Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...

หมวดหมู่ทั่วไป => เพลงไทย => เพลงพาเพลิน => ศาลาพักใจ => เพลงไทยเดิม => Topic started by: ppsan on 17 July 2025, 20:14:02

Title: เพลงไทยเดิมอมตะ อันแสนไพเราะ "ลาวดวงเดือน"
Post by: ppsan on 17 July 2025, 20:14:02
เพลงไทยเดิมอมตะ อันแสนไพเราะ "ลาวดวงเดือน"


เพลง ลาวดวงเดือน (ลาวดำเนินเกวียน)

เพลงลาวดวงเดือน เป็นเพลงไทยเดิมเพลงหนึ่งที่รู้จักกันดีในหมู่ชาวไทย ทรงพระนิพนธ์โดยพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดม (พระนามเดิมว่า พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าเพ็ญพัฒนพงษ์) พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กับเจ้าจอมมารดามรกฎ และทรงประสูติเมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน พ.ศ. ๒๔๒๕

(https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/d/da/Benbadhanabongse.jpg)

เดิมเพลงนี้กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดมทรงตั้งชื่อว่า เพลงลาวดำเนินเกวียน เพราะทรงโปรด “เพลงลาวดำเนินทราย” ของ พระยาประสานดุริยศัพท์ จึงตั้งพระทัยประพันธ์เพลงสำเนียงลาวที่มีลักษณะคล้ายๆ กัน แต่เนื่องจากเนื้อร้องที่ขึ้นต้นว่า โอ้ละหนอ…ดวงเดือนเอย…. ทำให้ผู้ฟังนิยมเรียกกันว่า ลาวดวงเดือน เป็นชื่อที่นิยมเรียกสืบมาจนหลงลืมชื่อเดิมที่ผู้ประพันธ์ทรงตั้งไว้

ประวัติของเพลงลาวดวงเดือน มีอยู่ว่า เมื่อกรมหมื่นพิไชยมหินทโรดมได้เสด็จไปนครเชียงใหม่ และเกิดชอบพอกับเจ้าหญิงชมชื่น พระธิดาองค์โตของเจ้าราชสัมพันธวงศ์และเจ้าหญิงคำย่น ณ ลำพูน ทรงโปรดให้ข้าหลวงใหญ่มณฑลพายัพเป็นเถ้าแก่เจรจาสู่ขอ แต่ได้รับการทัดทาน ไม่มีโอกาสที่จะได้สมรสกัน ทำให้พระองค์โศกเศร้ามาก เป็นเหตุให้พระองค์ทรงโปรดเพลง “ลาวเจริญศรี” (บทร้องจากวรรณคดีเรื่องพระลอ) นำมาสู่แรงบันดาลใจการนิพนธ์ เพลงลาวดวงเดือน ในที่สุด

และเมื่อใดที่ทรงระลึกถึงเจ้าหญิงชมชื่น ก็จะทรงดนตรีเพลงลาวดำเนินเกวียน (ลาวดวงเดือน) เพลงนี้ หรือให้มหาดเล็กเล่นให้ฟัง มาตลอดพระชนมชีพ ซึ่งพระองค์ทรงสิ้นพระชนม์ในพุทธศักราช ๒๔๕๒ เมื่อพระชนมายุได้เพียง ๒๘ พรรษา ด้วยโรคปอดเรื้อรัง ซึ่งบ้างก็ว่าทรงตรอมพระทัยเพราะความอาลัยรัก

.

ลาวดวงเดือน

    โอ้ละหนอ... ดวงเดือนเอย ข้อยมาเว้า รักเจ้าสาวคำดวง
    โอ้ดึกแล้วหนอ ข้อยขอลาล่วง อกพี่เป็นห่วง รักเจ้าดวงเดือนเอย
    ขอลาแล้ว เจ้าแก้วโกสุมภ์ ข้อยนี้รักเจ้าหนอขวัญตาเรียม
    จะหาไหนมาเทียม เจ้าดวงเดือนเอย
    หอมกลิ่นเกสร เกสรดอกไม้ หอมกลิ่นคล้ายคล้ายเจ้าสูของเรียมเอย
    หอมกลิ่นกรุ่นครัน หอมนั้นยังบ่เลย เนื้อหอมทรามเชย....เอ๋ย..เราละหนอ

    โอ้ละหนอ นวลตาเอย ข้อยนี้รัก แสนรักดังดวงใจ
    โอ้เป็นกรรมต้องจำจากไป อกอาลัยเจ้าดวงเดือนเอย
    เห็นเดือนแรม เริดร้างเวหา ข้อยเบิ่งดูฟ้า (ละหนอ) เห็นมืดมน
    พี่จะทนทุกข์...ทุกข์ทน เจ้าดวงเดือนเอย
    เสียงไก่ขันขาน มันหวานเจื้อยแจ้ว ช่างหวานสุดแล้ว หวานแจ้วเจื้อยเอย
    ถึงจะหวาน เสนาะ หวานเพราะกระไรเลย บ่เหมือนทรามเชย...เราละหนอ...

.

