Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
User Info
Welcome, Guest. Please login or register.
15 September 2025, 22:27:11

Login with username, password and session length
Search:     Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ

http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
27,552 Posts in 13,401 Topics by 70 Members
Latest Member: KAN
Home Help Search Calendar Login Register
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...  |  Profile of ppsan  |  Show Posts  |  Messages

Show Posts

* Messages | Topics | Attachments

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Messages - ppsan

Pages: [1] 2 3 ... 249
1
ติดคุก คือ "วีระบุรุษ"?


ตรรกะวิบัติ แยกแยะ"ความดี" กับ "ความชั่ว" ไม่ออก

การที่นักโทษคดี "โกงบ้านกินเมือง" ที่หนีการจำคุกตามคำสั่งศาล และถูกสั่งให้ต้อง "จำคุกจริง" 1 ปี นั้น รักษาการนายกฯ พยายามพูดให้ดูดีว่า การจำนนต่อหลักฐานและความจริงครั้งนี้ ถือว่าเป็น"ฮีโร่" และติดคุกอย่างสง่างาม

"ติดคุก" เพราะทำความผิด หนีมา 17 ปี และมอบตัวแต่ไม่ยอมรับโทษจริง มันจะสง่างามได้อย่างไร? ไม่เข้าใจจริงๆ น่าเป็นห่วงสังคมไทยในอนาคตว่า คนสมัยใหม่จะแยกแยะ "ความดี" กับ "ความชั่ว"ไม่ออก ว่าอะไรดี อะไรไม่ดี แล้วจะอยู่กันอย่างไร น่าเป็นห่วงจริงๆ

ถ้าการยอมรับโทษจากคำสั่งศาลให้ติดคุก ว่าเป็น "ฮีโร่" และเป็น "ความสง่างาม" จริง! อ้วนก็น่าจะเชิญ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ กลับประเทศไทย มารับโทษจากความผิดนั้น ด้วยความสง่างามครับ นะอ้วนนะ!
.


ที่มา
https://www.facebook.com/bunchakamincartoon/
.




.



.





2

จันทรุปราคา (Lunar Eclipse)

       “จันทรุปราคา” หรือ “จันทรคราส” เกิดจากการที่ดวงจันทร์โคจรผ่านเข้าไปในเงาของโลก เราจึงมองเห็นดวงจันทร์ค่อย ๆ แหว่งมากขึ้น จนหมดลับดวงและโผล่กลับขึ้นมาอีกครั้ง อย่างที่คนสมัยโบราณเรียกว่า “ราหูอมจันทร์” จันทรุปราคาจะเกิดขึ้นเฉพาะในคืนวันเพ็ญ 15 ค่ำ หรือคืนวันพระจันทร์เต็มดวง อย่างไรก็ตามปรากฏการณ์จันทรุปราคา มิสามารถเกิดขึ้นทุกเดือน เนื่องจากระนาบที่โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ และระนาบที่ดวงจันทร์โคจรรอบโลก มิใช่ระนาบเดียวกัน หากตัดกันเป็นมุม 5 องศา ดังนั้นโอกาสที่จะเกิดจันทรุปราคา จึงมีเพียงประมาณปีละ 1-2 ครั้ง โดยที่สามารถมองเห็นจากประเทศไทย เพียงปีละครั้ง



ภาพที่ 1 ระนาบที่โลกทำมุม 5° กับระนาบที่โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์


เงาโลก

       โลกเป็นดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง ไม่มีแสงสว่างในตัวเอง หากแต่ได้รับแสงจากดวงอาทิตย์ ด้านที่หันหน้าเข้าหาดวงอาทิตย์เป็นกลางวัน ส่วนด้านที่หันหลังให้ดวงอาทิตย์เป็นกลางคืน การที่โลกบังแสงอาทิตย์ในอวกาศ บังเกิดเงา 2 ชนิด คือ เงามืด และเงามัว


ภาพที่ 2 การเกิดจันทรุปราคา
คลิก เพื่อดูภาพเคลื่อนไหว

       - เงามืด (Umbra) เป็นส่วนที่มืดที่สุด เนื่องจากโลกบดบังดวงอาทิตย์จนหมดสิ้น เรามิสามารถมองเห็นดวงอาทิตย์ได้เลย หากเข้าไปอยู่ในตำแหน่งใด ๆ ในเงามืด
       - เงามัว (Penumbra) เป็นส่วนที่ไม่มืดสนิท เนื่องจากโลกบดบังดวงอาทิตย์เป็นบางส่วนไม่ทั้งดวง ถ้าเราเข้าไปอยู่ในตำแหน่งใด ๆ ในเงามัว เราจะมองเห็นบางส่วนของดวงอาทิตย์โผล่พ้นส่วนโค้งของโลก

จันทรุปราคา 3 ชนิด
       - จันทรุปราคาเต็มดวง (Total Eclipse)    เกิดขึ้นเมื่อดวงจันทร์ทั้งดวงเข้าไปอยู่ในเงามืดของโลก
       - จันทรุปราคาบางส่วน (Partial Eclipse)   เกิดขึ้นเมื่อบางส่วนของดวงจันทร์เฉี่ยวผ่านเงามืด
       - จันทรุปราคาเงามัว (Penumbra Eclipse)   เกิดขึ้นเมื่อดวงจันทร์โคจรผ่านเข้าไปในเงามัวของโลก โดยมิได้เฉี่ยวกายเข้าไปในเงามืดแม้แต่น้อย ดวงจันทร์จึงยังคงมองเห็นเต็มดวงอยู่ แต่ความสว่างลดน้อยลง สีออกส้มแดง จันทรุปราคาชนิดนี้หาโอกาสดูได้ยาก เพราะโดยทั่วไปดวงจันทร์มักจะผ่านเข้าไปในเงามืดด้วย


ภาพที่ 3 จันทรุปราคาชนิดต่างๆ

     จันทรุปราคาเต็มดวงจะเกิดขึ้นเฉพาะในคืนที่ดวงจันทร์เต็มดวง เมื่อดวงจันทร์อยู่ในตำแหน่งตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ โดยมีโลกอยู่ตำแหน่งกลาง ผู้สังเกตการณ์อยู่ในตำแหน่งใด ๆ บนซีกมืดของโลก (หรือกลางคืน) จะมองเห็นดวงจันทร์โคจรผ่านเงามืดด้วยความเร็ว 1 ก.ม.ต่อวินาที และด้วยเงามืดของโลกมีขนาดจำกัด ดังนั้นดวงจันทร์จะอยู่ในเงามืดได้นานที่สุดเพียง 1 ชั่วโมง 42 นาที เท่านั้น

.


ที่มาของข้อมูลและภาพ
https://www.pw.ac.th/emedia/media/science/lesa/2/effect_astronomy/lunar_eclipse/lunar_eclipse.html

.





3

TNN Tech
18 ชั่วโมง
 ·
คืนวันที่ 7 ต่อเช้ามืด 8 กันยายน 2568 จะเกิดปรากฏการณ์ จันทรุปราคาเต็มดวง เหนือท้องฟ้าเมืองไทย ดวงจันทร์จะเปลี่ยนเป็นสีส้มแดงคล้ายอิฐ หรือที่เรียกว่า Blood Moon สามารถสังเกตได้ด้วยตาเปล่าทุกภูมิภาคของประเทศ ตั้งแต่เวลา 00:31–01:53 น. รวมระยะเวลา 1 ชั่วโมง 22 นาที โดย สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (NARIT) จะถ่ายทอดสดผ่านทางเฟซบุ๊กและยูทูบสำหรับผู้ที่ไม่สะดวกชมด้วยตนเอง
ลำดับเหตุการณ์สำคัญ
7 ก.ย. เวลา 22:29 น. : เริ่มจันทรุปราคาเงามัว
7 ก.ย. เวลา 23:27 น. : เริ่มจันทรุปราคาบางส่วน
8 ก.ย. เวลา 00:31 น. : เริ่มจันทรุปราคาเต็มดวง
8 ก.ย. เวลา 01:12 น. : กึ่งกลางคราส
8 ก.ย. เวลา 01:53 น. : สิ้นสุดจันทรุปราคาเต็มดวง
8 ก.ย. เวลา 02:57 น. : สิ้นสุดจันทรุปราคาบางส่วน
8 ก.ย. เวลา 03:55 น. : สิ้นสุดจันทรุปราคาเงามัว
จันทรุปราคาครั้งนี้ถือเป็นการเกิด จันทรุปราคาเต็มดวงครั้งแรกในรอบ 3 ปี หลังจากครั้งล่าสุดในปี 2565 และไม่เพียงแต่ประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังสามารถมองเห็นได้จากหลายพื้นที่ทั่วโลก ทั้งยุโรป เอเชีย ออสเตรเลีย แอฟริกา ตลอดจนบางส่วนของอเมริกาเหนือและใต้ รวมถึงมหาสมุทรใหญ่ทั้งสามและขั้วโลก
จันทรุปราคาเกิดขึ้นได้อย่างไร ?
ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อโลกโคจรมาอยู่ระหว่างดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ทำให้เงาของโลกบดบังแสงอาทิตย์ที่ตกกระทบกับดวงจันทร์ ระหว่างที่ดวงจันทร์อยู่ในเงามืด แสงอาทิตย์ที่ผ่านชั้นบรรยากาศโลกจะกรองแสงสั้นออกไป เหลือเพียงแสงสีแดงหักเหไปตกกระทบดวงจันทร์ จึงมองเห็นเป็นดวงจันทร์สีแดงอิฐ ซึ่งในอดีตคนไทยโบราณเรียกว่า “ราหูอมจันทร์”
#จันทรุปราคา #จันทรุปราคาเต็มดวง #BloodMoon #NARIT #TNNTech

31


.

