Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
User Info
Welcome, Guest. Please login or register.
05 May 2024, 18:24:22

Login with username, password and session length
Search:     Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ

http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
25,643 Posts in 12,461 Topics by 70 Members
Latest Member: KAN
Home Help Search Calendar Login Register
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...  |  Profile of p_san@  |  Show Posts  |  Topics

Show Posts

Messages | * Topics | Attachments

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Topics - p_san@

Pages: 1 2 [3] 4 5 ... 10
31
ภาพสาวน่ารัก / Minami Yamada 山田南実
« on: 15 April 2021, 18:05:33  »
Minami Yamada 山田南実

































32
ภาพสาวน่ารัก / Mao Miyaji 宮地真緒
« on: 15 April 2021, 18:03:11  »
Mao Miyaji 宮地真緒

























33
สาระน่ารู้ / จุฬาตรีคูณ
« on: 14 April 2021, 13:50:54  »
จุฬาตรีคูณ


"จุฬาตรีคูณ"...หลายท่านคงเคยได้ยินชื่อนี้มาจากเพลงและนวนิยายของพนมเทียน ซึ่งเป็นแนวโศกนาฏกรรมรักเช่นเดียวกับ "โรมิโอและจูเลียต" โดย "จุฬาตรีคูณ"นั้นเป็นสถานที่ที่มีอยู่จริงบนโลกนี้ครับ....

"จุฬาตรีคูณ" นั้นชื่อก็บอกนั้นว่าเป็นจุดรวมของแม่น้ำ 3 สาย ซึ่งเป็นแม่น้ำบนพื้นพิภพ 2 สายคือ คงคา และ ยมุนา ไหลมาบรรจบกันเห็นเป็นสายน้ำสองสีไหลวนกันสวยงาม ส่วนอีกหนึ่งสายนั้นเป็นแม่น้ำจากสวรรค์ คือ ทางช้างเผือกนั่นเอง ในยามรัตติกาลไร้ดาวจะมองเห็นแม่น้ำทั้งสามสายมาบรรจบกันเป็นภาพที่งดงามมาก ณ เมืองอันลาฮาบาต กรุงพาราณสี

.....จุฬาตรีคูณนั้น ปัจจุบันเป็นสถานที่ทำพิธีลอยบาปของชาวฮินดูในวันเพ็ญเดือนสาม เรียกว่าวัน "ศิวาราตรี" ในบางตำนานก็บอกว่า แม่น้ำสายที่ 3 นั้นคือ สรัสวดี ซึ่งไหลอยู่ใต้ดินขึ้นมาบรรจบ ณ วังน้ำวนจุฬาตรีคูณนั้นเอง....แต่ทว่า "ทางช้างเผือก" นั้นดูจะโรแมนติกและเย้ายวนจินตนาการมากกว่าแม่น้ำบนพื้นพิภพเป็นไหนๆ






อัลลอฮาบาด (Allahabad) รัฐอุตตรประเทศ เป็นจุดที่แม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามสายคือ
แม่น้ำคงคา แม่น้ำยมุนา และแม่น้ำสรัสวดี มาบรรจบกันซึ่งเรียกว่าจุฬาตรีคูณ












34
เปิดตำนาน “เพกาซัส” ม้ามีปีก


Pegasus เป็นสัตว์ยอดเยี่ยมซึ่งสามารถพบได้ในตำนานเทวดาภาษากรีก เจ้าสัตว์ตัวนี้
มีรูปร่างเสมือนม้า กายสีขาวแต่ว่ามีปีก ซึ่งบิดาของมัน บางครั้งก็อาจจะเป็นเทวดาที่สมุทร
อย่าง Poseidon ตอนที่แม่เป็น Medusa Pegasus นั้นมีชื่อเสียงจากการที่ได้ให้ความให้
การช่วยเหลือ Perseus แล้วก็ Bellerophon สำหรับเพื่อการทำภารกิจ



Pegasus เกิดขึ้นมาในตอนที่ Perseus สะบั้นคอของ Medusa ขาด แล้วก็ทันทีทันใด
เจ้าม้ามีปีกตัวนี้ก็บินออกมาจากคอที่ขาดนั้น ข้างในข้างหลังนี้ Pegasus ได้เป็นเป็น
ยานพาหนะของ Bellerophon แล้วก็ยังเผชิญได้จากการช่วยวีรบุรุษสำหรับเพื่อการ
กำจัดสัตว์ร้าย ยกตัวอย่างเช่น Chimera รวมทั้งเรื่องราวการบินไปที่ Olympus

ในนิยายของ Hesiod เขียนไว้ว่า Medusa ได้ร่วมเพศกับ Poseidon ท่ามกลางทุ่งดอกไม้
จนถึงก่อเกิดเป็น Pegasus กับ Chrysaor



Hesiod ยังพูดถึงภายหลังที่ Pegasus ได้กำเนิดออกมาเจ้าม้าก็ได้บินไปที่ Olympus
ซึ่งเป็นที่อยู่ราชสำนักของ Zeus แล้วก็ Pegasus ก็ได้รับหน้าที่แปลงเป็นยานพาหนะ
ของทวยเทพเทวดาสายฟ้า

แต่ว่าในตำนานอีกแบบพูดว่า Pegasus ได้ใช้เวลาอยู่บนโลกก่อนจะบินไปที่ Olympus
รวมทั้งระหว่างนั้น Pegasus ก็ได้ให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลสองวีรบุรุษอย่าง Perseus
รวมทั้ง Bellerophon

ภายหลังการเสียชีวิตของ Medusa Perseus ก็ได้กลับไปอยู่ที่บ้านของเขา รวมทั้งกลางทาง
ก็ได้ยินเรื่องของหญิงงามที่ถูกตรึงโซ่ไว้กับหิน โน่นเป็น Andromeda บุตรสาวของกษัตริย์และก็ราชินี
ที่ Ethiopia รวมทั้งด้วยเหตุว่าราชินีได้ไปคุยโตว่าบุตรสาวตนเองนั้นงามกว่า Nereids ผู้ติดตามของ Poseidon



Poseidon โกรธมากๆก็เลยได้ลงอาญาพลเมืองของ Ethiopia โดยทำให้น้ำหลาก
ซึ่งโน่นเป็นเพียงแค่ขั้นตอนแรกเพียงแค่นั้น ถัดมาก็ได้ส่งสัตว์สมุทรยักษ์ Cetus รุกรามพวกเขา
ซึ่งทางเดียวที่จะทำให้ Poseidon หายโกรธเป็นการบวงสรวง Andromeda นี่ก็เลยเป็นเหตุผล
ให้คุณถูกตรึงไว้กับหิน

และก็เมื่อ Perseus ทราบเข้าก็ได้เสนอตัวเข้าช่วยเจ้าฟ้าหญิง และก็จะช่วยจัดแจงกับตัวประหลาด Cetus
แต่ว่ามีเงื่อนไขเป็นเขาจะต้องได้สมรสกับ Andromeda ซึ่งกษัตริย์ที่ Ethiopia ก็ตกลง รวมทั้งเมื่อ Cetus
จะมาจัดแจงกับเจ้าฟ้าหญิง มันก็จะต้องถูกสาปให้เปลี่ยนเป็นหิน จากผลการมองดูหัวของ Medusa ที่ Perseus มีอยู่

ถัดมาจะคือเรื่องของ Pegasus และก็ Bellerophon ซึ่งว่าตามตำนานหนึ่ง Bellorophon ได้มาที่เมือง
ที่ Tiryns ซึ่งเป็นที่ที่ Proetus เป็นราชาอยู่ แต่ว่าราชินี Stheneboea ได้กำเนิดหลงเสน่ห์กับ Bellerophon เข้าให้

ถึง Bellerophon จะไม่ยอมรับความรักที่ได้จาก Stheneboea โน่นทำให้คุณขายหน้ามากมาย
คุณก็เลยไปโป้ปดมดเท็จผัวตนเองว่า Bellerophon ได้กระทำให้ท่าให้ทางแก่คุณ ก็เลยอยากได้
ให้ประหารเขาเสีย โน่นทำให้ Proetus โกรธเกรี้ยวมากมาย แล้วก็ส่ง Bellerophon ไปให้