(https://scontent.fbkk24-1.fna.fbcdn.net/v/t1.6435-9/118771040_3392233534148701_1723908447812990475_n.jpg?_nc_cat=107&ccb=1-7&_nc_sid=833d8c&_nc_ohc=AUNXHHtWNe4Q7kNvwEMOzfJ&_nc_oc=AdkoQDZkVFsJfk692kYIZKG79KhQgGz7uw_tpJkToj7djrnWqNPAZ7U9fYrM4K_c8qc&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk24-1.fna&_nc_gid=JCEA_YNzqiy6DVdozNFl7A&oh=00_AfaS2aQptyNZLQPjC6STVMtbiRAcEFRiI6ziYUT2Uaiwrg&oe=69057118)
เจ้าหญิงชมชื่น ณ เชียงใหม่

..


https://www.youtube.com/watch?v=ISl5c6DheBY

ลาวดวงเดือน | คุณพระช่วย | ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๖

https://youtu.be/ISl5c6DheBY?si=e6WodfKz3Z9HYF9v

.




Title: Re: เพลงไทยเดิมอมตะ อันแสนไพเราะ "ลาวดวงเดือน"
Post by: ppsan on 02 October 2025, 12:57:41

ลาวดวงเดือน

เพลง ลาวดำเนินเกวียน นิยมเรียกว่า "ลาวดวงเดือน" เป็นเพลงไทยเดิม พระนิพนธ์ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดม พระราชโอรสพระองค์ที่ 41 ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์ประเทศสยาม กับเจ้าจอมมารดามรกฎ ในรัชกาลที่ 5 ทรงพระนิพนธ์เมื่อ พ.ศ. 2450–2452 ระหว่างเสด็จตรวจราชการมณฑลอีสาน ณ หัวเมืองอุบลราชธานี


(https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/d/da/Benbadhanabongse.jpg)
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดม (พ.ศ. 2425–2452) ผู้แต่งเพลงนี้
.

ความหมาย

ชื่อเพลงลาวดวงเดือน หมายถึง พระจันทร์ (The Moon  หรือ Moonlight Serenade) โดยคำว่า ลาว หมายถึง สำเนียงลาวถิ่นล้านนา และถิ่นอีสาน  และยังหมายถึง ทำนอง (ทางเพลง) เช่น วิธีดำเนินทำนองเครื่องดนตรีแต่ละชนิด ระดับเสียง เป็นต้น

คำว่า "ดวงเดือน" เป็นสำนวนกวีโวหารตั้งแต่สมัยอยุธยา ใช้ชมความงามโดยเปรียบเทียบตามขนบ คือ ใช้พรรณาชมความงามของฝ่ายหญิงว่าเปล่งปลั่ง สดใส งดงามดั่งพระจันทร์เต็มดวง สำนวนดังกล่าวพบในวรรณกรรมสำนวนไทยสมัยอยุธยา เช่น รามเกียรติ์ อุณรุท สังข์ทอง เป็นต้น

สมัยรัชกาลที่ 4–6 ราชสำนักสยามเคยกำหนดให้หัวเมืองเหนือของไทยเรียกว่า หัวเมืองลาวเฉียง และเรียกหัวเมืองแถบอีสานว่า หัวเมืองลาวกาว จึงปรากฏคำว่า ลาว ในชื่อเพลงซึ่งหมายถึงสำเนียงลาวถิ่นล้านนา ลาวถิ่นอีสานในสมัยนั้น แต่ไม่ได้หมายถึงประเทศลาวสมัยปัจจุบัน หรือบ่งชี้ว่ามีต้นกำเนิดจากประเทศลาวแต่อย่างใด
.

ประวัติ

ลาวดวงเดือน (ชื่อเดิม: ลาวดำเนินเกวียน) เป็นเพลงไทยเดิมสำเนียงลาว ซึ่งพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดม ทรงพระนิพนธ์ขึ้นระหว่างปี พ.ศ. 2450–2452 นับว่าเป็นเพลงไทยที่เป็นที่รู้จักแพร่หลายมากที่สุด
.

สมัยรัชกาลที่ 5

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดมทรงโปรดการดนตรีไทยเป็นการส่วนพระองค์ และยังทรงเป็นนักประพันธ์เพลงอย่างดี  ด้วยปรากฏว่าระหว่าง พ.ศ. 2450-52 ทรงพระนิพนธ์บทร้องเพลงไว้มากมาย ซึ่งบทร้องแต่ละเพลงของพระองค์มักเกี่ยวกับเรื่อง "พระจันทร์" อันเนื่องด้วยพระนามเดิมว่า "เพ็ญพัฒนพงศ์ " และยังทรงมีวงปี่พาทย์ส่วนพระองค์ชื่อ วงพระองค์เพ็ญ  ล้วนมีนักดนตรีที่มีฝีไม้ลายมือเทียดเทียมวงปี่พาทย์วงอื่นในสมัยนั้น อาทิ วงสมเด็จพระบรม (รัชกาลที่ 6) วงวังบูรพา (กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช) วงบางขุนพรหม (กรมพระนครสวรรค์วรพินิจ) เป็นต้น 

กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดมทรงโปรดทำนองและลีลาเพลงลาวดำเนินทรายที่ประพันธ์บทร้องโดย จ่าเผ่นผยองยิ่ง (โคม หรือจ่าโคม) น้องชายของพระราชมนู (ทองอยู่) ครูเสภาสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นเพลงสําเนียงไทยภาคเหนือ (ล้านนา) (เรียกว่า สำเนียงลาว) ที่ไพเราะมากที่อาจารย์ทางดนตรีได้เลียนทำนองมาจากการร้อง สักวาลาวเล็ก เป็นสักวาของเก่าสมัยโบราณ  แล้วพระยาประสานดุริยศัพท์ (แปลก ประสานศัพท์) ได้นำมาดัดแปลงทางดนตรีขึ้นใหม่ เพื่อใช้บรรเลงและขับร้องวงเครื่องสายปี่ชวา

