Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
User Info
Welcome, Guest. Please login or register.
03 May 2024, 14:23:28

Login with username, password and session length
Search:     Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ

http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
25,628 Posts in 12,450 Topics by 70 Members
Latest Member: KAN
Home Help Search Calendar Login Register
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...  |  วิถีสู่ชีวิตแห่งความพอเพียง  |  ความสุขทางเลือก (Moderator: SATORI)  |  เรื่องเล่าเด็กบ้านนอก : 7 บ้านนอกเข้ากรุง : กรุงเทพฯ กับส้มบางมดในตำนาน
0 Members and 1 Guest are viewing this topic. « previous next »
Pages: [1] Go Down Print
Author Topic: เรื่องเล่าเด็กบ้านนอก : 7 บ้านนอกเข้ากรุง : กรุงเทพฯ กับส้มบางมดในตำนาน  (Read 193 times)
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,481


View Profile
« on: 20 November 2021, 18:15:26 »

เรื่องเล่าเด็กบ้านนอก : 7  บ้านนอกเข้ากรุง : กรุงเทพฯ กับส้มบางมดในตำนาน


ช่วงปิดเทอมของเดือนตุลาคมทุกๆปี  คือสวรรค์สำหรับเด็กประถมเลยทีเดียว เพราะไม่ต้องไปโรงเรียน แถมยังมีเวลาได้ออกไปวิ่งเล่นกับเพื่อนๆ ที่บ้านอยู่ละแวกเดียวกันอีก แต่ก็ต้องมีการบ้านที่คุณครูได้ให้ไว้ต้องทำส่งในวันเปิดทอม ไม่งั้นอาจโดนลงโทษได้ถ้าหากไม่ได้ทำให้เสร็จ

ตอนสายวันหนึ่งพี่ชายคนโตของน้อยได้กลับมาที่บ้าน  เพื่อมาปรึกษากับพ่อกับแม่ เรื่องการจะย้ายครอบครัวมาอยู่ด้วยกันที่นี่  พ่อกับแม่ก็ไม่ขัดข้อง แต่ก็จะให้ไปสร้างบ้านอยู่อีกที่หนึ่งในที่ที่อยู่ไม่ไกลออกไปจากบ้านของพ่อ แม่มากนัก แต่อยากให้ไปบอกกล่าวกับน้องๆที่อย่ในกรุงเทพฯด้วย จะได้รับรู้เรื่องราวกัน

พี่ชายของน้อยเลยถือโอกาสขออนุญาติ ให้น้อยได้ไปกรุงเทพฯด้วยก้น เพราะเห็นว่าเป็นช่วงปิดเทอมอยู่ น้อยจะได้ไปเที่ยว  เยี่ยมเยือนพี่ๆที่อยู่กรุงเทพฯด้วยเลย

วันเดินทางพี่ชายได้พาน้อยนั่งสามล้อถีบ ที่ได้บอกล่าวกันไว้ตั้งแต่เมื่อวาน ให้ไปส่งที่ บขส.ในตลาด หลังจากซื้อตั๋วเสร็จ นั่งรออีกครึ่งชั่วโมงเพื่อรอรถที่วิ่งมาจากในตัวเมือง  พอรถโดยสารมาถึง พี่ชายรีบพาน้อยขึ้นไปหาที่นั่ง ปรากฎว่าที่นั่งถูกจับจองด้วยผู้โดยสารเต็มไปหมดแล้ว

พี่ชายจึงเดินเข้าไปพูดคุยกับคนเก็บตั๋วและขอให้ช่วยหาที่นั่งให้  คนเก็บตั๋ว จึงให้ผู้โดยสารสองฝั่งลุกขึ้นแล้วเลื่อนเบาะเข้ามาตรงกลางช่องทางเดิน ให้เบาะมาต่อกันเป็นที่นั่งเสริม ทั้งสองคนจึงได้ที่นั่งพิเศษเป็นเบาะต่อกัน แต่ไม่มีพนักพิง