32
TNN Tech
tnnthailand.com/tech/210489/
คืนนี้ 7 กันยายน ชมจันทรุปราคาเต็มดวงครั้งแรกในรอบ 3 ปี


คืนวันที่ 7 ต่อเช้ามืด 8 กันยายน 2568 จะเกิดปรากฏการณ์ จันทรุปราคาเต็มดวง เหนือท้องฟ้าเมืองไทย ดวงจันทร์จะเปลี่ยนเป็นสีส้มแดงคล้ายอิฐ หรือที่เรียกว่า Blood Moon สามารถสังเกตได้ด้วยตาเปล่าทุกภูมิภาคของประเทศ ตั้งแต่เวลา 00:31–01:53 น. รวมระยะเวลา 1 ชั่วโมง 22 นาที โดย สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (NARIT) จะถ่ายทอดสดผ่านทางเฟซบุ๊กและยูทูบสำหรับผู้ที่ไม่สะดวกชมด้วยตนเอง

คืนวันที่ 7 ต่อเช้ามืด 8 ก.ย. 2568 คนไทยชม จันทรุปราคาเต็มดวง หรือ Blood Moon ได้ทั่วประเทศ ดวงจันทร์เปลี่ยนเป็นสีแดงอิฐ เวลา 00:31-01:53 น. ปรากฏการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นในไทยรอบ 3 ปี และ NARIT ถ่ายทอดสดผ่าน Facebook และ YouTube ให้ชมพร้อมกันทั่วโลก


ลำดับเหตุการณ์สำคัญ

7 ก.ย. เวลา 22:29 น. : เริ่มจันทรุปราคาเงามัว

7 ก.ย. เวลา 23:27 น. : เริ่มจันทรุปราคาบางส่วน

8 ก.ย. เวลา 00:31 น. : เริ่มจันทรุปราคาเต็มดวง

8 ก.ย. เวลา 01:12 น. : กึ่งกลางคราส

8 ก.ย. เวลา 01:53 น. : สิ้นสุดจันทรุปราคาเต็มดวง

8 ก.ย. เวลา 02:57 น. : สิ้นสุดจันทรุปราคาบางส่วน

8 ก.ย. เวลา 03:55 น. : สิ้นสุดจันทรุปราคาเงามัว

จันทรุปราคาครั้งนี้ถือเป็นการเกิด จันทรุปราคาเต็มดวงครั้งแรกในรอบ 3 ปี หลังจากครั้งล่าสุดในปี 2565 และไม่เพียงแต่ประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังสามารถมองเห็นได้จากหลายพื้นที่ทั่วโลก ทั้งยุโรป เอเชีย ออสเตรเลีย แอฟริกา ตลอดจนบางส่วนของอเมริกาเหนือและใต้ รวมถึงมหาสมุทรใหญ่ทั้งสามและขั้วโลก


จันทรุปราคาเกิดขึ้นได้อย่างไร ?

ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อโลกโคจรมาอยู่ระหว่างดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ทำให้เงาของโลกบดบังแสงอาทิตย์ที่ตกกระทบกับดวงจันทร์ ระหว่างที่ดวงจันทร์อยู่ในเงามืด แสงอาทิตย์ที่ผ่านชั้นบรรยากาศโลกจะกรองแสงสั้นออกไป เหลือเพียงแสงสีแดงหักเหไปตกกระทบดวงจันทร์ จึงมองเห็นเป็นดวงจันทร์สีแดงอิฐ ซึ่งในอดีตคนไทยโบราณเรียกว่า “ราหูอมจันทร์”

..

33

Kanokwadee Thorat
อุดรธานีค่ะ

34

ลำปางตอนนี้ค่ะ

35

ราวดี ศรีวัฒนทรัพย์
ที่เยอรมนีค่ะ

36

บี.โอ ดั๊บเบิ้ลยู.วาย
หนองคายตอนนี้ค่ะ

37

In'tira Ponjan
ชุมพรค่ะ 00.12น.

38

ท่าน' ด้า.
กระบี่

39

Nawat KonsoPhin
01.30 อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ

40

ภาณุกิจ บุญแทน
สุราษฎร์ธานีครับ

41

Buchi Sareewong
มองไม่เห็น เมฆฝนเยอะมาก

42

วันพรุ่งนี้ ไม่มีอยู่จริง

.

ที่มาของข้อมูลและภาพ
https://www.facebook.com/tnntechreports/posts/คืนวันที่-7-ต่อเช้ามืด-8-กันยายน-2568-จะเกิดปรากฏการณ์-จันทรุปราคาเต็มดวง-เหนือท/1115850807338397/

.





4

ภาพจันทรุปราคาเต็มดวงเหนือฟ้าเมืองไทย (8 ก.ย. 2568) : สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ
เผยแพร่: 8 ก.ย. 2568 05:23   ปรับปรุง: 8 ก.ย. 2568 05:25   โดย: ผู้จัดการออนไลน์




สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร. หรือ NARIT) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) เผยภาพปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวงเหนือฟ้าเมืองไทย ขณะเกิดคราสเต็มดวง ดวงจันทร์เต็มดวงปรากฏสีแดงอิฐ บันทึกภาพ ณ อุทยานดาราศาสตร์สิรินธร อ. แม่ริม จ. เชียงใหม่ ช่วงกึ่งกลางคราส เวลาประมาณ 01:12 น. ของวันที่ 8 กันยายน 2568 มีประชาชนชาวไทยและต่างประเทศให้ความสนใจ

ปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวงในครั้งนี้ เกิดขึ้นในคืนวันที่ 7 ถึงเช้ามืด 8 กันยายน 2568 ตั้งแต่เวลาประมาณ 22:29 - 03:55 น. (เวลา ณ กรุงเทพมหานคร) โดยดวงจันทร์เริ่มเข้าสู่เงามัวของโลก เวลาประมาณ 22:29 น. และเคลื่อนเข้าสู่เงามืดของโลก เริ่มเกิดเป็นจันทรุปราคาบางส่วนในเวลา 23:27 น. จนกระทั่งเข้าสู่ช่วง “จันทรุปราคาเต็มดวง” เวลา 00:31 - 01:53 น. มองเห็นดวงจันทร์เต็มดวงปรากฏเป็นสีแดงอิฐ จากนั้นออกจากเงามืด เกิดเป็นจันทรุปราคาบางส่วนอีกครั้งจนถึงเวลา 02:57 น. และพ้นจากเงามัวของโลก จนสิ้นสุดปรากฏการณ์โดยสมบูรณ์ เวลา 03:55 น.



ปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวงครั้งนี้ สังเกตได้จากหลายพื้นที่ทั่วโลก ได้แก่ ทวีปยุโรปตอนเหนือและตะวันออก ทวีปเอเชีย ทวีปออสเตรเลีย ทวีปอเมริกาเหนือ บางส่วนของทวีปอเมริกาใต้ มหาสมุทรแปซิฟิก มหาสมุทรแอตแลนติก มหาสมุทรอินเดีย ขั้วโลกเหนือ และบางส่วนของขั้วโลกใต้

บรรยากาศการเฝ้าชมปรากฏการณ์ดาราศาสตร์ครั้งนี้เป็นไปอย่างคึกคักทั่วประเทศ หลายภูมิภาคสามารถสังเกตเห็นได้อย่างชั้นเจน แม้จะมองเห็นเพียงบางช่วงของปรากฏการณ์ โดยเฉพาะภาคเหนือ

บางพื้นที่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ อาทิ เชียงใหม่ แพร่ น่านกำแพงเพชร เพชรบูรณ์ ลพบุรี ฉะเชิงเทรา เลย ขอนแก่น ตรัง นครศรีธรรมราช ชุมพร สงขลา สตูล ฯลฯ


จันทรุปราคาเต็มดวง เวลา 00:55 น. ก่อนเข้าสู่ช่วงกึ่งกลางคราส ภาพ : อุทยานดาราศาสตร์สิรินธร จ. เชียงใหม่



จันทรุปราคาเต็มดวง "ช่วงกึ่งกลางคราส" เวลา 01:12 น. หลังจากนั้นดวงจันทร์จะค่อยๆ สว่างขึ้นเรื่อยๆ ดวงจันทร์จะปรากฏเป็นสีแดงจนถึง 01:53 น. ภาพ : อุทยานดาราศาสตร์สิรินธร จ. เชียงใหม่



จันทรุปราคาบางส่วนช่วงขาออก เวลา 02:01 น. หลังจาก 01:53 น. สิ้นสุดจันทรุปราคาเต็มดวง เข้าสู่ช่วงคราสบางส่วน จนถึง 02: 57 น. ภาพ : อุทยานดาราศาสตร์สิรินธร จ. เชียงใหม่

.





5

12

Nattch Kamtong
03:22 จ.คากาวะ ประเทศญี่ปุ่นครับ

13

Aukkapon Aik
หนองบัวลำภู

14

Nichapat Suksikarn
นครศรีธรรมราช

15

Sarayut Pinta
น่าน 1.15 ครับ

16

Supanida Tanaipongsakorn
Sydney ค่ะ

17

บ๊องแบงค์ บิ๊งงงงง
กระบี่ 00.39 ครับ

18

บุ๋มบ่ำ บุ๋มแบ๋ม
ของจริงสวยมาก เชียงราย เวลา 01.42คะ

19

Chenchira Bant Thupkham
4ทุ้มที่เกาหลียังเห็นไม่เป็นสีแดงเสียดายหลับก่อน

20

น.ส. เจนนี่ ถวายบัว บ้วบ
อังกฤษ คลายแล้วคะ ตอนนี้

21

ปั่นละซาว บ้านตาก
ที่ตาก

22

Narongratch Sappataweeboon
เมืองเลยครับ

23

แม่อ้วน ของ ลูก
อำเภอหนองหิน จ.เลยค่ะ

24

Mingmanas Rada Muangchoo
สะดุ้งตื่นมาชมได้ทัน10นาทีท้าย
อ.หางดง​ จ.เชียงใหม่​

25

ไกรจักร บัวหลวง
@กลางทะเลนอกชายฝั่ง อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช เวลา00:29น.

26

Shoti Barthod
สิ่งทีเห็นเป็นเช่นนี้เวลานี้ที่ฝรั่งเศส


.
ที่มาของข้อมูลและภาพ
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1189840569853150&set=a.304334548403761&type=3&ref=embed_post
NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ

https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/2881411

.





