Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ... | Profile of ppsan | Show Posts | Messages
Messages |
Topics |
Attachments
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
Messages - ppsan
1
« on: Today at 08:28:16 »
ทัพพม่ากวาดต้อน “เชลยชาวอยุธยา” ไปอังวะอย่างไร? หลังเสียกรุงครั้งที่ 2
 ทัพพม่ากวาดต้อน “เชลยชาวอยุธยา” ไปอังวะอย่างไร? หลังเสียกรุงครั้งที่ 2 . เชลยชาวอยุธยา และพระบรมวงศานุวงศ์กรุงศรีอยุธยา ถูกกวาดต้อนไปพม่า สู่กรุงอังวะอย่างไร เส้นทางใดบ้าง หลังเสียกรุงศรีอยุธยาแก่พม่าครั้งที่ 2 พ.ศ. 2310 . รศ. ดร. ศานติ ภักดีคำ เล่าถึงเรื่องนี้ในบทความ “ตามทางทัพพม่าคราวเสียกรุงฯ พ.ศ. ๒๓๑๐ (๕) จากด่านพระเจดีย์สามองค์สู่เมืองอังวะ” นิตยสารศิลปวัฒนธรรม ฉบับสิงหาคม 2561 ว่า พม่าควบคุมเชลยศึกกรุงศรีอยุธยามารวมกันที่เมืองเมาะตะมะก่อน จากนั้นลำเลียงขึ้นเหนือไปยังราชธานีของพม่า คือกรุงรัตนปุระอังวะ . ลำดับแรก กองทัพพม่านำเชลยชาวอยุธยาและหัวเมืองใกล้เคียงในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา เดินทางไปยังเมืองเมาะตะมะด้วย 2 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางด่านเมืองอุทัยธานี คือ ด่านหนองหลวง และด่านแม่กลอง (ปัจจุบันคืออำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก) แล้วเลียบแม่น้ำเมยขึ้นเหนือไปเมาะตะมะ กับ เส้นทางกาญจนบุรี ผ่านเมืองไทรโยคไปยัง ด่านเจดีย์สามองค์ แล้วไปยังเมาะตะมะ . เมื่อทัพจาก 2 เส้นทางมาบรรจบกันที่เมืองเมาะตะมะ หลักฐานไทยและพม่ากล่าวไว้ตรงกันว่า พม่าแบ่งขบวนเชลยศึกชาวอยุธยาออกเป็น 2 ทาง มี “เนเมียวมหาเสนาบดี” (เนเมียวสีหบดี) บัญชาการ และนำทัพกวาดต้อนเชลยซึ่งเป็นพระราชวงศานุวงศ์และชาวอยุธยาบางส่วนไปทางบกขึ้นไปยังกรุงอังวะ . ส่วนอีกทางเป็นทางน้ำ “ปะกันหวุ่น” เจ้าเมืองพุกาม บัญชาการลำเลียงขบวนเรือ มีเรือพระที่นั่ง ปืนใหญ่ และสิ่งของต่าง ๆ ขึ้นไปถวายพระเจ้าแผ่นดินพม่าโดยเฉพาะ ดังข้อความใน “พระราชพงศาวดาร ฉบับสมเด็จพระพนรัตน์ วัดพระเชตุพน ตรวจสอบชำระจากเอกสารตัวเขียน” ระบุว่า . “...อหนึ่งปะกันหวุ่นเอาเรือพระธินั่งกิ่งไปลำหนึ่งเอาขึ้นตะเข้ชักลากไปกับทั้งปืนใหญ่ด้วยกัน จนตกลำน้ำเมืองสมิะ เอาปืนลงบันทุกเรือใหญ่ ออกปากน้ำเมืองเมาะตะมะไปเข้าปากน้ำเมืองเสี่ยง ส่งขึ้นไปเมืองอังวะถวายกับทั้งเรือกิ่ง แลครอบครัวไทซึ่งกวาดต้อนไปนั้น พระเจ้าอังวะจึ่งปูนบำเหนจ์ตั้งให้ปะกันหวุ่นอยู่ครองเมืองเมาะตะมะ . ฝ่ายเนเมียวมหาเสนาบดียกกองทับครอบครัวไทกับทังพระราชวงษานุวงษกระษัตรเมืองไทซึ่งกวาดต้อนไปนั้น ครั้นถึ่งเมืองอังวะก็เข้าเฝ้าพระเจ้ามังระ กราบทูลถวายผู้คนชาวกรุงศรีอยุทธยาแลพระราชวงษานุวงษ กับทรัพย์สี่งของทองเงีนเปนอันมาก . พระเจ้ามังระจึ่งปูนบำเหนจ์ตั้งเนเมียวเปนโยทธยาหวุ่นให้ควบคุมพวกไททั้งสิ้น แลขุนหลวงวัดประดู่ (พระเจ้าอุทุมพร-ผู้เขียน) นั้นพระเจ้าอังวะให้ศึกออกเปนคหัด แต่บันดาเชื้อพระวงษกระษัตรกรุงไทนั้น ให้ไปตั้งบ้านเรือนอยู่ ณะ เมืองจักไก ฝ่ายฟากแม่น้ำข้างโน้นตรงเมืองอังวะข้าม...” . ทั้งนี้ ในหนังสือ “มหาราชวงษ์พงษาวดารพม่า” หรือพระราชพงศาวดารพม่า ฉบับหอแก้ว ก็มีส่วนที่เล่าถึงเส้นทางในการกวาดต้อนเชลยขึ้นไปเมืองอังวะ ว่า . “...ส่วนครั้นถึงเมืองมุตมะ (เมาะตะมะ) ก็พบกับแม่ทัพรอง ที่พระเจ้ากรุงอังวะทรงใช้ให้มาช่วยตีกรุงศรีอยุทธยานั้น แล้วสีหะปะเต๊ะแม่ทัพจัดให้แม่ทัพหลวงนั้นคุมปืนใหญ่พี่น้องปืนใหญ่อื่นๆ อิก รวม ๕๐๐ กระบอกเศษ บรรทุกแพคุมไปกรุงอังวะ แต่สีหะปะเต๊ะนั้นคุมทหารไปโดยทางบก ครั้นเดือน ๙ ศกนั้นก็ถึงเมืองรัตนบุระอังวะ...” . เส้นทางจากเมืองเมาะตะมะไปยังกรุงรัตนปุระอังวะจึงมีอยู่ 2 เส้นทาง คือ เส้นทางบก และเส้นทางน้ำ . สำหรับเส้นทางบก มหาราชวงษ์พงษาวดารพม่า เล่าว่า เนเมียวมหาเสนาบดีนำทัพคุมเชลยไปกรุงอังวะ กวาดต้อนผู้คนข้ามแม่น้ำแม่น้ำสะโตง ขึ้นเหนือไปทางเมืองหงสาวดี เมืองตองอู เข้าสู่พื้นที่ชลประทานเจ้าเซ ดังมีร่องรอยศิลปกรรมสยาม