พ่อบุญธรรม Iobates จัดแจง



Iobates กษัตริย์ที่ Lycia ได้อ่านจดหมายที่ลูกเขาขอร้องให้ทำประหาร Bellerophon ซะ
แต่ว่าแทนที่จะประหาร เขากลับตกลงใจให้ภารกิจกับ Bellerophon โดยให้เขาไปจัดแจง Chimera
โดยที่ไม่คิดว่าเขาจะสามารถรอดกลับมาได้

ขณะทำการเตรียมการ Bellerophon ได้ไปขอความเห็นจากนักทำนายชื่อ Polyeidos
ได้เขาได้รับข้อแนะนำให้ไปค้นหา Pegasus มาช่วย แต่ว่าบางตำนานก็พูดว่า Polyeidos
รู้ที่อยู่ของ Pegasus และก็ช่วยทำให้ Bellerophon ฝึกฝน Pegasus ให้เชื่องได้

แต่ว่าอีกบางนำนานก็บอกว่า Poseidon ซึ่งเป็นบิดาลับๆของ Bellerophon ได้นำ Pegasus
มาให้เขาเอง แต่ว่าตำนานที่ได้รับความนิยมเยอะที่สุดเป็น Athena นำ Pegasus มาให้กับ
Bellerophon เอง แล้วก็จากการช่วยเหลือเกื้อกูลของ Pegasus ทำให้ Bellerophon ก็

สามารถกำจัด Chimera ลงได้



ถัดมาความหยิ่งตัวของ Bellerophon ก็มากเพิ่มขึ้น แล้วก็เขาต้องการที่กำลังจะได้อยู่ใน
ชั้นสูงของ Olympus รวมทั้ง Zeus ได้ตระหนักถึงความใฝ่สูงของวีรบุรุษคนนี้
เขาได้ส่งตัวถัดไปต่อย Pegasus ทำให้ Bellerophon สูญเสียความสมดุลแล้วก็หลุดล่วงไปยังโลก

ส่วนเจ้าม้า Pegasus ก็ยังได้อยู่บน Olympus แล้วก็รับใช้ Zeus ทวยเทพเทวดาสายฟ้าถัดไปนานเท่านาน…

แม้พวกเราเอ่ยถึงสัตว์ที่เป็นยานพาหนะที่มักโผล่มาในรูปภาพยนต์หรืออนิเมชั่นที่เกี่ยวกับ
เทพนิยายภาษากรีก แน่ๆว่าชื่อของเจ้าม้ามีปีก “Pegasus” จำเป็นต้องโผล่ออกมาจริงแท้แน่นอน




35
Animals / ม้ามงคล
« on: 30 March 2021, 09:49:41  »
ม้ามงคล




ม้า เป็นสัญลักษณ์ ของความกล้า ความขยัน ความรวดเร็ว ว่องไว ชาติอาชาไนย
ผู้มีความดื้อดึง พยศ แต่ก็แฝงไปด้วยพละกำลังมหาศาล  ความหมายของม้า
จึงมีความหมายไปในทาง ความรวดเร็วว่องไว ความกล้า ความขยัน ขยันวิ่ง
ขยันซอยขาถี่ๆ และพละกำลังมหาศาล ที่มีความทนทาน วิ่งไปได้นานเป็นชั่วโมง

ในยุคสมัยโบราณ ม้าเป็นยานพาหนะที่จำเป็นต่อการเดินทางในชีวิตประจำวัน
เช่น เดินทางคนเดียว ใช้ม้า 1 ตัว นั่งบนหลังม้าได้เลย ขึ้นขี่ ควบไปได้ตามใจปราถนา
เดินทางมากกว่า 1 คน ต้องมีเกวียนเทียมม้า ใช้ม้า อย่างต่ำ 1 – 2 ตัวขึ้นไป
มีคนบังคับม้าให้  สำหรับการขนส่งคนในเกวียนใหญ่ๆ ก็ต้องใช้ม้าหลายตัว
เช่น 3 ตัว 5 ตัว 8 ตัว
และการใช้ม้าหลายตัว จึงเกิดเป็นที่มาของชื่อที่เรียกเครื่องยนต์เป็นแรงม้า
เปรียบเทียบความเร็ว ความแรงของเครื่องยนต์กับความไวของม้าที่ควบนั่นเอง




คนจีนโบราณจึงนิยมเขียนภาพม้า นำมาติดในบ้านเรือนตนเอง
เพื่อเสริมความกล้า ความขยันของคนในบ้าน ให้ ขยันทำมาหากิน
จะได้ไม่นำพามาซึ่งความอดอยาก ยากจนนั่นเอง

ทีนี้ม้า 1 ตัว ม้า 3 ตัว ม้า 5 ตัว ม้า 8 ตัว ก็มีความหมายที่แตกต่างกันไปอีก
เราก็มีดูกันว่ากำลังของม้าที่ต่างกัน จะมีความหมายแตกต่างกันไปอย่างไรบ้าง




ม้า 1 ตัว ก็เปรียบเสมือนผู้เก่งกล้า ข้ามาคนเดียว ลุยเดี่ยวคนเดียว ไม่ชอบยุ่งวุ่นวายกับผู้ใด
ทำมาหากินเลี้ยงปากท้องเดียว ขยันก็ขยันไป แต่จะถามหาความร่ำรวยนั้นยากซักหน่อย
เพราะไม่มีพวกพ้องช่วยส่งเสริม




ม้า 3 ตัว ก็เปรียบเสมือนเป็นครอบครัวเดียวกับ หรือทีมเวิร์ค ขยันขันแข็งช่วยเหลือกันเป็นทีม
ร่วมแรงร่วมใจ แข่งขันกันเองในที เมื่อนั้นความสำเร็จที่ใหญ่ขึ้นจึงบังเกิดกับตนเอง




ม้า 5 ตัว ก็เปรียบเสมือนฝูงม้าที่รวมกันเป็นทีมที่เหนียวแน่น มีผู้นำ มีจ่าฝูง มีลูกน้องบริวาร
ร่วมด้วยช่วยกัน เกื้อกูลกัน เพื่อความเจริญก้าวหน้า เหมาะสำหรับผู้ที่มีลูกน้องในบังคับบัญชา
ต้องร่วมงานใกล้ชิดกับลูกน้องของท่าน เพื่อความสำเร็จสมดังปรารถนา




ม้า 8 ตัว ก็เปรียบเสมือนกองทัพม้าของผู้กล้าที่บุกตะลุยในกองทัพ
ความเก่งกล้า ความฮึกเหิม พละกำลังมากมายล้นพ้น
จึงเป็นที่มาแห่งความสำเร็จ แบบรวดเร็ว ว่องไว ยิ่งใหญ่ กล้าหาญ

คนโบราณมักนิยมนำภาพม้า 8 ตัวมาติดไว้ในบ้าน ในกิจการ ร้านค้าของตน
เพราะต้องการความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ รวดเร็ว ว่องไว เสริมบารมี นั่นเอง




36
จักรพรรดินโปเลียนที่ 1 (Napoleon I)


นโปเลียน โบนาปาร์ต (นโปเลียนที่ 1)
นโปเลียน โบนาปาร์ต (Napoleon Bonaparte)
จักรพรรดินโปเลียนที่ 1 (Napoleon I)



จักรพรรดินโปเลียน


ภาพ นโปเลียนข้ามเทือกเขาแอลป์ วาดโดย ฌัก-หลุยส์ ดาวีด


นโปเลียนยกตัวเองขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งอิตาลี เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ค.ศ. 1805 ที่นครมิลาน


ภาพ พิธีราชาภิเษกของจักรพรรดินโปเลียนที่ 1 และจักรพรรดินีโฌเซฟีน ในมหาวิหารน็อทร์-ดามแห่งปารีส วาดโดย ฌัก-หลุยส์ ดาวีด
นโปเลียนยกตัวเองขึ้นเป็นจักรพรรดิ และสวมมงกุฎให้พระนางโฌเซฟีน เป็นจักรพรรดินี ในปี พ.ศ. 2347 วาดโดย ฌาคส์-ลุยส์ ดาวิด.