6
"จันทรุปราคาเต็มดวง" เหนือฟ้าเมืองไทย สีแดงอิฐ




8 ก.ย. 2568 08:12 น.  ไทยรัฐออนไลน์

เปิดภาพ "จันทรุปราคาเต็มดวง" เหนือฟ้าเมืองไทย สีแดงอิฐ

สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ เปิดภาพจันทรุปราคาเต็มดวงเหนือฟ้าเมืองไทย กินเวลากว่า 1 ชม. เป็นสีแดงอิฐ ในไทยจะเห็นอีกครั้ง 3 มี.ค. 2569

วันที่ 8 ก.ย. 68 สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (NARIT) เผยภาพปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวงเหนือฟ้าเมืองไทย ขณะเกิดคราสเต็มดวง ดวงจันทร์เต็มดวงปรากฏสีแดงอิฐ บันทึกภาพ ณ อุทยานดาราศาสตร์สิรินธร อ. แม่ริม จ. เชียงใหม่ ช่วงกึ่งกลางคราส เวลาประมาณ 01.12 น. วันนี้ ซึ่งมีผู้สนใจติดตามชมถ่ายทอดสดปรากฏการณ์ผ่านทางเฟซบุ๊ก และยูทูบของ NARIT กว่าหมื่นคน

สำหรับปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวงในครั้งนี้ เกิดขึ้นในคืนวันที่ 7 ก.ย. ถึงเช้ามืด 8 ก.ย. 2568 ตั้งแต่เวลาประมาณ 22.29 - 03.55 น. โดยดวงจันทร์เริ่มเข้าสู่เงามัวของโลกเวลาประมาณ 22.29 น. และเคลื่อนเข้าสู่เงามืดของโลก เริ่มเกิดเป็นจันทรุปราคาบางส่วนในเวลา 23.27 น. จนกระทั่งเข้าสู่ช่วง "จันทรุปราคาเต็มดวง" เวลา 00.31 - 01.53 น. เป็นเวลากว่า 1 ชม. ที่สามารถมองเห็นดวงจันทร์เต็มดวงปรากฏเป็นสีแดงอิฐ จากนั้นออกจากเงามืด เกิดเป็นจันทรุปราคาบางส่วนอีกครั้งจนถึงเวลา 02.57 น. และพ้นจากเงามัวของโลก จนสิ้นสุดปรากฏการณ์โดยสมบูรณ์ เวลา 03.55 น.

..

https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1189840569853150&set=a.304334548403761&type=3&ref=embed_post
NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ

11

จันทรุปราคาเต็มดวง ช่วงกึ่งกลางคราส เวลา 01:12 น.
หลังจากนี้ ดวงจันทร์จะค่อยๆ สว่างขึ้นเรื่อยๆ ดวงจันทร์จะปรากฏเป็นสีแดงจนถึง 01:53 น. คืนนี้รอกันยาวๆ ไปครับ
ภาพ : อุทยานดาราศาสตร์สิรินธร จ. เชียงใหม่
#จันทรุปราคาเต็มดวง

..

ปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวงครั้งนี้ สังเกตได้จากหลายพื้นที่ทั่วโลก ได้แก่ ทวีปยุโรปตอนเหนือและตะวันออก ทวีปเอเชีย ทวีปออสเตรเลีย ทวีปอเมริกาเหนือ บางส่วนของทวีปอเมริกาใต้ มหาสมุทรแปซิฟิก มหาสมุทรแอตแลนติก มหาสมุทรอินเดีย ขั้วโลกเหนือ และบางส่วนของขั้วโลกใต้

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบางพื้นที่ในไทยเกิดฝนตกหนัก ทำให้ท้องฟ้าปิด จึงไม่สามารถมองเห็นจันทรุปราคาเต็มดวงได้

ทั้งนี้ จันทรุปราคาเต็มดวงที่สามารถสังเกตได้ในไทยครั้งต่อไป จะเกิดขึ้นในช่วงหัวค่ำวันที่ 3 มี.ค. 2569 ผู้สนใจติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเฟซบุ๊ก NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ

ที่มาจาก สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (NARIT)

..





7
จันทรุปราคา (lunar eclipse)


จันทรุปราคา (ชื่ออื่น เช่น จันทรคาธ, จันทรคราส, ราหูอมจันทร์ หรือ กบกินเดือน; อังกฤษ: lunar eclipse) เป็นปรากฏการณ์ที่ดวงจันทร์ผ่านหลังโลกเข้าสู่เงามืด (umbra) โดยตรง ซึ่งเกิดขึ้นได้เฉพาะเมื่อดวงอาทิตย์ โลกและดวงจันทร์เรียงตรงกันพอดีหรือใกล้เคียงมาก โดยมีโลกอยู่กลาง ชนิดและระยะของอุปราคาขึ้นอยู่กับตำแหน่งของดวงจันทร์เทียบกับโหนดของวงโคจร (orbital node)


จันทรุปราคาเต็มดวงเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

จากภาพที่ปรากฏเห็นได้ว่าส่วนหนึ่งของดวงจันทร์ฝังเงามัวเริ่มกลายเป็นสีขาวเมื่อดวงจันทร์บางส่วนค่อยๆเข้าไปในเงามืดและทำให้เห็นสีแดงตรงขอบมืดๆ
จันทรุปราคาสามารถดูได้จากทุกที่ในฝั่งกลางคืนของโลก ซึ่งต่างกับสุริยุปราคาซึ่งมองเห็นได้จากพื้นที่ค่อนข้างเล็กของโลก จันทรุปราคากินเวลาเป็นชั่วโมง ขณะที่สุริยุปราคาเต็มดวงกินเวลาเพียงไม่กี่นาทีในที่หนึ่ง ๆ เนื่องจากเงาของดวงจันทร์มีขนาดเล็กกว่า นอกจากนี้ จันทรุปราคายังสามารถดูได้โดยไม่ต้องมีสิ่งป้องกันดวงตาหรือการป้องกันเป็นพิเศษ เพราะมืดกว่าจันทร์เพ็ญ

..

ประเภทของจันทรุปราคา


จากภาพที่ปรากฏเห็นได้ว่าส่วนหนึ่งของดวงจันทร์ฝังเงามัวเริ่มกลายเป็นสีขาวเมื่อดวงจันทร์บางส่วนค่อยๆเข้าไปในเงามืดและทำให้เห็นสีแดงตรงขอบมืดๆ

เงาของโลกที่ทอดไปในอวกาศแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ เงามัว (Penumbra Shadow) เป็นเงาส่วนนอกสุด เมื่อดวงจันทร์เข้ามาอยู่ในเงาส่วนนี้จะมีความสว่างลดลงเล็กน้อย และ เงามืด (Umbra Shadow) เป็นเงาที่มืดสนิท เมื่อดวงจันทร์เข้ามาอยู่ในเงาส่วนนี้จะทำให้เกิดส่วนมืดเว้าแหว่ง จึงแบ่งประเภทของปรากฏการณ์จันทรุปราคาได้ดังนี้

จันทรุปราคาเงามัว
จันทรุปราคาเงามัว (Penumbral lunar eclipse) เกิดขึ้นเมื่อดวงจันทร์เคลื่อนที่ผ่านเข้าไปเงามัวของโลก โดยไม่ผ่านเงามืด สามารถมองเห็นดวงจันทร์เต็มดวง แต่ความสว่างลดน้อยลง สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นค่อนข้างยาก

จันทรุปราคาบางส่วน
จันทรุปราคาบางส่วน (Partial lunar eclipse) เกิดขึ้นเมื่อดวงจันทร์เคลื่อนที่ผ่านเงามืดของโลกเพียงบางส่วน โดยจะมองเห็นดวงจันทร์มีลักษณะเว้าแหว่ง

จันทรุปราคาเต็มดวง
จันทรุปราคาเต็มดวง (Total lunar eclipse) เกิดขึ้นเมื่อดวงจันทร์ทั้งดวงเคลื่อนที่เข้าไปอยู่ในเงามืดของโลก จะมองเห็นดวงจันทร์เป็นสีส้มหรือสีแดงอิฐ เนื่องจากแสงขาวจากดวงอาทิตย์จะถูกหักเหเมื่อผ่านชั้นบรรยากาศโลก สีแดงและสีส้มเบี่ยงทิศทางเข้าหากลางเงามืด จึงมองเห็นดวงจันทร์เป็นสีแดงระหว่างเกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวง

จันทรุปราคาแบบกึ่งกลาง
จันทรุปราคาแบบกึ่งกลาง (Central lunar eclipse) เป็นจันทรุปราคาเต็มดวงในระหว่างที่ดวงจันทร์ผ่านใจกลางเงาของโลกไปสัมผัสกับจุดตรงข้ามกับดวงอาทิตย์(antisolar point) ซึ่งเป็นจุดที่จะอยู่ตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ 180° จันทรุปราคาประเภทนี้ค่อนข้างหายาก มีอุปราคาที่ใหญ่ และระยะเวลาคราสจะยาวนานกว่าจันทรุปราคาเต็มดวงที่ไม่ได้ผ่านจุดตรงข้ามกับดวงอาทิตย์

ซีลินิเลียน
ซีลินิเลียน (Selenelion) เป็นจันทรุปราคาที่สามารถสังเกตเห็นทั้งดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ที่เกิดจันทรุปราคาพร้อมกันได้ เกิดจากการหักเหโดยชั้นบรรยากาศของโลก ทำให้ปรากฏดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ที่เกิดจันทรุปราคาอยู่สูงเกินตำแหน่งจริง จันทรุปราคาประเภทนี้ สามารถสังเกตการณ์ได้บนพื้นที่ที่สูงกว่าขอบฟ้า

..

ช่วงเวลา


ภาพอธิบายช่วงเวลาของจันทรุปราคา

P1 : เริ่มต้นการเข้าสู่คราสเงามัว เงามัวของโลกสัมผัสกับขอบของดวงจันทร์
U1 : เริ่มต้นของคราสบางส่วน เงาของโลกสัมผัสกับขอบของดวงจันทร์
U2 : เริ่มต้นของคราสเต็มดวง พื้นผิวของดวงจันทร์อยู่ในเงามืดของโลกทั้งหมด
กึ่งกลางคราส : ระยะสูงสุดของคราส ดวงจันทร์อยู่ใกล้ศูนย์กลางของโลกมากที่สุด
U3 : สิ้นสุดของคราสเต็มดวง ขอของดวงจันทร์ออกจากพื้นผิวโลก
U4 : สิ้นสุดคราสบางส่วน เงาของโลกออกจากพื้นผิวดวงจันทร์
P4 : สิ้นสุดคราสเงามัว เงามัวของโลกไม่สัมผัสกับดวงจันทร์อีกต่อไป

..