เช่น เจดีย์ย่อมุมศิลปะอยุธยา ที่หมู่บ้านในเมืองเจ้าเซ แสดงให้เห็นว่าเคยมีชุมชนชาวอยุธยาอยู่ที่นี่ . จากนั้นเชลยชาวอยุธยาก็มาพักอยู่ไม่ไกลจากกรุงอังวะ อ. ศานติสันนิษฐานว่า มีศูนย์กลางชุมชนอยู่บริเวณหมู่บ้านที่มีวัดมะเดื่อ หรือวัดเยตะพัน ทางทิศใต้ของเมือง ก่อนจะแบ่งเป็นกลุ่ม ๆ ไปอยู่ตามที่ต่าง ๆ . ส่วนเส้นทางน้ำ วิเคราะห์กันว่าน่าจะล่องเรือจากเมืองเมาะตะมะ ผ่านปากน้ำสะโตง ไปยังเมืองสิเรียม แล้วล่องแม่น้ำอิรวดีขึ้นไป ผ่านเมืองแปร พุกาม ถึงกรุงอังวะ จากการพบร่องรอยชาวอยุธยาตามชุมชนริมแม่น้ำอิรวดี เช่น จิตรกรรมฝาผนัง (อย่างไทย) ที่วัดกู่วุดจีกูพญา เมืองบินบู และที่เมืองสาลิน . “คำให้การของมหาโคมหากฤช” ซึ่งเล่าถึงเหตุการณ์มหาโคข้าหลวงเดิมเกิดพลัดหลงกับสมเด็จพระเจ้าอุทุมพรที่ “เมืองแปร” ก็เป็นหลักฐานที่ชวนให้เชื่อว่า สมเด็จพระเจ้าอุทุมพรไม่ได้เสด็จฯ ไปกับทัพของเนเมียวสีหบดี แต่ทรงไปทางน้ำพร้อมเรือพระที่นั่ง เพราะเมืองแปรตั้งอยู่ริมแม่น้ำอิรวดีบนเส้นทางไปยังกรุงอังวะ ดังว่า . “...ด้วยข้อความว่า เมื่อครั้งอ้ายพม่ายกมาตีกรุงเทพฯ ศรีอยุธยาได้นั้น มหาโคเป็นฆราวาสอายุ ๒๗ ปี ตามเจ้าวัดประดู่ไปพลัดกันตกอยู่ ณ เมืองเปร จึงบวชเป็นภิกษุได้ ๑๔ พรรษา แล้วสึกออกมา...” . เป็นอันว่า สมเด็จพระเจ้าอุทุมพร พระราชวงศานุวงศ์ เชลยชาวอยุธยา และหัวเมืองใกล้เคียง เช่น สุพรรณบุรี อ่างทอง อุทัยธานี ฯลฯ ถูกกวาดต้อนจากสยามไปเมืองเมาะตะมะ และจากเมาะตะมะโดยทางบกผ่านเมืองหงสาวดี ตองอู ทางน้ำตามลำน้ำอิรวดีผ่านเมืองแปร พุกาม ก่อนจะบรรจบกันที่กรุงอังวะ แล้วกระจายไปตามชุมชนต่าง ๆ ทั่วแผ่นดินพม่า . ภาพ : จิตรกรรมแสดงเหตุการณ์กองทัพพม่าโจมตีกรุงศรีอยุธยา สมัยเสียกรุงครั้งที่ 2 จากอนุสรณ์สถานแห่งชาติ .

. #เสียกรุง #กรุงศรีอยุธยา #เชลยศึก #ประวัติศาสตร์ #SilpaHistory #ศิลปวัฒนธรรม #SilpaMag
. ที่มา :Silpawattanatham ศิลปวัฒนธรรม https://www.facebook.com/SilpaWattanatham .
2
« on: 13 December 2025, 20:38:49 »
โรมันตะวันตก, โรมันตะวันออก, โรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ต่างกันยังไง?

โรมันตะวันตก, โรมันตะวันออก, โรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ต่างกันยังไง? ----- แอดมินเชื่อเลยว่า ใครที่ติดตามหรือศึกษาเรื่องราวของประวัติศาสตร์ยุโรป จะต้องรู้จักกับจักรวรรดิโรมัน (Roman Empire) หนึ่งในจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ยุคโบราณอย่างแน่นอน นอกจากนี้ เราก็จะรู้ว่าในยุคสมัยที่จักรวรรดิโรมันมีอาณาเขตที่กว้างใหญ่เกินว่าที่จักรพรรดิองค์หนึ่งจะปกครองได้ ก็ได้มีแบ่งจักรวรรดิโรมันออกเป็นสองส่วนด้วยกัน คือโรมันตะวันตก (Western Roman Empire) กับโรมันตะวันออก (Eastern Roman Empire) แต่พอมาดูยุโรปในยุคกลาง ก็อาจจะได้เคยได้ยินชื่อของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ (Holy Roman Empire) ที่เป็นมหาจักรวรรดิอันประกอบไปด้วยดินแดนของคนหลากหลายเชื้อชาติในยุโรปตอนกลาง คำถามคือแล้วโรมันทั้งสามนี้ มีความแตกต่างกันอย่างไร? เริ่มต้นที่การแบ่งจักรวรรดิโรมันออกเป็นสองส่วนกันก่อน โดยถูกแบ่งครั้งแรกในปี 286 ในสมัยจักรพรรดิไดโอคลีเซียน (Diocletian) เมื่อถึงปี 293 ไดโอคลีเซียนกระจายอำนาจการปกครองมากกว่านั้น โดยแบ่งจักรวรรดิเพิ่มเป็นสี่ส่วน หรือที่เรียกว่า จตุราธิปไตย (Tetrarchy การปกครองโดยผู้นำสี่คน) โดยทั้งโรมันตะวันตกและโรมันตะวันออก จะมีจักรพรรดิอาวุโส (หรือเอากุสตุส Augustus) และจักรพรรดิรอง (หรือซีซาร์ Caesar) ในระยะแรก จักรวรรดิโรมันทั้งสองส่วนยังถือว่าตนเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่เมื่อระยะเวลาผ่านไป ความแตกต่างของทั้งสองส่วนมีความแตกต่างเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งทางการเมืองและวัฒนธรรม (โรมันตะวันตกใช้ภาษาละติน โรมันตะวันออกใช้ภาษากรีก) ในบางช่วงเวลา จักรวรรดิโรมันทั้งสองส่วนได้กลับมารวมกันอีกครั้ง