Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...

กิจกรรมที่น่าสนใจ => งานอดิเรกที่น่าสนใจ => วาดภาพ => Topic started by: ppsan on 24 January 2013, 15:29:02

Title: ไมเคิลแอนเจโล หรือ มิเคลันเจโล
Post by: ppsan on 24 January 2013, 15:29:02
ไมเคิลแอนเจโล  หรือ มิเคลันเจโล

(http://sv1.up-img.com/upload/12-37/v5n01uxe.jpg) (http://sv1.up-img.com/show.php?id=346715709e4c01f8fd088913b180d66a)
มิคาลันเจโล

(http://sv1.up-img.com/upload/12-37/krrsudy2.jpg) (http://sv1.up-img.com/show.php?id=5a90e673ea6acecf834b18b78bf8d4fa)
ภาพสีชอล์กมิเคลันเจโล

มิเคลันเจโล หรือชื่อเต็มว่า มิเคลันเจโล ดี โลโดวีโก บูโอนาร์โรติ ซิโมนี (อิตาลี: Michelangelo di Lodovico Buonarroti Simoni, 6 มีนาคม ค.ศ. 1475 - 18 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1564)
เป็นจิตรกร สถาปนิก และประติมากรชื่อดังชาวอิตาลี
 
ศิลปินที่เข้าถึง 3 ศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ของโลก เขาไม่เป็นเพียงผู้ที่เข้าถึงแต่เพียงศาสตร์ด้านวิจิตรศิลป์ แต่เขายังเข้าถึงความยิ่งใหญ่ของสถาปัตยกรรม และประติมากรรมอีกด้วย

เกิดเมื่อวันที่ 6 มีนาคม ค.ศ. 1475 และเติบโตที่เมืองฟลอเรนซ์ ภายหลังเป็นผู้สร้างประติมากรรมหินอ่อนชื่อกระฉ่อนโลกนามว่า เดวิด (David)
 
หลังจากที่ไปอยู่ที่กรุงโรมเมื่ออายุ 21 ปี และใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นถึง 5 ปี มิเคลันเจโลสร้างประติมากรรมรูปเดวิด ตอนอายุ 26 ปี จากหินอ่อนก้อนมหึมาที่ถูกทิ้งไว้กลางเมืองฟลอเรนซ์
เป็นเวลาหลายปี จึงกลายเป็นที่ฮือฮาของชาวเมือง ด้วยเหตุผลที่ว่า ไม่มีใครกล้าพอที่จะแตะต้องมัน ความสำเร็จหลังจากงานชิ้นนี้ ทำให้ชื่อเสียงของเขาโด่งดังไปทั่วอิตาลี
มิเคลันเจโล เดิมทีเป็นคนที่เกลียดเลโอนาร์โด ดา วินชี ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะมีอายุห่างกันถึง 23 ปี และไม่ค่อยได้พบกันบ่อยนัก (คล้ายกับ "การที่เสือสองตัวอยู่ในถ้ำเดียวกันไม่ได้")

ในช่วงนี้ (ค.ศ. 1497 - ค.ศ. 1500) เขาก็ได้สร้างประติมากรรมหินอ่อนอีกชิ้นหนึ่งที่มีชื่อว่า ปิเอต้า (Pietà) ซึ่งปัจจุบันอยู่ในมหาวิหารนักบุญเปโตรที่กรุงโรม
 
ตอนอายุได้ 30 ปี เขาได้ถูกเชิญให้กลับมาที่กรุงโรม เพื่อออกแบบหลุมฝังศพให้กับสมเด็จพระสันตะปาปาจูเลียสที่ 2 ซึ่งใช้เวลาประมาณ 40 ปี หลังจากแก้หลายครั้งหลายครา
จนมาสำเร็จในปี ค.ศ. 1545 ต่อมาในปี ค.ศ. 1546 เขาเป็นสถาปนิกคนสำคัญในการสร้างมหาวิหารนักบุญเปโตรที่กรุงโรม ที่มีความยิ่งใหญ่และงดงามเป็นอย่างมาก ซึ่งถือ
เป็นสถาปัตยกรรมชิ้นเอกของโลก โดยเฉพาะส่วนที่เป็นโดม
 