เมื่อเดือนมกราคม ร.ศ. 127 (ตรงกับ พ.ศ. 2452 ตามปฏิทินปัจจุบัน) รัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดมเป็นอธิบดีกรมเพาะปลูก และโปรดให้ตั้งโรงเรียนช่างไหม (โรงเรียนเกษตร วังใหม่สระปทุม) กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดมทรงสนพระทัยจึงได้ขยายโรงเรียนช่างไหมออกไปยังมณฑลหัวเมืองต่าง ๆ พระองค์จึงเสด็จตรวจราชการเยี่ยมเยียนราษฎรมณฑลอีสาน ณ หัวเมืองอุบลราชธานี ผ่านอำเภอเขื่องใน บ้านชีทวน ปรากฏใน รายงานของปลัดมณฑลจังหวัดอุบล ฯ ถึงท้าวไชยกุมาร ผู้แทนนายอําเภอแลกรมการเมืองมหาชนะไชย เรื่อง การทําไหม (เดือนมกราคมศก ร.ศ. 127-สนอง)

เมื่อคราวเสด็จตรวจราชการโรงทอผ้าไหม ณ หัวเมืองอุบลราชธานี ระหว่างทางจากเมืองนครราชสีมาไปเมืองอุบลราชธานี ซึ่งสมัยนั้นต้องใช้เกวียนเป็นพาหนะ  และทรงประทับแรมอยู่ตามทางเป็นช่วง ๆ แล้วทรงพระนิพนธ์เพลงไทยเดิมสำเนียงลาวขึ้นใหม่เพลงหนึ่ง โดยมีลีลาแบบเดียวกับเพลงลาวดำเนินทราย เพื่อให้คู่กันแล้วประทานชื่อเพลงว่า ลาวดำเนินเกวียน เพื่อเป็นอนุสรณ์ในการเสด็จคราวนั้น เป็นเพลงอัตรา 2 ชั้น  และใช้หน้าทับลาวตีประกอบจังหวะ  จึงมีรับสั่งให้หลวงอำนาจณรงค์ราญ (ไพฑูรย์ เพ็ญกุล) เป็นผู้ขับร้องบทเพลงของพระองค์เป็นคนแรก บทร้องเพลงลาวดำเนินทรายฉบับที่กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดมทรงพระนิพนธ์ ดังนี้:—

      โอ้ละหนอ      ดวงเดือนเอย
   ข้อยมาเว้า         รักเจ้าสาวคำดวง
   โอ้ดึกแล้วหนอ      ข้อยขอลาล่วง
   อกพี่เป็นห่วง      รักเจ้าดวงเดือนเอย

   — ประชุมบทเพลงไทยเดิม กรมศิลปากร (คัดเฉพาะบทแรก) 

เมื่อโปรดให้นำเพลงลาวดำเนินเกวียนออกร้อง ก็ได้รับความนิยมจากวงดนตรีไทยอย่างแพร่หลาย แต่ด้วยบทร้องเพลงขึ้นต้นด้วย "โอ้ละหนอ ดวงเดือนเอย" และแต่ละบทมักจบท่อนด้วย "ดวงเดือน" ผู้ที่ไม่ได้อยู่ในวงปี่พาทย์วงพระองค์เพ็ญจึงจดจำเพลงมาร้องต่อ ก็เรียกชื่อเพลงนี้ว่า ลาวดวงเดือน แทน แล้วพากันเรียกชื่อดังนี้ต่อ ๆ กันเรื่อยมาจนชื่อเพลงลาวดวงเดือนฝังติดหูกันไปทั่ว แม้ทรงประทานชื่อเพลงว่า ลาวดำเนินทราย ก็ไม่มีผู้ใดเรียก หากแต่ใครได้ยินเพลงก็เรียกว่าเพลงลาวดวงเดือนกันทั้งนั้นในสมัยนั้น จึงเป็นอันยุติว่า "เพลงลาวดำเนินเกวียน" นี้ คือ "เพลงลาวดวงเดือน" เช่นเดียวกับกรณีเพลงเขมรไทรโยค มีชื่อเดิมว่า เขมรกล่อมลูก แต่ก็ไม่มีใครเรียกตามชื่อตั้งแต่ต้นเลย 

หลังทรงพระนิพนธ์เพลงลาวดำเนินเกวียนได้ไม่นาน พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดม จึงสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2452 ขณะมีพระชนมายุได้ 27 ปี

ผศ.สนิท ตั้งทวี ผู้เชี่ยวชาญด้านวรรณคดีไทย กล่าวว่า เพลงลาวดวงเดือน เป็นเพลงที่ให้ความรู้สึกสะเทือนใจเป็นที่สุด สําหรับผู้ที่ไม่เคยมีความสมหวังในความรัก
.

