Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
User Info
Welcome, Guest. Please login or register.
17 May 2024, 14:25:59

Login with username, password and session length
Search:     Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ

http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
25,700 Posts in 12,500 Topics by 70 Members
Latest Member: KAN
Home Help Search Calendar Login Register
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...  |  Profile of p_san@  |  Show Posts  |  Messages

Show Posts

* Messages | Topics | Attachments

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Messages - p_san@

Pages: 1 [2] 3 4 ... 31
16
บ้านมะนาวหวาน ริมเขื่อนป่าสักฯ

นี่เป็นอีกหนึ่งภาพชีวิตของผู้คนริมเขื่อนป่าสักฯ ยามหน้าแล้ง พื้นดินที่ครั้งหนึ่งเต็มไปด้วยน้ำ
พอช่วงเวลาหน้าแล้ง น้ำลดลงไป พื้นที่ตรงนี้ก็จะกลายเป็นทุ่งหญ้ากว้าง ๆ กลายเป็นอาหารชั้นเลิศให้กับวัวของชาวบ้าน เลยถัดไป น้ำในเขื่อนก็ยังคงอยู่ ยังเป็นแหล่งทำมาหากินของชาวบ้านที่ทำประมงน้ำจืด รอบๆเขื่อนฯ เท่าที่มองเห็นได้ด้วยตา กับการพูดคุยกันเล็กน้อยกับชาวบ้านละแวกนั้น ทุกคนก็อยู่แบบไม่เดือดร้อน มีทรัพย์ของแผ่นดินให้ทำมาหากินได้ตลอดทั้งปี ทั้งยังส่งความอุดมสมบูรณ์ไปถึงผู้คนในพื้นที่ ที่ต่ำลงไปจากเขื่อน ฯ ด้วย /////////// เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ. ลพบุรี //////////////

*********** ขอพระองค์จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน **************
Thuchapol Pom Thongmun
27 เมษายน 2014  ·




















17
เขื่อนป่าสักฯ ฝั่งเขาวัดเขาพระ และบ้านมะนาวหวานฝั่งตะวันออก


ภาพจาก facebook #Thuchapol Pom Thongmun

เขื่อนป่าสักฯ ฝั่งเขาวัดเขาพระ

ในช่วงประมาณเดือน มิถุนายน ปริมาณน้ำในเขื่อนจะลดลงจนพื้นที่ที่เคยอยู่ใต้ผืนน้ำกลายเป็นทุ่งหญ้า กว้างสุดลูกตา พยายามรวบรวมภาพเท่าที่สามารถจะไปถ่ายได้ อยากให้มี Moment แบบอยากมาชื่นชม มาพักผ่อนกับทุ่งหญ้าแบบนี้เกิดขึ้นกับหลายๆคน








ปกติน้ำจะสูงเท่ารอยที่เสา








มุมเล็กมุมน้อยที่เกิดจากการเดินเข้าหา ไปนั่งมอง บางครั้งก็ได้เห็นในสิ่งที่หลายคนไม่ได้เห็นหรือมองข้ามในความงดงามนั้นไป


ไปเจอกลุ่มก้อนหินใหญ่น้อยริมแอ่งน้ำ ตรงสะพานสอง ของริมเขื่อน แต่วันที่นัดกับเพื่อนๆไป ฟ้าครึ้มฝน บางคนได้รูป บางคนเสวนาทักทายแลกเปลี่ยน แม้จะไม่ได้รูปตามที่หวังแต่มิตรภาพเก่า และใหม่ยังคงน่ายินดีเสมอ


มิถุนายน ปี 2559 บริเวณสะพานรถไฟกลางน้ำสะพานที่สาม บ้านมะนาวหวานหมู่ 4 รถยังสามารถขับลงไปได้ระยะหนึ่ง แต่ยังไปได้ไม่ถึงวัดกัณฑาพฤกษ์เก่าที่อยู่กลางเขื่อน ยังพบเห็นแอ่งน้ำใหญ่น้อยได้ทั่วไปอันเป็นหมายชั้นดีในการหาปลาของชาวบ้านรอบๆเขื่อน พี่คนนี้มาจากซับสนุ่น ก็ไกลพอควรจากเขื่อนป่าสัก มาตั้งแต่เช้า กลับตอนใกล้ค่ำ พอได้ปลาไปกิน




18
ทำบุญวัดกัณฑาพฤกษ์(เก่า) สะพานกลางน้ำเขื่อนป่าสักฯ


จาก..facebook #Thuchapol Pom Thongmun
11 สิงหาคม 2019  · พัฒนานิคม  ·

แต่เดิมก่อนสร้างเขื่อนป่าสักฯ ชุมชนวัดกัณฑาพฤกษ์ เป็นชุมชนขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ริมสองฝั่งแม่น้ำป่าสัก ตัววัดจะตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำด้านทิศตะวันตกและตีนสะพานข้ามแม่น้ำป่าสัก ลงสะพานมาก็เข้าบริเวณวัดเลย ถัดออกไปก็แวดล้อมไปด้วยชุมชนบ้านเรือน ดูจากสภาพร่องรอยที่เหลือในปัจจุบันจะเห็นว่าอยู่กันค่อนข้างหนาแน่น ปัจจุบัน วัดและชุมชนย้ายไปอยู่ริมเขื่อนป่าสักฯ สถานที่เดิมถูกปล่อยให้จมอยู่ใต้น้ำของเขื่อน ยามหน้าแล้งบางปีสามารถเดินทางเข้าไปที่นี่ได้

ปีนี้ 2562 ปริมาณน้ำในเขื่อนมีน้อยมาก ชาวบ้านที่เคยมีบ้าน เคยพักอาศัยใช้ชีวิตอยู่ในชุมชนแห่งนี้ มีความตั้งใจร่วมกันที่จะจัดการทำบุญบริเวณที่เคยเป็นวัดมาก่อน ซึ่งจะเป็นการจัดทำบุญขึ้นเป็นครั้งแรก หลังจากที่ย้ายชุมชนออกมา




สะพานกลางน้ำเขื่อนป่าสัก
-สะพานนี้อยู่ตรงไหนครับ
-ทางลงตรงท่าปลาบ้านมะนาวหวาน ตรงที่เป็นทะเลน้ำจืดบ้านมะนาวหวานแหล่ะครับ. ขับไปจอดตีนสะพานแล้วเดินข้ามสะพานไปบริเวณชุมชนนี้ได้
.....
-สะพานยังใช้ได้หราค่ะไม่แชน้ำหรา
-ไม่ได้แล้วครับ รถไม่สามารถขึ้นไปได้ ตรงคอสะพานชำรุด แต่สามารถเดินขึ้นไปได้
.....
-คอสะพานจะมีบันไดให้ขึ้นไปบนสะพานค่ะ รถขึ้นไม่ได้ แต่คนขึ้นได้ค่ะ

.....
จากภาพฝั่งขวาขับรถมาจากท่าปลามาจอดตีนสะพาน ขึ้นบันไดจากคอสะพานข้ามมาฝั่งซ้ายมือที่เป็นวัดกัณฑาพฤกษ์(เก่า) ค่ะ

...........
















10



















20



















30





33
ถนนกลางหมู่บ้านวัดกัณฑาพฤกษ์เก่า ด้านซ้ายมือของภาพคือแม่น้ำป่าสัก มีถนนกั้นกลางระหว่างเหล่าสถูปบรรจุอัฐิกับเมรุเผาศพ ที่ยังปรากฏซากอิฐเป็นแท่นสูงให้ได้เห็น ด้านหลังของผมที่ยืนถ่ายภาพนี้คือกองฟอนเผาศพ

แต่ดั้งเดิมถนนเส้นนี้เป็นถนนหลักเพียงเส้นเดียวในการใช้เดินทางของชาวบ้านจากฝั่ง ต.ต.ข้ามสะพานไปฝั่ง ต.อ.ของแม่น้ำด้วยพาหนะ จนระยะหลังมีการตัดถนนใหม่อีกเส้น มุ่งตรงไปสะพานข้ามแม่น้ำเลย ไม่ต้องผ่านเข้ามาในหมู่บ้านด้วยถนนเส้นนี้อีก นอกเสียจากคนที่พักอาศัยหรือมีธุระในหมู่บ้าน

มีเรื่องกล่าวขานกันว่า การเดินทางผ่านบริเวณนี้ เต็มไปด้วยความอกสั่นขวัญกระเจิงเป็นอย่างยิ่งในยามค่ำคืน บางคนรำลึกด้วยอารมณ์ติดตลกว่าต้องขับรถเครื่องด้วยความเร็ว 120 กม./ชม. เมื่อผ่านตรงนี้กันเลย ถ้าลองนึกภาพบรรยากาศตาม เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ครึ้มด้วยร่มเงาตามประสาที่ควรมี ตามบริเวณด้านหลังวัดโดยทั่วๆไป และด้วยกาลเวลาเมื่อ 20-30 ปีก่อนตาม ก็คงไม่เกินจากคำกล่าวขานนัก
Thuchapol Pom Thongmun
12 สิงหาคม 2019  ·

.....
กัญญา พานิชลาน
กองฟอนอยู่โค้งหักศอกพอดีเลยค่ะ เวลาปั่นจักรยานภาวนาว่า โซ่รถอย่าหลุดน๊าาาาา .....
ถ้าอยู่ในหมู่บ้านจะไปสะพาน ปั่นจักรยานตามถนนซ้ายมือเป็นวัด ด้านหน้าเป็นกองฟอน(เพ่งตาไม่กระพริบ) พอถึงโค้งหักศอก ก็เลี้ยวขวาไปสะพาน
ปล: กองฟอนอยู่ห่างถนนประมาณ 200 เมตร ถ้าโดนใช้มาซื้อของในหมู่บ้านเวลาประมาณ 18.30 น. นี่เกี่ยงกันและใครจะเป็นคนไปซื้อ

แค่คิดก็หลอนแล้วคนมะนาวดั้งเดิม
ถ้าบ่อยๆก็จะชินค่ะ เลี่ยงเวลาเย็น ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็เลี่ยงตาไม่มอง แล้วปั่นจักรยานสุดแรงเกิด (สมัยนั้นใช้จักรยานค่ะ)
ที่น่ากลัวสุดคือมีการเผาศพและเถ้าถ่านยังแดงๆอยู่ ใช้ให้ตายก็ไม่มาค่ะ (ขอแม่เป็นพรุ่งนี้เช้าน๊าาาา)

..........

สะพานกลางน้ำเขื่อนป่าสัก

ชาวบ้านชุมชนวัดกัณฑาพฤกษ์เดิมที่ได้ย้ายออกจากพื้นที่เขื่อน ได้ร่วมกันมาทำบุญ ตั้งกองผ้าป่า ถวายอาหารคาวหวานแด่พระสงฆ์ พร้อมร่วมอุทิศส่วนกุศลให้ญาติพี่น้องที่เสียชีวิตตั้งแต่ครั้งยังพักอาศัยอยู่ที่นี่ บริเวณข้างโบสถ์หลังเดิมที่ถูกทุบเหลือเพียงแต่ซากปูนลายปูนปั้น แล้วปล่อยให้จมอยู่ใต้ผืนน้ำกลางเขื่อนป่าสัก
Thuchapol Pom Thongmun อยู่ที่ สะพานกลางน้ำเขื่อนป่าสัก
11 สิงหาคม 2019  · พัฒนานิคม  ·




















50





53

.........
facebook #กัญญา พานิชลาน
26 ธันวาคม 2020  ·




















70



















80



















90




19
วัดหนองบัว(ใหญ่) กลางน้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี


วัดหนองบัว เขื่อนป่าสักฯ เป็นวัดที่ปัจจุบันจมน้ำอยู่ในเขื่อนป่าสักฯ สามารถมองเห็นและเดินทางไปเที่ยวชมได้ยามหน้าแล้งที่ปริมาณน้ำในเขื่อนลดน้อยลงมาก เช่นปี 2562

Thuchapol Pom Thongmun
2 สิงหาคม 2019  ·
วัดหนองบัว 01082562

.....
ป.ล. สืบเนื่องจาก post เก่า.. http://www.smilesiam.net/index.php/topic,8545.0.html ภาพหายไปแล้ว จึงได้หาภาพใหม่มาแทน ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าจะเหมือนภาพเดิมหรือไม่ แต่คิดว่าคงใกล้เคียงกันครับ รับชมภาพสวยๆกันได้แล้วครับ...

ภาพจากอัลบั้ม facebook ของ #Thuchapol Pom Thongmun
ขอขอบคุณครับ
.......................




















10



















20















Thuchapol Pom Thongmun  16 สิงหาคม 2019
จากปริมาณน้ำที่เริ่มเติมเข้ามาในพื้นที่เขื่อนป่าสัก วานนี้ 150862 คนในพื้นที่คาดการณ์ว่าคงอีกไม่ถึง 3 สัปดาห์ วัดหนองบัวแห่งนี้ น่าจะไม่สามารถ

เดินทางเข้าไปชมได้แล้ว
.....
Coffee March
ถ้าจมสักครึ่งกำลังดี ก็ยังพายเรือชมได้ชาวบ้านมีรายได้นั่งเรือชม ·
.....
Thuchapol Pom Thongmun
ยังคิดๆอยู่นะพี่มาร์ช อยากได้ภาพตอนนั้น อาจรอช่วงน้ำขึ้นพอท่วมองค์นิดหน่อย แต่ขอดูเรื่องความเหมาะสมของภาพที่จะออกมาอีกนิด
.....
Sakda Jindasak
จังหวะน้ำครึ่งองค์พระตอนมีจีวรคลุมอยู่ คงสวยน่าดู
.....
Thuchapol Pom Thongmun
นั่นแหละ เค ที่พี่กำลังนึกวางแผน 555
.....
NuBow Bo
ได้แต่ดูรูปของพี่ป้อม ไม่มีโอกาสไปสักที
..........


การกราบไหว้ อาจเป็นส่วนหนึ่งให้คนไทยเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน
Thuchapol Pom Thongmun  21 สิงหาคม 2019
.....
Sakda Jindasak
ทรงพลังอีกแล้วครับ
.....
Thuchapol Pom Thongmun
Sakda Jindasak ไลฟ์จุดนี้มากมาย จับคอนเทนท์ไม่ถูกจริตซักที
..........


30 " บุญ-ทาน และ วิจารณญาณ "
วัดหนองบัว เขื่อนป่าสัก2562
Thuchapol Pom Thongmun  22 สิงหาคม 2019






33




20
Xx เปิดบ้านธุดงค์ไพรxX


ครับหลังจากออกทริปบ่อยและสถานที่ก็ยังป่าเดิมๆ แต่ทำไมผมไม่นึกจะเบื่อ ป่าที่ปลายนาสวนแห่งนี้เลยครับ เพราะด้วยเหตุนี้ผมเลยคิดจะของซื้อที่ดิน

ต่อน้าพราน พรานใหญ่ที่ผมับถือแกเหมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง แต่จะขอยังไงแกก็ไม่ยอมขายให้ครับ  แต่แบ่งให้เลย   o..o   ดังนั้นผมจึงไม่รอช้า จัดการ

สร้างงานให้แกเลยครับ555+  แต่กว่าจะเป็นบ้านก็ต้องขอขอบคุณเพื่อนๆชาวธุดงค์ไพรนะครับ ที่ชวยลงขันกันนะครับเล็กๆน้อยๆรวมๆกันแล้วก็หลาย

ตังค์อยู่ ดังนั้นบ้านแบบกะเหรี่ยงดงก็เป็นบ้านอีกหลังหนึ่งของเพื่อนๆทุกคน รวมถึงเพื่อนๆที่อยู่ในบ้านหนองน้ำแห้งแห่งนี้นะครับ

มาดูกันดีกว่าครับว่ากว่าจะมาเป็นบ้านธุดงค์ไพร มันมายังไงเป็นยังไง
ในรูปออกแบบโดยตาเอี่ยวบินตรงจาก กทม มาระยองเลยนะครับ555+

จากคุณ : หนุ่มเหน่อ    - [ 2 มิ.ย. 52 19:41:08 ]


..


แต่กว่าจะทำงานได้ต้องมีของเส้นก่อนครับ เดี๋ยวงานไม่เดิน


มาดูสถานที่กันเลยดีกว่าครับ ทางเข้าที่ที่จะสร้างบ้านครับ


รถไถกะเหรี่ยงครับ


สวัสดีครับคุณยอดอ่อนใบตอง
ตาเอี่ยวกับเสาเอกครับ


หลังบ้านเป็นห้วยครับน้ำมีตลอดปี
ในรูปเอาไว้อาบน้ำครับนั่งแช่นอนแช่ได้อารมณ์มากผมลองมาแล้ว
ปล.ระวังกุ้งตอดนะครับ


ด้านหน้าเป็นภูเขาครับ


หลายวันผ่านไป....และแล้ว...^____^


จากรูปด้านบน  ตอนนี้ยังไม่เสร็จดีครับพื้นบ้านปูด้วยไม้ไผ่หลังคาใบไม้เสา9ต้นครับ ปัจจุบันนี้ฝาบ้านเสร็จแล้ว  เหลืองานต่อระเบียงและชายคาบ้านครับ
ขาดไม่ได้ครับศาลเจ้าที่เจ้าทางครับ


อีกมุมหนึ่งของบ้านธุดงค์ไพรครับ   บ้านของพวกเรา
ในรูปน้าพรานของเราครับ..น้าเบล


อีกมุมครับ


อีกรูป


^___^


.....
บ้านหลังนี้เป็นบ้านสำหรับเพื่อนๆทุกคนครับ ไม่เจาะจงว่าต้องเป็นธุดงค์ไพร และบ้านหลังนี้ไม่ใช่ของผม เป็นของทุกคนครับ เอาไว้พักร้อนต่างอากาศ 

และบ้านหลังนี้ผมตั้งใจจะเอาไว้เป็นสถานที่พักกายพักใจของพวกเรา และบ้านหลังนี้ผมต้องการทำให้น้าพรานที่ผมนับถือได้อยู่อาศัยด้วยครับ
แล้วคุณล่ะ...อยากจะไปนอนเล่นที่บ้านผมมั๊ย^____^
จากคุณ : หนุ่มเหน่อ    - [ 2 มิ.ย. 52 20:28:56 ]
.....

มาปูเสื่อสาดรอท่า   งะงะงะ อย่าลืม  มุมเตาอั้งโล่ ให้แม่ครัวด้วยนะท่าน
ขอเป็นแบบเนี้ยะงะ........


แถมมุมกินข้าวอีกด้วยหาหินมาวางเป็นพื้น  เวลาฝนตกจะได้ไม่แฉะมาก  ปลูกแยกต่างหากจากตัวเรือนนอน
หุหุหุ  นึกว่าเป็นบ้านของตัวเองด้วยเหมือนกัน
ยังขาดอะไรอีกนะ.......


.....
ท่านหนุ่มเหน่อ  อย่าลืมลงหน่อกล้วยไว้เสียด้วยเลยนะท่าน  หน้าฝนพอดี  อีกสี่ห้าเดือนคงได้กินลูก ยามแวะไปพักร้อน.....
ปลูกไว้หลายๆๆๆก่อ นี้แหละเตรียมเสบียงไว้เลี้ยงพรรคพวก....ในอนาคต.....
อยากมีโอกาสไปกะเล่อกะล่าทัวร์ด้วยจัง
จากคุณ : วันรักมะลิหอม   - [ 2 มิ.ย. 52 21:09:45 ]


.....
น่าอิจฉาที่สุดในโลก ผมฝันถึงคฤหาสน์แบบนี้มาทั้งชีวิต เบื่อกรงซีเมนต์ เบื่อป่าควันพิษจะแย่
จากคุณ : พรานอักษร   - [ 2 มิ.ย. 52 20:46:59 ]
.....
ครับคุณวันรักมะลิหอม
ตัวครัวผมทำแยกจากตัวบ้านครับ จะนำไปใช้นะครับกับความคิดดีๆ

คุณพรานอักษร ว่างๆไปกับผมสักทริปสิครับ...รับรองครับว่าสิ่งที่คุณหาอยู่จะเจอในทริปธุดงค์ไพร^__^
จากคุณ : หนุ่มเหน่อ    - [ 2 มิ.ย. 52 20:55:56 ]
.....
ปลูกแล้วครับคุณวันรักมะลิหอม กล้วย มะนาว ผักสวนครัว (แค่ผักป่าก็กินกันหน้าเขียวแล้ว)
จากคุณ : หนุ่มเหน่อ    - [ 2 มิ.ย. 52 21:49:02 ]

.....

มะนาว


มุมนี้หรือเปล่าครับคุณ เล็ก (ชายสมบูรณ์)
ผมว่าน่าจะเหมาะนั่งฟังเสียงแมลง หรือเสียงน้ำในห้วยจุ๋งจิ๋งๆ...อ่า
จากคุณ : หนุ่มเหน่อ    - [ 2 มิ.ย. 52 21:54:48 ]


ห้องอาบน้ำครับ  ธรรมชาติพอประมาณ

^
^
ห้องอาบน้ำแจ่ม....มากคะ
แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 52 07:52:01
จากคุณ : LW_meaw  - [ 3 มิ.ย. 52 07:51:31 ]
.....
บ้านธุดงค์ไพร อยู่ที่ ปลายนาสวน จ.กาญจนบุรี ครับ
จากคุณ : หนุ่มเหน่อ    - [ 3 มิ.ย. 52 09:39:18 ]




21
"ธุดงค์ไพร ทริป ปลายฝนต้นหนาว"


สวัสดีคร๊าบบบบ.....เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ครอบครัวบ้านหนองน้ำแห้งทุกๆคน คณะ ธุดงค์ไพรของผม กลับมากันแล้ว หลังจากไปธุดงค์ไพรกันมา ตั้งแต่วันที่

22-25 ตุลา ที่ผ่านมานี่เองครับ มีผู้ร่วมชะตาไปกับผมเยอะมาก 5 คนฮาๆ นอกนั้นติดงานติดการกันหมด(เซ็งจิต) แต่ก้ไม่เป็นไรครับ เขาว่าเลข 5 เป็น

เลขนำโชค(จริงหรือเปล่าไม่รู้) 5 คนที่ไปมี ผม ตาอูด คุณฟาฬ คุณตูน และก็เจ๊ทุม หลังนัดแนะสถานที่เพื่อผมจะไปรับที่ กทม. กว่าจะฝ่าขบวนรถที่พา

กันติด(ปวดกบาล) กว่าจะหลุดจาก กทม. มาได้ก็ปาเข้าไป 4 ทุ่มเศษ แต่ก็ยังไหว แต่เจ้าขาวรถคู่ชีวาผมซิ มันทำท่าอาการจะไม่สู้ดีนัก คงเป็นเพราะ

แบบน้ำหนักมากพอสมควร ไหนจะคน ไหนจะของ แต่ถึงจะหนักหนาขนาดไหน คติผมมีอยู่ว่า "ฉิหายช่างมันเอามันไว้ก่อน" สรุปวิ่งไปถึงลาดหญ้าโช้ค

อัปหลังซ้ายเป็นอันระเบิด( T____T ) งานเข้าเลยทีนี่ แต่ไหนๆก็ไหนๆ เป็นไงเป็นกัน รถผมมันทนอยู่แล้ว ฮาๆ ลุยต่อไป อีกใจก็คิดว่าคงไม่เป็นอะไรอีกใจ

ก็ว่า งานนี้ตรูเสียตังค์อีกแว้ววววว.... เจ้าขาวพาพวกเราทั้ง 5 ชีวา ไปถึงจุดหมายเกือบๆตี 4 เพราะผมไม่กล้าไปเร็วกว่า 90 กม/ชม เกินกว่านี้มีเสียว พอ

ไปถึงบ้านพวกน้าพรานก็รอต้อนรับเป็นอย่างดี ด้วยตะเกียงที่ปักประดับตลอดทางเข้า บ้านธุดงค์ไพร
จากคุณ   : หนุ่มเหน่อ  FriendFlock Bloggang
เขียนเมื่อ   : 26 ต.ค. 52 20:57:30


ตัดมาเช้าเลยนะครับ - -" 
ตอนแรกระหว่างทางที่ขับ ฝนฟ้าทำท่าจะไม่สู้ดีนัก นึกในใจสงสัยได้นอนตากฝนในป่าแน่ๆ ก็เลยต้องติดสินบนเจ้าที่ด้วย รี 1 กั๊ก (แบบเล็ก) ฮาๆ ได้ผล


อากาศยามเช้าหลังฝน ฌ บ้านธุดงค์ไพร อีกมุม


พวกเราได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากพวกน้าพรานและญาติๆน้าพราน เช้านี้ คุณยายกาละ มาทำกับข้าวให้พวกเราได้กินกัน


กับข้าวเช้านี้


ปลานิลภาพบนที่เห็นตัวไม่ต่ำกว่า 2 กิโลนะครับ
จะช้าอยู่ใย


คุณยายกาละ ทริปนี้คุณยายก็ไปกับเราด้วยครับเห็นแก่ๆแบบนี้ ขอบอกเดินสู้แกไม่ได้


กินข้าวเสร็จก็ต้องกินน้ำ(ยอดข้าว)


หลังจากกินน้ำ(ยอดข้าว)แกก็เป็นแบบนี้ครับ - -"


หลังจากกินข้าวเช้ากันเสร็จฝนก็ตกลงมานิดหน่อย เลยพักท้องพักเหนื่อยรอให้ฝนหยุดแล้วค่อยเดินทาง


ผมว่าฝนที่ตกลงมาบนหลังคาใบพวงมันช่างน่าฟังกว่าฝนที่ตกบนหลังคากระเบื่องเป็นไหนๆ


ติดเอาไปทุกทริป


ตัดมาเข้าป่ากันนะครับ รูปผมเยอะมาก ถ้าจะให้ลงหมดพรุ่งนี้เช้าก็ยังไม่เสร็จ - -"  จุดพักหลังครับ


- -" ใช้แรงงานสุภาพสตรี


นางแบบเสื้อธุดงค์ไพร  (ครบรอบ 1 ปี เมื่อวันที่ 12 สิงหา ที่ผ่านมา)


คุณแม่ของน้องพุ่มครับ ไปกับเราด้วย


กิจกรรมระหว่างการเดินทางครับ หากับข้าวไปในตัว ในภาพกำลังช่วยกันงมปลาครับ


หนุ่มๆสาวๆสนใจกันใหญ่


สวยดีครับ ต้นอะไรไม่รู้จัก


น่ากินเนอะ


อันนี้ก็สวยดูแล้วอยากเข้าไปนอน


อีกมุม


อีกมุมหนึ่ง


พวกเราหันหลังจากเมืองเพื่อจะเข้าป่า การเดินทางเต็มไปด้วยความสุขและสนุกตื่นเต็นตลอดทุกฝีก้าว นี้หละครับที่เขาเรียกว่า การผจญภัย


เห็ดอะไรจำชื่อไม่ได้ แต่ที่จำได้คือ สามารถ กินได้ครับ กินดิบๆเลย หอมๆเหนียวๆ


อันนี้ก็ลูกอะไรไม่รู้ครับ และก็ชีวิตเล็กๆที่อยู่ร่วมโลกใบเดียวกับเรา


ใกล้ถึงที่พักแล้วครับ ทริปนี้เราเดินกันไม่ไกลมากนัก แค่ 1 ชม. ก็ถึงแล้ว จุดหมายของเราคือ พักที่ช่องผาแคบ


จัดที่พักแล้วครับ ทริปนี้เลือกพักสูงกว่าห้วยสักหน่อย เพราะไม่ค่อยไว้ใจน้ำป่า แต่คิดว่าคงไม่มี แต่ก็ต้องกันไว้ก่อนครับ


อีกมุมครับสูงกว่าห้วยประมาณ 3-4 เมตร


สาวๆนั่งพัก


ห้องอาบน้ำกลางป่าครับ


ตอนแรกน้ำใสมากนะครับอยู่ๆก็แดงมาเลย ผมคิดว่าสงสัยงานจะเข้าคิดว่าน้ำป่ากำลังจะมา


ที่ไหนได้ หมอนี้นี่เองต้นเหตุ น้องเคิ้ง แกไปหาตะพาบป่าที่ต้นน้ำกันมาครับดูสภาพ


ไหนๆก็ไหนๆเลยให้ทำสอบห้องอาบน้ำผมเลย


นี้ครับ ตะพาบน้ำป่า ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ


ดูขนาดครับไม่ใช่เล็ก นายแบบคือลุงโส่ย พ่อน้องเคิ้งครับ


เตรียมตัวหุงหาอาหารครับ


อันนี้ส้วมสนามครับ


เวลาเยอะก่อนจะมืดค่ำเลยออกมาถ่ายรูปเล่นครับ


กับเพื่อนร่วมโลก


กับข้าวธรรมชาติ วันนี้มีเมนูผักกูด


ต้มส้มปลาเวียนกับผักกูด


เอร็ดครับ รับประกัน ฝีมือคุณยายกาละ


หลังจากกินข้าวกินปลาก็มืดพอดี ผมและแม่พุ่มกับน้องสาวพรานเบลล์เลยไปหาจับปลาครับ แต่โชคเข้าข้างพวกเราหรือไม่เจ้าป่าก็มอบให้ไม่รู้ ดูเอาเอง

ครับ


ตาไม่ฝาดครับ ที่เห็นคือเห็ด ไม่ใช่เห็ดธรรมดาๆ แต่เป็นเห็ดโคน เห็ดโคนสดๆที่ในตัวเมืองกาญจน์ขายอยู่ที่ 350-. หรือ กทม 7-800-. แต่ที่นี่พวกเราไม่

ต้องเสียเงินซักบาท นี้หละครับ ของดีเมืองกาญจน์


ได้มาเป็นหอบๆ ส่องไฟหาปลาดันมาเจอเห็ด คุยๆกันว่าเช้าวันใหม่จะออกไปหาอีกรอบไม่พลาดแน่ๆ
เห็ดโคนทำอะไรกินก็เอร็ดไปหมด ไม่ต้องลีลามาก ย่างก็แจ๋วแล้ว คุณฟาฬเลยขอทดลอง2ดอก


ขอบคุณมากๆครับ ที่เข้ามาดู 55+
พอดีเมื่อคืนเน็ตเน่า - -" เลยลงรูปต่อไม่ได้ เซ็งจิต
มาต่อกันเลยดีกว่าครับ
หลังจากทดลองไปสองดอก ก็มีต่ออีกหลายไม้ เห็ดโคนย่างไฟอ่อนๆ สุดยอด มิซึทะเกะ ยังกระเด็น


เห็ดโคนที่หาได้เมื่อคืน


.....

