Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
User Info
Welcome, Guest. Please login or register.
21 May 2024, 01:17:08

Login with username, password and session length
Search:     Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ

http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
25,703 Posts in 12,501 Topics by 70 Members
Latest Member: KAN
Home Help Search Calendar Login Register
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...  |  Profile of ppsan  |  Show Posts  |  Messages

Show Posts

* Messages | Topics | Attachments

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Messages - ppsan

Pages: 1 ... 197 198 [199] 200 201 202
2971
สุดสยอง คำสาป ประธานาธิบดีสหรัฐ (Curse of Tippecanoe)


Curse of Tippecanoe หรือที่รู้จักกันในชื่อ คำสาปวัฏจักรมรณกรรมของประธานาธิบดีสหรัฐฯ หรือจะอีกมากมายหลายชื่อ เช่น

๐ คำสาปของเทคุมเซ่ (Tecumseh's curse) เนื่อง จากเป็นคำสาปที่หัวหน้าเผ่าเผ่าชอว์นี ที่ชื่อว่า เทคุมเซ่ (Tecumseh)
ได้ทำการสาปแช่ง คนขาวที่มาบุกรุก แย่งชิง ฆ่าฟัน ชาวอินเดียแดง ซึ่งเป็นเจ้าของผืนแผ่นดิน ของพวกเขาไปด้วยความเหี้ยมโหด

๐ คำสาปปีที่ลงท้ายด้วยศูนย์ ( zero-year curse ) เนื่องจาก คำสาปนี้จะส่งผลต่อ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
ที่ได้รับเลือกตั้งมาในปีที่ลงท้ายด้วยศูนย์ จะต้องมีอันเป็นไปในระหว่างดำรงณ์ตำแหน่ง ที่จะกล่าวถึงต่อไป

๐ คำสาปยี่สิบปี ( The twenty-year curse ) เนื่องจาก ทุกๆยี่สิบปี ที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดี ผู้ที่ได้รับเลือกตั้งจะต้องมีอันเป็นไป



รูปซ้าย รูปหัวหน้าเผ่าชอว์นี ( Shawnee ) ที่ชื่อว่า เทคุมเซ่ ( Tecumseh ) ที่ได้ทำการสาปแช่งให้ประธานาธิบดีสหรัฐจงมีอันเป็นไป
รูปขวา เป็นอนุสรณ์สถานบริเวณในพื้นสนามรบที่ เทคุมเซ่ ถูกยิงตาย ในการรบในสงครามที่เรียกว่า Thames War ในแคนนาดาเหนือ
มีข่าวลือว่า เขาถูกยิงตายโดยปืนไรเฟิล ของ พันเอกริชาร์ด เมนเตอร์ จอห์นสัน ( Col. Richard Mentor Johnson ) และผลงานจากการนำทัพ
ในการรบครั้งนี้ผลักดันให้ วิลเลียม เฮนรี่ แฮรร์สัน ก้าวสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 9  ส่วนศพของ เทคุมเซ่ ได้มีการขุดขึ้นมา
เพื่อนำไปฝังใหม่โดยสถานที่อันเป็นความลับสูงสุดของชนเผ่าชอว์นี



ซึ่งคำสาปนี้ได้ส่งผลให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีอันเป็นไปตั้งแต่ปี 1840 เรื่อยมาจนถึงปี 1960 เป็นเวลากว่า 120 ปี
นำมาซึ่งความหวาดกลัวให้แก่ผู้นำประเทศมหาอำนาจของโลก อย่างสหรัฐอเมริกา แต่คำสาปนี้ก็เริ่มเสื่อมคลายอำนาจลง
ในสมัยประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน ( Ronald Reagan ) ที่ได้รับการเลือกตั้งมาในปี 1980 ประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน
ถูกลอบยิงในเดือนมีนาคม 1981 ได้รับบาดเจ็บสาหัส เจนแทบจะเอาชีวิตไม่รอด แต่เขาก็รอดชีวิตมาได้ คาดว่านั้นเป็นเหตุให้คำสาปเสื่อมลง

ผู้เริ่มเปิดเผย ความลับแห่งคำสาปทมิฬ

--------------------------------------------------------------------------------
First widely  คำสาปนี้ถูกเปิดประเด็น และได้รับการตีพิมพ์ลงในหนังสือ ริปลีย์ เชื่อหรือไม่ ( Ripley's Believe It or Not ) ในปี 1931
โดยมีจุดเริ่มต้นคำสาปมาจาก ประธานาธิบดี วิลเลียม เฮนรี่ แฮรร์สัน ที่ได้รับเลือกตั้งมาในปี 1840 และเสียชีวิตลงในปี 1841
และคำสาปนี้ก็แสดงให้เห็นถึง ว่ามันเป็นจริงเรื่อยมาอย่างต่อเนื่อง

จุดเริ่มต้น แห่งความแค้น สุดสยอง และคำสาป
--------------------------------------------------------------------------------
Began of Curse จุดกำเนิดของคำสาปวัฏจักรมรณกรรมของประธานาธิบดีสหรัฐฯ นี้เกิดขึ้นเมื่อสงครามปีค.ศ.1811 ( 1811 Bettle )
ระหว่างกองกำลังของรัฐบาล กับชาวอินเดียแดง เนื่องจาก นโยบายของ วิลเลียม เฮนรี่ แฮรร์สัน ที่ขณะนั้นดำรงณ์ตำแหน่งผู้ว่าการ
รัฐอินเดียน่า เข้ามายึดครองพื้นที่ดินทำกินของชนเผ่าอินเดียแดงโดยมิชอบธรรม โดยการกลวิธีเพียงนำเหล้าวิสกี้ ( Whiskey )
ไปมอมเมาเท่านั้นเพื่อให้บรรดาหัวหน้าเผ่านำที่ดินมาแลก และเข้ายึดครองดินแดนศักดิ์ของบรรพชนของชนเผ่าชอว์นี
ซึ่งนั้นสร้างความไม่พอใจให้แก่ หัวหน้าเผ่าชอว์นี ( Shawnee ) ที่ชื่อว่า เทคุมเซ่ ( Tecumseh ) ซึ่งเป็นเผ่าอินเดียแดงที่ยิ่งใหญ่ และเข้มแข็งที่สุด


ภาพ การเจรจาระหว่าง หัวหน้าเทคุมเซ่ กับ วิลเลียม เฮนรี่ แฮรร์สัน แต่ผลการเจรจาล้มเหลว

แต่ละการเจรจาระหว่าง เทคุมเซ่ กับ วิลเลียม เฮนรี่ แฮรร์สัน ล้มเหลวเมื่อ แฮรร์สัน ปฏิเสธคืนดินแดนให้
ทำให้เกิดการสู้รบกันในปี 1811 แต่ไหนเลย หอก ธนู จะสู้ ปืนได้ ปีเดียวกันนั้นเอง
กองทัพแฮรร์สันได้เข้าโจมตีที่มั่นสุดท้ายของชนเผ่าชอว์นี บริเวณแม่น้ำ Tippecanoe จนแตกพ่ายแพ้ย่อยยับลง
เทคุมเซ่ ( Tecumseh ) ผู้ที่ภายในจิตใจมีแต่ ความโกรธแค้นอาฆาต ได้ทำพิธีสาปแช่ง วิลเลียม เฮนรี่ แฮรร์สัน
และประธานาธิปดีสหรัฐฯ ทุกผู้ทุกคนที่มีที่มาเหมือนดังเช่น วิลเลียม เฮนรี่ แฮรร์สัน จงมีอันเป็นไปทุกผู้ทุกคน ตราบนานเท่านาน


ตาราง เหล่าประธานาธิบดีที่ คาดว่าพบกับ คำสาป สุดสยอง ที่ต่างมีอันเป็นไปต่างๆนานา

ได้รับการเลือกตั้งในปี   ชื่อประธานาธิบดี          เหตุของการเสียชีวิต             วันที่เสียชีวิต

 1840       วิลเลียม เฮนรี่ แฮรร์สัน         โรคปอดบวม             4 เมษายน 1841
      (William Henry Harrison)    
 
 1860       อัลบราฮัม ลินคอล์น         ถูกลอบสังหาร              15 เมษายน 1865
      ( Abraham Lincoln)       
 
 1880       เจมส์ เอ. การ์ฟิลด์         ถูกลอบสังหาร                      19 กันยายน 1881
      ( James A. Garfield )      
 1900       วิลเลียม แม็กคินลีย์         ถูกลอบสังหาร              14 กันยายน 1901
      ( William McKinley )       
 
 1920      วอร์เรน จี. ฮาร์ดิงก์         หัวใจล้มเหลว                2 สิงหาคม 1923
       ( Warren G. Harding )      หรือถูกลอบวางยาพิษ
   
 1940      แฟรงกลิน ดี. รูสเวลต์         เส้นเลือดในสมองแตก            12 เมษายน 1945
      ( Franklin D. Roosevelt )    
 
 1960       จอห์น เอฟ. เคนเนดี้         ถูกลอบสังหาร             22 พฤศจิกายน 1963
      ( John F. Kennedy )       
 
 1980      โรนัลด์ เรแกน         ถูกลอบสังหาร             5 มิถุนายน 2004
       ( Ronald Reagan)          ได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่รอดชีวิต

 2000       จอร์จ ดับเบิลยู. บุช         เคยถูกลอบสังหาร              ปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่
      ( George W. Bush )       

-----------------------------------------------


ถ้าคำสาปมีจริง ก็ขอให้เหล่าผู้นำประเทศ ที่เข้ามากอบโกยผลประโยชน์ ของประเทศไทยจงมีแต่ความชิบหาย ทุกผู้ ทุกตัวไป
เทคุมเซ่ อยู่ไหน มาช่วยสาป ผู้นำชั่ว ผู้นำเลว ของเมืองไทยที บ้านเมืองจะได้สูงขึ้น เจริญขึ้นเสียที


------------------------------------------------

ข้อมูลอ้างอิง สุดสยอง คำสาป ประธานาธิบดีสหรัฐ
http://wowboom.blogspot.com/2009/08/curse-of-tippecanoe.html

------------------------------------------------------------

http://en.wikipedia.org/wiki/Curse_of_Tippecanoe#cite_note-0
http://en.wikipedia.org/wiki/Tecumseh
http://www.findagrave.com/cgi-bin/fg.cgi?page=gr&GRid=2710

-------------------------------------------------------------
แสดงความคิดห็น

Anonymous
อ่า...น่ากลัวจังเลย>_< แต่เป็นไปได้ว่ามีผู้อยู่เบื้องหลังและอยากให้คำสาปนั้นมีจริง
แต่อันนี้ก็ไม่มีใครพิสูจน์ได้นี่นา~ก็เลยยังเป็นปริศนาต่อไป

ก็ดันไปแย่งที่อยู่ของเค้ามา เค้าก็เลยสาปแช่งเอา...หุหุ
คนอเมริกันยุคก่อนป่าเถื่อนมากๆด้วย จะว่าสมควรก็น่าจะใช่นะ=_=
ทั้งรุกรานทั้งจับทำเป็นทาส โหดร้ายเนอะ*~
--------------------------
Admin DEN
ความแปลก ในความบังเอิญจนเกินไป ถ้าจริงคำสาปก็คาดว่าจะเสื่อมแล้ว รอดมา 2 รอบแล้ว
โชคดีแล้วกัน ก็อย่างทำตัวเป็นเจ้าโลกไปข่มเขง ใครเขาอีก
-------------------------
namngam
เมื่อไหร่พวกโกงกิน ข่มเหงจะโดนเล่นงานซักที
รอร๊อรอก็ยังไม่เห็นวี่แววเลย
แล้วพวกมะกันหน่ะแหละที่คอยข่มเหงประเทศอื่น มาว่าไม่มีสิทธิที่เท่าเทียมกัน น่าจะมองดูประเทศตัวเองก่อนนะ
--------------------------
คิม
จริง ๆ ล่ะคับ น่าจะสาปส่งให้หมดเลย พวกโกงชาติ
ซวยจริง ๆ เลยคนที่เกิดมาช่วงหลังปี 2500 ลำบากกันเกือบหมด
เพราะพวกเป็นใหญ่เป็นโต
เทคุมเซ่น่าจะอยู่ในสมัยนี้จริง ๆ เลยครับ
อิอิ
-----------------------
Anonymous

เรื่อลวงโลกชัดๆ

1. ปีที่ได้รับเลือกตั้งไม่ตรงกับข้อมูลในนี้ซักชื่อ
(ไม่มีคนไหนเลยในlist ที่ได้รับเลือกตั้งในปีที่ลงท้ายด้วย0)

http://en.wikipedia.org/wiki/L...

