Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
User Info
Welcome, Guest. Please login or register.
28 March 2024, 18:16:08

Login with username, password and session length
Search:     Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ

http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
25,463 Posts in 12,372 Topics by 70 Members
Latest Member: KAN
Home Help Search Calendar Login Register
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...  |  วิถีสู่ชีวิตแห่งความพอเพียง  |  การศึกษาทางเลือก  |  โสเครติสกับการศึกษาทางเลือก
0 Members and 1 Guest are viewing this topic. « previous next »
Pages: [1] Go Down Print
Author Topic: โสเครติสกับการศึกษาทางเลือก  (Read 1929 times)
Smile Siam
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 331


View Profile
« on: 29 December 2012, 07:09:49 »

โสเครติสกับการศึกษาทางเลือก



             เรื่องราวชีวิตของโสเครตีสในประวัติศาสตร์มีน้อยมาก จำเป็นต้องประมวลเอามาจากข้อความในบทสนทนาของเพลโต ผู้เป็นทั้งเพื่อนและลูกศิษย์ของเขา

            โสเครตีสเกิดเมื่อ  2,500  ปีมาแล้ว  เป็นชาวเอเธนส์โดยกำเนิดและใช้ชีวิตอยู่ในเอเธนส์ตั้งแต่เกิดจนตาย  บิดาของโสเครตีสเป็นช่างสลักหิน ส่วนมารดาเป็นหมอตำแย     
             
           ในวัยเยาว์โสเครตีสได้รับการอบรมทางศาสนาเหมือนเด็กกรีกอื่นๆ พอย่างเข้าสู่วัยหนุ่มเขาได้เสวนา   กับนักปราชญ์สำคัญ 2 คน คือ ปาร์มีนิดีสกับเซโน     
           
           โสเครตีส คงได้ฝึกฝนวิชาสลักหินจากบิดาอยู่บ้าง แต่คงไม่ชอบทางด้านนี้จึงหันมาสนใจปรัชญาอย่างจริงจัง เพื่อนำมาปฏิบัติในชีวิตจริง  คำว่า ' ปรัชญา ' ในสมัยนั้น หมายถึงการค้นหาคำตอบในสิ่งที่ยังไม่มีใครคิดขึ้นมาก่อน  รวมทั้งปัญหาต่าง ๆที่จัดเป็นวิทยาศาสตร์ในสมัยปัจจุบันด้วย เช่น มนุษย์คืออะไร ชีวิตคืออะไร  ใครสร้างมนุษย์ขึ้นมาในโลกนี้ ฯลฯ
                 
          โสเครตีสมักจะตื่นนอนตั้งแต่ก่อนรุ่งสาง กินอาหารเช้าอย่างรีบเร่ง แล้วก็ออกจากบ้านเตร็ดเตร่ไปตามโบสถ์ แวะบ้านเพื่อน หรือไม่ก็ที่อาบน้ำสาธารณะหรือมุมถนนสักมุม ที่สามารถใช้เป็นสถานที่สนทนาได้   

           เมื่อเอ่ยถึงโสเครตีส ขอให้เรานึกถึงผู้ชายที่มีรูปร่างหน้าตาเข้าขั้นอัปลักษณ์ ร่างเตี้ย หัวเถิก จมูกโต  ปากหนา ไว้หนวดเครายาวรุงรัง ดูโดยรวมแล้วไม่น่าเข้าใกล้  แต่กระนั้นกลับมีบรรดาเด็กหนุ่มรุ่นใหม่ที่มีความคิดก้าวหน้าคอยห้อมล้อม เพื่อฟังโอวาทของเขาอยู่เสมอ หนึ่งในนั้นก็คือ เพลโต ยอดนักปรัชญาชาวกรีก
               
          ครั้งหนึ่งเพื่อนของโสเครตีสได้ไปถามนักบวชผู้ให้เทพพยากรณ์  ณ วิหารเดลฟีว่า  ใครคือคนที่ฉลาดที่สุดในเอเธนส์  ท่ามกลางความประหลาดใจของทุกคน คำทำนายของวิหารศักดิ์สิทธิ์ ระบุว่า ผู้ที่ฉลาดที่สุดในเวลานั้นคือ โสเครตีส   
             