สมัยรัชกาลที่ 7

สมัยรัชกาลที่ 7 กรมศิลปากรนำเพลงลาวดวงเดือนมาประยุกต์ประดิษฐ์ให้มีท่ารำตามนาฏศิลป์ไทยเรียกว่า ฟ้อนลาวดวงเดือน โดยจัดแสดงครั้งแรกต่อหน้าพระที่นั่งพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว มีสตรีในราชสำนัก คุณพนักงานนางพระกำนัล นางสนองพระโอษฐ์แสดงในครั้งนั้น พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวยังทรงปรับปรุงท่าฟ้อนลาวดวงเดือนให้ดียิ่งขึ้น ทรงพระกรุณาโปรดให้เพิ่มจังหวะ และโปรดให้ท่านผู้หญิงพวงร้อย อภัยวงศ์ เล่นเปียโนประกอบการแสดง
.

สมัยรัชกาลที่ 9

เมื่อ พ.ศ. 2494 อาจารย์มนตรี ตราโมท ได้นำทำนองเพลงลาวดวงเดือนมาแต่งใหม่ ตั้งชื่อเพลงว่าเพลง โสมส่องแสง  โดยขยายเป็นอัตรา 3 ชั้น แล้วตัดลงเป็นอัตราชั้นเดียว เพื่อใช้บรรเลงร่วมกับ 2 ชั้นของกรมหมื่นพิไชยมหินทโรดมให้ครบ เป็นเพลงเถา โดยยึดสำเนียงลาวตามต้นฉบับไว้ อาจารย์มนตรี ตราโมท ยังแก้ไขทำนองร้องเล็กน้อย กล่าวคือ ของเดิมต้นฉบับทำนองเพลงท่อน 3 ใน 4 จังหวะต้น (หน้าทับสองไม้) ทั้งร้องและรับ กำหนดไว้ให้กลับซ้ำเป็น 2 ครั้ง เมื่อนำมาแต่งทำนองเพลงร้องเป็น 3 ชั้น ถ้าจะให้ร้องทำนองตอนนั้นซ้ำเป็น 2 ครั้งอย่างเดิม ก็ดูจะยืดยาดไป จึงตัดให้ร้องแต่เพียงครั้งเดียว แล้วดำเนินทำนองตอนท้ายติดต่อไป เมื่อแก้ไขอัตรา 3 ชั้นแล้ว ทำนองร้อง 2 ชั้น และชั้นเดียวก็ต้องให้เป็นไปตามแบบเดิมกันจึงจะเข้าชุดกันเป็นเถาได้ ส่วนทำนองดนตรีที่รับคงซ้ำ 2 ครั้งอย่างเดิมตลอดเถา 

เมื่อ พ.ศ. 2499 พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ทรงแซกโซโฟนบรรเลงเพลงลาวดวงเดือนส่วนพระองค์ (ดนตรีแจ๊ส) ร่วมกับเบนนี่ กู๊ดแมน (Benny Goodman [en]) นักเป่าแคลริเน็ตชาวอเมริกัน เจ้าของฉายาราชาแห่งสวิง (King of Swing) ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2499 ต่อมาพลตำรวจเอก พิชัย กุลละวณิชย์ รองอธิบดีกรมตำรวจ จึงชักชวนคณะออร์เคสตราของเบนนี่ กู๊ดแมนร่วมบรรเลงเพลงลาวดวงเดือน (ดนตรีแจ๊ส) กับวงดนตรีประสานมิตร ประเทศไทย โดยมีเจตนา จุลกะ เป็นวาทยกร เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ณ โรงพยาบาลตำรวจ ปรากฏตาม หนังสือกรมตำรวจ ที่ 18698/56 ลงวันที่ 13 ธันวาคม ค.ศ. 1956

(https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/9/92/King-Bhumibol-Adulyadej-Thailand-with-Urbie-Green-Benny-Goodman-Jonah-Jones-and-Gene-Krupa-during-his-visit-to-the-US-1960.jpg)
พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรทรงแซกโซโฟนส่วนพระองค์ (ซ้าย) ร่วมกับ Benny Goodman (ซ้ายลำดับที่ 2) และคณะ เมื่อ ค.ศ. 1970 ประเทศสหรัฐอเมริกาโดยมีการบรรเลงเพลง ลาวดวงเดือน ในครั้งนั้นด้วย

ในการร่วมบรรเลงเพลงลาวดวงเดือนทั้งสองคณะ เบนนี่ กู๊ดแมนเรียกชื่อเพลงว่า เดอะบิวตี้ฟูลมูนออฟลาว (The Beautiful Moon Of Lao) โดยมีสำนักข่าวบริษัทแพร่สัญญาณแห่งชาติ (เอ็นบีซี) สหรัฐอเมริกา ร่วมบันทึกการบรรเลง  ต่อมาได้นำเพลงดังกล่าวออกวางจำหน่ายในรูปแผ่นเสียงไวนิล เมื่อ ค.ศ. 1987 ชื่ออัลบั้มว่า Jazz And Hot Dance In Thailand 1956-1967

เมื่อ พ.ศ. 2503 พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 เสด็จฯ เยือนประเทศสหรัฐอเมริกา ทรงแซกโซโฟนร่วมกับคณะของเบนนี่ กู๊ดแมนที่บอสตัน นครนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2503 ปรากฏตามรายงานข่าวในนิตยสารไทม์ของสหรัฐอเมริกา ฉบับวันที่ 18 กรกฎาคม ค.ศ. 1960 โดยมีการบรรเลงเพลงลาวดวงเดือนส่วนพระองค์ (ดนตรีแจ๊ส) ในครั้งนั้นด้วย 

