Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
User Info
Welcome, Guest. Please login or register.
03 May 2024, 16:16:31

Login with username, password and session length
Search:     Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ

http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
25,628 Posts in 12,450 Topics by 70 Members
Latest Member: KAN
Home Help Search Calendar Login Register
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...  |  วิถีสู่ชีวิตแห่งความพอเพียง  |  ความสุขทางเลือก (Moderator: SATORI)  |  เรื่องเล่าเด็กบ้านนอก : 17 ปีสุดท้ายของการเรียนชั้นประถม : เริ่มสู่ชีวิตการเรีย
0 Members and 1 Guest are viewing this topic. « previous next »
Pages: [1] Go Down Print
Author Topic: เรื่องเล่าเด็กบ้านนอก : 17 ปีสุดท้ายของการเรียนชั้นประถม : เริ่มสู่ชีวิตการเรีย  (Read 234 times)
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,481


View Profile
« on: 21 November 2021, 22:15:39 »

เรื่องเล่าเด็กบ้านนอก : 17  ปีสุดท้ายของการเรียนชั้นประถม : เริ่มสู่ชีวิตการเรียนมัธยม


เรื่องเล่าเด็กบ้านนอก : 17
ปีสุดท้ายของการเรียนชั้นประถม : เริ่มสู่ชีวิตการเรียนมัธยม


หลังจากที่ร่ำเรียนโดยมีเพื่อนๆในแบบเรียนที่ใช้ชีวิตด้วยกันมานาน จนแทบจะเป็นเพื่อนกันจริงๆไปแล้ว อย่าง มานี  มานะ  ปิติ ชูใจ สมคิด ดวงแก้ว เพชร และบรรดาญาติผู้ใหญ่ทั้งหลาย กับสัตว์เลี้ยงอีกหลายตัว

ซึ่งเด็กๆจะคุ้นเคยกับตัวละครเล่านี้มาตั้งแต่ ป.1 มาจนถึงป.4 แต่พอขึ้น ป.5 เนื้อหา แบบเรียนก็เปลี่ยนไป  เด็กชั้นประถมตามต่างจังหวัดจะต้องเจอกับ' วิชาภาษาอังกฤษ ' ที่เป็นของใหม่สำหรับพวกเขา



'  A  B  C  D  D.....' คือสิ่งที่ต้องเรียนรู้ อ่านให้ออก เขียนให้ได้  หลายคนในกลุ่มเพื่อนๆของน้อยถึงกับบ่น

" อ้าว...นักเรียนวันนี้คัดตัวภาษาอังกฤษ ทั้งแบบ พิมพ์ใหญ่ พิพ์เล็ก มาส่งครู พร้อมอ่านออกเสียงด้วยนะ " เสียงคุณครูที่ยืนอยู่หน้าห้องสั่งงาน

"แค่ภาษาไทยกูยังแย่เลย  สอบทีไรก็ตกเกือบทุกที นี่มีภาษาอังกฤษมาอีก จะไหวไหมเนี่ย" ไอ้หมู เพื่อนร่วมห้องบ่นกับน้อย

" กูก็เหมือนกัน นี่วิชาคณิตฯยังส่งการบ้านไม่ทันเลย เดี๋ยวคงโดนตีหน้าห้องอีก " แหล่ เพื่อนในกลุ่มอีกคน บ่นตามมา

" เออเอาเหอะน่า เดี๋ยวก็ผ่านไปได้เองแหละ เดี๋ยวกูช่วย" น้อยให้กำลังใจเพื่อนๆ

................

หลังจากที่เรียนมาจนถึงปลายปีการศึกษาพอจบ ป.5 ซึ่งวิชาภาษาอังกฤษของนักเรียนห้องน้อย เด็กๆหลายคนสอบไม่ผ่านเกือบทั้งห้อง   เพราะด้วยความใหม่กับวิชา และการสอนที่ล่าช้าเพราะนักเรียนไม่เข้าใจ ครูผู้สอนจึงต้องคอยสอนซ้ำๆกับบทเรียนเดิมๆ เลยทำให้สอนไม่จบตามแบบเรียน ต้องมาสอบซ่อมกันหลายคน