           คำทำนายนี้ ทำให้โสเครตีสภูมิใจมาก และยึดถือคำทำนายนั้นอย่างเป็นจริงเป็นจัง  ถึงกับเลิกกิจการอื่น ๆ ที่กำลังทำอยู่ หันมาอุทิศตนให้กับการแสวงหาสัจธรรม   
               
          โสเครตีส ไม่เคยแสวงหาตำแหน่งทางการเมือง แต่เคยได้รับเชิญเข้าดำรงตำแหน่งสมาชิก และต่อมา   ก็ได้เป็นประธานสภา แต่เนื่องจากเขาไม่ยอมโอนอ่อนผ่อนตามให้พรรคพวกของผู้สนับสนุน โสเครตีสจึงหันไปใช้ชีวิต เร่ร่อนถกปัญหากับผู้คนในเอเธนส์ดังเดิม

          ต่อมาอีกหลายปี  โสเครตีส ได้พบรักและแต่งงานกับแซนทีป เล่ากันว่าภรรยาของเขาเป็นคนจู้จี้ขี้บ่น   และชอบหาเรื่องกวนใจทะเลาะกับสามีอยู่เป็นประจำ  จนเกิดคำกล่าวว่าถ้าภรรยาของใครที่ชอบบ่นว่าสามี ก็ได้ชื่อว่าเป็นหญิงประเภทเดียวกับนางแซนทีปภรรยาของโสเครตีส         
         
         โสเครตีส มีลูก  3 คน เขาเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ไม่ดีนัก เพราะเขาไม่ยอมทำงานหาเงินให้ได้มาก ๆ   เพื่อครอบครัวจะได้สุขสบาย แต่กลับพอใจอยู่กับการทำงานหาเงินแค่เพียงให้ครอบครัวอยู่รอดไปวัน ๆ   
                             
          วันเวลาของเขามักจะหมดไปกับการสนทนาซึ่งเป็นสิ่งที่เขาโปรดปรานมากที่สุด เขามักเดินตระเวนไปตามท้องถนนของกรุงเอเธนส์ เพื่อเทศนาเกี่ยวกับตรรกวิทยาที่เขาถนัด     
             
         โสเครตีส  เป็นคนแปลก ชอบแต่งตัวมอซอ ไว้หนวดเครารุงรัง  แต่วิธีการแสวงหาความรู้หรือสัจธรรม   ในชีวิตของเขาแปลกยิ่งกว่า  เขามักจะเสแสร้งทำเป็นไม่มีความรู้ หรือมีปัญหาที่ไม่รู้คำตอบ เป็นเหตุให้ผู้รู้อยากแสดงภูมิออกมา  เมื่อถึงตอนนั้นโสเครตีสก็จะระดมคำถามใส่คู่สนทนาราวกับเป็นอัยการในศาล
                 
          ถ้าคู่สนทนาจนแต้ม  เขาก็จะแนะแนวทางให้ดำเนินความคิดต่อไป  แต่ถ้าคู่สนทนาเชื่อมั่นในความคิด   หรือเหตุผลของตัวเองมากเกินไป เขาก็จะเสนอข้อโต้แย้งให้เกิดการสงสัยในความคิดหรือเหตุผลนั้น ๆ และดูเหมือนว่าโสเครตีส มักจะหาเหตุผลที่เหมาะสม มาทำลายความคิดดั้งเดิมได้อย่างง่ายดาย  วิธีการแบบนี้ของโสเครตีส  เรียกว่า   การวิจารณ์แบบวิภาษวิธี  ( Dialectic )

วิธีการของโสเครตีส

         วิธีการของโสเครตีส  คือ ศิลปะการสนทนาที่โสเครตีสใช้ประคับประคองการสนทนาให้ดำเนินไปสู่คำตอบของปัญหาที่กำลังอภิปรายกัน วิธีนี้มีชื่อเรียกโดยทั่วไปว่า 'วิภาษวิธี '( Dialectic ) ซึ่งประกอบด้วยลักษณะสำคัญ 5 ประการ คือ