โดยครั้งสำคัญเกิดขึ้นในปี 324 ในสมัยจักรพรรดิคอนสแตนตินมหาราช (Constantine the Great) พระองค์สถาปนาเมืองหลวงแห่งใหม่คือนครคอนสแตนติโนเปิล (Constantine) หรือชื่อเดิมคือ ไบแซนทิอุม (Byzantium) ที่ต่อมาจะกลายเป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิโรมันตะวันออก หรือที่รู้จักกันในชื่อจักรวรรดิไบแซนไทน์ (Byzantine Empire) นั่นเอง แต่ท้ายที่สุดในปี 395 หลังสมัยจักรพรรดิธีโอโดเซียสที่ 1 (Theodosius I) จักรวรรดิโรมันทั้งสองส่วนก็ถูกแบ่งแยกอย่างถาวร จักรวรรดิโรมันตะวันตกล่มสลายในปี 476 ขณะที่โรมันตะวันออกหรือจักรวรรดิไบแซนไทน์ จะดำรงอยู่จนล่มสลายในปี 1453 หลังนครคอนสแตนติโนเปิลถูกพิชิตโดยจักรวรรดิออตโตมัน ส่วนจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์นั้น เชื่อมโยงกับการล่มสลายของจักรวรรดิโรมันตะวันตก เพราะการล่มสลายของจักรวรรดิโรมันตะวันตก ทำให้ยุโรปเกิดสภาวะสูญญากาศทางอำนาจขึ้น เปิดโอกาสให้อนารยชนเผ่าต่าง ๆ [หรือที่โรมันเรียกว่าพวกป่าเถื่อน] สร้างอาณาจักรของตนขึ้นมา ซึ่งอาณาจักรที่ถือว่าแข็งแกร่งที่สุด ก็คืออาณาจักรของหนึ่งในชนเผ่าเยอรมัน (Germanic Tribes) ที่เรียกว่าชาวแฟรงก์ (Frank) ในช่วงศตวรรษที่ 8 อาณาจักรแฟรงก์ในยุคกษัตริย์ที่ชื่อ ชาร์เลอมาญ (Charlemagne) ได้พิชิตดินแดนในยุโรปโดยครอบครองพื้นที่ของฝรั่งเศส เยอรมนีและตอนเหนือของอิตาลี ทำให้ยุโรปมีความเป็นปึกแผ่นอีกครั้ง ความยิ่งใหญ่ของชาวแฟรงก์ ประกอบกับการทำสงครามกับคนนอกศาสนา และช่วยฟื้นฟูอำนาจของศาสนจักร ในปี 800 พระสันตะปาปาลีโอที่ 3 (Leo III) จึงสวมมงกุฎแต่งตั้งชาร์เลอมาญเป็นจักรพรรดิของชาวโรมัน (Emperor of the Romans) เป็นสัญลักษณ์ของการสืบทอดความยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิโรมันในอดีต หลังจากชาร์เลอมาญสิ้นพระชนม์ในปี 814 เกิดการแย่งชิงอำนาจในทายาทของพระองค์ จนในปี 843 อาณาจักรแฟรงก์ได้ถูกแบ่งเป็นสามส่วน แฟรงก์ตะวันตก (West Francia) ต่อมาจะกลายเป็นฝรั่งเศส ที่สถาปนาเป็นอาณาจักรในปี 987 ส่วนแฟรงก์ตอนกลาง (Middle Francia) จะถูกผนวกโดยอีกสองแฟรงก์ และแฟรงก์ตะวันออก (East Francia) จะกลายเป็นจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ในปี 962 หลังจากออทโทที่ 1 (Otto I) กษัตริย์ของแฟรงก์ตะวันออกได้รับสวมมงกุฎเป็นจักรพรรดิของชาวโรมัน ในสมัยจักรพรรดิออทโทที่ 2 (Otto II ครองราชย์ 973-983) พระองค์เปลี่ยนมาเรียกตำแหน่งจักรพรรดิของพระองค์ว่า จักรพรรดิโรมัน (Roman Emperor) และในปี 1034 สมัยจักรพรรดิคอนราดที่ 2 (Conrad II) ชื่อของจักรวรรดิก็ถูกเรียกว่า จักรวรรดิโรมัน (Roman Empire หรือภาษาละติน romanum imperium) พอถึงปี 1157 สมัยจักรพรรดิเฟรเดอริก บาร์บารอสซ่า (Frederick Barbarossa) ก็ได้ปรากฎชื่อจักรวรรดิอันศักดิ์สิทธิ์ (Holy Empire ภาษาละติน sacrum imperium) โดยคำว่าศักดิ์สิทธิ์แสดงถึงการครอบงำอิตาลีและพระสันตะปาปาของจักรพรรดิเฟรเดอริก และชื่อจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ (sacrum romanum imperium) ก็ถูกใช้งานครั้งแรกตั้งแต่ปี 1254 ----- อ้างอิง เอ็มมา แมริออตต์ (เขียน) สินีนาถ เศรษฐพิศาล (แปล). (2025). ประวัติศาสตร์โลก ฉบับย่อ. ยิปซี. เจคอบ เอฟ. ฟีลด์ (เขียน) ณิชาภา ชีวะสุจินต์ (แปล). (2025). ประวัติศาสตร์ยุโรป ฉบับย่อ. ยิปซี. อนันตชัย เลาหะพันธุ. สถานะของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ในประวัติศาสตร์. วารสารอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ปีที่ 25 ฉบับที่ 1 มิถุนายน-พฤศจิกายน 2545 #HistofunDeluxe
.. ข้อมูลจาก facebook Histofun Deluxe https://www.facebook.com/histofun2 https://www.facebook.com/photo?fbid=1467219622077149&set=a.439959808136474
6
« on: 25 November 2025, 11:52:48 »
ประวัติศาสตร์เมโสโปเตเมีย ฉบับไทม์ไลน์
Histofun Deluxe 17 ก.ย. เวลา 19:00 • ประวัติศาสตร์

• ประวัติศาสตร์เมโสโปเตเมีย ฉบับไทม์ไลน์
.....