(https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/8/82/Bangkok_National_Museum_-_2017-06-11_%28023%29.jpg/800px-Bangkok_National_Museum_-_2017-06-11_%28023%29.jpg)
แซกโซโฟนส่วนพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 จัดแสดง ณ พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร กรุงเทพมหานคร


เมื่อ พ.ศ. 2505 กรมศิลปากรนำฟ้อนลาวดวงเดือนมาปรับปรุงเพิ่มเติม โดยมีท่านผู้หญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนี ช่วยปรับปรุงท่ารำให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น แล้วให้อาจารย์มนตรี ตราโมท นำออกแสดง และออกนำบทร้องเพลงเพื่อใช้ต้อนรับการเสด็จเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของพระราชอาคันตุกะจากต่างประเทศของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

สารคดีเฉลิมพระเกียรติ เรื่อง รอยพระยุคลบาท บันทึกความทรงจำของ พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร ศิลปินแห่งชาติ (สาขาวรรณศิลป์) อดีตหัวหน้านายตำรวจราชสำนักประจำรัชกาลที่ 9 กล่าวถึงเพลงลาวดวงเดือนไว้ว่า:–

Queen Ingrid might have been surprised to see the crown prince sing the famous traditional Thai song ‘Lao Duang Duean’ and to hear Princess Sirindhorn play a Thai fiddle and sing traditional Thai songs as well.

(คำแปลไทย): สมเด็จพระราชินีอิงกริดแห่งเดนมาร์กทรงตื่นเต้นพระทัยที่จะได้ทอดพระเนตรพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 10) ทรงขับร้องเพลงไทยเดิมอมตะชื่อว่า “ลาวดวงเดือน” และจะได้ทรงฟังพระสุรเสียงของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงซอด้วง และทรงขับร้องเพลงไทยเดิม

— วสิษฐ เดชกุญชร และคณะ, In His Majesty's Footsteps: A Personal Memoir สารคดีเฉลิมพระเกียรติ "รอยพระยุคลบาท" บันทึกความทรงจำของ พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร (แปลเป็นฉบับภาษาอังกฤษโดยบุษกร สุริยสาร และคริสโตเฟอร์ มัวร์), (2549)

มีการนำฟ้อนลาวดวงเดือนออกแสดงต้อนรับในโอกาสการเสด็จเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการหลายครั้ง เช่น

-เนื่องในวโรกาสเสด็จเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของเจ้าชายฟรีดริช วิลเฮลม แห่งปรัสเซีย สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ณ สวนศิวาลัย พระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2506

-เนื่องในวโรกาสพระราชทานเลี้ยงพระกระยาหารค่ำแก่เจ้าชายมาซาฮิโตะ ฮิตาจิโนะมิยะ พระราชอนุชาในสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ และเจ้าหญิงฮานาโกะ พระชายา ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2508

-เนื่องในวโรกาสพระราชทานเลี้ยงพระกระยาหารค่ำแก่พระสหาย ณ พระที่นั่งบรมพิมาน พระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2509

มีการจัดแสดงฟ้อนลาวดวงเดือนอีกหลายครั้งจนถึงปัจจุบัน และมีการใช้เพลงลาวดวงเดือนฟ้อนถวายฯ รัชกาลที่ 9 มากที่สุดเมื่อ พ.ศ. 2534

เมื่อ พ.ศ. 2527 คุณหญิงชิ้น ศิลปบรรเลง นำเพลงลาวดวงเดือนมาเรียบเรียง ต่อมาวงดนตรีคุรุสภา (ชื่อเดิม: สมัคยาจารย์สมาคม) จึงได้นำผลงานของท่านออกบรรเลงเป็นครั้งแรก
.

มูลเหตุ และทัศนะเกี่ยวกับการนิพนธ์เพลง

ตำนานความรักเจ้าหญิงชมชื่น ณ เชียงใหม่

เอกสารทั่วไประบุว่า กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดมเสด็จภาคอีสานด้วยเกวียน จึงทรงแต่งเพลงนี้ขึ้น มีทำนองแบบเพลงลาว และประทานชื่อว่า "ลาวดำเนินเกวียน" เพื่อเป็นอนุสรณ์ถึงการเสด็จคราวนั้น แต่เอกสารบางฉบับก็อ้างถึงคำเล่าลือว่า พระองค์ทรงแต่งเพลงนี้ขึ้นเพราะทรงคิดถึงเจ้าหญิงชมชื่น ณ เชียงใหม่ รักแรกที่ไม่สมหวังของพระองค์

หนังสือ ร้อยเรียงเวียงวัง ของกิตติพงษ์ วิโรจน์ธรรมากูร ซึ่งพิมพ์เมื่อ พ.ศ. 2543 อ้างว่า ในราว พ.ศ. 2446 กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดมเสด็จไปตรวจการทำไหมในมณฑลอีสาน ทรงคิดถึงหญิงผู้เป็นรักแรก คือ เจ้าหญิงชมชื่น (ณ เชียงใหม่) ธิดาของเจ้าราชสัมพันธวงศ์ (ธรรมลังกา) กับเจ้าหญิงคำย่น ซึ่งถูกรัชกาลที่ 5 พระบิดา คัดค้านการสมรสกันโดยไม่ปรากฏเหตุผล จึงทรงแต่งเพลงนี้ขึ้น ประทานชื่อว่า "ลาวดำเนินเกวียน" เพราะอยู่ระหว่างเสด็จด้วยเกวียน และให้เข้าคู่กันกับเพลง "ลาวดำเนินทราย" กิตติพงษ์ วิโรจน์ธรรมากูร ระบุว่า ข้อมูลดังกล่าวมาจากการ "เล่ากัน"