   1. สงสัย ( Sceptical )
โสเครตีส เริ่มต้นการสนทนาด้วยการยกย่องคู่สนทนาว่า  เป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องที่ท่านเองก็ใคร่รู้อยู่พอดี  เนื่องจากท่านไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนั้น  ท่านจึงขอให้เขาช่วยตอบคำถามของท่านเกี่ยวกับเรื่องนั้น  การออกตัวทำนองนี้ถือกันว่าเป็นการถ่อมตัวของนักปรัชญา  แต่ได้มีผู้วิจารณ์ว่า  นั่นเป็นการเสแสร้งของโสเครตีส ( Socratic Irony )

   2. สนทนา ( Conversation )   
จากนั้นโสเครตีส  ก็เป็นฝ่ายตั้งปัญหาให้คู่สนทนาตอบ    การสนทนาจึงมีลักษณะเช่นเดียวกับเทศน์ ปุจฉา-วิสัชนา  คู่สนทนาจะต้องหาคำจำกัดความของหัวข้อที่สนทนากัน  โสเครตีสจะวิจารณ์ว่าคำจำกัดความนั้นมีข้อบกพร่องตรงไหนบ้าง  อีกฝ่ายหนึ่งจะเสนอคำจำกัดความใหม่ที่ดูรัดกุมกว่า   โสเครตีสจะขัดเกลาคำจำกัดความนั้นอีก
การสนทนาจะดำเนินไปอย่างนี้ จนกว่าทั้งสองฝ่ายจะได้คำจำกัดความที่น่าพอใจ

  3.  หาคำจำกัดความ ( Definitional )
จุดมุ่งหมายของการสนทนาจึงอยู่ที่การหาคำจำกัดความที่ถูกต้อง โสเครตีสเชื่อว่า ถ้าเราพบคำจำกัดความที่ถูกต้องของสิ่งใด  นั่นแสดงว่าเราพบความจริงแท้เกี่ยวกับสิ่งนั้น  ซึ่งเป็นอันเดียวกับการค้นพบมโนภาพของสิ่งนั้นนั่นเอง

  4.  อุปนัย ( Inductive )
การสร้างคำจำกัดความ  จะเริ่มจากสิ่งเฉพาะไปสู่สิ่งสากล   เช่น  เมื่อหาคำจำกัดความของ ''ความดี'' โสเครตีส และคู่สนทนาจะพิจารณาตัวอย่างจากความประพฤติดีชนิดต่าง ๆ ในสังคม  แล้วดึงเอาลักษณะที่เป็น ''แก่น'' หรือที่เป็นสากลเอามาสร้างเป็นคำนิยาม
 
  5.  นิรนัย ( Deductive )
คำจำกัดความที่มีผู้เสนอมาจะถูกพิสูจน์  โดยการนำไปเป็นมาตรการวัดสิ่งเฉพาะต่าง ๆ ว่ามีลักษณะร่วมกับลักษณะที่ระบุไว้ในคำจำกัดความนั้นหรือไม่  เช่น ถ้าเราได้คำจำกัดความของ ''ความดี''มา เราก็ตรวจสอบดูว่า การทำทานหรือการปราบปรามโจรผู้ร้าย จัดเป็นความดีตามคำจำกัดความที่เราตั้งไว้หรือไม่เพียงใด แต่เป็นโชคร้ายของโสเครตีส เพราะคนที่เขาชอบต้อนให้จนมุม มักจะเป็นพวกโซฟิสต์หรือนักการเมืองที่มีอำนาจ  เขาจึงมีศัตรูที่น่ากลัวโดยที่เขาไม่รู้ตัว