จักรพรรดินโปเลียนที่ 1บนพระราชอาสน์



37
ภาพของคุณ Kan Kankavee จากกล้อง Huawei P30 Pro


ช่างถ่ายภาพคนไทย ที่สร้างสรรค์ผลงานสวยๆ จนเป็นที่ยอมรับในโลกออนไลน์
ภาพชุดนี้ถ่ายด้วยกล้องมือถือ Huawei P30 Pro

เครดิตภาพจากคุณ Kan Kankavee จากกล้อง Huawei P30 Pro













จาก... https://www.lp-yaem.com/kankankavee-photos/




38
ภาพถ่ายที่สวยงามที่สุดจากการประกวด ” การท่องเที่ยว 2019 “


1. บนขอบ
โดย @kveikjan (ประเทศเยอรมนี) (ภาพ Corinna Jüptner / AGORA)




6. ชีวิตในป่า
เกาะ Siargao, ฟิลิปปินส์โดย @ leemumford8 (UK) (ภาพ Lee Mumford / AGORA)




16. เวียดนามวิว
เวียดนามโดย @marcovpaulsen (นอร์เวย์) (ภาพ Marco Vulinovic Paulsen / AGORA)




26. เลอแกรนด์เบลอ
มายอร์ก้า, สเปนโดย @unmecenpantoufle (ฝรั่งเศส) (Floren Peeren / AGORA Images)




28. ระเบียง
Kayah, Myanmar โดย @phyomoe (เมียนมาร์) (ภาพ Phyo Moe / AGORA)




29. ตอนเช้า
เวียดนามโดย @koykute (เวียดนาม) (ภาพ Nguyen Quang Thanh






39
ภาพประทับใจ...

สายลมฝน โชยพัด สะบัดพริ้ว
เป็นระริ้ว ระรอก ระโรยขาน
กางร่มโอบ คุ้มป้อง พ่อโดยพลัน
แม้ตัวฉัน เปียกชื้น สู้ยืนทน




image uploader






40
Yunxixi 云溪溪 เทพธิดาจีน





















10



















20



















30



















40





43




41
https://www.blockdit.com/articles/5e9829c557267b0b618476bf?series=5ecffc2d1cb6bc1725f08e6d

เด็กบ้านนอก
16 เม.ย. 2020 เวลา 16:47

เรื่องเล่าเด็กบ้านนอก : 3                                                                                                             
นักล่า : ประสบการณ์หลอนระยะประชิด

เงิน.. คือสิ่งที่น้อยคิดในหัวว่าจะหาได้จากที่ไหนบ้าง  เพราะเขาไม่เคยมีเงินไว้ซื้อขนมกินเหมือนเด็กคนอื่นๆ ที่เวลาไปดูทีวีที่ร้านของน้าพร ที่มีขนมหลายๆอย่างแขวนไว้ขายล่อตาล่อใจเด็กๆ   เขาเคยเก็บฝรั่งในสวนหน้าบ้านไปขายที่โรงเรียนให้เพื่อนๆ เก็บผัก รับจ้างถอนกล้าน้อยก็ทำมาแล้ว เพื่อจะได้มีเงินเพิ่มนอกเหนือจากค่าขนมไปโรงเรียนที่แม่ให้วันละห้าสิบสตางค์ แต่เงินที่ได้ยังไม่เยอะในความคิดของเขา จึงคิดจะออกหาน้ำผึ้งมาขาย  เพราะเขาเห็นว่าราคาดี เลยชวน ทูน กับ หลอด ออกล่าน้ำผึ้งด้วยกัน

ทูน กับ หลอด เป็นลูกของน้าสาวที่ย้ายมาอยู่ด้วยกันที่บ้านของน้อยในช่วงปีที่ผ่านมา ทูนอายุรุ่นราวคราวเดียวกับน้อย ส่วนหลอดเป็นน้องชายห่างกันสองปี ทั้งสามคนสนิทกันมาก

พอน้อยชักชวนออกหาน้ำผึ้งมาขาย ทูนกับหลอดก็ยินดี    ทูนเองก็มีความชำนาญและประสบการณ์ ในการตีผึ้งพอประมาณ ส่วนหลอดก็เป็นลูกมือคอยเตรียมอุปกรณ์ และหอบหิ้วรังผึ้งที่หามาได้

วันหนึ่งขณะที่ทั้งสามกำลังเดินสอดส่ายสายตาตามสุมทุมพุ่มไม้ตามสองข้างทางที่เดิน น้อยเอ่ยปากถามทูน

น้อย: ทูน ยังจำครั้งแรกที่เราตีผึ้งด้วยกันได้มั้ย
ทูน :ได้ซิ  มันน่ากลัวแล้วก็สนุกดี ทูนตอบแบบปนยิ้ม
ครั้งแรกที่ทั้งสามคนตีผึ้งด้วยกัน เหตุเพราะอยากกินมะม่วงที่สวนหน้าบ้าน แต่มีผึ้งทำรังขวางอยู่ จึงมีความคิดที่จะจัดการรังผึ้งก่อนแล้วค่อยสอยมะม่วง แต่ด้วยความที่เป็นมือใหม่และไม่มีประสบการณ์ เคยเห็นแต่ผู้ใหญ่ ใช้ควันจากยาเส้นเป่ารมควันผึ้งแล้วก็จัดการตัดคอนอย่างง่ายดาย

ด้วยความกลัวผึ้งต่อย และหายาเส้นไม่ได้ จึงคิดเอาไม้ไผ่ที่ยาวหน่อยมาผูกกับหญ้าแห้งที่ปลายไม้หวังจะรมควันผึ้งก่อนแล้วค่อยเข้าไปตัดเอา แต่ด้วยความที่ไม้ไผ่พอมันยาวแล้วมีน้ำหนักเลยควบคุมทิศทางไม่ได้ พอจุดไฟที่หญ้าแล้วแหย่ไม้ไปที่ใต้รัง กลับกระแทกไปโดนรังผึ้งอย่างจัง ทำให้ฝูงผึ้งแตกรังบินเป็นวงกว้าง ทำให้ทั้งสามคนที่กลัวอยู่แล้วเผ่นกันคนละทาง ซึ่งกว่าจะได้ผึ้งกับได้กินมะม่วง ก็ต้องแลกกับการโดนผึ้งต่อยไปหลายตัว

หลังจากที่เดินห่างจากบ้านมาพอประมาณจนถึงคลองน้ำที่แห้งคอด ก็มีต้นไม้พุ่มสลับกับกอไผ่ตามริมรั้วของชาวบ้าน น้อยก็เดินมองไปรอบๆ กอไผ่กอนึงที่ดูแล้วพอจะมีหวัง สักครู่เขาหยุดดูนิ่งๆพร้อมกับร้องบอกพรรคพวกให้มาดูแล้วชี้เป้าหมายที่ตัวเองเห็น

น้อย : ทูน หลอด เจอแล้วรังนึง   ทูนตามมาสมทบ
ทูน : ตาดีจัง รังใหญ่ด้วยซิ  ทูนเอ่ยปากชมเพื่อน
หลอด :  แต่รังนี้อยู่สูงเหมือนกันนะพี่  หลอดเสริม
น้อย : รังนี้น่าจะได้น้ำผึ้งเยอะนะ น่าจะเกือบแบน  น้อยคาดการณ์พร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก

ทั้งสามจัดเตรียมอุปกรณ์ โดยหลอดส่งกรรไกรหนีบหมากให้น้อย ทูนใช้มีดถาก ถาง กิ่งไผ่ น้อยใช้กรรไกรตัดแต่งทางขึ้น เพื่อจะได้โล่งสะดวก หลอดพันยาเส้นสามสี่มวน เผื่อไว้ เพราะเห็นผึ้งรังใหญ่