บทความ อาศรมมิวสิก: ปลดแอกลาวออกจากเพลง เหลือแค่ดวงเดือนทำนองเมืองเหนือ ซึ่งสุกรี เจริญสุข เขียนเผยแพร่เมื่อ พ.ศ. 2564 ว่า กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดมทรงพบรักกับเจ้าหญิงชมชื่นแห่งเชียงใหม่ โปรดให้ข้าหลวงมณฑลพายัพเป็นเถ้าแก่ไปสู่ขอ แต่ไม่เป็นผล เพราะผู้ใหญ่ฝ่ายเชียงใหม่ต้องการรอให้เจ้าหญิงอายุครบ 18 ปีก่อน ส่วนรัชกาลที่ 5 ก็ไม่ทรงอนุญาต และพระราชวงศ์ที่กรุงเทพฯ ก็ทัดทาน ต่อมาในราว พ.ศ. 2447–8 กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดมเสด็จหัวเมืองอีสานด้วยเกวียน "ด้วยพลังของความคิดถึงหญิงคนรัก" จึงทรงแต่งเพลงนี้ขึ้น ตั้งชื่อว่า "ลาวดำเนินเกวียน" สุกรี เจริญสุข ยังอ้างว่า "ลือกันว่า" ภายหลัง กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดมตรอมพระทัยที่ไม่ได้สมหวังกับเจ้าหญิงชมชื่น จนประชวรโรคปอดสิ้นพระชนม์เมื่อ พ.ศ. 2452 พระชันษาได้ 27 ปี ส่วนเจ้าหญิงชมชื่นเองที่ไปสมรสกับเจ้าน้อยสิงห์คำ ณ ลำพูน นั้น ก็ตรอมใจเสียชีวิตในปีถัดมา คือ พ.ศ. 2453 อายุได้ 23 ปี
.

ข้อเท็จจริง และทัศนะ

ตำนานความรักเจ้าหญิงชมชื่น ณ เชียงใหม่ เป็นมูลเหตุในการนิพนธ์เพลงลาวดำเนินเกวียนหรือไม่? อาจารย์วรชาติ มีชูบท (นามปากกา V_ Mee ในพันทิป.คอม) เคยวิเคราะห์ไว้ดังนี้

เมื่อคราวกรมหมื่นพิไชยมหินทโรดมเสด็จไปที่นครเชียงใหม่เมื่อ พ.ศ. 2445 ปีมะเมียนั้น (สมัยพระองค์เรียกว่า หัวเมืองลาวเฉียง หรือมณฑลพายัพตามระบบแบ่งเขตการปกครองแบบมณฑลเทศาภิบาล) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงมีกระแสพระบรมราชโองการห้ามเจ้านาย และข้าราชการสยามที่ขึ้นไปประจำราชการที่เมืองนครเชียงใหม่รับเจ้านายฝ่ายหญิง หรือสตรีพื้นเมืองเหนือเป็นภรรยาโดยเด็ดขาด จึงเป็นไปไม่ได้ที่กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดมจะกล้าขัดกระแสพระบรมราชโองการให้ข้าราชการสยามไปสู่ขอเจ้าหญิงชมชื่น (ณ เชียงใหม่) มาเป็นหม่อมในพระองค์

ระหว่างที่กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดมประทับพักแรมที่นครเชียงใหม่ ทรงมีลายพระหัตถ์กราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ความว่า:–

เมื่อเสด็จถึงนครเชียงใหม่ในวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2445 ได้ประทับแรมที่จวนข้าหลวงใหญ่ฯ ริมนํ้าปิง แล้วได้เสด็จตรวจที่ว่าการรัฐบาลมณฑลพายัพ ศาลต่างประเทศ โรงตำรวจ เค้าสนามหลวง โรงฆ่าสัตว์ วัด ตลาด และสถานประกอบการหัตถกรรมกับทอดพระเนตรภูมิประเทศในเมืองนครเชียงใหม่เป็นลำดับ

วันที่ 18 มีนาคม เสด็จประพาสดอยสุเทพ รุ่งขึ้นเสด็จลงจากดอยสุเทพกลับมาประทับแรมที่จวนข้าหลวงใหญ่ฯ เข้าวันที่ 20 มีนาคม ทรงม้าเสด็จไปประพาสพระบาทสี่รอยจนถึงวันที่ 26 มีนาคมจึงเสด็จกลับไปประทับแรมที่นครเชียงใหม่อีกครั้ง ครั้นได้เวลาพระฤกษ์วันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2445 เวลาบ่าย 1 โมง 30 นาที เสด็จลงเรือเพื่อจะกลับกรุงเทพฯ

— กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดม, หอจดหมายเหตุแห่งชาติ เรื่อง บอกระยะทางพระองค์เพ็ญเสด็จมณฑลพายัพ (เลขที่ ร.5 ม.2.14/45) (11-29 พฤษภาคม ร.ส. 121)

