่าสู่กันฟังตามมุมมองของ 'เด็กบ้านนอก ' นะครับ  ฝากเพื่อนๆติดตามผลงาน เพื่อเป็นกำลังใจ ของเรื่องเล่าเด็กบ้านนอก' ชุด 'ต่อไปด้วยนะครับ
 
 *** ขอบคุณสำหรับเพื่อนๆที่กดติดตามทั้ง164 คนด้วยนะครับ หวังว่าคงติดตามผลงานกันต่อไปนะครับ
 
 
 
 
 |