น้อยปีนขึ้นนำ ตามด้วยทูน หลอดตามมารอส่งมวนยาให้แล้วรออยู่ด้านล่าง หลังจากตัดแต่งกิ่ง หนาม จนทางโล่งสำหรับเอารังผึ้งออก น้อยเริ่มพ่นยาฉุนที่จุดเสร็จเป่าไปที่รัง มวนแรก มวนสอง ต่อด้วยมวนสาม ตัวเองก็เริ่มเมายาพอๆกับผึ้ง จึงเริ่มตัดคอน ตรงปลายกิ่งไผ่ที่ผึ้งทำรัง แล้วตัดตรงโคนกิ่ง เป็นเสร็จเตรียมพร้อมที่จะดึงรังผึ้งส่งให้ทูนที่รอรับอยู่

ทันใดนั้น   ขณะที่กำลังดึงรังผึ้งส่งให้ทูน  สายตากลับเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างขยับตัวในระยะไม่เกินสองฟุต ตัวมันโตเท่าแขน ลวดลายระยับเต็มตัว พลิกตัวมาจากต้นไผ่ที่อยู่ด้านหน้าของน้อย   เห้ยยย...น้อย ร้องเสียงหลง ด้วยความตกใจ  เขาทิ้งทุกอย่าง ทั้งรังผึ้งที่เตรียมส่งให้ทูน กรรไกรหนีบหมากของแม่ ล่วงหล่นลงกลางกอไผ่ ส่วนตัวน้อยเอง ถอยหลังลงจากกอไผ่ด้วยความเร็วสุด ไม่ได้สนใจว่าจะมีหนามไผ่ เกี่ยว หู ตา เป็นแผลรึเปล่า ผึ้งพอหลุดจากมือก็ตกลงไป ผึ้งก็แตกรังบินว่อนเต็มกอไผ่

ทูน ที่อยู่ถัดมาด้านล่าง พลอยตกใจไปกับเพื่อนด้วย แถมยังโดนน้อยลงกอไผ่แซงหน้าไปอีก ตัวเองก็เลยรีบตามลงไป พอถึงพื้น น้อยไม่ได้พูดอะไร เอาแต่วิ่ง วิ่ง จนมารู้ตัวอีกที ก็มาถึงบ้าน  ทูน กับ หลอดก็ตามมาติด ติด

ทูน : เป็นอะไร  ทูนเอ่ยถาม หลังจากมองหน้าเพื่อนที่ดูซีดขาว
ตตต.. ตุ๊ก..ตุ๊กแก  ตุ๊กแก แม่งตัวใหญ่ชิบหาย มัน มัน มองหน้ากูด้วย  น้อยตอบแบบละล่ำละลัก ด้วยความกลัว และภาพก็ยังติดตาอยู่
ตุ๊กแก! ทูนย้ำเสียงสูง

รอจนความรู้สึกตกใจ และหวาดกลัวสงบลง ทูนจึงเอ่ยปากถาม

ทูน : แล้วจะเอายังงัยต่อ กับของของเรา
น้อย : ทูน กับหลอดไปเอา ก็แล้วกันนะ กูไม่ไปแล้ว  กูกลัวววว

สุดท้ายทูนกับ หลอดไปตามเก็บเอารังผึ้งมาจนได้ โดยที่น้ำผึ้งยังอยู่ในสภาพดี แต่รังเสียหายจากการหล่นลงมา แต่มาติดที่กิ่งไผ่ด้านล่าง ส่วนกรรไกรก็ตกค้างอยู่ที่บริเวณใกล้เคียงกัน

** ใครเคยเจออะไรที่ตัวเองกลัวแบบระยะประชิดโดยไม่ทันระวังตัวบ้างครับ ลองเอามาแชร์ให้ฟังหน่อยครับ ว่ารู้สึกยังงัยบ้าง**
#เด็กบ้านนอก

...............................
ความคิดเห็น

MENUZAPZAP อาหาร
อ่านแล้วนึกถึงตัวเองเลยค่ะ
16 เม.ย. 2020 เวลา 21:50


เด็กบ้านนอก
ขอบคุณครับที่แวะเข้ามาอ่าน ยังมีอีกหลายตอน ฝากติดตามด้วยครับ
16 เม.ย. 2020 เวลา 22:16


สิ่งที่ค้นพบ
อ่านเพลินครับ ติดตามครับ
16 เม.ย. 2020 เวลา 21:22


เด็กบ้านนอก
ขอบคุณมากครับ ยังมีเรื่องราวสนุกๆอีกหลายตอนเลย ฝากติดตามด้วยครับ
16 เม.ย. 2020 เวลา 22:17


บ้านสุขโบราณ

42
https://www.blockdit.com/articles/5e967d0b574b3e0cc30ddc07?series=5ecffc2d1cb6bc1725f08e6d

เด็กบ้านนอก

15 เม.ย. 2020 เวลา 10:18

เรื่องเล่าเด็กบ้านนอก : 2                                                                                                           
ตีผึ้ง : นักรบย่อมมีบาดแผล

น้อย.. หน้าไปโดนอะไรมาวะ เสียงเพื่อนนักเรียนด้วยกันส่งเสียงถามมาพร้อมกับเสียงหัวเราะ   
โดนผึ้งต่อย คือคำตอบของน้อย ที่ตอบไปอายเพื่อนไป เพราะบนใบหน้าของเขานั้นบวม  ตาเกือบปิดไปหนึ่งข้าง เพราะพิษของเหล็กในผึ้ง ที่น่าจะโดนต่อยมาหลายตัว

ก่อนไปโรงเรียนตอนเช้าวันนี้  น้อยได้ออกไปตีผึ้งที่ได้หมายตาเอาไว้ที่กอไผ่ของบ้านที่อยู่ติดกัน  โดยมีเจ้าของพื้นที่ ที่เป็นบุคคลที่น้อยให้ความเคารพมากคนหนึ่ง แกอายุมากมากกว่าน้อยหลายปี   

พี่สิฐครับ  ผมมาแล้ว  น้อยเรียกแกหลังจากที่เดินมาถึงจุดนัดพบ ที่บริเวณกอไผ่เป้าหมายพร้อมอุปกรณ์ในการตีผึ้งในมือ

ยาเส้น กับใบตองสำหรับมวนยา ที่ได้ขอพ่อไว้ พร้อมกับกรรไกร หนีบหมากที่ยืมแม่มา คืออุปกรณ์ในการตีผึ้งที่ต้องมีติดตัว ส่วนพี่สิฐก็มีมีดเหน็บ ที่พกติดตัวมาด้วยเป็นอุปกรณ์อีกอย่างที่ขาดไม่ได้เช่นกัน

พี่สิฐเริ่มตัด กิ่งไผ่ ถางหนามไผ่ที่ขวางทางเพื่อเปิดทางให้สะดวกในการปีนขึ้นไปเอารังผึ้ง เป้าหมายของน้อยนั้นอยู่สูงเกือบห้าเมตร

พอเคลียร์ทางขึ้นจนเป็นที่พอใจแล้ว น้อยก็เริ่มมวนยาเส้นที่เตรียมมา ได้สามมวน ก็ปีนขึ้นไปพร้อมกับพี่สิฐ จุดไฟต่อยาเส้น พ่นควันเป่าไปที่รังผึ้งอย่างชำนาญ

โอ้ย! เสียงร้องของน้อยที่อุทานออกมา
พี่สิฐ ร้องถาม: เห้ยเป็นไร โดนผึ้งต่อยเหรอ     
ใช่ครับพี่ น่าจะหลายตัว น้อยตอบ รังนี้มันดุจริงๆเลย 
พี่สิฐ: สงสัยรังมันขวางตะวันรึปล่าววะมันถึงดุขนาดนี้  รีบๆเป่าเลย จะได้เอามันลงไปเดี๋ยวเสร็จส่งให้พี่นะ