พอต้องขยับเรียนชั้น ป.6 ครูที่สอนวิชาภาษาอังกฤษเป็นครูประจำชั้นเรียนของน้อยด้วย  ซึ่งเพื่อนๆในห้องต่างก็ได้ยินกิตศัพท์ว่าคุณครูท่านนี้'ดุ'มาก  เด็กๆหลายคนรู้สึกกลัวและไม่อยากเรียน เพราะกลัวโดนลงโทษ  จนบางครั้งในห้องเรียน จะมีเพื่อนๆไม่มาเรียน ขาดเรียนบ่อย  ถึงบ่อยมาก

'หนังยาง' ถูกถักเป็นตัวหนอน แล้วใช้ดีดที่หลังหู เป็นการลงโทษ สลับกับไม้เรียว สามครั้งบ้าง หกครั้งบ้าง น่องถึงกับลายตามรอยไม้เรียว ตามความผิดที่ต้องถูกลงโทษหากไม่มีการบ้านมาส่งในตอนเช้า

ทุกครั้งที่เข้าเรียนวิชาภาษาอังกฤษ คุณครูจะสั่งให้เด็กๆ พูดกับเพื่อนร่วมชั้นเป็นภาษาอังกฤษเพื่อให้คุ้นเคยกับภาษา แม้แต่ตอนจะออกไปเข้าห้องน้ำ ต้องขออนุญาตเป็นภาษาอังกฤษด้วยเช่นกัน

หลายคนไม่กล้าที่จะไปเข้าห้องน้ำเพราะกลัวพูดผิดเวลาขออนุญาตครู แต่ก็มีเพื่อนบางคนที่ทนไม่ไหว เพราะเวลาชั่วโมงเรียนนานถึง'สองคาบเรียน'

" น้อย มึงขออนุญาตครูให้กูด้วย กูไม่ไหวแล้ว " หมู ทำหน้าบูดเบี้ยวเพราะปวดฉี่แล้วอั้นไว้นาน กระซินกับน้อย

"เออได้ " น้อยรับปากช่วย

" May i go out please. " กับ " May i come in please "

ประโยคที่ต้องท่องจำให้แม่น ก่อนออกไปขออนุญาตครู ซึ่งประโยคแค่นี้พอไปยืนหน้าครูบางครั้งก็พูดผิด พูดถูก เพื่อนหลายคนเลยไม่กล้าที่จะพูดกัน เพราะกลัวครูดุเอา

ช่วงเช้า'หมู' จะมาโรงเรียนแต่เช้าก่อนใคร  ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยมาโรงเรียนแต่เช้าแบบนี้มาก่อนเพราะต้องมาขอให้น้อยช่วยทำการบ้านให้โดยมีค่าตอบแทนเป็นรายวิชาไป บางวิชา หนึ่งสลึง บางวิชา ห้าสิบสตางค์ บางวิชาน้อยไม่คิดเงินแต่ให้หมู'ลอกการบ้านเอง'

เป็นรายได้พิเศษที่มาจากเพื่อนๆ หลายคนที่ให้น้อยได้ช่วยทำการบ้านให้ โดยเฉพาะวิชาภาษาอังกฤษ กับคณิตศาสตร์ เพราะการบ้านช่วง ป.6 เยอะมาก และบางคนก็ไม่ค่อยเข้าใจกับวิชาเรียนบวกกับต้องคอยช่วยงานทางบ้าน เวลาที่จะทำการบ้านก็น้อย เลยมาทำในเวลาเช้าที่โรงเรียน

หลายคนทำไม่ทันส่งก็ต้องยอมรับการลงโทษ หลายคนก็ไม่มาเรียนเพื่อเลี่ยงการถูกทำโทษ ทำให้การเรียนช่วง ป.6 ไม่ค่อยสนุก เพราะเริ่มเรียนหนักขึ้น ด้วยเพราะคุณครูเริ่มเคี่ยวเข็ญอยากให้เด็กๆได้มีความรู้เพื่อไปสอบเข้าเรียน ในโรงเรียนมัธยมต่อไป

.................

หลังจากผ่านการเรียนมาจนช่วงปลายปีการศึกษา 2529 ผ่านกิจกรรมทั้งเรียนลูกเสือ เนตรนารี เดินทางไกล แข่งกีฬาสี ร่วมกัน จนถึงวันจบหลักสูตรประถมศึกษา เพื่อนๆหลายคนมีแผนที่จะเรียนต่อ หลายคนไม่เรียนอยากออกไปช่วยที่บ้านทำนา หลายคนอยากเข้าไปทำงานที่กรุงเทพฯ เพราะมีพี่ๆครอบครัวทำงานอยู่ก่อนแล้ว

ส่วน'น้อย'เอง มีแผนที่จะเข้าเรียนต่อที่กรุงเทพฯ  ตามที่พี่สาววางแผนไว้ แต่ต้องเปลี่ยนแผนกระทันหัน เพราะติดปัญหาหลายอย่าง จนน้อยต้องเข้าสอบแข่งขันเพื่อเข้าเรียนโรงเรียนในตำบล พร้อมกับเพื่อนๆอีกหลายคน



................