ลักษณะของดวงจันทร์เมื่อเกิดจันทรุปราคาเต็มดวง

อองเดร ดังชง คิดค้นมาตราต่อไปนี้ (เรียก มาตราดังชง) เพื่อจัดความมืดและบ่งบอกถึงลักษณะโดยรวมของจันทรุปราคา

L=0: อุปราคามืดมาก แทบมองไม่เห็นดวงจันทร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลางคราสเต็มดวง (mid-totality)
L=1: อุปราคามืด มีสีเทาหรือออกน้ำตาล แยกแยะรายละเอียดได้ยาก
L=2: อุปราคาสีแดงเข้มหรือสนิม เงากลางมืดมาก ขณะที่ขอบนอกของอัมบราค่อนข้างสว่าง
L=3: อุปราคาสีแดงอิฐ เงาอัมบราปกติมีขอบสว่างหรือสีเหลือง
L=4: อุปราคาสีแดง-ทองแดงหรือส้มสว่างมาก เงาอัมบราสีออกน้ำเงินและขอบสว่างมาก
และตัวอักษรตัว l หมายถึง luna หรือ ดวงจันทร์


จันทรุปราคาเต็มดวง (ระดับ 4)



จันทรุปราคาเต็มดวง วันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2550 มองจาก เมืองเบอร์มิงแฮม สหราชอาณาจักร



จันทรุปราคาเต็มดวง วันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2550 มองจาก เมืองแอเบอร์ดีน สหราชอาณาจักร



จันทรุปราคาบางส่วน เช้ามืดวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2553 เวลา 02.55 น. มองจาก อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี



จันทรุปราคาบางส่วน เช้ามืดวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2553 จากยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ขณะที่เงามืดเข้าไปในดวงจันทร์ลึกที่สุด



ภาพชุดจันทรุปราคาเต็มดวงในไทย มองจากกรุงเทพมหานคร เมื่อคืนวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2554 ระหว่างเวลา 19.46-20.57 น.

..

ประวัติการเกิดจันทรุปราคา

จากข้อมูลที่ทราบจะมีข้อมูลดังนี้

1.จันทรุปราคา เมษายน พ.ศ. 2557 เกิดขึ้นในวันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2557 เป็นจันทรุปราคาแรกของจันทรุปราคาเต็มดวง 2 ครั้งในปี พ.ศ. 2557 และยังเป็นจันทรุปราคาครั้งแรกสำหรับอุปราคาที่อยู่ในเทแทรด (ปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวง 4 ดวงติดต่อกัน) ซึ่งไม่ได้พบในประเทศไทย

2.จันทรุปราคา กันยายน พ.ศ. 2558 เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 27 ถึง 28 กันยายน พ.ศ. 2558 โดยสังเกตได้ในช่วงเย็นวันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน ในทวีปอเมริกา ขณะที่ในทวีปยุโรป ทวีปแอฟริกา และตะวันออกกลาง

3.จันทรุปราคา กรกฎาคม พ.ศ. 2561 เกิดขึ้นในวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 โดยดวงจันทร์เคลื่อนผ่านที่ศูนย์กลางของเงาของโลก ครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกของปรากฏการณ์จันทรุปราคาศูนย์กลาง นับตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2554

..

ปัจจัยในการเกิดจันทรุปราคา

จันทรุปราคาไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย ๆ เนื่องจากระนาบการโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์และระนาบการโคจรของดวงจันทร์รอบโลกทำมุมกัน 5 องศา ในการเกิดจันทรุปราคา ดวงจันทร์จะต้องอยู่บริเวณจุดตัดของระนาบวงโคจรทั้งสอง และต้องอยู่ใกล้จุดตัดนั้นมาก จึงจะเกิดจันทรุปราคาเต็มดวงหรือจันทรุปราคาบางส่วนได้

ระยะห่างระหว่างโลกและดวงจันทร์มีผลต่อความเข้มของจันทรุปราคาด้วย นอกจากนี้ หากดวงจันทร์อยู่ในตำแหน่งที่ห่างจากโลกมากที่สุด (apogee) จะทำให้ระยะเวลาในการเกิดจันทรุปราคานานขึ้น ด้วยเหตุผล 2 ประการ คือ

1 ดวงจันทร์จะเคลื่อนที่อย่างช้า ๆ เพราะตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งที่ดวงจันทร์เคลื่อนที่ช้าที่สุดตลอดการโคจรรอบโลก
2 ดวงจันทร์ที่มองเห็นจากโลกจะมีขนาดเล็ก จะเคลื่อนที่ผ่านเงาของโลกไปทีละน้อย ทำให้อยู่ในเงามืดนานขึ้น
ในทุก ๆ ปีจะมีจันทรุปราคาเกิดขึ้นอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง หากเก็บสถิติการเกิดจันทรุปราคาแล้ว จะสามารถทำนายวันเวลาในการเกิดจันทรุปราคาครั้งต่อไปได้

การสังเกตจันทรุปราคาแตกต่างจากสุริยุปราคา จันทรุปราคาส่วนใหญ่จะสามารถสังเกตได้จากบริเวณใด ๆ บนโลกที่อยู่ในช่วงเวลากลางคืนขณะนั้น ขณะที่สุริยุปราคาจะสามารถสังเกตได้เพียงบริเวณเล็ก ๆ เท่านั้น

หากขึ้นไปยืนอยู่บนพื้นผิวของดวงจันทร์ขณะที่เกิดจันทรุปราคาบนโลก ก็จะสามารถเห็นการเกิดสุริยุปราคาบนดวงจันทร์ได้ในเวลาเดียวกัน ทั้งนี้ เนื่องจากการที่โลกกำลังบังดวงอาทิตย์อยู่ในเวลานั้น

..

การเกิด

ทุกปีมีจันทรุปราคาอย่างน้อยสองครั้งและมีได้มากถึงห้าครั้ง แม้จันทรุปราคาเต็มดวงจะมีน้อยมาก หากทราบวันที่และเวลาของอุปราคาหนึ่งแล้ว สามารถพยากรณ์การเกิดอุปราคาอีกครั้งหนึ่งโดยใช้วงรอบอุปราคาอย่างซารอส

อุปราคาเกิดเฉพาะในฤดูอุปราคา เมื่อดวงอาทิตย์เข้าใกล้ปมขึ้นหรือลงของดวงจันทร์


การจำลองลักษณะปรากฏของดวงจันทร์ก่อน ระหว่างและหลังจันทรุปราคาเต็มดวง (ตัวอย่างเมื่อ 8 ตุลาคม 2557)

.

ที่มาของข้อมูลและภาพ
https://th.wikipedia.org/wiki/จันทรุปราคา

.





8

กษัตริย์ ยังต้องไหว้ ฮุน เซน









---------------------------------------------------------------------

“ผมต้องการปกป้องกัมพูชาและปกป้องคนดีในประเทศไทย”













.















แต่...รังเกียจมัน



.





9
เขมร ‘ประกาศ’ ศึก


เปลว สีเงิน

เขมร ‘ประกาศ’ ศึก
6 สิงหาคม 2568 เวลา 0:01 น.

.....

จะเห็นว่า ก่อนเปิดฉาก เขมร-ฮุน เซน จะปูเรื่องเป็นการสะสมเงื่อนไขและยกระดับขึ้นเรื่อยๆ

อย่างรอบ ๒ ที่ผมประเมินว่าไม่น่าหลีกพ้น ก็ทำนองเดียวกัน ฮุน เซนสร้างสตอรี่ต่อเนื่อง และที่ผมเห็นว่า “อันตราย” ขั้นโจ่งแจ้ง ที่ไทยเราจะมองข้ามไม่ได้เลย คือ

พระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรเขมร “พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหมุนี” มีพระบรมราชโองการ ระบุว่า

“ไทยเป็นศัตรูกับเขมร”!!!

ดังความในพระบรมราชโองการ เมื่อ ๔ สิงหา.๖๘ มีดังนี้

พระบรมราชโองการ

สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเตโช ฮุนเซน พลเอกเกษียณ 5 ดาว และประธานคณะที่ปรึกษาสูงสุดเฉพาะพระองค์ ผู้ได้รับความเคารพนับถือและความรักอย่างลึกซึ้งจากสมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา

ในห้วงเวลาที่ชาติของเรากำลังเผชิญกับการละเมิดและการคุกคามอย่างรุนแรงต่อบูรณภาพแห่งดินแดนโดยกองทัพไทย

และโดยอิงตามเจตนารมณ์แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา

ข้าพเจ้าขอมอบอำนาจให้แก่สมเด็จเตโช ฮุนเซน เพื่อประสานงานกับสมเด็จฮุน มาเนต

ว่าด้วยกิจการกองทัพ การป้องกันประเทศ  อธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดนของราชอาณาจักรกัมพูชา

ข้าพเจ้าขอใช้โอกาสนี้ แสดงความภาคภูมิใจและยกย่องอย่างสูงสุดต่อวีรกรรมที่กล้าหาญของทหารกัมพูชาทุกนาย ซึ่งได้ต่อสู้อย่างห้าวหาญในสนามรบ เพื่อปกป้องชาติ ดินแดน และประชาชน

รวมถึงประชาชนชาวกัมพูชาทั่วประเทศที่ได้รวมพลังกันอย่างแน่นแฟ้นและสามัคคี ภายใต้การนำด้วยหลักการของรัฐบาลกัมพูชา

โดยมีสมเด็จมหาบวรที่ปรึกษา ฮุน มาเนต เป็นผู้นำสูงสุดในการต่อสู้ในทุกสมรภูมิ ทั้งทางทหาร การทูต การเมือง และกฎหมาย

เพื่อปกป้องประเทศชาติ อธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และประชาชนของเรา

พระราชวังพนมเปญ

ณ วันที่ 4 สิงหาคม  2568

ครับ.....นับว่าร้ายแรงมาก

ที่กษัตริย์แห่งกรุงพนมเปญ ผู้ต้องนอบน้อมค้อมวันทา “สองพ่อลูก” ตระกูลฮุน ทรงระบุในพระบรมราชโองการว่า

“กองทัพไทยกำลังคุกคามอย่างรุนแรงต่อบูรณภาพแห่งดินแดนของเขมร”

แล้วทรงมอบอำนาจกิจการกองทัพ การป้องกันประเทศ อธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดนของราชอาณาจักรกัมพูชาให้กับฮุน เซน และฮุน มาเนต

พร้อมทั้งทรงแต่งตั้งให้ “สมเด็จมหาบวรที่ปรึกษาฮุน มาเนต” “เป็นผู้นำสูงสุด”

ในการต่อสู้ในทุกสมรภูมิ ทั้งทางทหาร การทูต การเมืองและกฎหมาย

แสดงว่า “เขมรพร้อมรบ” แล้ว!