ด้วยความที่ผึ้งทำรังบนกอไผ่ ช่องทางการจะเอารังผึ้งออกมานั้นทำได้ค่อนข้างยาก เพราะธรรมชาติของผึ้งจะทำรัง ให้พ้นสายตาคน และ ไม่ให้ใครรบกวนอยู่แล้ว

น้อยเป่ายาเส้นหมดไปสองมวน ต่อด้วยมวนที่สาม จึงใช้กรรไกรตัดคอนหัวท้าย ดึงรังผึ้งออกมา

โอ้ย! เสียงร้องของน้อย พร้อมกันการถอยตัวลงจากกอไผ่ด้วยความเร็ว ในมือข้างนึงยังถือรังผึ้งติดมาด้วย

พี่สิฐครับ รับด้วย น้อยส่งเสียงเรียก พร้อมยื่นรังผึ้งให้พี่สิฐที่รอรับอยู่แล้ว

หลังจากลงมาจากกอไผ่ด้วยความรวดเร็วพร้อมกับตัวผึ้งที่บินวนตามมาด้วยอีกหลายตัว  น้อยรีบถอดเสื้อออก เอามาปัดตัวผึ้งที่ยังตามมาเอาเรื่องเขาในฐานะที่มาบุกรุก

หลังจากเสร็จสิ้นภาระกิจในการตีผึ้ง  พี่สิฐซึ่งยืนมองน้องด้วยความสงสารปนขำ เลยบอกให้กลับไปอาบน้ำเตรียมตัวไปโรงเรียนแล้วรีบหายาหม่องมาทาด่วนเลยเพราะดูแล้ว   น้อย...น่าจะโดนไม่ใช่น้อย



#ความเชื่อของคนบ้านนอกว่าถ้าผึ้งทำรังในทิศทางขวางทาง พระอาทิตย์ จะทำให้ผึ้งรังนั้นดุร้ายกว่าปกติ
#มีดเหน็บ คือมีดขนาดกลาง ปลายแหลม กลางป่อง โคนแคบ มีด้ามเป็นไม้ สำหรับพกพาติดตัวเมื่อออกนอกบ้าน ของคน ตจว. มีฝักทำด้วยหนังหรือไม้
#กรรไกรหนีบหมาก ใช้สำหรับคนที่กินหมาก ปัจจุบันมีน้อยมาก เพราะคนกินหมากน้อยลง
#น้ำผึ้งเดือนห้า คือน้ำผึ้งธรรมชาติที่หาได้ยาก เลยมีราคาสูง ในช่วงปี พ.ศ.2525-2530  น้ำผึ้งใส่ขวดแบน มีราคาประมาณ 80 บาท ขวดกลม ประมาณ 150 บาท (ก๋วยเตี๋ยวชามละสามบาท)ทำให้คนออกหาตีผึ้งเอาน้ำผึ้งมาขายเป็นการหารายได้เพิ่ม

*ฝากกดไลค กดแชร์ และติดตามผลงานต่อไปด้วยนะครับ
#เด็กบ้านนอก

....................
โพสต์ที่เกี่ยวข้อง
ความคิดเห็น

No.1 lifestyle blog that explore new trend and history
11 มิ.ย. 2019 เวลา 18:02

ไลฟ์สไตล์
นักล่าน้ำผึ้ง คนสุดท้าย เมาลิ ธัน ห้อยต่องแต่งอยู่กลางเวหาสูง 90 เมตรบนบันไดเชือกไม้ไผ่ พลางสำรวจผาหินแกรนิตช่วงที่เขาต้องปีนเพื่อไปยังจุดหมาย นั่นคือรังผึ้งหลวงหิมาลัยใต้หินแกรนิตที่ยื่นออกมา ผึ้งเหล่านี้คอยเฝ้ารักษาน้ำผึ้งเมา (mad honey) ซึ่งมีคุณสมบัติเหมือนสารก่อประสาทหลอน และขายในตลาดมืดเอเชียได้ราคากิโลกรัมละ 30 ถึง 40 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราวหกเท่าของราคาน้ำผึ้งทั่วไปที่ขายในท้องตลาดเนปาล...

https://www.blockdit.com/faster
https://www.blockdit.com/articles/5cff6018b8c2bd100e9809a7


Innowayถีบ
20 ต.ค. 2020 เวลา 22:04

วงจรเศรษฐกิจของน้ำผึ้ง...คุณคิดว่าใหญ่ขนาดไหน? 100 ล้านบาทเหรอ? เป็นคำตอบที่ ....... ยังไม่ถูกครับ....คุณเดาขาดไปเยอะมาก ... ที่จริงแล้วอุตสาหกรรมน้ำผึ้งทั่วโลกสร้างรายได้กว่า 20,000 ล้านบาท โดยยังไม่รวมผลิตภัณฑ์อื่นๆอย่าง ขี้ผึ้งและอื่นๆ เห็นได้ว่าอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าแบบนี้ จึงมีนักประดิษฐ์มากมายที่พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อช่วยให้ดูแลให้การผลิตน้ำผึ้งของผึ้งทั้งหลายมีประสิทธิภาพสูงสุด ว่าแต่อุตสาหกรรมของผึ้งน่าสนใจแค่ไหนตามไปดูกัน


ยัยหนู ขอเล่า(Let me tell you)
ติดตามจ้า
เราก็เป็นเด็กบ้านนอกเหมือนกัน

43
https://www.blockdit.com/articles/5e94ad5acda2a00cbf224bc4?series=5ecffc2d1cb6bc1725f08e6d

เรื่องเล่าเด็กบ้านนอก

เด็กบ้านนอก
14 เม.ย. 2020 เวลา 01:20

เรื่องเล่าเด็กบ้านนอก :1                                                                                                                       
วิถีชีวิต : เด็กเลี้ยงควาย                                                                                                         

พ่อ:น้อยยย...ตื่นยังง   เสียงพ่อเรียกแต่เช้าเลย 

วันนี้วันเสาร์ คิดว่าจะได้นอนตื่นสายๆซักหน่อย  ล้างหน้าล้างตาเตรียมตัวกินข้าว  เตรียมปล่อยควายไปเลี้ยง         

วิถีชีวิตเด็กบ้านนอกสมัยนั้นช่วงปี 2525 น้อย อายุ 9 ปี วันนี้ตั้งใจเอาควายไปเลี้ยงที่ไหน ในหัวยังไม่ได้คิด คิดแต่เรื่องว่าจะเอาอะไรไปเล่นกับเพื่อนๆที่เลี้ยงควายด้วยกัน แม่เตรียมข้าวสวยร้อนๆห่อกับใบตองพร้อมกับเครื่องเคียงอย่างปลาร้าบอง ถือว่าพร้อมแล้ว กับข้าวอย่างอื่นไปหาเอาข้างหน้า

ใส่ผ้าขาวม้าคาดเอวเสร็จ ปล่อยควายออกจากคอก จุดหมายวันนี้คงเป็นที่เดิมๆ       

ออกมาก็เจอพรรคพวกที่ ต้อนควายออกมาจากบ้านพร้อมๆกัน   หม่าว เพื่อนข้างบ้าน มันเจอหน้ามันชิงถามก่อนเลย ว่าวันนี้เอาอะไรไปเล่นบ้าง
 ไพ่... คือคำตอบของน้อย 
เอามาจากไหน... หม่าวรีบถาม น้อยรีบชูกระดาษแข็งที่ได้มาจากร้านค้า สองแผ่น 