เขาใช้ชีวิตในบั้นปลายอยู่ในกรุงโรม ตลอด 30 ปี ช่วงนี้นั้นเองที่เขาเขียนภาพระดับโลกไว้มากมาย โดยเฉพาะ The Last Judgement (Last Judgment)
ซึ่งเขาใช้เวลาในการเขียนภาพขนาดยักษ์นี้นานถึง 6 ปี
 
มิเคลันเจโล บูโอนาร์โรติ เสียชีวิตลงเมื่ออายุได้ 90 ปี ซึ่งมีคำกล่าวจากสมเด็จพระสันตะปาปาจูเลียสที่ 2 ว่า "ทรงยินดีบั่นทอนชีวิตของท่านลง เพื่อแลกกับชีวิตของมิเคลันเจโลให้ยืนยาวออกไปอีก"

----------------------------------------------------------------------------------

"ปิเอตา"
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

(http://sv1.up-img.com/upload/12-37/tk18vhp0.jpg) (http://sv1.up-img.com/show.php?id=ea61b186dd2c0c703ed8d42df360defa)

ปิเอตา (อิตาลี: Pietà; ละติน: pietas) มาจากภาษาอิตาลี ที่แปลว่า ความสงสาร

(http://sv1.up-img.com/upload/12-37/m8rfarfh.jpg) (http://sv1.up-img.com/show.php?id=03223bdbd6e880cd33429c4ff463b934)

เป็นกลุ่มงานศิลปะทั้งงานจิตรกรรมและประติมากรรม ที่แสดงถึงความโศกเศร้าและความสงสาร
มักวาดหรือแกะสลักหรือปั้น เป็นรูปพระแม่มารีประคองร่างพระเยซูที่เพิ่งอัญเชิญลงจากกางเขน
Pietà เป็นหัวเรื่องหนึ่งในชุด “แม่พระระทมทุกข์” (Our Lady of Sorrows) และเป็นฉากหนึ่งใน “พระทรมานของพระเยซู”
ซึ่งเป็นฉากที่มีพระแม่มารี นางมารีย์ชาวมักดาลา และบุคคลอื่นล้อมพระศพพระเยซู (หลังจากที่อัญเชิญลงจากกางเขน)
ด้วยความความโศกเศร้า ฉากนี้ตามความเป็นจริงแล้วควรจะเรียกว่า “Lamentation” แต่บางที่ก็จะใช้คำว่า “Pietà” แทน
 
คำว่า “pietas” สืบมาจากประเพณีของชาวโรมันราวคริสต์ศตวรรษที่ 7
ที่มีการตีอกชกหัวและ "แสดงอารมณ์...ความรักอันใหญ่หลวงและความกลัวอำนาจของเทพเจ้าโรมัน"
 
ปิเอตา เริ่มขึ้นที่เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี ราวต้นคริสต์ศตวรรษที่ 16 ปิเอตาแบบเยอรมันและโปแลนด์จะเน้นรอยแผลของพระเยซู

---------------------------

รูปปั้นปิเอตา ของ มิเคลันเจโล บูโอนาร์โรติ
 
(http://sv1.up-img.com/upload/12-37/m8rfarfh.jpg) (http://sv1.up-img.com/show.php?id=03223bdbd6e880cd33429c4ff463b934) 
(http://sv1.up-img.com/upload/12-37/si2pw874.png) (http://sv1.up-img.com/show.php?id=5b4673eb5f2aa91eff475a758e63e2ca)

ปิเอตา ชิ้นที่สำคัญที่สุดคืองานประติมากรรมหินอ่อนของมิเคลันเจโล บูโอนาร์โรติ (ไมเคิลแอนเจลโล)
เป็นรูปพระแม่มารีประทับบนแท่นหิน ขณะที่รองรับพระศพของพระบุตรไว้ในท่าพาดบนตัก หลังจากที่ถูกนำลงจากไม้กางเขน ปิเอตา ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นจากหินอ่อนบริสุทธิ์ สูง 5 ฟุต 9 นิ้ว
มิเคลันเจโล สร้างปีเอตาขึ้น ตามสัญญาว่าจ้างจากสำนักวาติกันแห่งกรุงโรม เพื่อให้มาประดิษฐานที่มหาวิหารนักบุญเปโตร โดยใช้เวลาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1494-1501