2. บอกว่า หนังสือ ริปลีย์ เชื่อหรือไม่ เขียนว่าคำสาปมาจาก
ประธานาธิบดี วิลเลียม เฮนรี่ แฮรร์สัน ที่ได้รับเลือกตั้งมาในปี 1840 และเสียชีวิตลงในปี 1841
ซึ่งความจริง แฮร์ริสัน ได้รับเลือกตั้งในปี1841 และเสียชีวิตหลังจากนั้นเพียง 32 วัน ในปีเดียวกัน
และเป็นประธานาธิบดี ที่ดำรงค์ตำแหน่งน้อยวันที่สุด ในประวัติศาสตร์อเมริกา
(อ้างอิง : wikipedia;รายนาม ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา)

3. บอกว่า จอห์นสัน ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 9
ซึ่งความจริง จอห์นสันเป็นแค่ รองประธานาธิบดี ของ แฮร์ริสัน ซึ่งเป็น ประธานาธิบดี คนที่9 ตัวจริง
(อ้างอิง : wikipedia;รายนาม ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา)

4. บอกว่า เป็นคำสาป 20 ปี ทุก20ปี ต้องมีประธานาธิบดี
ต้องมีอันเป็นไป ความจริง หลังจาก วิลเลียม แมกคินลีย์ ตายไปในปี2444
ก็ไม่มีประธานาธิบดีคนไหน เสียชีวิตดำรงค์ตำแหน่งเลย
จนกระทั้งถึง วาร์เรน จี. ฮาร์ดิง ซึ่งเสียชีวิตขณะดำรงตำแหน่ง
ในปี 2466 ซึ่งเกิน 20 ปี
(อ้างอิง : wikipedia;รายนาม ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา)

โดนหลอกมาตั้งนาน
---------------------------------
admin DEN   ตอบ

ตอบข้อ 1
ที่บอกว่าปีที่ลงท้ายด้วย ศูนย์ คือปีที่ได้รับการเลือกตั้ง ครับ
ส่วนตามที่คุณไม่ระบุชื่ออ้างถึงนั้นตาม Link http://en.wikipedia.org/wiki/L...
เขาใช้คำว่า inauguration คือ ได้รับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ซึ่งมันไม่เหมือนกับ ปีที่ได้รับการเลือกตั้งครับ

อเมริกาจะเลือกตั้งก่อนที่ประธานธิปดีหมดวาระ ทำให้ปีที่ได้รับการเลือกตั้งนั้นจะก่อนปีที่ได้รับการแต่งตั้ง 1 ปี

ตอบ ข้อ2
คำตอบตามข้อ1 ด้านบน

ตอบ ข้อ3
ส่วนเรื่องของจอห์นสัน ผมแปลผิดครับ
วิลเลียม เฮนรี่ แฮรร์สัน เป็นผู้นำทัพ ในการรบครั้งนี้ แต่ จอร์นสันเป็นผู้ที่คาดว่าสังหาร เทคุมเซ่

ตอบ ข้อ4
หลังจาก วิลเลียม แมกคินลีย์ ไม่มีประธานธิปดีสหรัฐคนใดเสียชีวิตขณะดำรงณ์ตำแหน่งคำกล่าวนั้นผิดแน่นอนครับที่แน่ๆมี

รูสเวลต์ ผู้นำอเมริกาสู่สงครามโลกครั้งที่2 ตาย โดยไม่เห็นชัยชนะของสัมพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่2 ขณะยังดำรงณ์ตำแหน่งประธาปนธิปดีสหรัฐ

เคนเนดี้ คนนี้ดังมาก โดนลอบยิงตายบนรถเปิดประทุน อันนี้ใครๆก็รู้

ขอบคุณครับ ที่ผิดพลาดแก้ไขแล้ว : )

============================================


2972
แนวปะการัง ที่ ใหญ่ที่สุด และ สวยที่สุดในโลก (Great Barrier Reef)



Great Barrier Reef เกรท แบริเออร์ รีฟ หรือที่เรียกว่า แนวปะการังยักษ์ เป็นกลุ่มของสิ่งมีชีวิต ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
ที่สามารถมองเห็นได้จากอวกาศ พวกมันกินพื้นที่กว่า 344,400 ตารางกิโลเมตร เกรท แบริเออร์ รีฟ นี้ประกอบไปด้วย
สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กจำพวก ปะการังแข็ง( Coral ) และปะการังอ่อน( Polyp )นับเป็น พันล้านหน่วย ทั้งยังเป็นแหล่ง
อนุบาลตัวอ่อนของสัตว์น้ำที่สำคัญยิ่งของบริเวณนั้น

รายละเอียด และข้อมูลเฉพาะของ แนวปะการัง ที่ ใหญ่ที่สุด และ สวยที่สุดในโลก

--------------------------------------------------------------------------------

•ชื่อเรียก : เกรท แบริเออร์ รีฟ(Great Barrier Reef) หรือที่เรียกว่า แนวปะการังยักษ์
•สถานที่ตั้ง : แหลมเคปยอร์ค รัฐควีนแลนด์(Queensland) ประเทศออสเตรเลีย(Australia)
•ประกอบไปด้วย : ปะการังกว่า 2,900 ชนิด รวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน เป็นเกาะ กว่า 900 จุด
  โดยทอดตัวเป็นแนวยาวกว่า 2,600 กิโลเมตร กินอาณาบริเวณกว่า 344,400 ตารางกิโลเมตร
•ได้รับการคัดเลือกจาก UNESCO เป็นมรดกโลก (World Heritage List)
•ได้รับการคัดเลือกจาก CNN ให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ทางธรรมชาติ
•แนวปะการังยักษ์ นี้ได้รับการปกป้องดูแลโดย Great Barrier Reef Marine Park เพื่อดูแลปริมาณนักท่องเที่ยว การใช้ประโยชน์ต่างๆ
•ขณะนี้แนวปะการังยักษ์ กำลังถูกคุกคามจาก crown-of-thorns starfish(ปลาดาวชนิดหนึ่งมีหนามแหลม)
  เข้ากัดกินแนวปะการังอย่างหนัก เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของน้ำ อันเป็นผลจากภาวะโลกร้อน
  ทำให้เกิดสภาวะที่เหมาะสมต่อการดำรงณ์ชีวิตของ crown-of-thorns starfish

คลังภาพ แนวปะการังยักษ์ ที่ ใหญ่ที่สุด และ สวยที่สุดในโลก

--------------------------------------------------------------------------------



ภาพนักนักดำน้ำสาว ในชุดสีชมภูหวาน กับปลาหมอทะเลตัวใหญ่


ภาพนักดำน้ำที่ดุจดังตกอยู่มนต์สะกดจาก ปะการังอ่อนหลายสี ที่แสนงดงาม ตัดกับฉากหลังสีดำสนิท


อันนี้ก็ปะการังแข็ง ขนาดใหญ่ที่แผ่ส่วนยอดคล้ายดอกเห็ดเพื่อรับแรงอาทิตย์ มุมล่างขวาจะมีนักนักน้ำจะเห็นว่าเหลือตัวนิดเดียวเอง
และจากการศึกษา พบว่าตั้งแต่ปี 1990 ปะการังเจริญเติบโตช้าลง 13.3% และด้วยอัตรานี้พวกมันจะหยุดเจริญเติบโตอย่างสิ้นเชิง
ในอีก 400 ปีข้างหน้า อันเป็นผลมาจากภาวะโลกร้อน


แนวปะการังยักษ์ เกรท แบริเออร์ รีฟ คือแหล่งอนุบาลพันธุ์ปลานานาชนิด


ปลาฉลามก็เข้าหาอาหารจากความอุดมสมบูรณ์ของ แนวปะการังยักษ์นี้


เต่าขนาดใหญ่ ที่มีชื่อว่า เต่าทะเลเขียว(Green sea turtle) ก็สามารถพบได้ที่แนวปะการังยักษ์นี้


หอยมือเสือ หอยที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก็ิเป็นหอยที่คุณจะพบได้ที่ แนวปะการัง เกรท แบริเออร์ รีฟ


ปลิงทะเลนักเต้นรำสเปน( Spanish Dancer Nudibranch) ก็เป็นหนึ่งในปลิงทะเลกว่า 350 พันธุ์ที่พบได้ที่แนวปะการังนี้


แถมท้ายด้วยบริเวณริมชายหาด ตามป่าโกงกาง ในอ่าวใกล้กับแนวปะการัง ยังเป็นแหล่งอาศัย ของ จระเข้น้ำเค็ม จระเข้สายพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และดุร้ายที่สุด
<<อ่านข้อมูล จระเข้ ที่ ใหญ่ที่สุดในโลก คลิกที่นี้>>


รูปนี้เป็นภาพถ่ายจาก ดาวเทียม เพื่อแสดงให้เห็นว่า แนวปะการัง เกรท แบริเออร์ รีฟ เป็น กลุ่มสิ่งมีชีวิต ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
ที่สามารถมองเห็นจากนอกโลก ( ที่เห็นเป็นแนวจุดลางๆ วิ่งขนานกับแผ่นดิน )




บทความ เกี่ยวกับ สถานที่ทางธรรมชาติ สวยที่สุดในโลก

--------------------------------------------------------------------------------

       
ปะการัง ประการัง สวยที่สุดในโลก ใหญ่ที่สุดในโลก Great Barrier Reef

ข้อมูลอ้างอิง แนวปะการัง ที่ ใหญ่ที่สุด และ สวยที่สุดในโลก

--------------------------------------------------------------------------------

•http://en.wikipedia.org/wiki/Great_Barrier_Reef
•http://airliebeaches.com/things-to-do/ocean-activities/diving.php
•http://www.pleasetakemeto.com/australia/country/photos/image/800x600/Great-Barrier-Reef-Whitsundays_023360
•http://www.oceanwideimages.com/categories.asp?cID=65
•http://www.abc.net.au/nature/australasia/ep5_pic8a.htm
•http://blogs.smithsonianmag.com/science/2009/01/02/picture-of-the-week%E2%80%94great-barrier-reef/ [ข้อมูลเกี่ยวกับการที่ประการรังเจริญเติบโตช้าลง]


--------------------------------------------------------------------------------


2973
6 ข้อควรจำสำหรับคนขับรถทางไกล
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ความจริงแล้วเราน่าจะมาพูดเรื่องนี้ก่อนช่วงเดินทางสงกรานต์ แม้เราจะรู้ดีว่า หลายคนอาจจะพลาดที่ไม่ได้ บทความนี้
แต่ถือไว้ว่าเก็บไว้ใช้ในครั้งหน้าสำหรับการเดินทาง ที่เราก็ขอให้ทุกคนไปมาโดยสวัสดิภาพ แล้วกลับมาอ่านเรากันเยอะๆ

ที่ผ่านมาทุกครั้งที่มีเทศกาลเดินทางเรามารีวิวบทความย้อนหลัง ดูเหมือนว่า เราจะมีการพูดถึงตัวรถไปมาก
แต่ว่าความจริงแล้วการขับรถให้มีประสิทธิภาพไม่ได้มีแค่ในส่วนของรถยนต์ตัวมันเองเท่านั้น แต่คนขับก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน
และเรามี 6 ข้อ สำคัญ สำหรับคนเดินทางที่รู้ไว้ใช่ว่า มันช่วยคุณได้
 

 
1. นอนหลับให้พอ การขับรถเดินทางไกล สิ่งสำคัญ คือคุณควรนอนหลับให้เพียงพอต่อการเดินทาง ควรนอนสะสมให้ครบ 8 ชั่วโมง
หรือ 6 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำเพื่อลดการง่วงขณะขับขี่ ซึ่งสามารถเป็นต้นเหตุของการหลับในได้
 
2.งดเหล้าเบียร์ และยาที่มีฤทธิ์ต่อระบบประสาท การทานยาเหล้า-เบียร์มีผลทำให้ร่างกายอ่อนล้า เช่นเดียวกับยากดประสาทประเภทต่างๆ
เช่น ยาแก้แพ้ ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพการขับขี่ลดลงได้
 


3.ท่านั่งที่ถูกต้อง หลายคนมักนั่งขับรถไม่ถูกต้อง ด้วยความกังวลว่ามันจะไม่สบาย แต่ความจริงแล้วท่านั่งขับขี่คือสิ่งที่สำคัญต่อการขับรถ
เพราะช่วยให้คุณไม่เมื่อยล้า หรือนั่งผิดท่า ซึ่งทำให้เลือดลมไหลเวียนไม่ดี และนำมาสู่ความเหนื่อยอ่อนการขับขี่หรืออาการหลับในได้
 
ท่านั่งที่ดีควรอยู่ในท่าที่นั่งสบาย โดยมีพนักพิงโอบกระชับสะโพกและแผ่นหลัง ที่สำคัญไม่ควรนั่งชิดพวงมาลัยจนเกินไป
ให้ใช้ข้อมือวัด1 ช่วงแขนจากพวงมาลัย คือจุดที่ดีที่สุดในการขับขี่
 
3.หาคนช่วยขับถ้าไปทางไกล บางครั้งเราต้องยอมรับว่าการเดินทางไกลค่อนข้างจะทำให้เกิดอาการเหนื่อยล้าหรือเพลียได้
บางทีการหาเพื่อนที่สามารถขับรถได้นั่งไปด้วยก็ย่อยจะเป็นทางออกที่ดีกว่า ในการทำให้การเดินทางปลอดภัยยิ่งขึ้น
แต่คุณก็ควรเลือกคนที่มีความชำนาญในการขับขี่ด้วย แต่หากเพื่อคุณไม่ชำนาญทางก็อาจจะสลับกันขับในช่วงที่คิดว่าเป็นจุดเสี่ยงก็ได้
 
4.พักรถทุก 2 ชั่วโมง การเดินทางไกลย่อมมีการเมื่อยล้าเป็นธรรมดา และเราขอแนะนำว่า คุณควรจอดพักสักครู่ ทุกๆ 2 ชั่วโมง
หรือ 110 กิโลเมตร โดยประมาณ เพื่อเพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกาย ที่สำคัญอย่าลืมแวะเข้าห้องน้ำ เพื่อผ่อนคลายร่างกายตัวเอง
 