ผลสอบออกมาเป็นที่น่าพอใจสำหรับคุณครูที่ได้เพาะบ่ม เคี่ยวเข็ญ ลูกศิษย์ เพราะเด็กๆที่ไปสอบเข้าเรียนต่อ  ต่างสอบผ่ามได้เข้าเรียนกันครบทุกคน แต่บางคนที่สอบผ่านแล้วต้อง'สละสิทธิ์'ที่สอบได้ เพราะทางบ้านเปลี่ยนใจอยากให้ออกมาช่วยงานที่บ้านมากกว่า ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายเพราะบางคนมีผลการเรียนดีมาก

น้อยได้เข้าเรียนในห้องที่เป็นแผนการเรียน คณิตศาสตร์-อังกฤษ ตามที่ตั้งใจไว้  รอเวลาที่พี่สาวพร้อมให้ย้ายไปเรียนที่กรุงเทพฯ เมื่อความพร้อมมาถึง

สำหรับเด็กที่จบชั้นประถมปีที่หก แล้วต้องไปเรียนที่ใหม่ พบกับเพื่อนใหม่ ต้องมีการปรับตัวเรียนรู้กับสิ่งแวดล้อมใหม่ เพื่อนใหม่ ครู อาจารย์ และสถานที่ รวมถึงวิชาการเรียนที่ยกระดับความยากขึ้นอีกหลายเท่าตัว

.................

การเรียนใน 'โรงเรียนมัธยม' ที่อยู่ห่างจากบ้านเกือบสองกิโลเมตร  ทำให้น้อยต้องตื่นเช้ากว่าตอนเรียนชั้นประถม  เพราะโรงเรียนอยู่ไกลบ้าน  แล้วต้องปั่นจักรยาน ที่ได้รับมรดกตกทอดมาจาก พี่ชาย พี่สาว อีกที พร้อมด้วยกล่องข้าวที่ต้องห่อข้าวไปกินมื้อกลางวัน ร่วมกับเพื่อนๆที่ต่างคนก็เตรียมห่อข้าวมาตั้งวงกินร่วมกันในมื้อกลางวัน

สิ่งแวดล้อมใหม่ๆทำให้น้อยอดตื่นเต้นไม่ได้ สถานที่แปลกตา ขนาดพื้นที่ การเรียน แบบย้ายห้องเรียน เพื่อนๆรุ่นพี่ที่ดูตัวโตเป็น หนุ่ม-สาว กันแล้ว ภาษาที่ใช้พูดคุยกัน ดูใหม่ไปหมดสำหรับน้อย แล้วน้อยจะต้องปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่ๆได้ดีขนาดไหน คือสิ่งที่ ตัวน้อยเองต้องเรียนรู้ต่อไป..

................

*** จบแล้วนะครับสำหรับเรื่องเล่าของชีวิตเด็กบ้านนอก ในชุดแรก ซึ่งมีมาทั้งหมด 17 ตอนด้วยกัน ขอบคุณมากสำหรับเพื่อนๆที่กดติตาม และตามอ่านจนครบทุกตอน ส่วนเรื่องเล่าเด็กบ้านนอก' ชุด'ต่อไป ผู้เขียนเองขอข้ามไปในช่วงอายุของ ' น้อย 'ที่ได้ทำงานแล้ว และได้มีโอกาสเดินทางท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆแล้วจะนำมาเล่าสู่กันฟังตามมุมมองของ 'เด็กบ้านนอก ' นะครับ  ฝากเพื่อนๆติดตามผลงาน เพื่อเป็นกำลังใจ ของเรื่องเล่าเด็กบ้านนอก' ชุด 'ต่อไปด้วยนะครับ

*** ขอบคุณสำหรับเพื่อนๆที่กดติดตามทั้ง164 คนด้วยนะครับ หวังว่าคงติดตามผลงานกันต่อไปนะครับ



Logged
Pages: [1] Go Up Print 
« previous next »
 

SMF 2.0.4 | SMF © 2013, Simple Machines | Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.045 seconds with 19 queries.