พอรถมาถึงจุดพักแถวๆ ปากช่อง  จอดให้ผู้โดยสารได้ลงไปทำธุระ เข้าห้องน้ำ กินข้าว พี่ชายได้เตือนน้อยให้ดูตัวเลขข้างรถที่นั่งมา กับในตั๋วให้ตรงกัน  เพราะเดี๋ยวเวลาขึ้นรถจะได้ไม่ผิดคัน เพราะรถที่มาจอดมีจำนวนมากและลักษณะที่คล้ายกัน  จนอาจแยกไม่ออก ยิ่งถ้ารถเปลี่ยนที่จอดหลังจากเติมน้ำมันแล้วละก็อาจะหารถไม่เจอ เพราะจุดจอดรถจะมีรถโดยสารเข้ามาจอดตลอดเวลา

หลังจากใช้เวลาเดินทางบนรถ บขส.เกือบเจ็ดชั่วโมง พอถึงสถานีหมอชิตคนเก็บตั๋วก็ส่งเสียงเตือน ว่าอย่าลืมข้าวของ สัมภาระใต้ท้องรถ และตรวจเช็คของมีค่าเผื่อตกหล่น

ขณะที่รถกำลังจะจอดเทียบท่าและประตูเปิดออก มีโชเฟอร์แท็กซี่จำนวนมากวิ่งกรูกันมารอหน้าประตู แล้วส่งเสียงเรียกลูกค้าแข่งกัน



" แท็กซี่มั้ยครับ แท็กซี่มั้ยครับ "

น้อยกับพี่ชาย เดินแยกตัวออกมาจากกลุ่มผู้โดยสารคนอื่นๆ หลังจากที่ได้กระเป๋าสัมภาระเรียบร้อยแล้ว

" ไปไหนครับพี่ ให้ผมไปส่งมั้ย " โชเฟอร์แท็กซี่คันหนึ่งเดินตามมาถาม

" ไปกิโลเก้า " พี่ชายตอบ

" ถึงพระประแดงยังครับ "แท็กซี่คนเดิมถามอีก

" ยัง เข้าไปในเทคโนฯ ธนบุรี เลยไปอีกนิดก็ถึงแล้ว " พี่ชายอธิบายทาง

"80 บาท " โชเฟอร์บอกราคา

"60  เคยไปราคานี้ " พี่ชายอ้าง

"60 ก็ 60 " แท็กซี่ตอบ หลังจากทำท่าคิดอยู่ครู่หนึ่ง

โชเฟอร์แท็กซี่พาเดินไปที่รถ ซึ่งจอดไว้ห่างออกมาจาก สถานีหมอชิตประมาณหนึ่ง เอากระเป๋าใส่ท้ายรถ แล้วเปิดประตูหลังให้น้อยกับพี่ชายขึ้นไปนั่ง

" รอผมอยู่ในรถแป็ปนึงนะพี่เดี๋ยวผมมา " พูดจบปิดประตูรถ ไขกุญแจพร้อมเดินกลับไปทางหมอชิตอีกครั้งหนึ่ง

หลังจากที่นั่งรอมานาน น้อยกับพี่ชายเริ่มบ่น ด้วยอากาศที่ร้อน เพราะรถไม่ได้เปิดแอร์ไว้ บวกกับอากาศที่ร้อน พี่ชายจึงลองเปิดประตูรถดู ซึ่งลองอยู่หลายครั้งแต่ก็เปิดไม่ได้

พอดีกับโชเฟอร์แท็กซี่เดินกลับมาพร้อมกับผู้หญิงอีกสองคน  จัดแจงเก็บกระเป๋าใส่ท้ายรถแล้วให้คนที่อายุมากกว่ามานั่งด้านหลัง ส่วนอีกคนนั่งด้านหน้าข้างคนขับเพราะตัวค่อนข้างใหญ่ เสร็จเรียบร้อยแล้วจึงออกรถ

" พอดีผมเห็นว่าอยู่ทางเดียวกับพี่ เลยรับไปพร้อมกัน จะได้ไม่เสียเที่ยว " โชเฟอร์แท็กซี่ออกตัว หลังจากที่เห็นพี่ชายเริ่มไม่พอใจ