5. น้ำเปล่า..ออพชั่นความสดชื่น หลายคนขับรถส่วนใหญ่มักจะเกิดความเมื่อยล้ากลางทาง และการคลายเครียดที่ดี
อาจจะอยู่ห่างออกไปหลายกิโลเมตร แต่ว่า น้ำคือสิ่งที่สามารถดับกระหายได้เป็นอย่างดี เช่นเดียวกับที่มันช่วยในการ
ผ่อนคลายความเครียดได้ ซึ่งการดื่มน้ำขณะขับรถจะสามารถช่วยผ่อนคลายได้ในระดับหนึ่ง และสามารถเพิ่มความสดชื่นได้
รวมถึงยังช่วยลดอาการเส้นเลือดดำอุดตันจากการนั่งขับขี่เป็นระยะเวลานานๆ
 


6.คลายความเหนื่อยด้วยลมธรรมชาติ และจังหวะเพลง การขับรถในทางไกลแม้จะเมื่อยล้า แต่ถ้าคุณง่วงหรือเพลียมากๆ
ลองปิดแอร์แล้วเปิดกระจกรับลมธรรมชาติสามารถช่วยให้คุณดื่มด่ำกับ ลมสดชื่นระหว่างการเดินทาง
ที่สำคัญวิทยุก็เป็นอีกสิ่งที่ช่วยได้ถ้าอ่อนล้า พยายามหาเพลงที่มีจังหวะสนุกสนาน จะช่วยให้คุณตื่นตัวขณะขับขี่
 
ทั้ง 6 ข้อที่กล่าวมานี้เราหวังว่าจะช่วยให้คุณเดินทางได้อย่างปลอดภัย ในช่วงวันเทศกาลต่างๆ ไม่เพียงเฉพาะเทศกาลสงกรานต์เท่านั้น
ยังไง ก็ขอให้ทุกคนเดินทางไป-มา ปลอดภัย ในทุกเส้นทาง..ครับ

เรื่องโดย ณัฐยศ ชูบรรจง

http://auto.sanook.com/3709/6
----------------------------------------------------


2974

โชว์เจ้าโลก รัสปูติน ยาว 11 นิ้ว !!!       
กริกอรี รัสปูติน (Gregori Rasputin)


ในสมัยของพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2  ( ร่วมสมัยกับรัชกาลที่ 5 ของไทย )  รัสเซียประสบปัญหาความยุ่งยากเป็นอันมาก   
เพราะต้องเข้าสู่สงครามถึงสองครั้ง   ครั้งแรกเป็นสงครามกับคนเอเชีย  คือ คนญี่ปุ่น  ผลของสงครามครั้งนั้นทำให้
พระราชอำนาจของพระองค์เสื่อมถอยลง   เพราะรัสเซียพ่ายแพ้สงครามแก่ญี่ปุ่น 

พอถึงสงครามโลกครั้งที่หนึ่งซึ่งรัสเซียเข้าเกี่ยวข้องด้วยนั้น   ก็มีผลกระทบกระเทือนมาถึงราชบัลลังก์ของพระองค์ด้วยเหมือนกัน 
เพราะความพ่ายแพ้ในสนามรบ ทำให้ประชาชนซึ่งมีเรื่องเดือดร้อนเสื่อมความนิยมในรัฐบาลของพระองค์ 
ทั้งนี้เนื่องจากขาดแคลนอาหารและภาวะเงินเฟ้อ  จนกระทั่งนำไปสู่การปฏิวัติของพวกบอลเชวิกเป็นระบอบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ 
และการสำเร็จโทษกษัตริย์รัสเซียและราชวงศ์ที่ใกล้ชิดทั้งหมด ( จนเป็นปมปัญหาที่ถกเถียงกันในทางประวัติศาสตร์ว่าพระโอรส
พระธิดาของพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2  สิ้นพระชนม์ทั้งหมดจริงหรือไม่  ถ้าจริงแล้วพระอัฐิศพอยู่ที่ใด  เพราะมีผู้มาอ้างตัวเป็น
พระนางอนาสตาเซีย  พระธิดา  และคนอื่นๆอีกหลายคน – จะนำมาเล่าให้ฟังในโอกาสต่อไป  )
 
ยิ่งไปกว่านั้น  ก่อนที่รัสเซียจะเข้าพัวพันกับสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง  ราชวงศ์โรมานอฟยังมีเรื่องวุ่นวายเสื่อมเสีย  เพราะอลัชชีผู้หนึ่ง 
นามว่า   “รัสปูติน”  ซึ่งมีเรื่องราวดังต่อไปนี้
----------------------------




----------------------------

กริกอริ  รัสปูติน  เกิดเมื่อ  พ.ศ. 2374 ( สมัยรัชกาลที่ 3 ของไทย )  เกิดในครอบครัวเกษตรกรบ้านนอกของไซบีเรีย 
โดยเป็นบุตรคนที่สามของอีฟิม  อากอฟเลวิช  และแอนนา  อีกอรอฟน่า  ซึ่งอาศัยในหมู่บ้านแห่งหนึ่งของเมืองโปดรอฟสโกยี 
( สันนิษฐานว่า  ครอบครัวนี้อาจเป็นพวกมองโกลจากเมืองโตบอลสก์ )  ในตอนเป็นหนุ่ม  รัสปูตินมีความกระหายที่จะเป็น
แบบเกษตรกรผู้ที่ทำงาน  ดื่มเหล้าหนัก  และเสเพลเรื่องผู้หญิง  ขนาดอวัยวะเพศอันผิดมนุษย์มนาของเขาเป็นที่ชื่นชอบของ
เด็กสาวๆ ในหมู่บ้าน  ซึ่งมาดูเขาเปลือยกายว่ายน้ำในสระเช่นเดียวกับพวกเธอ ( บางตำราที่กล่าวถึงรัสปูติน  อ้างว่า  รัสปูตินมีอวัยวะเพศยาวถึง 13 นิ้ว !!! ) 

วันหนึ่ง ไอริน่า  แดนิลอฟว่า  คูบาชอฟว่า ภรรยาสาวสวยของนายพลรัสเซียร่วมกับสาวใช้  6  คน  ร่วมกันล่อลวงเด็กหนุ่มรัสปูติน
อายุ  16  ปีไปเสียตัว  หลังจากเหตุการณ์ครานั้นแล้ว  รัสปูตินจึงเริ่มเที่ยวโสเภณีในหมู่บ้านเกิดของเขา

เมื่อถึงอายุ 20 ปี   รัสปูตินแต่งงานกับเด็กสาวในท้องถิ่นเดียวกัน ชื่อ   ปราสโกเวีย   เฟโอ  โดรอฟน่า    ดูโบรวิน่า และเป็นพ่อของเด็กสี่คน
สามคนมีชีวิตอยู่จนเป็นผู้ใหญ่ แม้ว่าจะแต่งงานแล้ว เขาก็ยังเที่ยวโสเภณีอยู่

จากการได้ร่วมสนุกทางกามารมณ์กับเด็กสาวนาไซบีเรียสามคน ซึ่งเขามีโอกาสพบขณะไปว่ายน้ำเล่นที่ทะเลสาบนั้นเอง   
ได้ชักจูงให้รัสปูตินรู้ถึงความหลายหลากในศาสนา   ในราว  พ.ศ. 2443   เขาก็ได้ร่วมกับนิกายนอกรีตนอกรอยที่เรียกว่า  นิกายคลิสติ   
กลุ่มศาสนิกชนผู้ยึดถือในนิกายนี้เชื่อว่ามนุษย์มีบาปมาแต่เริ่มแรก   จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องไถ่บาปในเวลาต่อมา   

ดังนั้น  พวกเขาจึงประกอบพิธีอันพิลึกพิลั่นหลายอย่างเกี่ยวกับความวิตถารในทางกามารมณ์และการบูชายัญ   
ผู้คนในบ้านเกิดของรัสปูตินไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมเหล่านี้ จึงขับไล่รัสปูตินให้ต้องเร่ร่อนไปทั่วชนบทของรัสเซีย 
เพื่อประกอบการเยียวยารักษาโรค   และชักชวนผู้หญิงในแดนเถื่อนให้เข้าร่วมพิธีกรรมอันวิตถาร

พิธีกรรมเหล่านี้ประกอบด้วยการดื่มเหล้า  การร้องเพลง  การเต้นรำอย่างบ้าคลั่ง  และก็ทำกิจกรรมอย่างว่าเป็นหมู่คณะ ( สวิงกิ้งนั่นเอง ) 
ในทุกๆ แห่งที่สะดวกไม่ว่าจะเป็นป่า ( โปรดนึกภาพตามว่าสภาพจะเป็นอย่างไร ) ยุ้งข้าว  หรือกระท่อมของสาวกคนใดคนหนึ่ง   

หลักนิยมของรัสปูตินในการไถ่บาปผ่านการปลดปล่อยทางกามารมณ์นั้น   ทำให้สตรีมากมายที่ศรัทธาในนิกายนี้ต้องบำเรอความสุข
ให้เขาเสียก่อนเป็นขั้นแรก แม้ว่ารูปโฉมของ  “ นักบุญจอมราคะ ”  แสนจะสกปรกเลอะเทอะ   โรเบิร์ต   แมสซี่ นักเขียนอัตชีวประวัติ
จึงบันทึกไว้ว่า “ การร่วมเพศกับคนบ้านนอกที่ไม่ได้อาบน้ำ หนวดเคราและมือสกปรก ได้ก่อให้เกิดความรู้สึกเสียวซ่านอย่างใหม่ขึ้น ”

ในปี  พ.ศ. 2448  รัสปูตินได้เข้ามาตั้งมั่นอยู่ในเมืองเซนต์ปีเตอร์เบอร์ก  ( เมืองหลวงในขณะนั้น )  รัสปูตินได้บรรเทาอาการ
โรคโลหิตไหลไม่หยุด  ( ฮีโมฟีเลีย )  ของเจ้าชายอเล็กซิสได้    เป็นที่ชื่นชมของพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2  และซารีน่า  อเล็กซานดร้า 
ผู้เป็นพระราชมารดาเป็นอันมาก 
-----------------------------
 
 

----------------------------

รัสปูตินจึงอาศัยอิทธิพลของซารีน่าแผ่อิทธิพลและสร้างเรื่องอื้อฉาวทางกามารมณ์จนเป็นที่กล่าวขวัญในเมืองหลวง   
มีสตรีสมัยใหม่จำนวนมากมายในนครหลวงที่ตกเป็นทาสกามของรัสปูตินอย่างเต็มใจ 
บางครั้งสามีของสตรีเหล่านี้กลับเอาไปคุยโวโอ้อวดว่าภรรยาของตน “ เป็นสมบัติของรัสปูติน  ผู้มีความสามารถอย่างเหลือเชื่อ ” 

เขาจัดตั้งสำนักขึ้นในที่พักแบบห้องชุดของเขา   และบรรดาสุภาพสตรีก็จะชุมนุมกันอยู่ที่โต๊ะในห้องอาหารเพื่อรอการเชิญเข้าไป
ในห้องนอนซึ่งเขาเรียกเอาเองว่า “ ห้องศักดิ์สิทธิอันเป็นที่หวงห้าม ”  ตามธรรมดาแล้วรัสปูตินจะอยู่ในห้องอาหาร  แวดล้อมไปด้วย 
“ สานุศิษย์ ”  ที่น่ารักน่าใคร่  บางครั้งคนใดคนหนึ่งในพวกเหล่านี้จะขึ้นไปอยู่บนตักของเขาและเขาจะลูบไล้เส้นผมของเธอ 
พลางกระซิบแผ่วๆ ถึงความเป็นคนถือสากปากถือศีล  และความลึกลับของการกลับฟื้นคืนมาใหม่  ต่อจากนั้นเขาก็จะตั้งต้นร้องเพลง 
ในตอนท้ายสุภาพสตรีก็จะร่วมร้องเพลงด้วย  ในไม่ช้าการร้องเพลงก็จะแปรเปลี่ยนอย่างฉับพลันไปสู่การเต้นรำอย่างบ้าคลั่ง 
ซึ่งก่อให้เกิดตัณหาหน้ามืดและต้องเข้าไปใน  “ ห้องศักดิ์สิทธิ์อันเป็นที่หวงห้าม ”   ในการชุมนุมครั้งหนึ่งที่กรุงเซนต์ปีเตอร์-เบอร์ก 
รัสปูตินได้โพล่งพรรณนาราวกับตาเห็นถึงการสมสู่ของม้า  แล้วเขาก็คว้าสตรีผู้มีชื่อเสียงซึ่งเป็นแขกรับเชิญคนหนึ่งเข้าเต็มแรง 
และกล่าวว่า “ มาเถอะ  นางฟ้าที่รักของฉัน ”
--------------------------------

-------------------------------

คนที่เต็มใจเป็นคู่ขาในทางกามารมณ์ของรัสปูตินมีอยู่หลายคน  แต่มักจะไม่ปรากฏนามอย่างเปิดเผย  ส่วนใหญ่เป็นชนชั้นสูงหรือผู้มีชื่อเสียง 
เช่น  นักแสดงหญิง  ภรรยาทหาร  และเมื่อไม่มีใครอื่นที่จะใช้ระงับตัณหาราคะอันมหาศาลของเขาได้แล้วละก็  สาวใช้ในโรงแรมหรือโสเภณีก็ได้   
สุภาพสตรีที่มีชื่อเสียงที่สุดของรัสปูติน  คือ  องค์ซารีน่า  นั่นเอง   สำหรับองค์ซารีน่าแม้จะไม่ถึงกับตกเป็นทาสสวาท  แต่ก็มีลายพระหัตถ์อันเพราะพริ้ง
ถึงรัสปูตินให้คำมั่นว่าจะ  “...จูบมือของพระคุณเจ้าและแนบศีรษะของลูกกับไหล่อันศักดิ์สิทธิ์ของพระคุณเจ้า...”  ผู้หญิงซึ่งรัสปูตินผู้อดทนมากที่สุดคือ 
ภรรยาของเขาเอง  ปราสโกเวีย  ซึ่งต้องทนทุกข์ทรมานกับการนอกใจของเขามาชั่วชีวิตโดยไม่ปริปากบ่น  หล่อนเพียงแต่ยักไหล่และพูดอย่างใจกว้างว่า 
“ เขามีเพียงพอสำหรับคนทั้งหมด ”