เช้านี้เลยนัดกันว่าจะไปหาเห้ดโคนกันดีกว่า
เอ๊า...ยายฉิมลุย!


เจอแล้ว....


มีอีก


อีกดอกตูมๆ


สนุกกันใหญ่นะยายฉิม


มีน้องปูด้วย


ห้วยสองสาย


เจออีกดง มีแต่ดงเห็ด


ก่อนกลับไปที่พัก ของสักรูป


เตรียมทำอาหารเช้า


เยอะแยะ ได้จากป่าสดๆ


หนุ่มเคิ้งกับหนุ่มพุ่ม สองหนุ่มกะเหรี่ยงดงแห่งบ้านปลายนาสวน


อิ่มแล้วมาทดสอบสายตากันหน่อย


..


- -"


ตาอูดเอาด้วย


ลุงโส่ย


...


..


ยายกาละกับปืนแก๊ปกระบอกยาว


ดอกสาบเสือ


หลังจากสนุกกันพอแล้ว ก็ออกเดินทางไปน้ำตกช่องผาแคบ และระหว่างทางก้หาปลาไปด้วย


..


ปลาเวียนที่ทอดแหได้ในห้วย


มีปีนน้ำตกด้วย


..


ถึงแล้วครับ ช่องผาแคบ แคบจริงๆ


อีกมุม


..


....



.


..


...


.


..


...


....


.....


.


..


...


เคิ้งไปจับมาให้ครับ กุ้งห้วย


..


...


กินได้ครับ


...


....


เก๋า


เก๋านักใช้ซะเลย


...


คิดถึงใครไม่รู้ เลยเลียนแบบนายพรานของเรา


.


..


...เตรียมตัวกลับ


..


มีนกกี่ตัว


..


...



วันมาเราหันหลังจากเมืองเพื่อเข้าป่า....
และแล้ววันที่ต้องกลับก็มาถึง เรารบกวนธรรมชาติมามากพอแล้ว ถึงเวลาที่จะต้องหันหลังให้กับธรรมชาติเพื่อกลับเข้าเมือง...และคิดว่าวันหน้าต้องกลับ

มาใหม่


...


.


..


ลืมเลยหนุ่มพุ่ม


แม่น้องพุ่ม


.


..


...



ออกมาจากป่าแล้วครับ


...


....


บ้านกระรอกข้างบ้านธุดงค์ไพรครับ


สาวกะเหรี่ยงสองนางนี่เหมือนเคยเห็นหน้าที่ไหน 555+


..


.


หมดแล้วครับ สุดท้ายเพราะแบ็ตหมดพอดี - -"


ขอขอบคุณเพื่อนๆที่ให้การไว้วางใจให้ผมพาออกธุดงค์ ทริป ปลายฝนต้นหนาว ขอขอบคุณคณะพรานกะเหรี่ยงทุกคนที่คอยเป็นพี่เลี้ยงให้พวกเรา และ

ขอขอบคุณ ธรรมชาติ ที่ทำให้พวกเรามีความสุข และหวังว่าเราคงได้พบกันอีก

...................................จากใจ นายหนุ่มเหน่อ


.....

^
^
^
โอ๊ะโอ มงกุฏไพร.....
สวยมากครับ พี่หนุ่ม(เหน่อ)
---------
ปืนที่ใช้ทดสอบสายตาเป็น CZ .22 ใช่ใหมครับ(ถ้าผิดก็ขออภัย)
กำลังเล็งใว้เหมือนกันครับ อยากมีในครอบครองซักกระบอกนึง (แต่ระเบียบในการขออนุญาต มากมายมหาศาล)
หวังว่าคราหน้าคงมีโอกาส ได้ไปเที่ยว นะครับ (ถ้าไม่ติดธุระ)
----------
สวัสดีทุกคนด้วยครับ
จากคุณ   : หน่อย (Noi_oN_Co)  FriendFlock
เขียนเมื่อ   : 27 ต.ค. 52 12:06:37

.....
ขอบคุณที่เอาภาพมาให้ชมค่ะ
ทริปไหนทริปไหนก็ยังเจ๋งเหมือนเดิม ขึ้นชื่อว่าหนุ่มเหน่อซะอย่าง
ปล - สาวกระเหรี่ยงสองสาวสวยจริงๆค่ะ หน้าคุ้นๆเหมือนเคยเห็นที่ไหน wink
จากคุณ   : sandhurst  FriendFlock Bloggang
เขียนเมื่อ   : 27 ต.ค. 52 12:29:54
.....
สองสาว หน้าตาละม้าย คล้ายพี่น้องกันเสียนี่กระไร 555+
ปล.เหมือนกระทู้นี้ จะมีรสหวาน ^________________^
จากคุณ   : ibapapoon
เขียนเมื่อ   : 27 ต.ค. 52 14:21:37
.....

ไปป่า ระวัง นี้ นะครับ
แหะๆ
จากคุณ   : Numnoykub
เขียนเมื่อ   : 27 ต.ค. 52 19:42:15


.....

ตอบคุณ หน่อย (Noi_oN_Co)
ครับ CZ.22 ถูกต้องครับ รุ่นนี้มีแม็คบรรจุ 12 นัด ถ้ารวมในตัวปืนอีก 1 นัด เป็น 13 นัดครับ .22 ยาว พอจะซื้อได้ครับไม่ยาก ถ้ามีญาติผู้ใหญ่ที่เป็นตำรวจ

หรือทหาร โอกาสหน้าถ้าว่างๆก็เรียนเชิญนะครับ ยินดีต้อนรับเสมอ
Numnoykub  ถ้าพวกพรานผมเห็นนะครับ กระดูกก้ไม่เหลือฮาๆย่างเกลือเอร็ด
ขอบคุณทุกๆคนนะครับที่แวะเข้ามาดู
จากคุณ   : หนุ่มเหน่อ  FriendFlock Bloggang
เขียนเมื่อ   : 28 ต.ค. 52 15:27:13

.....
ขอบคุณสำหรับภาพสวย ๆ และทริปดี ๆ รักษ์ธรรมชาติค่ะ...
จากคุณ   : Oases  FriendFlock Bloggang
เขียนเมื่อ   : 29 ต.ค. 52 11:56:36
.....

กะเหรี่ยงเหน่อ 555+
จากคุณ   : หนุ่มเหน่อ  FriendFlock Bloggang
เขียนเมื่อ   : 29 ต.ค. 52 15:41:19


.....
ออกทริปกี่ครั้งก็น่าสนุกทุกรอบเลยนะคะพี่หนุ่ม
แต่จนแล้วจนรอดก็พลาดทุกที งวดนี้มัวแต่ไปออกทริปในเมืองหนังสือซะก่อน
ขอบคุณที่ยังเอาภาพและบรรยากาศในป่ามาฝากกันอย่างสม่ำเสมอนะคะ
จากคุณ   : ยอดอ่อนใบตอง  FriendFlock Bloggang
เขียนเมื่อ   : 30 ต.ค. 52 20:13:55
.....
น่าประทับใจจังค่ะ..
ชอบจังเลย ดูภาพป่าเขียวๆเเล้วสดชื่นจังเลยค่ะ
มอสขึ้นคลุมด้วย.. สวยจังค่ะ
จากคุณ   : AR-YEE
เขียนเมื่อ   : 30 ต.ค. 52 22:06:23
.....

อยากไปทริปแบบนี้มั่งจังเลย..........อิจฉาๆๆๆๆค่ะ
ไปช่วงเดียวกันเลย จังหวัดเดียวกันด้วย
แต่ต่างตรงที่พี่เบิ้มของคุณPoximus ออกมาสะอาดเอี่ยมเพราะสมาชิกอยากนอนสบาย........เซ็ง
แถมอิจฉาที่ได้ทานเห็ดโคนแบบไม่อั้น(แทบจะทุกอย่างเลยนะคะในรูปอ่ะค่ะ)
แต่เราได้แค่ซื้อกลับมา ถุงละ 300
ปล..ตะพาบนั่น........รอดมั๋ยคะ
จากคุณ   : iamchula  FriendFlock Bloggang
เขียนเมื่อ   : 31 ต.ค. 52 22:50:32

.....
มีห้องอาบน้ำธรรมชาติด้วย อิอิน้ำใหลวน ยิ่งกว่าอ่างกุซซี่
อยากกินเห็ดโคน ธรรมชาติมั่กมากชอบชอบ
จากคุณ   : ผู้เฒ่าเด็กดื้อ
เขียนเมื่อ   : 1 พ.ย. 52 11:19:52
.....

#151
รถสวยดีครับ น่าพาไปลุยด้วยกัน
ปล.ตะพาบไม่รอดครับ ผัดเผ็ดใส่ยอดผักกูด เอร็ดไปแล้วครับ - -"

#152
ว่างๆหรือโอกาสเหมาะ ก็ขอเรียนเชิญด้วยนะครับ

#153
หายป่วยไวๆนะครับ โอกาสหน้ายังมี ธุดงค์ไพร ไม่มีวันตายครับ 555+

จากคุณ   : หนุ่มเหน่อ  FriendFlock Bloggang
เขียนเมื่อ   : 4 พ.ย. 52 17:08:17




22
***** ธุดงค์ไพร  2 ***** โดยคุณ หนุ่มเหน่อ


มาตามสัญญานะครับ สำหรับคนที่พลาดจากทริป”ธุดงค์ไพร 1”ตอนนี้ก็ได้เวลาอันสมควรแล้วนะครับ ตามที่ผมเคยนัดว่าจะมาเปิดรับสมัครไปเที่ยวป่า

ทริป 2  ดังนั้นผมขอเปิดรับสมัคร ลุง ป้า น้า อา เพื่อน ๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกเพศทุกวัย ทุกจังหวัดและต่างประเทศ(ถ้ามี 555+) ที่มีใจรักในการเดินป่า ใช้ชีวิต

กลางแจ้ง กลางดง หรือชอบถ่ายรูปธรรมชาติ ต้นไม้ ดอกไม้ นก หนู สัตว์ป่าต่างๆ หรือ วิถีชีวิตชาวบ้านกลางไพร  ปีใหม่นี้ ท่านใดไม่มีโปรแกรมไปเที่ยวที่

ไหนก็เรียนเชิญนะครับ  รับสมัครวันนี้ไปจนถึงวันที่ 15 ธันวาคม 2551 นะครับ(รับมากน้อยขึ้นอยู่กับจำนวนรถยนต์ที่ไปด้วยนะครับ ที่แน่ๆมีแล้ว 3 คัน)

*กำหนดการ
ออกเดินทางคืนวันอังคารที่ 30 ธันวาคม 2551 ถึง วันเสาร์ที่ 3 มกราคม 2552 (4 คืน 5 วัน)
*สถานที่ออกธุดงค์ไพร
บ้านนาสวน (ปลายนาสวน) อ.ศรีสวัสดิ์  จ.กาญจนบุรี
*กิจกรรมหลักๆ
1.รวมบริจาคสิ่งของต่างๆให้กับเด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านนาสวน (จะแจ้งขั้นตอนต่างๆให้ทราบในกระทู้ต่อไป)
2.เที่ยวถ่ำองลุ(สำหรับสมาชิกใหม่ที่ไม่เคยไป)
3.ร่วมปลูกป่าปลูกต้นไม้
4.ร่วมสร้างฝายกลางป่า
5.เดินป่า ส่องสัตว์ นั่งห้าง ทดลองยิงปืน ทำอาหารกินกลางป่า เรียนรู้การหาพืชผักป่ามาทำอาหาร ใช้ชีวิตกลางป่าฯลฯ

*ขั้นตอนการเดินทาง
วันเดินทาง เย็นวันอังคารที่ 30 ธันวาคม 2551 สมาชิกที่สนใจสามารถเดินทางได้ด้วยวิธีดังต่อไปนี้
- โดยรถยนต์ส่วนตัว สำหรับสมาชิกที่สะดวกที่จะขับรถยนต์มาเอง(ต้องการมากครับ)
- โดยรถทัวร์ สามารถขึ้นได้ที่ หมอชิตใหม่ (รถหมด 17.00 น.) หรือ นั่งรถที่ สายใต้ใหม่ (รถหมด 22.30 น.)

*ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ
ทริปผมเป็นแบบกันเองครับ คิดว่าจะเก็บคนละ  500-600 บาท.จ่ายหน้างาน (เหลือคืนขาดแชว์  ไม่รวมค่ารถทัวร์ไป-กลับนะครับ) คิดว่าแพงไปหรือ

เปล่าครับสำหรับ 4 คืน 5 วัน ในราคา 500-600 บาท. เริ่มเก็บเงินกันได้แล้วนะครับ วันละ 20. ก็ได้ไปเที่ยวกันแล้ว หรือถ้าสงสัยว่าเอาไปทำอะไรบ้างก็

ประมาณนี้ครับ.... ค่าอาหารส่วนกลาง ข้าวสาร,ไข่ไก่,น้ำมันพืช,เนื้อหมูปลาเค็ม,เครื่องปรุงต่างๆ,ค่าข้ามแพขนานยนต์,ค่าลูกปืนทุกคนจะได้ยิงปืน

ครับ,ค่าขนมน้องลูกหาบและค่าน้ำใจน้าพรานเล็กๆน้อยๆ(ที่จริงน้าพรานและน้องๆเขาไม่เรียกร้องหรอกครับ ก็พวกเขามีน้ำใจพาเราไป เราก็มีน้ำใจให้

เขาบ้าง จะได้มีรายได้ไว้ซื้อของใช้จำเป็นด้วย เพราะรายได้อะไรเขาก็ไม่มีกันครับ)  อาหารการกินอาจจะไม่ถึงขนาดเรียกว่าดีมากนะครับ แต่ก็ไม่ถึง

ขนาดต้องอด ก็ตามสภาพนะครับไม่แย่จนเกินไป อีกส่วนจะช่วยค่าน้ำมันรถยนต์ของเหนอครับ ส่วนรถอีก 2 คันเป็นของผมเอง (ถ้าพี่ขุนดงไม่ได้ไป)

ค่าน้ำมันรถผม ผมไม่บวกและไม่คิดครับฟรี หรือท่านใดจะให้มากกว่าก็ยินดีเลยนะครับ
จากคุณ : หนุ่มเหน่อ    - [ 6 ต.ค. 51 21:55:25 ]


.....
*เนื้อหาพอประมาณ*

ผมแนะนำให้ขึ้นรถทัวร์ที่สายใต้ใหม่นะครับเพราะ%จะได้ขึ้นรถมากกว่าหมอชิต ผมคิดว่าคนเยอะแน่นอนครับปีใหม่ด้วย หรือใครมีช่องทางอื่นที่จะเดิน

ทางมาเมืองกาญจน์เอง นอกเหนือกว่านี้ก็ตามสะดวกนะครับ คือผมอยากให้นัดแนะกันขึ้นรถพร้อมๆกันมาเลยครับ สำหรับสมาชิกที่จะนั่งรถทัวร์มากัน

2 ชั่วโมงกว่าๆก็ถึงแล้วครับ จุดนัดพบ จุดเดิมนะครับคือ

“ศาลหลักเมือง” รวมไปจนถึงสมาชิกที่จะนำรถยนต์มากันเองด้วยนะครับ ผมอยากให้เพื่อนๆสมาชิกมาให้ถึงจุดนัดพบก่อนเวลา  20.30 น. นะครับ

ส่วนตัวผมจะออกจากระยองคงจะเที่ยงๆบ่ายๆ ของวันที่ 30 แล้วครับคิดว่าคงจะถึงเมืองกาญจน์ น่าจะไม่หนี 20.30 น. มากนักถ้ารถไม่ติดครับ  เมื่อ

สมาชิกมาครบจำนวนกันแล้ว เราจะออกเดินทางไปบ้านนาสวนทันทีครับ

ทริปนี้ต่างจากทริปครั้งที่แล้วคือ เราจะไม่นอนที่ตัวเมืองกาญจน์แล้วเช้าเราถึงจะเดินทางไปบ้านนาสวน ผมคิดว่ามันเสียเวลามันส์ๆของเราไปเปล่าๆครับ

เลยคิดว่าไหนๆก็จะไปนอนป่ากันแล้ว ก็ไปนอนกันที่โน้นเลยดีกว่า คือถ้าสมาชิกไม่มากก็จะนอนกันที่บ้านน้าของเหนอที่นาสวนเลย หรือถ้าไปกันเยอะ

ก็จะไปขอพื้นที่กางเต็นท์ที่โรงเรียนบ้านนาสวน ผมคุยกับเจ้าของสถานที่ทั้ง 2 เรียบร้อยแล้วครับ ทางโน้นยินดีต้อนรับพวกเราครับ คิดว่าขับรถจากตัว

เมืองกาญจน์หรือจุดนัดพบคงใช้เวลาอย่างช้า ไม่น่าจะเกิน 3 ชั่วโมงครึ่ง

พอช่วงเช้าประมาณ 8.00 น. เราจะส่งมอบของบริจาคต่างๆให้กับทางโรงเรียนบ้านนาสวนกันเลยนะครับ หลังจากนั้นก็จะพักหาข้าวหาน้ำกินกันก่อนครับ

แล้วผมจะพาไปเที่ยวถ่ำองลุ สำหรับสมาชิกใหม่และเก่า แต่ถ้าไม่อยากไปเที่ยวก็จะพาเข้าป่าทันทีครับ แต่ผมคิดว่าจะพาไปเที่ยวไม่น่าจะเกิน 1 ชม. จุด

หมายปลายทางของเรา

หลังจากที่ไปคุยกับน้าพราน(น้าเบลย์)น้าพรานแกบอกว่าจะพาไปที่น้ำตก “แก่งผักกูด” ที่จริงมีชื่อเป็นภาษากะเหรี่ยงครับ แต่ ผมเขียนไม่ถูกครับ ออก

เสียงยังยากเลย  ทริปที่แล้วที่ไปจุดที่พักคือ “ช่องผาแคบ” ทริป 2 นี้ระยะการเดินเท้าประมาณ 3 ชม.กว่าๆ(สำหรับการเดินเอากล้าม) 4-5 ชม.(สำหรับ

เดินเอาโอที 555+) สำหรับแก่งผักกูด น้าพรานบอกว่าเป็นน้ำตกสูงประมาณ 10 เมตร ครับ เรื่องน้ำกินน้ำใช้คงหมดปัญหาครับ เพราะเห็นน้าบอกว่าน้ำ

ไม่เคยแห้งมีตลอดแต่จะมีมากหรือน้อยแค่นั้นเองครับ ก็เบาใจเรื่องน้ำไปพอสมควร และน้าพรานก็บอกผมอีกว่าไม่เคยมีคนภายนอกไปเลยนอกจากจะ

เป็นชาวบ้านที่หาของป่าและแวะไปพักแถวๆนั้น พวกเราจะเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มแรก ที่ไปเยือนเลยนะครับ

เราจะใช้ชีวิตกลางไพร 3 คืนครับ ไม่รวมคืนที่เรานอนกันที่ปากทางเข้าป่านะครับ คิดว่าจะกลับออกมาจากป่า สายๆของวันเสาร์ที่ 3 มค. เพื่อว่าวัน

อาทิตย์จะได้มีเวลาพักเอาแรง  กลับไปเจอปัญหาต่างๆของวันจันทร์ต่อ 555+ แต่เดิมผมคิดจะพากลับ สายๆของวันอาทิตย์ที่ 4 ด้วยซ้ำแต่คิดว่ามันจะ

หนักไปหน่อย ก็เลยคิดว่า 3 คืนคงพอหายอยากไปได้สักพักนึ่ง  ช่วงที่เราไปผมคิดว่าอากาศน่าจะเย็นนะครับ และคิดว่าทริปนี้น่าจะสนุกกว่าทริปที่แล้ว

เพราะอากาศแห้งนอนสบาย ไปเที่ยวครั้งที่แล้วเจอฝนแต่ก็สนุกไปอีกแบบ ก็อยากให้สมาชิกเตรียมอุปกรณ์ต่างๆให้พร้อมด้วยนะครับ

ส่วนเรื่องอาหารการกิน ก็อย่างที่บอกไว้ต้นๆนะครับ พวกผักป่าก็อาจมีในเมนูด้วยนะครับ เราไป น้ำตกแก่งผักกูด ชื่อมันก็บอกอยู่ครับ คิดว่าน่าจะมีผัก

กูดให้เก็บกินบ้างล่ะครับ ต้นเต่าล้าน ยอดหวาย พริกนก เห็ดป่าบางชนิด ใบและยอดผักป่าอีกมากมายที่เราไม่รู้ว่ามันกินได้ (ผัก ผ้ามิเย่ข๋วย  ก็อาจจะมี 

- -* ) รวมไปจนถึงสัตว์น้ำบางชนิด ถ้ามีเวลาหานะครับ พวกปลากั้ง ปลาสร้อย กุ้ง ปู กบธูป  ป่าที่เราไป ผมรับประกันครับว่าได้เห็น นกเงือก แน่นอนครับ 

เพราะครั้งที่แล้วขนาดยังเข้าไปไม่ไกลมากก็เจอเป็นฝูงเลยครับ เสียดายครั้งที่แล้วผมไม่มีกล้องดีๆแบบซูมชัดๆเป็นแบบธรรมดา เลยไม่ได้เก็บภาพสวยๆ

เลย 

ช่วงที่เราไปก็ยังคงอยู่ในหน้าหนาวนะครับ ลูกไม้บางชนิดก็ออกลูกและคงจะสุกพอดู   เห็นน้าพรานแกว่านะครับ เราอาจจะได้ไปนั่งห้าง เฝ้าต้นลูกไม้สุก

กัน  สมาชิกท่านใดสนใจก็ขอให้รีบมาลงชื่อไว้ก่อนเลยนะครับ เพราะมีผลต่อการคัดเลือก ใครมาก่อนได้ไปก่อนนะครับ (ถ้ารถไม่พอ) แต่ผมก็อยากให้

ไปทุกคนนะครับแต่ต้องดูความเหมาะสมก่อน ส่วนสมาชิกที่ไปครั้งที่แล้ว ผมจะล็อครายชื่อไว้ให้ทุกคนก่อนนะครับ ส่วนใครไม่สามารถไปได้ก็จะจับสมา

ชิคใหม่ไปแทน แต่จะรับเพิ่มครับ และอย่างที่บอกนะครับขึ้นอยู่กับจำนวนรถยนต์ด้วยนะครับ  อย่าลืมนะครับ ผมปิดรับสมัครหลังเที่ยงคืนของวันที่ 15

ธันวาคม   แล้วพบกันนะครับใน”ธุดงค์ไพร 2”

ปล....ท่านใดสงสัยก็สอบถามได้ที่กระทู้นี้เลยนะครับ หรือถ้าผมไม่อยู่สมาชิกเก่าที่ไปแน่ๆก็มาช่วยตอบกระทู้ขอสงสัยได้เลยนะครับ  และขอย้ำว่ากระทู้

นี้สำหรับรับสมาชิกที่จะไป” ธุดงค์ไพร 2” เท่านั้นนะครับ หรือท่านใดจะช่วยเสนอความคิดดีๆก็เชิญนะครับ...ส่วนเรื่องของบริจาคผมจะตั้งกระทู้เร็วๆนี้

เพราะต้องรอเอกสารต่างๆทางโรงเรียนบ้านนาสวน ก่อนนะครับ แต่ก็จะบอกเนื้อหาสาระต่างๆที่สำคัญไปก่อนครับ
จากคุณ : หนุ่มเหน่อ    - [ 6 ต.ค. 51 21:57:56 ]



น้าพราน....พรานนำทางของพวกเราครับ..รวมไปจนถึงดูแลความปลอดภัยให้ด้วย...


น้องลูกหาบจอมอึดครับ...


ตาเหนอสุดหล่อครับ555+กับลูกสาวน้องกล้วยหอม-_-"


คิดถึง....


แม่ตาเหนอครับ..กำลังทอผ้าอยู่
-_-"ส่วนลูกชายนอนขึ้นอืด...รถก็ไม่ได้ขับมันบอกว่ามันเหนื่อยเซ็งจิต


อีกมุมครับ


ดินดี...น้ำดี....ต้นข้าวเลยสูงท่วมหัว


วิถีชาวบ้านครับ


อีกมุม....งามดีจริงๆต้นข้าว


บ้านน้าพราน....


