1
เรื่องที่ควรรู้เท่าทันระดับโลก / น้ำมันจากแสงแดด
« on: 01 January 2013, 10:07:30 »
น้ำมันจากแสงแดด
พลังงานทดแทน (Alternative/Renewable Energy) ได้เข้ามามีบทบาทอย่างมากในปัจจุบัน เพื่อเป็นทางเลือกของการใช้พลังงานและยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในยุโรปการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง เพราะได้ใช้ไฟฟ้าจากแหล่งผลิตที่เป็นธรรมชาติและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
เป็นที่น่าดีใจว่า ปัจจุบันนี้ประเทศไทยเราตระหนักถึงการนำพลังงานทดแทนมาใช้เป็นอย่างมาก เห็นได้จากโครงการ “ลพบุรี โซลาร์” โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ขนาดกำลังผลิต 73 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่บนพื้นที่ ตำบลวังเพลิง อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี งบลงทุน 8,000 ล้านบาท และใช้แผงเซลล์แสงอาทิตย์แบบฟิล์มบาง (Thin film Solar Panel) จำนวนกว่า 540,000 แผง
โรงไฟฟ้าแห่งนี้จะเริ่มก่อสร้างในเดือนสิงหาคมนี้ และสามารถเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2554 โดยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) จะเป็นผู้รับซื้อไฟฟ้าสำหรับโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็ก จึงจะช่วยประเทศลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ สู่ชั้นบรรยากาศได้มากกว่า 1.3 ล้านตันตลอดอายุการดำเนินโครงการ 25 ปี และช่วยลดการนำเข้าเชื้อเพลิงได้มากถึงปีละ 35,000 ตัน นับเป็นก้าวสำคัญและเป็นอภิมหาโปรเจคของประเทศไทยในการนำพลังงานทางเลือกมาใช้ในประเทศ
นอกจากพลังงานแสงอาทิตย์จะนำมาใช้ผลิตพลังงานไฟฟ้า อีกกระแสหนึ่งที่นับว่าแรงมากคือ การผลิตน้ำมันจากแสงอาทิตย์ ในปัจจุบันเทคโนโลยีการผลิตพลังงานจากผลผลิตทางการเกษตรหรือซากสิ่งของที่เหลือใช้ เช่น ข้าวโพด มันสำปะหลัง หรือแม้กระทั่งซากเปลือกหรือหญ้า มาย่อย หมักและผลิตเป็นเอทานอล หรือที่เรียกว่า พลังงานชีวมวล (Biomass) เป็นที่รู้จักกันดี
แต่เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดคือ การเปลี่ยนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และแสงอาทิตย์เป็นน้ำมันโดยตรง ไม่ต้องผ่านตัวกลางซึ่งก็คือพืชนั่นเอง โดยอาศัยจุลชีพที่สังเคราะห์แสงได้ (photosynthetic microorganisms) ซึ่งได้จากการตัดแต่งหรือสังเคราะห์ยีนขึ้นมาให้มันมีความสามารถดังกล่าว เรียกว่า Synthetic Biology
ปัจจุบันมีนักวิจัยหลายกลุ่ม กำลังพยายามค้นหาและสังเคราะห์สิ่งมีชีวิตดังกล่าว รวมทั้ง Craig Venter ได้ก่อตั้งบริษัท Synthetic Genomics เพื่อสังเคราะห์สิ่งมีชีวิตนี้
ขณะที่บริษัท Joule Biotechnologies ประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหาของระบบพลังงานชีวมวล ที่เปลืองน้ำในการเพาะปลูกและกินพื้นที่อีกด้วย โดยสร้างระบบผลิตน้ำมันด้วยการใช้รีแอกเตอร์ที่ไม่ต้องใช้น้ำบริสุทธิ์ และใช้พื้นที่น้อยกว่าการปลูกพืชเพื่อผลิตพลังงานชีวมวล แต่ประสิทธิภาพการผลิตสูงกว่าเป็น 100 เท่าต่อหน่วยตารางเมตร และเป็น 10 เท่าเมื่อเทียบกับซากผลผลิตการเกษตร เป้าหมายก็คือ ต้องทำให้ราคาต้นทุนการผลิตน้ำมันจากแสงอาทิตย์นี้ ให้มีราคาต่ำกว่า 30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าเรายังใช้พลังงานกันแบบปัจจุบัน คาดการณ์ว่าถึงปี ค.ศ.2050 พลังงานทดแทนจากชีวมวลและเอทานอล ก็ยังคงเป็นเพียงร้อยละ 26 ของพลังงานที่ใช้สำหรับการคมนาคมขนส่งอย่างเดียว
การพยายามเพื่อหาพลังงานมาทดแทนน้ำมันนั้น มีการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง เพียงแต่เมื่อไรมนุษย์จะตระหนักได้ว่า ถ้าลดการใช้อย่างสิ้นเปลือง เราคงมีพลังงานใช้กันได้นานขึ้น และลดมลภาวะ แต่ยิ่งถ้าผลิตมากใช้มาก มันจะไม่ต่างอะไรกับการเผาโลกที่เราอยู่นี้เลย
ดร.อดิสร เตือนตรานนท์ ผู้อำนวยการหน่วยปฏิบัติการนาโนอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องกลจุลภาค ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค)