แวะส่งผู้หญิงสองคนเสร็จ วนไปส่งน้อยกับพี่ชาย ยังไม่ถึงจุดหมายน้อยมีอาการเหมือนจะเป็นลม หน้าเริ่มซีด พี่ชายยื่นยาดมให้ แล้วเอาถุงพลาสติกที่เตรียมมาเตรียมไว้ พร้อมกับบอกให้รถจอด

"อ้วกกกกกก..." น้อยส่งเสียงพร้อมกับเศษอาหารที่กินไปตอนพักรถ ออกมามาแบบหมดไส้หมดพุง  พี่ชายเอามือลูบหลังให้ พร้อมกับน้ำที่ซื้อไว้ตอนกินข้าวบ้วนปาก ล้างหน้า

พออาการดีขึ้นกลับขึ้นรถ พร้อมกับได้ยินเสียงบ่นพึมพัมของโชเฟอร์แท็กซี่  ในขณะที่พี่ชายยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย

พอรถจอดหลังจากถึงที่หมาย  น้อยมองเห็นเต็นทหลังใหญ่ที่กางครอบร้านขายผลไม้ ที่เต็มไปด้วยเข่งส้มเขียวหวานสีเหลือง หลายๆขนาดตั้งเรียงรายกันเป็นแถว  พร้อมกับแม่ค้าส่งเสียงเรียกลูกค้ากันคึกคัก

พี่ชายพาน้อยเดินเข้าไปในร้านส้มพร้อมกับทักทายแม่ค้าเพราะเคยรู้จักกันมาก่อนบ้าง กับบางคน แล้วแนะนำน้องชายให้รู้จัก แล้วพาเดินไปหลังร้านข้ามสะพานที่เชื่อมต่อลงไปบ้านที่พี่สาวพักอยู่  กับครอบครัวน้าอีกสองคน

หลังจากได้อาบน้ำพักผ่อนแล้ว  ช่วงเย็นร้านส้มที่น้อยเห็นเมื่อตอนบ่ายๆ ถูกเก็บ ขยับเรียงกันเป็นกลุ่มๆ พร้อมกับผ้าใบปิดคลุมไว้อย่างดี  ทำให้มีพื้นที่ว่างเป็นบริเวณกว้าง เด็กๆแถบนั้นจึงใช้เป็นที่วิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน

ร้านส้มแห่งนี้ได้สร้างขึ้นจากการสนับสนุนจากทางราชการ  หลังจากที่ในหลวงในรัชกาลที่ 9 ทรงเสด็จมาที่วัดทุ่งครุ  และให้ราษฎรเข้าเฝ้า และได้ทรงตรัสกับชาวสวนส้มที่อยู่บริเวณนั้นให้ช่วยกันอนุรักษ์พันธุ์ส้มเอาไว้  เพราะส้มที่บางมดแห่งนี้มีรสชาติที่หวาน ไม่เหมือนใครจะได้มีส้มที่อร่อยไว้กินได้ตลอดไป





ทุกๆเช้าน้อยจะได้ยินเสียงดังจากมัสยิดที่อยู่ฝั่งตรงข้ามร้านส้ม  ทำการการละหมาด พี่สาวบอกว่าแถวๆบริเวณนี้มีคนที่นับถือศาสนาอิสลามอยู่เป็นจำนวนมากจึงได้ยินเสียงละหมาดทุกๆวัน  วันละห้าเวลา บางครั้งก็จะมี "แขก"ที่คนไทยใช้เป็นคำเรียกผู้ที่นับถืออิสลาม พายเรือมาตามลำคลองที่อยู่ติดกับบ้านพี่สาว  แล้วมาจอดเรือเอาไว้ใต้ร้านส้ม  เพราะร้านส้มถูกสร้างยกพื้นให้สูง ด้านล่างใช้เป็นที่จอดเรือหางยาวสำหรับใช้ไปเก็บส้มในสวนมาขาย