หน้าบ้านน้าพราน


รายได้ของน้าพรานครับ...จวนเก็บผลผลิตได้แล้ว


ทอยครับ...


ชัดๆ


บ้านน้าพรานแกอยู่สูงครับเดินหอบเลย...
ด้วงดักกระรอกครับของน้าพราน
เหนื่อยครับมือสั่น555+


อันนี้โรงเรียนที่จะบริจาคของครับ(จะตั้งกระทู้ใหม่นะครับ)


น้องๆครับ


^_^


^^


แงซายน้อยครับ


จะโดนม่ะเนี๊ยยย-_-"


ครับขอจบกระทู้ขอรับบริจาคแค่นี้ก่อนนะครับ...นี่เป็นส่วนหนึ่งของน้องๆและสภาพโรงเรียนนะครับ...อีกสักพักผมจะรวบรวมข้อมูลต่างๆของการรับ

ของบริจาคในกระทู้หน้านะครับ...รูปข้างล่างเป็นหอนอนสำหรับนักเรียนที่เดินทางไปกลับไม่ได้ครับ...แบ่งเป็น2ห้อง..ชายและหญิง
ปล.เรียนเชิญทุกท่านใน"ธุดงค์ไพร#๒"ได้เลยนะครับ


.....
รายชื่อสมาชิกที่คิดว่าไปใน..ธุดงค์ไพร#๒

1.ผมครับ..หนุ่มเหน่อ.....ไปชัวร์ๆ100%<<<คนชวนไม่ไปโดนด่าเน่าแน่-_-"
2.คุณ.Worraps............ไปชัวร์ๆ100%<<<นักเขียนไพรมหาฮา2
3.คุณ.LW_meaw.........ไปชัวร์ๆ100%<<<ขาลุย
4.คุณ.อาร์ต.................ไปชัวร์ๆ100%<<<คนนี้ก็แจ๋ว
5.พี่ขุนดง60.................ไปชัวร์ๆ100%<<<แจ๋ววว
6.พี่หิมะ.......................ไปชัวร์ๆ100%<<<ซี๊ดดดดด
7.teeo79..และผู้ติดตาม1คน..ไปชัวร์ๆ100%<<<แล้วจะร้องหึหึหึ
8.มิสเตอร์จีซุงตีลังกา......ไปชัวร์ๆ100%<<<<<นักตีลังกา
9.คุณmok_key..............50/50<<<<<เจ๊ใหญ่
10.คุณwiwo.................50/50<<<<<ไปลดความอ้วนด้วยกันดีกั๋ว
11.คุณyamara-tee........50/50<<<<<คริคริรู้ๆกันอยู่
12.พี่สันปันน้ำ..และเพื่อนๆอีก2-3คน............50/50<<<<รอบ2อย่าพลาดหน่า
13.คุณมะลิป่า..และเพื่อนอีก1คน.................50/50

.....
ส่งกำลังใจให้ล๊ะกันค่ะ เห็นภาพ "ทอย" ที่ว่า แล้ว อยากเห็นตอนชาวบ้านเขาตอกทอยขึ้นไปจริงๆ จังเลยนะคะ แล้วต้องร่ายคาถาด้วยมั๊ยล่ะค่ะนั่น เหอๆ

ไอ้เราก็คิดว่าเป็นจินตนาการขึ้นมาเองซะอีก ช่างไม่รู้เรื่องภูมิปัญญาชาวบ้านเลยเรา
จากคุณ : เสี่ยวลี่    - [ วันเกิด PANTIP.COM 00:08:01 ]
.....
เข้ามาแล้วรอบนึง แต่คาดว่าคุณเหน่อยังโพสอยู่เลยไม่เขียด(ปาด)
เลยได้เห็นภาพตอกทอยจริงๆเลย
ขอบคุณนะคะ
ศรีสวัสดิ์เคยได้ไป โหย..ไกลโพ้น แต่คุ้มค่ะ
จากคุณ : บินไปในฟ้ากว้าง    - [ วันเกิด PANTIP.COM 00:29:24 ]
.....
มาลงชื่อซะหน่อย
ในเมืองมันวุ่นวายครับ...
นานๆทีออกไปอยู่กับธรรมชาติบ้างก็ดี
คนอื่นเค้ายังอยู่กันได้ ทำไมเราจะอยู่ไม่ได้ใช่ป่าว...
จากคุณ : Worraps    - [ วันเกิด PANTIP.COM 10:50:47 ]
.....
ตามตาเอี่ยว....มาลงชื่อด้วย ^^
ปล. คห.#3 เท่ห์สะมีหนังกะติ๊กคาดหัวด้วย โฮ๊ะๆๆ
จากคุณ : LW_meaw (LW_meaw)  - [ วันเกิด PANTIP.COM 11:32:54 ]
.....
แหล่มมากพี่หนุ่ม  ถ้ากำหนดการของพี่เปลี่ยนเป็นวันที่ 3 ม.ค.
และของยามะ(เปลี่ยน)เป็น 5 ม.ค.  งานนี้มีเฮ  55555+
แล้วไอ้ผัก ผ้ามิเย่ข๋วย   นี่คือ "ผักเมื่อเย็นนี้" ใช่ป่าวอ่ะ - -
ดูจากกำหนดการที่คร่าว ๆ  (แต่...ยาวเหยียด)  แล้วน่าสนุก
ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง!!!
ยิ่งเห็นรูปน้องชายแล้วยิ่ง...คิดถึง...คิดถึงมั่ก ๆ
อยากหนีความวุ่นวายไปอยู่ป่าจริง ๆ
ปล.คิดถึงแกงป่าxxx จัง
จากคุณ : yamara-tee    - [ วันเกิด PANTIP.COM 12:01:46 ]
.....
ต้องรีบเข้ามาลงชื่อ มะลิป่า..(Mali_Pa1) และเพื่อนอีก 1 คน ขอไปด้วยคนนะค่ะ  ^_^
ดูกำหนดการแล้ว สนใจมาก ปีใหม่ถ้าไม่ติดภารกิจฉุกเฉิน ทริปนี้เจอกันแน่นอนค่ะ
จะได้เดินป่าเป็นครั้งแรก  ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะค่ะ (อย่ารับน้องโหด นะ!!!)
จากคุณ : มะลิป่า.. (Mali_Pa1)   - [ วันเกิด PANTIP.COM 16:24:37 ]
.....
จะร่วมบริจาคได้ทางไหนครับ
จากคุณ : อยากผอม  - [ 9 ต.ค. 51 09:23:36 ]
.....
ตอบคุณอยากผอมครับ
คงต้องรออีกนิดครับเรื่องบริจาคของนะครับเพราะถ้าเป็นสิ่งของไม่แน่ใจว่าจะสะดวกส่งมาให้ได้หรือเปล่าครับ..แต่ถ้าเป็นเงินบริจาคผมคิดว่าน่าจะ

สะดวกกว่า..แต่คงต้องรออีกนะครับเพราะผมกับทางโรงเรียนกำลังดำเนินการเรื่องเอกสารชี้แจงต่างๆนะครับ..เพราะถ้าผมขืนรับเองโดยที่ไม่มีเอกสาร

อะไรมายืนยันเพื่อนๆเลยมีหวังผมถูกแอบด่าหรือโดนด่าเน่าแน่555+....คงเร็วๆวันนี้ล่ะครับ..ถ้าได้เรื่องยังงัยผมจะรีบมาแจ่งให้ทราบนะครับ
ปล.ว่าแต่ไม่ไปเที่ยวกับผมหรอครับ..จัดมาหลายทริปแล้วอยากเจอคุณอยากผอมเหมือนกันนะครับ
จากคุณ : หนุ่มเหน่อ    - [ 9 ต.ค. 51 17:24:27 ]
.....

จะเอ๋..........
แอบเข้ามาดูล่ะซี้...ว่าใครเข้ามาตอบกระทู้.....
ไม่มีใครหรอก นอกจากผม  ก้ากกกๆๆๆๆๆ
จากคุณ : Worraps    - [ 12 ต.ค. 51 12:20:51 ]

^
^
^
หน้าตาน่ากลัวมาก.....
จากคุณ : LW_meaw  - [ 13 ต.ค. 51 07:24:37 ]
.....
ไม่ทราบว่า จะขอไปด้วยได้ไหมรับ
อยากเข้าป่ามากเลย แต่ไม่ค่อยว่าง
คาดว่าครั้งนี้จะว่างครับ
จะไปกัน 2 คนครับ
(ซึ่งเสียดายมากที่ครั้งที่แล้วไม่ว่าง)
จากคุณ : teeo79 (teeo79)   - [ 13 ต.ค. 51 23:23:09 ]
.....
ยินดีต้อนรับค่ะ คุณteeo79
เตรียมตัวให้พร้อม  แล้วไปลุยปลายนาสวนกับพวกเราได้เลยค่ะ
ปล.มาต้อนรับก่อน จขก. อิอิ
จากคุณ : yamara-tee    - [ วันออกพรรษา 00:23:58 ]
.....
ตอบคุณ...teeo79
ยินดีเป็นอย่างยิ่งครับที่คาดว่าจะได้ร่วมเดินทางไปด้วยกัน...แต่ผมรบกวนคุณteeo79ช่วยบอกเป็น%ความเป็นไปได้ในการไปทริปธุดงค์ไพร2ด้วยนะครับ

ว่าประมาณเท่าไรกี่%....และตอนนี้คุณพักอยู่แถวไหนครับเพื่อจะได้วางแผนในการเดินทางครับ.....
ปล.ไปกะคู่ใจหรือเปล่าครับอิอิ....จะได้จัดที่นอนVIP!?ให้ครับ
จากคุณ : หนุ่มเหน่อ    - [ วันออกพรรษา 17:47:16 ]


xxxxxxxxxxxประกาศxxxxxxxxxxxxxx

..............ผมจะรับอีกแค่ไม่เกิน10คนนะครับ.................
เพราะไปมากเกินผมกลัวป่าจะพังเอา..และกลัวว่าจะดูแลเพื่อนๆไม่ดีครับ
จากคุณ : หนุ่มเหน่อ    - [ วันออกพรรษา 21:14:26 ]




23
"บันทึกการเดินทาง..ธุดงค์ไพร.๑" โดยคุณ หนุ่มเหน่อ


ณ.ป่าที่ยังคงเป็นป่า...ที่บ้านปลายนาสวน.จ.กาญจนบรี

1ค่ำคืนในเมืองกับ2ค่ำคืนในดงใหญ่...ร้อยกว่ากิโลเมตรบนถนนดำ
หมื่นก้าวย่ำในดงป่า....5สตรีใจหาญ..5บุรุษใจกล้า...2พรานผู้ยิ่งใหญ่..2ลูกหาบใจเกินร้อย...

จากคุณ : หนุ่มเหน่อ   - [ วันแม่แห่งชาติ 23:16:44 ]



พรานเหนอ....(เพื่อนหนุ่มเหน่อ)


..


หมีขอ..ทิ้งรอย


คนนี้ก็พรานใหญ่...ผมว่า...พอจะเป็นนาย..เกิด..ได้อ่ะป่าว555+
พราน..เบลย์(อ่านให้เป็นภาษากะเหรี่ยงนะ)-_-"แค่เขียนก็ยากแล้วอ่ะ
ปล.ใครถ่ายรูปหน้าพี่เบลย์ได้เอามาลงด้วยเด้อ


พักกายพักใจ..


..


ห้องครัวกะ2ลูกหาบเด็กน้อย...แต่อึดเป็นบ้า


..


...


ใครฟ่ะ


????


???????


ลูกอะไรไม่รู้ครับ..เห็นพรานบอกว่ากินได้..เอาไปแกงส้มมีรสเปรี้ยว


จุดดำๆอ่ะ...นกเงือก
-_-"กล้องนู๋ทำได้แค่นี้ล่ะ


ตัวอะไรอ่ะ


ปล.คนที่ไปอ่ะว่างๆก็เอารูปมาลงนะ...


....รูปตอนขาขึ้นไป..ไม่มีเลยอ่ะ ก้มหน้าก้มตาเดินโล้ดดด รูปบริเวณที่พักคะ


.....
เอ่อ...พี่เหน่อค่ะ รูปที่9 นั่งโป๊ค่ะ
แก้ไขเมื่อ 13 ส.ค. 51 07:38:42
จากคุณ : walnutsoda   - [ 13 ส.ค. 51 03:43:40 ]
.....
#1 เป้ พรานเหนอ เท่!! มากๆเลยค่ะ
#9 โป๊!! จริงๆ ด้วย
จากคุณ : มะลิป่า (Mali_Pa1)   - [ 13 ส.ค. 51 07:57:49 ]
.....
สนุกสนานกันใหญ่เลย พรานหนุ่ม - พรานสาว ณ หนองน้ำแห้ง
จะเป็น P แรพ หรือ K แรพ   พวกเราก็รอดูอยู่นะคะ
# 9 - ใช่ๆ นั่ง ..(โป๊).. รินน้ำข้าว
^ __ ^
จากคุณ : sandhurst  - [ 13 ส.ค. 51 11:47:38 ]
.....

-_-"รูปที่#9มันกระเป๋ากางเกง...คนดูก็ช่างดูจิ๊งจริง....ตั้งใจดูอ่ะดิ
ปล.ของเขาแรงจริงๆ....ชีวาเกือบจะวางวาย


-_-"รูปที่เห็นหนังหน้ากันชัดๆอะไม่ต้องเอามาลงนะ..นู๋หน้าบาง


.....
F5  หลายรอบแล้ว...ยังไม่มีรูป
งั้นโพสรูปที่ยามะถ่ายมาแทนแล้วกัน  - -"
วันเดินทาง...ต้องข้ามน้ำก่อนไปข้ามเขา
จากคุณ : yamara-tee    - [ 13 ส.ค. 51 19:43:04 ]


ข้ามน้ำมาแล้วก็หาอะไรใส่ท้อง...รอรถอีกคัน


^
^
สองคนนี่ทำอารายกันนะ...


อาหารมาแหละ...มื้อแรกที่ทานรวมกัน (ยังไม่ครบคน )และมื้อสุดท้ายก่อนเข้าป่า...


#41  โห้...พี่หนุ่ม...อ่ะ...พูดซะ  - -"
เจ็บไปถึงหัวใจ  555+
ที่สองคนข้างบนก้มดูอยู่ก็คือ  "ไอ้ตัวนี้แหละค่ะ"


แจ่มมากค่ะพี่เหมียว...เด๋วเจ้าหนี้เค้าตามมาถูก


ก่อนไปก็ไหว้พระเอาฤกษ์เอาชัยกันก่อน...
ถ้ำข้างใน น่ากลัวจริง ๆ ...


นกฮูก (- -"?)


แล้วก็...เข้าป่ากันตอนประมาณ  16.00 น.
ฝนตกตลอดทั้งวัน...โอกาสจะถ่ายรูปไม่ค่อยมี
มาถึงลานตั้งแคมป์ ก็...แชะ ๆ ได้ไม่เท่าไร ก็ตกลงมาอีก...
โหด  มันส์  ฮา...จริง ๆ ทริปนี้  555+


ทำอาหารเย็น...กลางสายฝน


แบบเปิดแฟลช...
สมกับมาป่าจริง ๆ ...ได้อารมณ์มั่ก ๆ


^
^
ต้องใช้ไฟฉายส่องทำอาหาร
อาหารป่ามือแรก...กบเนื้อแน่สุด ๆ ตัวใหญ่มั่ก ๆ เคี้ยวแต่ละที...โอ้ ท่าทางมันจะได้กินแต่แมลงตัวใหญ่ ๆ แฮะ ^^"


กับข้าวอย่างแรก เสร็จแล้ว...
ปล.ยังมีคนไม่มารายงานตัว...^^


อย่างที่สอง...


อย่างที่สาม...ง่าย ๆ แต่อิ่มท้อง


เช้าวันใหม่...
ทำกับข้าวไป...ปิ้งรองเท้าไป...
น้าพรานผู้เงียบขรึม...แต่ยิ้มทีหัวใจละลาย  555+
น้องพราน...ผู้ขี้อาย  ไม่กล้าพูด  แถมเขินกล้องอีกต่างหาก


#56  ถูกต้องงงงนะคร้าบบบ...
ว่าแต่...เค้าเกาหลีไม่ใช่เหรอพี่ 
เอ๊ะ หรือ...ฟิลิปปินส์  555+
ข้ามต้ม...มื้อเช้า...ฝีมือแม่ครัวคนเดิม
อร่อยมากค่ะพี่ผึ้ง  ยกให้หนึ่งจอก ^^


...จริง ๆ มีสามกระบอก...หายไปหนึ่งกระบอกตั้งแต่เช้าแล้ว...


ตะกี้หม้อเล็กไป...ต้องเปลี่ยนลงหม้อใหญ่ เพราะไปหลายคน


ไปหน้าฝนดีอย่าง...ไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำกินน้ำใช้...
ใช้กิน  ดื่ม  ทำอาหาร  และอาบ...ทุกอย่างจริง ๆ
น้ำสายนี้...


ถึงอยู่ในป่าก็ต้องรักษาความสะอาดนะค่ะ ^^


บรรยากาศรอบ ๆ แคมป์


...เปล...


.....
ถ้าไปหน้าหนาวช่วงต้นปี สนุกกว่านี้แน่ครับ
อาจจะไม่มีน้ำพอให้อาบ แต่ก็มีกิน
อีกอย่างหน้าหนาวอากาศแห้ง หลับสบายครับ(ถ้าเรามีที่อุ่นๆให้นอนนะ)
*พูดงั้นพูดงี้ จะหาพวกไปคราวหน้านี่เอง  ฮ่าฮ่า...
จากคุณ : Worraps   - [ 13 ส.ค. 51 20:28:26 ]
.....

หัวเราะร่วนมาเชียวน้องเล็กของคณะ...มารายตัวแล้วเหรอจ๊ะ  ^^
หมวกของคุณรพินทร์หนุ่ม...


อ้าว...ลงผิดรูป  ข้างบนเป็นรูป น้าพราน...พอจะเป็น น้าจัน  ได้มั้ยนะ (- -?)
มาดูรพินทร์หนุ่ม  ยิงเป้ากันดีกว่า...


ไชยยันตร์...สุดหล่อ...ก็ซ้อมเป้ากะเค้า


น้ำหนักลดจริง ๆ ค่ะพี่...
ถ้าจะให้ลดอีก...ไปกันอีกคราวหน้า  ช่วงหน้าหนาว...
จะเอาของไปฝาก พรานหนุ่มน้อยสุดหล่อทั้งสอง...
เป้า...ปลากระป๋อง...


.....
น้าพรานแกชื่อ..."เบลย์"
ผักเมื่อเย็นนี้ก็...."ผ้า..มิเย๋..ข๋วย"...-_-"ขนาดเขียนยังยากแล้วอ่านอะ!?
จากคุณ : หนุ่มเหน่อ   - [ 13 ส.ค. 51 20:36:08 ]

.....
ยืนดู...อะไรกันจ๊ะ


T_T รูป.....ผัก "ผ้า มิเย๋ ข๋วย" เรียกยากจังวุ้ย

.....

พี่ยังไม่ซักอะไรเลยจ๊ะน้อง wiwo  แรงเหลือก็เอาของพี่ไปซักด้วยนะ
พี่หนุ่ม...แน่ใจเหรอว่า "ผัก"  มันชื่อนั้นอ่ะ  - -"
ปล. รอดูรูปจากกล้องพี่เหมียวแล้วกัน เพราะไม่ได้ถ่ายผักเมื่อเย็นนี้มา...
ทานข้าวกันแล้วก็...หาของหวานใส่ท้องต่อ...กว่าจะได้กิน...เป็นชั่วโมง
เพราะไม่ได้แช่ถั่วเขียว ...เติมน้ำสี่รอบ...
แต่...คุ้มที่รอกิน 555+


ทานของหวานถั่วเขียวเสร็จก็...ไป...ตามดูรอยเท้าสัตว์กัน
ทายสิ...รอยอะไร ?


มาต่อรูปของยามะ หลังจาต้มผ่านไปหลายชั่วโมง ก็ออกมาเป็นแบบนี้


น้องหมาขวัญใจทุกคน...

 
เห็นสภาพงี้ก็เถอะนะพี่เหมียว...
มีคนเค้ากินหมดหม้อมาแล้ว...5555+
เช้าวันที่จะกลับ...เค้าเล่นอะไรกันนะ (-_-"?)


ยิงกระป๋อง...อิอิ


ยืนยันว่าลำน้ำนี้ใช้เพื่อทุกอย่างจริง ๆ


ปล.เห็นพี่ยามะรับไปแล้ว เลยไม่อยากรับอีก เดี๋ยวหาว่าร้อนตัว...อิอิ
จากคุณ : อัศวินสีส้ม (wiwo)

อ่า...ซวยเลยตู...เค้าแซวอีกคน...(T-T) 
ดันไปรับมาใส่ตัวซะงั้น  ( -_ -")
เก็บของทุกอย่างก็ออกเดินทาง...ไปได้ครึ่งชั่วโมงก็หยุดพักเหนื่อยสักหน่อย...จะได้มีแรงเดินต่อ...


ไม่มีวันไหนที่ฝนไม่ตก...
น้ำที่เราเห็นกัน  ท้ายที่สุดก็มารวมกันที่นี่...
ฝายบ้านปลายนาสวน (- -"?)  ใช่ชื่อป่าวหว่า ?


.....
วันหลังไป...อย่าลืมเอาเสื้อผ้าที่เราไม่ใช้แล้วไปบริจาคให้น้องเขาด้วยนะ..เห็นสภาพความเป็นอยู่แล้วผมเห็นใจจริงๆน้องพรานอีกคนรองเท้ายังไม่มีใส่

เลยคิดว่าคงไม่มีเงินซื้อมั้งครับ.....มีแน่ๆทริป2แล้วเจอกัน555+
จากคุณ : หนุ่มเหน่อ   - [ 13 ส.ค. 51 21:00:17 ]
.....

ดูกันชัด ๆ น้าพราน กะ น้องพราน
น้องอายุ 13  แต่แข็งแรง อึดสุด ๆ เดินเท้าเปล่า...แบกสัมภาระ
นับถือ ๆ ...


น้องพรานทั้ง 2


หมดแล้วค่ะ...เชิญพี่เหมียวโพสต่อ...
(^_^)
จากคุณ : yamara-tee    - [ 13 ส.ค. 51 21:02:54 ]

.....

เหมียวก็ไม่ค่อยมีรูปเท่าไหร่อ่ะ ...ส่วนคลิปมีเหมือนกันแต่ .....
บรรยากาศระหว่างวันภายในที่พัก
จากคุณ : LW_meaw  - [ 13 ส.ค. 51 21:10:16 ]


มองไปมองมาอ๊ะ ถ่ายต้นไม้ซะหน่อย อิอิ


โอเช  จัดปายยยยย


ต้นไม้....


และต้นไม้ .....(ทำไมถ่ายแต่ต้นไม้ง่ะ)
จากคุณ : LW_meaw  - [ 13 ส.ค. 51 21:23:09 ]


.....
อย่างนี่สิครับ.. เขาถึงจะเรียกว่า เข้าถึงและสัมผัสเสน่ห์แห่งฤดูกาลจริงๆ... นอนกลางดินกินกลางไพร นอนฟังเสียงใบไม้ สบัดใบกับสายฝน...สุดยอด

ครับ..อิจฉาครับ อิจฉา...
จากคุณ : เอก อารยันต์  - [ 14 ส.ค. 51 20:03:18 ]




24
อาหารเช้านี้


อ๊อมี


มีห้องด้วย..ในตัวกระท่อม


หลังใหญ่มาก


อีกมุม


ดูจากมุมสูงดูบ้าง   เหมือนกล้องผมจะถ่ายโดนแสงอะไรซักอย่าง
กร๊ากกกกกกกกกก


หลังกระท่อมครับ


หลังกระท่อมอีก


น้ำใสในป่าสูง


ต่างคนต่างวิถีไม่ว่าจะคนหรือสัตว์


ที่กรุงเทพจะมีให้เห็นหรือเปล่า


บ้านธุดงค์ไพรยินดีต้อนรับครับ   ^____^


หล่อมาเชียว


น้าเบล พรานคู่ใจครับ


วัดความอืด  กร๊ากกกกกกกก


กับเจ้าขาว


สุดท้ายแล้วครับหวังว่าคงจะจุใจ ขอขอบคุณพี่ๆเพื่อนๆที่ช่วยกันบริจาคเงินให้น้าพรานอีกครั้งนะครับ  ขอขอบคุณเพื่อนๆชาวคณะธุดงค์ไพรที่ช่วยลงขัน

กันสร้างบ้านธุดงค์ไพร และขอขอบคุณที่ไว้ใจให้ผมพาไปลำบาก555+  และขาดไม่ได้ขอขอบคุณธรรมชาติที่สวยงานที่ให้เราได้รู้รสชาติที่แปลกใหม่อยู่

ตลอดเวลา
ด้วยความนับถือ
ตาหนุ่มเหน่อ


..........
ขอบคุณค่ะสำหรับภาพน่ารักๆๆๆๆในป่าใหญ่
จากคุณ   : แมงรัก (วันรักมะลิหอม)  Bloggang
เขียนเมื่อ   : 12 ก.ค. 52 11:41:33
.....
ตามมาดูอีกรอบ
ขอบคุณที่เอามาให้ชมกันนะคะพี่หนุ่ม
>_<
จากคุณ   : ยอดอ่อนใบตอง  FriendFlock Bloggang
เขียนเมื่อ   : 12 ก.ค. 52 13:43:56
.....
เยี่ยม แซวอีน้องตลอดๆๆๆๆ 
เดี๋ยวเค้าฟ้องเจ๊พี่สะใภ้ ^_^
จากคุณ   : yamara-tee  FriendFlock Bloggang
เขียนเมื่อ   : 12 ก.ค. 52 18:04:17
.....
ชุ่มฉ่ำกันทั้งทีมเลยน่อ
เที่ยวป่าหน้าฝน...กับบรรยากาศเขียวครึ้ม
สงสัยผลไม้ป่าพวงใหญ่ในมือสาวๆ คืออะไรครับ
    งงกับวิธีการเฉพาะตัวหนุ่มเหน่อ ในการบรรยายชื่อ
คนในรูป จาก ขวามาซ้าย
    กบธูป( ตัวเบ่อเริ่ม)ของหนุ่มเหน่อ กับ กบเทียน ในเพชร
น่าจะชนิดเดียวกันนะครับ สาวๆในคณะน่าจะแปลงโฉมเป็น
นายหญิงดารินแล้วทำข้าวต้มกบเทียน ให้ชาวไพร กินตอนดึกๆนะ
จากคุณ   : สันปันน้ำ
เขียนเมื่อ   : 12 ก.ค. 52 18:31:22
.....
ขอบคุณสำหรับลำนำล่องไพร ฉบับคุณหนุ่มค่ะ  น่าหนุกจริงๆ
จากคุณ   : Yamashiro  FriendFlock Bloggang
เขียนเมื่อ   : 13 ก.ค. 52 14:30:22
.....
ขอบคุณสำหรับภาพค่ะ และธรรมชาติอันแสนสวยค่ะ
จากคุณ   : ~แอ่งน้ำซับ~ (Oases)  FriendFlock Bloggang
เขียนเมื่อ   : 13 ก.ค. 52 17:12:27
.....
ชอบลำธารมากครับบ   คิดถึงเขาที่บ้าน
ธุดงค์ไพร 3 ไปด้วยนะครับคุณหนุ่ม
จากคุณ   : กระบือ ลือนาม  Bloggang
เขียนเมื่อ   : 13 ก.ค. 52 18:20:02
.....

