Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
		เหนือเกล้าชาวสยาม => พระบรมโพธิสัตว์เจ้าแห่งแผ่นดินสยาม => Topic started by: Smile Siam on 27  December  2012, 06:45:08 
		
			
			- 
				ในหลวงของเราก็เสียภาษีด้วยนะ
 
 
 ในหลวงทรงทำเป็นแบบอย่างที่ดี...ในการชำระภาษี
 ในขณะที่บุคคลร่ำรวยในประเทศไทยอีกมาก...พยายามเลี่ยงภาษี
 
 ทรัพย์สินของพระองค์ แบ่งเป็น สองประเภทคือ
 ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ กับ ทรัพย์สินส่วนพระองค์
 ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์จะได้รับการยกเว้นภาษี
 ส่วนที่สองซึ่งเป็นสินทรัพย์ส่วนพระองค์ยังต้องทรงเสียภาษีอยู่
 ดังมี รายละเอียดดังนี้....
 
 สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระ มหากษัตริย์
 (Crown Property Bureau หรือย่อว่า CPB)
 
 เป็นหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นตามความ
 ในพระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์
 พุทธศักราช 2479 เดิมมีฐานะเป็นหน่วยงานราชการ
 สังกัดกระทรวงการคลัง และได้ยกฐานะขึ้น เป็น นิติบุคคลเมื่อปี พ.ศ. 2491
 มีหน้าที่ดูแลรักษาและบริหารทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
 ที่กำหนดให้แยกต่างหากจากทรัพย์สินส่วนพระองค์
 (เช่น วังสระปทุม ที่ทรงได้รับสืบทอดมาจากพระราชบิดา)
 ซึ่งดูแลโดย สำนักงานจัดการทรัพย์สินส่วนพระองค์
 
 และทรัพย์สินส่วนสาธารณสมบัติของ แผ่นดิน (เช่น พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน)
 ซึ่งอยู่ในความดูแลของสำนักพระราชวัง
 
 ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ในความดูแล
 ของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
 โดยสรุปแล้วก็คือพระราชทรัพย์ของราชวงศ์จักรี
 (สินทรัพย์ส่วนพระองค์)
 ที่แยกต่างหากจากทรัพย์สินของแผ่นดิน เช่น
 
 ...เงินจากการแต่งสำเภาค้าขายต่าง ประเทศของรัชกาลที่ 3
 หรือที่เรียกว่า "เงินถุงแดง"
 
 ซึ่งตกทอดมาถึง รัชกาลที่ 5 และ
 ใช้จ่ายค่าปฏิกรรมสงครามแก่ประเทศฝรั่งเศส
 หลังเหตุการณ์สงคราม ร.ศ. 112
 สงคราม ร.ศ. 112 ซึ่งมีส่วนช่วยให้ประเทศสยามรักษาเอกราชไว้ได้
 
 ...หรือ บริษัทปูนซิเมนต์ไทย ที่ก่อตั้งโดยรัชกาลที่ 6
 
 ต่อมาภายหลังการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อ พ.ศ. 2475
 เนื่องจากทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เป็นพระราชทรัพย์ของราชวงศ์ จักรี
 ที่แยก ต่างหากจากทรัพย์สินของราชการ
 เพื่อความเหมาะสมจึงมีการออกกฎหมายกำหนดให้
 มีผู้รับผิดชอบบริหาร จัดการทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์โดยเฉพาะ
 คือพระราชบัญญัติ จัดระเบียบ ทรัพย์สิน ฝ่ายพระมหากษัตริย์ พุทธศักราช 2479
 และมีการแก้ไขปรับปรุงมาจนถึงปัจจุบัน
 
 ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
 ในความดูแลของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
 ได้รับการยกเว้นภาษีอากร เช่นเดียวกับ ทรัพย์สินส่วนสาธารณสมบัติของแผ่นดิน
 เนื่องจากมิได้เป็นทรัพย์สินส่วนพระองค์ แต่เป็นของแผ่นดิน
 
 ตามความในมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติ
 จัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ พุทธศักราช 2479
 
 ในขณะที่ทรัพย์สินส่วนพระองค์ในความดูแล
 ของสำนักงานจัดการทรัพย์สินส่วนพระองค์
 ไม่ได้รับการยกเว้นภาษีอากร
 
 สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
 มีทรัพย์สินในความดูแลเป็นที่ดินกว่า 54 ตร.กม.
 ใน กรุงเทพมหานคร และ 160 ตร.กม.ในจังหวัดอื่น
 โดยทำสัญญาให้เช่าแก่หน่วยงานราชการ
 องค์กรธุรกิจและบุคคลทั่วไปรวมประมาณ 36,000 สัญญา
 
 นอกจากนี้ยังมีหลักทรัพย์ลงทุนใน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
 
 โดยส่วนใหญ่เป็นหุ้นใน 3 บริษัทหลักคือ
 ปูนซิเมนต์ไทย
 ธนาคารไทยพาณิชย์
 และเทเวศประกัน
 
 ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ถือเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน
 ไม่ใช่ทรัพย์สินของส่วนพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
 จึงได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
 ซึ่งทรัพย์สินดังกล่าวจะถูกบริหารงานในรูปแบบองค์กรนิติบุคคลภายใต้ชื่อ
 สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ทรัพย์สินส่วนใหญ่ ได้แก่ ที่ดินและหุ้น
 
 ทรัพย์สินส่วนพระองค์ของในหลวง
 ยังทรงมีการลงทุนส่วนพระองค์เอง
 โดยไม่ผ่านสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
 โดยการเป็นผู้ถือหุ้นใน บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) 43.87%
 บริษัท ไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) 18.56%
 และบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) 2.04% เป็นต้น
 ทรัพย์สินส่วนพระองค์นี้ยังหมายรวมถึง
 เงินทูลเกล้าถวายฯ ตามพระราชอัธยาศัยต่าง ๆ
 ซึ่งทรัพย์สินส่วนพระองค์นั้นไม่ได้รับการยกเว้นเรื่องภาษี
 และต้องเสียภาษีอากรตามปกติ
 
 ในหลวงไม่ได้เป็นพระมหากษัตริย์ที่รวยที่สุดในโลกอย่างที่นิตยสารฟอร์บจัดอันดับ
 พระองค์ทรงได้รับการจัดอันดับจากนิตยสารฟอร์บ
 ให้เป็นหนึ่งในกษัตริย์ที่ร่ำรวยที่สุดในโลก
 ซึ่งความคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง เนื่องจากในความเป็นจริง
 "ทรัพย์สินที่นับมาประเมินนั้นเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน
 มิใช่ทรัพย์สินส่วนพระองค์"
 
 ในหลวงมิได้ทรงเป็นเจ้าของปูนซิเมนต์
 และเจ้าของธนาคารแต่เพียงผู้เดียว
 พระองค์ทรงเป็นเพียงผู้ถือหุ้น ส่วนหนึ่งเท่านั้น
 
 พระองค์ทรงเป็นผู้ถือหุ้นส่วนหนึ่ง มิใช่เจ้าของกิจการทั้งหมด
 -SCC : บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)
 ทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 1,200 ล้านบาท ราคาตลาดประมาณหุ้นละ 200 บาท
 สนง.ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ฯ ถือหุ้นประมาณ 30%
 จำนวนประมาณ 360 ล้านหุ้น มูลค่ารวมประมาณ 72,000 ล้านบาท
 
 -SCB : ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
 ทุนจดทะเบียนชำระแล้วประมาณ 15,000 ล้านบาท
 ราคาตลาดประมาณหุ้นละ 100 บาท
 สนง.ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ฯ ถือหุ้นประมาณ 8%
 จำนวนประมาณ 150 ล้านหุ้น มูลค่ารวมประมาณ 15,000 ล้านบาท
 พระองค์มิใช่เป็นเจ้าของกิจการทั้งหมด
 
 หยุดให้ร้ายพระองค์ท่านว่าทรงร่ำรวยที่สุด
 โดยไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง
 
 ในหลวงทรงเป็นแบบอย่างที่ดี...ในการชำระภาษี
 ในขณะที่บุคคลร่ำรวยในประเทศไทย อีกมากยังพยายามเลี่ยงภาษี
 
 เพราะแม้แต่สินทรัพย์ส่วนพระองค์ สุดท้ายแล้วพระองค์ก็ทรงนำมาใช้
 ในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ประชาชน..
 ลองฟังข่าวพระราชสำนักให้ดีๆ ในหลวงกับพระราชินี
 ทรงพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ในการช่วยเหลือ....