• เนื้อหาของโพสต์ จะนำเสนอในรูปแบบของไทม์ไลน์เวลา ดังนั้นอาจมีบางหตุการณ์ ที่ไม่ได้ถูกกล่าวถึงในโพสต์นี้
5,000 ปีก่อนคริสตกาล - อารยธรรมสุเมเรียน (Sumerian Civilization) อารยธรรมยุคแรกเริ่มของโลก ในพื้นที่ซูเมอร์ (Sumer) ทางตอนใต้ของดินแดนเมโสโปเตเมีย (Mesopotamia มาจากภาษากรีกแปลว่า ดินแดนระหว่างสองแม่น้ำ หมายถึงแม่น้ำไทกริสและแม่น้ำยูเฟรติส)
4,000 ปีก่อนคริสตกาล - ชาวสุเมเรียนเริ่มต้นสร้างนครรัฐ
3,500 ปีก่อนคริสตกาล - ซูเมอร์เป็นที่ตั้งของนครรัฐหลายแห่ง อาทิ อูร์ (Ur) อูรุก (Uruk) เอริดู (Eridu) คิช (Kish) ลากาช (Lagash) และนิปปูร์ (Nippur)
3,300 ปีก่อนคริสตกาล - ชาวสุเมเรียนเริ่มประดิษฐ์การเขียน ระบบตัวอักษรภาพที่จะพัฒนากลายเป็นระบบตัวอักษรลิ่ม (คูนิฟอร์ม Cuneiform)
3,200 ปีก่อนคริสตกาล - ชาวสุเมเรียนเริ่มใช้ล้อบนยานพาหนะ หนึ่งในนวัตกรรมสำคัญของมนุษยชาติ
3,000 ปีก่อนคริสตกาล - ชาวสุเมเรียนพัฒนาระบบเลขฐาน 60 (Sexagesimal)
2,700 ปีก่อนคริสตกาล - ช่วงเวลาที่เชื่อว่า กิลกาเมช (Gilgamesh) กษัตริย์ผู้ปรากฏในมหากาพย์ของชาวสุเม เป็นกษัตริย์แห่งนครรัฐอูร์
2,400 ปีก่อนคริสตกาล - ภาษาสุเมเรียนถูกแทนที่ด้วยภาษาอัคคาเดียน (Akkadian) ในฐานะภาษาพูดหลักในเมโสโปเตเมีย
2,330 ปีก่อนคริสตกาล - กษัตริย์ซาร์กอนที่ 1 แห่งอัคคัด (Sargon I of Akkad) พิชิตนครรัฐส่วนใหญ่ของชาวสุเมเรียน กำเนิดจักรวรรดิอัคคาเดียน (Akkadian Empire) จักรวรรดิแห่งแรกของโลก
2,250 ปีก่อนคริสตกาล - จักรวรรดิอัคคาเดียนรุ่งเรืองในยุคของกษัตริย์นารัม-ซิน (Naram-Sin) ผู้ครองราชย์ยาวนานกว่า 50 ปี อาณาเขตของจักรวรรดิครอบคลุมตั้งแต่ซีเรียจนถึงอ่าวเปอร์เซีย
2,100 ปีก่อนคริสตกาล - จักรวรรดิอัคคาเดียนล่มสลาย ชาวสุเมเรียนกลับมามีอำนาจอีกครั้ง โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่นครรัฐอูร์ (ยุคราชวงศ์อูร์ที่สาม Ur III)
2,000 ปีก่อนคริสตกาล - ชาวเอลาไมต์ (Elamite ทางตะวันออกของซูเมอร์) พิชิตนครรัฐอูร์ จุดสิ้นสุดอำนาจของชาวสุเมเรียน ชาวอมอไรต์ (Amorite) เริ่มสร้างฐานอำนาจในนครบาบิโลน (Babylon)
1,900 ปีก่อนคริสตกาล - ชาวอัสซีเรียเริ่มมีอำนาจในเมโสโปเตเมียตอนเหนือ จักรวรรดิอัสซีเรียที่หนึ่ง (First Assyrian Empire)
1,795 ปีก่อนคริสตกาล - ฮัมมูราบี (Hammurabi) ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์แห่งบาบิโลน ประมวลกฎหมายฮัมมูราบี จักรวรรดิบาบิโลเนียยุคแรก (Old Babylonian Empire)
1,781 ปีก่อนคริสตกาล - กษัตริย์ชัมชี-อาดัด (Shamshi-Adad) แห่งอัสซีเรียสิ้นพระชนม์ บาบิโลนพิชิตอัสซีเรีย
1,750 ปีก่อนคริสตกาล - กษัตริย์ฮัมมูราบีสิ้นพระชนม์ บาบิโลนเข้ายุคความเสื่อมถอย
1,595 ปีก่อนคริสตกาล - ชาวคัสไซต์ (Kassite) พิชิตบาบิโลน จักรวรรดิบาบิโลเนียยุคแรกล่มสลาย
1,360 ปีก่อนคริสตกาล - ชาวอัสซีเรียกลับมามีอำนาจอีกครั้ง หลังความเสื่อมของบาบิโลน
1,250 ปีก่อนคริสตกาล - ชาวอัสซีเรียเริ่มใช้อาวุธที่ทำจากเหล็กและรถม้าศึก
1,225 ปีก่อนคริสตกาล - ชาวอัสซีเรียพิชิตบาบิโลน
1,115 ปีก่อนคริสตกาล - อัสซีเรียเรืองอำนาจภายใต้การปกครองของกษัตริย์ทิกลัท-พิลีเซอร์ที่ 1 (Tiglath-Piliser I)
1,077 ปีก่อนคริสตกาล - ทิกลัท-พิลีเซอร์สิ้นพระชนม์ อัสซีเรียอ่อนแอลงชั่วระยะหนึ่ง
912 ปีก่อนคริสตกาล - จักรวรรดิอัสซีเรียใหม่ (Neo Assyrian Empire) ถือกำเนิด
744 ปีก่อนคริสตกาล - จักรวรรดิอัสซีเรียใหม่ภายใต้การปกครองของพระเจ้าทิกลัท-พิลีเซอร์ที่ 3 (Tiglath-Piliser III)
721 ปีก่อนคริสตกาล - กษัตริย์ซาร์กอนที่ 2 (Sargon II) ครองอำนาจในอัสซีเรีย
709 ปีก่อนคริสตกาล - ซาร์กอนที่ 2 พิชิตบาบิโลนได้อีกครั้ง
705 ปีก่อนคริสตกาล - ซาร์กอนที่ 2 สิ้นพระชนม์ กษัตริย์เซนนาเคริบ (Sennacherib) ขึ้นครองราชย์ ย้ายเมืองหลวงไปยังนครนิเนเวห์ (Nineveh)
668 ปีก่อนคริสตกาล - อัชชูร์บานิปัล (Ashurbanipal) กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่คนสุดท้ายของอัสซีเรียครองราชย์ ก่อสร้างหอสมุดแห่งนิเนเวห์
626 ปีก่อนคริสตกาล - อัชชูร์บานิปัลสิ้นพระชนม์ อัสซีเรียเข้าสู่การล่มสลาย
616 ปีก่อนคริสตกาล - นาโบโปลัสซาร์ (Nabopolassar) ปลดแอกบาบิโลนจากอัสซีเรียและสถาปนาตัวเองเป็นกษัตริย์ จักรวรรดิบาบิโลเนียใหม่ (Neo Babylonian Empire) กำเนิดขึ้น
604 ปีก่อนคริสตกาล - นาโบโปลัสซาร์สิ้นพระชนม์ กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ที่ 2 (Nebuchadnezzar II) ขึ้นครองราชย์ จักรวรรดิบาบิโลเนียใหม่ขึ้นสู่จุดสูงสุด
550 ปีก่อนคริสตกาล - จักรวรรดิเปอร์เซีย (Persian Empire) ภายใต้ราชวงศ์อะคีมานิด (Achaemenid) สถาปนาขึ้นโดยกษัตริย์ไซรัสมหาราช (Cyrus the Great)
539 ปีก่อนคริสตกาล - จักรวรรดิบาบิโลเนียใหม่ล่มสลายจากการพิชิตของเปอร์เซีย
522 ปีก่อนคริสตกาล - จักรวรรดิเปอร์เซียในยุคกษัตริย์ดาริอัสที่ 1 (Darius I)
518 ปีก่อนคริสตกาล - ดาริอัสที่ 1 สถาปนาเมืองหลวงของจักรวรรดิเปอร์เซียที่เพอร์เซโปลิส (Persepolis)
490 ปีก่อนคริสตกาล - ดาริอัสที่ 1 ทำสงครามกับนครรัฐกรีก เปอร์เซียพ่ายแพ้ที่ยุทธการมาราธอน
480 ปีก่อนคริสตกาล - เซอร์ซิสที่ 1 (Xerxes I) พยายามพิชิตกรีกด้วยกองทัพขนาดมหึมา แต่สุดท้ายก็ล้มเหลว
333 ปีก่อนคริสตกาล - เมโสโปเตเมียเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิของอเล็กซานเดอร์มหาราช
331 ปีก่อนคริสตกาล - จักรวรรดิเปอร์เซียล่มสลาย
. อ้างอิง
• HISTORY. Mesopotamia. https://www.history.com/articles/mesopotamia
• Britannica. history of Mesopotamia. https://www.britannica.com/place/Mesopotamia-historical-region-Asia
• Ducksters. Ancient Mesopotamia Timeline. https://www.ducksters.com/history/mesopotamia/timeline.php.
