Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...

เหนือเกล้าชาวสยาม => พระบรมโพธิสัตว์เจ้าแห่งแผ่นดินสยาม => Topic started by: ppsan on 30 October 2021, 21:12:35

Title: พระราชอารมณ์ขันของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
Post by: ppsan on 30 October 2021, 21:12:35
พระราชอารมณ์ขันของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ



(http://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/2009/06/A8003756/A8003756-36.jpg)

.....

พวกเดียวกัน

ในการเสด็จออกเยี่ยมราษฎรอำเภอไกลๆ ที่กันดารนั้น บางครั้งกำนันก็อยากกราบบังคมทูลด้วยราชาศัพท์ แต่อันที่จริงนั้นไม่ต้องก็ได้ มิได้ทรงเห็นเป็นเรื่องสำคัญ เพราะทรงถือว่าความจงรักภักดีและความเคารพในหัวใจนั้นสำคัญยิ่งกว่าราชาศัพท์ แต่ถึงกระนั้นกำนันบางคนก็ยังอยากจะกราบบังคมทูลให้ถูกต้องตามแบบแผน อุตสาห์ไปซ้อมเสียหลายวัน ท่องมาจนจำขึ้นใจ แต่พอเสด็จฯ มาถึงเข้าจริงๆ ท่านกำนันก็รายงานตัวออกไปว่า

“ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า…” 

“เราพวกเดียวกันนะ…” รับสั่งด้วยความเมตาอย่างพ่อพูดกับลูก

ท่านกำนันเห็นว่าทรงพระกรุณาเช่นนั้น ก็เปลี่ยนใจมากราบบังคมทูลด้วยภาษาธรรมดา

.....

ผู้หญิงตกเป็นของใคร

บางครั้ง ในหลวงของเราก็ต้องทรงทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทเกี่ยวกับปัญหาครอบครัว เช่น ชาวเขาคนหนึ่งได้มากราบบังคมทูลร้องทุกข์ว่า เขาได้ให้หมูสองตัวกับเงินก้อนหนึ่งแก่เมีย แต่เมียพอได้เงินแล้วกลับหนีตามชู้ไป พระองค์ก็ทรงตัดสินว่า สามีจะต้องได้รับเงินชดใช้ และให้ปล่อยภรรยาไปตามใจของเธอ ญาติของทั้งสองฝ่ายก็พอใจ

รับสั่งเล่าด้วยพระราชอารมณ์ขันว่า

“แต่ที่แย่ก็คือ ฉันต้องควักเงินให้ไป… ผู้หญิงนั้นก็เลยต้องตกเป็นของฉัน” รับสั่งแล้วก็ทรงพระสรวล

สักครู่หนึ่ง หญิงผู้นั้นก็นำสุราพื้นเมืองมาถวาย “ถ้าฉันเมาพับไป อะไรจะเกิดขึ้น ก็ไม่รู้…”

(http://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/2009/06/A8003756/A8003756-2.jpg)

.....

แจกปริญญาหลับใน

...ประมาณสองปีมาแล้ว ตอนเช้าได้ทำฟัน คือว่าหมอฟันมาเจาะฟัน เจาะจนเกือบจะทะลุคางไป (เสียงฮา) … เพราะว่าทะลุฟันซี่นั้นถึงราก ถอนเอาประสาทออก แล้วหมอฟันทั้งหลายก็สนุกสนานไป (เสียงฮา) กินเวลาประมาณสองชั่วโมง เวลาบ่ายโมงครึ่งก็ยังไม่ได้รับประทานอาหาร ก็รับประทานไม่ไหวปากมันชาไปหมดที่เขาฉีดไว้ ประมาณบ่ายสองโมงกว่าๆ ก็ต้องมาแจกปริญญาที่นี่…

นับจำนวนผู้ที่มารับปริญญาแล้วก็ดูนาฬิกา จะได้รู้เวลา นับไปนับมา แจกไปแจกมา ก็มีคนหนึ่งทำให้ตกใจ เขาเดินเข้ามาหา มารับปริญญา แล้วก็ด้วยความพอใจของเขา เขาร้องออกมาว่า “ทรงพระเจริญ” (เสียงฮา) … แต่บังเอิญตอนนั้นการแจกปริญญาก็ส่วนแจกปริญญา ส่วนปวดฟันก็ส่วนปวดฟัน (เสียงฮา) ส่วนหลับในก็ส่วนหลับใน (เสียงฮา) มีเสียงเขาบอกว่า “ทรงพระเจริญ” ต้องโสตประสาท ตกใจตื่นทั้งตัว 

แต่ว่าหลังตกใจตื่นขึ้นมา อาการปวดฟันหายไปจริงๆ นี่พูดตามวิสัยของนักวิทยาศาสตร์หรือนักวิจัย รู้สึกว่ากระปรี้กระเปร่าที่จะแจกปริญญาต่อไป ทำด้วยความรู้ตัวด้วย แล้วก็ทำให้รู้สึกว่าเรามีกำลังใจ ที่เขาบอกว่า “ทรงพระเจริญ”…

(http://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/2009/06/A8003756/A8003756-3.jpg)

.....