ในปีพ.ศ. 2457  พวกชนชั้นสูงที่มีความคิดแบบจารีตนิยมได้ร่วมมือกันลอบฆ่ารัสปูติน  คนที่ลอบฆ่าได้เชิญรัสปูตินมาเลี้ยงอาหารในตอนเที่ยงคืน 
และได้ใส่ยาพิษลงในขนมเค้กและเหล้าองุ่น  เมื่อรัสปูตินมีอาการงุนงงมากขึ้นทุกทีเพราะกินยาพิษเข้าไป  เจ้าชายเฟล็กซ์  ยูสซูปอฟ  ( เป็นเกย์ ) 
หนึ่งในฆาตกรก็ฉวยโอกาสนั้นหาประโยชน์ทางกามารมณ์ที่ตนชอบนั้นทันที  แล้วยิงซ้ำ  4  นัด  รัสปูตินล้มลงแต่ยังไม่ตาย  ฆาตกรอีกคนหนึ่ง
จึงใช้มีดเฉือนอวัยวะเพศของรัสปูติน  แล้วโยนไปอีกด้านหนึ่งของห้อง  หลังจากนั้นจึงมีการทุบตีรัสปูตินซ้ำลงไป  แล้วจับมัดแล้วโยนลง
แม่น้ำเนวาอันเยือกเย็น  ทำให้รัสปูตินจมน้ำตายไปในที่สุด

----------------------------------

สำหรับอวัยวะเพศของรัสปูตินที่ถูกโยนไปนั้น  มีเรื่องเล่ากันว่า  มีคนรับใช้ผู้ชายได้เก็บ “ สิ่งที่ถูกเหวี่ยงทิ้ง ”  ไปให้แก่สาวใช้คนหนึ่ง 
และปรากฏว่าได้พบตัวสาวใช้ผู้นั้นที่ปารีสในปี พ.ศ. 2511  หล่อนยังเก็บรักษา “ สิ่งที่ดูคล้ายกล้วยหอมซึ่งงอมจัดจนดำไปหมด ”  ไว้ในหีบไม้ขัดมัน
---------------------------------
 
 
 
 
---------------------------------- 
11 นิ้ว! - นักท่องเที่ยวชาวรัสเซียพินิจพิจารณาดูเจ้าจำปีขนาดความยาว 28 เซ็นติเมตร (11 นิ้ว) ในโหลแก้ว
ซึ่งถูกจัดแสดงอยู่ที่คลินิคแห่งหนึ่งในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก คุณหมออีกอร์ เคนียจิน ผู้จัดแสดงยืนยันว่าอวัยวะชิ้นนี้เป็นของ กรีกอรี รัสปูติน
นักบวชผู้ทรงอิทธิพลในราชสำนักสมัยราชวงศ์โรมานอฟ และอ้างว่าเขาได้รับอวัยวะดังกล่าวมาจากนักสะสมของโบราณชาวฝรั่งเศส
ทั้งนี้เคนียจิน ตั้งใจว่าจะสะสมอวัยวะเพศชายอีก 10,000 ชิ้น เพื่อขยายคอลเล็กชันของเขา
----------------------------------


======================================================


2975
ศาลาพักใจ / ROMANCE MATHEMATICS
« on: 17 January 2013, 13:30:23  »
Smart man + smart woman = romance
ผู้ชายเท่ห์ + ผู้หญิงเก่ง = ความโรแมนติก
 
Smart man + dumb woman = affair
ผู้ชายเก่ง + ผู้หญิงโง่  =   ความใคร่ *
 
Dumb man + smart woman = marriage
ผู้ชายโง่   + ผู้หญิงเก่ง = การแต่งงาน

Dumb man + dumb woman = pregnancy
ผู้ชายโง่ + ผู้หญิงโง่ = ตั้งท้อง **


* OFFICE ARITHMETIC *
Smart boss + smart employee = profit
เจ้านายเก่ง + ลูกน้องเก่ง = กำไร **

Smart boss + dumb employee = production
เจ้านายเก่ง + ลูกน้องโง่ = ผลผลิต **
 
Dum! b boss + smart employee = promotion
เจ้านายโง่ + ลูกน้องเก่ง = เลื่อน ตำแหน่ง
 
Dumb boss + dumb employee = overtime
เจ้านายโง่ + ลูกน้อง โง่ = OT อย่างเดียว **

* SHOPPING MATH *

A man will pay $2 for a $1 item he needs.
ผู้ชายจ่าย 2 บาท ต่อ ของ 1 ชิ้นที่เขาต้องการ
 
A woman will pay $1 for items that she doesn't need.
แต่ ผู้หญิง จ่าย 1 บาท ต่อ ของหลายๆชิ้น
 ที่เธอไม่ต้อง การ **
 
* GENERAL EQUATIONS & STATISTICS *

A woman worries about the future until she gets a husband.
ผู้หญิงจะกังวลเกี่ยวกับอนาคตจนกว่าจะ มีสามี **

A man never worries about the future until he gets a wife.
แต่ผู้ชายไม่เคยกังวลเกี่ยวก ับอนาคตเลย
จนกระทั่งมีภรรยา **

A successful man is one who makes more money than his wife can spend.
ผู้ชายที่ประสบความสำเร็จ คือ คนที่สามารถหาเงินได้มากกว่าที่ภรรยาใช้ **
A successful woman is one who can find such a man.
แต่ผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จ คือ คนที่สามารถหาสามีได้อย่างคนข้างบน **
 
* HAPPINESS *

To be happy with a man, you must understand him a lot and love him a little.
การจะมีความสุขกับผู้ชายคนนึง คุณจะต้องเข้าใจเค้ามากๆ แต่รักเค้า น้อยๆ

To be happy with a woman, you must love her a lot and not try to understand her at all.
การจะมีความสุขกับผู้หญิงคนนึง คุณต้องรักเธอมากๆ และไม่ต้องพยายามอะไรในตัวเธอ ทั้งสิ้น **
 
* LONGEVITY *

Married men live longer than single men do, but married menare a lot more willing to die.
ผู้ชายที่แต่งงานแล้วจะมีอายุยืนกว่าชายโสด แต่ชายที่แต่งงานแล้วกลับ เต็มใจเลือกที่จะตายมากกว่าอยู่ **
 
* PROPENSITY TO CHANGE *
A woman marries a man expecting he will change, but he doesn't. **
ผู้หญิงแต่งงานกับผู้ชายคนนึงและหวังว่า...
จะเปลี่ยนแปลงเค้าได้ แต่ผู้ชายไม่เปลี่ยน*
 
A man marries a woman expecting that she won't change, and she does. **
ส่วนผู้ชายแต่งงานกับผู้หญิงและหวังว่า
เธอคงจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่เธอก็ เปลี่ยน **
 
* DISCUSSION TECHNIQUE *
A woman has the last word in any argument.
ผู้หญิงมักมี คำพูดสุดท้ายในการโต้เถียง
 
Anything a man says after that is the beginning of a new argument.
แต่อะไรก็ตามที่ผู้ชายพูดออกมาต่อจากนั้น
จะเป็นการเริ่มการโต้เถียง ครั้งใหม่ *


2976
'นวดกะปู๋' สวรรค์ต้องห้าม!!!

ยุคสมัยเปลี่ยนผ่านธุรกิจบริการทางเพศก็ปรับเปลี่ยนแปลงโฉม จากโคมเขียวอันเลื่องลือในอดีต ผันผ่านอาบ อบ นวดที่เคยเฟื้องฟูจนถึงปัจจุบัน คงปฏิเสธไม่ได้ว่าสถานบริการทางเพศยอมนิยมในช่วง4-5ปีมานี้ที่ได้ผลิดอกออกสาขาขึ้นแทบจะทุกหัวระแหงก็คือ 'นวดกะปู๋'
       
       จากตำรับตำราโบราณของศาสตร์การนวดกษัยจนถึงนวดกะปู๋ ดูเหมือนบริการทางเพศจะมีสีสัน เร้าใจมากขึ้นเรื่อยๆ และกลายเป็นของลิ้มลองใหม่ๆของชายนักเที้ยว
       
       ต้นตำรับการนวด
       
       นวดกะปู๋ มีความคล้ายคลึงกับศาสตร์ การนวดกษัยหรือจับกษัยเป็นการนวดแผนไทยประเภทหนึ่งที่จะทำการนวดบริเวณลูกอัณฑะ และโดยรอบเพื่อให้การไหลเวียนในร่างกายดีขึ้น ช่วยในเรื่องการทำงานของไต และยังบรรเทาอาการปวดเอวปวดหลัง รวมไปถึงการทำงานของอวัยวะเพศและน้ำอสุจิ
       
       การนวดแบบนี้ก็เคยมีให้บริการกันอยู่ โดยร้านที่มีชื่อเสียงคือ 'นะคะ' หรือมีชื่อเก่าว่า 'ฟิตอัพ' ซึ่งมีอยู่หลายสาขา มีขั้นตอนการนวดเริ่มตั้งแต่การประคบร้อน นวดผ่อนคลาย จากนั้นหมอนวดก็จะเอาน้ำมันชโลมที่อวัยวะเพศแล้วนวด ซึ่งจะนวดอยู่นานพอสมควร เป้าหมายของการนวดคือ การฝึกและสร้างความอึด เพื่อให้ผู้ใช้บริการไม่หลั่งเร็ว
       
       นวดกษัย จะเน้นหน้าตาของหมอนวดที่จะไม่สวยมากนัก แต่วิธีการนวดแบบนี้ก็เป็นที่เชื่อกันว่าช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ และเป็นที่นิยมในหมู่นักเที่ยวที่ชอบเสน่ห์เฉพาะตัวของการนวดแบบนี้
       
       มาถึงปัจจุบัน การนวดกษัยมีเหลือให้บริการอยู่น้อยมากแล้วเพราะการนวดแบบนี้จำเป็นต้องใช้เวลา และความชำนาญของผู้นวด ซึ่งโดยมากจะเป็นหมอนวดที่เคยทำงานอยู่ที่ร้านต้นตำรับเก่าแล้วมาเปิดเองเป็นรายเล็กๆ
       
       มาสู่ยุคนวดกะปู๋
       
       ถึงตอนนี้ที่การนวดกษัยปิดตัวลงมากมาย และถูกแทนที่ด้วยการเปิดตัวอันมากล้นของสถานบริการที่เรียกอย่างอ้อมๆว่า 'พริตตี้สปา' แต่รู้กันในนักเที่ยวว่า 'นวดกะปู๋' มีมากมายหลายสาขา ซึ่งมีการโปรโมทผ่านเว็บไซค์ และแปะลิงค์ตามเว็บบันเทิงต่างๆ
       
       จุดเด่นของบริการนวดกะปู๋ก็คือ หมอนวดหรือที่เรียกกันว่า 'น้องๆ' หรือ “พริตตี้” จะหน้าตาดี หุ่นดี ผิวขาวในระดับว่ากันว่า เทียบเท่ากับพริตตี้หรือเป็นพริตตี้มารับงานเองเลยก็มี ยังมีถึงระดับนักศึกษามหาวิทยาลัยดัง หรือนักเรียนมัธยมก็มีที่มาหารายได้พิเศษ
       
       โดยปกติแล้วสถานบริการพวกนี้จะเปิด-ปิดตั้งแต่ 10 โมงเช้าจนถึงตี4 แต่ตอนนี้ด้วยการแข่งขันที่สูงขึ้น ความต้องการในท้องตลาดที่มากขนาดว่านักเที่ยวต้องโทร.จองคิว ทำให้หลายร้านมีการขยายเวลาไปถึง 6 โมงเช้า
       
       นอกจากนี้ยังมีเว็บบอร์ดที่รวมตัวของเหล่านักเที่ยว สำหรับประชาสัมพันธ์โปรโมชั่น แจ้งความเคลื่อนไหวของน้องๆในวงการ รวมไปถึงการตั้งกระทู้เพื่อแบ่งปันประสบการณ์โดยจะเรียกว่า 'ส่งการบ้าน' ซึ่งจะทำให้ได้ส่วนลดพิเศษในการใช้บริการอีกด้วย และการบ้านเหล่านี้เองก็จะถูกเรียกอีกทีว่า 'ลายแทง' เพื่อให้นักเที่ยวคนอื่นตามรอยไปหาน้องๆ ตามคำร่ำลือ โดยจะระบุเป็นรหัสหรือสถานบริการที่น้องๆทำงานอยู่
       
       โดยย่านชุมทางนวดกะปู๋นั้นจะมีหลายโซนตั้งแต่พระราม2 -ปิ่นเกล้า,ลาดพร้าว-รัชดา ,บางนา-ศรีนครินทร์,พระราม 9 -รามคำแหง และเรียบทางด่วนรามอินทรา ในส่วนของราคานั้นจะแบ่งตามหน้าตาหรือระดับของน้องๆ แบ่งเป็น เอส กับ เอ็มที่อาจจะสวยกว่าและราคาแพงกว่า นอกจากนี้ยังมีราคาค่าบริการซึ่งจะจัดเป็น 3 ระดับด้วยกัน
       