หลักฐานข้างต้นระบุว่าการเสด็จกลับจากเชียงใหม่ไปกรุงเทพฯ นั้นเป็นการเสด็จโดยกระบวนเรือล่องลงมาตามลำน้ำปิง ไม่มีหลักฐานบันทึกใด ๆ ระบุว่า กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดมทรงเกวียน หรือมีเกวียนร่วมในขบวนเสด็จ เนื่องจากเส้นทางไปหัวเมืองเหนือเต็มไปด้วยป่าเขา ต้องขึ้นเขาลงห้วยอยู่ตลอดเวลาไม่สะดวกที่จะใช้เกวียนเป็นพาหนะ

ดังนั้น เรื่องเล่าว่าทรงพระนิพนธ์เพลงลาวดำเนินเกวียนระหว่างเสด็จไปเชียงใหม่นั้นไม่มีมูลความจริงเลย แต่น่าจะทรงพระนิพนธ์เมื่อคราวเสด็จไปมณฑลอีสาน (หัวเมืองลาวกาว) หลังเสด็จกลับจากเชียงใหม่มากกว่า

ทั้งนี้ ชัยพัฒน์ อุดมมะนะ ทายาทรุ่นที่ 5 ในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดม แสดงทรรศนะเพลงลาวดวงเดือนไว้ว่า:–

เรื่องราวเกี่ยวกับความรักระหว่างเสด็จในกรมกับเจ้าหญิงล้านนา จนกลายเป็นเหตุให้เสด็จในกรมต้องทรงพระนิพนธ์เพลงลาวดวงเดือนนั้นจะจริงหรือไม่ ไม่มีใครสามารถยืนยันได้ เพราะในราชสกุลไม่ได้กล่าวถึงเรื่องราวที่ว่านี้แต่อย่างใด
.

เนื้อร้อง

ขจร ปานะนนท์
เอกสาร บทร้องเพลงไทยเดิม ของขจร ปานะนนท์ ซึ่งพิมพ์เมื่อ พ.ศ. 2502 ระบุเนื้อร้องเพลงนี้ไว้ ดังนี้

เที่ยวต้น   (1)   โอ้ละหนอดวงเดือนเอย พี่นี้เว้าเจ้าสาวคำดวง โอ้ดึกแล้วหนอพี่ขอลาล่วง อกพี่เป็นห่วงเจ้าดวงเดือนเอย
   (2)   ขอลาแล้วเจ้าแก้วโกสุม พี่นี้รักเจ้าหนอขวัญตาเรียม จะหาไหนมาเทียมเจ้าดวงเดือนเอย
   (3)   หอมกลิ่นเกสร เกสรดอกไม้ หอมกลิ่นคล้าย คล้ายเจ้าสูเรียมเอย ถึงจะหอมกรุ่นครัน หอมนั้นยังบ่เลย กลิ่นหอมทรามเชยเล่าเนอ
เที่ยวกลับ   (1)   โอ้ละหนอดวงเดือนเอย พี่นี้รักแสนดังดวงใจ โอ้เป็นกรรมต้องจำจากไป อกพี่อาลัยเจ้าดวงเดือนเอย
   (2)   เห็นเดือนแรมเริดร้างเวหา เบิ่งดูฟ้าเล่าหนอ เห็นมืดมนจะทนทุกข์ ทุกข์ทนจะขาดใจเอย
   (3)   เสียงไก่ขันขาน เสียงหวานเจื้อยแจ้ว มันหวานสุดแล้ว หวานแจ้วเจื้อยเอย ถึงจะหวานเสนาะ หวานเพราะกระไรเลย บ่แม้นทรามเล่าหนอ
.

กรมศิลปากร

เอกสาร อธิบายเพลงโสมส่องแสง เถา ของกรมศิลปากร ซึ่งพิมพ์เมื่อ พ.ศ. 2509 ให้เนื้อร้องที่ต่างออกไป ดังนี้

    โอ้ละหนอ      ดวงเดือนเอย
ข้อยมาเว้า         รักเจ้าสาวคำดวง
โอ้ดึกแล้วหนอ      ข้อยขอลาล่วง
อกพี่เป็นห่วง      รักเจ้าดวงเดือนเอย

    ขอลาแล้ว      เจ้าแก้วโกสุม
ข้อยนี้รักเจ้าหนอ      ขวัญตาเรียม
จะหาไหนมาเทียม      เจ้าดวงเดือนเอย

    หอมกลิ่นเกสร   เกสรดอกไม้
หอมกลิ่นคล้าย      คล้ายเจ้าสูของเรียมเอย
หอมกลิ่นกรุ่นครัน      หอมนั้นยังบ่เลย
เนื้อหอมทรามเชย      เราละเหนอ

    โอ้ละหนอ      นวลตาเอย
ข้อยนี้รัก         แสนดังดวงใจ
โอ้เป็นกรรม         ต้องจำจากไป
อกพี่อาลัย         เจ้าดวงเดือนเอย
.