หม่าว :ไหนไพ่ของมึง กูเห็นแต่กระดาษแข็ง
น้อยหัวเราะแล้วบอกหม่าวว่า เด๋วกูจะทำไพ่จากกระดาษนี่แหละ ตอนเราว่าง จะได้นั่งทำด้วยกัน                                                                                                                             
เวลาว่างของเราคือช่วงที่ควายได้กินหญ้า อย่างสบายใจของมัน ค่อยๆและเล็มไปเรื่อยๆ อยู่ในสายตาของเรา พวกเราที่เป็นกลุ่มเด็กๆก็จะมานั่งรวมกลุ่มหาอะไรทำ ซึ่งน้อยก็ชอบหาอะไรมาให้เพื่อนๆเล่นกันตลอด เป็นกิจกรรมช่วงว่าง หรือไม่ก็จะชวนเพื่อนๆจับปลา ยิงนก เอามาทำเป็นกับข้าว

หลังกินข้าวเสร็จก็ถึงเวลาทำไพ่จากกระดาษแข็งที่ได้มาจากร้านค้า เป็นกระดาษสำหรับแม่ค้าเอาไว้ติดขนมถุง หลายๆอย่างแขวนไว้ขาย ให้กับเด็กๆ พอขายหมดเหลือแต่กระดาษ ก็จะทิ้ง ไม่ได้เอาไปใช้ใหม่  หลังจากตัดกระดาษเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าเสร็จ น้อยก็ลงมือวาดรูป เป็นเลข ต่างๆ ตามแบบที่ควรจะเป็นไพ่ หรือเหมือนที่สุดที่เพื่อนๆจะดูออกว่าใบไหนเป็นไพ่อะไร   ตาก็ต้องคอยเหลือบมองฝูงควายที่ปล่อยให้กินหญ้าด้วย ไม่งั้นเดี๋ยวตัวแม่ ตัวลูกหลงกลุ่ม ได้ตามหากันยาวเลย ทุกวันที่ต้องออกมาเลี้ยงควาย เสาร์-อาทิตย์ ถือเป็นกิจกรรมหลักของเด็กๆอย่างพวกเรา
จากเช้าจนเย็น ถึงเวลาต้องต้อนควายกลับเข้าบ้านเป็นเสร็จภาระกิจของวัน    อาบน้ำ  กินข้าว หลังกินข้าว พ่อก็จะมานั่งสูบยาฉุน ส่วนแม่ก็จะมานั่งกินหมาก เปิดวิทยุฟังละคร       

เวลาหลังกินข้าวนี่ถือว่าเป็นเวลาบันเทิงของบ้านนอกเลยละ ได้นั่งพักพร้อมหน้าพร้อมตากันฟังละคร  ช่วงเวลาหลังกินข้าวก็จะมืดหน่อย ต้องจุดตะเกียง นั่งฟังละครกับแม่ ซึ่งละครส่วนใหญ่ก็จะเป็นละครผี ซะด้วย   พอนานหน่อย แม่เห็นหาวนอนก็จะไล่ให้ไปนอนก่อน แต่ใครจะไปกล้าละ ฟังละครผีแล้วให้ไปนอนคนเดียวมืดๆแบบนี้  ต้องรอแม่เข้าไปนอนด้วยเท่านั้น...

*ฝากกดไลค์ กดแชร์และติดตามผลงานด้วยนะครับ
#เด็กบ้านนอก



......................................
โพสต์ที่เกี่ยวข้อง
ความคิดเห็น

.....คนเดินดิน.....
21 มี.ค. 2019 เวลา 19:29

มาเลี้ยงควายกันต่อค่ะ สิ่งที่ต้องเตรียมไปด้วยมีดังนี้ ย่ามหนึ่งอัน สิ่งที่ใส่ลงไปในย่าม คือ -ห่อข้าวใว้กินตอนเที่ยง -มีดเล็มเล็ก หนึ่งเล็ม -เชือกสำหรับผูกควาย หนึ่งเส้น -น้ำ หนึ่งขวด สมัยก่อนคือเอาขวดน้ำปลาล้างไห้สอาดแล้วเอาน้ำใส่เข้าไปค่ะ . . พอปล่อยควายออกจากคอกตอนเช้า ควายเขาก็รู้หน้าที่ ว่าเขาจะต้องเดินไปทางไหน ไม่ต้องใล่ไห้ยากค่ะ . . เพื่อนๆที่ไปด้วยกันในกลุ่มมี 5 คน ควายของกลุ่มเราจะเข้ากันได้แล้ว จะไม่ชนกันแล้วค่ะ มีทั้งควายตัวผู้ตัวแม่ ควายหนุ่มควายสาว ลูกควายพึ่งคลอด มีทุกขนาด . . พอไปถึงที่เลี้ยง ควายก็จะกินหญ้าไปเรือยๆ ควายขี้ร้อนค่ะ ถ้าอากาศร้อน ควายจะชอบลงไปนอนในน้ำสักพัก ถ้าไม่มีน้ำเขาจะลงไปนอนขี้โคน แล้วกลิ้งตัวไปมา . . เพื่อเอาโคนตม โปะตัวเขาใว้เพื่อที่จะไม่ร้อนมากเท่าไหร่ พอถึงเที่ยง ควายก็จะเดินไปไห้ถึงแหล่งน้ำไห้ทัน . . เพราะถึงตอนเที่ยงนั้นเขาหิวน้ำอย่างมากแล้ว ควายบางตัวไม่กินหญ้าเลย รีบเดินไห้ถึงน้ำโดยเร็ว เพราะ อยากดื่มน้ำสุดจะทนแล้ว . . พอไปถึงแหล่งน้ำควายทุกตัวจะดื่มน้ำก่อน พอดื่มเสร็จเขาจะลงไปแชร์น้ำ นานพอสมควร ถึงจะขึ้นจากน้ำ . .


ตกหลุมรัก
14 พ.ค. 2020 เวลา 17:33

แก๊งเด็กเลี้ยงควาย (ค-ว-ย) ย้อนไปวัยเด็กเมื่อประมาณ 22-25 ปีที่แล้ว ฉันมีหน้าที่ที่สำคัญอย่างหนึ่งเมื่อเวลาโรงเรียนปิดเทอม ก็คือ การเป็นเด็กเลี้ยงควาย


ประสาร พวงพันธ์บุตร
ขอแชร์ครับ ขอบคุณ
4 นาทีที่แล้ว

ประสาร พวงพันธ์บุตร
อ่านเรื่องเล่าแล้วประทับใจ คิดถึงความหลังในอดีตของเด็กบ้านนอกคนหนึ่งครับ
4 นาทีที่แล้ว


ฟางหอม
ติดตามอ่านค่ะ
9 มิ.ย. 2020 เวลา 15:53

ฟางหอม
ยินดีค่ะ
9 มิ.ย. 2020 เวลา 18:48


ลมโชย
ขอติดตามด้วยใจระทึกครับ
23 พ.ค. 2020 เวลา 00:18


เด็กบ้านนอก
ขอบคุณมากครับที่แวะมาทักทายกัน ฝากติดตามผลงานด้วยนะครับ
23 พ.ค. 2020 เวลา 00:20


สามล้อ^^_^^
ทำให้นึกถึงวิถีชีวิตชนบทกับความสุขใสๆเฮฮาตามประสาท่ามกลางหมู่เพื่อนและญาติพี่น้อง…
ขอบคุณและขอติดตามกันนะครับ
16 พ.ค. 2020 เวลา 12:16


เด็กบ้านนอก
ขอบคุณมาก และฝากผลงานด้วยนะครับ
16 พ.ค. 2020 เวลา 22:00


ลูกชาวนา
เป็นเรื่องราวที่น่ารักมากๆค่ะ

แวะมาติดตามให้กำลังใจนะคะ

44
แอน สิเรียม ann sirium  (40 ยังแจ๋ว)





















10



















20



















30



















40



















50



















60



45
เดวิด ‘จู๋’ รอยตำหนิ และความลับของมีเกลันเจโล






คนเกือบทั้งโลกรู้จัก ‘เดวิด’
 
เดวิดเป็นรูปปั้นหินอ่อนที่แกะสลักโดย มีเกลันเจโล (Michelangelo) ศิลปินระดับมาสเตอร์คนหนึ่งซึ่งอยู่ในยุคเดียวกับ เลโอนาร์โด ดา วินชี (Leonardo da Vinci)