โดย “กษัตริย์เขมรประกาศสงคราม” กับไทย!

และแต่งตั้งให้ “ฮุน มาเนต” เป็นผู้บัญชาการทัพสูงสุด!!!

“จะเอากันอย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

“กองทัพไทยคุกคามบูรณภาพแห่งดินแดนของเขมร” เป็นการกล่าวที่รุนแรงมาก และไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นได้ในระดับ “พระบรมราชโองการ” แห่งพระมหากษัตริย์ในศตวรรษนี้!

คงไม่ต้องให้ผมขยายความอะไรไปมากกว่านี้อีก เพราะชัดในทุกคำแห่งอักษรอยู่แล้ว

หวังว่า “สหรัฐ-จีน-มาเลเซีย” ในฐานะผู้สังเกตการณ์

คงทราบความตามพระบรมราชโองการของ “พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหมุนี”

และบันทึกไว้แล้วนะครับ!


-เปลว สีเงิน

๖ สิงหาคม ๒๕๖๘

คนปลายซอย


คัดลอกบางตอนจาก
เขมร ‘ประกาศ’ ศึก
https://www.thaipost.net/columnist-people/838304/

.





10
กษัตริย์สีหมุนี มอบอำนาจคุมกองทัพแก่ ฮุน เซน

กษัตริย์สีหมุนี มอบอำนาจคุมกองทัพแก่ ฮุน เซน - พบสุดนอบน้อม ทรงไหว้ ฮุน เซน มาแล้ว

กษัตริย์สีหมุนี มอบอำนาจคุมกองทัพแก่ ฮุน เซน ส่งพระราชสาส์นแสดงความเคารพอย่างสูง พบในอดีตเคยปรากฏภาพสุดนอบน้อม - ทรงไหว้ ฮุน เซน


ภาพจาก เฟซบุ๊ก Army Military Force

          วานนี้ (4 สิงหาคม 2568) เฟซบุ๊ก Army Military Force เผยแพร่คลิป เหตุการณ์เมื่อครั้งที่ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา นำ ฮุน มาเนต บุตรชาย เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี พระมหากษัตริย์แห่งกัมพูชา เพื่อรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ

          ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า พระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี ทรงมีพระราชปฏิสันถารด้วยความอ่อนน้อม และยังทรงก้มพระองค์ลงไหว้สมเด็จ ฮุน เซน อยู่ตลอด แม้กระทั่งช่วงท้ายพิธีการ ขณะที่สมเด็จ ฮุน เซน กำลังจะเดินทางกลับ


ภาพจาก เฟซบุ๊ก Army Military Force

          นอกจากนี้ พบว่าวันนี้ (5 สิงหาคม) บนเฟซบุ๊ก Norodom sihamoni នរោត្តម សីហមុនី มีการเผยแพร่พระราชสาสน์จาก พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหมุนี ที่ทรงมีพระราชโองการมอบอำนาจให้ สมเด็จ ฮุน เซน สามารถติดต่อสื่อสารและหารือร่วมกับ ฮุน มาเนต ในเรื่องกิจการทหาร การป้องกันประเทศ การป้องกันอธิปไตยแห่งชาติ และบูรณภาพแห่งดินแดนของราชอาณาจักรกัมพูชา


ภาพจาก เฟซบุ๊ก Norodom sihamoni នរោត្តម សីហមុនី

          สำหรับ ข้อความในพระราชสาส์นมีดังนี้...

          สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน จอมพล 5 ดาวทองแห่งกองทัพกัมพูชา และประธานองคมนตรีสูงสุดของพระมหากษัตริย์ ผู้เป็นที่เคารพรักอย่างสูงยิ่ง รวมถึง นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ผู้เป็นที่เคารพอย่างสูง
          ในสถานการณ์ที่ประเทศกำลังเผชิญกับการละเมิดและภัยคุกคามร้ายแรงต่อบูรณภาพแห่งดินแดนจากกองทัพไทย และตามของเจตนารมณ์แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ข้าพเจ้าขอพระราชทานสิทธิ์ มอบอำนาจให้ สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน สามารถติดต่อสื่อสารและหารือร่วมกับ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ในเรื่องกิจการทหาร การป้องกันประเทศ การป้องกันอธิปไตยแห่งชาติ และการป้องกันบูรณภาพแห่งดินแดนของราชอาณาจักรกัมพูชา
 
          ข้าพเจ้าขอถือโอกาสนี้แสดงความชื่นชมจากใจ และยกย่องอย่างสุดซึ้งต่อความกล้าหาญและวีรกรรมของนักรบกัมพูชาทุกท่านที่ได้ต่อสู้อย่างกล้าหาญในสนามรบเพื่อป้องกันดินแดนและปกป้องประชาชน รวมถึงประชาชนชาวกัมพูชาทั่วประเทศที่ได้รวมพลังเป็นปึกแผ่นอันแข็งแกร่ง และมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันภายใต้การนำอันชาญฉลาดของรัฐบาลราชอาณาจักรกัมพูชา อันมีสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโชฮุน เซน เป็นผู้นำสูงสุด ในการต่อสู้และอดทนในทุกสมรภูมิ ทั้งทางการทหาร การทูต การเมือง และทางกฎหมาย เพื่อปกป้องประเทศ ปกป้องอธิปไตยแห่งชาติ คุ้มครองบูรณภาพแห่งดินแดน และปกป้องประชาชนชาวกัมพูชาของเรา


ภาพจาก เฟซบุ๊ก Norodom sihamoni នរោត្តម សីហមុនី



ภาพจาก เฟซบุ๊ก Army Military Force


ภาพจาก เฟซบุ๊ก Army Military Force


ภาพจาก เฟซบุ๊ก Army Military Force


ขอขอบคุณ เรื่องและภาพจาก

https://hilight.kapook.com/view/248783
กษัตริย์สีหมุนี มอบอำนาจคุมกองทัพแก่ ฮุน เซน - พบสุดนอบน้อม ทรงไหว้ ฮุน เซน มาแล้ว

.





11
ลิ้นอสูร...พูดจาบิดเบือนให้ "ดำเป็นขาว หรือ ขาวเป็นดำ" ก็ได้


17 กค.68 โทนี่แม้ว กล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” ตอนหนึ่งว่า

"เรื่องที่เกิดขึ้นกับกัมพูชา ผมก็แปลกใจผู้นำเขมรมันไร้จริยธรรมจะตาย แต่เรากลับไปเข้าข้างมัน ผมก็งงว่าวันนี้ทำไมคนไทยไม่รักกัน ทั้งที่สิ่งนี้ไม่น่าเกิด ไม่มีผู้นำคนไหนในโลกเขาทำกัน แต่เรากลับทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคที่เพิ่งหลุดจากพรรคร่วมรัฐบาล ก็กลับมามองว่าเป็นการขายชาติ เลยไม่รู้ว่าตกลงว่าเขาเป็นเขมรหรือเป็นไทย"

ฟังแล้ว..เหมือนกับว่า "ภท.นั้น กายเป็นไทย แต่ใจเป็นเขมร" คนไทยทั้งประเทศควรเป็นพวกเดียวกับตน ทั้งๆ ที่ "ฮุน-ชิน" เป็นเพื่อนกันมากว่า 30 ปี และ"เอ็งเอ๋ง" ก็พูดว่า...."อังเคิลกับหลาน" เป็นพวกเดียวกัน ต่างกับแม่ทัพภาค 2 ที่เป็น "ฝ่ายตรงข้าม"

มัน ตรรกะวิบัติ หรือเปล่าวะ?

.








.






12

สมัยเด็กๆ เคยร้องและเล่น "ขี้ตู่กลางนา"

"ขี้ตู่กลางนา ขี้ตาตุ๊กแก ขี้มูกยายแก่ อรแร้อรชร ชรติ้งชร ติ้งชร ติ้งชร.."













13

โบราณนานมา

["ปราสาทตาเมือนธม" ขึ้นทะเบียนก่อนที่ "ประเทศกัมพูชา" จะเป็นเอกราชเสียอีก]

“ปราสาทตาเมือนธม” ขึ้นบัญชีเป็นโบราณสถาน ของไทยตั้งแต่ปี ๒๔๗๘ (1935)

"ปราสาทตาเมือนธม" อยู่ฝั่งไทย โดยกรมศิลปากรทำการสำรวจพบ และขึ้นบัญชีเป็น โบราณสถานของไทย" ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๗๘ (ค.ศ. 1935) หรือเมื่อ ๙๐ ปีที่แล้ว

และปัจจุบัน อยู่ในความดูแลของสำนักศิลปากรที่ ๕ ปราจีนบุรี

ที่ผ่านมา “กรมศิลปากร” ได้บูรณะโดยทางการกัมพูชารับรู้มาตลอด อีกทั้ง “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” ยังได้สร้างเส้นทางเที่ยวชมสำหรับนักท่องเที่ยวด้วย

อย่างไรก็ตาม หาก “กัมพูชาอ้างสิทธิ” การถือครองพื้นที่ปราสาทตาเมือนธมจริง

ไทยต้องยืนยันว่า “พื้นที่ชายแดนจุดนี้เป็นของเรา" โดยใช้แผนที่ตามหลักสากล ซึ่งแบ่งพื้นที่ตามหลัก “สันปันน้ำ”

ดังนั้น กัมพูชารับรู้มาตลอด......