ทำนอง

ลาวดวงเดือน เป็นเพลงไทยสำเนียงลาวมีอัตราจังหวะสองชั้น มี 3 ท่อนหน้าทับลาว มีบันไดเสียงของเพลงอยู่ในกลุ่มเสียงทางเพียงออบน ที่นิยมใช้กับเพลงไทยสำเนียงลาวทั่วไป คือ กลุ่มเสียงปัญจมูล (ระดับกลาง) ที่ 4 โด เร มี x ซอล ลา x ไม่ปรากฏการเปลี่ยนกลุ่มเสียงระหว่างทำนองเพลง ส่วนลักษณะทำนองเพลงพบว่ามีลักษณะการดำเนินทำนองแบบบังคับทางนอก

วาคภัฎ ศรีวรพจน์ ดุริยางคศิลปิน สำนักการสังคีต กรมศิลปากร แสดงทัศนะ อิทธิพล แรงบันดาลใจ และตั้งข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับเพลงลาวดวงเดือนไว้ว่า:–

ลักษณะทำนองและเสียงของลูกตกรวมถึงกลุ่มเสียงของเพลงลาวดวงเดือนนั้นหากพิจารณาดูแล้วจะพบว่ามีความคล้ายคลึงกันกับทำนองของเพลงลาวเล่นน้ำ ซึ่งสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นระบบเสียงของการประพันธ์เพลงไทยสำเนียงลาวโดยทั่วไปที่นิยมกันในยุคสมัยนั้น นอกจากนี้เพลงลาวดวงเดือนยังมีทำนองและเสียงลูกตกของเพลงที่คล้ายกันกับเพลงฮิวเมอเรสก์ส (Humoresqueop.101 No.7) ในดนตรีตะวันตกอีกด้วยด้วยเหตุนี้จึงสันนิษฐานว่าคงเพราะด้วยเสด็จในกรมทรงเป็นนักเรียนนอก จึงอาจทรงเคยฟังการบรรเลงเพลงดนตรีในวัฒนธรรมตะวันตกมาก่อนและเมื่อทรงพระนิพนธ์เพลงลาวดวงเดือนขึ้น จึงอาจได้รับอิทธิพลหรือแรงบันดาลใจบางประการจากเพลงดังกล่าวมาใช้เป็นแนวทางในการประพันธ์เพลงลาวดวงเดือน

ส่วน อัจยุติ สังข์เกษม สมาชิกวงดุริยางค์เยาวชนไทย ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ (Thai Youth Orchestra, TYO) อธิบายความคล้ายคลึงระหว่างเพลงลาวดวงเดือนกับเพลงฮิวเมอเรสก์ส (Humoresqueop.101 No.7) ว่า:–

เพลงฮิวเมอเรสก์ส (Humoresqueop.101 No.7) ประพันธ์ทำนองโดยอันโตญีน ดโวชาก (Antonín Dvorak) คีตกวีชาวเช็กเมื่อคริสต์ศักราช 1894 หากพิจารณาทำนองของเพลงฮิวเมอเรสก์ส (Humoresqueop.101 No.7) ในช่วง Theme A กับเพลงลาวดวงเดือนท่อน 1 แล้ว จะพบว่ามีการใช้ลักษณะของการประพันธ์เพลงที่คล้ายคลึงกันตรงที่ประพันธ์ให้โน้ตตัวแรกของเพลงและโน้ตตัวสุดท้ายของท่อนเพลงขึ้นและจบเป็นเสียงโน้ตตัวเดียวกันนอกจากนี้ถ้าหากนำเพลงฮิวเมอเรสก์ส (Humoresqueop.101 No.7) ในช่วง Theme A มาจดบันทึกเป็นโน้ตแบบไทยแล้วเปลี่ยนบันไดเสียง (Transpose) จากนั้นนำมาเทียบกับโน้ตเพลงลาวดวงเดือนแล้วจะพบว่าโน้ตเพลงลาวดวงเดือนนั้นได้ถูกขยายทำนองเพลงขึ้นเป็นอีกเท่าหนึ่งของเพลงฮิวเมอเรสก์ส (Humoresqueop.101 No.7) ในช่วง Theme A อีกด้วย
.


ที่มา
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99

https://th.wikipedia.org/wiki/ลาวดวงเดือน
ลาวดวงเดือน

.




Title: Re: เพลงไทยเดิมอมตะ อันแสนไพเราะ "ลาวดวงเดือน"
Post by: ppsan on 02 October 2025, 13:17:48

https://www.youtube.com/watch?v=ISl5c6DheBY

ลาวดวงเดือน | คุณพระช่วย | ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๖
คุณพระช่วย

เพลง ลาวดวงเดือน
พระนิพนธ์ในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
พระองค์เจ้าเพ็ญพัฒนพงษ์ กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดม
ขับร้อง : แบ็ง เฉลิมรัฐ (เพลงเอก)
Mix & Mastering : ป้อ ไทโฮม

https://youtu.be/ISl5c6DheBY?si=LdeYFFIP9uHW8yrA

..


https://www.youtube.com/watch?v=ke8qubtz-nE

ลาวดวงเดือน - แอ๊ค โชคชัย , เบลโลล่า | Sound Check 2024 Ep.26 | 9 ก.ค. 67 | one31
ช่อง one31

https://youtu.be/ke8qubtz-nE?si=Hmivsjd8SFhxOOL9

..


https://www.facebook.com/watch/?v=2496523313881095

“เพลง ลาวดวงเดือน”
อลิศ ธนัชศลักษณ์

https://www.facebook.com/share/v/1BqDdCjRJR/

.