เพื่อนเยอะ
           
การเสด็จประพาสอเมริกาครั้งนั้น ควรจะได้เล่าถึง “บ๊อบ โฮ้พ” ไว้ด้วย เพราะทรงคุ้นเคยกับดาราผู้นี้ตั้งแต่ครั้งบ๊อบ โฮ้พ มาแวะกรุงเทพฯ เพื่อจะไปเปิดการแสดงกล่อมขวัญทหารอเมริกันในเวียดนาม ระหว่างแวะพักที่กรุงเทพฯ บ๊อบ โฮ้พ ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ ที่วังสวนจิตรฯ โดยโปรดเก้าพระราชทานเลี้ยงดินเนอร์ด้วย
           
บ๊อบ โฮ้พ กราบบังคมทูลว่า “ข้าพระพุทธเจ้า ขอพาเพื่อนไปด้วย”
           
“ได้เลย… ไม่ขัดข้อง” รับสั่งตอบ “พาเพื่อนของคุณมาได้เลย”
           
“ต้องขอขอบพระราชหฤทัยแทนเพื่อนหกสิบสามคนของข้าพระพุทธเจ้าด้วย”
           
คืนนั้น บ๊อบ โฮ้พ ได้นำวงดนตรีของเขา เข้าไปเล่นถวายอยู่จนดึก จึงกราบกราบบังคมทูลเชิญเสด็จฯ ที่บ้านของเขา รับสั่งว่า

“ยินดี… ฉันพาเพื่อนหกสิบสามคนของฉันไปด้วยนะ”
           
บ๊อบ โฮ้พ กราบบังคมทูลเสียงอ่อยๆ ว่า “ติดด้วยเกล้า ว่าตกลงพ่ะย่ะค่ะ”

(http://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/2009/06/A8003756/A8003756-4.jpg)

.....

ทรงพระนามว่าเกาะช้าง

ครั้งหนึ่ง พระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิน ทางทะเล ระหว่างทางผ่านเกาะช้าง ทรงถาม ข้าราชการท้องถิ่นคนหนึ่งว่า

“เกาะนั้นชื่ออะไร”

ข้าราชการทูลตอบว่า “เกาะนั้นทรงพระนามว่า เกาะช้างพะย่ะคะ”

ตรัสว่า “ถ้างั้นก็เป็นญาติกับฉันน่ะสิ” (ถ้างง ก็กลับไปอ่านอีกรอบ)

(การเรียกชื่อเกาะใช้คำว่า"ชื่อ"ธรรมดา เพราะคำว่า"ทรงพระนาม" เป็นราชาศัพท์ใช้กับราชวงศ์เท่านั้น)

(http://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/2009/06/A8003756/A8003756-5.jpg)

.....

ส่งเสี่ยกลับวัง

เมื่อสมัยก่อนเสด็จแปรพระราชฐานไปยังหัวหิน มักจะเสด็จออกไปยังตลาดหัวหินบ่อยครั้ง และบางครั้งโดยลำพังพระองค์

มีครั้งหนึ่งระหว่างจะ เสด็จกลับ ซาเล้งที่ตลาดทูลถามว่า “ไปไหมเสี่ย”

ปรากฎว่าเสี่ยพระองค์นี้สนพระทัยก็ตรัสจ้างไปยัง พระราชวังไกลกังวล โดยที่ซาเล้งคนนั้นไม่รู้ นึกว่าเป็น ข้าราชการ แต่พอถึงหน้าพระราชวัง ทหารสั่ง วันทยาวุธ

เท่านั้นแหละ ซาเล็งถึงรู้ว่า เสี่ยที่มาส่งน่ะเป็นใคร

(http://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/2009/06/A8003756/A8003756-6.jpg)

.....

ใช่แล้วพระเจ้าครับ

เคยได้ฟังคนเล่าให้ฟังว่าครั้งหนึ่งในหลวงทรงเสด็จไปที่ ห่างไกลทุรกันดาร เพื่อที่จะทรงงาน ขณะที่จะกลับ มีชายคนหนึ่งมาถวายผ้าไหม โดยทหารไม่ให้เข้าเฝ้าแต่ในหลวงให้เข้าเฝ้า ชายคนนั้นถวายผ้าไหมให้ในหลวง

ในหลวงจึงตรัสถามว่า “ผ้าไหมนี้ทำเองใช่ไหม”

ด้วยความที่ชายคนนั้นไม่รู้คำราชาศัพท์ จึงกราบทูลพระองค์ว่า “ใช่แล้วพระเจ้าครับ”

.....

ลิเกเข้าเฝ้า

เรื่องแรกเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในภาคอีสานเมื่อครั้งเสด็จไปเยี่ยมบนบ้านของราษฎรผู้หนึ่งที่คณะผู้ตามเสด็จทั้งหลายอดแปลกใจในการกราบบังคมทูล ที่คล่องแคล่วและใช้ราชาศัพท์ได้อย่างน่าฉงน เมื่อในหลวงทรงมีพระราชปฏิสันถารถึงสาเหหตุในการใช้ราชาศัพท์ดีนี้ จึงกราบบังคมทูลว่า

“ข้าพระพุทธเจ้าเป็นโต้โผลิเกเก่า บัดนี้อายุมากจึงเลิกรามาทำนาทำสวนพระพุทธเจ้าข้า..”