       ระดับ 1 นั้นคือการใช้มืออย่างเดียวราคา 700-1200บาท ระดับ 2 เรียกว่าถอดบนคือผู้บริการจะถอดเสื้อผ้าแล้วใช้ปากช่วย บวกราคาเพิ่มอีก500-700 ส่วนระดับ 3 คือการมีเพศสัมพันธ์กันโดยค่าตัวที่บวกเพิ่มจะสูงมากตั้งแต่ 2000 บาทขึ้นไป ซึ่งตรงนี้อยู่ที่การตัดสินใจของผู้ให้บริการด้วยว่าจะยินยอมหรือไม่ โดยราคาอาจสูงไปถึงหลักหมื่น ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าอยู่ที่การต่อรองหรือคารมของนักเที่ยว
       
       นักเที่ยวต้องลุ้น
       
       นักเที่ยวบริการประเภทนี้จะเป็นกลุ่มชายวัยกลางคนไปจนถึงนักศึกษา ด้วยราคาที่มีหลายระดับ และไม่มีความสัมพันธ์แบบสอดใส่ รวมถึงหญิงที่มาให้บริการมีหน้าตาสวย และอายุน้อย นัท(ไม่ประสงค์ออกนาม) นักศึกษาจบใหม่ที่มีประสบการณ์เที่ยวนวดกะปู๋ก็เป็นหนึ่งในนั้น ซึ่งเขาเล่าว่าเคยไปใช้บริการอาบ อบ นวดจากที่รุ่นพี่แนะนำเนื่องจากได้รับงานพิเศษระหว่างเรียน หลังจากจบงานจึงมีการฉลองกันบ้าง
       
       “เวลาผมไปใช้บริการพวกนี้ อย่างแรกก็คือต้องเลือกที่หน้าตาก่อน แล้วอาบ อบ นวด หน้าตาสวยๆจะแพงมาก ซึ่งเมื่อได้มาเที่ยวนวดกะปู๋มันก็ถือว่าถูกกว่า และตรงกับความต้องการของเราที่อยากจะผ่อนคลายนิดหน่อย”
       
       น้องๆ แต่ละคนนั้นก็มีการให้บริการที่แตกต่างกันไป อาจเพราะเขายังหนุ่มอยู่ทำให้เขายังไม่เคยได้รับการบริการที่ไม่ดี และทุกครั้งแน่นอนว่าต้องมีการพูดคุยทำความรู้จักระหว่างกัน
       
       “ระดับสามที่มีอะไรกัน มันแพงเกินไปสำหรับผม แต่มีครั้งหนึ่งที่มีน้องคนหนึ่งซึ่งผมไปใช้บริการเขาบ่อย เจอกันบ่อย ก็มีครั้งหนึ่งที่เหมือนเขาจะอยากมีอะไรกันแบบไม่ต้องเสียเงิน แต่ผมนึกว่าเขาล้อเล่น เพราะตอนนั้นผมไม่รู้”
       
       แก่นแท้ของบริการประเภทนี้ ส่วนหนึ่งก็คือการตอบสนองความต้องการของลูกค้า ในราคาที่เหมาะสม เขาเผยถึงประสบการณ์กับน้องคนหนึ่งที่เขาไปใช้บริการอยู่เป็นประจำ ซึ่งเขาเผยว่า มีครั้งหนึ่งที่เขาติดใจเลดี้บอย หรือสาวประเภทสอง เพราะบริการดี ใจถึง แต่ในส่วนประเด็นเรื่องราคานั้น การเที่ยวบริการแบบนี้ก็ถือเป็นรายจ่ายที่ค่อนข้างแพง
       
       “จริงๆ มันก็ถือว่าราคาแพง เปลืองเงินนะ มันก็เหมือนให้คนอื่นช่วยเหลือตัวเองให้เรา แต่ถ้ามีเงินเหลือเยอะก็จะไปผ่อนคลายบ้าง”
       
       สิ่งทดแทนอาบ อบ นวด
       
       ท่ามกลางการเติบโตของธุรกิจนวดกะปู๋ ธุรกิจคู่แข่งอย่างอาบ อบ นวดกลับอยู่ในช่วงทรงตัวที่ไม่เติบโตขึ้น แต่ก็ยังมีกลุ่มลูกค้ามาใช้บริการ
       
       ภาคภูมิ สิทธิวุฒิ ผู้บริหารเว็ป ilikemassage.com ศูนย์รวมข้อมูลบริการอาบ อบ นวด เผยถึงความนิยมของการเปิดสถานบริการนวดกะปู๋ว่า เปิดกันมากขึ้นจนแทบหยุดไม่อยู่
       
       “อาบ อบ นวดก็ยังมีคนใช้บริการอยู่ พวกป๊าไม่ชอบลุ้นน่ะครับ เขาก็ชอบอาบ อบ นวดที่ได้มีอะไรกันชัวร์ ซึ่งในเรื่องของการเปิดบริการ อาบ อบ นวดจะจดทะเบียนเป็นสถานบริการครับ ซึ่งราคาของใบอนุญาตแต่ละห้องแพงมาก ขณะที่นวดกะปู๋จดทะเบียนในฐานะเป็นรีสอร์ทสปา แต่เบื้องหลังเขาจ่ายกันยังไงก็อีกเรื่องหนึ่ง”
       
       ในส่วนของความปลอดภัยนั้น เขามองว่า คนทั่วไปจะรู้สึกว่าบริการนวดกะปู๋นั้นปลอดภัยกว่าอาบ อบ นวด แต่จริงๆแล้วอาบ อบ นวดจะมีการตรวจร่างกายตลอดเพื่อป้องกันโรคตามกฎที่กำหนด ขณะที่นวดกะปู๋นั้นไม่มี
       
       “กลุ่มลูกค้าของนวดกะปู๋ก็เป็นคนรุ่นใหม่ เป็นวัยรุ่นซะเยอะ อันนี้จากที่ผมตั้งข้อสังเกตนะ อาจไม่ได้อ้างอิงอะไรได้”
       
       มาถึงตอนนี้ แม้สถานบริการอย่างอาบ อบ นวดจะลดจำนวนลง และมีการจะเสนอยกเลิกพรบ.สถานบริการประเภทสาม(อาบ อบ นวด) ดังที่เป็นข่าวจากกรณี 'เอไลน่า' จนดูเหมือนว่าการค้าบริการทางเพศคงหมดไปจากสังคมไทยในไม่ช้า แต่ในความเป็นจริงแล้ว กลับเป็นไปในทางตรงข้าม
       
       แน่นอนว่าสังคมนี้ไม่ควรยอมรับ หรือทำให้สิ่งผิดเป็นสิ่งถูก ทว่าผลของการออกกฎข้อห้ามก็ดูเหมือนจะให้ผลตรงกันข้าม ชนิดที่ต่อให้มาร้องโวยวายเรื่องศีลธรรมกันมากมาย ในสังคมปากว่าตาขยิบแบบนี้ เสียงใดๆก็ดูจะไม่มีผลต่อความเป็นไปที่ดำรงอยู่เลย
       
       …..
       ศัพน์ในวงการนวด
       
       ส่งการบ้าน คือ การที่ไปเที่ยวมาแล้วเขียนลงเว็ปบอร์ดเพื่อแบ่งปันประสบการณ์
       นางไม้ คือ สวยแต่ไม่บริการ แข็งทื้อเหมือนท่อนไม้
       เงินหล่น คือ บริการไม่คุ้มค้า
       เงินทอน คือ คุ้มค่า
       กรุ๊งกริ๊ง คือ ได้รับบริการจากน้องต่ำกว่ามาตรฐานที่คาดหวังไว้เล็กน้อย
       ถูกล้วงกระเป๋า คือ การที่น้องที่หมายตาถูกเรียกตัดหน้าไปอย่างน่าเสียดาย
       ม้าลาย คือ สาวบริการที่เป็นนักศึกษา
       ไฟเตอร์ คือ น้องที่บู๊ดุเดือดสู้ไม่ถอย


http://www.manager.co.th/daily/ViewNews.aspx?NewsID=9550000063598


2977
ชุด บิกินี่แพงที่สุดในโลก ( Most Expensive Bikini )



Bikini บิกินี่ชุดนี้ประกอบได้เพชรกว่า 150 กะรัต ออกแบบโดยนักออกแบบนาม Susan Rosen ให้แก่ Steinmetz Diamonds
นางแบบผู้สวมใส่คือ Molly Sims เพื่อถ่ายรูปลงนิตยสาร Sports Illustrated’s ปี 2006 ชุดบิกินี่ชุนี้ประกอบไปด้วยเพชรดังต่อไปนี้

•เพชร รูปลูกแพร์ ( Pair diamonds ) หนัก 51 กะรัต จำนวน 1 เม็ด
•มรกต หนัก 30 กะรัต จำนวน 1 เม็ด
•เพชรรูปครึ่งวงกลม ( Round-cut diamonds ) หนัก 15 กะรัต จำนวน 2 เม็ด
•เพชรรูปลูกแพร์ ( Pair diamonds ) หนัก 8 กะรัต จำนวน 2 เม็ด
•และเพชรเม็ดเล็กอีก 23 กะรัต
•ตัวเรือนทำจากทองคำขาว ( Platinum )
ในชุดนี้ประกอบไปด้วย บรา กางเกง และสร้อยคอ มูลค่า 30 ล้านเหรียญยูเอส ( 1,050 ล้านบาท ) จึงทำให้มันเป็นชุด บิกินี่ ที่ แพงที่สุดในโลก


                         รูปซ้ายเป็นบรา และสร้อยคอ รูปขวากางเกงว่ายน้ำ


ข้อมูลอ้างอิง ชุด บิกินี่แพงที่สุดในโลก ( Most Expensive Bigini )

--------------------------------------------------------------------------------

•http://most-expensive.net/bikini
•http://markpknowles.com/most-expensive-stuff-over-priced-toys/

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


2978
ได้อ่านข่าวนี้ และฟังการอภิปรายในสภาแล้ว ได้แต่กรอกหน้าไปมาและพูดได้คำเดียวว่า..."เซ็ง" นักการเมืองไทย
นับว่าเป็นตัวอย่างที่เลวทราม ของท่านที่ "ทรงเกียรติ" แล้วจะไปอบรมสั่งสอนเยาวชนของชาติให้เป็นคนดี ได้อย่างไร

E ผู้หญิง ก็ร้าย  I ผู้ชาย ก็เลว...

แต่ จุดเริ่มต้นแห่ง "วลีอันมัวหมอง" ในการฝันจะนอน(ร่วมเพศ) กับคนนั้น คนนี้...คงทราบนะครับ ว่าเริ่มมาจากใคร
ทำให้คิดถึงสุภาษิตไทยที่ว่า "ดูช้างให้ดูที่หาง ดูนางให้ดูที่แม่ จะดูให้แน่ ต้องดูถึงยาย..." แต่คงต้องเปลี่ยนฝ่ายใหม่ว่า
"ดูหมา ต้องดูท่า   ดูจ่า ต้องดูแม่" เข้าใจนะครับ..เข้าใจว่า แม่แก ต้องสอน แต่จะสอนอะไร อย่างไร ต้องไปถามเอาเอง

เพศหญิง เป็นเพศแม่ แม้ว่าจะไม่ใช่ แม่ของตัวเอง แต่ก็ไม่ควร หยาบคาย(ออกอากาศ) จนหื่น ซะขนาดนั้น นะครับ
เดี๋ยวใครไม่รู้ จะเข้าใจว่า เลียนแบบพฤติกรรม ทั้งกาย วาจา ใจ มาจากมารดา ที่อยากนอน กับคนอื่น ไปทั่ว(ราชอาณาจักร)
ดีนะครับ ที่ไม่เผลอพูดจากก้นบึ้งหัวใจว่า..."กรู อยากนอนกับแม่กรู บ้างว่ะ..."

เชื่อว่า...(เชื่อว่า นะครับ) ถ้าตาคนนี้ ยังอยากนอน กับ ส.ส. รัง...ซึ่งก็สวย พอตัว ฉะนั้น มัน ต้อง คิดอะไร ๆ ๆ .......
กับ นายหญิง คนสวย แน่ๆ เล้ยยยยย..............

เฮ้อออ.......ปลา หมอ ต.........   