เมื่อส่งมอบผลงาน ปิเอตา ได้สร้างความมหัศจรรย์แก่ผู้ที่ได้ยลความงามของปิเอตา เป็นอย่างมาก ด้วยความสมจริงทั้งในส่วนของรายละเอียด รอยยับต่าง ๆ และอีกหลาย ๆ องค์ประกอบ
ที่ทำให้ปิเอตามีความงดงามอย่างยิ่ง จนมีผู้กล่าวว่าปิเอตามิน่าจะถูกสลักขึ้นจากฝีมือมนุษย์ และอาจจะเป็นด้วยสาเหตุนั้นเองที่ทำให้ มิเคลันเจโลพอใจในผลงานนี้ จนลอบมาสลักชื่อไว้ที่ผลงาน
ทั้ง ๆ ที่ในผลงานอื่น ๆ ของเขา ไม่มีชิ้นใดที่เขาสลักชื่อเอาไว้เลย

ในแง่ศิลปะ เป็นความอัศจรรย์ที่ศิลปิน..สิงห์อีซ้าย..สามารถสลักเสลาหินแกร่ง จนมองเห็นเป็นผืนผ้าอ่อนช้อย ส่วนที่เป็นคนก็เหมือนจริงทั้งอารมณ์และกายวิภาค
ปิเอต้าของไมเคิลแอนเจลโลนี้สวยงามและมีรายละเอียดมากมาย แสดงถึงความสามารถในการแกะสลักรอยพับและรอยยับของเนื้อผ้าลงบนหินอ่อน

อย่างไรก็ตาม รูปสลักนี้ได้รับการวิเคราะห์ทางกายภาพในสมัยหลังว่า ร่างของพระแม่มารีนั้น “ยาวเกินไป” หากยืนขึ้นจะไม่สมส่วน
ปัจจุบันปิเอตายังคงตั้งอยู่ที่มหาวิหารนักบุญเปโตรเช่นเดิม (มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ ในกรุงวาติกัน)
 
--------------------------------------------


ภาพวาดบนเพดานของหอสวดซิสทีน (Sistine Chapel) ฝีมือศิลปินเอกชาวอิตาเลียน ไมเคิลแอนเจโล
เป็นภาพตามความเชื่อของศาสนาคริสต์ เมื่อพระเจ้าได้สร้าง "อดัม" มนุษย์คนแรกของโลก

(http://sv1.up-img.com/upload/12-37/2y30ue08.jpg) (http://sv1.up-img.com/show.php?id=51a0dab593a30d03d902f6aa160927d9)

ภาพที่เห็นนี้คือส่วนหนึ่งของภาพ Creation of Adam วาดโดย ไมเคิลแอนเจโล

(http://sv1.up-img.com/upload/12-37/2xpgdjvh.jpg) (http://sv1.up-img.com/show.php?id=43d387058ca0912b230ae681336c1cb2)

“พระเจ้าสร้างอาดัม” หรือ Creation of Adam
เป็นภาพเขียนที่โด่งดังที่สุดภาพหนึ่งของไมเคิลแอนเจโล เขียนจากพระธรรมปฐมกาล ในพระคัมภีร์ไบเบิล
เป็นภาพที่พระเจ้ายื่นพระหัตถ์มาเพื่อจะสัมผัสมือมือกับอดัม ซึ่งเป็นมนุษย์คนแรกของโลก เสมือนเป็นการประทานชีวิตให้กับมนุษย์ทั้งมวล

Creation of Adam อยู่ที่เพดานของหอสวดซีสติน (Sistine Chapel Ceiling) ภายในพิพิธภัณฑ์วาติกัน 
เป็นหนึ่งในภาพการสร้างโลกตามพระคัมภีร์ไบเบิ้ล  บนเพดานของหอสวดจะประกอบด้วยภาพ 9 ภาพ ว่าด้วยเรื่องกำเนิดโลกทั้งสิ้น 

ไมเคิลแองเจโลวาดภาพนี้เมื่ออายุ 37 ปี โดยใช้สีเฟรสโก ใช้เวลา 4 ปี ระหว่าง ค.ศ. 1508-1512 จึงแล้วเสร็จ เชื่อกันว่า เป็นภาพหนึ่งในบรรดาภาพท้าย ๆ ของไมเคิลแอนเจโล

(http://sv1.up-img.com/upload/12-37/2y30ue08.jpg) (http://sv1.up-img.com/show.php?id=51a0dab593a30d03d902f6aa160927d9)

สมเด็จพระสันตะปาปาจูเลียสที่ 2 เป็นคนว่าจ้างให้ไมเคิลแองเจโลวาดภาพดังกล่าว  โดยให้วาดเมื่อหอสวดสร้างเสร็จแล้ว
ดังนั้น วิธีการที่เขาจะวาดภาพได้ก็คือการทำนั่งร้านโยงขึ้นไป นอนวาด บนเพดาน ..