แต่ตีเนียน คิดแต่จะสร้างสถานการณ์ ปลุกระดมคนกัมพูชา ที่ชักจูงได้ง่ายโดยไม่ใช้สติและปัญญาไตร่ตรองถึงข้อเท็จจริงก่อน ให้ดำเนินไปเหมือนกรณี “ปราสาทพระวิหาร”

“ประเทศกัมพูชา” ได้รับเอกราชจากฝรั่งเศส ในปี พ.ศ. ๒๔๙๖ (ค.ศ. 1953)

ภายหลังจากเป็นอาณานิคมมานานหลายสิบปี และได้รับการยอมรับให้เป็นประเทศเอกราชอย่างเป็นทางการจากองค์การสหประชาชาติในปี พ.ศ. ๒๔๙๘ (ค.ศ. 1955)

ซึ่งนับว่าเป็นช่วงเวลาหลังจากที่ “ปราสาทตาเมือนธม” ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของไทยไปแล้วกว่า ๒๐ ปี

จึงเห็นได้ว่า การขึ้นทะเบียน “ปราสาทตาเมือนธม”เป็นโบราณสถานของไทย

เกิดขึ้นก่อนที่ “ประเทศกัมพูชา” จะมีสถานะเป็นรัฐเอกราชในปัจจุบัน

และสะท้อนถึงความต่อเนื่องของการดูแลรักษามรดกทางวัฒนธรรมในพื้นที่ดังกล่าวภายใต้การปกครองของไทยมาอย่างยาวนาน

..................................

ขี้ตู่กลางนา ขี้ตาตุ๊กแก ปราสาทตาเมือนธมของไทยแท้ๆ แต่ขแมร์จะมาขโมยเอาไป

กิ๊วๆ หน้าด้าน เดี๋ยวก็ไล่ให้ไปนอนกระดานแผ่นเดียวซะหรอก!

-เปลว สีเงิน

๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๘

 

คนปลายซอย

.

ขอขอบคุณ เรื่องจาก เปลวสีเงิน : 'เขมรขี้ตู่' รู้กันรึยัง?
https://www.thaipost.net/columnist-people/825292/

'เขมรขี้ตู่' รู้กันรึยัง?

..

https://www.youtube.com/watch?v=KwbwhV1EE2A&t=15s

เปลวสีเงิน : 'เขมรขี้ตู่' รู้กันรึยัง?
thaipost

https://youtu.be/KwbwhV1EE2A?si=rFuPF_b0sHpUrFKi

.





14
'เขมรขี้ตู่' รู้กันรึยัง? เปลว สีเงิน คนปลายซอย


'เขมรขี้ตู่' รู้กันรึยัง?
17 กรกฎาคม 2568 เวลา 0:01 น.

ก็จริงอย่างที่ท่าน “ภูมิธรรม” พูดนะ ว่า

“อย่าไปฟังฮุน เซน มาก......

เพราะฮุน เซน เป็นเพียงแค่คนคนหนึ่ง ที่มีตำแหน่งประธานวุฒิสภา แล้วก็ไม่ได้มีอำนาจในการเจรจาพูดคุย”

เออ...เนอะ ก็ไม่ต่างกับทักษิณ

เป็นเพียงอดีตนักโทษคนหนึ่ง ที่มีฐานะเป็นพ่อนายกฯ และเป็นเจ้าของคอกหมา แล้วก็ไม่ได้มีอำนาจในการเจรจาพูดคุย

ฉะนั้น ไม่มีราคาอะไรที่ต้องไปฟัง

แต่...เอ ทำไมท่านภูมิธรรมถึงฟังและเชื่อทักษิณชนิดหัวปักหัวปำไปทุกเรื่องล่ะ!?

ทางที่ดีนะ ถ้าจะให้คนเลิกเชื่อฮุน เซน หันมาเชื่อทักษิณ ท่านภูมิธรรมต้องไปบอกเจ้านายของท่านให้แถลงออกมา.....

 ว่าที่ฮุน เซน กล่าวหาวันก่อน นั้น

-ทักษิณดูหมิ่นกษัตริย์ไทยทั้งอดีตและปัจจุบัน

-ทักษิณให้ข้อมูลและมาขอคำปรึกษาแทบทุกวัน ทุกสัปดาห์ หรือทุกเดือน

-ทักษิณแอบส่งเอกสารของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้ฮุน เซน ในปี ๒๕๕๓ เกี่ยวกับโครงการให้ทุนแก่กัมพูชาเพื่อก่อสร้างทางหลวงหมายเลข ๖๘ ตามแนวชายแดนกัมพูชา

ทั้งหมดนี้....ไม่จริง!

และที่ว่าเป็น “กบฏต่อชาติไทย” นั่นก็เป็นการใส่ร้าย

ทักษิณต้องท้าฮุน เซน กลับไปเลยว่า.......

แน่จริง มีหลักฐานอะไรเอาออกมายันให้เห็นกันจะจะ ถ้าไม่มี เป็นลูกหมาห้าร้อยชาติ!

ทักษิณต้องสวนเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดออกไปอย่างนี้ คนไทยจะได้ถือหางทักษิณ ด้วยเชื่อและเชียร์ว่า “อังเคิลฮุน” ใส่ร้ายจริง

ทั้งจะสมเหตุ-สมผลในด้านว่า เมื่อผลประโยชน์ขัดกัน ฮุน เซน ก็ป้ายสีหวังทำลายชื่อเสียงและความซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อชาติบ้านเมืองของทักษิณ

แต่นี่...โทนี่แม้วเงียบฉี่ ไม่กล้าโต้อังเคิลเลยซักแอะ!

การหลบหน้า ไม่พูด ไม่โต้ ในทางกฎหมาย อาจสันนิษฐานได้ว่าเป็นการ “ยอมรับ”

ฉะนั้น ทักษิณต้องไปให้สุด อย่าหยุดความซ่านะ

ทีกับคนอื่นละก็ แหม...คุยเป็นเสือ แต่กับอังเคิลฮุน ไหงเป็นแมวไปซะล่ะ?

ปัญหาพิพาทเขมรกับไทยตรงชายแดน ความอดทน-อดกลั้นต่อการยั่วยุจากทางเขมร นับวันจะเปราะบางลงไปเรื่อยๆ

เขมรใช้ทั้งเล่ห์ทั้งกลในการเดินเกม

ทางเล่ห์ ใช้ดาวยั่วมาแหย่ทางปราสาทตาเมือนธม หวังให้ทหารไทยหลุด แล้วเขาคอยบันทึกภาพในแง่มุมทหารไทยลงมือก่อน

แล้วอังเคิล “สองพ่อลูก” ก็จะโพนทะนาฟ้องโลก ทั้งที่ฝ่ายตัวเองเข้าทำนอง “ตีหัวเพื่อน” แล้วรีบไปแจ้งความตำรวจก่อนว่าตัวเองถูกกระทืบ

คนตีหัวกลับกลายเป็นโจทก์ไป!

ส่วนไอ้คนที่ถูกตี มัวเซ่อซ่า ไปแจ้งทีหลัง เลยกลายเป็นจำเลย ซวยไป

ไทยกับเขมร ก็ประมาณนี้ ต้องบอกว่า ทั้งรัฐบาล ทั้งหน่วยความมั่นคงและกระทรวงต่างประเทศ ด้าน "ยุทธศาสตร์การข่าว" สู้เขมร "กะล่อนโลก" ไม่ได้

อย่างที่เราคุยกันไปวันวาน ในเมื่อ “ปราสาทตาเมือนธม” เป็นของไทย อยู่ในเขตดินแดนไทย

แล้วใครไปตกลงให้ทหารเขมรมาลาดตระเวนร่วมกับทหารไทยหาวิมานอะไรล่ะ?

อีกอย่าง เพื่อตัดปัญหาดาวยั่ว ก็ “ล้อมรั้ว” ปราสาทตาเมือนธมซะเลย เพราะเดิมก็มีอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ใคร สมัยไหน ที่เสือกไปรื้อออก?

ชนชาวโซเชียลเขาหยั่งเสียงจนมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า “ให้ล้อม”

วันก่อน อ่านที่ Bangkok I Love You เขาโพสต์ ทุกอย่างก็มีความกระจ่างออกมา

Bangkok I Love You

ไม่มีรั้วตาเมือนธมไม่มีวันสงบ

คอมเมนต์เป็นเอกฉันท์! เสียงประชาชนเรียกร้อง “กั้นรั้วปราสาทตาเมือนธม” กำหนดพรมแดนให้ชัดเจนเหมือนเดิม

ท่ามกลางกระแสสังคมที่ร้อนแรง หลังการเปิดเผยข้อมูลสำคัญโดย “พลโท กนก เนตระคะเวสนะ” อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2568 ว่า

 “ปราสาทตาเมือนธมอยู่ในเขตไทย” และเคยมีรั้วเหล็กแนวชายแดนที่สร้างไว้ชัดเจนเมื่อปี 2551 นั้น

ล่าสุด เสียงจากประชาชนบนโลกออนไลน์ได้แสดงออกอย่างเป็นเอกฉันท์ ว่า ถึงเวลาแล้ว ที่ประเทศไทย ควรนำรั้วกั้นกลับคืนมา เพื่อปกป้องอธิปไตย และยืนยันความชอบธรรมตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์

“ทำใหม่ค่ะ”

“กั้นใหม่เลย อย่าไปสนใจ”

“สร้างขึ้นมาใหม่เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือเก็บเงินค่าบำรุงจากคนเขมรค่ะ”

นี่คือตัวอย่างความคิดเห็นจำนวนมากที่แห่กันสนับสนุนให้ประเทศไทยฟื้นโครงสร้างรั้วเหล็กบริเวณปราสาทตาเมือนธม ที่เคยมีการควบคุมการเข้า-ออกอย่างมีระบบ

และเคยเปิดให้ชาวกัมพูชาเข้ามาเยี่ยมชมได้อย่างสงบเรียบร้อย ผ่านกระบวนการขออนุญาตและบัตรคิวที่จุดตรวจ

ย้อนกลับไปในปี 2551 ทหารไทยได้สร้างรั้วแนวชายแดนในพื้นที่ดังกล่าว

และมีภาพถ่ายประวัติศาสตร์ที่แสดงให้เห็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งสองประเทศยืนถ่ายรูปร่วมกันหน้ารั้วเหล็ก

 ซึ่งสะท้อนถึงการยอมรับสถานะพรมแดน ณ ขณะนั้นอย่างเป็นรูปธรรม

แต่หลังเหตุปะทะชายแดนปี 2554 ในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รั้วดังกล่าวกลับถูก “รื้อถอน” ภายใต้นโยบายลดความตึงเครียดและส่งเสริมการท่องเที่ยว

ซึ่งวันนี้ ได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ประชาชนจำนวนมากรู้สึกว่า พรมแดนไทยเริ่มถูกละเลย

เสียงสะท้อนจากประชาชนในครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่กระแสอารมณ์ชั่ววูบ

แต่คือ การส่งสัญญาณไปยังรัฐบาลและหน่วยงานความมั่นคง ว่าประชาชนยังต้องการความชัดเจนในเขตแดน

และต้องการความมั่นใจว่า “ผืนแผ่นดินของชาติจะไม่ถูกรุกล้ำ”

“เราสร้างรั้วไม่ใช่เพื่อตัดขาดเพื่อนบ้าน แต่เพื่อรักษาสิทธิของเราให้มั่นคง”

และนี่คืออีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่า “รั้วชายแดน ไม่ใช่สัญลักษณ์ของสงคราม แต่คือสันติภาพที่ตั้งอยู่บนความชัดเจน”

เสียงประชาชนพูดพร้อมกันแล้ว…

ถึงเวลา “กั้นรั้วตาเมือนธม” ให้ชัดเจนเหมือนเดิม!