        ขณะนั้น เอเธนส์ได้กลายเป็นแหล่งชุมนุมของเหล่าศิลปิน นักเรียน กวี นักปรัชญา จากทั่วโลก บรรดาผู้มั่งมีทั้งหลายจึงนิยมส่งบุตรหลานมาเรียนที่นี่กันอย่างคับคั่ง
ในตอนนี้ชื่อเสียงของโสเครตีสเป็นที่รู้จักกันในฐานะปรัชญาเมธีคนสำคัญของเอเธนส์  เขากลายเป็นนักปรัชญาสูงอายุผู้เนื้อหอม  มีเด็กหนุ่มขอฝากตัวเป็นศิษย์มากมาย โดยที่
โสเครตีสไม่ขอรับค่าตอบแทนใด ๆ เลย   บรรดาเด็กหนุ่มหัวคิดใหม่  พากันเดินตามโสคระตีสไปตามท้องถนน  เพื่อฟังโอวาทของเขา  พวกเด็ก หนุ่ม ๆ เหล่านั้นคลั่งไคล้
โสเครตีสเพราะชื่นชมแนวคิดแบบใหม่และชอบกลวิธีการสอนที่ให้อิสระในความคิด แต่บรรดาผู้ปกครองของเด็กหนุ่มเหล่านั้นกลับคิดไปอีกอย่างหนึ่ง คือ หาว่าโสเครตีสสอนลัทธิขบถให้แก่บุตรหลานของพวกตน

        ในที่สุดโสเครตีสถูกทางการกล่าวหาว่าทำให้เด็กหนุ่มมีความคิดออกนอกลู่นอกทาง เพราะเขาสอนให้ หาเหตุผลมาเถียงผู้ใหญ่และสอนให้เลิกนับถือบรรดาเทพเจ้า โสเครตีสต้องขึ้นศาลในข้อหาว่าลบหลู่ศาสนา

        ในศาลเขาแถลงว่า เขาไม่เคยตั้งตัวเป็นศาสดาสอนใคร ไม่เคยขอค่าจ้างสอนจากลูกศิษย์ ไม่เคยพูดเหลวไหลอย่างที่อริสโตเนฟิส เอาไปล้อในบทละคร

        ส่วนข้อหาว่าเขาลบหลู่ศาสนาก็ไม่เป็นความจริง   ที่เขาต้องมาใช้ชีวิตแบบนี้  เพราะเขาเชื่อคำทำนาย ของวิหารศักดิ์สิทธิ์เดลฟี  ซึ่งต่อมาเขาก็ได้เที่ยวเสาะหาคนที่ฉลาดไปทุกหย่อมหญ้าแล้ว  ก็ล้วนแต่มีคนฉลาดน้อยกว่าเขา  จึงทำให้เขากลายเป็นคนที่มีศัตรูมาก   และการที่ประชาชนไม่ชอบเขา  นั่นก็เพราะคนเหล่านั้นเข้าใจผิดในตัวเขา

        การกระทำของเขา ไม่ได้ทำให้เพื่อนร่วมชาติเดือดร้อนแม้แต่น้อย  ในทางกลับกัน เป็นการทำประโยชน์ให้พวกเขาเสียมากกว่า และตัวเขาเองก็มีความเชื่อมั่นในศาสนามากยิ่งกว่าผู้กล่าวหาเขาเสียอีก
 
        ผลปรากฎว่าคณะลูกขุนตัดสินให้โสเครตีสมีความผิดจริง โสเครตีสได้ขอร้องต่อศาลว่า เนื่องจากเขาไม่ ได้ทำผิดอะไร ซ้ำยังทำประโยชน์ให้แก่บ้านเมือง เขาจึงควรได้รับการเลี้ยงดูจากรัฐตลอดชีพ  แทนที่ศาลเมืองเอเธนส์จะเห็นใจ กลับกล่าวหาว่าโสเครตีสทำผิดแล้ว ยังพูดจาโอหังอวดดี จึงตัดสินให้ประหารชีวิตโสครตีสโดยการให้ดื่มยาพิษ

        ก่อนตาย โสเครตีสได้ใช้เวลาทั้งหมดพูดคุยกับมิตรสหายถึงเรื่องความเป็นอมตะของวิญญาณ   และได้ฝากสุนทรพจน์ ครั้งสุดท้ายที่กินใจผู้รักเสรีไว้ว่า

         ''  ความตายนั้นไม่น่ากลัวอะไรเลย  เมื่อเทียบกับความชั่วร้ายซึ่งจู่โจมเราอย่างรวดเร็ว   ถ้าความตายเปรียบเสมือนการนอนหลับที่ปราศจากความฝันแล้วการนอนหลับชนิดใดเล่าที่จะสุขยิ่งไปกว่านี้ และถ้าความตายทำให้ เราพบกับบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของยุคก่อน ๆ  ผู้ล่วงลับไปแล้ว   ก็จะได้เป็นโอกาสดีที่จะได้พบปะสังสรรค์ไต่ถามปัญหาต่าง ๆ กับท่านเหล่านั้น