นอกจากนั้น ยังถูกเร่งรัดจากพระสันตะปาปาให้วาดภาพให้เสร็จโดยเร็ว 
เรื่องเล่าว่า เหตุการณ์เหล่านี้  ทำให้ไมเคิลแอนเจโลต้องทุกข์ทรมานจากการถูกสีไหลเข้าตา
รวมทั้งการนอนวาดภาพบนเพดานก็เป็นสาเหตุให้เขากลายเป็นคนคอแข็ง เพราะต้องนอนนิ่ง ๆ วาดภาพเป็นเวลานานหลายปีติดต่อกัน

เคยอ่านพบว่า  ศิลปินที่ต้องนอนวาดภาพบนเพดานโบสถ์หรือวิหารต่าง ๆ ด้วยระยะเวลายาวนาน
เขาจะพบกับความยากลำบากอย่างยิ่งในการใช้ชีวิตแนวดิ่งเหมือนมนุษย์ปกติทั่วไป นับว่า เป็นเรื่องน่าเห็นใจทีเดียว

หอสวดนี้ นอกจากจะใช้ทำพิธีทางศาสนาของสันตะปาปาแล้ว ยังใช้เป็นห้องประชุมของสันตะปาปาด้วย ..
นับว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่งในนครรัฐวาติกัน 

(http://sv1.up-img.com/upload/12-37/f7zhbidu.jpg) (http://sv1.up-img.com/show.php?id=eceba6fe24d0558dd7044d999b5be011)

ภาพการสร้างโลกทั้ง 9 ภาพนี้ ไม่ได้วาดโดยไมเคิลแอนเจโลเพียงคนเดียว
แต่ยังมีจิตรกรชั้นนำในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาอิตาลี ในคริสต์ศตวรรษที่ 15 มาเป็นผู้สรรสร้างภาพเหล่านี้ร่วมกัน

นี่คือ ภาพรวมของเพดานหอสวดซีสติน (Sistine Chapel Ceiling) อันลือชื่อ
เข้าใจว่า  เขาถ่ายภาพแนวโค้งแล้วเอามาปรับให้แบน เพื่อให้ง่ายต่อการพิจารณาความงามของภาพ

(http://sv1.up-img.com/upload/12-37/iv963dob.jpg) (http://sv1.up-img.com/show.php?id=341559ffdfcd1fcd713fd480d167d7ed)

ภาพ Creation of Adam  กลายเป็นรูปสัญลักษณ์อันโด่งดัง เป็นที่รู้จักกันดีพอ ๆ กับ “โมนาลิซา” ของเลโอนาร์โด ดา วินชี

โดยเฉพาะส่วนที่เป็นนิ้วมือของพระเจ้าที่แทบจะมาจรดกับนิ้วมือของอาดัม
ซึ่งถูกนำมาแปลงเป็นงานศิลปะในรูปแบบต่าง ๆ มากมาย  อย่างเช่นภาพที่ถ่ายมาให้ชมนี้ เป็นต้น

(http://sv1.up-img.com/upload/12-37/qghwb4pm.jpg) (http://sv1.up-img.com/show.php?id=2fc899f38c470b6d139e9bd21f4b5d3c)

-----------------------------------------

ประติมากรรมหินอ่อนแกะสลัก รูป "เดวิด"

(http://sv1.up-img.com/upload/12-37/ehzdmr6f.jpg) (http://sv1.up-img.com/show.php?id=4e47252e8cb3bb5cf2995251860e8eea)