2979
การเมืองไทย...ยุคน้ำเน่า



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงบ่ายวันที่ 27 พ.ย. ระหว่างที่ น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กำลังอภิปรายไม่ไว้วางใจ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรื่องปล่อยให้มีการทุจริตงบแก้ไขปัญหาน้ำท่วม 1.2 แสนล้านบาทอยู่ โดยใช้คำเปรียบเปรยว่า “ฝันว่ามีการทุจริต”
ส่งผลให้ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย (พท.) ลุกขึ้นประท้วงหลายครั้ง
 

     
จนกระทั่ง จ.ส.ต.ประสิทธิ์กล่าวว่า “สมมุติว่าผมฝันว่า...กับ น.ส.รังสิมาบ้าง จะว่าอย่างไร” เป็นเหตุให้ ส.ส.หญิงของ ปชป.ต่างยกมือประท้วงกันวุ่นวาย
พร้อมกับขอให้ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ถอนคำพูดและกล่าวขอโทษ น.ส.รังสิมา


     
ขณะที่นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ซึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ก็ขอดูคำพูดดังกล่าวของ จ.ส.ต.ประสิทธิ์
จากเจ้าหน้าที่สภาฯ ก่อนสั่งให้ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ถอนคำพูดดังกล่าว โดยระบุว่าหากไม่ถอน ตนจะสั่งให้ลบคำพูดดังกล่าวออกจากบันทึกการประชุม
เป็นเหตุให้ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ยอดถอนคำพูด แต่ไม่ได้กล่าวขอโทษ น.ส.รังสิมา

     
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง ปชป.จึงลุกขึ้นกล่าวว่า เรื่องนี้ต้องเสนอให้คณะกรรมการจริยธรรมของสภาฯ พิจารณา เพราะคำพูดของ
จ.ส.ต.ประสิทธิ์ถือเป็นการคุกคามทางเพศหรือระรานทางเพศ ซึ่งผิดประมวลจริยธรรมของ ส.ส.อย่างชัดเจน จึงสมควรทำให้เป็นตัวอย่าง
เพราะหากคณะกรรมการจริยธรรมของสภาฯ เห็นว่ามีความผิด จะส่งเรื่องให้ถอดถอนออกจากตำแหน่ง ส.ส.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงค่ำวันเดียวกัน บรรยากาศการอภิปรายคึกคักและวุ่นวายอีกครั้ง หลัง นางผุสดี ตามไท ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์
ลุกขึ้นอภิปรายเกี่ยวกับปัญหาการวางตัวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ฐานะนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศ ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้นั่งอยู่ฟัง
ในห้องประชุมด้วย โดย น.ส.ผุสดี อภิปรายว่า ไม่สามารถไว้วางใจน.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้เป็นนายกรัฐมนตรีได้ เนื่องจากไม่มีวุฒิภาวะความเป็นผู้นำใน
ระบอบประชาธิปไตย ไม่สนใจเวทีรัฐสภา ประกาศว่า จะใช้ความเป็นผู้หญิงในการก้าวสู่ความปรองดองแต่กลับสร้างความขัดแย้งเพิ่มขึ้น
อีกทั้งยังส่งเสริมให้ประชาชนเป็นหนี้ตามกองทุนต่างๆ ที่สำคัญยังไม่รู้จักระวังอิริยาบถต่างๆ ทั้งที่คนที่เป็นนายกฯควรต้องรู้จักระมัดระวัง
เนื่องจากต้องถูกจับตาตลอด 24 ชั่วโมง
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างการอภิปราย ปรากฏว่าบรรดา ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นประท้วงขัดขวางจังหวะการอภิปรายของ นางผุสดี ตลอดเวลา
อาทิ นายเวียง วรเชษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นกล่าวว่า นางผุสดี พูดไม่เป็นความจริง เพราะนายกรัฐมนตรีมีมาดต้องตา วาจาต้องใจ
ซึ่งทำให้ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ พากันโห่ดังลั่นกลางห้องประชุม
 
อย่างไรก็ตาม นางผุสดี ก็ยังเดินหน้าอภิปรายต่อ โดยในช่วงท้ายได้กล่าวถึงกรณี จ.ส.อ.ประสิทธิ์ ไชยศีรษะ ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย อภิปรายล่วงเกิน
ส.ส.หญิงพรรคประชาธิปัตย์ ว่า เมื่อคืนนอนฝันว่าได้นอนกับ นางรังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ โดย นางผุสดี กล่าวว่า
อยากเห็นนายกฯเอาจริงกับการที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่มีท่าทีคุกคามทางเพศ

“เพราะถ้ามีบางท่านในนี้ ฝันว่าได้นอนกับนายกยิ่งลักษณ์บ้างล่ะคะ จะรับได้หรือไม่? ขอบคุณค่ะ”
 


โดยทันทีที่ นางผุสดี พูดถึงตรงนี้ ปรากฏว่าบรรดา ส.ส.พรรคเพื่อไทย พากันยกมือประท้วง แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ขอใช้สิทธิ์ลุกขึ้นชี้แจงเองว่า
คำว่าภาวะความเป็นผู้นำตนคงไม่ตอบในรายละเอียด เพราะอยู่ที่คนจะตีความและวัดผล ซึ่งตนคิดว่าควรดูที่ผลงานมากกว่า และภาคประชาชน
จะตัดสินใจเองว่าผลงานที่ตนทำมาเป็นอย่างไร จึงขอเวลาให้สาธารณชนได้ติดตามตรวจสอบต่อไป

       
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่นางผุสดีและคณะได้ยื่นหนังสือเพื่อตรวจสอบจริยธรรมของ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ต่อประธานสภาแล้ว
ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เป็นตัวกลางได้พากลุ่มกุหลาบหินเข้าพบนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์
ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ตรวจสอบจริยธรรมนางผุสดี ตามไท ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ที่แสดงพฤติกรรม
ไม่เหมาะสมอย่างร้ายแรง โดยการถามนายกรัฐมนตรีทำนองว่า “รู้สึกอย่างไร หากมีคนจินตนาการว่ากำลังนอนกับท่านนายกฯ”
ซึ่งเป็นถ้อยคำที่ไม่น่าเชื่อว่าจะหลุดออกมาจากปากของ ส.ส.ผู้ทรงเกียรติ ได้ทั้งยังขอเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านฯ
และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความรับผิดชอบที่ไม่สามารถควบคุมการอภิปรายของลูกพรรคให้เป็นไปตามข้อบังคับและอยู่ใน
กรอบที่เหมาะสม รวมทั้งขอให้นายอภิสิทธิ์ดำเนินการลงโทษด้านจริยธรรมต่อนางผุสดี ด้วย
       
       
จากนั้น นายสุรชัย ศุภนิมิตรมนตรี นักศึกษามหาวิทยาลัยเฉลิมกาญจนา ในฐานะประธานเครือข่ายเยาวชนสร้างสรรค์อาสาพัฒนาสุรินทร์
พร้อมคณะ ได้ยื่นหนังสือถึงนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อประณามการกระทำของ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศีรษะ
ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ที่อภิปรายในการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาเมื่อวานที่ผ่านมาด้วยถ้อยคำที่ไม่สุภาพถือเป็นการคุกคาม น.ส.รังสิมา
รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม และรับไม่ได้ ตนในฐานะเยาวชน จ.สุรินทร์ จึงขอเรียกร้อง
ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้ตั้งคณะกรรมการสอบจริยธรรมของ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ และขอให้หัวหน้าพรรคเพื่อไทยลงโทษ จ.ส.ต.ประสิทธิ์
เพื่อปกป้องเกียรติสถาบันการเมืองของพรรคเพื่อไทย
       
       
นอกจากนี้ ขอให้ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ออกมาขอขมา น.ส.รังสิมา รวมถึงขอโทษเด็กเยาวชนและแสดงความรับผิดชอบ และขอให้สื่อมวลชน
ประณามการกระทำของ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ เพื่อสร้างบรรทัดฐานที่ดีงามให้แก่สังคม

--------------------------------------------

จ่าาาาาา...........................



นอกจากทำตัว "เพี้ยน" จนเพื่อน สส.เอือมระอาแล้วยัง "โชว์งั่ง"
 ว่าตัวเองมีความรู้ความสามารถใช้จมูกดมกลิ่น "ฉี่" สุภาพสตรีได้อีกด้วย
 โอวววว..คุณพระคุณเจ้าช่วย!! เป็นแมงดาไม่พอยังอยากเป็น "สุนัข" อีก
 ตำแหน่งซะงั้น...โฮ่ๆๆๆ ช่างสมกับเป็นพรรคสารพัดสัตว์เจงๆ.
 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นโดย จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย
ที่สวมเสื้อสูทสีแดงฉาน ลุกประท้วง น.ส.รังสิมา พร้อมกล่าวอย่างฉุนเฉียวว่า
"ขอประท้วงตามข้อบังคับข้อที่ 8 กรณี รังสิมา รอดรัศมี ฉี่ฉุน"

ทำให้ นายสมศักดิ์รีบปิดไมค์และสั่งให้ถอนคำพูดทันที แต่ จ.ส.ต.ประสิทธิ์กลับย้อนต่อว่า
"วันนั้นผมไปทานข้าว ท่านไปเข้าห้องน้ำ ผมอยู่ใกล้ๆ ฉี่แกฉุนครับ"



ทำให้เกิดเสียงโห่ลั่น สภา ทำให้ น.ส.มัลลิกา จิระพันธ์วาณิช ส.ส.ลพบุรี พรรคภูมิใจไทย ลุกขึ้นประท้วงระบุ
"ฝาก ส.ส.เพื่อไทยกรุณาให้เกียรติสภาด้วย สตรีในที่นี้ก็นั่งกันอยู่หลายท่าน ไม่สมควร อย่างยิ่ง แล้วตัวเองก็เป็นสุภาพบุรุษ"
ทำให้ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ยอมถอนคำพูดในที่สุด.
 

------------------------------------------

2980
นักรัก บรรลือโลก... บัก รา...และ ยักษ์ ลิง....

อิ ฉา ล่ะ ซี...อิอิ



กริ๊ง....โ ช น...ค่าาาาาา..........



ไม่มาวว...ม่าย เลิก ลาาาา....อ๊าาววว... ดื่ ม ม....................



อิอิ...ขำ ชิบ เป้งเลยยยยย...............................



หญ่ายย ม่าย หญ่ายยยย...มะ รุ๊...แต่ มาน เท่า นี๊ อ่ะ.........


--------------------------------------------


















----------------------------------------------

http://news.springnewstv.tv/21628/

เดลี่เมล์ตีข่าว “โอบามา“ส่งตาหวานให้“ยิ่งลักษณ์“

 
 


เว็บไซต์เดลี่เมล์ในอังกฤษ ตีข่าว ประธานาธิบดีบารัค โอบามา กำลังดำเนินความสัมพันธ์ทางการทูตในรูปแบบใหม่
ด้วยการส่งตาหวานให้กับนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งก็ขึ้นชื่อว่า เป็นผู้นำประเทศที่มีรูปร่างหน้าตางดงามเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว


<a href="http://www.youtube.com/embed/LWFX1jQO454&quot; frameborder" target="_blank" class="new_win">http://www.youtube.com/embed/LWFX1jQO454&quot; frameborder</a>


เพราะจากหลายภาพจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ประธานาธิบดี โอบามา และนายกฯ ยิ่งลักษณ์ของไทย ดูจะหัวเราะด้วยกันตลอดเวลา
และยังสบตากันอย่างหวานชื่นในช่วงรับประทานมื้อค่ำที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวานนี้ด้วย
 
 
 
แล้วพอประธานาธิบดีโอบามา เดินทางไปพม่า ก็ยังได้เห็นผู้นำสหรัฐโปรยเสน่ห์ใส่ นางอองซาน ซูจี แกนนำเรียกร้องประชาธิปไตยในพม่า
ทั้งกอด ทั้งหอม  อย่างใกล้ชิด ซึ่งเว็บไซต์ของเดลี่เมล์ ก็เลยอดไม่ได้ที่จะแซวว่า เห็นทีจะเป็นการสร้างสัมพันธ์ทางการทูตแนวใหม่
ในแบบวิธีส่งตาหวาน และโอบกอดแบบเนื้อแนบเนื้อแบบนี้ ก่อนจะบินต่อไปเยือนกัมพูชาต่อไป

-------------------






------------------------

2981
หลากเรื่องคนไทยสำคัญผิด ..ในการใช้รถ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

รถยนต์

   เมื่อพูดถถึงรถยนต์แล้วปัจจุบัน ตัวเลขของจำนวนผู้ใช้รถที่มากขึ้น ทำให้เป็นการยืนยันยที่ดีว่า คนไทยจำนวนมากหันมาให้ความสำคัญในการ
เดินทางมากยิ่งขึ้น แต่ในขณะที่เราอาจจะมองว่าทุกวันนี้รถใช้งานง่าย ปลอดภัย มากยิ่งขึ้น แต่ก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่ไทยใช้รถอย่างไม่ถูกต้อง
และเราจะพาไปพบกับส่วนหนึ่งของเรื่องนี้ ที่ควรจะต้องตั้งคำถามกลับว่า ทำไมถึงไม่ใช้
 

ไฟเลี้ยว..เปิดหน่อย

                แม้จะเป็นกฏกันมานาน แต่ดูเหมือนจะกลายเป็นเรื่องที่ลืมกันสำหรับการจราจรในปัจจุบัน " ไฟเลี้ยว" เป็นไฟที่แสดงสัญญาณทิศทางในการเดินรถ
ซึ่งมีประโยชน์มากในการที่จะบอกความต้องการของคุณกับเพื่อนร่วมถนน โดยวิธีใช้งาน ให้เปิดในทิศทางที่คุณต้องการจะไป ทั้งในยามที่เลี้ยวในทางแยก
หรือเปลี่ยนช่องทางการเดินรถ ทั้งหมดหากเป็นไปได้ก็ควรให้สัญญาณ
 


                หลายคนมักไม่เปิดไฟเลี้ยวเพียงเพราะคิดว่ามันไม่ค่อยจำเป็น แต่หลายครั้ง มันช่วยได้ ทั้งในแง่ของการจราจร ที่ไฟเลี้ยวทำให้การจราจรไม่ติดขัด
เพราะ เพื่อนร่วมทางจะทราบว่าคุณจะไปทางไหน และจะหลบหลีกไม่ไปในทิศทางเดียวกับคุณ ซึ่งอาจจะทำให้คุณไปได้เร็วขึ้นด้วย ในบางครั้ง
 
 
แตร..บีบได้ อย่าเกรงใจ

                คนไทยเราขี้เกรงใจ และหลายคนคิดว่าการบีบแตรคือเรื่องที่เสียมารยาท ทั้งๆไม่มีใครห้าม เว้นแต่บางบริเวณ เช่น เขตพระราชฐาน วัด และ สถานศึกษา
 