                                                                                มีเกลันเจโล

ทุกๆ ปี คนกว่า 1.2 ล้านคนจะแวะเวียนมาที่หอศิลป์ Galleria dell’Accademia ในเมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี เพื่อมาเยี่ยมชมเดวิด


แก้วกาแฟ หรือ Caffe ในภาษาอิตาลี ซื้อจากคาเฟ่ที่อยู่ใกล้หอศิลป์ Galleria dell’Accademia (Photo: Vachi)

ตามบันทึกระบุว่า เดวิดยืนอยู่ตรงนี้มา 145 ปีแล้ว หรือตั้งแต่ปี 1873

มีเรื่องเล่าว่า ผู้ว่าจ้างตั้งใจจะให้เดวิดอยู่บนหลังคาโบสถ์แห่งเมืองฟลอเรนซ์ แต่เดวิดมีขนาดและน้ำหนักมากเกินไป จึงเปลี่ยนมาวางที่จตุรัส Piazza della Signoria ก่อนจะย้ายมาอยู่ในหอศิลป์แห่งนี้


อาสนวิหารฟลอเรนซ์ หรือ Florence Cathedral (Photo: Vachi)

ช่วงปลายฤดูหนาว มีนาคม ปี 2018 ผมมีโอกาสไปเยี่ยมเดวิด เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวหลายคนที่เดินทางมาจากทั่วโลก

ระหว่างที่หยุดนั่งพัก ผมสังเกตเห็นหลายคนชี้ชวนกันดู ‘จู๋’ ของเดวิด พวกเขาพูดถึงมันอย่างไร ผมไม่รู้ แต่จากการค้นหาข้อมูลจากหนังสือและโลกออนไลน์

นอกจาก ‘จู๋’ เดวิดยังมีเรื่องราวอื่นๆ อีกที่น่าสนใจ


นักท่องเที่ยวกำลังเงยหน้าชมรูปปั้น ‘เดวิด’ (Photo: Vachi)


หินอ่อนที่ถูกทิ้งร้างนาน 26 ปี

ราวปี 1464 หินอ่อนก้อนยักษ์ถูกขนมาจากเมือง Carrara เพื่อใช้สลักรูปปั้น ‘เดวิด’

Agostino di Duccio ศิลปินผู้รับงานนี้ สลักขึ้นโครงช่วงขาและเท้า แต่งานก็ต้องหยุดชะงักและถูกยกเลิกในที่สุด เมื่อโตนาเตลโล (Donatello) ประติมากรชื่อดัง ซึ่งเป็นผู้ดูแลโปรเจคนี้เสียชีวิต


                                                    โตนาเตลโล

ต่อมาศิลปินชื่อ Antonio Rossellino มารับช่วงต่อ แต่ไม่นานก็ถูกยกเลิกสัญญาจ้าง หินอ่อนก้อนยักษ์จึงถูกทิ้งให้อยู่ในสภาพไม่เป็นรูปเป็นร่างนานถึง 26 ปี

กระทั่งเริ่มมีการเสาะหาศิลปินที่จะมาสานต่องานนี้ให้ลุล่วง โดยมีเงื่อนไขอย่างเดียวคือ ผู้จะทำงานนี้ต้องเป็นยอดฝีมือเท่านั้น

‘มีเกลันเจโล’ ศิลปินหนุ่มวัย 26 ปี ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นผู้แกะสลักหินอ่อน Pieta หรือรูปปั้นพระแม่มารีกำลังประคองร่างพระเยซูที่เพิ่งอัญเชิญลงจากกางเขน คือชื่อที่ถูกพูดถึง


ปีเอตะ ประติมากรรมที่เป็นรูปพระแม่มารีย์ประคองร่างพระเยซูที่เพิ่งอัญเชิญลงจากกางเขน Pietà ในภาษาอิตาลี แปลว่า ความสงสาร (photo: commons.wikimedia.org)

ความลับของมีเกลันเจโล

มีเกลันเจโลใช้เวลาราว 4 ปี (ปี 1501-1504) แกะสลักหินอ่อนก้อนยักษ์ที่ดูแข็งทื่อ ไร้ชีวิต กลายเป็นรูปปั้นที่เสมือนมีลมหายใจ
มัดกล้ามเนื้อ เส้นเลือดปูนโปน สรีระอันสมบูรณ์แบบ ทำให้คนที่เห็นอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงกับความงามของเดวิด


(Photo: Vachi)

นอกเหนือจากพรสวรรค์ที่พระเจ้าให้มา อะไรคือวิธีคิดที่อยู่เบื้องหลังการสร้างงานของมีเกลันเจโล

ครั้งหนึ่งมีเกลันเจโลกล่าวในทำนองว่า แท้จริงแล้ว เขาเห็นผลงานก่อนที่จะเริ่มทำงาน ส่วนหน้าที่ของเขาคือทำให้ผลงานปรากฎขึ้นมาเท่านั้น

“ฉันเห็นทูตสวรรค์ในหินอ่อนและแกะสลักไว้แล้ว ฉันแค่ปลดปล่อยเขาให้เป็นอิสระ”

สายตาที่พิเศษของศิลปิน อาจเป็นความลับในการสร้างงานของมีเกลันเจโล


เสน่ห์จากสัดส่วนที่ผิดเพี้ยน?

เสน่ห์ของเดวิด นอกจากความงาม คือการตีความและข้อถกเถียง ตั้งแต่ท่าทางของเดวิดว่า เขากำลังยืนทำอะไร จนถึงเรื่องของสัดส่วน เช่น ศีรษะและมือขวาที่ดูใหญ่ไม่สมส่วน


(Photo: Vachi)

ข้อสังเกตบางประการระบุว่า เดวิดกำลังยืนประจันหน้ากับชายร่างยักษ์นาม ‘โกไลแอธ’ (Goliath) ส่วนสีหน้า แววตา และมัดกล้ามที่ดูเขม็งเกรียว แสดงถึงความตึงเครียดที่เกิดขึ้นก่อนการต่อสู้

บางย่อหน้าจากหนังสือ ศาสนา: ประวัติศาสตร์ศรัทธาแห่งมวลมนุษย์ (A Little History of Religion ผู้เขียน Richard Holloway ผู้แปล สุนันทา วรรณสินธ์

เบล, สำนักพิมพ์ openworlds) เล่าเรื่องราวการสู้รบของชาวอิสราเอลในดินแดนคานาอันกับชนเผ่าพื้นเมือง มีตอนหนึ่งพูดถึงเดวิดว่า

วันหนึ่งขณะที่สองกองทัพเรียงแถวเข้าปะทะกัน โกไลแอธก้าวออกมาข้างหน้าเพื่อท้าประลองเดี่ยวกับใครก็ตามในกองทัพของซาอูล ไม่มีใครจากฝ่ายอิสราเอลเสนอตัว จนกระทั่งเด็กเลี้ยงแกะคนหนึ่งก้าวออกมารับคำท้า แต่เขากลับถูกเยาะเย้ย เด็กหนุ่มอย่างเขาจะสู้นักฆ่ามือฉมังอย่างโกไลแอธได้อย่างไร

“ก็ทำแบบเดียวกับที่ข้าปกป้องฝูงแกะของบิดาจากเหล่าหมาป่าไงเล่า” เด็กหนุ่มตอบ

เด็กหนุ่มเลี้ยงแกะคนนั้นคือ เดวิด จากนั้นเขาใช้ ‘บ่วงเชือก’ เหวี่ยงก้อนหินกระแทกขมับโกไลแอธจนล้มลง ก่อนจะใช้ดาบของโกไลแอธตัดหัวของเขา

เหตุการณ์นั้นได้สร้างเดวิดให้กลายเป็นวีรบุรุษคนใหม่ของชาวอิสราเอล และกลายเป็นกษัตริย์ในเวลาต่อมา


(Photo: Vachi)