ขอบคุณพี่ๆเพื่อนๆชาวหนองน้ำแห้งนะครับที่แวะมาดู...^___^
ส่วนเพื่อนคนไหนสนใจอยากจะไปร่วมแจมกับผมสักครั้งก็ขอเรียนเชิญนะครับ...ถ้าไปแบบสบายๆก็ยังไม่ถึงทริปธุดงค์ไพร#3  อาจจะมีเรื่อยๆครับ ธุดงค์

ไพร#3ผมคิดว่า  น่าจะปีหน้า555+

จากคุณ   : หนุ่มเหน่อ  FriendFlock Bloggang
เขียนเมื่อ   : 13 ก.ค. 52 22:05:52

.....
กลุ่มพราน และยายยังน่ารักดูแข็งแรงเหมือนเดิม...
ที่เป็นพื้นบ้านเค้าเรียก "ฟาก" รึเปล่าคุณหนุ่ม  สวยดี....
ไปครั้งที่แล้วเสียดาย  ไม่ได้กินกบ...แฮ่!!!
เน้นกินตลอด...
จากคุณ   : นานเท่าไหร่ก็จะรอ  FriendFlock
เขียนเมื่อ   : 15 ก.ค. 52 19:41:02
.....

#157 มีโอกาสก็เรียนเชิญนะครับ^___^

#158 ยายและพรานยังคิดถึงพวกเราเสมอครับ..ส่วนกระบอกไม้ไผ่ที่เอามาทำพื้น.."ฟาก"  ถูกต้องแล้วครับ(ทริปหน้าโอกาสดีๆไว้เจอกันอีกนะครับคุณเอ)


.....
บรรยากาศแบบนี้ต้องไปนอนอ่านเพชรพระอุมาสักหนึ่งเดือนอิอิ
น่าจะได้บรรยากาศสุดๆ นอนฟังเสียงฝนตก กระทบหลังคากระท่อม
ต้นไม้เขียวสดชื่นแจ่มใส
จากคุณ   : ผู้เฒ่าเด็กดื้อ
เขียนเมื่อ   : 26 ก.ค. 52 05:11:06

---------------------------------------------------------------------------------------------



25
.....
หิวๆ


ต่อด้วยพรานคู่ใจครับ


เจ๊ใหญ่


ตาเอี่ยว


ไปเดินเล่นดีกว่า


ชมพู่ป่า


.....
โห หิวได้อีก
เข้ามาดูกี่ทีก็ไม่เบื่อเลยค่ะ
แต่ละคนเล่าก็ได้อารมณ์ไปคนละแบบ
ยิ่งดูยิ่งเสียดาย 555
จากคุณ   : ยอดอ่อนใบตอง  FriendFlock Bloggang
เขียนเมื่อ   : 11 ก.ค. 52 00:07:03
.....
ขอบคุณที่นำภาพมาให้ชมครับ  ...ชอบอ่ะ ชอบบบ..........อยาก.............................                                                         
กินกบทอดกะเทียม...ซี้ดดด
จากคุณ   : ปลาคลัก
เขียนเมื่อ   : 11 ก.ค. 52 01:20:58
.....
กรี๊ดดด....อยากกินกบทอดกระเทียม
จากคุณ   : Blue Wednesday
เขียนเมื่อ   : 11 ก.ค. 52 10:43:29
.....
บ้างก็โทรหาหวานใจ?!
# แหมมมมมม ไม่ต้องบอกเลยว่า "บ้าง"  ก็พี่หนุ่มนั่นแหละ เห็นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตลอดเวลาโทรเลย
ถ้าปลายสายไม่ใช่เจ๊พี่สะใภ้ล่ะก็ สงสัยคราวนี้งานเข้า โฮะโฮะ
จากคุณ   : yamara-tee  FriendFlock Bloggang
เขียนเมื่อ   : 11 ก.ค. 52 11:27:04
.....
อยากกินกบทอดกระเทียมอ่ะ ซู้ดดดดดดด(สูดน้ำลายหน่อยนึง)
จากคุณ   : นาคเทวี (moonoibeaver)  Bloggang
เขียนเมื่อ   : 11 ก.ค. 52 20:33:08
.....
มาซี๊ดซ๊าดกับกบกระเทียมด้วยอีกคน
หิวเหล้าเลย  ^ ^
จากคุณ   : บินไปในฟ้ากว้าง  FriendFlock Bloggang
เขียนเมื่อ   : 11 ก.ค. 52 20:41:09
.....
มาต่อกันครับ  ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้ขาดตอน  เน็ตไม่ค่อยจะดีครับ
ขอขอบคุณเพื่อนๆที่แวะเข้ามาชมครับ
จากคุณ   : หนุ่มเหน่อ  FriendFlock Bloggang
เขียนเมื่อ   : 12 ก.ค. 52 07:46:22
.....

ผักกูดใต้ไม้ใหญ่


ถึงตัวจะตายแต่ก็ยังมีความหมาย
"ซากชีวิตเก่ากับสิ่งมีชีวิตใหม่"


ทำอะไรกัน


หลายคนสงสัยว่าสาวๆจะอาบน้ำกันยังไงกลางป่ากลางดง


บ้านผมครับ นอนสบายกว่าใครเพื่อน  ขนาดเจ้าพะบอง  ยังมาขออยู่ด้วยเล


ขอโชว์ตัวมั้ง


วิธีปลูกป่าแบบง่ายๆ


อีกภาพกับพรานคู่กาย


ภาพหมู่ก่อนกลับ


^
^
ภาพบน
สมาชิกแถวหน้า(นั่ง)จากขวาสุด
ลุงคิซะเวล์ พี่พร พี่ชายตาเหนอ  พี่ท่านประธาน น้องด้าย
แถวกลาง ขวาสุด
คุณน้อย คุณเอ๊ะ(คนใช้ใครไม่รุ) น้องพู่ คุณเหมียว
แถวหลังสุด จากขวา
น้าพรานเบล น้องเคิ้ง น้องพุ่ม  ตาอูฐ ตาใหม่  ตาเอี่ยว

ส่วนที่ไม่มีรูปคือผม-_-"

.....
ขอเสนอหน้าหน่อย555+


เดินกลับออกมาจากป่าแล้วครับ


เห็ดแบบนี้มีให้เห็นตลอดสองข้างทาง


ป่าที่เรามาเที่ยวกัน เป็นป่ารุ่นลูกของป่าเมื่อประมาณ 30 กว่าปีก่อน คงเป็นระยะนั้นต้นไม้ที่หลงเหลือมาจนถึงรุ่นของเรายังโตไม่ได้ขนาด แต่ก็ยังอดคิด

ไม่ได้ว่า ขนาดเป็นรุ่นลูกยังมีต้นไม้ขนาดนี้ ถ้าเป็นป่าเมื่อ 30 ปีก่อนมันจะยิ่งใหญ่ขนาดไหน
สลิงขนาดใหญ่ยังบ่งบอกว่าเคยมีการทำไม้ให้เห็นเป็นระยะๆ อายุก็น่าจะไม่ต่ำกว่า  20-30 ปี


คนกับป่า


ป่ากับคน


นายไม้?


^__^


...


เจออีกแล้ว


ผมชอบนะเที่ยวป่าหน้าฝน


ลุงคิซะเวล์กับซุงใหญ่


ชอบจริงป่าฝน


เจออีกแล้วชมพู่ป่า ว่าแล้วต้องลองดู รสชาติฝาดๆติดเหงือกยังไงไม่รุ


กระวานป่า ช่วงนี้หาได้ง่ายในป่า  ชาวป่าแถวนั้นก็จะหาลูกกระวานไปขายในเมืองกิโลละหลายร้อยบาท เป็นอีกอาชีพหนึ่งนอกจากการทำไร่ข้าวโพด

ทำนา ก็คือการเก็บหาของป่า


ตัวอะไรไม่รู้ครับ555+


แงซายน้อย แม่ยกเยอะจริงๆ


ดูเขาทำท่า


^____^


ต้นอะไรไม่รู้แต่สวยดี


..


ตาใหม่บอกว่าจะเอาไปปลูกใกล้ๆบ้านของเรา


ยังไหว...


...


ข้ามน้ำตกเล็กๆ


..


สวยดีครับ


มีเยอะแยะ


..


สาวๆเขาไปดูอะไรกัน


อ๋อ...ยายฉิมจะไปเก็บเห็ดนี่เอง   ก๊ากกกกก


สวยดี


..


ใกล้ถึงแล้วครับ


ฟ้าหลังฝน


พระอาทิตย์กำลังจะขึ้น...
ก๊ากกกกกกกกกก


..


ขอหล่อมั้ง


มีความสุข


กลับมาบ้าน...ยายมาเยี่ยมครับอายุก็มาแล้วยังออกไปทำไร่บนเขาได้อยู่เลย แข็งแรงจริงๆ


ผมก็หวังดีเห็นเดินตากฝนมากลัวจะหนาวเลยส่งยาแก้หนาวให้ยายสีแดงๆแต่ยายไม่ดื่มสีแดงๆดื่มแต่สีขาวๆ....งานเขาเลยผม -_-"


มีของหวานด้วยบัวลอย


...


ข้าวเย็น


เช้าแล้วปลูกต้นไม้ดีกว่า


เจ๊เหมียวก็เอาด้วย


ของผมครับ....ยางนา    ตามที่เคยตั้งใจไว้


ปลูกด้านหลังศาลด้วย


...





26
[เฉียดๆในเรื่อง]ทริปธุดงค์ไพร ตอน เปิดบ้านธุดงค์ไพร ไปกับตาหนุ่มเหน่อ


Pantip : http://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/2009/07/A8067700/A8067700.html

12:25 น. ของวันที่ 4 ก.ค. เวลานี้หลายๆคนอาจจะกำลังกินข้าวกลางวันอย่างเอร็ด หรือบ้างก็กำลังตั้งหน้าตั้งตาทำงาน แต่สำหรับผมแล้ว มันเป็นนาที

ทองที่ผมนับวันรอคอยมานาน ผมควบเจ้าขาวรถยนต์คู่กายและเพื่อนคู่ใจไปบนถนนตามลำพัง ช่วงเวลานี้รถบนถนนมีมากกว่าเดิม อาจเป็นเพราะเป็น

วันหยุดติดต่อกันหลายวัน ตางคนก็ต่างกลับบ้านที่ต่างจังหวัด หรือบ้างก็พาครอบครัวมาเที่ยว ตลอดเส้นทางขาเข้ากรุงเทพ จึงมีรถจอดซื้อผลไม้ต่างๆ

จากระยอง ไม่ว่าจะเป็น เงาะ ทุเรียน ซึ้งตลอดสองข้างทางจะมีวางขาย บ่ายกว่าๆเจ้าขาวของผมก็มาจอดติดเครื่องกระพือ เวลาในยามนี้ช่างร้อยเสียจริงๆ 

หลังจากพักกินน้ำเย็นๆที่แวะซื้อแถวๆนั้น หายเหนื่อยดีแล้วก็ควบเจ้าขาวบึ่งเข้ากรุงเทพทันที

            บ่ายสามโมงกว่าๆ  กว่าผมจะขับรถมาถึง อนุสาวรีย์ เพราะจุดหมายแรกคือตองรับ  ตาเอี่ยว ที่จุดนัดพบเดิมประจำ พอถึงที่หมายก็เห็นตาเอี่ยว

ยืนหน้ามึนอยู่ข้างถนน เสื้อยืดกางเกงสามส่วนเป้หนึ่งใบกับถุงกล้วยหอมงอมๆสามสี่ลูก หลังจากทักทายกันพอหอมปากหอมคอก็จัดแจงยัดเป้หลังรถ

ซึ้งด้านหลังรถของผมก็มีแต่ของเต็มไปหมด ไม่ว่าจะต้นยางนาที่ผมตั้งใจจะนำไปปลูก ถุงเสบียงต่างๆ ทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมแล้ว และเราต้องรีบเพราะ

จอดรถนานไม่ได้เดียวคุณพี่หัวขาวเขาจะมาทักทาย  เจ้าขาวเครื่อนตัวไปอีกครั้ง จุดหมายต่อไปคือ  BIG-C นครปฐม  เพราะต้องแวะรับคุณท่านประธาน

ขับรถมาซักพักก็ให้ตาเอี่ยวเป็นคนติดต่อนัดแนะเวลา   กะว่าคงไม่เกิน  1 ชม.น่าจะถึง

          เกือบๆบ่ายสี่โมง  ผมก็มาถึงจุดนัดพบคุณท่านประธาน พักหาน้ำเย็นๆกินกับตาเอี่ยว  ได้พักก็เห็นพี่ท่านเดินมึนๆมา  ผมเองก็ไม่เคยเห็นหน้าว่า

พี่ท่านเป็นยังไง กว่าจะรู้ก็เกือบเดินเลยรถผมไปแล้ว

            เกือบๆจะหกโมงเย็น คณะของผม ที่มีตาเอี่ยวและพี่ท่าน ก็มาถึงจุดนัดพบที่ร้านตาเหนอ เพราะนัดไว้กับพวกที่นั่งรถตู้กันมารอก่อน ทุกคน

พร้อมหน้าพร้อมตาดี ไม่ว่าจะน้องใหม่ที่แว๊บแรกที่ผมเห็น ผมรู้เลยว่าหมอต้องเป็นคนใต้ และก็จริงๆ อีกคนคืออูฐ คู่หูแต่ไม่รู้ว่าจะคู่ฮากับหลวงใหม่หรือ

เปล่า สองคนนี้เป็นสมาชิกใหม่จากลาดกระบัง อีกสองสาวคือ คุณน้อย(มะลิป่า)และน้องพู่(ยามะ)  หลังจากช่วยกันขนของลงจากเจ้าขาวจนหมดแล้ว

เกือบๆจะทุ่มพวกเราก็ไปหาอะไรกินกันแถวๆตลาดในตัวเมืองกาญจน์ เพื่อรอรถอีกคัน

            20:10น.ทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป้ เต๊นท์ เครื่องสนามต่างๆที่ผมหอบไปเอามาจากบ้าน ก็ถูกจัดเรียงเป็นระเบียบบนรถยนต์ของแม่ผม ซึ้งท่านจะ

ไปส่งพวกเราด้วย และผมเองก็อยากจะพาท่านมาหลายครั้งแล้วแต่ไม่มีโอกาสซักที ครั้งนี้เลยอ้างว่ารถไม่พอนั่ง เพราะรถตาเหนอไม่ว่าง(จะบาปมั๊ยครับ) 

ทุกอย่างพร้อมดีแล้วเจ้าขาวของผมก็มีสมาชิก 5 หนุ่ม เพราะรถผมคันเล็กเลยอัดได้ไม่มาก ส่วนสาวๆกับตาเหนอให้ไปรถแม่ของผมพร้อมกับไอ้ตัวแสบชิ

โร่ก็ตามไปด้วย

              22:30น.ขบวนรถของพวกเราทั้งสองคันก็มาจอดนิ่งบนแพขนานยนต์  ก็เล่นให้สมาชิกใหม่ คือหลวงใหม่กับตาอูฐถึงกับออกอาการ

ผม....เป็นไงน้อง
ใหม่... "แค่นี้ก็สุดยอดแล้วพี่" 
ผม..ยังมีเด็ดกว่านี้น้อง
......ก่อนทั้งสองจะยืนทอดอารมณ์อย่างมีความสุข(ถ้าผมคิดไม่ผิด)
20 กว่านาทีบนแพขนานยนต์ หลายคนก็นั่งทอดอารมณ์ บ้างก็เดินสำรวจ บ้างก็โทรหาหวานใจ?!

           ห้าทุ่มกว่าแล้วพวกเราก็มาถึงบ้านแม่ตาเหนอ อีกไม่กี่กิโลแล้วซินะ พวกเราก็จะมาถึงจุดหมายแล้ว ถึงจุดนี้ก็ต้องช่วยกันถ่ายของจากรถแม่ผม

มายัดในรถผมให้มากที่สุดเพราะทางข้างหน้า รถของแม่ผมจะผ่านหรือเปล่ายังไม่รู้ เพราะเป็นรถธรรมดา  ไหนจะต้องข้ามห้วยอีก ก็ไม่รู้ว่าฝนลงไป

เยอะหรือเปล่า ถ้าพลาดติดข้ามไม่ได้ งานเข้าแน่ ทางที่ดีเอาชัวร์ไว้ก่อนดีกว่า

           ขบวนรถเราไปอย่างช้าๆอย่างใจเย็น ปีนเนินลูกเล็กไม่ชันมาก แต่บางเนินก็ไม่ใช่เล่นๆ ผมขับลัดเลาะไปตามถนนลูกรังช้าๆ บางครั้งก็ต้องผ่อนให้

ช้าลงเพราะต้องคอยดูรถคันหลังที่ตามมาอยู่ห่างๆ ถึงช่วงสำคัญแล้ว คือห้วยน้ำที่อยู่ข้างหน้า ผมใจชื่นขึ้นมากเพราะระดับน้ำในห้วยไม่เยอะมากเลย

ข้ามได้อย่างสบายๆ แต่ก็มิวายที่ผมต้องลงมาดูตอนรถแม่ผมจะต้องข้ามมา แต่ด้วยฝีมือตาเหนอเลยผ่านมาได้อย่างสบายๆ  ผมควบเจ้าขาวมาช้าๆปีน

เนินขึ้นอย่างช้าๆ  และเนินนี้เป็นเนินสุดท้ายแล้วผ่านเนินนี้ไปก็จะถึงบ้านแล้ว พอผมขับผ่านเนินที่มีตีนเขาบังเหลี่ยมมุมเล็กน้อยพอพ้นแล้ว...ภาพที่ผม

เห็นและคนอื่นๆเห็นแล้วคงจะต้องคิดแบบเดียวกันคือ..มันเป็นภาพประทับใจผมมาก กระท่อมหลังใหญ่ที่ด้านล่างมีกองไฟก่องใหญ่ที่มีเปลวไฟลาม

เลียอยู่วาบแวม แถมด้วยแถวตะเกียงน้ำมันที่จุดเรียงไว้เป็นแถวไม่ต่ำกว่าสามสิบดวง.....ลองหลับตานึกภาพดูสิครับ 

                  เจ้าขาวของผมมาจอดสงบนิ่งอยู่ใต้ต้นมะขามใหญ่ต้นหนึ่ง พอรถทั้งสองของพวกเราดับเครื่องยนต์แล้ว  เสียงของธรรมชาติก็แทรกเข้ามา

แถนที่  เสียงกรีดปีกของแมลงนาๆชนิด นานๆครั้งก็มีค้างคาวบินมาโฉบเฉี่ยวใกล้ๆพอจะเห็นตัวลางๆจากกองไฟหน้าบ้าน ก้าวแรกที่ผมลงจากรถคือ

การสูดอากาศให้เต็มปอด แค่ครั้งเดียวก็หายเหนื่อย อากาศตอนนี้เย็นกำลังดีทุกคนเลยสดชื่น หลังจากทักทายน้าเบลและพี่พร ที่รอการมาของพวกเรา

มานาน ต่างคนต่างช่วยกันจัดของขึ้นไว้บนกระท่อมหลังใหญ่ของเรา โดยไม่ต้องให้บอก เพราะรู้หน้าที่กันดี  ผมมาครั้งนี้กระท่อมเปลี่ยนไปมากจากครั้ง

ที่แล้วมาก เพราะครั้งก่อนมาก็ว่าใหญ่แล้วมาครั้งนี้ใหญ่กว่าเดิมหลายเท่าตัว  ใครจะเชื่อว่าจะสามารถกางเต๊นท์ได้ถึง 9 หลัง!?
จากคุณ   : หนุ่มเหน่อ  FriendFlock Bloggang
เขียนเมื่อ   : 10 ก.ค. 52 21:39:48

...............

ความคิดเห็นที่ 1
ก่อนจะเริ่มเรื่องผม ขอตัดมาเรื่องการช่วยเหลือจากพี่ๆเพื่อนๆที่ช่วยกันบริจาคเงินช่วยเหลือน้าพรานเบลด้วยนะครับ เรื่องเกิดมาจากบ้านเดิมของน้า

พรานได้ถูกช้างสีดอพังซะ  แต่ก็ยังดีที่ตอนนั้นน้าพรานแกไม่ได้ไปนอนที่บ้านแต่มานอนที่กระท้อมของผม และไหนๆกระท่อมผมก็กำลังจะเสร็จ(ในตอน

นั้น)ผมเลยยกกระท่อมของพวกผม(ซึ่งได้ช่วยกันแชร์เงินกันสร้าง)ให้น้าพรานแกเสียเลย ซึ้งผมคิดว่ามันเป็นผลดีและเป็นสิ่งที่ดีแล้ว ให้น้าพรานมาอยู่เสีย

เลยน้าพรานจะได้ไม่ต้องททำบ้านใหม่ส่วนพวกเราก็มีคนดูแลบ้านให้ไปในตัว

ขอขอบคุณ-/\-
คุณพี่แป๋ว คุณโอจิ คุณทุม คุณเอ และคุณเจี๊ยบ ที่ช่วยบริจาคเงินให้น้าพรานซึ่งเมื่อรวมกับของผมแล้วได้ยอดเงินทั้งหมด 5000 (ห้าพันบาท)

รูปนี้บ้านน้าพรานก่อนโดนช้างป่าเล่นงานครับ

จากคุณ   : หนุ่มเหน่อ  FriendFlock Bloggang
เขียนเมื่อ   : 10 ก.ค. 52 21:50:19

.....
ความคิดเห็นที่ 2
และรูปนี้หลังจากคุณช้างน้อยมาเยี่ยมครับ


.....
ความคิดเห็นที่ 3
อีกมุมครับ


......
ความคิดเห็นที่ 4
อีกมุมกับตาเอี่ยว


.....
ความคิดเห็นที่ 5
ขอโทษ ที่ปาด ใช่ บ้านที่ตอนก่อนเข้าป่า เดินขึ้นเนินไป ก่อนถึง ประตูน้ำ...นั้นหรือเปล่าครับ...
จากคุณ   : ฟองฟ้า ละอองเมฆ
เขียนเมื่อ   : 10 ก.ค. 52 21:56:37

.....
 ความคิดเห็นที่ 6
ช้างน้อยใจร้ายจัง
ทำบ้านคุณพรานพังซะแล้ว
จากคุณ   : WHITEDAHLIA
เขียนเมื่อ   : 10 ก.ค. 52 22:10:47

.....
ความคิดเห็นที่ 7
ตัดมาเข้าเรื่องกันต่อดีกว่านะครับ

       หลังจากช่วยกันจัดของและกางเต้นท์บนกระท่อมเสร็จผมก็ให้คนที่ว่างๆโดยเฉพาะสาวๆไปจัดแจงอาบน้ำกันก่อน หลังจากเดินไปสำรวจดูรอบๆ

กระท่อมดีแล้วก็ดึงตะเกียงน้ำมันที่ปักไว้รอบๆกระท่อมไปสองสามอันนำไปปักใกล้ๆกับห้วยที่มีกระแสน้ำไหลริน ที่กระทบแก่งหินดังจุ๋งจิ๋งอยู่เบาๆ เดินดู

ความเรียบร้อยและทางเดินที่ลงไปอาบน้ำดีแล้วก็ส่องไฟนำสองสาวไปอาบน้ำตามสบายใจหล่อน(โดยผมเดินกลับไปที่กระท่อม รู้นะคิดอะไรอยู่ -*-)

        อาบน้ำอาบท่ากันเรียบร้อยดีกันหมดแล้วก็คว้ากีต้าร์กับยาแก้หนาวมาตั้งวง ผ้าใบผืนใหญ่ถูกปูลงบนพื้นหน้ากระท่อมข้างๆกองไฟใหญ่ โดยมีเสา

ตะเกียงน้ำมันปักอยู่รอบๆผ้าใบที่เราปูนั่ง  หลังจากนั้นดนตรีสดกลางไพรก็เกิดขึ้น

        เวลาผ่านไปเท่าไหร่ไม่มีใครรู้ เพราะสนุกจนลืมเวลา ฝนก็ตกลงมาเล็กน้อย คณะดนตรีกลางไพรของเราเลยต้องขยับขึ้นไปเล่นกันข้างบนกระท่อมต่อ

มารู้อีกทีก็ตีสี่เข้าไปแล้ว จึงต้องปิดการแสดงกันก่อน  เพราะต้องพักออมแรงไว้เดินต่อในตอนเช้าของวันพรุ่งนี้ ทุกคนก็เข้าเต๊นท์นอนกันหมดเหลือแต่ผม

กับตาเหนอที่ขอผูกเปลนอนดีกว่า อากาศเย็นสดชื่นกับเสียงฝนที่กระทบหลังคาใบไม้อยู่เปาะแปะ....ไม่นานผมก็หลับไปโดยไม่รู้ตัว

ปล.รูปตอนกลางคืนผมไม่ได้ถ่ายไว้  ดูภาพได้จากกระทู้ของคุณยามะได้นะครับ ^___^


ว้าวววว....เช้าแล้วววว

จากคุณ   : หนุ่มเหน่อ  FriendFlock Bloggang
เขียนเมื่อ   : 10 ก.ค. 52 22:17:49

.....
ความคิดเห็นที่ 8
#5 ใช่แล้วครับพี่ฟองฯ

#6 เป็นเรื่องธรรมดาครับก่อนคนจะไปอยู่ แถวๆนั้นอาจจะเป็นบ้านของเขาก่อนก็ได้ครับ
จากคุณ   : หนุ่มเหน่อ  FriendFlock Bloggang
เขียนเมื่อ   : 10 ก.ค. 52 22:21:14

.....
ความคิดเห็นที่ 9
ดูกระท่อมอีกมุมนะครับ

จากคุณ   : หนุ่มเหน่อ  FriendFlock Bloggang
เขียนเมื่อ   : 10 ก.ค. 52 22:28:10

..........
ความคิดเห็นที่ 10
อ๊อมี
ผัดหน่อไม้ใส่ไข่,แกงไก่บ้าน,ต้มจืด

จากคุณ   : หนุ่มเหน่อ  FriendFlock Bloggang
เขียนเมื่อ   : 10 ก.ค. 52 22:30:42

.....
หลวงพี่ใหม่นั่งเรียบร้อยเชียว555+
ข้างๆก็พี่ท่าน


.....
เข้าป่าดีกว่ามีแรงแล้ว


^__^


..


ครึ่งแรก


เข้าป่าแล้ว


เจออะไรสวยๆงามๆ(คิดเอาเอง)ก็ถ่ายหมด


พักอีกครั้ง


แก่แล้วก็แบบนี้หล่ะครับ....กร๊ากกกก


พอๆกันไม่ต้องนิ่ง


...