                การบีบแตรมีข้อดี คือการส่งสัญญาณในภาวะอันตรายหรือมีความเสี่ยงที่จะเกิดการชนกันสูง หลายครั้ง แตร ช่วยให้รถเรากลายเป็นที่สังเกตขึ้นมา
โดยเฉพาะในยามฉุกเฉินจวนตัว ควรใช้ แต่จะให้ผลดีกว่าการส่งสัญญาณไฟสูงเป็นจังหวะ ซึ่งไม่เป็นที่สังเกตในช่วงกลางวัน เมื่อเทียบกับส่งสัญญาณด้วยเสียง
 
                อย่างไรก็ดี การใช้แตร ควรมีมารยาท และไม่ใช้อย่างพร่ำเพรื่อ การบีบไม่ควรเกิน 3 ครั้ง โดยเว้นห่างเป็นจังหวะๆ และไม่ควรบีบแตรแช่ยาว
ที่สำคัญแตรบางประเภท ยังมีลักษณะผิดกฏหมายจราจร ดังนั้นหากจะเปลี่ยนแตรควรศึกษาให้ดีก่อน
 

ไม่รู้ ใครริเริ่ม...แต่นอนขับนี่ผิดมหันต์
 
                เรารู้หลายคนชอบความเร็วและรถสูตร 1 คือยอดความเร็วแห่งยุค ทำให้จอมซิ่งทั้งหลายชอบที่จะเอนเบาะขับ ทั้งๆที่เราไม่ได้โต้ลมกันสักหน่อย
 
   จริงอยู่ในรถสูตร 1 อาจจะแทบจะนอนขับ แต่เหตุผลของเขาคือการต้องการจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำที่สุดและการลู่ลม เนื่องจากตัวรถเป็นแบบเปิดทั้งหมด
จึงไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ในรถทั่วไปไม่ใช่อย่างงั้น เพราะท่านั่งที่ถูกต้อง ควรจะสามารถซับที่แผ่นหลังคุณได้ทั้งหมดและต้องมีระยะห่างจากพวงมาลัย
ประมาณ 1 ช่วงแขนของคุณ โดยวัดจากข้อมือเป็นสำคัญ และควรเหยียบคันเร่งและเบรคได้ถนัด ไม่ควรนั่งชิดหรือห่างไป
 
 
 
   อย่างไรก็ดีหลายคนอาจจะคิดว่า ถ้าตัวเล็กอาจจะทำไม่ได้ ความจริงแล้วเป็นคนละเรื่องเดียวกัน เนื่องจากเบาะสามารถปรับได้
เช่นเดียวกับพวงมาลัย ที่จะช่วยให้คุณมีท่านั่งที่ถูกต้อง ทำให้ไม่ปวดหลังยามเดินทางนานๆ
 
 
ไฟฉุกเฉิน..ใช้เฉพาะตอนฉุกเฉินเท่านั้น     

                ชื่อก็บอกว่า "ไฟฉุกเฉิน" แต่ปัจจุบันหลายคนก็คิดว่า ใช้มันหลายอย่างสงสัย ทั้งที่จริงๆไฟฉุกเฉินควรเปิดเมื่อยามรถเสียเท่านั้น
แต่ก็อนุโลมใช้เพื่อบอกความจำเป็นบางอย่างของคุณต่อเพื่อนร่วมทางได้ เช่นรถเสีย เกิดอุบัติเหตุ               
                 จุดประสงค์ที่แท้จริงของไฟฉุกเฉิน คือการส่งสัญญาณให้รถที่ขับตามคุณมา ผ่านคุณไปทั้งทางซ้ายและขวา เช่นเดียวกับ
แสดงถึงตำแหน่งที่รถคุณอยู่ แต่ด้วยปัจจุบันความเข้าใจผิดของหลายคน ทำให้ไฟฉุกเฉินถูกแปรมาสู่คำว่า "ไฟผ่าหมาก"
ใช้เวลาวิ่งผ่ากลางทางแยกที่ไม่มีสัญญาณไฟ
 
                เรื่องนี้ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจผิด เพราะอย่างที่ทราบไปเบื้องต้นว่า ไฟเลี้ยวใช้บอกทิศทางที่คุณจะไป
แต่ไฟฉุกเฉินคือการเปิดไฟเลี้ยว 2 ด้าน พร้อมกัน ทำให้เกิดความสับสน บ่อยครั้งแยกไม่มีสัญญาณ ธรรมดาๆ ที่ไม่เคยติดกลับติดยาวเป็นหางว่าว
เพราะรถพันกัน เนื่องจากไฟฉุกเฉิน ทำให้ต่างคนต่างไป แม้รถทางด้านข้าง อาจจะเห็นไฟเลี้ยวของคุณ แต่ อย่าลืมว่ารถทางด้านหน้า
อาจจะไม่ได้ขับตรงแบบคุณทุกคันก็ได้
 


                อีกประการที่เห็นใช้ไฟฉุกเฉินบ่อยคือตอนฝนตก ที่หลายคันจะพยายามแสดงตำแหน่งตนด้วยไฟฉุกเฉินในยามที่ฝนตกหนักมาก
ความจริงก็ไม่ควรที่จะทำแต่พออนุโลมได้ เพราะไฟฉุกเฉินนั้น มักมีการวางตำแหน่งให้ห่างมือจากสัญญาณไฟอื่นๆ  ซึ่งถ้าระหว่างที่คุณ
กำลังเอื้อมไปกดสวิทช์ ละสายตาจากถนนที่ไม่ค่อยเห็นอยู่แล้ว รู้อีกทีอาจจะเจอ ท้ายรถคันหน้า ทำให้ต้องเบรคกระทันหัน  หรือก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้
 
                ทั้ง 4 เรื่องนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความเข้าใจผิดของคนไทย ในการใช้รถ และเราอยากให้ทุกคนใช้งานมันได้อย่างถูกต้อง
ซึ่งจะช่วยให้การจราจรปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

 
-------------------------------------------------------------------

2982
สายใยไทยทั้งเมือง

วันศุกร์ ที่ 19 สิงหาคม 2554
หมอเหวงจะว่ายังไง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญบอกว่าอย่ามัวแต่ไปแก้รัฐธรรมนูญที่เป็นกระดาษ ให้แก้ที่สันดานนักการเมืองดีกว่า!
Posted by Canไทเมือง

"ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ” ลั่นแก้ไขรัฐธรรมนูญแค่ข้อเขียนในกระดาษ ชี้ต้องแก้สันดานนักการเมือง

"วันนี้มีการพูดเรื่องวาทกรรมนิติรัฐและนิติธรรมจะมีคนเข้าใจเรื่องนี้มากน้อยสักกี่คน เพราะคนพูดบางคนก็ยังไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริงของคำว่านิติรัฐและนิติธรรม
อย่างกรณีการยุบพรรคการเมืองก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ"

หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ลงข่าวว่า วันนี้ (19 ส.ค.) ที่โรงแรมกรินเนอรี่ รีสอร์ท เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา นายสุพจน์ ไข่มุกด์ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ในฐานะอดีตกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญปี 2550
กล่าวถึงกรณีที่อาจจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า วิกฤตการเมืองขณะนี้ก็มีแต่พูดว่าจะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งที่มันก็แค่ข้อเขียนในกระดาษ ถ้าจะแก้ปัญหาต้องแก้ที่สันดานนักการเมือง
รัฐธรรมนูญของไทยที่ผ่านมาในอดีตเกือบทั้งหมดได้สะท้อนบริบทความเป็นจริงของสังคมไทย แต่ประเทศของเราไปลอกเลียนแบบกฎหมายสูงสุดของประเทศกลุ่มอารยะ
ในสมัยที่ตนเป็นกรรมาธิการยกร่างรับธรรมนูญปี 50 ก็พยายามที่จะให้มีบทบัญญัติเพิ่มในเรื่องของหน้าที่พลเมืองเข้าไปให้มาก แต่ก็ถูกขัดขวาง

00000

พวกหมอเหวง เสื้อแดงที่เรียกร้องหาประชาธิปไตยที่แท้จริงจะว่ายังไง
แก้ที่สันดานนักการเมืองก่อนดีมั๊ย
ถ้าสันดานดี ทุกอย่างก็ดีหมด
อย่ามัวไปโทษรัฐธรรมนูญกันอยู่เลย

แคน ไทเมือง

http://www.oknation.net/blog/canthai/2011/08/19/entry-1

-------------------------------------------------------------------------------


2983
สันดานนักการเมือง...สันดานรัฐมนตรี

วันที่ พฤหัสบดี ตุลาคม 2550
 

สันดานนักการเมือง...สันดานรัฐมนตรี



สันดานนักการเมือง...สันดานรัฐมนตรี
สันดานแห่งการเอาตัวรอดของมนุษย์น่าจะเป็นเรื่องปกติ
พอๆ กับ สันดานของการโกหกพกลมของนักการเมือง

ถึงวันนี้ยังคงดิ้นรน หาป้อมค่ายการเมืองไม่สะเด็ดน้ำ สำหรับมนุษย์พันธุ์ "นักการเมือง"
โดยเฉพาะที่หลุดรอดร่างแห ตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี  111 คน คงรอดตัวไปบ้างแล้ว
ส่วน 111 คนนั้น ต่างเป็น"อีแอบการเมือง" กันถ้วนหน้า เพราะปัญหาทางกฎหมาย
จะว่ากันมากก็ไม่ได้ มันเป็นหนทางทำมาหากินของเค้านี่นะ...
( ผมไม่ทราบว่า มีนักการเมืองคนใหนใน 111 คน ที่สำนึกผิดเลิกเล่นการเมือง )

แรงกระเพื่อมทางการเมืองเริ่มจะลดน้อยลง เมื่อกลุ่มทุนวางตัวได้ชัดเจน
นักการเมืองที่หวังพึ่งพิงแหล่งการเงิน ย่อมหากลุ่มที่ตนเองได้ข้อเสนอที่ดีที่สุด
ส่วนนโยบายค่อยว่ากันทีหลัง...นี่ก็เข้าข่าย...สันดานนักการเมือง...อีกเหมือนกัน
 
การเดินเกมหาเสียงของพรรคการเมืองก็เริ่มชัดเจนขึ้นเมื่อใกล้ประกาศพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้ง

พรรคปชป. วางเกมไว้ที่วาระประชาชน - ประชาชนต้องมาก่อน
ด้วยเดิมพันงบโฆษณาเกือบ 60 ล้านบาทในเวลา 9 เดือนที่ผ่านมา
( สมัยเลือกตั้งปี 44 ปชป.ใช้เงินของพรรคซื้อสื่อเพียง 5.7 ล้านบาท 
ในขณะที่พรรคไทยรักไทยคือพรรคที่มียอดซื้อสื่อทางโทรทัศน์สูงสุด คิดเป็นเม็ดเงิน 68.7 ล้านบาท ...ข้อมูลมติชน)

นี่ขนาดแค่ไหว้ครูกันเล่น ๆ ในขณะที่กรรมการใหญ่ ( กกต. ) ยังไม่สับมือมือให้ชกกันด้วยซ้ำ
การเตรียมการและการใช้เงินก็เป็นไปอย่างคึกคัก...
การหาเสียงแบบเก่า ๆ ประเภทเอาดีเข้าตัว เอาชั่วให้คนอื่น อาจจะกลับมาอีกครั้ง

ถ้ายังไงก็โปรดระลึกไว้ว่า กฎหมายเลือกตั้งห้ามการหาเสียงสาดโคลนฝ่ายตรงกันข้าม
โดยเฉพาะ มาตรา 53 วงเล็บ 5 บอกว่า...

*******************

มาตรา ๕๓ ห้ามมิให้ผู้สมัครหรือผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิ
เลือกตั้งลงคะแนนเสียงเลือกตั้งให้แก่ตนเอง หรือผู้สมัครอื่น หรือพรรคการเมืองใด หรือให้งดเว้น
การลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใด ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้

(๕) หลอกลวง บังคับ ขู่เข็ญ ใช้อิทธิพลคุกคาม ใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจผิด
ในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใด

*******************

แต่ยังไม่ทันไร ก็สาดฉี่ราดกันให้เปรอะไปทั้งวงการ
หรือนี่คือ "สันดานนักการเมือง" ที่ยังแก้ไม่หาย

ความจริงแท้คืออะไรยังไม่รู้ แต่สันดานนักการเมืองก็ชอบพูดเอามันเข้าว่า
โกหกพกลมไปโดยไม่คิดว่าประชาชนมีหูตากว้างใกล มีสื่อที่ตามติดสืบค้นข้อมูล

นักการเมืองประเภทนี้ไม่เคยคำนึงว่าใครจะเสียหาย จากคำพูดของตน
หนักหนานักก็ไปขอโทษขอโพยกันทีหลัง...กี่ปีต่อกี่ปี ก็ยังเป็นเช่นนี้เสมอมา

เหมือนสันดานคนชอบโกหกพกลมของนักการเมืองรุ่นเก่าที่นักการเมืองด้วยกันแฉโพยเอาไว้
แต่สุดท้าย ประชาชนจะเชื่อใคร ก็ต้องขึ้นกับข้อมูลและคนร่วมสมัยจะได้ร่วมพิจารณากัน

ผมก้อบข้อเขียนคำนำของนายวีระ มุสิกพงศ์ ในหนังสือ "สันดานรัฐมนตรี"
ฉบับตีพิมพ์ครั้งที่ 1 พ.ศ. 2521 มาให้อ่านเล่น ๆ
มีเวลาจะก้อบมาให้อ่านทั้งฉบับ
แล้วเราจะรู้กันว่า ระหว่างวีระ มุสิกพงศ์ กับสมัคร สุนทรเวช ใครเป็นฝ่ายพูดจริง ใครเป็นฝ่ายโกหก
เพราะในหนังสือเล่มนี้มีคำโปรยที่หน้าปกว่า...