................................................................

จนได้.......

คน “ตระกูลชินวัตร” อีกนั่นแหละ ที่รื้อรั้วปราสาทตาเมือนธม ออกไปในสมัยสาวสองพันปี “นางสาวยิ่งลักษณ์”เป็นนายกฯ

พอมีปฏิกิริยาเรื่องรั้วจากคนไทยเท่านั้นแหละ “อังเคิลฮุน” แบะท่านักเลงทันที

เว็บไซต์ Khmer Times รายงาน เมื่อ ๑๕ ก.ค.ว่า ฮุน  เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ระบุว่า

“กัมพูชาเตรียมพร้อมรับมือกับความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้น”

โดยกล่าวหาว่าไทยกำลังยกระดับความตึงเครียดใกล้กับปราสาทตาเมือนธมที่เป็นข้อพิพาท

ฮุน เซน กล่าวว่า “ไทยเพิ่งแสดงเจตนาที่จะสร้างรั้วรอบปราสาท” และเตือนว่า อาจก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรง

“ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา พวกเขาต้องการสร้างรั้วรอบปราสาทตาเมือนธม ลองดูสิ!” เขากล่าว

“พวกเขายังขู่ที่จะโจมตีพระตะบอง เสียมเรียบ และพนมเปญ ลองดูสิ!

ผมไม่ได้ขู่ว่าจะก่อสงคราม แต่เรากำลังเตรียมพร้อมสำหรับสงครามที่อาจเกิดขึ้น”

ฮุน เซน กล่าวเสริมว่า แม้กัมพูชาจะไม่ได้ต้องการความขัดแย้ง แต่จะไม่นิ่งเฉย หากอำนาจอธิปไตยถูกท้าทาย”

อ้าว...ก็ขู่อยู่เหยงๆ กลับบอกว่าไม่ได้ขู่ อย่าปอดนักซี...ลุ้ง!

จะล้อมแล้วจะทำไม?

ในเมื่อ “ปราสาทตาเมือนธม” เป็นของไทย อยู่ในเขตดินแดนไทย ใช่ว่าไปล้อมบนหัวกระบาลเขมรซะที่ไหน     หน็อย...อย่ามาทำเก๋ากับไทยนะ เดี๋ยวก็ลู่ซึกหรอก!

ทั้งสากลโลก เขารู้ว่าปราสาทตาเมือนธมอยู่ในประเทศไทย ตั้งแต่เขมรยังเป็นข้าทาสบริวารฝรั่งเศสโน่นแน่ะ

ทั้งฝรั่งเศสเองก็ยอมรับดินแดนตรงนี้เป็นของไทย!

มีแต่ทาสตะวันตกนี่เท่านั้น ละเมอว่าเป็นของเขมร เพื่อให้หายเคลือบแคลงสงสัย อ่านให้รู้กันไว้ตรงนี้เลยก็ได้

................................................



15
ไปบ้านหมี่มาครับ  โดย ลวดหนาม (siamfishing.com)


ลวดหนาม ตั้งกระทู้: 25 ต.ค. 54, 13:24 1




เมื่อวานกลุ่มนักตกปลาชาวโคราชได้มีโอกาสร่วมเดินทาง
ไปแจกของช่วยเหลือผู้ประสพอุทกภัยน้ำท่วมที่อำเภอบ้านหมี่ จ.ลพบุรีกับคณะศาลแรงงานภาค 3
โดยมีท่านอภิธรรม อรัมภวิโรจน์ ท่านนพดล ลัญฉเวโรจน์ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะแรงงานภาค 3
ท่านวิฑูร วิมลเศษฐ ( ท่านต้น ) ผู้พิพากษาแรงงานภาพ 3 พร้อมด้วยคณะได้เดินทางไปพร้อมกับเราตั้งแต่เวลา 5.00น


ตลอดเส้นทางจากโคราชจนถึงปลายทางเราได้รับความร่วมมือจากตำรวจทางหลวงนำทางให้คณะเป็นอย่างดีครับ


คณะของเราแวะทำธุระก่อนที่ outlet ก่อนที่จะเดินทางกันต่อ


ท่านต้นนำเรือส่วนตัวมาด้วย ปกติเรือลำนี้มีไว้ล่ากระสูบ
แต่วันนี้ทำหน้าที่ล่อเป้าให้น้าหม่ำ


ทีมงานรับแจกข้าวกล่องไว้รองท้อง ก่อนที่จะปฏิบัติหน้าที่กันอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย


ผมนั่งรถมากับน้าหม่ำโดยมีน้องแบงค์ลูกชายน้าหม่ำมากับเราด้วยเช่นกัน


น้าหม่ำเองก็ขนของแจกมาเต็มลำเรือเหมือนกัน


บรรทุกเกินอัตราแบบนี้นี่เองถึงเบรคไม่อยู่ ฟาดท้ายท่านต้นดังโครมเลย


เพิ่มน้ำและพลังงานให้กับร่างกายก่อนครับ เช้านี้แดดแรงเอาเรื่องเหมือนกัน


เรือตกปลาจากโคราชมากันหลายลำ และยังมีเรือจากโรงพยาบาลเมืองยางด้วย


ท่านต้นเองกับอาจารย์ตู่สนทนาไปด้วยและก็กินอาหารไปพร้อมๆกันด้วย


หลังเสร็จธุระเราก็เดินทางกันต่อครับ


ตลอดเส้นทางเราขับรถตามท่านต้นตลอดครับ


คณะของเราจะแวะที่ศาลากลางจังหวัดลพบุรีกันก่อนครับ


เส้นทางการจราจรก็อย่างที่เห็นนี่แหละครับ
รถบรรทุกและรถเล็กหลายคันต้องหนีน้ำมาใช้เส้นทางเดียวกันทุกคัน


เรามาถึงศาลากลางจังหวัดลพบุรี ซึ่งมีหลายๆท่านรอเดินทางสมทบกับคณะเราด้วย


ทุกคนในคณะต่างมีจุดหมายเดียวกัน คือไปช่วยเหลือพี่น้องร่วมชาติ


แม้แดดจะร้อนเพียงใดก็ไม่ได้ทำให้คณะของเราย่อท้อ


เรารอคณะสมทบประมาณครึ่งชั่วโมงก็ออกเดินทางกันต่อ
ซึ่งคณะของเราจะแบ่งเป็นสองกลุ่ม
กลุ่มของเราจะมุ่งหน้าสู่วัดกริ่นกฐิน


วัดกริ่นกฐินเมื่อเดือนที่ผ่านมาน้ำไหลบ่าเข้ามาแรงมาก
แต่เวลานี้หลายหน่วยงานได้อาศัยวัดแห่งนี้เป็นศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสพอุทกภัยด้วย


เรือทุกลำต่างเตรียมความพร้อมก่อนที่จะทะยอยกันลงน้ำทีละลำๆ


โชคดีหน่อยครับ ที่วัดมีทางให้เรานำเทรลเลอร์ลงเรือได้ด้วย


น้าโต้งนำเรือมาด้วยหนึ่งลำ โดยมีน้ามิตรนั่งมาเป็นเพื่อน


ท่านต้นเองก็กำลังจัดแจงปลดเชือกผูกเครื่องเรือ
ก่อนถอยเทรลเลอร์ลงน้ำ


เรือของอาจารย์ตู่ มากับโปรปื๊ดครับ


ใกล้เที่ยงพอดี แดดทวีความแรงตลอดเวลา
แต่พวกเราก็ยังคงไม่สะทกสะท้านเช่นเคย


เรือท่านต้นลงน้ำได้อย่างสบายๆครับ


จุดหมายปลายทางของเราอยู่ที่บ้านบางขาม โดยเราจะขับเรือตามเรือของทหารนำทาง
ส่วนผมกับน้าหม่ำเกาะหลังเรือหางยาวของชาวบ้านครับ


น้ำหม่ำกำลังถอยเทรลเลอร์ลงน้ำครับ


น้ำและอาหารแห้งต่างถูกลำเลียงลงจากรถเพื่อนำไปแจกจ่ายผู้ประสพอุทกภัย


เรือหางยาวลำนี้อัดสามครับ แต่ขากลับหายไปหนึ่ง


เรือของเราวิ่งไม่ออกเลย เป็นเพราะสัมภาระที่บรรทุกหนักนั่นเอง


ไม่กล้าขับเร็ว เพราะไม่รู้ว่ามีตออยู่ตรงไหนบ้าง


ระหว่างทางเราเจอกลุ่มชาวบ้าน พายเรือออกมายิงหนูไปเป็นอาหาร


เรือของน้าโต้งเองก็วิ่งไม่ออกเช่นกัน จึงยกหางเพื่อเช็คความบกพร่อง




พอเข้าหมู่บ้านก็รู้ว่าน้ำยังไหลเชี่ยวมาก การบังคับเรือก็เพิ่มความลำบากไปด้วย


โรงงานที่อยู่ริมน้ำมีแต่ความเงียบสงัด


แม้แต่บ้านที่อยู่ริมน้ำ ก็กลายเป็นบ้านร้างกันทุกหลังครับ


ตอนที่วิ่งไล่ตามฉลามแถวลำตะคอง นึกว่าเรืออลูลำนี้จะตามขบวนไม่ทันเสียอีก
ที่ไหนได้ แคริเบียนวิ่งฉิวเลยครับ