ฝนลงแล้ว...คิดว่าจะไม่ได้ใช่แล้ว
ใครเป็นใครดูเอาเอง


ขึ้นเขาด้วย


หอบ


ว่าแล้วไอ้สองหน่อมันหายไปไหน...มาหลบฝนอยู่ในนี้นี่เอง
ยิ้มหวานสบายใจเลย


คิดถึงภาพเก่าๆ...
ในรู้คือที่พักเมื่อตอนครั้ง ทริปธุดงค์ไพร 1 เมื่อวันที่ 9 สิงหา ปีที่แล้ว


^___^
รูปปีก่อนครับ...จุดเดียวกันแต่คนละมุม


ริมผาแห่งหนึ่ง


ใต้ซุงใหญ่แห่งหนึ่ง
ตาใหม่


ใต้ซุงใหญ่อีกด้านหนึ่ง


ถึงแล้วววว


หุงข้าว...แบบได้อารมณ์


ห้องอาบน้ำสาวๆ


ข้าวเย็นครับ


ในถุงBIG-Cคือถุงปลาที่ผม,พี่ท่าน,ตาใหม่,ตาอูฐ ไปฟันกันมาครับ


กบอะไรไม่รู้ครับ...รู้แต่ว่ามันร้องเสียงดังมากตัวก็ไม่ใหญ่


มาดูกบธูปตัวใหญ่ๆกันครับ...สองกะเหรี่ยงน้อยไปหามาเมื่อคืน


ลุงคิซะเวล์กับพี่ชายตาเหนอกำลังช่วยกันทำปลาทำกบ


ที่พักในตอนเช้าครับหลังจากเมื่อตอนเช้ามืดฝนตกลงมา


กบทอดกระเทียมครับขอบอกว่าเอาเฉพาะขามัน...ส่วนตัวเอาไปแกงครับ


ตาอูฐขอโชว์มั้ง555+


เจ้าแม่นั่งรอ.....ตรูหิวแล้วววว


คนละไม้คนละมือ


อย่าลืมแกงส้มปลากั๊งนะ


กบธูป ตัวใหญ่จัง พอๆกับไก่เลยคะ
จากคุณ   : gratang  Bloggang
เขียนเมื่อ   : 10 ก.ค. 52 23:39:54
.....
ปาดกับเขียดกับเค้ามั่ง
หิวกบทอดกระเทียมจังค่ะ
จากคุณ   : อายากะ  FriendFlock
เขียนเมื่อ   : 10 ก.ค. 52 23:40:08
.....



27
นิยาย แนวผจญภัย บทที่ 14 ตอนที่ 3


บทที่ 14

ตอนที่ 3


          ตลอดระยะเวลาที่ล่วงเลยผ่านไป ความเงียบสงบก็เริ่มกลับมาเช่นเดิม เสียงรองไน ยังคงกรีดปีก กล่อมไพร ผสานกับเสียงไหลรินของสายน้ำ นานๆครั้งก็มีเสียงสัตว์ป่ากู่ร้องออกมาให้ได้ยินสักครั้งหนึ่ง เสียงมันดังออกมาจากดงทึบที่ใดสักแห่งไกลออกไป ยิ่งดึกสงัด อากาศก็เริ่มเย็นยะเยือก น้ำค้างก็ลงจนเป็นละอองฉ่ำประพรมไปทั่วทั้งบริเวณ มีเพียงกองไฟกองใหญ่เท่านั้น ที่พอจะบรรเทาความหนาวเหน็บนี้ไปได้ พรานนำทางนอนเอนหลังพิงท่อนซุง ในมือกอดปืนไว้แนบอก ส่วนพรานพรนอนขดตะแคงอยู่ข้างๆ มีปืนลูกซองวางแนบชิดตัวอยู่ไม่ห่างมือ พรานแปะและพรานโส่ยนอนคุดคู้เอาผ้าขาวม้าห่มอยู่ข้างกองไฟ มีแต่เจ้าเคิ้ง เจ้าพุ่ม และเหน๋อ ที่ผุดลุกผุดนั่งคอยเติมฟืนให้กับกองไฟรอบๆบริเวณ

          “ไม่รู้ว่าพี่สิงห์จะเป็นยังไงบ้างตอนนี้”

          “ขนาดเรายังจะแย่เอา”เจ้าพุ่มร้องบอกออกมาแผ่วเบา พลางซุนฟืนเข้าไปในกองไฟ

          “พี่ก็ห่วงมัน”

          “ป่าแถวนี้ไม่เหมือนป่าแถวบ้านเราด้วย”เหน๋อซึ่งเป็นเพื่อนเกลอร้องบอก พูดจบก็รินน้ำร้อนจากหม้อสนามลงถ้วยกาแฟ

          “มีทั้งเสือ มีทั้งช้าง”

          “ปืนผาหน้าไม้อะไรก็ไม่มีไว้ป้องกันตัว”เคิ้งว่า

          “เราก็ทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้เหมือนกันไอ้เคิ้ง”

          “พวกเราก็ออกตามมันเต็มที่แล้ว ยังไงเราก็ต้องตามมันให้เจอ”เหน๋อกล่าว พลางยกถ้วยกาแฟขึ้นจิบ

          “เป็นห่วงก็ตรงสัตว์ป่ามันเยอะนี่แหละ”

          “แถมยังเรื่องเสบียงอาหารอีก ไม่รู้จะหากินแบบพวกเราได้หรือเปล่า”พุ่มเสวนาตอบ

          “พี่เชื่อว่ามันต้องเอาตัวรอดได้แน่ๆ”

        “เรื่องหากินพี่ไม่ห่วง เพราะป่าที่นี่มันดีกว่าป่าแถวบ้านเราเยอะ คนเราเมื่อถึงจุด มันก็ต้องเอาชีวิตรอดกันทั้งนั้น”เหน๋อร้องตอบ

        เวลาล่วงผ่านไปอีกครั้ง สรรพสำเนียงยังคงแว่วมาให้ได้ยินอยู่เป็นระยะ เหตุการณ์ดูราบเรียบเป็นปกติ ไม่มีแม้วี่แววของภยันตรายใดๆเข้ามากล้ำกราย และดูเหมือนว่าจะปลอดภัยและอบอุ่นกว่าเมื่อตอนหัวค่ำเสียอีก จากที่เคยตื่นเต้นและตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา พอไม่มีสิ่งใดมากระตุ้น บวกกับบรรยากาศที่เยือกเย็น ก็ทำให้เกิดอาการง่วงเหงาหาวนอนไปตามๆกัน เหน๋อนั่งกอดปืนสัปหงกไปนานแล้ว หลังจากนั่งคุยกับสองกะเหรี่ยงหนุ่มเมื่อช่วงหัวค่ำ ส่วนทั้งสองก็นั่งตาปรือเพราะความอ่อนเพลีย แต่ก็ยังแข็งใจปฏิบัติหน้าที่อย่าดีที่สุด บ่อยครั้งก็ต้องเดินบิดตัวยืดเส้นยืดสายไล่ความอ่อนเพลียและเมื่อยล้า หนักเข้าก็ต้องเดินไปวักน้ำขึ้นมาล้างหน้าล้างตาเพื่อความสดชื่น แต่ก็อดที่จะต้องสะดุ้งทุกครั้ง เมื่อฉายไฟไปเจอก้อนหินรูปทรงประหลาดก้อนนั้น ยิ่งอยู่ภายใต้แสงไฟสลัวๆแบบนี้ ยิ่งทำให้น่าขนลุกเพิ่มไปอีก ราวกับใครมานั่งถมึนทึงดูน่ากลัว

          เมื่อได้เวลาของผลัดที่สอง พรานโส่ยและพรานแปะ ก็ตื่นขึ้นราวกับตั้งนาฬิกาปลุกไว้ ทั้งคู่ตื่นมารับยามก่อนถึงเวลาที่กำหนดไว้เสียด้วยซ้ำ เมื่อสอบถามถึงสถานการณ์จากสองกะเหรี่ยง ก็ได้รับคำตอบว่าที่ผ่านมาปกติ มี เก้ง กวาง และหมูป่าสองสามตัว เท่านั้น ที่เดินเฉียดเข้ามาใกล้ที่พัก กับเสียงช้างป่า หักไม้ไร่ห่างออกไปไกลๆ นอกจากสิ่งที่ว่ามาแล้ว ทุกอย่างดูปกติไม่น่าเป็นห่วง ฟืนที่จะเอามาก่อสุมเติมเชื้อ ก็ยังมีอีกเหลือฟือ

          “เออ ดีแล้ว ที่ไม่มีอะไร”

        “งั้นพวกเอ็งสองคนก็ไปนอนพักได้แล้ว ปลุกไอ้เหน๋อ ไปนอนให้เรียบร้อย เห็นแล้วทุเ รศลูกกะตา ดูมัน นั่งหลับน้ำลายยืดเชียว”พรานชราร้องบอก พูดจบก็รินน้ำร้อนใส่ถ้วยกาแฟ สองใบ จากนั้นก็ยื่นส่งถ้วยกาแฟใบหนึ่งให้พรานแปะ ที่ตอนนี้กำลังยืนบิดกาย อ้าปากหาวอยู่ใกล้ๆ

          “นี่ก็ราวๆห้าทุ่มเห็นจะได้”

          “หนาวชิบหา ยอะไรอย่างนี้ หนาวกว่าตอนที่ขึ้นไปนอนที่เขาสกอีก”พรานแปะร้องบอก พลางยกกาแฟที่พรานโส่ยส่งให้ขึ้นจิบ ก่อนที่จะทรุดกายลงไปนั่งยองๆข้างกองไฟ

          “จะให้ไม่หนาวได้ยังไง ก็เราเล่นมานอนกันริมน้ำขนาดนี้ แค่นอนติดห้วยก็หนาวเกินทนแล้ว”

          “แต่ทำยังไงได้ ชายป่ามันก็ดูไม่น่าไว้วางใจ แถมทึบเสียอีก แถวนี้มันโล่งกว่าเยอะ มองอะไรได้ถนัดหน่อย”พรานโส่ยกล่าว พลางถือคลึงถ้วยกาแฟอยู่ในมือทั้งสองข้าง

          “หัวค่ำไม่เท่าไหร่”

          “ถึงคิวเรา ต้องระวังกันให้ดีๆ ป่าแถวนี้ก็เงียบดูแปลกๆ”พรานแปะร้องบอก พลางแหงนมองขึ้นไปบนฟ้า ที่ตอนนี้มืดมิด ปราศจากหมู่ดาว อาจเป็นไปได้ที่ว่าทั้งคณะเข้ามาอยู่ในดงใหญ่ ไม้ใหญ่ที่ขึ้นอยู่หนาทึบ อาจทอดกิ่งใบปกคลุมจนไม่เห็นท้องฟ้า

          “ดาวสักดวงก็มองไม่เห็น”

          “จะว่ายอดไม้มันบังก็ไม่น่าจะใช่ เอ...ฉันว่ามันแปลกๆแล้วนะ ตาโส่ย”พรานแปะร้องบอก พลางผุดลุกขึ้นมาอย่างลืมตัว

          “เออ จริงของเอ็ง ตะกี้ ข้าเดินไปดูแพที่ล่ามไว้ ก็คิดแบบเอ็ง ตรงปากทางที่เข้ามามันไม่มียอดไม้ ก็พอจะมองเห็นท้องฟ้าอยู่บ้าง”

          “แต่แปลกตรงที่ไม่มีดาวสักดวง กะว่าจะดูดาวดูเดือน ว่ามันสักกี่โมงยามแล้วตอนนี้ จะว่าเมฆ หมอก กับยอดไม้บัง ก็ไม่น่าจะใช่”พรานชรากล่าว พลางใช้ไฟฉายส่องจับไปบนยอดไม้เบื้องบน ซึ่งพอจะมองเห็นช่องโหว่ของยอดใบไม้ได้

          กาแฟของทั้งคู่หมดไปนานแล้ว พร้อมๆกับเสียงกรนเบาๆที่แว่วออกมาให้ได้ยินจากใครคนใดคนหนึ่ง ที่นอนคุมโปรงขดอยู่ข้างกองไฟ พรานโส่ยเดินกุมปืนแก๊ปในท่าเฉียง สำรวจความเรียบร้อยอยู่รอบๆ พรานแปะ แบกฟืนไปเติมกองไฟอยู่เป็นระยะโดยไม่ขาด นอกจากสัตว์เล็ก จำพวก เก้ง กวาง หมูป่า ที่ออกมาให้เห็นอยู่บ้างเป็นบางครั้งแล้ว สัตว์ใหญ่ จำพวก เสือ และ ช้างป่า ไม่ปรากฏให้เห็นเลย นอกจากเสียงร้องของมันนานๆครั้ง แต่ก็ไกลออกไปมาก โดยเฉพาะ เสียงหักไม้ดัง โผงผาง ซึ่งน่าจะเกิดจากช้างป่าหักไม้ไร่หากิน

          หริ่งหรีด รองไน ยังคงส่งเสียงท่วงทำนองดุริยางค์ขับกล่องไพรไม่ขาดช่วง คละเคล้าไปกับเสียงไหววูบ ของยอดไม้ใหญ่ที่โอนเอนไปตามแรงลมเอื่อยๆ นานๆครั้งก็มีเสียงกิ่งไม้หักดังโครมคราม แต่เมื่อเงี่ยหูฟังแล้วไม่มีสิ่งใดขยับหรือเคลื่อนไหว มันน่าจะเป็นกิ่งไม้แห้งธรรมดาที่ตกลงมาที่ใดสักแห่ง สัตว์ป่าที่เคยพบเห็นมาช่วงค่ำที่ผ่านมา เริ่มห่างหาย จนในที่สุดก็ไร้วี่แววของสัตว์ป่าเหล่านั้น นานๆครั้ง ก็ได้ยินเสียง แกรกกราก ของใบไม้แห้ง แว่วมาใกล้ๆ มันคงเป็นสัตว์ป่าจำพวกหนู หรือไม่ก็ สัตว์เลื้อยคลานขนาดเล็กเสียมากกว่า ส่วนทางด้านริมน้ำ นานๆครั้งก็มีเสียงปลาฮุบน้ำเสียทีหนึ่ง เมื่อลองใช้ไฟฉายสาดส่องลงไป ปลาเล็กปลาน้อย จำพวก ปลาซิว และปลาสร้อย ที่อาศัยอยู่ริมตลิ่ง ต่างพากันกระโจนหนีไปตามผิวน้ำ จนแลเห็นตัวขาวพรืดไปหมด เพราะพวกมันคงจะตกใจแสงไฟฉายนั้น พรานแปะเดินส่องไฟสำรวจไปที่ริมน้ำใกล้แพที่ล่ามไว้ เมื่อแสงไฟไปจับนิ่งกับดวงตาสีแดงคู่หนึ่ง อยู่ระหว่างซอกหินที่อยู่ใต้น้ำ มันสะท้อนแสงไฟฉายออกมาเรืองๆ เมื่อขยับส่องเข้าไปใกล้ ถึงรู้ว่าเป็นกุ้งนางขนาดเขื่อง ขนาดของมันโตพอๆกับกระบอกไฟฉาย พรานแปะนึกสนุก จึงสะพายปืน แล้วค่อยๆพับขากางเกงทั้งสองข้างขึ้นมาถึงหัวเข่า จากนั้นค่อยๆย่องลงไปที่เป้าหมาย ซึ่งอยู่ลึกลงไปในน้ำไม่เกินหน้าแข้ง มือซ้ายถือไฟฉายส่องจับไปที่กุ้งนาง มือขวาค่อยๆเอื้อมไปทางด้านหลังของเป้าหมาย พอได้จังหวะก็ตะคุบมือลงไปทันที เพียงอึดใจ ก็ได้กุ้งนางตัวนั้นอยู่ในมือ พรานแปะโยนกุ้งนางตัวเขื่องที่งมได้ขึ้นไปดิ้น กระแด่วๆ อยู่บนลูกบวบแพ จากนั้นก็ส่องสำรวจไปตามซอกหินแถวนั้น ก็ปรากฏว่าพบกุ้งนางเข้าอีกตัว แต่ตัวนี้ขนาดย่อมกว่าตัวแรก และด้วยวิธีเดียวกัน กุ้งนางอีกตัวก็ถูกจับขึ้นมาอย่างง่ายดาย

        พรานแปะสนุกและเพลิดเพลินไปกับการส่องไฟ จับกุ้งนางจนลืมตัว เพราะตลอดระยะเวลาที่ส่องสำรวจอยู่ใกล้ๆ ล้วนทำให้ตนเองตื่นเต้นตลอดเวลา เพียงไม่นานก็ได้กุ้งนางถึงสี่ตัว ยังนึกเสียดายอยู่ในใจว่า ถ้ามีฉมวกสักอันติดมาด้วย ก็คงจะดีไม่น้อย เพราะนอกจากกุ้งนางหลายตัวที่ไม่สามารถลงไปจับได้ เนื้องจากพวกมันอยู่ลึกลงไปแล้ว พวกปลากดเหลือง และปลากดคัง มีให้เห็นอยู่ไม่ขาด แต่ละตัวใหญ่ขนาดโคนขา เล็กที่สุดก็ตัวเท่าแขน รวมไปถึงปลาชนิดอื่นๆอีกมากมาย บางชนิดก็ดูรูปร่างหน้าตาแปลกประหลาดเพราะไม่เคยเห็นที่ใดมาก่อน ครั้นแล้วพรานแปะก็ต้องหยุดนิ่ง เพราะแสงไฟฉายส่องกระทบไปที่ดวงตาสีแดงวาวประหลาดคู่หนึ่ง ที่ลอยเรี่ยอยู่ที่ผิวน้ำ ขนาดของมันโตพอๆกับลูกมะนาว ที่อยู่ห่างออกไปราวยี่สิบวา เพียงแวบเดียวเท่านั้น ดวงตาประหลาดคู่นั้นก็จมวูบหายเข้าไปในสายน้ำ พร้อมๆกับพรายน้ำที่ม้วนวนเป็นวงใหญ่ พรานแปะใจหายวาบ เมื่อนึกถึง จระเข้ ที่พรานพรพบรอยมันเมื่อวันก่อน คิดได้ดังนั้น ก็รีบจ้ำอ้าวขึ้นมาจากน้ำทันที พลางส่องไฟไปรอบๆอย่างหวาดระแวง เมื่อขึ้นมาบนฝั่งได้  ก็หิ้วกุ้งนางทั้งสี่ตัวที่จับได้ เดินพรวดๆขึ้นไปบนแคมป์โดยทันที

          “ตะกี้ไปส่องกุ้งเล่น”

          “เห็นตาอะไรแดงๆก็ไม่รู้ สงสัยจะ ไอ้เข้”พรานแปะร้องบอกพรานโส่ย ก่อนจะโยนกุ้งนางตัวเขื่องทั้งสี่ตัว ลงไปข้างกองไฟ

          “ทำเป็นเล่นไปได้ไอ้แปะ ไอ้เบมันก็บอกอยู่หยกๆ ว่าอย่าออกไปไหน”

          “เอ็งนี่ ทำประมาทไปได้ ไอ้ที่เอ็งเห็นอาจจะใช่ ไอ้เข้ ก็ได้ ดีที่มันไม่รากเอ็งไปกิน”พรานโส่ยบอกเสียงขุ่น

          “ฉันก็ส่องไฟดูดีแล้ว ที่แรกก็ไม่คิดจะลงน้ำหรอก พอดีเห็นกุ้งหลายตัว มีแต่ตัวใหญ่ๆทั้งนั้น แถมน้ำก็ไม่ลึก แค่หน้าแข้งนี่เอง นึกสนุกเลยลงไปจับ ดูสิ แต่ละตัวใช่ย่อยที่ไหน”

          “ปลาก็ใหญ่ นี่ฉันยังนึกเสียดายอยู่เลย ถ้าเรามีฉมวกติดมาด้วย สงสัยได้กินกุ้ง กินปลา กันเป็นกองๆ ถ้าลุงได้เห็นไอ้คังแล้วจะตกใจ ตัวนี่ เท่าโคนขาเลย ไม่เชื่อก็ลองดูก็ได้ แถวๆโคนไม้นั้นแหละ มีสองสามตัว สงสัยมันมาดักกินปลาเล็ก”พรานแปะกล่าวจบ ก็ใช้ท่อนฟืนเล็กๆ เขี่ยถ่านแดงๆออกมาจากกองไฟ จากนั้นก็ใช้มีดเหน็บ เหลากิ่งของต้นไคร้น้ำที่เหลือจากการทำร้านย่างเนื้อ พอได้ปลายไม้ที่แหลมตามต้องการ ก็จัดการเสียบย่างกุ้งนางทั้งสี่ตัว

          “เอ็งไม่ต้องมาหลอกข้าเสียให้โง่ ข้าไม่ลงไปหรอก”

          “หนอยไอ้นี่ จะหลอกให้ข้าไปโดนไอ้เข้ขบกบาลซิไม่ว่า”พรานโส่ยพูดจบก็ขยับมานั่งข้างๆพรานแปะ ที่กำลังถือไม้ย่างกุ้งอยู่ข้างกองไฟ ถ่านแดงๆทำให้สีสันเดิมของกุ้งนาง เริ่มเปลี่ยนสี กลายเป็นสีส้มอมแดง พอเปลือกเริ่มสุกเกรียม น้ำในตัวกุ้งเดือดปุดๆ หยดลงกองไฟดัง ฉี่ฉ่า ส่งกลิ่นหอมน่ากิน

          “ดูอย่างกุ้งที่ฉันงมมาสิ แถวบ้านเราเต็มที่ก็ไม่เกินนิ้ว”

          “ตัวขนาดนี้ ฉันคงไม่มีปัญญาไปซื้อกินหรอก คิดดูดีๆ ป่าแถวนี้มันก็น่าอยู่ดีเหมือนกันนะลุง เสียอย่างเดียว เสือ กับ ช้าง ชุมไปหน่อย”พรานแปะพูดพลาง พลิกกลับกุ้งย่างไปมาบนกองไฟ

          “ถ้ามันชุมอย่างที่เอ็งว่า มันก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรนี่ ฉมวกไม่มี ก็เหลาไม้ทำเอาก็ได้ หาไม้ไผ่แก่ๆหน่อย เหลาให้ดีแล้วย่างไฟแบบลูกทอย ก็น่าจะเอาอยู่ ต่อด้ามยาวๆเข้าอีกหน่อย จะได้ไม่ต้องไปลุยน้ำให้เสี่ยง ไม่ก็ลองทำลอบดักเอา แต่เราไม่มีเวลาขนาดนั้น หน้าที่เราคือตามหาไอ้สิงห์ให้เจอ ส่วนเรื่องอาหารก็แล้วแต่โชคของเรา แบบวันนี้ อยู่ไม่อยู่เอ็งก็ยิงเก้งมาได้ ที่อยู่บนร้านนั้น ข้ากะว่าคงได้อีกสักสองสามมื้อเลยทีเดียว”

          “ตอนเช้า ถ้าพอมีเวลา ข้าว่าจะชวนกันไปที่ซากกวางด้วยซ้ำ เสียดายของ ถ้าได้ขาหลังมาย่างเก็บไวสักข้าง ก็น่าจะดีไม่น้อย จะได้ประหยัดเวลา ไม่ต้องไปหายิงให้เปลืองแรง”พรานโส่ยว่า

          “แหม่...ขนาดต้องแย่งเนื้อเสือมากินเลยรึ”

          “แต่ความคิดลุงก็เข้าท่าดีนะ ไม่เปลืองลูกปืนด้วย งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้เราไปกันเองสองคนก็ได้นี่ เห็นว่าเลยไปทางที่ฉันยิงเก้งได้นิดเดียวเอง”พรานแปะกล่าว พูดจบก็รูดกุ้งย่างออกจากไม้เสียบ ส่งให้พรานชราสองตัว พรานโส่ยรับไปเป่าอยู่ในมือไม่ทันไร ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดัง พรึบ เหมือนสัตว์หรือตัวอะไรบางอย่าง ร่อนไปเกาะอยู่ที่ต้นไม้ใหญ่ ที่ขึ้นอยู่ใกล้ๆที่พัก ด้วยความสงสัย พรานแปะจึงฉายไฟ ไปยังตำแหน่งลำต้นของต้นไม้นั้น แวบแรกที่แสงไฟฉายสาดกระทบ ก็ปรากฏดวงตาสีแดงจ้า สะท้อนตอบกลับมาแวบหนึ่ง เพราะต้นไม้ใหญ่มีความสูงจึงมองเห็นอะไรไม่ถนัดนัก จากนั้นเจ้าของดวงตาปริศนา ก็หลบวูบไปอยู่ด้านหลังของลำต้นที่มันเกาะอยู่

          “โถ่ บ่างนี่เอง”

          “คิดว่าตัวอะไร หลบไปอยู่หลังต้นไม้แล้ว”พรานแปะพึมพำออกมา พร้อมๆกับเจ้าพะเปรียวผลุดลุกขึ้นมานั่งทำหูตั้งจ้องไปทางยอดไม้เหนือหัว

          “พรึบ”

          “อ่าว นั่นมาอีกตัวแล้ว โน่นก็อีกตัว ไต่อยู่ตรงนั้น”พรานแปะว่า พลางฉายไฟส่องออกไปยังตำแหน่งที่เห็น สัตว์ที่ตนเองเข้าใจว่าเป็นบ่างอยู่ไปมา แต่ทุกครั้งที่ไฟฉายในมือสาดกระทบถูกดวงตาสีแดงจ้า มันก็รีบหลบวูบทันที พอละแสงไฟออกจากตำแหน่งที่เคยส่องไฟ สัตว์หรือบ่างชนิดนั้น ก็โผล่ออกมาให้เห็นเป็นเงาตะคุ่มๆ

          “ไอ้แปะ บ่างมันต้องสู้ไฟสิ ไม่ใช่หลบไฟอยู่แบบนั้น ทำเป็นไม่เคยส่องสัตว์ไปได้เอ็ง ข้าว่ามันไม่ใช่บ่างเสียแล้ว ดูท่ามันแปลกๆไม่ได้การณ์”

          “โน่นๆ ไต่ลงมาอยู่กลางต้นไม้หลายตัวแล้ว เฮ้ย! นะ..นะ..นั้นมันไอ้บ่างผีนี่”พรานโส่ยร้องบอกละล่ำละลัก ช่วงที่พรานชรากำลังตกตะลึงอยู่นั้นเอง บ่างผีสิงตัวหนึ่ง ก็บินร่อนลงมาจากต้นไม้นั้น ทิศทางของมัน ตรงดิ่งมายังพรานเฒ่า ซึ่งตอนนี้กำลังยืนตัวแข็งทำอะไรไม่ถูก

          “ลุง..!”

          “ระวัง!”พรานแปะร้องบอก ก่อนที่จะกระโจนผลักไปที่พรานเฒ่า จนล้มคะมำกลิ้งกันไปทั้งคู่ บ่างผีสิงตัวนั้นร่อนเฉียดก้านคอของพรานชราไปเพียงศอกเศษเท่านั้น เมื่อผิดเป้าที่หมายตาไว้ ก็ร่อนหายเข้าไปในความมืด พร้อมๆกับเสียงร้อง กรี๊ด แหลมแสบแก้วหู

        “ตูม...”

          “ทุกคนหาที่หลบเร็ว!”พรานเบ ร้องบอกเสียงเอ็ด หลังจากซัดปืนลูกซอง ส่องบ่างร้ายตัวหนึ่งที่กำลังไต่ดิ่งลงมา ตกตุบลงพื้น ดิ้นแด่วๆ เสียงปืนที่ดัง ทำให้ทุกคนพากันสะดุ้งตื่น เหน๋อที่งัวเงียอยู่ เมื่อเห็นว่าอะไรเป็นอะไร ก็กระโจนหลบวูบเข้าไปหลังโขดหินทั้งโปงผ้าห่ม เจ้าพุ่ม กับ เจ้าเคิ้ง วิ่งอ้าวไปทางด้านโคนซุงใหญ่ ซึ่งตอนนี้พรานพรกำลังตั้งป้อมส่องปืนลูกซองเล็งอยู่

        “ตูม...”