ประติมากรรมเดวิดเป็นหินอ่อนแกะสลักรูป พระเจ้าเดวิด (King David) ตามตำนานในคำภีร์ไบเบิล
ลักษณะเป็นชายหนุ่มยืนเปลือยกาย แสดงให้เห็นถึงความแข็งแรงและความงดงามของร่างกายมนุษย์
มิเคลันเจโลเริ่มแกะสลักเดวิดในปี 1501 โดยใช้หินอ่อนสีขาวมาจากเมืองคาร์รารา (Carrara) แคว้นทัสคานีของอิตาลี
ประติมากรรมเดวิดเป็นรูปปั้น นับเป็นผลงานชิ้นเอกที่แสดงถึงความรุ่งเรืองทางศิลปะในยุค "ฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ” (Renaissance)
รูปปั้นเดวิดของมิเคลันเจโล ปัจจุบันตั้งแสดงอยู่ที่ Accademia Gallery ในกรุงฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี

1. ในขั้นตอนการแกะสลักรูปปั้นเดวิด มิเคลันเจโลแกะสลักเดวิดจากแท่งหินอ่อนที่มีตำหนิก้อนหนึ่ง
     ซึ่งหลังการแกะสลักเสร็จแล้ว มิเคลันเจโลได้กะเทาะปมปมหนึ่งจากหน้าอกของรูปสลักออก ซึ่งปมที่ว่าเชื่อกันว่าเป็นตำหนิบนหินอ่อนนั่นเอง 
2. ในช่วง ค.ศ. 1527 เกิดเหตุขึ้น ทำให้มีคนปาเก้าอี้ไปโดนรูปสลักเดวิด จนส่วนแขนซ้ายของรูปปั้นแตกถึง 3 แห่ง
3. เดวิดสูง 14 ฟุต 3 นิ้ว
4. มือขวาของเดวิดนั้นมีสัดส่วนที่ใหญ่เกินไปเมื่อเทียบกับขนาดลำตัวของเขา เหตุผลก็เพราะว่า ในช่วงยุคกลาง กล่าวกันว่าเดวิดนั้นเป็นผู้ที่มีมือแข็งแรง (manu fortis)
5. เดวิดถนัดมือซ้าย
6. ค.ศ. 1872 มีการตัดสินใจเคลื่อนย้ายรูปสลักเดวิดเพื่อเป็นการเก็บรักษาที่ Accademia มันใช้เวลาในการเคลื่อนย้าย 3 วัน
7. มีรูปสลักจำลองของเดวิดมากมาย ค.ศ. 1857 ผลงานจำลองประติมากรรมเดวิดชิ้นหนึ่งถูกส่งถวายพระราชินีวิคตอเรียแห่งอังกฤษ
     ซึ่งพระองค์ทรงนำรูปปั้นดังกล่าวตั้งไว้ที่พิพิธภัณฑ์ Victoria and Albert Museum ในกรุงลอนดอน
     เมื่อพระองค์เสด็จทอดพระเนตรรูปสลักเดวิด ทรงไม่สบายพระทัยเมื่อเห็นว่ารูปสลักเป็นเดวิดเปลือยกาย
     จึงมีการนำใบมะเดื่อมาปิดไว้ที่ส่วนสงวนของรูปสลักเดวิด

(http://sv1.up-img.com/upload/12-37/djsplucx.jpg) (http://sv1.up-img.com/show.php?id=67f1cdbcf7d085217964168733d85418)
(http://sv1.up-img.com/upload/12-37/0b2wqp3b.jpg) (http://sv1.up-img.com/show.php?id=47132810af6d7ac8f14fc5727a4e3768)
(http://sv1.up-img.com/upload/12-37/hagjecag.jpg) (http://sv1.up-img.com/show.php?id=2095205258924ba5fa4c9ba018585ed8)
(http://sv1.up-img.com/upload/12-37/q6gosihe.jpg) (http://sv1.up-img.com/show.php?id=bcd1e91888924ce1f73e5e24f47cded5) 
(http://sv1.up-img.com/upload/12-37/lp5jxl3n.jpg) (http://sv1.up-img.com/show.php?id=6e32d51f1ed356bfa4e152ab9b34be55) 
(http://sv1.up-img.com/upload/12-37/sgi7doag.jpg) (http://sv1.up-img.com/show.php?id=59cd8f5d339bd7596b0a2acf5cf52a88)