#HistofunDeluxe
. ที่มา : ประวัติศาสตร์เมโสโปเตเมีย ฉบับไทม์ไลน์ https://www.blockdit.com/posts/68ca4c1e002921ddb47a36a2
.
7
« on: 25 November 2025, 11:50:40 »
5 อารยธรรมโบราณที่เก่าแก่ที่สุดของโลก
Facts For Five 1 ก.ย. 2021 เวลา 13:26 • ประวัติศาสตร์
รุ่งอรุณแห่งความรุ่งเรือง!? เผย 5 อารยธรรมโบราณที่เก่าแก่ที่สุดเท่าที่มนุษยชาติเคยรู้จักมา

1. อารยธรรมเมโสโปเตเมีย
อายุ : (3,500 – 500 ปีก่อนคริสตกาล) ที่ตั้งเดิม : ทางตอนเหนือของเทือกเขาซากรอส และทางตะวันออกเฉียงใต้ที่ราบสูงอาหรับ ที่ตั้งในปัจจุบัน : อิรัก, ซีเรีย และตุรกี ความสำเร็จที่โดดเด่น : อารยธรรมแห่งของมวลมนุษยชาติ
นี่คืออารยธรรมแรกที่ได้รับการบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ไม่มีใครทราบต้นกำเนิดของอารยธรรมเมโสโปเตเมีย และไม่มีใครทราบว่าอารยธรรมกลุ่มแรกก่อนพวกเขาคืออารยธรรมใด ช่วงเวลาที่อารยธรรมเมโสโปเตเมียรุ่งเรืองเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 3,300 – 750 ปีก่อนคริสตกาล แต่โดยทั่วไปแล้ว อารยธรรมเมโสโปเตเมียได้รับการยกย่องว่าเป็นสถานที่แรกของสังคมมนุษย์ที่มีความเป็นอารยะเกิดขึ้นเมื่อ 8,000 ปีก่อนคริสตกาล เมื่อผู้คนในละแวกนี้รู้จักการทำการเกษตรและเลี้ยงสัตว์เพื่อเป็นอาหารและช่วยในการทำฟาร์ม
พวกเขาเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาคอิรัก บางส่วนของซีเรียและตุรกีในปัจจุบัน ที่ภายหลังได้รู้จักกันในชื่อของชาวบาบีโลน สุเมเรียน และชาวอัสซีเรีย

.....
2. อารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ
อายุ : 3,300 – 1,900 ปีก่อนคริสตกาล ที่ตั้งเดิม : บริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำสินธุ ที่ตั้งปัจจุบัน : ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอัฟกานิสถาน ปากีสถาน และทิศตะวันตกเฉียงเหนือของอินเดีย ความสำเร็จที่โดดเด่น : หนึ่งในอารยธรรมโบราณของมนุษย์ที่ขยายอาณาเขตไว้กว้างไกลมากที่สุด
อารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ คือหนึ่งในอารยธรรมโบราณยุคแรกเริ่มของมนุษย์ และพวกเขาขยายดินแดนครอบคลุมพื้นที่ประเทศอัฟกานิสถาน ปากีสถาน และอินเดีย โดยพวกเขาตั้งรกรากอยู่ในลุ่มแม่น้ำสินธุ ซึ่งเป็นแม่น้ำสายสำคัญสายหนึ่งในทวีปเอเชีย รวมถึงแม่น้ำกัคการ์-ฮาครา ที่ครั้งหนึ่งเคยไหลผ่านทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดียและปากีสถานทางทิศตะวันออก
นอกจากนี้ พวกเขายังเป็นที่รู้จักกันในชื่ออารยธรรมฮารัปปา และอารยธรรมโมเฮนโจดาโร ที่ถูกตั้งชื่อตามสถานที่ขุดพบซากอารยธรรม กล่าวกันว่าช่วงที่รุ่งเรืองที่สุดของกลุ่มอารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุเกิดขึ้นเมื่อ 2,600 – 1,900 ปีก่อนคริสตกาล จากซากโบราณสถานที่ถูกขุดพบ ทำให้นักโบราณคดีเชื่อว่าพวกเขามีความซับซ้อนและมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
กลุ่มอารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ ยังมีความแม่นยำในการวัดความยาว มวล และเวลา จากสิ่งประเทศที่ถูกค้นพบ ทำให้นักโบราณคดียังได้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า พวกเขามีความสามารถในด้านงานศิลปะและงานฝีมือเช่นเดียวกัน

.....