        “กรี๊ดดด..”บ่างนรกตัวหนึ่งร้องด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะร่อนถลาเสียทรง ลงมาดิ้นกระพือปีกอยู่กับพื้นอยู่ ผับๆ เจ้าพะเปรียวเห็นโอกาสกระโจนฟัดไปที่บ่างผีเคราะห์ร้ายตัวนั้น เสียงกระดูกหรือไม่ก็ส่วนหัวที่เป็นกะโหลกแตกดัง กร๊อบ ตาถลนออกมานอกเบ้า

          “ไอ้เคิ้ง ระวังทางนั้นด้วย มันมาอีกหลายสิบตัวเลย”

          “เฮ้ย! พวกเรา มารวมกันที่นี่ดีกว่า ทางนี้ปลอดภัยกว่ากันเยอะ”พรานพรร้องบอก ก่อนที่จะส่งกระสุนของปืนลูกซองอีกตูม บ่างผีอีกตัวที่ทำท่าจะกางปีกร่อนลงมา แหลกเละราวกับก้อนเนื้อถูกสับละเอียด ยังไม่ทันที่ควันปืน ของพรานพรจะจางหาย เสียงปืนแก๊ป ทั้งสามกระบอกก็ดังเสียงเอ็ดอึงไปทั้งบริเวณ บ่างนรกสองสามตัว ร่วงพล็อยลงมาชักดิ้นชักงออยู่กับพื้น พรานโส่ย เจ้าพุ่ม เจ้าเคิ้ง กระโจนออกไปใช้มีดฟันซ้ำเสียจนแหลกเละ ส่วนปืนแก๊ปที่ยิงออกไปแล้วโยนทิ้งไว้แถวนั้น เพราะไม่มีโอกาสได้บรรจุลูกใหม่

          “ไอ้เหน๋อมันไปอยู่ไหน”

          “มีใครเห็นมันบ้างหรือเปล่า”พรานเบร้องบอก ก่อนจะเหนี่ยวไก ส่งลูกปืนไปอีกตูม บ่างผีจากนรกส่งมาเกิด ร่วงลงมาตีปีกผับๆถึงสามตัว เพราะโดนอำนาจของลูกปรายเก้าเม็ด ที่กระจายออกไปเป็นกลุ่ม ตัวไหนโดนจังๆก็ตายสนิท ไม่ท้องแตกก็สมองเละ โดนไม่จังก็ลงมาดิ้นพร่านเพราะปีกหัก กระเสือกกระสนหาทางหนี แต่ก็ไปไหนไม่รอด เพราะเจ้าพะเปรียวไล่ฟัดไล่กัด ขบจนกะโหลกแหลกเหลว

          “วู้ ไอ้เหน๋อโว้ย”

        “ไอ้เหน๋อ มาหลบทางนี้ เอ็งไปอยู่ไหน ไอ้แปะ เอ็งลองไปดูทางโน้นดูสิ เดี๋ยวข้าจะยิงคุ้มกันให้ โน้นๆ อยู่ในโปรงผ้าห่มหลังโขดหินนั้น ไอ้หอ กเอ๊ย”พรานพรร้องบอก พลางยกปืนขึ้นเล็งบ่านนรกตัวหนึ่ง ที่บินร่อนลงมาทางพรานเบ ซึ่งตอนนี้กำลังยัดลูกปืนลูกใหม่เข้าไปในรังเพลิง นัดไหนก็นัดนั้น บ่างนรกตัวนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากเป้าบินดีๆนี้เอง สิ้นเสียงตูม ร่างของมันก็แหกขาดครึ่ง ก่อนจะหมุนควงตกลงมา กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่ว พื้นดินและหมู่หิน ตอนนี้แดงฉานไปด้วยเลือดและกองเศษซากของค้างคาวนรกหย่อมๆ

          “ไปโว้ย ไอ้แปะ รีบไปลากคอไอ้เหน๋อมาหลบทางนี้ด้วยกัน”

          “เดี๋ยวทางนี้ พวกข้าจะคอยยิงคุ้มกันให้เอง เอามันให้เรียบ อย่าให้มันหนีไปไหนได้สักตัว”พรานโส่ยคำราม ก่อนจะกระโจนพรวดออกไปใช้มีดฟันไปที่หัวค้างคาวผีตัวหนึ่ง ที่กำลังกระพือปีกอยู่บนพื้นเร่าๆเพราะโดนกระสุนปืน ฉับเดียวเท่านั้นหัวของมันก็แบะ เห็นมันสมองกระจาย พรานแปะได้จังหวะก็กระโจนหมอบหลบ แล้วคลานศอกไปตามแนวหินใหญ่ โดยมีค้างคาวมรณะบินโฉบฉวัดเฉวียน เฉี่ยวไปมาสองสามตัว เพียงไม่นานก็ไปถึงตำแหน่งที่เห็นโปรงผ้าห่ม

          “ไอ้เหน๋อ”

          “ไปโว้ย จะมาหลบหาพระแสงอะไรอยู่ทางนี้ พวกเราไปรวมกันอยู่โน่น”พรานแปะตวาดลั่น พลางกระชากผ้าห่มออก แล้วเขย่าไปที่ เจ้าเหน๋อ ซึ่งตอนนี้นอนคุดคู้หมอบกระแตเอามือกุมหัวหลับตาปี๋ กว่าจะเรียกสติกลับมาได้ก็โดนฝ่ามือของพรานแปะตบไปหลายฉาด ส่วนทางแคมป์ไม่สามารถลำดับเหตุการณ์ต่างๆได้ เพราะต่างก็ตกอยู่ในสภาวะตะลุมบอน กระสุนปืนระเบิดจนหูดับตับไหม้ ลูกปืนบางนัดกระทบก้อนหินกระดอนดัง ปิ้ว แล่นเฉียดฉิว หวาดเสียวว่าจะถูกกันเอง จนพรานเบต้องร้องเตือนคณะ
         
          ฝูงค้างคาวมรณะยังคงบุกโจมตีคณะอยู่อย่างต่อเนื่อง ราวกับฝูงต่อแตกรัง แต่ก็ไม่อาจจะทนทานอำนาจการทำลายล้างของลูกกระสุนของปืนลูกซองไปได้  ทุกนัดที่ระเบิดออกไปนั้นหมายถึงชีวิตของค้างคาวเดนตายเหล่านั้น อย่างน้อยๆต้องร่วงลงมาสองถึงสามตัว หรือในบางครั้งก็มากกว่านั้นเพราะบางจังหวะพวกมันเกาะกลุ่มกันอยู่หลายตัว ทำให้ตกเป็นเป้ากระสุนได้โดยง่าย ครั้งหนึ่งพรานเบถึงกับอุทานลั่น เมื่อเห็นค้างคาวผีตัวหนึ่ง ร่อนลงมาเกาะอยู่ที่หลังของเจ้าพะเปรียวขณะที่ตัวมันเองเผลอ ซึ่งตอนนั้นกำลังง่วนอยู่กับการฟัดค้างคาวบาดเจ็บอีกตัวที่ถูกยิงตกลงมา พร้อมๆกับเสียงร้อง เอ๋ง ด้วยความเจ็บปวด เพราะค้างคาวนรกตัวนั้นได้ฝังคมเขี้ยวของมันลงไปยังตำแหน่งต้นคอด้านหลังของเจ้าพะเปรียว ครั้นจะยิงก็ไม่ได้ เพราะเกรงว่าลูกปืนจะไปถูกหมาที่ตัวเองเลี้ยงมา

          “ไอ้พะเปรียว!”

          “ทุกคนอย่ายิง เดี๋ยวลูกปืนไปโดนมันเข้า”พรานเบ ร้องเสียงหลง ก่อนจะปล่อยกระสุนไปที่ค้างคาวผีอีกตัว ที่ทำท่าจะร่อนลงมาสมทบ จนบินเสียหลักร่อนถลาเข้าไปในกองไฟ ที่ตอนนี้กำลังลุกโชติช่วงอยู่ พร้อมๆกับเสียงร้อง กรีดแหลม ด้วยความเจ็บปวดทุกทรมาน พักเดียวเท่านั้น ก็ดำหงิกงอ เป็นตอตะโก ส่วนเจ้าพะเปรียวก็ล้มลุกคลุกคลานจนฝุ่นตลบ จะเอี้ยวตัวไปไล่งับไล่กัดก็ทำได้ไม่ถนัด โชคดีที่เจ้าพุ่มทันเห็นเหตุการณ์ และอยู่ใกล้ที่สุด อารามด้วยความตกใจหรือไม่ก็กลัวว่าเจ้าพะเปรียวจะตกเป็นเหยื่ออันโอชะ จึงง้างเท้าเตะสุดแรงไปที่ร่างนั้น ราวกับมันเป็นลูกฟุตบอล อย่างไม่รู้ทิศรู้ทาง เสียงดัง ผลัก เห็นผลทันตา ไอ้ค้างคาวนรกตัวนั้นกระเด็นหลุดออกไปจากหลังเจ้าพะเปรียว แต่ด้วยที่ไม่ทันได้ดูทิศทาง ลูกบอลมีชีวิตที่ส่งมาจากนรกตัวนั้น กลับกระเด็นไปกระแทกเจ้าเคิ้งที่นั่งหมอบหลบอยู่ตรงกองฟืนใกล้ๆกัน จนทำให้มีดในมือของเจ้าเคิ้งกระเด็นหลุดหายไป พร้อมๆกับเสียงร้อง ว๊าก ด้วยความตกใจระคน ขยะแขยง เมื่อตั้งสะติได้ ก็คว้าท่อนฟืนที่อยู่ใกล้มือกระหน่ำหวดไปอย่างลืมตัว แถมยังใช้เท้าเตะซากนั้นกระเด็นผลุบเข้าไปในกองไฟ ส่วนพรานแปะและเหน๋อ กว่าจะเข้ามารวมกลุ่มได้ก็ต้องลากกันมาอย่างถูลู่ถูกัง หน้าแข้งถลอกปอกเปิกได้เลือดไปตามๆกัน  เมื่อฝ่ายมนุษย์กลับมารวมกลุ่มได้ มีหรือจะยอมเสียเปรียบให้กับพวกสัตว์เดรัจฉาน ที่จ้องจะคอยกินเลือดกินเนื้อ ราวกับว่า เหยื่อที่พวกมันเห็นนั้นเคี้ยวกินง่ายๆ เหมือนเหยื่อที่พวกมันเคยเสพมาแล้วอย่างที่ผ่านๆมา ตัวแล้วตัวเล่าที่ต้องสังเวยให้กับกระสุนปืน กี่ชีวิตที่ต้องแหลกเละจนจำเค้าโครงเดิมไม่ได้ และอีกกี่ชีวิตที่ต้องไหม้หงิกงออยู่ในกองไฟ

เหตุการณ์ต่อจากนี้จะเป็นเช่นไร คณะติดตามคนหายจะรบกับฝูงบ่างผผีสิงได้หรือไม่ โปรดติดตามตอนต่อไป

.....

หนุ่มธุดงค์ไพร:  ความเห็นที่ 1 : 21 เม.ย. 64, 10:072
สวัสดีวันปีใหม่ไทย ย้อนหลังนะครับน้าๆทุกท่าน

ช่วงนี้ โควิด-19 ก็แพร่ระบาดไปทั่วเกือบทั้งประเทศแล้ว ยังไงก็ดูแล และรักษาสุขภาพด้วยนะครับ ออกไปไหนมาไหน ปิดแมส ล้างมือ เว้นระยะดีๆ เพื่อตัวน้าๆเองและ คนในครอบครัวนะครับ

เช่นเคยนะครับ ติ ชม หรือมีข้อแนะนำ งานเขียนของผมได้เต็มที่นะครับ ไม่ต้องเกรงใจ
และขอขอบคุณน้าๆทุกท่าน สำหรับกำลังใจและติดตามงานเขียนของผมมาอย่างยาวนาน   
แล้วพบกันใหม่ในบทต่อไปนะครับ ขอบคุณครับ



28
นิยาย แนวผจญภัย บทที่ 14 ตอนที่ 2


บทที่ 14

ตอนที่ 2

        อาหารเย็นเริ่มมากินกันก็ค่ำพอดี เพราะตั้งแต่เที่ยงมาแล้ว ทุกคนล้วนแล้วแต่ยังไม่ได้มีอะไรตกถึงท้อง นอกจากน้ำในแม่น้ำสายนั้น อาหารมื้อนี้ทุกคนจึงกินกันอย่างเอร็ดอร่อย ปากก็เคี้ยวข้าวจนแก้มตุ่ย ตาก็สอดส่องไปในราวป่ารอบๆตัว ถึงแม้จะมองอะไรไม่ถนัดนัก เพราะตอนนี้มืดลงมากแล้ว อย่างมากก็เห็นไม่เกินแสงจากกองไฟที่สาดส่องถึง โชคยังดีที่มีเจ้าพะเปรียวมาด้วย มันจึงเปรียบเสมือนยามเฝ้าระวังภัยไปในตัว เพราะอย่างน้อยๆ ประสาทสัมผัสของหมานั้นย่อมดีกว่าคน กินข้าวยังไม่ทันได้ครึ่งจาน ทุกคนก็ต้องทะลึ่งพรวดคว้าปืนขึ้นมาถือ เพราะเจ้าพะเปรียวลุกขึ้นทำหูตั้ง มันจ้องไปในแนวหมู่หิน พร้อมทำเสียงคราง ฮือๆในลำคอ

          “เงียบๆทุกคน อย่าส่งเสียง”

          “ข้าว่า เหมือนมีอะไรบางอย่างอยู่ในดงหินนั่น หาที่หลบกันก่อนเร็ว”พรานเบกระซิบบอกคณะ พรางชี้มือบอกแต่ละคนให้ไปหลบตามก้อนหินใหญ่ในบริเวณที่พัก พรานโส่ยกระโจนหลบหลังก้อนหินที่แกตั้งเครื่องเซ่น พรานพรย่องหลบเข้าไปในรากไม้ล้มใกล้กับกองสัมภาระ พรานแปะกับเหน๋อ ถอยฉากหลบมุมตรงกองฟืนหลังแนวกองไฟ เจ้าพุ่มกับเจ้าเคิ้งขยับไปแอบที่ก้อนหินริมน้ำที่มีต้นไคร้น้ำขึ้นอยู่หล่อมแหล่ม ส่วนพรานเบหลบไปที่ก้อนหินใหญ่เบื้องหน้าสุด ไม่กี่อึดใจต่อมา ในความเงียบสงบนั้น นอกจากเสียงปะทุของฟืนในกองไฟและเสียงน้ำไหลแล้ว ช่วงเวลาที่ทุกคนในคณะต่างจับจ้องไปตามแนวไพรเบื้องหน้านั้นเอง เสียงอะไรบางอย่างก็แว่วเข้ามาให้ได้ยิน เหมือนมีอะไรบางอย่าง ย่ำใบไม้และกรวดหินดังกรอบแกรบ มันดังอยู่หลังโขดหินที่เห็นอยู่เรืองลาง เพราะแสงกองไฟนั้นไปไม่ถึง มันดังวนเวียนไปมาไม่ยอมเข้ามาใกล้ ซึ่งพรานเบที่อยู่หน้าสุดและใกล้ที่สุด ก็ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเป็นอะไรชนิดใด เพราะพยายามเพ่งมองออกไปเท่าไหร่ก็มองไม่เห็นต้นกำเนิดของเสียง นอกจากเสียงที่ดังแว่วเข้ามาอยู่รอบๆบริเวณนั้น จนในที่สุดพรานเบต้องส่งสัญญาณให้พรานพร รื้อค้นไฟฉายออกมาให้ เพราะตัวเองอยู่ใกล้กองสัมภาระมากที่สุด เพียงไม่กี่อึดใจ พรานพรก็ย่องเข้ามาหาพรานนำทางพร้อมไฟฉายในมือ

          “เอ็งว่าอะไรไอ้เบ”

          “เสียงมันดังออกมาแบบนั้น ข้าว่าน่าจะมีมากกว่าหนึ่ง”พรานพร กระซิบบอกพรานนำทาง

          “ข้าก็คิดแบบเอ็ง”

          “ดูท่า มันน่าจะกลัวไฟถึงไม่กล้าเข้ามาใกล้ แต่ก็ไม่ยอมถอยไปไหน”พรานนำทางกระซิบตอบ

          “เอาอย่างนี้ เดี๋ยวข้าจะเป็นคนส่องไฟให้”

          “เอ็งคอยส่องปืนตามละกัน เห็นท่าไม่ดีก็รบกันไปเลย”พรานพรว่า แล้วทำท่าจะส่องไฟฉายไปที่ต้นกำเนิดของเสียง แต่ยังไม่ทันที่พรานพรจะกดสวิทช์ พรานเบก็รีบคว้ามือไว้ก่อน พรางตอบออกมาว่า

          “ส่องตรงนี้ไม่เห็นมันหรอก เพราะหินมันบังไปหมด คงเห็นอะไรไม่ถนัด”

          “คงต้องย่องเข้าไปใกล้กว่านี้”

          “จะดีรึ”

          “เราไม่รู้ว่ามันจะเป็นตัวอะไร ร้ายดียังไง”พรานพรว่า

          “หรือจะเฝ้ามันแบบนี้ทั้งคืน เราก็ไม่รู้ว่ามันจะวนอยู่แบบนี้อีกนานแค่ไหน”

          “หรือเอ็งว่าไงไอ้พร”

          “เสียงมันดังมาไม่ใกล้ ไม่ไกลนี่เอง”

          “เผลอๆ ข้าว่า คงอยู่แถวๆที่ไอ้แปะมันยิงเก้งได้นั่นแหละ”พรานเบกล่าว

          “เอา เอาไงเอากัน”

          “เอ็งว่าไงก็ว่าตาม จะได้รู้ดำรู้แดงกันไปเลย”พรานพรว่า พรางกระชับปืนลูกซองไว้แน่น ก่อนที่ทั้งคู่จะขยับเข้าไปในแนวหิน พรานเบได้ส่งสัญญาณบุ้ยใบ้ให้คณะที่เหลือเฝ้ารอ ณ ตำแหน่งเดิม ไม่ให้ออกหรือตามไป ยกเว้นเจ้าพะเปรียวตัวเดียวเท่านั้นที่ย่องนำหน้าเจ้านายออกไป ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะรู้ใจผู้เป็นนาย เพราะนอกจากจะไม่ส่งเสียงออกมาแล้ว ท่าทางของมันก็ดูระมัดระวังอย่างสุดขีด ก้าวได้สามสี่ก้าวก็หยุดทำหูตั้งจับทิศทางของเสียงอยู่ตลอดเวลา พอเห็นว่าไม่มีอะไรผิดสังเกตุก็ย่องขยับนำหน้าเข้าไปอีก ทีละวา สองวา จนในที่สุดทั้งหมดก็เงียบหายเข้าไปในความมืด พ้นรัศมีของแสงไฟจากกองฟืน

            หนึ่งหมา และ สองพราน ต่างค่อยๆงมเข้าไปในความมืดมิด ลำพังหมาตัวเดียวก็เห็นว่าไม่มีอะไร เพราะในความมืดมิดแบบนี้ มันมองเห็นได้อย่างสบาย ลำบากก็คนเรานี่แหละ กว่าจะปรับสายตาให้คุ้นชินกับความมืดได้ ก็เล่นเอาเหงื่อตกไปตามๆกัน โชคดีที่เส้นทางที่คลำไป ไม่ใช่ป่ารกอะไร ออกจะเดินได้อย่างสบายเสียด้วยซ้ำ ยิ่งเป็นช่วงเช้าด้วยแล้ว ยิ่งสบายใจหายห่วง แต่เวลานี้มันมืดสนิท เห็นแต่เงาของหมู่หินสีขาวหม่นเท่านั้น ที่พอจะเดาเส้นทางได้บ้าง แต่ละก้าวที่ย่ำลงไปบนพื้นล้วนแล้วแต่แผ่วเบา บ้างจังหวะที่เท้าสัมผัสกับกิ่งไม้และใบไม้แห้ง ยังไม่ทันได้ลงน้ำหนักลงไป ก็ต้องรีบยกเท้าออกแล้วเปลี่ยนต่ำแหน่งแทน ทีละก้าว ทีละก้าว จนในที่สุด ทั้งหมดก็มาหยุดใกล้ๆกับหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่ง พร้อมๆกับเสียงอะไรบางอย่างดังเข้ามาให้ได้ยินอย่างถนัดที่สุด เสียงกรอบแกรบบนพื้นกรวด และเสียงกระทบกันของวัดถุบางชนิด จะว่างาก็ไม่ใช่ จะว่าเขาก็ไม่เชิง เพราะเสียงที่ได้ยินมันเบากว่านั้น

          “ตัวอะไรวะ”

          “ไม่น่าใช่ ช้าง”พรานพร กระซิบ

          “เก้ง กวาง หรือหมูป่า ก็ไม่น่าจะใช่ ดูแล้วน่าจะมีหลายตัว”

          “สงสัยมันได้กลิ่นควันไฟ ถึงไม่กล้าเข้ามา ที่พักเรามันอยู่เหนือลมเสียด้วย”พรานเบกระซิบตอบ

          “ส่องไฟเลยดีมั๊ย จะได้รู้ๆกันไปเลย “

        “เอ็งเตรียมตัวดีๆแล้วกัน”พรานพรว่า พรางยกปากกระบอกไฟฉายชี้ไปที่ยอดไม้ใหญ่ ส่วนพรานเบตั้งท่ายกปืนส่องไปตามทิศทางที่ได้ยินเสียงใกล้ที่สุด จากนั้นก็ขยับข้อศอกซ้ายไปสะกิดที่ต้นแขนของพรานพร เป็นสัญญาณให้เปิดสวิทช์ไฟฉายทันที

          ลำไฟฉายสว่างจ้าในความมืด จับไปที่ยอดไม้ใหญ่สูงริบ เห็นไปเงาขาววูบวาบ จากนั้นพรานพรก็ค่อยๆกวาดต่ำลงมายังพื้นดิน สิ่งที่เห็นคือแสงสีเขียววาวของดวงตาสัตว์ชนิดหนึ่ง กระทบแสงตอบกลับมาหลายสิบคู่ พวกมันพากันเดินขวักไขว่ แลดูไม่ยี่หระ กับแสงไฟฉายที่สาดกระทบนั้น ขนาดของมันไม่ใหญ่โตนัก มองผ่านๆก็คิดว่าหมูป่า แต่เมื่อพิจารณาดีๆถึงได้รู้ว่าไม่ใช่ เพราะลักษณะของขนที่ตั้งชูชัน เป็นเส้นๆ บางจังหวะก็เห็นเป็นสีขาวดำ สลับกันเป็นปล้องๆ แค่แวบแรกเท่านั้นที่พรานเบเห็น ก็ถอนหายใจ พร้อมหัวเราะหึๆในลำคอ ก่อนจะลดปืนลง

          “ไอ้ห่ า เม่น นี่เอง”

          “มากันเป็นฝูงเสียด้วย กดสักโป้งดีมั๊ย ค่าที่ทำให้เสียเส้น หลอกให้ย่องกันมาเสียเหงื่อท่วม”พรานพรสบท พูดจบก็คว้าก้อนหินขนาดกำลังพอเหมาะมือ จากนั้นก็ขว้างก้อนหินก้อนนั้นตกลงไปกลางหมู่หิน ที่ฝูงเม่นเดินกันให้พล่าน เสียงหินกระทบกันดังโครม จนเห็นสะเก็ตไฟ ทำให้ฝูงเม่นพากันวิ่งพรวดพราดด้วยความตกใจ บางตัวก็ทำขนพองกระทบกันดังกราวไปหมด เจ้าพะเปรียวก็ใช่ย่อย พอเห็นอะไรเป็นอะไร ก็กระโจนพรวดไปไล่เห่าเสียงดังลั่น ฝูงเม่นหลายสิบตัวจึงพากันหนีหายเข้าไปในป่าทึบ เพียงไม่นานก็ได้ยินแต่เสียง แกรกกราก ของใบไม้แห้งจางหายไป ปล่อยให้คนทั้งสองมองหน้ากันตาปริบๆ

          “ตัวอะไรละ”

          “ข้าได้ยินเสียงไอ้พะเปรียวเห่าเสียงดังลั่นมาเชียว”พรานโส่ยร้องทัก หลังจากเห็นบุคคลทั้งสองเดินพ้นออกมาจากหมู่หิน

          “เม่น”

          “นี่ถ้าเป็นป่าข้างนอก คงไม่เห็นมันอยู่เป็นฝูงแบบนี้หรอก”พรานพรว่า

        “บ้านเราเต็มที่ก็ สี่ ห้าตัว”

        “ฝูงนี้ที่ข้ากับไอ้พรเห็น น่าจะไม่ต่ำกว่าสามสิบตัว ตัวโตเสียด้วย”พรานเบกล่าว พูดจบก็ลงไปนั่งกินข้าวตามปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำให้ทุกคน ที่ทำหน้าตื่น พากันโล่งอก เข้ามาร่วมล้อมวงกินข้าวกันเช่นเดิม

          “ดีที่เป็นแค่เม่น”

          “อย่าให้ร้ายไปกว่านี้เลย อย่าเพิ่งเบาใจกันนัก”พรานพรกล่าว พูดจบก็ตักน้ำแกงซดดังโฮก

        “เดี๋ยวเราแบ่งกันอยู่ยาม”

        “เอาผลัดละ สองสามคนก็พอ”พรานเบบอก พลางฉีกเนื้อเก้งย่างโยนเข้าปาก

          หลังจากอาหารมื้อค่ำที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรสชาติและความอร่อย ทำให้ทุกคนกินกันจนอิ่ม ท้องที่เคยว่างเปล่าตอนนี้ถูกบรรจุไปด้วยอาหาร กำลังวังชาที่เคยถดถอยก็กลับฟื้นมีกำลังขึ้นมาใหม่ พรานเบกำหนดให้ทุกคนแบ่งกันอยู่ยาม โดยช่วงหัวค่ำนี้ให้ เจ้าพุ่ม เจ้าเคิ้ง และเหน๋อ อยู่กันเป็นผลัดแรก เพราะคิดว่าเวลาเช่นนี้น่าจะไม่มีภัยอันตรายใดๆมากนัก จึงกำหนดให้อยู่ยามถึงสี่ทุ่ม ต่อจากนี้ ก็ให้ พรานแปะ และพรานโส่ย รับยามต่อไปจนถึงตีหนึ่ง ที่เหลือก็ให้เป็นหน้าที่ของพรานพรและตัวแกเอง อยู่ถึงย่ำรุ่ง หรือคนไหนที่ไม่ง่วงอยากอยู่ต่อก็ไม่ว่าอะไร ส่วนคนที่ไม่ได้อยู่ยาม พรานนำทางให้รีบนอนพักเอาแรง โดยเน้นย้ำเฉพาะคนอยู่ยาม ให้ระวังอย่าให้ฟืนไฟมอดดับเป็นอันขาด หรือถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากล ก็ให้รีบปลุกทุกคนทันที

          “ไม่ลองยิงปืนดูสักทีสองที”

          “ป่าจะได้แตก ไหนๆเราก็ไม่ได้มาล่าสัตว์อยู่แล้วนี่”พรานแปะเสนอ หลังจากตักข้าวเข้าปากคำสุดท้าย

          “ข้าคิดไว้แล้ว”

          “ทีแรกว่าจะยิงไล่ตั้งแต่เจอเม่นแล้ว แต่เสียดายลูกปืน”พรานเบว่า

          “จะไปยากอะไร อีแก๊ปก็ได้นี่”

          “ลองดูสักทีก็เกินพอ ดีเสียอีกจะได้ไม่มีตัวอะไรกล้าเข้ามากวนเรา”พรานชราบอก พูดจบก็ยกเหล้าที่อยู่ในฝาแกลอนขึ้นดื่ม

          “ไอ้พุ่ม เอ็งจัดให้ตาโส่ยสักทีสิ”

          “จะได้ล้างลำกล้องไปในตัว ตั้งแต่ล่องแพมา ไม่รู้ดินปืนชื้นหมดหรือเปล่า”พรานแปะพูด พลางรับเหล้าจากพรานโส่ยขึ้นดื่มลงคออึกใหญ่ แต่ไม่ทันที่พรานแปะจะรินเหล้าส่งต่อให้พรานพร เสียงปืนแก๊ปของเจ้าพุ่ม ก็ระเบิดออกมาดังตูมสนั่นจนทำให้เสียงก้องไปทั้งบริเวณ อึดใจต่อมาก็มีเสียง แปร๋ แปร๋น ของช้างป่าดังมาจากฝั่งตรงข้าม พร้อมๆกับเสียงไม้ไร่หักดังโผงผาง ไล่ไปเป็นแถบ เก้ง กวาง ก็ร้อง เป้บ อยู่ไม่ห่างจากที่พัก เสียมมันควบกระโจนไปตามแนวหินดัง กรุบกรับ ทำให้คณะทั้งหมดพากันตื่นเต้นไปตามๆกัน

          “นั่นไง ข้าว่าแล้ว”

          “หลายสิบตัวเลยนะนี่”พรานพรกล่าว พลางยกมือป้องหน้าไปทางเสียงช้างร้องฝั่งตรงข้าม แต่ก็เปล่าประโยชน์ เพราะหมอกที่ปรกคลุมอยู่หนาทึบไปทั้งบริเวณ

          “แบบนี้ก็ดี สบายใจหายห่วงไปอีกหน่อย”

          “อย่างน้อยๆคืนนี้คงไม่มีสัตว์เข้ามากวนเรา”เจ้าเคิ้งกล่าว พูดจบก็คว้าปืนแก๊ปคู่กายขึ้นมาเล็งปลายกระบอกปืนขึ้นฟ้า จากนั้นก็กดไกทันที

          “แชะ!”