--------------------------------

ภาพ Last judgement ของ มิเคลันเจโล

มิเคลันเจโล เขียนภาพ ” The Last Judgement ” ขึ้นในปี ค.ศ. 1536 ไว้หลังแท่นบูชาในโบสถ์น้อยซิสทีน  ขนาด 48×44 ฟุต
โดยความสูงของภาพนั้นมีขนาดตั้งแต่พื้นจนไปจรดเพดานของโบสถ์เลยทีเดียว
 
(http://sv1.up-img.com/upload/12-37/c9ijbaew.jpg) (http://sv1.up-img.com/show.php?id=bcd33d429c03611a44638bbc50c12119)

ภาพ Last Judement นี้ ประกอบไปด้วยรูปภาพย่อยกว่า 400 รูป โดยศูนย์กลางของภาพอยู่ที่ ภาพของพระเยซูคริสต์ และเหล่านักบุญที่รายล้อมพระองค์
แสดงถึงพลังอำนาจในการกวาดล้าง โดย เคลื่อนพลังสู่ด้านล่างเพื่อพิพากษาโทษ และเพื่อยกเอาบรรดาผู้ที่ถูกเลือกให้รอดขึ้นมา 
พระเป็นเจ้าทรงก่อให้เกิดมหันตภัยครั้งร้ายแรง การเลือกระหว่างผู้ที่จะได้รับชีวิตรอดและผู้ที่จะเสียชีวิตนั้น เป็นไปอย่างน่ากลัว และแฝงไว้ซึ่งความทุกข์ทรมาน
พระคริสต์ได้แสดงอำนาจอันน่าอรรศจรรย์โดยมีแสงสว่างล้อมรอบ พระวรกายของพระองค์ ทางด้านข้างคือพระแม่มารีอา ผู้ทรงพรหมจรรย์
ที่คอยส่งสายตาด้วยความเป็น ห่วงมนุษย์ และคอยที่จะช่วยเหลือ
ส่วนทางด้านซ้าย และขวาของรูปจะเห็นการเคลื่อนไหวของบรรดา นักบุญทั้งหลาย และบรรดาผู้ถูกเลือกให้รอด

(http://sv1.up-img.com/upload/12-37/rgzl6pku.jpg) (http://sv1.up-img.com/show.php?id=7bd80ad266049d1565ff14a8e5a9bc2f)

ทางด้านขวาของพระคริสต์นั้นคือนักบุญปีเตอร์   ในมือปีเตอร์ถือกุญแจเงินและทอง ซึ่งเป็นกุญแจสวรรค์ ใบหน้าของเขาว่ากันว่าคือใบหน้าของพระสันตปะปาพอลที่สาม
 
(http://sv1.up-img.com/upload/12-37/kq2n5cgt.jpg) (http://sv1.up-img.com/show.php?id=bd11178a7106af6a665eb038fd7c0634)

ทางด้านล่างเป็น นักบุญบาโธโลมิว มือข้างหนึ่งถือมีด และอีกข้างถือหนังของมนุษย์
(ภาพหนังมนุษย์ในมือของ นักบุญบาโธโลมิวนั้น ไมเคิลแอนเจโล เจาะจงเขียนเป็นภาพเหมือนของตัวเขาเอง )
ด้านหลัง ของนักบุญบาโธโลมิว คือ ” เออร์บิโอ ” คนรับใช้ของไมเคิลแอนเจโล

(http://sv1.up-img.com/upload/12-37/zzpsal05.jpg) (http://sv1.up-img.com/show.php?id=32eeab06bec196fa269c1b5536f7c416)

ข้างใต้ภาพนักบุญปีเตอร์คือนักบุญเบลสและแคทเธอรีน ในมือนักบุญเบลสถือหวีโลหะสำหรับใช้ในการทรมาน นักบุญแคทเธอรีนก็ถือดาบเขี้ยวสำหรับการลงโทษเช่นกัน
ขวามือยังมีนักบุญเซบาสเตียนกับคันธนู ขวามือคือนักบุญแอนดรูกับกางเขนของท่าน
 
(http://sv1.up-img.com/upload/12-37/t2oje5ev.jpg) (http://sv1.up-img.com/show.php?id=f3d625c39a778dbbdb1ecfaf6984bb2d)

นักบุญ แอนดรูแบกกางเขน ซึ่งอยู่ถัดมาจากรูปบน
 
(http://sv1.up-img.com/upload/12-37/qk9isjri.jpg) (http://sv1.up-img.com/show.php?id=ca44ea5b8dfa4b9a7160f0beaa83e61c)