น้อยเคยออกไปเก็บส้มที่สวนกับพี่สาว  ซึ่งทางเจ้าของสวนที่ปลูกแล้วขายให้กับแม่ค้า  ก็จะให้แม่ค้ามาเก็บจากต้นเอาเอง แล้วใส่เข่งบรรทุกเรือหางยาวออกมาจากสวน  แล้วมาคัดแยกขนาดของผลส้มเพื่อจะได้ตั้งราคาขายตามขนาด

พื้นที่สวนส้มที่อยู่ด้านริมคลองบางมดและคลองใกล้เคียง อยู่ในเขตที่ใกล้กับทะเล ทำให้น้ำเป็นน้ำกร่อย และดินที่เกิดจากปากแม่น้ำสะสมทำให้ส้มที่ปลูกบริเวณนี้มีรสชาติที่แตกต่างจากที่อื่นๆ ผลของส้มบางมดจะมีผิวเหลืองเข้ม เปลือกบาง รสหวาน อมเปรี้ยวเล็กน้อย เนื้อมาก จึงทำให้เป็นที่ถูกปากของคนกิน





น้อยพักอยู่กับพี่สาวที่หลังร้านส้มหลายวันมีโอกาสได้ไปเที่ยวที่ต่าง ทั้งสวนสัตว์เขาดิน ทะเลบางแสน และห้างสรรพสินค้า และที่ห้างสรรพสินค้านี่เองที่น้อยพึ่งเคยเห็นและได้ขึ้นลิฟท์ กับบรรไดเลื่อน ซึ่งทำให้น้อยรู้สึกตื่นเต้นมาก  แต่น้อยจะไม่ค่อยชอบกรุงเทพฯนัก เพราะรถเยอะและติดด้วย  ตัวเขาเองเป็นคนเมารถด้วยแล้ว  ยิ่งทำให้ไม่ค่อยชอบเดินทางในกรุงเทพฯสักเท่าไร

ก่อนถึงวันที่จะต้องกลับบ้านนอก พี่สาวได้พาไปซื้อเสื้อผ้าชุดนักเรียน  เครื่องเขียน  น้อยรู้สึกดีใจมาก  เพราะโอกาสที่จะได้ใส่ชุดใหม่ๆนั้นแทบจะไม่มีเลย  ของเล่นที่ลูกๆ ของเพื่อนๆพี่สาวที่ไม่เล่นแล้ว เอามาฝากไว้ให้  ทั่งเสื้อผ้า  กระเป๋า  น้อยตื่นเต้นกับหุ่นยนต์ไขลานแล้วเดินได้ตัวนั้น จนอยากที่จะรีบกลับบ้านเพื่อเอาไปอวดเพื่อนๆ

พอถึงวันกลับพี่สาวได้เรียกรถแท็กซี่ของคนที่พอรู้จักแถวนั้นให้ไปส่งที่หมอชิต   พร้อมกับข้าวของพะรุงพะรัง  ที่ขาดไม่ได้เลยคือส้มบางมดอีกสองลัง  ที่ต้องช่วยกันหอบหิ้วกลับบ้านนอก โดยระหว่างที่เดินทางในใจน้อยนั้นอยากจะถึงบ้านให้ไว    เพราะมีเรื่องที่พึ่งนึกขึ้นได้ว่าโรงเรียนใกล้จะเปิดแล้ว   แต่การบ้านที่คุณครูให้ไว้นั้นเขายังไม่ได้ทำเลยแม้แต่เล่มเดียว

#ชาวสวนส้มบางมดต้องเลิกปลูกส้มเพราะปัญหาน้ำท่วมบ่อย  จึงเริ่มขายที่ทางทำหมู่บ้านจัดสรรกันหมด  ปัจจุบันยังพอมีส้มบางมดอยู่บ้างไม่กี่สวน และมีการเอาพันธุ์ส้มบางมดไปปลูกที่อื่น รสชาติก็เปลี่ยนไปตามพื้นที่ ดิน ที่เอาไปปลูก ชื่อก็อาจเปลี่ยนไปตามที่ที่นำไปปลูก



Logged
Pages: [1] Go Up Print 
« previous next »
 

SMF 2.0.4 | SMF © 2013, Simple Machines | Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.037 seconds with 17 queries.