          “โห่...ด้านซะนี่”เจ้าเคิ้งบนอุบ

          “แก๊ปคงเปียกแหละ แกะออกมาเปลี่ยนใหม่”

          “ดีนะที่รู้ก่อนตอนนี้ เอาเข้าจริงมาด้านแบบนี้ไม่ได้นะ”พรานเบร้องบอกเสียงขุ่น

          “ตอนล่องแพมาก็ว่ากันน้ำดีแล้วนะ”

          “นี่ไง แก๊ปชื้นเป็นขุยเลย สงสัยจะเปียกน้ำจริงๆด้วย”เจ้าเคิ้งร้องบอก พลางใช้ลวดเส้นเล็กๆที่เหน็บไว้ข้างปืน เขี่ยเม็ดแก๊ปในจอกออกมาบี้ พอรู้ว่าของเดิมที่มีอยู่ใช้งานไม่ได้ ก็ล้วงมือเข้าไปหยิบแก๊ปกระดาษในกระปุกที่อยู่ในย่ามที่สะพายบ่า เลือกเม็ดแก๊ปขึ้นมาอันหนึ่งได้ ก็เอาเม็ดแก๊ปที่เลือกนั้น ค่อยๆยัดเข้าไปในจอกแก๊ปอันเดิม ก่อนจะยัดจอกแก๊ปลงไปที่เดือยของปืนแก๊ป เจ้าเคิ้งก็ใช้ลวดแหย่เข้าไปในรูเดือย แล้วลดนกปืนไปปิดเดือยไว้ จากนั้นก็ใช้ฝ่ามือตบลงไปสองสามครั้ง เพื่อทะลวงเอาดินปืนที่อาจจะมีความชื้นออกมา พอคิดว่าได้ตามที่ต้องการแล้ว เจ้าเคิ้งก็ง้างนกออกแล้วยัดจอกแก๊ปเข้าไปที่เดือย

          “น่าจะออกแหละทีนี้”

          “ดีที่ดินปืนไม่เปียก”เจ้าเคิ้งพูดจบ ก็ยกปืนแก๊ปเล็งขึ้นฟ้าแล้วเหนี่ยวไกทันที

          “ตูมมมม.....”

          “ซ่า...”เสียงปืนแก๊ประเบิดสนั่นอีกครั้ง พร้อมๆกับเสียงของ เจ้าแห่งป่าก็ดังตอบรับกลับมาจากดงทึบที่ใดสักแห่ง

          “อ้าวว...ฮึมมม..”

          “สะ...สะ...เสือ”เจ้าเหน๋อร้องบอก กระจะกระโจนผว่าเข้าไปยืนเกาะแขนพรานเบ

          “ไอ้ลายเลยทีนี้”

          “ป่าเสือ ดงช้างชัดๆ”พรานพรร้องบอก ก่อนที่จะร้องเรียกให้เจ้าเคิ้งและเจ้าพุ่ม ช่วยกันสุมฟืนในกองไฟเพิ่มยิ่งขึ้น ทำให้บริเวณที่พักสว่างไสว เสียงปะทุของฟืนในกองไฟดัง เปรี๊ยะ คะเคล้าไปกับกลิ่นควันไฟ ที่กระจายฟุ้งไปกับสายหมอกที่หนาทึบ  เสียงเสือโคร่งยังคงร้องก้องไปในพื้นป่าอยู่ไม่กี่อึดใจ ก็เงียบเสียงลง นานๆครั้ง ก็ร้องออกมาข่มขวัญชาวคณะเสียครั้งหนึ่ง เล่นเอาทั้งหมดต่างพากันหนาวๆร้อนๆไปตามๆกัน ขนาดเจ้าพะเปรียวยังทำหูลู่หางจุกตูดเดินพันแข้งพันขาพรานเบเป็นพัลวัน ยกเว้นแต่พรานนำทางเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่ไม่มีอาการ อกสั่นขวัญหายกับเห็นการณ์เช่นนี้

        ค่ำคืนต่อจากนี้จะเป็นเช่นไร คณะติดตามคนหายจะพบเจอกับภัยอันตรายหรือไม่ โปรดติดตามในตอนต่อไป

.....

หนุ่มธุดงค์ไพร: ความเห็นที่ 1 : 7 เม.ย. 64, 16:572
สวัสดีครับน้าๆ ที่ติดตามอ่านนิยายเรื่องนี้มาอย่างยาวนาน
น่าจะยาวแหละครับ น่าจะจบไม่ลง เขียนเรื่อยๆนะครับ รอจังหวะและเวลาว่างๆก็จะเอามาลงให้น้าๆได้อ่านเล่นๆกัน

เช่นเคยนะครับ น้าๆสามารถติ ชม แนะนำ แก้ไข ได้อย่างเต็มที่ครับ
ขอบคุณน้าๆทุกท่านที่ติดตามนะครับ



29
นิยาย แนวผจญภัย บทที่ 14 โดย หนุ่ม ธุดงค์ไพร


นิยาย แนวผจญภัย บทที่ 14 ตอนที่ 1
หนุ่ม ธุดงค์ไพร


บทที่ 14

ตอนที่ 1

          ทุกคนต่างรีบเร่งช่วยกันรากฟืนไปสุมไฟ จนพื้นที่โดยรอบสว่างโชนไปทั่วบริเวณ กลิ่นควันไฟม่วนตลบอบอวน เพราะปราศจากกระแสลมโชย กองไฟกองใหญ่ส่งเปลวไฟสว่างจ้า ทำให้บริเวณนั้นร้อนระอุขึ้นตามไปด้วย ถึงแม้ดวงตะวันจะยังไม่ตกดิน แต่ป่าดิบทึบเช่นนี้ ก็ทำให้บรรยากาศโดยรอบดูขมุกขมัว แสงจากกองไฟ สว่างโชนส่องกระทบต้นไม้ชายป่า ป่าสูงทึบทะมึนเช่นนี้ ทำให้เกิดเป็นเงาวูบวาบ ราวกับเงาปีศาจชวนให้หลอน บรรยากาศภายในแคมป์เต็มไปด้วยความตึงเครียด ทุกคนต่างกระสับกระส่าย เพราะไม่ไว้วางใจในสถานการณ์ แต่ละคนมีอาวุธติดตัวพร้อม พรานโส่ย เจ้าเคิ้ง เจ้าพุ่ม ต่างถือปืนแก๊ปคู่กายในท่าเตรียม สายตาก็จับจ้องไปตามราวป่า ส่วนเหน๋อนอกจากปืนพกลูกโม่ขนาด.22ที่พกเหน็บอยู่ข้างเอวแล้ว ที่มือยังกุมปืนอยาวขนาด.22 ของสิงห์ไว้แน่น

          “ดูกันให้ดีๆโว้ย”

          “ระวังจะยิงพวกเดียวกันเอง”พรานชราร้องสั่ง

          “ไม่รู้ว่าน้าเบจะเป็นยังไงบ้าง”

          “สองคนนั่นก็หายไปพักหนึ่งแล้ว”เหน๋อร้องบอกเสียงสั่น

          “เดี๋ยวก็รู้”

          “มีไอ้แปะ กับ ไอ้พร ด้วยแบบนี้ไม่น่าห่วง พวกเรามากกว่าที่น่าห่วงกว่าทางโน้นอีก”พรานโส่ยบอก

        “ก็แน่อยู่แหละพ่อ”

          “เรามีแต่ปืนแก๊ปกันทั้งนั้น ทางโน้นมีแต่ลูกซอง”เคิ้งว่า แต่ยังไม่ทันขาดคำเจ้าเคิ้ง เงาตะคุ่มๆของชายทั้งสามก็โผล่มาให้เห็น

          “โน่นๆ พวกนั้นมากันแล้ว”

          “วู้...เป็นยังไงบ้าง”เหน๋อร้องบอกออกมาอย่างลิงโลด พรางป้องปากกู่ร้องโหวกๆ

          “น้าเบก็มาด้วยนี่”

          “โอ้ย ค่อยโล่งอกหน่อย”พุ่มร้องบอกอย่างดีใจ หลังจากเห็นพรานทั้งสามเดินโผล่ออกมาจากเหลี่ยมโขดหินใหญ่

          “ไอ้ดาว”

          “เกือบเสร็จมันไปแล้วเหมือนกัน”พรานนำทางร้องบอก พูดจบก็ยกกระบอกน้ำที่แขวนไว้ ขึ้นดื่มอึกใหญ่ ก่อนจะยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดปาก

          “เป็นยังไงมายังไงถึงไปเจอมันเข้าหละ”

          “ข้าคิดว่าเอ็งเสร็จมันไปแล้ว”พรานชราร้องถาม

          พรานนำทางเล่าเหตุการณ์ต่อมาว่า ขณะที่กำลังเดินสำรวจเส้นทาง และความเรียบร้อย ซึ่งห่างออกไปราวๆห้าสิบวาจากจุดที่เจ้าเคิ้งและเจ้าพุ่มออกไปเก็บฟืน สายตาก็เหลือบไปเห็นรอยเลือดสดๆหยดไปเป็นทาง ด้วยความสงสัยจึงค่อยๆสะกดรอยตามไปอย่างระมัดระวัง จนพบซากกวางตัวหนึ่งพึ่งจะตายมาใหม่ๆ ถูกซุกไว้ใต้โพรงหินใกล้ๆกับต้นไม้ที่ยืนตายพรายนั่น เมื่อดูใกล้ๆก็เห็นว่าส่วนท้องถูกเปิดแหวะออกมา เครื่องในบางส่วนถูกอะไรบางอย่างลากออกมากินเป็นกอง ประจวบกับเจ้าพะเปรียวมีอาการลุกลี้ลุกลน เดินพันแข้งพันขาหางจุกตูดทำให้ผิดสังเกตุ ซึ่งอาการแบบนี้เจ้าพะเปรียวไม่เคยส่อออกมาให้เห็น ถ้ามันไม่เกิดกลัวอะไรขึ้นมา พอรู้แบบนี้พรานเบจึงรีบหลบฉากเข้าหาที่กำบังโดยทันที

          “ใจข้าก็คิดว่าน่าจะเป็นเสืออยู่แล้ว”

          “แต่ไม่รู้ว่าเสืออะไร”พรานนำทางเล่าเหตุการณ์

          “ตอนแรกก็คิดว่าไอ้ลาย”

          “แต่พอแหงนมองขึ้นไปบนต้นไม้ ถึงรู้ว่าเป็นไอ้ดาว”พรานนำทางตอบ พูดจบก็สูบบุหรี่ยาเส้นจนแดงวาบ

          “ถ้าช้ากว่านี้หน่อย หนังหัวคงจะเปิดไปแล้ว”

          “ดีที่ข้าเห็นมันก่อน”พรานเบร้องบอกคณะ พรางชี้มือไปทางต้นไม้ใหญ่สีขาวนวลลิบๆ

          “มันหมอบทำหูลู่ แยกเขี้ยวขาวบนคบไม้นั่น”

        “นัดแรกน่าจะโดนแถวๆสะโพก เพราะมันกระโจนสวนลงมาพอดี”

          “ตอนมันตกลงมาดิ้น เห็นท่าไม่ดี เลยกดไปอีกตูมแถวๆหน้าอก”พรานนำทางพูดจบก็ดีดก้นบุหรี่เข้าไปในกองไฟ

          “ข้ายังนึกอยู่เลย”

          “เนื้อมันแยะขนาดนี้ เสือน่าจะเยอะตามไปด้วย”พรานพรร้องบอก

          “นี่แค่เบาะๆ ข้าว่ายังมีอีกแยะ ป่ามันทึบขนาดนี้”

          “ระวังตัวกันให้ดีๆ อย่าประมาทเด็ดขาด”พรานเบพูด

          “มันน่าจะตกใจเสียงปืนที่เรายิงเรียกไอ้สิงห์นั้นแหละ”

          “ดีนะที่ไอ้พว กนี้ไม่ได้เดินไปแถวนั้น”พรานโส่ยว่า

          “ตัวโตมั๊ยไอ้เบ”

          “ชักจะอยากเห็นตัวใกล้ๆ ไม่ได้เจอเสือตัวเป็นๆมาหลายสิบปีแล้ว ครั้งสุดท้ายที่เห็น ก็สักแปดขวบได้ ปู่ข้าเคยยิงได้แถวๆชายไร่”พรานโส่ยกล่าว พูดจบก็เดินไปหยิบท่อนฟืนโยนสุมเข้ากองไฟดังโครม จนลูกไฟแตกเป็นสะเก็ดแดงวูบวาบ

          “เขื่องใช้ได้อยู่”

          “ข้าว่าจะตัดหนวด หนังหน้าผาก แล้วก็เขี้ยว มาฝากแกแล้ว แต่ไอ้เบมันไม่ยอม”ประโยคหลัง พรานพรพูดออกมาอย่างเสียดาย

          “อ้าว ทำไมละไอ้เบ?”

          “ของดีๆแบบนี้หายากจะตายห่ า”พรานโส่ยบ่นอุบมาอีกคน

          “อย่าไปแตะต้องอะไรมันเลย ทุกสิ่งทุกอย่างในป่านี้ มันเป็นของอาถรรพ์”

          “ข้ารู้ว่ามันเป็นของหายาก แต่อย่าดีกว่า”พรานนำทางกล่าว

          “น้าเบแกก็มีเหตุผลนะตาโส่ย”

          “ป่าแถวนี้ มันไม่เหมือนป่าแถวบ้านเรา แค่นี้ก็ซวยกันมากพอแล้ว อย่าให้ซวยมากไปกว่านี้เลย”เหน๋อร้องบอก

          “เอาๆ ก็แล้วแต่ไอ้เบละกัน เอ็งว่าไง ข้าก็ต้องว่าตาม”

          “ที่เอ็งว่ามา มันก็เข้าทีอยู่”

          “เอ้า เสียเวลากันมามากพอแล้ว จวนจะค่ำแล้วด้วย มากินข้าวกินปลากันดีกว่า อิ่มแล้วค่อยว่ากันอีกทีว่าจะเอายังไงกันต่อ”พรานชรากล่าวสรุป ก่อนที่จะกวักมือเรียกคณะไปที่ร้านย่างเนื้อ และหม้อต้มเนื้อเก้งที่ตอนนี้น้ำในหม้องวดลงไปเกือบครึ่ง

          “นี่เราก็ล่อเก้งของเขามาอีกตัว”

          “เดี๋ยวต้องไหว้ขอขมา เจ้าที่ เจ้าทางกันเสียหน่อย เพื่อความสบายใจ”พรานชราพูดจบก็จัดแจงเตรียมกระทงใบไม้ ที่เย็บกลัดด้วยกิ่งไม้แบบง่ายๆขึ้นมาสามสี่ใบ พอแกทำเสร็จ ใบแรกแกก็ตักต้มเก้งใส่ลงไปจนเต็ม ใบที่สองเป็นเนื้อเก้งย่างพริกเกลือ ใบที่สามเป็นเนื้อปลาย่างที่บิใส่อีกครึ่งตัว ส่วนใบสุดท้ายใส่ข้าวสวยร้อนๆที่ตักแบ่งออกมาจากหม้อสนาม จากนั้นก็ค่อยๆลำเลียงไปไว้บริเวณพื้นหิน ที่มีก้อนหินทรวดทรงประหลาด

          “เออ..แกก็เข้าใจเอาไปไว้แถวนั้น”

          “ไอ้หินก้อนนี้ข้าเห็นตั้งแต่แรกแล้ว ดูพิลึกยังไงชอบกล”พรานพรกล่าว

          “จริงของน้าพร”

          “ฉันก็คิดว่าเห็นแบบนั้นอยู่คนเดียว ยังกับคนแก่นั่งชันขา ไม่มีผิด”พรานแปะเสวนาบ้าง

          “ใช่ๆ เหมือนคนแก่นั่งชันขาจริงๆด้วย ยิ่งดูมุมนี้ยิ่งเหมือน”

          “ดูดีๆก็เหมือนฤาษี! โอ๊ย เหมือนจนน่าขนลุกแท้”เหน๋อผู้ซึ่งตาขาวตลอดการเดินทางกล่าว พรางใช้มือลูบไปตามแขนขาด้วยความสยิว

          หินรูปร่างทรวดทรงประหลาดนี้ พรานนำทางก็เห็นเป็นจริงอย่างที่ทุกคนในคณะว่ามา ครั้งแรกที่ถ่อแพเข้าไปใกล้ ยังตกใจคิดว่าคนแก่ที่ไหนมานั่งจับเจ่าอยู่ตรงนี้ แต่พอเพ่งมองดูดีๆถึงรู้ว่า ภาพที่เห็นคือก้อนหินธรรมดาเท่านั้น เพียงแต่มีรูปร่างแปลกตา มองผ่านๆเหมือนฤาษีแก่ๆนั่งชันขาหลังค่อมอยู่ไม่มีผิด ลวดลายบนก้อนหินนั่นก็ดูพิลึก เพราะมีพวกตะไคร่น้ำ และพืชจำพวกไลเคน เกาะอยู่เป็นจุดๆ ราวกับชุดอาภรณ์ที่ส่วมใส่ ส่วนบนที่มองดูเหมือนศรีษะ ด้านหลังมีลักษณะคล้ายมวยผมที่ถูกมัดรวบไว้เป็นขมวดแถวๆท้ายทอย ซึ่งตอนนี้ยืนล้ำออกไปด้านหน้าเล็กน้อย ส่วนใบหน้ามองไม่ถนัดเพราะตอนนี้มีตะไคร่น้ำขึ้นอยู่เต็มไปหมด ทำให้จินตนาการแล้วเหมือนเคราคนแก่ เพราะไม่อยากให้ทุกคนในคณะเสียขวัญและกำลังใจมากไปกว่านี้ พรานนำทางจึงเก็บงำเรื่องนี้ไว้คนเดียว จนมาตอนที่พรานโส่ยนำเครื่องเซ่นมาไหว้นี่แหละ ถึงได้รู้ว่าทุกคนก็เห็นเหมือนกันกับตน

          “ใครก็ได้ มวนบุหรี่ยาเส้นมาให้ข้าสักสามมวน”

          “ไอ้เคิ้ง เอาย่ามหมากมาให้ข้าที แขวนไว้ตรงรากไม้โน่น”พรานโส่ยร้องบอก พรางจัดแจงวางสำรับกับข้าว เครื่องเซ่นต่างๆอย่างบรรจง พอได้ที่ดีแล้ว ก็รับบุหรี่ยาเส้นที่พรานพรมวนให้ถึงสามมวน วางลงบนใบไม้ จากนั้นแกก็ล้วงย่ามใบเก่าคร่ำเพื่อหยิบกระปุกปูนแดง ชิ้นลูกหมากแห้งบางๆ ยาฉุน ใบพลูเหี่ยวๆขึ้นมาสามใบ และเทียนไขเล่มเล็กๆอีกเล่ม

          “เหล้าป่ายังมีอยู่ จะเอาด้วยมั๊ย”

          “ถ้าเอา ข้าจะตัดไม้ทำจอกให้เดี๋ยวนี้”พรานเบร้องบอก

          “ดีๆ”

          “อย่าให้ขาด เซ่นทั้งที ต้องมีเหล้าถึงจะขลัง”พรานโส่ยพูดจบ ก็ใช้ไม้พายเล็กๆควักปูนแดงออกมาทาบนใบพลูทั้งสามใบ จากนั้นก็บิชิ้นลูกหมากแห้งๆโรยลงไปสามสี่ชิ้น ก่อนจะม้วนเป็นมวนคล้ายบุหรี่ ส่วนยาฉุน แกใช้มือคลึงปั้นเป็นก้อนกลมๆขนาดเท่าหัวแม่มือสามก้อน เมื่อทำเสร็จทุกอย่างก็เอาไปวางเรียงคู่กับบุหรี่ยาเส้น

          “เอา”

          “จอกเหล้าของแก”พรานเบร้องบอก พูดจบก็ส่งจอกเหล้าไม้ไผ่ ที่แกทำจากส่วนปลายของไม้ถ่อแพ

          “เหล้าอย่าลืม”

          “ค่อยๆเท ของมีน้อยระวังหกด้วย”พรานแปะพูดพรางส่งแกลอนใส่เหล้าไปให้พรานโส่ย ภายในแกลอนมีเหล้าอยู่เกินครึ่ง พรานผู้ทำพิธีรับเอาไปรินอย่างบรรจง จนเกือบเต็มแล้วจึงนำไปวางรวมกับชุดหมากพลูและบุหรี่ยาเส้น ก่อนส่งแกลอนเหล้าคืน แกก็เทเหล้าใส่ฝาแล้วยกพรวดลงคออึกใหญ่ พอทำท่าว่าจะมียกที่สอง พรานแปะก็ทำเสียงกระแอมแกถึงหยุดแล้วปิดฝาส่งแกลอนเหล้าคืน

          เมื่อเครื่องเซ่นทุกอย่างครบตามที่พรานโส่ยต้องการ แกก็ค่อยๆปลดผ้าขาวม้าที่แกใช้โพกหัว ออกมาคลี่เป็นผืน แล้วสะบัดอยู่สองสามที ก่อนจะเอามาพาดเฉียงไว้ที่ไหล่ซ้าย จากนั้นก็ทรุดกายลงไปนั่งยองๆแล้วจุดไม้ขีดรนไปที่ก้นเทียนพอให้ละลายแล้วเอาไปแตะติดไว้กับพื้นหินกลางเครื่องเซ่น พอเทียนเล่มนั้นติดแน่นดีแล้ว แกก็จอเปลวไฟจากไม้ขีดก้านเดิมเพื่อจุดไส้เทียนจนบริเวณนั้นสว่างวอมแวม

          “ตาโส่ยนี่แน่นอนจริงๆ”

          “วิชาคงจะเยอะน่าดูชม”พรานแปะทำเสียงกระซิบบอกพรานพร

          “เรื่องพวกนี้ต้องยกให้แก”

          “แกผ่านโลกมาก่อนเรา เราเทียบแกไม่ติดหรอก”พรานพรกระซิบตอบ ตาก็มองไปที่พรานชราที่ตอนนี้นั่งทำปากขมุบขมิบ มือไหว้กราบพื้นอยู่ปะหลกปะหลก

          “ไม่รู้คืนนี้จะเจอดีอะไรกันอีก”

          “ขออย่าให้เจออะไรเลย เจ้าพระคูณ”เหน๋อพูดเสียงอ่อย หลังจากเห็นพรานชราเอื้อมมือไปจุดบุหรี่ที่ใช้เป็นเครื่องเซ่น

          “นั่นแหละ ข้าถึงบอกกับทุกคนไงว่า พวกเราอย่าประมาท”

          “ป่าแถวนี้มันไม่เหมือนป่าแถวบ้านเรา”พรานเบพูดเสียงขรึม พรางมองป่าไปรอบๆทิศทาง

          “เดี๋ยวตอนกินข้าว เราค่อยมาคุยกัน ว่าใครจะอยู่ยามกันช่วงไหน”

          “ไม่อยู่ยามกัน เห็นทีจะไม่ไหว ป่ามันน่ากลัวกว่าที่คิดไว้ ป่าเสือ ดงช้างแบบนี้ ไว้ใจไม่ได้จริงๆ”พรานพรพูดเสริม จากนั้นก็ร้องเรียก กะเหรี่ยงหนุ่มทั้งสองคนให้เตรียมสำรับกับข้าว

                                *****เหตุการณ์ต่อจากนี้จะเป็นเช่นไร คณะของผู้ติดตาม จะพบเจอกับเรื่องลี้ลับ หรืออถรรพ์ของไพรมืดแห่งนี้อีกหรือไม่ โปรดติดตามในตอนต่อไป*****



30
นิยาย แนวผจญภัย บทที่ 13 ตอนที่ 3.