          ท่านทั้งหลาย....ท่านควรจะยินดีเมื่อนึกถึงความตาย   และคิดเสียว่าความตายนั่นแหละคือสัจจะอันแท้จริง  ถ้าท่านเป็นคนดีจริงแล้วสิ่งที่เลวร้ายก็จะไม่มีวันเกิดขึ้นกับท่าน และเมื่อเวลาที่จะต้องจากกันมาถึง ข้ากำลังจะตาย  แต่ท่านยังจะต้องเผชิญชีวิตต่อไป   แต่ใครเล่าจะรู้ ได้ว่า ระหว่างเรานี้ใครจะได้พบความสุขมากกว่ากัน ยกเว้นพระผู้เป็นเจ้า ''

          วาระสุดท้ายของโสเครตีสมาถึง   ท่ามกลางความโศกเศร้าของสานุศิษย์และมิตรสหาย  เจ้าหน้าที่นำถ้วยยาพิษมาให้ โสเครตีสรับมาดื่มด้วยอาการสงบ   แล้วก็เดินไปจนกระทั่งทรงตัวไม่ไหว  เขาจึงเอนกายลงนอนรอ ความตายที่ค่อย ๆ คืบคลานเข้ามา  แต่ก็ยังไม่วายเตือนเพื่อนชื่อ คริโต ว่า ''อย่าลืม...ช่วยเอาไก่ไปเซ่นที่แอสเคิลปิอุส ให้ด้วยนะ ''

         จากนั้นเขาก็หยิบผ้าขึ้นคลุมหน้าและสิ้นลมอย่างสงบ
โสเครตีส เป็นนักปรัชญาผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของกรีกและของโลก  เขาได้รับเกียรติว่า เป็นบิดาแห่งวิชาปรัชญาตะวันตกยุคโบราณ  ถึงแม้เขาจะละโลกไปแล้วกว่า  24  ศตวรรษ  แต่ปรัชญาของเขาคือ

         '' จงยึดมั่นสัจจะและความดีเหนืออื่นใด '' ยังมีอิทธิพลอยู่มากต่อนักปรัชญายุคถัดมาจนถึงปัจจุบันนี้ ที่เป็นเช่นนี้เพราะโสเครตีสได้เป็นตัวอย่างเสียเอง  กล่าวคือ ตลอดชีวิตของโสเครตีส  ท่านจะยึดมั่นอยู่ในคุณธรรมและความรู้  ทั้งอุทิศเวลาไปในการเที่ยวสั่งสอนให้คนมีความรู้และคุณธรรม โดยเห็นว่า คุณธรรมนั้นสำคัญที่สุดยิ่งกว่าสิ่งใดแม้แต่ชีวิต โสเครตีสจึงได้เสียสละ ทุกอย่างแม้กระทั่งชีวิตเพื่อคุณธรรม  โสเครตีสจึงเป็นบุคคประเภททำและพูดเหมือนกัน  คือพูดอย่างไรก็ทำอย่างนั้น หรือสอนคนอื่นอย่างใด   ตนก็ทำได้อย่างนั้น จึงเป็นบุคคลแห่งอุดมคติอันสูงส่ง ซึ่งหาได้ยากนักในโลกนี้
/size]

 
จาก  โสเครติส  โดย วิลาศ  มณีวัต
หนังสือ ปวงปรัชญากรีก  ของ ฟื้นดอกบัว
หนังสือ ปรัชญากรีก ของ จำนงค์ ทองประเสริฐ
ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.thaioctober.com/smf/index.php?topic=639.0
www.konmun.com
http://article.konmun.com/Socratis-know373.htm
« Last Edit: 29 December 2012, 07:11:49 by Smile Siam » Logged
Pages: [1] Go Up Print 
« previous next »
 

SMF 2.0.4 | SMF © 2013, Simple Machines | Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.072 seconds with 17 queries.