ขณะที่สัดส่วนอันไม่สมส่วน มีข้อสันนิษฐานต่างๆ กัน เช่น มือขวาที่ใหญ่เกินไป บ้างระบุว่า ในยุคนั้นเชื่อกันว่า คนที่มีมือใหญ่คือลักษณะที่แสดงถึงความแข็งแรง

บ้างก็มองว่า ศีรษะและมือขวาที่ใหญ่กว่าปกติมาจากการออกแบบ โดยคิดจากมุมที่คนมองรูปปั้นจากด้านล่าง (ตอนแรกจะติดตั้งเดวิดไว้บนหลังคาโบสถ์ ก่อนจะมีการเปลี่ยนแปลงในภายหลัง)

หรือสัดส่วนโดยรวมที่ดูเรียวบางผิดปกติเมื่อเทียบกับความสูง น่าจะเป็นเพราะรูปร่างหินอ่อนที่ถูกขึ้นแบบไว้ก่อนที่มีเกลันเจโลจะเข้ามารับงาน

ข้อสังเกตข้างต้นไม่ใช่ข้อสรุป เป็นเพียงข้อสันนิษฐาน ซึ่งทำให้เดวิดเป็นรูปปั้นที่มีเสน่ห์มากกว่าแค่ความงดงาม


จู๋ของเดวิด

‘จู๋’ คือ สิ่งที่คนไปดูเดวิดจ้องมองกันมากเป็นพิเศษ

หลายคนให้ความเห็นว่า มันดูเล็กเกินไป

บางคนพูดติดตลกว่า คงเพราะอากาศหนาว ‘ขนาด’ จึงเล็กและหดสั้น

คนที่พอจะรู้เรื่องราวของเดวิดก็บอกว่า คงเป็นเพราะกลัวโกไลแอธจน ‘หด’


(Photo: Vachi)

ข้อสงสัยเกี่ยวกับ ‘ขนาด’ ของเดวิดไม่ใช่สิ่งที่เพิ่งถูกสงสัย เพราะก่อนหน้านี้เคยมีคนตั้งกระทู้ถามเกี่ยวกับขนาดองคชาตของรูปปั้นโบราณในเว็บไซต์เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ศิลปะชื่อ www.howtotalkaboutarthistory.com ว่า ทำไมรูปปั้นสมัยก่อนถึงมีองคชาตเล็ก?

เว็บไซต์ดังกล่าวให้คำตอบว่า ถ้า ‘รูปปั้นสมัยก่อน’ หมายถึง รูปปั้นกรีกโรมันโบราณซึ่งมีอิทธิพลต่อรูปปั้นในทวีปยุโรป มีเหตุผล 2 ข้อที่ทำให้รูปปั้นเหล่านั้นมีองคชาตเล็ก

ข้อแรก องคชาตที่เห็นน่าจะอยู่ในภาวะที่ไม่แข็งตัว ซึ่งย่อมเล็กกว่าขนาดที่ควรจะเป็นในชีวิตจริง

ข้อสอง ค่านิยมทางวัฒนธรรม ในยุคกรีก ผู้ชายที่ดีในสมัยนั้นต้องฉลาด มีหลักการ และมีความเป็นผู้นำ การมีอวัยวะเพศที่ใหญ่และยาวเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงความโง่เขลา ตัณหา และความอัปลักษณ์

เมื่อคิดตามเหตุผลข้างต้น จู๋ของเดวิดที่ดูเล็ก จึงอาจเป็นสิ่งแทนภาพอุดมคติความเป็นชายในยุคสมัยนั้น


รอยตำหนิบนรูปปั้น

เดวิดมีรอยตำหนิที่คล้ายรอยแผลเป็นบริเวณ ‘นิ้วเท้าข้างซ้าย’ ผู้เข้าชมจะสามารถเห็นได้ในระดับสายตา


(Photo: Vachi)

หลายคนสงสัยว่า รอยแผลนั้นเกิดจากอะไร?

หนังสือพิมพ์ The New York Times ฉบับวันที่ 15 กันยายน ปี 1991 ระบุถึงที่มาของรอยแผลนี้ว่า ชายตกงานผู้วิกลจริตชาวอิตาเลียนชื่อ Piero Cannata เป็นคนทำ เขาคว้าค้อนที่ซ่อนไว้ใต้แจ็กเก็ต แล้วเดินดุ่มเข้าไปทุบที่นิ้วเท้าซ้ายของเดวิด

หลังโดนจับกุม Piero Cannata ให้การว่า มีคนสั่งให้เขาทำ ซึ่งคนๆ นั้นคือศิลปินชาวเวนิสในศตวรรษที่ 16!


ข่าวเดวิดถูกทำร้าย ผู้ชายในภาพคือ Piero Cantana (photo: pratosfera.com)


ผลงานที่ยิ่งใหญ่กับความรักของศิลปิน

ทำไม เดวิด ถึงกลายเป็นผลงานที่ยิ่งใหญ่?

พรสวรรค์คงใช่ แต่มากกว่านั้น มีเกลันเจโลสร้างงานศิลปะด้วยหัวใจ

ตั้งแต่เริ่มต้นทำงานศิลปะตั้งแต่อายุ 14 ปี มีเกลันเจโลก็ไม่เคยลาออกจากอาชีพศิลปินอีกเลย จนกระทั่งลมหายใจสุดท้ายของชีวิต

‘Rondanini Pieta’ หรือรูปปั้นพระแม่มารีโอบอุ้มร่างของพระเยซู คือ หลักฐานของความรักที่มีเกลันเจโลมีให้กับงานศิลปะ


รูปปั้น Rondanini Pieta (photo: italianways.com)

รูปปั้นนี้คือผลงานชิ้นสุดท้ายที่ยังไม่เสร็จสิ้น มีเกลันเจโลเริ่มแกะสลักตั้งแต่ปี 1552 จนกระทั่งถึงวันสุดท้ายของชีวิตในปี 1564

6 วันก่อนสิ้นลม เขาใช้เวลาทั้งวันหมกตัวแกะสลักรูปปั้นไม่ไปไหน

แม้จะเป็นศิลปินที่มีทรัพย์สินมากมาย แต่มีเกลันเจโลกลับใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายสมถะ ไม่แยแสการกินดื่ม ไม่ค่อยคบค้าสมาคมกับใคร และมักทำงานจนลืมเวลาจนนอนหลับคาชุดทำงานบ่อยๆ

เขาเป็นชายโสด ไม่แต่งงาน เพราะสำหรับเขา งานศิลปะคือภรรยา และภรรยาคนนี้ก็ทำให้เขาเหนื่อยมากพอแล้ว จนไม่มีเวลาทุ่มเทชีวิตให้กับใครได้อีก

หลังกลับจากอิตาลี…

ผมมองรูปปั้น Rondanini Pieta ซึ่งเป็นภาพที่เสิร์จจากอินเทอร์เน็ต สลับกับภาพเดวิดที่ตัวเองถ่ายมาผ่านจอโน้ตบุ๊ค แล้วนึกถึงเดวิดและผู้คนมากมายในหอศิลป์ Galleria dell’Accademia ที่เมืองฟลอเรนซ์


(Photo: Vachi)

บางทีสิ่งที่ทำให้ เดวิด กลายเป็นรูปปั้นที่ยิ่งใหญ่ อาจไม่ใช่เรื่องเล่า ตำนาน การตีความข้อสงสัย หรือขนาดอวัยวะเพศ

แต่คือการทุ่มหัวใจลงไปในงานที่ทำของมีเกลันเจโล

นี่คือสัจธรรมของการทำงานและชีวิต ที่ผมได้คิดหลังจากได้พบเดวิดและนึกถึงมีเกลันเจโล.


วชิรวิชญ์ กิติชาติพรพัฒน์
content creator
https://becommon.co/culture/david-michelangelo/




Pages: 1 2 [3] 4 5 ... 10
SMF 2.0.4 | SMF © 2013, Simple Machines | Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.126 seconds with 14 queries.