บทที่ 13

ตอนที่ 3

          ยิ่งบริเวณไหนที่ต้นไม้ทั้งสองฝั่งเบียดชิดกัน ยิ่งทำให้เกิดร่มเงาบดบังแสงมากขึ้นทุกลำดับ ราวกับเป็นอุโมงค์ขนาดยักษ์ บางช่วงก็มีเถาวัลย์ห้อยพาดเกาะเกี่ยวกันไปมา ดูระโยงระยาง สัตว์ป่าจำพวก กระรอก และลิง ค่าง พากันไต่ไปมาดูสับสนไปหมด ลิงบางตัวก็ทำเสียง คิกคอก ขย่มยอดไม้ เมื่อเห็นวัดถุประหลาดลอยอยู่บนผิวน้ำผ่านหน้ามันไป บางตัวก็กระโจนไต่ไล่ไปมาตามเครือเถาวัลย์เหมือนสงสัยในสิ่งที่มันพบเห็น นอกจากสิ่งมีชีวิตที่ว่ามาแล้ว ตามชายดงริมตลิ่งก็มีสัตว์ป่าหลายชนิดให้พบเห็น เก้ง กวาง มีให้เห็นอยู่ตลอดทั้งสองฝั่ง หรือแม้แต่สัตว์ ที่ไม่เคยพบเจอ ก็มีให้เห็นอยู่มากมาย ตามตลิ่งริมน้ำตื้นๆ หรือตามปลัก ถ้าไม่เจอ สมเสร็จ ก็เจอ ควายป่า ครั้งหนึ่ง พรานเบรีบยกมือส่งสัญญาณให้ทุกคนอยู่ในความสงบ เมื่อตัวเองเหลือบไปเห็นช้างงาตัวใหญ่ ที่ยืนเอาสีข้างเบียดถูกับต้นยวน ถึงแม้มันจะดูตัวใหญ่โตในสายตามนุษย์ แต่ก็เล็กเมื่อเทียบกับขนาดโคนต้นที่มันใช้ถูอยู่ ถ้าไม่สังเกตอาจมองไม่เห็น
       
          “ดูงาของมันสิน้า”

          “ยาวเป็นวาๆเลย เกิดมาฉันเพิ่งจะเคยเห็น”เจ้าพุ่มกระซิบบอกพรานนำทาง

          “ป่าแถวนี้ มันเป็นป่าอาถรรพ์”

          “เอ็งไม่ต้องตกใจ ข้าว่า มันมีอะไรมากกว่านี้ ที่เอ็งและข้าไม่เคยเห็นอีกแน่นอน”พรานเบตอบเสียงแผ่วเบา พูดจบก็ทำสัญญาณมือบุ้ยใบ้ ให้แพอีกลำค่อยๆเคลื่อนผ่านไป โดยเฉพาะเจ้าพะเปรียว ที่เจ้าพุ่มใช้มือบีบปากมันไว้แน่น เพราะกลัวเจ้าพะเปรียวจะเห่าทำเสียงดัง ซึ่งเจ้าช้างงาตัวนั้นก็ไม่มีอาการหวาดระแวงต่อการมาของมุนษย์เหล่านั้น มีเพียงไม่กี่ครั้งที่มันทำทีชูงวงร่อนไปมาบนอากาศ เหมือนจะสูดดมหากลิ่นที่อาจจะมีแปลกปลอม แต่เมื่อไม่มีอะไรผิดปกติ ก็ตวัดเอาเศษดินและเศษหญ้าบนพื้นขึ้นมาพ่นรดหัวรดตัว เพื่อไล่แมลงต่างๆที่ไต่ตอมหัวหูดูน่ารำคาญ

          พรานนำทางค่อยๆถ่อแพไปตามลำน้ำที่คดเคี้ยว ซึ่งก็เป็นไปตามที่เขาเคยว่าไว้ ระดับน้ำที่เริ่มตื้นเป็นลำดับ จากที่ไม้ถ่อแพยาวหลายวายังแตะไม่ถึงพื้น มาตอนนี้ระดับน้ำลึกไม่เกินวา มองเห็นพื้นเบื้องล่างได้อย่างชัดเจน ตลิ่งที่เคยชัน ตอนนี้ก็เริ่มลาดเอียงกลายเป็นหาดทรายผสมกรวด สลับไปกับโขดหินใหญ่ที่โผล่พ้นน้ำ มีต้นไคร้น้ำขึ้นแซมบ้างประปราย และหาดทรายอยู่เป็นระยะ แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่เจอสถานที่ ที่ถูกใจพรานนำทาง เพราะตลอดเส้นทางทั้งสองฝั่งที่ผ่านมา ภูมิประเทศและชัยภูมิ ยังไม่เป็นที่น่าไว้วางใจ ถึงแม้จะดูไม่รกมากนักเหมือนป่าด้านนอก เพราะไม้ใหญ่ทอดเงาปกคลุมจนไม้เล็กไม้น้อยไม่สามารถเจริญเติบโตได้ มีแต่พวกเฟิร์นและบอนบางชนิดที่ขึ้นอยู่เป็นดงริมน้ำ ต้องออกแรงถ่อแพมากันอีกหลายโค้งกว่าจะเจอตำแหน่งที่ถูกใจ

          “เอาตรงนี้แหละ”

          “เดี๋ยวเราเอาแพไปจอดหลังไม้ล้มนั้น”พรานเบหันมาร้องบอกคณะ พลางบุ้ยปากไปยังตำแหน่งต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ที่ล้มพาดลงมาแช่อยู่ในน้ำทางด้านขวามือ

          ขนาดของลำต้นที่ล้ม สูงท่วมหัวของพรานเบ ลักษณะของมัน น่าจะล้มมานานนับสิบปี เพราะส่วนที่แช่อยู่ในน้ำดูเกลี้ยงเกลา เห็นแต่เนื้อไม้สีเทาหม่นเพียงครึ่งต้น ส่วนอีกครึ่งจมหายเข้าไปในพื้นกรวดหินใต้น้ำ หรืออาจจะหัก ไม่ก็ผุพังลอยไปตามกระแสน้ำนั้นนานแล้ว ในส่วนที่พ้นน้ำขึ้นไปบนฝั่ง เปลือกที่เคยห่อหุ่มลำต้นก็หลุดลอกไปเสียเกือบหมด มีแต่ตะไคร่น้ำและเฟิร์นบางชนิดเกาะอยู่กันเขียวเป็นพรืด มันล้มชนิดที่ถอนรากถอนโคน จนพื้นดินที่มันเคยยืนต้นอยู่เปิดเผยอขึ้นมาทั้งกระบิ มองเห็นเป็นแอ่งหรือหลุมขนาดใหญ่ แต่ด้วยระยะเวลาอันยาวนานทำให้มันดูตื้น แต่ก็ยังพอมองเห็นเค้าโครงเดิมของมัน รากที่เกาะเกี่ยวกันเป็นแผงรูปวงกลมดูยุ่งเหยิง ตอนนี้มองเห็นเด่นชัดโดยมีก้อนหินขนาดเท่าครกตำน้ำพริก ไล่ไปจนถึงขนาดเท่าโอ่งน้ำ ถูกรากเกาะติดขึ้นมาด้วย เพราะผ่านระยะเวลามานานหลายปีจึงปราศจากเศษดิน มองผ่านๆก็เหมือนประติมากรรมดูแปลกตา

          พรานนำทางเลือกชัยภูมิที่เหมาะสม เพราะนอกจากจะมีต้นซุงที่ล้มพาดขวาง เปรียบเสมือนแนวกำแพงป้องกันภัยจากทางด้านหลัง มันทอดขวางล้ำเข้าไปในแม่น้ำ หากจะมีสัตว์ชนิดใดข้ามมาทางนี้ก็คงจะยากลำบาก เพราะขนาดของซุงใหญ่โตเกินจะข้ามหรือกระโจนผ่าน ครั้นจะมุดลอดมาใต้ท้องซุงก็ทำไม่ได้ เพราะส่วนของท่อนซุงบริเวณนี้จมหายฝั่งเข้าไปในพื้นทรายและกรวดหิน ทิศทางที่ต้องคอยระวังภัย จึงถูกจำกัดเฉพาะะด้านหน้าของปากพักเท่านั้น ด้านหลังติดท่อนซุง ด้านซ้ายติดลำน้ำ ด้านขวายังติดแผงรากไม้อีก

          “เราจะพักกันตรงนี้”

          “โคนต้นไม้นั่น พอจะหลบแดดหลบน้ำค้างได้อยู่”พรานนำทางร้องบอกคณะ พูดจบก็กระโดดตุบขึ้นไปบนฝั่งก่อนใคร จากนั้นก็โบกมือส่งสัญญาณให้แพอีกลำ ที่ลอยอยู่อีกฟากให้ข้างฝั่งมาสมทบ

          “ตรงไหนก็เอา รีบๆเข้าเถอะ”

          “ป่ามันทึบแบบนี้มืดเร็วกว่าป่าข้างนอก ไม่ทันไรหมอกทำท่าจะลงเอาเสียด้วย”พรานโส่ยร้องบอกอย่างกังวน

        “รีบๆช่วยกันขนของลง”

        “อย่าลืมล่ามแพไว้ด้วย”พรานพร ร้องบอกมาอีกคน พูดจบแกก็ใช้ไม่ถ่อดันแพจากทางด้านหลัง ส่วนเจ้าพุ่มและพรานเบ ช่วยกันชักลากจากทางด้านหน้า จนส่วนหัวเกยขึ้นไปบนฝั่ง อีกลำก็ใช้วิธีเดียวกัน เพียงไม่กี่อึดใจ แพทั้งสองลำก็ขึ้นไปเกยอยู่บนฝั่งเกือบทั้งหมด มีแต่ส่วนท้ายที่แช่น้ำอยู่ปริ่มๆ

          “ประมาทไม่ได้”

          “ป่าที่นี้ ไม่เหมือนป่าแถวบ้านเรา เผลอทำแพหลุดไปกับน้ำ จะลำบากกัน”พรานนำทางพูดจบ ก็สะพายปืนเดินขึ้นไปสำรวจตำแหน่งที่ตนหมายตาไว้ เมื่อตรวจดูว่าเรียบร้อยดี ก็โบกมือให้สัญญาณ ให้คณะขนสัมภาระขึ้นไปสมทบ

          “คืนนี้เราจะพักกันที่นี้ก่อน”

          “ไอ้เคิ้ง ไอ้พุ่ม เอ็งสองคนออกไปเก็บฟืนเตรียมก่อไฟไว้มากๆหน่อย”

          “ไอ้แปะ เอ็งไปเป็นเพื่อนพวกมันอีกคน ปืนผาอย่าให้ห่างมือ”

          “ป่ามันไม่น่าไว้ใจ ไม่ต้องออกไปไกลกันมาก เอาแค่พอมองเห็นกันก็พอ”พรานเบร้องสั่ง พูดจบก็ใช้ไม้ไผ่ที่ใช่ถ่อแพ แหย่กระทุ้งไปตามก้อนหินที่มีรากของไม้ล้มเกาะเกี่ยวอยู่ เพื่อตรวจสอบความปลอดภัย และมั่นใจว่าหินพวกนี้จะไม่มีวันล่วงหล่นลงมา ส่วนบุคคลทั้งสามก็ไม่ได้รีรอ เมื่อได้รับคำสั่งก็รีบจ้ำอ้าวไปแต่โดยดี โดยมีเจ้าพะเปรียววิ่งติดตามไปด้วย

          “มาไอ้เหน๋อ เอ็งมาช่วยข้าปูผ้าใบ”

          “อย่ามัวแต่ยืนทื่อเป็นสากกร ะเบือ”พรานโส่ยพูดจบก็ยัดลูกแปใส่สะโพกเจ้าเหน๋อดังป้าบเล่นเอาเจ้าตัวถึงกับสะดุ้งโหย่ง เพราะมัวแต่ยืนเหม่อชมวิวทิวทัศน์

          “เย็นนี้จะกินอะไรกันดีละ”

          “ปลาย่างก็พอมีอยู่แต่ไม่มากนัก ก็พอทำกินได้อีกสักมื้อ”พรานพรร้องบอก ก่อนจะรื้อห่อปลาย่างขึ้นมาจากกองสัมภาระ แต่ไม่ทันที่ใครจะว่าอะไรต่อ ทุกคนก็ต้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงเจ้าพะเปรียวเห่า เหมือนมันกำลังไล่อะไรบางอย่าง ติดตามมาด้วยเสียงดัง ตูม ของปืนลูกซอง

          “อ่าว เฮ้ย ใครยิงอะไร”

          “สงสัย ไอ้แปะล่ออะไรให้เข้าแล้ว”พรานพรโพร่งออกมา พรางยืนชะเง้อไปยังที่มาของเสียงปืน เพียงไม่กี่อึดใจก็เห็นพรานแปะเดินแบกวัดถุหรือสัตว์ชนิดใดชนิดหนึ่ง เลาะมาตามโขดหินเข้ามาใกล้

          “โน่น แบบอะไรมาด้วย ตัวแดงเถือกเลย สงสัยจะเก้ง”

          “ออกไปยังเห็นหลังอยู่ไวๆ ไม่ทันไรก็ได้ยิง เออดีแท้ๆ กำลังคิดอยู่เลยว่าจะทำอะไรกินดี”พรานพรร้องบอกด้วยความยินดี

          “สัตว์เยอะจริงๆเลยน้า”

          “หลังโขดหินใหญ่นั่น มีแต่ทางด่าน รอยตีน เก้ง กวาง หมูป่า ย่ำไว้เปรอะไปหมด”พรานแปะร้องบอก ก่อนจะโยนเก้งหม้อเขางามที่ยิงได้ลงพื้นดังตุบ

          “พอดีฉันขึ้นไปยืนคุมเชิงอยู่บนก้อนหินใหญ่ขาวๆนั่น ดูไอ้สองคนนั้นเก็บฟืน”

          “อยู่ไม่อยู่ ไอ้พะเปรียวก็วิ่งไล่เห่า ไอ้เก้งตัวนี้ก็โผล่ออกมาจากชายดง”พรานผู้ลั่นกระสุนร้องบอก

          “โชคของเราแท้ๆ นี่ถ้าอยู่ป่าแถวบ้านเราคงเดินหากันเป็นวันๆกว่าจะได้กิน”

          “เผลอๆไม่ได้ตัวด้วยซ้ำ”

          “นี่ไม่ทันไร ก็ได้ตัวมากินกันแล้ว”พรานชราร้องบอกมาอีกคน หลังจากขนสัมภาระต่างๆขึ้นไปกองจัดเตรียมไว้บนพืนผ้าใบ

          “สัตว์มันชุมยิ่งกว่ายุงเสียอีก”

        “ว่าแต่ พี่แปะยิงปืนเสียงดังขนาดนี้ ไม่รู้จะดังพอให้ไอ้สิงห์ได้ยินหรือเปล่าก็ไม่รู้”คำพูดของเหน๋อทำให้ทุกคนฉุกคิดขึ้นมาอีกครั้ง

          “ถ้ามันอยู่ใกล้ๆห่างเราไม่เกินกิโล ก็อาจจะได้ยินเสียงปืน”

          “แต่แถวนี้ไม้ใหญ่มันเยอะ เสียงปืนมันก้องไปทั่ว แถมเสียงน้ำตามแก่งหินมันก็ดัง ข้าว่ามันจะกลบเสียงปืนไปเสียหมด” พรานพรตอบออกมาอย่างมีเหตุผล เพราะสถานที่และภูมิประเทศมันเป็นไปตามที่พรานพรพูดมา

          “ทำไมเราไม่ลองยิงปืนเรียกมันดูสักนัดสองนัดละน้าเบ”

          “อย่างน้อยๆถ้ามันอยู่ใกล้เรา มันอาจจะได้ยิน”เหน๋อกล่าวออกมาอย่างใช้ความคิด

          “ลองดูสักนัดก็ได้ไอ้เบ”

          “ใช้อีแก๊ปก็ได้ จะได้ไม่ต้องเปลืองลูกปืนลูกซอง ของยิ่งหายากๆอยู่”พรานชราเสนอความคิด

          “เอาอย่างงั้นก็เอา”

        “ลองดูสักนัดสองนัด”พูดจบพรานนำทางก็คว้าปืนแก๊ปของพรานโส่ยขึ้นมาเล็งปากกระบอกปืนขึ้นฟ้า จากนั้นก็เหนี่ยวไกลั่นกระสุนดังตูมสนั่น เสียงปืนดังก่องป่าไปทั่วบริเวณ เพียงไม่กี่อึดใจก็ค่อยๆเงียบหายไป

          “มาไอ้เบ ส่งปืนมาให้ข้า เดี๋ยวข้าจะอัดลูกให้ใหม่”

          “ดี ที่ยังยิงออก ข้าคิดว่ามันจะด้านเสียแล้ว”พรานโส่ยพูดจบ ก็รับปืนแก๊ปคู่กายของแกขึ้นมาบรรจุดินปืนใหม่อีกครั้ง หลังจากใช้แซ่เหล็กกระทุ่งอัดดินปืนและหมอนใยมะพร้าวอยู่ครู่ เพราะเป็นการยิงเรียก เน้นเฉพาะเสียง แกเลยไม่บรรจุลูกตะกั่วให้เปลืองโดยใช่เหตุ ไม่นานนักเสียงดัง ตูม ติดตามมาด้วยเสียงดัง ซ่า ไล่ไปตามแนวป่าก็ดังขึ้นอีกครั้ง และครั้งนี้ก็ไม่ต่างจากครั้งแรกที่ผ่านมา

          “เสียเวลาเปล่า”

          “น่าจะไม่ได้ผล แต่ก็เอาเถอะ ก่อนค่ำค่อยลองใหม่อีกสักทีสองที”พรานเบร้องบอก ก่อนจะส่งปืนแก๊ปคืนเจ้าของ

          “เดี๋ยวข้าจะออกไปเดินดูอะไรแถวนี้หน่อย”

          “อยู่ทางนี้ก็จัดแจงหุงข้างหุงปลาไว้ให้เรียบร้อย ถ้าหิวก็กินกันไปก่อนไม่ต้องรอ”พรานนำทางพูดจบก็สะพายปืนเดินหายเข้าไปในหมู่หินใหญ่ริมน้ำ โดยมีเจ้าพะเปรียววิ่งเหยาะๆตามหลังไปติดๆ

          “มาไอ้พร เอ็งกับข้ามาช่วยกันทำเก้ง”

          “มืดค่ำจะลำบากกัน ไอ้เหน๋อเอ็งก็เตรียมหุงข้าว โน่นไอ้สองตัวนั่นแบกฟืนมากันแล้ว”พรานเฒ่าพูดจบก็พยักหน้าส่งสัญญาณเรียกพรานพร จากนั้นก็ช่วยกันลากเก้งหม้อตัวเขื่องลงไปชำแหละที่ริมน้ำ ส่วนเจ้าเหน๋อก็รีบจัดแจงเตรียมหม้อข้าวหม้อแกงอยู่กับพรานแปะ
         
          กองไฟกองใหญ่ถูกจุดสุมขึ้นมาอย่างรวดเร็ว มันอยู่ห่างออกไปจากปางพัก เหนือขึ้นไปทางแนวป่าเกือบสิบวา ส่วนนี้พรานเบกำชับไว้กับเจ้าพุ่มและเจ้าเคิ้ง ที่เดินสวนทางกันมา ว่าให้ก่อไว้ใช้กั้นเป็นอาณาเขต เพื่อกันสัตว์ร้ายหรือภัยที่อาจจะมาในรูปแบบต่างๆ และต้องก่อทิ้งไว้ทั้งคืน ฟืนที่หามาจึงต้องมากเป็นพิเศษ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากลำบากอะไรนัก เพราะบริเวณที่อยู่อุดมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ เด็กหนุ่มทั้งสองลงแรงไม่เท่าไหร่ก็ได้ฟืนแห้งท่อนเขื่องๆมาเป็นกองพะเนิน ส่วนอีกจุดให้ก่อไว้ใกล้ที่พัก แถวๆหลุมของโคนต้นไม้นั้น จุดนี้เอาไว้ใช้หุงหาอาหาร และไว้ผิงไฟในยามค่ำคืน

          “โอโห้ ปลากระแหเพียบเลย”

          “มีแต่ตัวใหญ่ๆทั้งนั่น”เหน๋อร้องบอก เมื่อมองเห็นฝูงปลากระแหจำนวนมาก ที่พากันมารุมกินเศษเครื่องใน บริเวณที่พรานโส่ยและพรานพรนั่งชำแหละเก้งอยู่ บางส่วนก็ไล่ตอดเศษเครื่องในที่ลอยไปตามกระแสน้ำ เสียงดัง จุ๊บ จั๊บ ราวกับปลาตามบ่อเลี้ยงหรือตามสวนสาธารณะที่ไล่แย่งกินเศษขนมปังไม่มีผิด

          “โน่นแถวๆโขดหินนั่น”

          “ข้าฟันมาได้ตั้งหลายตัว มาแบบนี้เห็นทีจะไม่ต้องกลัวอดกันแล้ว”พรานโส่ยร้องบอก พรางบุ้ยปากไปทางหมู่หินริมตลิ่ง ที่มีปลากระแหดิ้นกระแด่วๆ อยู่หกเจ็ดตัว แต่ละตัวขนาดเท่าฝ่ามือกางๆ นอกจากปลากระแหที่พรานชราใช้มีดฟันขึ้นมาได้แล้ว พรานพรยังใช้มีดฟันปลาตะพากขึ้นมาอีกสามตัว แต่ละตัวขนาดเขื่องพอๆกัน

          “เอ๊า ไอ้เหน๋อ เอ็งลงมาเอาขาเก้งไปย่างทิ้งไว้ก่อน”

          “ท่าเกลือเสียหน่อยก็ดีเหมือนกัน”พรานพรร้องเรียกเจ้าเหน๋อ ซึ่งตอนนี้กำลังกรอกข้าวสารลงหม้อสนามสองใบ

          “ส่วนเอ็งสองคนช่วยไปตัดไม้สดให้ข้าทำร้านย่างเนื้อ”

          “เอาต้นไคร้น้ำก็ได้เลือกต้นใหญ่ๆหน่อย แถวนี้ไม้เล็กหายากจริงๆ”พรานแปะหันไปร้องบอกกะเหรี่ยงหนุ่มสองคน ที่กำลังช่วยกันปัดกวาดจัดเตรียมพื้นที่ให้โล่งเตียนน่าอยู่

        ร้านย่างเนื้อถูกสร้างขึ้นมาอย่างรวกๆแต่ก็ดูแข็งแรง ไม่นานเนื้อขาหลังติดสะโพกทั้งสองข้าง ก็ถูกขึ้นไปอยู่บนร้านย่าง เพื่อให้ความเค็มของเกลือเข้าได้ทั่วถึง เนื้อส่วนไหนที่หนา พรานโส่ยก็ใช้มีดเหน็บกรีดบั้งไว้เป็นริ้วๆ นอกจากขาหลัง และเนื้อเก้งบ้างส่วนที่ถูกขึ้นย่างไฟ บนร้านย่างเนื้อยังมีปลากระแหและปลาตะพากรวมอยู่ด้วย แต่ละตัวถูกผ่าหลังแบะออกมาทั้งเกล็ด ส่วนนี้พรานโส่ยจะแยกเก็บไว้เป็นเสบียงแห้งในยามจำเป็น เพราะไม่อาจคาดเดาได้ว่า เส้นทางเบื้องหน้าจะเป็นเช่นไรต่อจากนี้

          นอกจากด้านบนของร้านย่างเนื้อที่มีเนื้อเก้งและปลาย่างอยู่เต็มร้าน ด้านล่างร้านย่างยังมีราวไม้แขวนหม้อสนามอีกสองใบ ซึ่งตอนนี้ภายในกำลังเดือดปุดๆ โดยมีเนื้อเก้งทาพริกเกลือย่างเสียบไม้อีกหลายไม้วางอิงพาดไว้อยู่กับราว บางไม้มีเนื้อติดมันปนอยู่ด้วย พอโดนความร้อนไขมันที่แซกอยู่ในเนื้อก็ไหลหยดลงกองไฟดังฉ่า ส่งควันและกลิ่นหอมยั่วน้ำลาย ใกล้ๆกันบนเส้าหินทั้งสามก้อน ก็มีหม้อต้มเนื้อเก้งและเครื่องใน น้ำในหม้อกำลังเดือดพล่าน ข่า ตะไคร้ และหัวหอมส่งกลิ่นหอมฉุยน่ากิน ทำให้หลายคนแอบกลืนน้ำลายด้วยความหิวไปหลายอึก

          “เจ้าป่าเจ้าเขา ท่านยังเมตตา”

          “ดูสิ มาลำบากลำบนแบบนี้ ยังไม่อดเลย”พรานชราร้องออกมาดังๆ ก่อนจะยกหม้อสนามออกจากราวที่แขวนไว้ พร้อมเนื้อเก้งย่าง ที่สุกส่งกลิ่นหอม

          “สา..ธุ”

        “เจ้าป่าเจ้าเขา ผีป่า ผีเรือน เทวดา นางไม้ ขออย่าให้ไอ้สิงห์มันเป็นอะไรไปเลย”เจ้าเหน๋อสหายเกลอพูดพร้อมพนมมือไหว้ท้วมหัว ก่อนจะพูดดังๆขึ้นมาอีกว่า

          “ถ้าได้พบไอ้สิงห์อีกครั้ง แล้วพากันรอดกลับออกไปได้”

          “ลูกช้างจะเลิกจับปืนตลอดชีวิต เพี๊ยง”เหน๋อกล่าวจบก็ก้มลงกราบพื้นดิน แต่ยังไม่ทันจะเงยหน้าขึ้น ทุกคนในปางพักก็ต้องสะดุ้ง เพราะเสียง อ้าว มาจากชายดงทึบพร้อมๆกับเสียงปืนดังตูมสนั่นป่า มันดังมาจากทิศทางเดียวกันกับเส้นทางที่ พรานนำทางขอออกไปเดินสำรวจ

          “เสือ!”

          “ไอ้เบ ล่อเสือเข้าให้แล้ว”พรานพรร้องระล่ำระลัก

          “ตูมมม..ซ่า...”

          “เฮ้ย ไม่ได้การณ์แล้ว รีบไปดูมันเร็ว!”

          “ไอ้แปะ เอ็งก็ข้า ไปด้วยกัน ที่เหลือเฝ้าแคมป์กันอยู่ที่นี้ อย่าออกไปไหนเด็ดขาด”พรานพรร้องเสียงเอ็ด ก่อนจะคว้าปืนลุกซองที่พาดอิงไว้ข้างปางพัก แล้ววิ่งกรูกันไปตามทิศทางของเสียงปืน

          “โอ้ย จะอยู่กันได้ไหมนี่”

          “เกิดมาก็เพิ่งจะเคยเจอนี่แหละ ป่ามันแรงจริงๆให้ตายเถอะ”เหน๋อร้องบอกเสียงสั่น

          “เราจะเอายังไงกันดีพ่อ”

          “ป่านี้ท่าทางจะดุน่าดู”เจ้าเคิ้งร้องถามพรานโส่ย

          “เร็ว พวกเราอย่ามัวแต่ขวัญเสีย”

          “มาช่วยกันสุมไฟให้กองใหญ่กว่าเดิม โน่นไอ้พุ่ม เอ็งกับไอ้เหน๋อ ไปช่วยกันลากฟืนไปสุมเพิ่มตรงนั้นอีกกอง แถวๆตอไม้นั้น ก่อสุมตอไปเลย อย่ามัวชักช้า”พรานโส่ยร้องบอกเสียงหลง

*****พรานเบจะเป็นอันตรายหรือไม่ คณะติดตาม จะพบกับเรื่องร้ายๆอีกหรือไม่ โปรดติดตามในบทที่ 14*****

.....

หนุ่มธุดงค์ไพร: ความเห็นที่ 1 : 24 มี.ค. 64, 15:094
สวัสดีครับน้าๆ แหม่ กว่าจะลงได้ เครื่องน๊อกไปหลายรอบ   

เช่นเคยครับ ติ ชม ได้เต็มที่ คอมเมนจัดเต็มไปเลย ไม่มีเคืองครับ แนะนำ เพิ่มเติมได้ทุกท่านนะครับ คำผิดอาจจะมีบ้าง เผื่อผมหลุดไป ก็ขออภัยน้าๆด้วยนะครับ จะให้ดีช่วยบอกผมด้วยก็ยินดีครับผม



Pages: 1 [2] 3 4 ... 31
SMF 2.0.4 | SMF © 2013, Simple Machines | Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 2.246 seconds with 15 queries.