นี่มิใช่การเหยียบคนล้ม ( ตอนนั้นสมัครล้ม...ตอนนี้ วีระล้ม ?..หรือเปล่า..!! )
แต่เป็นความจริงหลายๆ ประการ
ที่ถูกปิดบัง ซ่อนเร้นมาตลอดเวลา แห่งการสร้างตัวของคนๆ หนึ่ง
ซึ่งก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งรัฐมนตรี
ด้วยวิธีการ "โกหกคำโต โกหกบ่อย ๆ"

ถ้าวีระ พูดจริง สมัครก็โกหก
ถ้าวีระโกหก สมัครก็ดีเลิศประเสริฐศรี

..."ก่อนพูด..เราเป็นนายคำพูด....แต่เมื่อพูดไปแล้ว คำพูดนั้นเป็นนายเรา..."

แต่อย่างน้อยเรื่องนี้ก็จะพิสูจน์ "สันดานนักการเมือง" ได้อีกรูปแบบหนึ่ง
นั่นคือ เมื่อสมประโยชน์ของทั้งสองฝ่ายฝ่าย...ด่ากันให้ตายก็ไม่เอาความ
ให้มันได้ยังงี้สิ..."สันดานนักการเมือง"

ว่าง ๆผมจะขอก้อบข้อเขียนคุณวีระมานำเสนอเป็นเรื่องไป...อย่ามาฟ้องเรียกค่าลิขสิทธิ์เชียว...
ผมไม่มีให้หรอกครับ...อิ อิ

 
โดย Canไทเมือง

 
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=137575

-------------------------------------------------------------------


2984
สันดานนักการเมือง จากคณะราษฎร ในอดีต ถึง คณะกเฬวราก ในปัจจุบัน ไม่ต่างกันเลยแม้แต่น้อย !?!

วันที่ พฤหัสบดี มิถุนายน 2554
 
สันดานนักการเมือง จากคณะราษฎร ในอดีต ถึง คณะกเฬวราก ในปัจจุบัน ไม่ต่างกันเลยแม้แต่น้อย !?!

ตอนได้อ่าน จดหมายรักจากจอมพล ป. ที่ “พี่” กิเลน ประลองเชิง แห่งไทยรัฐ เขียนไว้ในคอลัมน์ ชักธงรบ วันนี้นั้น

ผมรู้สึกชื่นชม จอมพล ป.อย่างจับจิตจับใจ...

ร่ำ  ๆ จะนำเอาพฤติกรรมของจอมพล ป.ตามที่เขียนในจดหมายมาให้ นักการเมืองรุ่นใหม่ได้อ่าน และเรียกร้องให้มี จอมพล ป.กันมาก ๆ แล้วละครับ

แต่เมื่ออ่านบทความของ “พี่” กิเลน ประลองเชิง จบ ผมต้องเปลี่ยนใจ เปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อ จอมพล ป.เสียใหม่ แล้วตั้งชื่อเรื่องสำหรับบทความนี้ว่า


          สันดานนักการเมือง จากคณะราษฎร ถึง นักการเมืองกเฬวราก ในปัจจุบัน ไม่ต่างกันแม้แต่น้อย


ทำไมผมจึงเปลี่ยนใจอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ ก็ขอให้มิตรรักแฟนเพลงอ่านเรื่องนี้ดูก่อนนะครับ

“พี่” กิเลน ประลองเชิง เขา ชักธงรบ เอาไว้ดังนี้ครับ..


          0        0        0        0


          เพื่อนคณะราษฎร ที่ร่วมเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิ.ย. 2475 มาด้วยกัน คู่ของหลวงประดิษฐ์มนูธรรม กับ หลวงพิบูลสงคราม นับได้ว่ารักกันมั่นคงมาก
ช่วงพระยามโนปกรณ์นิติธาดา เป็นนายกฯคนที่ 1 หลวงประดิษฐ์ฯ เจอข้อหาคอมมิวนิสต์ต้องลี้ภัยไปต่างประเทศ หลวงพิบูลฯ กับพระยาพหลพลหยุหเสนา
ต้องออกแรงปฏิวัติ ช่วยหลวงประดิษฐ์ฯกลับประเทศจนได้

ความรักเพื่อนเริ่มมามีรอยร้าวเอาเมื่อญี่ปุ่นยึดไทย หลวงพิบูลฯเล่นเกมตามญี่ปุ่น หลวงประดิษฐ์ฯ เล่นเกมใต้ดิน ตั้งขบวนการเสรีไทย ต่อต้านญี่ปุ่น
ญี่ปุ่นแพ้สงคราม หลวงพิบูลฯ ก็แพ้ตาม เจอข้อหาอาชญากรสงครามถูกจับเข้าคุก

ระหว่างที่นายพลโตโจ ญี่ปุ่นถูกศาลพันธมิตรตัดสินให้แขวนคอ ก็มีจดหมายจากหลวงพิบูลฯถึงหลวงประดิษฐ์ฯ มีข้อความดังต่อไปนี้


เรียน อาจารย์ที่เคารพและนับถือ

ผมเห็นงานของอาจารย์มีมาก ไม่อยากจะมารบกวนอะไร แต่บัดนี้ผมเป็นคนเคราะห์ร้าย ไม่รู้จะหันไปถึงใครได้ ก็จำเป็นต้องขอพึ่งอาจารย์ ตามแต่จะกรุณาได้
ผมเรียนมานี้ หวังจะได้รับความกรุณาจากอาจารย์บ้างตามสมควร ในทางการเมืองของผมนั้น เวลานี้หรือต่อไป ผมเข็ด และรู้สึกตัวว่าโง่เง่า ไม่มีความสามารถเพียงพอ
ขืนทำอีกก็มีภัยมาสู่ตัวร่ำไป

ผมเลยขอเป็นชาวนาชาวไร่ ขออาจารย์อย่าเป็นห่วงผม ในทางการเมือง ผมเข็ดแล้ว เป็นตามีตามาดีกว่า

ผมพูดมามากแล้ว ถ้ามีผิดและรบกวนอาจารย์ก็ขออภัยด้วย ผมได้เขียนเล่าการปฏิบัติการต่อญี่ปุ่น และส่งไปทางประธานสภาฯ และให้เพื่อนฝูงอ่าน
มีความประสงค์อย่างเดียว จะช่วยให้เพื่อนฝูงไม่เป็นอาชญากรสงคราม รวมทั้งผมด้วย ตามสัญชาตญาณของคนต้องป้องกันตน

อาจารย์ขอได้กรุณาแก่ผมในเรื่องนี้ด้วย เพราะถ้านิ่งไว้ คนไม่รู้เหตุผลในการปฏิบัติของเรา ก็จะหาว่าเป็นคนขายชาติอยู่ตลอดไป ชื่อเสียงก็จะเสีย
ผมดีใจแล้วว่า ที่เราทำมาแล้วนั้น อย่างน้อยพระแก้วมรกตยังอยู่ ญี่ปุ่นไม่ขนเอาไปอย่างแห่งอื่น

เคารพและนับถืออย่างสูง

ป.พิบูลสงคราม


( ถ้าอ่านเพียงเท่านี้ จะดูดี และน่าชื่นชมนะครับ เพราะจอมพล ป.ยอมรับว่า ตัวเองโง่เง่าในทางการเมือง ไม่มีความสามารถ รู้สึกเข็ด จนกระทั่งอยากไปเป็นชาวไร่ชาวนา

ฟังดูเหมือนนายทหารบางคนที่ทะเร่อทะร่าเข้ามาเล่นการเมืองจนได้เป็นใหญ่ แล้วแพ้ แต่ไม่ยอมเลิก ผลุบ ๆ โผล่ ๆ เหมือนอะไรสักอย่าง อ้อ หัวเต่าน่ะครับ – ฮา – เชิญ

อ่านบทความของ “พี่” กิเลนต่อนะครับ )


ช่วงเวลาที่เขียนจดหมายนี้ หลวงพิบูลฯ ใช้ชื่อใหม่ เป็น จอมพล ป. พิบูลสงคราม หลวงประดิษฐ์ฯ ก็ใช้ตามสมัยนิยม เป็น นายปรีดี พนมยงค์

จอมพล ป. ถูกควบคุมตัวตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค.2488 ถึงวันที่ 23 มี.ค.2489 รวม 159 วัน ก็ถูกปล่อยตัว หลังศาลฎีกามีคำพิพากษาว่า พ.ร.บ.อาชญากรสงคราม 2488
เฉพาะที่บัญญัติย้อนหลังให้การกระทำก่อนวันใช้ พ.ร.บ.เป็นความผิดด้วยนั้น

ขัดกับรัฐธรรมนูญ เป็นโมฆะ

นคร พจนวรพงษ์ อุกฤษ พจนวรพงษ์ ให้ทรรศนะไว้ในหนังสือ ข้อมูลประวัติศาสตร์การเมืองไทย กรณีคดีนี้นักประวัติศาสตร์บางท่านกล่าวว่า

ผู้ที่วางแผนช่วยเหลือจอมพล ป. คือ นายปรีดี นั่นเอง

หลังรัฐประหาร 8 พ.ย.2490 ไม่กี่เดือน จอมพล ป. ก็กลับมาเป็นนายกฯ...

หลังกรณีสวรรคต ร.8 นายปรีดี ต้องลี้ภัยไปอยู่ฝรั่งเศส

เกมการเมืองพลิกด้าน เพื่อนรักกลับต้องมาเป็นเพื่อนแค้น ไล่ล่าล้างผลาญกันเต็มพิกัด

หนุ่มๆสาวๆสมัยใหม่ อาจเชื่อคำมั่นสัญญา ทางการเมือง ไม่แก้แค้น ไม่ยุบไม่ย้ายทหารใหญ่ ฯลฯ  แต่สำหรับคนแก่รู้ราตรีกาล... คำสัญญาการเมือง เป็นเรื่องลมๆแล้งๆ

ตัวอย่างอดีต ถ้านายปรีดีไม่อ่านจดหมาย ไม่ใจอ่อนช่วยเพื่อนจอมพล ป. เอาไว้...นายปรีดีอาจไม่เป็นผู้แพ้

บทเรียนสงครามการเมือง ฝ่ายใจอ่อน เชื่อคนง่าย มักเป็นฝ่ายแพ้.


0        0        0        0


เป็นไงครับ สันดานนักการเมืองในคณะราษฎร ที่ผมเคยตราหน้าว่าร่วมกันปล้นพระราชอำนาจจากพระมหากษัตริย์..

...จอมพล ป.เดือดร้อน มีจดหมายไปถึง นายปรีดี โอดครวญว่าเข็ดการเมืองแล้ว ตัวเองโง่อย่างนั้นอย่างนี้ จะไปทำไร่ทำนาแล้วละ..

แต่ พอตัวเองขึ้นมามีอำนาจ แทนที่จะให้การช่วยเหลือ นายปรีดี ที่ได้รับความเดือดร้อนเพื่อตอบแทนบุญคุณ

กลับปฏิบัติการไล่ล่าล้างผลาญกันเต็มพิกัด – ฮา


ผมว่า ไม่ต่างไปจาก ระบบการเมืองของไทยในสมัยนี้เลยนะครับ ด่าพ่อล่อแม่กันในสภาผู้แทนราษฎรปาว ๆ เหมือนผีไม่เผาเงาไม่เหยียบ
หรือไม่ก็ถึงขั้นใช้กริยาและคำหยาบคายในสภาฯเข้าใส่กัน

แล้วเป็นไงครับ พอออกมานอกห้องประชุมกลับกอดคอคุยกันเฉย..

นั่นยังไม่เลวร้ายเท่าบางคน อี้อ๋อ อ้อล้อ เป็นนายเป็นบ่าวเหมือนคู่บุญกันแท้ ๆ พอนายเจอภัยการเมือง มันตอบหน้าตาเฉย หมดเวลาแล้วนายไปโน่น – ฮา

นี่หรือระบอบประชาธิปไตย ที่นักการเมืองเอามาอ้างเพื่อล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์

นับจากปี 2475 ถึงปี 79 ปีแล้วนะครับ

มันยังก้าวไปไม่ถึงไหนเลย....

ไม่แน่นะครับ หลังวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 อาจมีปรากฎการณ์เลว ๆ เกิดขึ้นให้เห็นคือพรรคที่มีเจ้าของตัวจริงถีบหัวเรือลำเก่าที่กำลังจะจมน้ำ..
อาจดอดไปเกาะท้ายเรือลำที่เจ้านายคนเก่าสร้างขึ้นมาใหม่อีกก็ได้

กเฬวรากมักเป็นจะอี้ แลเฮย !

โดย ภาณุมาศ_ทักษณา

 
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=726239

-------------------------------------------------------------------------------


2985
        ผิดคนอื่นมองเห็นเช่นภูเขา
 ผิดของเรามองเห็นเท่าเส้นผม
 ตดคนอื่นเหม็นเบื่อเสียเหลือทน
 ตดของตนแสนเหม็นไม่เป็นไร


(มล.ปิ่น มาลากุล)

Pages: 1 ... 197 198 [199] 200 201 202
SMF 2.0.4 | SMF © 2013, Simple Machines | Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.526 seconds with 15 queries.