3. อารยธรรมอียิปต์โบราณ
อายุ : 3,150 – 30 ปีก่อนคริสตกาล ที่ตั้งเดิม : ที่ราบลุ่มแม่น้ำไนล์ ที่ตั้งปัจจุบัน : ประเทศอียิปต์ ความสำเร็จที่โดดเด่น : สร้างมหาพีรามิด
อียิปต์โบราณคือหนึ่งในอารยธรรมโบราณที่ร่ำรวยไปด้วยวัฒนธรรม และสิ่งปลูกสร้างที่น่าทึ่งอย่างพีรามิด สฟิงซ์ จนทำให้พวกเขากลายเป็นอารยธรรมที่สง่างามแห่งลุ่มแม่น้ำไนล์ อารยธรรมอียิปต์โบราณมีจุดเริ่มต้นเมื่อประมาณ 3,500 ปี เมื่อมีผู้คนมาตั้งถิ่นฐานบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำไนล์ จนก่อให้เกิดเป็นสังคมใหญ่ และ 3,150 ปีก่อนคริสตกาล ได้มีการตั้งเป็นอาณาจักรโดยมีฟาโรห์พระองค์แรกขึ้นปกครองดินแดนแห่งนี้
ประวัติศาสตร์ของอียิปต์สามารถแบ่งออกเป็นยุคต่าง ๆ ซึ่งแยกออกจากกัน เช่น ยุคอาณาจักรเก่า ยุคอาณาจักรกลาง และยุคอาณาจักรใหม่ อารยธรรมอียิปต์ได้สร้างพีรามิด และมันเป็นสถานที่เก็บมัมมี่ของฟาโรห์ที่เคยปกครองดินแดนแห่งนี้ เช่น ฟาโรห์รามเสสมหาราช ผู้เคยปกครองอียิปต์โบราณ และทำใหอารยธรรมร่วมสมัยอีกแห่งอย่างนูเบียนยอมตกอยู่ภายใต้การปกครองของอียิปต์ในภายหลัง

.....
4. อารยธรรมมายา
อายุ : 2,600 - 900 ปีก่อนคริสตกาล ที่ตั้งเดิม : ที่ราบลุ่มยูคาทานในปัจจุบัน ที่ตั้งปัจจุบัน : เม็กซิโก, กัวเตมาลา, เอล ซัลวาดอร์ และฮอนดูรัส ความสำเร็จที่โดดเด่น : ความเข้าใจในด้านดาราศาสตร์
อายธรรมมายาในทวีปอเมริกากลางเคยเจริญรุ่งเรืองเมื่อ 2,600 ก่อนคริสตกาล ในยุคที่รุ่งเรืองที่สุด อารยธรรมมายามีประชากรกว่า 19 ล้านคน ทั่วทวีปอเมริกากลาง พวกเขาเป็นที่รู้จักกันในฐานะผู้สร้างปฏิทินที่แกะสลักด้วยหิน และได้สร้างภาษาของตัวเองขึ้นมา โดยพวกเขาระบุว่าโลกที่พวกเขารู้จักถูกสร้างขึ้นเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 3,114 ปี ก่อนคริสตกาล และมันคือวันที่อารยธรรมมายาถือกำเนิด โดยวันสุดท้ายของปฏิทินคือวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ.2012 ที่ใครหลายคนเคยกลัวว่า นี่คือวันที่โลกจะถึงกาลอวสานตามทฤษฎีสมคบคิดที่ถูกยกขึ้นมาถกเถียงกันในขณะนั้น
นอกจากนี้ ชาวมายาโบราณยังได้สร้างพีรามิดขึ้นมา เช่นเดียวกับที่ชาวแอซเท็ก โดยพีรามิดหลายแห่งมีขนาดใหญ่กว่าพีรามิดของอียิปต์ แต่ภายหลังอารยธรรมมายาได้ล่มสลายอย่างกะทันหัน ซึ่งกลายเป็นปริศนาที่นักโบราณคดีในปัจจุบันต่างหาคำตอบว่าทำไมอยู่ดี ๆ อารยธรรมที่เคยเจริญรุ่งเรืองมีและประชากรกว่า 19 ล้านคน ถึงได้หายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ในชั่วพริบตาแบบนั้น

.....
5. อารยธรรมจีนโบราณ
อายุ : 1,600 – 1,046 ปีก่อนคริสตกาล ที่ตั้งเดิม : ที่ราบลุ่มแม่น้ำเหลืองและแม่น้ำแยงซีเกียงในประเทศจีน ที่ตั้งปัจจุบัน : ประเทศจีนในปัจจุบัน ความสำเร็จที่โดดเด่น : การสร้างกระดาษและผ้าไหม, กำแพงเมืองจีน
อารยธรรมจีนโบราณ หรือที่หลายคนเรียกว่า อารยธรรมจีนฮั่น พวกเขาคืออารยธรรมโบราณที่มีอายุหลายพันปี โดยจุดเริ่มต้นของอารยธรรมจีนโบราณ เกิดขึ้นที่ลุ่มแม่น้ำเหลือง และสถานที่แห่งนี้ยังเป็นจุดเริ่มต้นราชวงศ์ที่เก่าแก่ที่สุดที่มีอายุประมาณ 2,700 ปีก่อนคริสตกาล และภายหลังได้มีราชวงศ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมายเพื่อก้าวขึ้นมาปกครองแผ่นดินจีนในยุคสมัยต่าง ๆ
2,070 ปีก่อนคริสตกาล ราชวงศ์เซี่ยกลายเป็นราชวงศ์แรกที่ได้ปกครองประเทศจีนตามบันทึกพงศาวดารทางประวัติศาสตร์ นับตั้งแต่นั้นก็มีราชวงศ์เกิดขึ้นตามมาอีกหลายราชวงศ์ จนกระทั่งมาถึงราชวงศ์ชิง ที่เป็นราชวงศ์สุดท้ายที่ได้ปกครองแผ่นดินจีน ในปี ค.ศ.1912 ได้เกิดปฏิวัติซินไฮ่ขึ้นมา และถือว่านี่คือจุดสิ้นสุดของอายธรรมจีนโบราณที่มีอายุกว่า 4,000 ปี
อย่างไรก็ตาม อารยธรรมจีนโบราณได้มอบสิ่งประดิษฐ์และผลิตภัณฑ์ที่มีประโยชน์มากมายทิ้งไว้ให้กับชาวโลก ไม่ว่าจะเป็นการคิดค้นดินปืน กระดาษ การพิมพ์ เข็มทิศ แอลกอฮอล์ ปืนใหญ่ และอื่น ๆ อีกมากมาย

.
ข้อมูลจาก : ANCIENTHISTORYLISTS.COM, WIKIPEDIA
https://www.ancienthistorylists.com/ Ancient History Lists – Fascinating TOP 10 Lists
. ที่มา : รุ่งอรุณแห่งความรุ่งเรือง!? เผย 5 อารยธรรมโบราณที่เก่าแก่ที่สุดเท่าที่มนุษยชาติเคยรู้จักมา https://www.blockdit.com/posts/612f1d07b91c3d0c899f7111
.
10
« on: 23 November 2025, 17:13:36 »

.
11
« on: 23 November 2025, 17:05:30 »
“เฮงซวย” (兴衰) แปลว่า อะไร?