น้าคิดตอนนี้ใบพัดอยู่ครบสามใบ
แต่ขากลับ หักหมดทั้งสามใบเหมือนกันครับ โดนสันถนนยางมะตอยนั่นเอง


น้ามิตรนั่งกุมเสบียงอย่างไม่คลาดสายตา
ในถังน้ำแข็งมีของเย็นๆแช่ไว้เพรียบ


จุดหมายของเราอยู่ที่วัดวาสนวรามครับ


แม้น้ำจะท่วมเพียงไรก็ตาม แต่ที่นี่ก็ยังเป็นที่รวมยึดเหนี่ยวจิตใจ
รวมทั้งใช้เป็นศูนย์กลางบรรเทาความเดือดร้อนของชาวบ้านด้วย


กลุ่มชาวบ้านที่มารอรับของแจก เพราะเจ้าหน้าที่ อบต.ประชาสัมพันธ์ไว้ล่วงหน้า


หากมองเผินๆ นึกว่าตลาดน้ำเสียอีก


คณะของเราเริ่มทะยอยกันมาถึงทีละลำสองลำ เราจะทำการแจกของให้กับชาวบ้านหมู่ที่ 1 ก่อน


กลุ่มของชาวบ้านมารับรับของอย่างเป็นระเบียบครับ


ป้าคนนี้มีรายชื่อเป็นคิวแรกๆในการรับของ จึงนำเรือเข้ามาก่อนลำอื่น


คณะของเราทะยอยกันเข้ามาเรื่อยๆครับ


ทั้งผู้ให้และผู้รับต่างไม่มีใครกลัวแดดกันเลยครับ


เรือท่านต้นเองก็เพิ่งเดินทางมาถึงเหมือนกัน


คณะของเราได้รับการกล่าวต้อนรับและกล่าวขอบคุณจากตัวแทนของชาวบ้าน
หลังจากนั้นท่านอิทธิธรรมก็กล่าวแสดงความห่วงใยกับพี่น้อง


แม้น้ำจะท่วมสักเพียงไร  แต่น้ำใจของคนไทยไม่เคยทอดทิ้งกันจริงๆครับ


หลายๆท่านที่มาพร้อมคณะ ต่างมีความสุขที่เป็นผู้ให้


คณะของเราหาที่เทียบเรือตามร่มไม้ ชาวบ้านหลายคนแสดงความเป็นห่วง
โดยเรียกให้ขึ้นแพ แต่หลายๆคนต่างขอพักตามอัธยาศัย


ท่านต้นกำลังกล่าวปลอบขวัญและแสดงความเป็นห่วงต่อชาวบ้านที่มารับรับของ


เราตื่นนอนกันตั้งแต่ตีสามตีสี่
เมื่อมาเจอสภาพแบบนี้.หายเหนื่อยกันเลยครับ
ชาวบ้านที่นี่ลำบากกว่าพวกเราเยอะ


ถุงยังชีพและของแจกถูกลำเลียงแจกจ่ายให้ชาวบ้าน  ตามรายชื่อที่ผู้นำชาวบ้านเรียกมารับตามลำดับ


เป็นอีกครั้งที่ผมได้เข้ามาแจกจ่ายของกินของใช้ให้กับพี่น้องชาวบ้าน
ปีนี้หนักจริงๆครับ


ท่านต้นนำถุงยังชีพมาแจกจ่ายให้กับชาวบ้านด้วยเช่นกัน


ชาวบ้านที่ยังไม่ได้รับของ ก็ทะยอยเข้ามาตามเสียงเรียกของผู้นำ


บางคนที่ไม่มีเรือ ก็อาศัยเรือของเพื่อนบ้านมารับของแจก


ชาวบ้านบอกกับผมว่า น้ำท่วมสูงเช่นนี้ 36 วันแล้ว


คุณยายคนนี้ขอแลกกุงเกงของผมกับผ้าถุงที่แกนุ่งมาวันนี้


น้าโต้ง วันนี้งดตกปลา แต่มาเอาบุญแทน


เรือน้าหม่ำหลังจากของข้าวของลงหมดแล้ว


ชาวบ้านกลุ่มนี้คงมีรายชื่ออยู่ท้ายๆกลุ่ม จึงหาที่หลบแดดรอเรียกชื่อตามลำดับ


เราใช้เรือเดินทางเข้าไปแจกของที่หมู่ 2 กันต่อ
ที่นี่ถูกน้ำท่วมสูงเช่นกัน
ทาง อบต.จึงยกสุขาเคลื่อนที่มาตั้งให้บริการ


ทุกคนที่มา  ต่างร่วมกันแจกของกันอย่างทั่วถึงครับ


น้าโต้งยกมือรับไหว้  เมื่อเห็นว่าชาวบ้านยกมือไหว้ขอบคุณ


นอกจากจะชอบตกปลาแล้วยังชอบทำบุญควบคู่กันไปครับสำหรับน้าหม่ำ


ผมก็แจกเหมือนกันครับ จะได้เอาบุญไปฝากคนที่บ้าน


น้ามิตรก็ร่วมแจกด้วยครับ


สภาพบ้านชั้นเดียวเกือบมิดหลังคา


ส่วนบ้านสองชั้นหายไปหนึ่งชั้นครับ


กลุ่มสุดท้ายที่เราเข้ามาแจกของ น้าหม่ำนำเรือตามผู้นำชุมชนก่อนเรา
ที่นี่มีคนอาศัยอยู่ไม่กี่ครัวเรือน เนื่องจากคนส่วนใหญ่ อพยพครอบครัวไปอยู่กันที่ศูนย์กันหมด


แต่ก็ยังมีคนสูงอายุหลายคนที่ไม่ยอมทิ้งบ้านของตนไปไหน
ได้แต่นั่งภวนาว่าขอให้น้ำลดเร็ววันเร็วคืนเถิด


คุณตาพาหลานน้อยมารับของแจก พร้อมด้วยเจ้าตูบหมาคู่ใจของหลาน


หากน้ำไม่ท่วมเช่นนี้ ป่านนี้เจ้าตูบคงวิ่งเล่นตาประสา


คุณยายได้ของแจก แล้วก็จ้ำเรือพายเข้าไปเก็บที่บ้าน


สังเกตเห็นว่ามีแต่คนสูงอายุ


คุณตาผู้นี้เล่าให้เราฟังว่า คนหนุ่มคนสาวย้ายไปกันหมดแล้ว
ส่วนคนแก่อย่างเรา ขอตายกันที่นี่


น้าคิดหาที่หลบแดดใต้ร่มไม้ เพราะแดดแรงจริงๆ


พี่สาวคนนี้ปิดหน้าปิดตาบังแดดมารับของ
แกบอกว่าอายความสวยของแก


เราแจกเรือลำนี้เป็นลำสุด หลังจากนั้นก็พากันเดินทางกลับ


ได้บุญมากันทุกคนครับ


ระหว่างทางเราพยายามขับเรือช้าๆ  เพื่อไม่ให้คลื่นไปรบกวนบ้านเรือนของชาวบ้าน


น้าโต้งขับเรือตามท่านต้น
เนื่องจากเจ้า 15 แรงที่น้าหม่ำเสยท้ายเมื่อเช้าทำท่างอแงตลอดเวลา


เราเดินทางกลับถึงวัดกริ่งกฐินอีกทีในเวลาสี่โมงกว่าๆ


เรือหลายๆลำทะยอยกันขึ้นฝั่งก่อนหน้าเรา และก็ปลอดภัยกันทุกลำครับ


ท่านต้นกับผู้พันหมู รอให้เรือลำอื่นขึ้นเทรลเลอร์ก่อน


วันนี้ก็เหมือนกับการตกปลา
เราออกจากบ้านกันตั้งแต่เช้ามืด และกลับเข้าบ้านตอนตะวันลับขอบฟ้าเช่นเดิม


วัดก็คือสถานที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ
แม้ประสบอุทกภัย แหล่งรวมจิตใจก็ยังสงบนิ่งเสมอ


ผู้พันหมูกำลังเดินไกด์ไปส่งท่านต้น


เรือของเราเป็นเรือลำสุดท้ายที่จะขึ้นเทรลเลอร์
ผมจึงเก็บภาพไปพลางๆ


พวกเราก็ได้แต่ภาวนาว่า ขอให้น้ำลดไวๆ
พี่น้องชาวบ้านจะได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง


เมื่อส่งท่านต้นขึ้นฝั่ง ผู้พันหมูก็ออกมารอให้เรือลำอื่นๆขึ้นเทรลเลอร์กันก่อน


เพื่อนๆต่างช่วยกันคนละไม้คนละมือ


ก่อนกลับ น้าหม่ำขอให้ผมถ่ายภาพให้หนึ่งใบ


หวังว่าอีกไม่กี่วันน้ำคงลดลงไปบ้าง


เรานำเรือขึ้นเทรลเลอร์กันครับทุกลำ และเราก็ปลอดภันกันทุกคนครับ


ขอปิดใบนี้เป็นใบสุดท้ายครับ
และขอนำบุญที่เราได้ มาฝากเพื่อนๆทุกๆคนด้วย
ขอบคุณเวปสยามฟิชชิ่งที่ให้ใช้พื้นที่ในการแบ่งปันด้วยครับ

.
.

คิด ความเห็นที่ 142: 26 ต.ค. 54, 10:18


แง  ฟันหลอ     
แต่ได้บุญ  ได้คำอวยพร

.


ขอขอบคุณ ภาพจาก... ไปบ้านหมี่มาครับ
https://www.siamfishing.com/board/view.php?tid=638530

.





Pages: [1] 2 3 ... 249
SMF 2.0.4 | SMF © 2013, Simple Machines | Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.152 seconds with 19 queries.