ภาพนักบุญจอห์นปรากฏอยู่ด้านซ้ายของกลุ่มภาพ โดยเซนต์จอห์นเดอะแบบติสต์จะห่มหนังสัตว์ตามแบบฉบับ
 
(http://sv1.up-img.com/upload/12-37/1qv6dgph.jpg) (http://sv1.up-img.com/show.php?id=dbb8e6b70225e6ff0c53aa297c6aaf85)

ภาพมนุษย์ที่เคยสร้างบาปไว้ ปิดตาตนเองด้วยความหวาดกลัวต่อชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตนในวันพิพากษา
 
(http://sv1.up-img.com/upload/12-37/x64iiizw.jpg) (http://sv1.up-img.com/show.php?id=3d0a653e9e3e482bfbc985f5ab4f9742)

ภาพการฟื้นคืนของผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว เพื่อรับการพิพากษาจากพระเป็นเจ้า
 
(http://sv1.up-img.com/upload/12-37/rsh94dcu.jpg) (http://sv1.up-img.com/show.php?id=78129f4f1a2533e6f2c0de298a9eb906)

ภาพชารอน ผู้พายเรือรับวิญญาณในยมโลก เรื่องของชารอนยังปรากฏในบทประพันธ์ของดังเต้ด้วย
 
(http://sv1.up-img.com/upload/12-37/39grdwan.jpg) (http://sv1.up-img.com/show.php?id=a16671181d8567cebf7a4504aba30566)

ส่วนที่มีปัญหามากที่สุดในภาพ คือรูปของไมนอสผู้มาจากศาสนาเพกิน (นอกศาสนาคริสต์) โดยไมนอสเป็นบุตรของซุสและยูโรปา
เป็นกษัตริย์ของเกาะครีตและกลายเป็น 1 ใน 3 ยมบาลตามศาสนาเพกิน 
ตามรูปนี้ ไมนอสมีหูเป็นลาและมีงูพันรอบตัว โดยงูได้อาปากกัดอวัยวะเพศของเขา แถมใบหน้าของไมนอสก็เป็นใบหน้าของ Baigio da Cesena
ผู้ใกล้ชิดองค์สัตปะปาพอลที่สาม โดย Cesena พยายามฟ้องโป๊ปให้บังคับไมเคิลแองเจลโลให้ลบรูปนี้ออกไป แต่ไม่เป็นผล

---------------------------------------


Title: ปิเอต้า ในรูปแบบงานจิตกรรมโดยจิโอวานนี เบลลินี : ไมเคิลแอนเจโล
Post by: ppsan on 24 January 2013, 15:31:07
ปิเอต้า ในรูปแบบงานจิตกรรมโดยจิโอวานนี เบลลินี
 
(http://sv1.up-img.com/upload/12-37/s92v8f6y.jpg) (http://sv1.up-img.com/show.php?id=229b319899aba60ba0898c93208656ff)

วาดขึ้นในปี ค.ศ. 1505 เป็นรูปพระแม่มารีในเครื่องแต่งกายสีดำโอบอุ้มร่างพระบุตร โดยพระแม่มีใบหน้าที่ดูชราต่างจากงานของไมเคิลแองเจลโล
แต่ยังคงเศร้าหมองสมกับชื่อ ปิเอต้า
 
----------------------------------------------

ปิเอต้า วาดโดย Rogier van der Weyden
 
(http://sv1.up-img.com/upload/12-37/jgx50sgy.jpg) (http://sv1.up-img.com/show.php?id=e48e1bb99a38b33485ff4cf89d8149c7)

รูปที่วาดขึ้นโดยใช้สีน้ำมัน ปัจจุบันเก็บรักษาอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ปราโด เมืองแมดริด ประเทศเสปน

----------------------------------------------

ภาพวาด ปิเอตา ของ Michelangelo Caravaggio
(http://sv1.up-img.com/upload/12-37/3vt9ihps.jpg) (http://sv1.up-img.com/show.php?id=e2b956541771e5d6f8107b872818672a)

----------------------------------------------------------------------------------

(http://sv1.up-img.com/upload/12-37/5izenp6p.jpg) (http://sv1.up-img.com/show.php?id=59d92224eeb89fb7c46a06ce5893c83e)