Silpawattanatham - ศิลปวัฒนธรรม 8 พฤศจิกายน เวลา 14:00 น. ·
“เฮงซวย” (兴衰) มาจาก “เฮง” แปลว่า โชคดี “ซวย” แปลว่า เคราะห์ร้าย เฮงซวยจึงแปลว่า ไม่แน่นอน เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ คุณภาพต่ำ ไม่ดี เช่น “คนเฮงซวย ของเฮงซวย เรื่องเฮงซวย”
.
.
ผู้เขียน Silpawattanatham - ศิลปวัฒนธรรม อ่านบทความเต็มได้ที่นี่ : https://www.silpa-mag.com/culture/article_34647 เฮงซวย มาจากไหน? อิทธิพลจีนย้ายถิ่น สู่คำติดปากในไทย
SILPA-MAG.COM เฮงซวย มาจากไหน? อิทธิพลจีนย้ายถิ่น สู่คำติดปากในไทย
. ลายคราม ตามเพลง ถ้าในภาษาไทย จะเรียกว่า..“ฟาดเคราะห์” คือ แม้จะโชคไม่ดี แต่ก็ยังคงรอดพ้นมาได้ ไม่ถึงกับร้ายแรง จนถึงขั้นเสียชีวิต.
. Pakkapoom Limmanasathaporn ผมว่าอย่าเพิ่งด่วนสรุปเลยครับ อาจจะมาจากคำว่า"เฮ้ง 刑" ที่แปลว่า การลงโทษ ก็ได้ครับ
. Phisid Teasidtiworaphong เฮงไล้ซวยขื่อ ดีมาร้ายไป
. Wiroj Charoen แปล ว่า อนิจจัง ไม่เที่ยงแท้
. Manatchai Prashyanusorn Silpawattanatham - ศิลปวัฒนธรรม เดี๋ยวนี้แอดมินเอาคำศัพท์ภาษาจีนมาลงด้วย ดีมากเลยครับ
. สุดชีวี ดีเหลือ คงคล้ายๆครึ่งบ้าครึ่งดี แต่เฮงซวยมันสั้นกว่า พูดง่ายกว่า
. Heng Chill เฮงซวยก็เปรียบเหมือนโครงการคนละครึ่ง ครึ่งหนึ่งเฮงครึ่งหนึ่งซวย โครงการ เฮง ซวย ต้องหามาจ่ายอีกครึ่งนึง
.
. ที่มา : “เฮงซวย” (兴衰) แปลว่า อะไร? https://www.facebook.com/SilpaWattanatham/posts/pfbid02y3mBUXT8BoAikpL4RegArYoU9RSRfDjnk8cv72yRQDgvYN8p2YaouPb8MPtDQRyPl .
14
« on: 23 November 2025, 16:47:44 »
หลวงพ่อโสธร วัดโสธรวราราม ใครไปไหว้ห้ามขอพรอยู่ 2 เรื่อง! โดย ปดิวลดา บวรศักดิ์
วัฒนธรรม
“หลวงพ่อโสธร” พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์แห่ง “วัดโสธรวราราม” ที่ใครไปไหว้ห้ามขอพรอยู่ 2 เรื่อง!
 หลวงพ่อโสธร (ภาพ : fb วัดโสธรวราราม วรวิหาร)
ผู้เขียน ปดิวลดา บวรศักดิ์ เผยแพร่ วันอังคารที่ 1 เมษายน พ.ศ.2568
หลวงพ่อโสธร วัดโสธรวราราม ใครไปไหว้ห้ามขอพรอยู่ 2 เรื่อง!
“พระพุทธโสธร” หรือชาวบ้านเรียกว่า “หลวงพ่อโสธร” แห่ง “วัดโสธรวราราม” จ. ฉะเชิงเทรา พระพุทธรูปองค์นี้ได้รับการนับถืออย่างแพร่หลายและศักดิ์สิทธิ์อย่างมาก เนื่องจากผู้คนเชื่อว่าดลบันดาลพรต่าง ๆ ให้ตามที่ใจหวัง จนมีผู้เลื่อมใสศรัทธาแวะเวียนเข้าไปกราบไหว้อยู่บ่อย ๆ
แต่สิ่งที่ควรรู้ไว้อย่างหนึ่งก่อนเข้าไปสักการะ คือ ห้ามขอพร 2 อย่างนี้กับ “หลวงพ่อโสธร” แห่ง วัดโสธรวราราม เด็ดขาด! ได้แก่เรื่องอะไร?
 หลวงพ่อโสธร วัดโสธรวรารามวรวิหาร (ภาพจาก : fb วัดโสธรวราราม วรวิหาร )
“วัดโสธรวราราม” คาดว่าสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ราว พ.ศ. 2300 แต่เดิมคนเรียกกันว่า “วัดหงษ์” เนื่องจากเดิมเคยมีเสาหงส์ตั้งอยู่ แต่เนื่องจากเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง จึงทำให้หงส์บนยอดเสาหล่นลงมา เหลือเพียงแค่เสา ชาวบ้านจึงนำธงขึ้นไปแขวนแทน และเรียกชื่อวัดใหม่เป็น “วัดเสาธง”
ต่อมาเสาได้โค่นล้มและหักลงมาอีกครั้ง จึงเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “วัดเสาธงทอน” จน พ.ศ. 2313 มีการอัญเชิญ “พระพุทธโสธร” หรือ “หลวงพ่อโสธร” มาประดิษฐานที่วัดแห่งนี้ (มีความเชื่อว่าพระพุทธโสธรลอยตามน้ำมา เมื่อใกล้บริเวณวัดก็ลอยวนอยู่อย่างนั้น ทำให้ได้มาอยู่ที่วัดแห่งนี้)
หลวงพ่อโสธรมีหน้าตักกว้าง 1.65 เมตร สูง 1.48 เมตร เชื่อกันว่าเป็นศิลปะอยุธยาตอนต้น สร้างขึ้นจากหินทราย มีชิ้นส่วนมากถึง 11 ชิ้น แต่มีการลงรักปิดทองจึงทำให้ไม่เห็นรอยต่อดังกล่าว
กลับมาที่ข้อสงสัยตั้งแต่ต้นว่า พระพุทธโสธร ที่ในหนังสือ “ศาสตร์แห่งโหร” (สำนักพิมพ์มติชน) กล่าวถึงไว้ว่า “…เป็นพระพุทธรูปที่มีผู้ศรัทธามากที่สุดในประเทศไทย” เนื่องจากท่านสามารถดลบันดาลพรต่าง ๆ ทั้งความเจริญรุ่งเรือง โชคลาภ ความปลอดภัย ฯลฯ ให้แก่ผู้ขอพรได้ แต่ห้ามขอพรกับท่าน 2 เรื่อง
 วัดโสธรวรารามวรวิหาร (ภาพจาก : fb วัดโสธรวรารามวรวิหาร)
เรื่องหนึ่งคือ การเกณฑ์ทหาร เนื่องจากท่านชื่นชอบให้คนไปเป็นทหาร และส่วนใหญ่คนที่มาขอที่นี่มักจะจับได้ใบแดงเสมอ จึงไม่แนะนำให้ขอพรท่านในเรื่องนี้
