ตามหานกแก้ว : วัดลำมหาเมฆ
(https://www.bloggang.com/data/n/nontree/picture/1696820325.jpg)
.
เราไปมาแล้วสองวัดตั้งแต่อยุธยาถึงปทุมธานีก็ยังไม่เจอนกแก้วเลย
เหลือหมายสุดท้ายจาก comment ในคลิปนกแก้วโม่งที่วัดปะมุง
ซึ่งมีคนเขียนว่าที่วัดลำมหาเมฆ ปทุมธานีก็มีนกแก้วโม่ง
แล้วมีคนมาตอบความเห็นนี่ว่า ไม่ใช่ แต่เป็นนกแก้วคอแหวนสีกุหลาบ
แล้วนกแก้วทั้งสองชนิดนี้ต่างกันอย่างไร
นกแก้วโม่งมีชื่อภาษาอังกฤษว่า Alexandrine parakeet
มีที่มาจากพระเจ้าอเล็กแซนเดอร์มหาราชได้นำพวกมันจากรัฐปัญจาบ
ในประเทศปากีสถานปัจจุบัน ไปยุโรปในคราวที่มาทำสงครามกับอินเดีย
ขณะเดียวกันพื้นที่ของอินเดียก็มีนกแก้วอีกหนึ่งชนิดที่มีความใกล้ชิดกัน
คือนกแก้วคอแหวนสีกุหลาบ (Rose-ringed parakeet)
ซึ่งปัจจุบันก็จะเห็นว่าอาศัยอยู่ร่วมกัน แต่นกแก้วคอแหวนสีกุหลาบนั้น
มีอีกแหล่งอาศัยคือแถบตอนกลางของทวีปแอฟริกา
ซึ่งทำให้ชาวยุโรปนำพวกมันไปเลี้ยงได้โดยอาจจะผ่านทางตุรกี
รวมถึงในยุคอาณานิคมอินเดียก็อาจมีการนำไปที่ยุโรป
(https://www.bloggang.com/data/n/nontree/picture/1696820355.jpg)
.
แม้นกแก้วคอแหวนสีกุหลาบจะมีขนาดตัวเล็กว่านกแก้วโม่ง
แต่ที่น่าสนใจคือ นกที่เพาะเลี้ยงในกรงที่มีการผสมแบบ inbreed
พบว่ามันมีการกลายพันธ์เป็นนกแก้วสีต่างๆ เช่น สีเหลือง สีฟ้า เป็นต้น
มีแม้กระทั่งนำมาผสมกับนกแก้วโม่ง เพื่อให้มีขนาดตัวที่ใหญ่ขึ้น
ทำให้กลายเป็นนกแก้วสวยงามที่นิยมเลี้ยงอย่างกว้างขวางในยุโรป
แน่นอนว่าก็ต้องมีคนสนใจนำเข้ามาเพื่อเลี้ยงในประเทศไทยแน่นอน
ในขณะที่นกแก้วโม่งในธรรมชาติเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง
แต่นกแก้วคอแหวนสีกุหลาบเป็นสัตว์สวยงามที่สามารถเลี้ยงได้
เมื่อมีคนซื้อไปแล้วไม่อยากเลี้ยง หรือหลุดจากกรงไปยังภายนอก
พวกมันสามารถปรับตัวให้กินอาหารได้หลากหลาย และมีความก้าวร้าวกว่า
ทำให้พบนกแก้วคอแหวนสีกุหลาบแพร่กระจายในธรรมชาติมากขึ้น
ในขณะที่นกแก้วโม่งมีจำนวนที่ลดลงจากแหล่งอาหารและการหาโพรงรัง
ทำให้เป็นไปได้มากว่า ในอนาคตจะเกิดการผสมข้ามสายพันธ์
ระหว่างนกสองสายพันธ์นี้ เช่นที่เกิดกับกรณีของนกกระสาปากเหลือง
ที่พบน้อยมากในธรรมชาติ ทำให้ต้องไปผสมกับนกกาบบัว
ที่ถูกปล่อยออกมาจากสวนสัตว์ และมีความสามารถในการแข่งขันสูง
ทำให้เกิดนกลูกผสมเป็นนกกระสาปากเหลืองสีประหลาด
นั่นอาจจะทำให้นกกระสาปากเหลืองสายเลือดแท้สูญพันธฺ์ไปในที่สุด
(https://www.bloggang.com/data/n/nontree/picture/1696820371.jpg)
.
มาถึงตรงนี้ แล้วจะแยกพวกมันออกจากกันได้อย่างไร
ผมนี้มีความรู้ไม่มาก ก็เลยอาศัยแยกจากกันโดยพื้นที่
โดยก่อนหน้านี้ที่ถ่ายมา ก็น่าจะเป็นนกแก้วโม่งทั้งหมด
แต่ใน blog นี้ คงเป็นภาพนกแก้วคอแหวนสีกุหลาบชุดแรก
หากจะแยกด้วยขนาด นกแก้วโม่งจะตัวใหญ่กว่าที่ขนาด 56-62 ซม.
ในขณะที่นกแก้วคอแหวนสีกุหลาบตัวจะเล็กกว่าที่ขนาด 40 ซม.
นกแก้วโม่งตัวผู้มีแถบแหวนตรงคอสีดำหนา
โค้งไล่เป็นวงไปต้นคอเป็นแถบสีชมพูกว้าง
นกแก้วคอแหวนสีกุหลาบตัวผู้มีแถบแหวนสีดำตรงคอที่เล็กกว่า
โค้งไล่เป็นวงไปถึงต้นคอมีแถบสีชมพูเจืออยู่บางๆ
และนกแก้วโม่งนั้นมีแต้มสีชมพูเข้มที่บริเวณหัวใหล่อย่างชัดเจน
หากเห็นนกแก้วที่ไม่มีแหวนรอบคอแสดงว่าเป็นตัวเมีย
ต้องแยกโดยดูแต้มสีชมพูบนไหล่เข้มที่มีอยู่เฉพาะในนกแก้วโม่งแทน
แต่หากได้เห็นตัวจริงๆ ผมว่าแยกด้วยสีของตัวนกนี่ล่ะ
นกแก้วโม่งจะสีเขียวเข้มๆ นกแก้วคอแหวนสีกุหลาบจะสีเขียวอ่อนๆ
และนั่นก็เป็นเรื่องราวของนกที่ได้ชื่อว่าเป็น alien species ของไทย
.
ที่มา : ขอขอบคุณเรื่องและภาพจาก
ผู้ชายในสายลมหนาว
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=nontree&month=10-2023&date=09&group=22&gblog=120
.