http://www.bangkokbiznews.com/2010/08/06/news_31356002.php?news_id=31356002
พลังงานทดแทน (Alternative/Renewable Energy) ได้เข้ามามีบทบาทอย่างมากในปัจจุบัน เพื่อเป็นทางเลือกของการใช้พลังงานและยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในยุโรปการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง เพราะได้ใช้ไฟฟ้าจากแหล่งผลิตที่เป็นธรรมชาติและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
เป็นที่น่าดีใจว่า ปัจจุบันนี้ประเทศไทยเราตระหนักถึงการนำพลังงานทดแทนมาใช้เป็นอย่างมาก เห็นได้จากโครงการ “ลพบุรี โซลาร์” โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ขนาดกำลังผลิต 73 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่บนพื้นที่ ตำบลวังเพลิง อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี งบลงทุน 8,000 ล้านบาท และใช้แผงเซลล์แสงอาทิตย์แบบฟิล์มบาง (Thin film Solar Panel) จำนวนกว่า 540,000 แผง
โรงไฟฟ้าแห่งนี้จะเริ่มก่อสร้างในเดือนสิงหาคมนี้ และสามารถเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2554 โดยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) จะเป็นผู้รับซื้อไฟฟ้าสำหรับโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็ก จึงจะช่วยประเทศลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ สู่ชั้นบรรยากาศได้มากกว่า 1.3 ล้านตันตลอดอายุการดำเนินโครงการ 25 ปี และช่วยลดการนำเข้าเชื้อเพลิงได้มากถึงปีละ 35,000 ตัน นับเป็นก้าวสำคัญและเป็นอภิมหาโปรเจคของประเทศไทยในการนำพลังงานทางเลือกมาใช้ในประเทศ
นอกจากพลังงานแสงอาทิตย์จะนำมาใช้ผลิตพลังงานไฟฟ้า อีกกระแสหนึ่งที่นับว่าแรงมากคือ การผลิตน้ำมันจากแสงอาทิตย์ ในปัจจุบันเทคโนโลยีการผลิตพลังงานจากผลผลิตทางการเกษตรหรือซากสิ่งของที่เหลือใช้ เช่น ข้าวโพด มันสำปะหลัง หรือแม้กระทั่งซากเปลือกหรือหญ้า มาย่อย หมักและผลิตเป็นเอทานอล หรือที่เรียกว่า พลังงานชีวมวล (Biomass) เป็นที่รู้จักกันดี
แต่เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดคือ การเปลี่ยนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และแสงอาทิตย์เป็นน้ำมันโดยตรง ไม่ต้องผ่านตัวกลางซึ่งก็คือพืชนั่นเอง โดยอาศัยจุลชีพที่สังเคราะห์แสงได้ (photosynthetic microorganisms) ซึ่งได้จากการตัดแต่งหรือสังเคราะห์ยีนขึ้นมาให้มันมีความสามารถดังกล่าว เรียกว่า Synthetic Biology
ปัจจุบันมีนักวิจัยหลายกลุ่ม กำลังพยายามค้นหาและสังเคราะห์สิ่งมีชีวิตดังกล่าว รวมทั้ง Craig Venter ได้ก่อตั้งบริษัท Synthetic Genomics เพื่อสังเคราะห์สิ่งมีชีวิตนี้
ขณะที่บริษัท Joule Biotechnologies ประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหาของระบบพลังงานชีวมวล ที่เปลืองน้ำในการเพาะปลูกและกินพื้นที่อีกด้วย โดยสร้างระบบผลิตน้ำมันด้วยการใช้รีแอกเตอร์ที่ไม่ต้องใช้น้ำบริสุทธิ์ และใช้พื้นที่น้อยกว่าการปลูกพืชเพื่อผลิตพลังงานชีวมวล แต่ประสิทธิภาพการผลิตสูงกว่าเป็น 100 เท่าต่อหน่วยตารางเมตร และเป็น 10 เท่าเมื่อเทียบกับซากผลผลิตการเกษตร เป้าหมายก็คือ ต้องทำให้ราคาต้นทุนการผลิตน้ำมันจากแสงอาทิตย์นี้ ให้มีราคาต่ำกว่า 30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าเรายังใช้พลังงานกันแบบปัจจุบัน คาดการณ์ว่าถึงปี ค.ศ.2050 พลังงานทดแทนจากชีวมวลและเอทานอล ก็ยังคงเป็นเพียงร้อยละ 26 ของพลังงานที่ใช้สำหรับการคมนาคมขนส่งอย่างเดียว
การพยายามเพื่อหาพลังงานมาทดแทนน้ำมันนั้น มีการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง เพียงแต่เมื่อไรมนุษย์จะตระหนักได้ว่า ถ้าลดการใช้อย่างสิ้นเปลือง เราคงมีพลังงานใช้กันได้นานขึ้น และลดมลภาวะ แต่ยิ่งถ้าผลิตมากใช้มาก มันจะไม่ต่างอะไรกับการเผาโลกที่เราอยู่นี้เลย
ดร.อดิสร เตือนตรานนท์ ผู้อำนวยการหน่วยปฏิบัติการนาโนอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องกลจุลภาค ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค)
http://www.bangkokbiznews.com/2010/08/06/news_31356002.php?news_id=31356002