อีกเรื่องหนึ่งคือความรัก เพราะหลายคนที่มาขอมักจะไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่นัก
ในหนังสือยังได้พูดถึงวิธีและการบูชาหลวงพ่ออีกด้วยว่า “…การจะขอพรกับหลวงพ่อโสธรนั้นมักจะเริ่มจากการไหว้หลวงพ่อโสธรองค์จำลองภายในอุโบสถหลังเก่า ซึ่งสิ่งที่ใช้ในการบนนั้นคือ ไข่ต้ม พวงมาลัย หรือถวายละครชาตรี โดยหากขอพรและบนบานเรียบร้อยแล้ว ให้กราบสักการะหลวงพ่อโสธรองค์ปฐมพระอุโบสถหลังใหม่ด้วย”
. อ่านเพิ่มเติม :
พระศรีศากยมุนี วัดสุทัศนเทพวราราม พระพุทธรูปหล่อที่ใหญ่ที่สุดในสยามประเทศ เปิดพิกัด “มูเหนือมังกร” ไหว้เทพเจ้าที่ไหน? ให้ชีวิตสุดปัง-เฮงรับตรุษจีน! “วัดทิพยวารีวิหาร” (กัมโล่วยี่) สถานที่มูเตลูสุดปัง หมุนกังหันเปลี่ยนดวงได้ ไม่ต้องไปไกลถึงฮ่องกง อันซีนเยาวราช “วัดกันมาตุยาราม” สร้างจากพลังศรัทธาแม่เล้า
. อ้างอิง :
ภิญโญ พงศ์เจริญ, ดาวพลูโต, วิกรานต์ ปอแก้ว, บุศรินทร์ ปัทมาคม, ซินแสภาณุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล, สมชาย แซ่จิว, โหรวสุ, การะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์ และธนภัทร์ ลิ้มหัสนัยกุล. ศาสตร์แห่งโหร 2567. กรุงเทพฯ: มติชน, 2566.
คณะกรรมการฝ่ายประมวลเอกสารและจดหมายเหตุ ในคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ. วัฒนธรรม พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์และภูมิปัญญา จังหวัดฉะเชิงเทรา. กรมศิลปากร: กรุงเทพฯ, 2544.
. เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 12 มีนาคม 2567 .
. ที่มา : หลวงพ่อโสธร วัดโสธรวราราม ใครไปไหว้ห้ามขอพรอยู่ 2 เรื่อง! https://www.silpa-mag.com/culture/article_128947
.
15
« on: 23 November 2025, 16:38:55 »
"หลวงพ่อโสธร" แห่งฉะเชิงเทรา ที่ตั้ง #โรงเรียนหมอนทองวิทยา ใครไปไหว้ห้ามขอพร 2 เรื่อง อะไรบ้าง?
Silpawattanatham - ศิลปวัฒนธรรม 8 พฤศจิกายน เวลา 15:10 น. ·
"หลวงพ่อโสธร" แห่งฉะเชิงเทรา ที่ตั้ง #โรงเรียนหมอนทองวิทยา ใครไปไหว้ห้ามขอพร 2 เรื่อง อะไรบ้าง? .
.. หมอนทองวิทยา คือชื่อโรงเรียน ไม่ใช่ผลไม้!
Silpawattanatham - ศิลปวัฒนธรรม 10 พฤศจิกายน เวลา 07:25 น. ·
#หมอนทองวิทยา คือชื่อโรงเรียนไม่ใช่ผลไม้ ในตำบลหมอนทอง ชื่อที่มาจาก “หมอน” ที่มี “ทองคำ” อยู่ข้างใน ส่วนโลกนี้มีทุเรียนชื่อ “หมอนทอง” ไม่น้อยกว่า 80 ปี มีหลักฐานครั้งแรกเมื่อไหร่ ทำไมถึงเป็นสายพันธุ์ยอดฮิต? . SILPA-MAG.COM ทุเรียนหมอนทอง เจอหลักฐานครั้งแรกเมื่อใด ทำไมถึงเป็นสายพันธุ์ยอดฮิต https://www.silpa-mag.com/history/article_132615 .
ตำบลหมอนทอง อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา มีเรื่องเล่าท้องถิ่นเกี่ยวกับที่มาชื่อตำบลว่า ในอดีตมีตายายคู่หนึ่ง มีอาชีพค้าขายของชำ-ของใช้ในครัวเรือน เมื่อขายได้ยายก็เอาเงินไปซื้อทองคำมาเก็บไว้ในบ้าน โดยซ่อนไว้ในหมอนที่ใช้อยู่ทุกวัน . อยู่มาวันหนึ่งหมอนหายไปจากบ้าน ยายเกิดความเสียดายพยายามหาหมอนดังกล่าวอยู่นาน แต่ก็ไม่พบ ต่อมาพวกหาปลาได้ไปพบหมอนยายเข้า สงสัยว่าทำไมหมอนจึงหนักผิดปกติ จึงฉีกหมอนดูแล้วพบทองซ่อนอยู่ในหมอน จึงอุทานคำว่า “หมอนทอง” ตั้งแต่นั้นจึงเอาคำอุทานมาเรียกเป็นชื่อตำบลมาจนถึงปัจจุบัน . อ้างอิง : เว็บไซต์ ศูนย์ข้อมูลกลางทางวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม .
. Silpawattanatham - ศิลปวัฒนธรรม https://www.silpa-mag.com/culture/article_128947 หลวงพ่อโสธร วัดโสธรวราราม ที่ใครไปไหว้ห้ามขอพรอยู่ 2 เรื่อง!
SILPA-MAG.COM หลวงพ่อโสธร วัดโสธรวราราม ที่ใครไปไหว้ห้ามขอพรอยู่ 2 เรื่อง!
.
เรื่องหนึ่งคือ การเกณฑ์ทหาร เนื่องจากท่านชื่นชอบให้คนไปเป็นทหาร และส่วนใหญ่คนที่มาขอที่นี่มักจะจับได้ใบแดงเสมอ จึงไม่แนะนำให้ขอพรท่านในเรื่องนี้
อีกเรื่องหนึ่งคือความรัก เพราะหลายคนที่มาขอมักจะไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่นัก
.
ที่มา : "หลวงพ่อโสธร" แห่งฉะเชิงเทรา ที่ตั้ง #โรงเรียนหมอนทองวิทยา ใครไปไหว้ห้ามขอพร 2 เรื่อง อะไรบ้าง? https://www.facebook.com/SilpaWattanatham/posts/pfbid0guca7F85o3eYmraqCxnVZjUyxAUSzSdjLdxgX2QjfMtjSBFkqayxazoKaCqKi7w6l
.
|