มาถึงตอนสำคัญที่ทรงพบนกในกรงเลี้ยงไว้ที่ชานเรือน ก็ทรงตรัสถามว่า “เป็นนกอะไรและมีกี่ตัว”

พ่อลิเกเก่ากราบบังคมทูลว่า

“มีทั้งหมดสามตัวพระเจ้าข้า พระมเหสีมันบินหนีไป ทิ้งพระโอรสไว้สองตัว ตัวหนึ่งยังเล็ก ตรัสอ้อแอ้อยู่เลย และทิ้งให้พระบิดาเลี้ยงดูแต่ผู้เดียว”

เรื่องนี้ ดร.สุเมธ ผู้ตามเสด็จครั้งนั้นด้วย เล่าว่าเป็นที่ต้องสะกดกลั้นหัวเราะกันทั้งคณะ ไม่ยกเว้นแม้ในหลวง

(http://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/2009/06/A8003756/A8003756-66.jpg)

.....

พระประชวรเกี่ยวกับพระฉวี(หน้า)

พระเจ้าอยู่หัวทรงประชวรนิดหน่อยเกี่ยวกับพระฉวี (ผิวหน้า) มีพระอาการคัน มีหมอผิวหนังคณะหนึ่งเข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายการรักษา คุณหมอเป็นผู้เชี่ยวชาญทางโรคผิวหนังแต่ไม่ได้เชี่ยวชาญทางราชาศัพท์ ก็กราบบังคมทูลว่า

“เอ้อ..ทรง...อ้า..ทรงพระคันมานานแล้วหรือยังพระยะค่ะ”

พระเจ้าอยู่หัวก็ทรงพระสรวล ตรัสว่า

“ฉันไม่ใช่ผู้หญิงนี่ จะท้องได้อย่างไร”

แล้วคงจะทรงพระกรุณาว่าหมอคงไม่รู้ราชาศัพท์ทางด้านอวัยวะร่างกายจริงๆ ก็พระราชทานพระบรมราชานุญาตว่า

“อ้า พูดภาษาอังกฤษกันเถอะ”

เป็นอันว่าก็กราบบังคมทูลซักพระอาการเป็นภาษาอังกฤษไป

(http://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/2009/06/A8003756/A8003756-67.jpg)

.....

หมึกไม่ออก

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ อนงค์รัตน์ สุขุม เล่าว่า วันที่ 19 กรกฎาคม 2526 เป็นวันพระราชทานปริญญาบัตรที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ส่วนใหญ่นายกสโมสรอาจารย์จะเป็นผู้ดูแลถวายปากกาให้ทรงลงประปรมาภิไธย แต่ในปีนั้น ดิฉันในฐานะอุปนายกสโมสรอาจารย์ได้รับหน้าที่นี้แทน ก่อนจะเสด็จพระราชดำเนิน เราก็ดูแลความเรียบร้อยทุกอย่าง อย่างระมัดระวังที่สุด โดยเฉพาะปากกา ลองกันหลายครั้งจนมั่นใจว่าไม่มีปัญหาแน่

พอเสด็จฯ มาถึง ท่านก็ทรงลงพระปรมาภิไธย ปรากฏว่าทรงจรดปากกาลงไปแล้วแต่ไม่มีหมึกออกมา เราก็ตกใจมากเลย ไม่รู้จะทำยังไงดี นึกในใจว่าเป็นความบกพร่องของเราแน่ๆ ลองมากไปจนหมึกหมด ดิฉันก็เลยถวายกระดาษทิชชูเปล่าๆ ที่อยู่ในมือให้ท่าน เพื่อจะให้ท่านทรงเช็ดปากกา แต่ท่านทรงพระเมตตามากเลย

สีพระพักตร์ที่ท่านมองดิฉันเหมือนกับจะตรัสว่า “ไม่ต้องตกใจ” แล้วก็ทรงนำปากกามาลองที่มือดิฉันที่มีกระดาษทิชชู่ ปรากฏว่าหมึกออก

จากนั้นก็ทรงหันไปลงพระปรมาภิไธยในสมุด พอท่านเสด็จพระราชดำเนินไปแล้ว ทุกคนก็รีบเข้ามาดูกระดาษที่ทรงลองปากกาแผ่นนั้นกันใหญ่ ศาสตราจารย์ ดร.สุรพล วิรุฬห์รักษ์ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งคณบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์ บอกว่า “พี่ๆ ขอหน่อยเถอะพี่ จะเอาไปเป็นมงคล” ก็เลยแบ่งให้อาจารย์ไปส่วนหนึ่ง..

(http://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/2009/06/A8003756/A8003756-68.jpg)


................................................................