| Smile Siam | 
								|  | « Reply #1 on: 13  December  2013, 15:13:41  » |  | 
 
 ประชาธิปไตยทางตรง จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
 
 ด • พ • ก
 ประชาธิปไตยทางตรงหรือประชาธิปไตยบริสุทธิ์[1] เป็นรูปแบบการปกครองซึ่งประชาชนออกเสียงในการริเริ่มนโยบายต่าง ๆ โดยตรง ซึ่งขัดกับประชาธิปไตยแบบมีผู้แทนตรงที่ประชาชนออกเสียงเลือกผู้แทนไปทำหน้าที่ออกเสียงการริเริ่มนโยบายออกทอดหนึ่ง[2] ประชาธิปไตยทางตรงอาจนำมาซึ่งการผ่านการตัดสินใจบริหาร, เสนอกฎหมาย, เลือกตั้งหรือถอดถอนเจ้าหน้าที่และดำเนินการไต่สวน ประชาธิปไตยทางตรงหลัก ๆ สองรูปแบบมีประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมและประชาธิปไตยแบบปรึกษาหารือ
 
 หลายประเทศซึ่งปกครองแบบประชาธิปไตยแบบมีผู้แทนอนุญาตรูปแบบการปฏิบัติทางการเมืองสามรูปแบบซึ่งให้ประชาธิปไตยทางตรงอย่างจำกัด ได้แก่ การลงประชามติ, การริเริ่มออกกฎหมาย และการถอดถอนผู้ได้รับเลือกตั้ง การลงประชามติอาจรวมความสามารถที่จะจัดการออกเสียงมีผลผูกมัดว่ากฎหมายฉบับหนึ่ง ๆ ควรถูกปฏิเสธหรือไม่ ด้วยวิธีการนี้จึงเป็นการให้สิทธิแก่ประชากรซึ่งจัดการออกเสียงเลือกตั้งวีโตกฎหมายซึ่งผู้ได้รับเลือกตั้งลงมติยอมรับ ประเทศหนึ่งที่ใช้ระบบนี้คือ สวิตเซอร์แลนด์ การริเริ่มออกกฎหมาย ซึ่งตามปกติแล้วสมาชิกสาธารณะทั่วไปเป็นผู้เสนอ ผลักดันการพจารณากฎหมาย (โดยปกติในการลงประชามติตามมา) โดยปราศจากการปรึกษากับผู้แทนที่ได้รับเลือกตั้ง หรือแม้จะขัดกับการคัดค้านที่แสดงออกของพวกเขา การถอดถอนผู้ได้รับเลือกตั้งให้อำนาจแก่สาธารณะในการถอดถอนเจ้าหน้าที่จากตำแหน่งก่อนสิ้นสุดวาระ แม้กรณีนี้จะหายากมากในประชาธิปไตยสมัยใหม่[3] ผู้เขียนซึ่งสนับสนุนอนาธิปไตยได้แย้งว่า ประชาธิปไตยทางตรงไม่ยอมรับองค์กรกลางที่เข้มแข็ง เพราะอำนาจการตัดสินใจสามารถอยู่ได้ระดับเดียวเท่านั้น คือ อยู่กับประชาชนหรือกับองค์กรกลาง[4]
 
 
 อ้างอิง
 
 A. Democracy in World Book Encyclopedia, World Book Inc., 2006. B. Pure democracy entry in Merriam-Webster Dictionary. C. Pure democracy entry in American Heritage Dictionary"
 Budge, Ian (2001). "Direct democracy". In Clarke, Paul A.B. & Foweraker, Joe. Encyclopedia of Political Thought. Taylor & Francis. ISBN 9780415193962.
 Fiskin 2011, Chapters 2 & 3.
 Ross 2011, Chapter 3
 
 บรรณานุกรม
 
 James s Fiskin (2011). When the People Speak. Oxford University Press. ISBN 9780199604432.
 Carne Ross (2011). The Leaderless Revolution: How Ordinary People Can Take Power and Change Politics in the 21st Century. Simon & Schuster. ISBN 1847375340.
 
 
 ประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม
 จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
 
 ประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม (อังกฤษ: participatory democracy) หมายถึง การมีส่วนร่วมในทางการเมืองการปกครอง ตลอดจนการกำหนดวิถีชีวิตที่สอดคล้องกับการเมืองการปกครองแบบประชาธิปไตย ทั้งนี้ไม่ว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องสิทธิเสรีภาพ หน้าที่ ตามระบอบการเมืองการปกครองที่ไม่ไปก้าวก่ายหรือก่อความเดือดร้อนแก่ผู้อื่นหรือสังคมส่วนรวม การมีส่วนร่วมในทางการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอาจจะจำแนกเป็น 3 ระดับ คือ[ต้องการอ้างอิง]
 
 การมีส่วนร่วมในระดับเบื้องต้น เช่น ร่วมแสดงความคิดเห็นในทางการเมือง, ร่วมพูดคุยอภิปรายเรื่องราวทางการเมืองและสถานการณ์ปัจจุบัน, ร่วมลงชื่อเพื่อเสนอเรื่องราวหรือประชาพิจารณ์เกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งในทางการเมือง, รวมกลุ่มเล็ก ๆ เพื่อแสดงความคิดเห็นในทางการเมือง, เป็นสมาชิกพรรคการเมือง
 การมีส่วนร่วมในระดับกลาง เช่น ร่วมเดินขบวนเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม, ร่วมปราศัยในการชุมนุมเรียกร้องเรื่องราว, ร่วมลงชื่อเพื่อเสนอให้ฝ่ายที่มีอำนาจตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง, ร่วมอดข้าวประท้วงหรือร่วมกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อเรียกร้อง
 การมีส่วนร่วมในระดับสูง เช่น ร่วมลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภา, ร่วมก่อตั้งพรรคการเมือง, ร่วมก่อตั้งรัฐบาล
 ประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับวิธีการกระจายอำนาจและทรัพยากรต่าง ๆ ที่ไม่เท่าเทียมกันอันมีผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนและวิธีการที่ประชาเหล่านั้นมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจที่มีผลกระทบต่อตน
 
 โดยที่กล่าวถึงข้างต้น ประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม จึงหมายถึง การที่อำนาจในการตัดสินใจไม่ควรเป็นของกลุ่มคนจำนวนน้อย แต่อำนาจควรไดรับการจัดสรรในระหว่างประชาชน เพื่อทุก ๆ คนได้มีโอกาสที่จะมีอิทธิพล และจัดเป็นกระจายอำนาจและเปิดต่อการมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางของประชาชนในกระบวนการทางการเมือง ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ
 
 จากคำนิยามดังกล่าวข้างต้นอาจสรุปหลักการหรือองค์ประกอบสำคัญของคำว่าประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมได้ ดังนี้[ต้องการอ้างอิง]
 
 การให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเมืองและการบริหาร
 เน้นการกระจายอำนายในการตัดสินใจและการจัดสรรทรัพยากรต่าง ๆ ในระหว่างประชาชนให้เท่าเทียมกัน
 อำนาจในการตัดสินใจและการจัดสรรทรัพยากรต่าง ๆ นั้น จะส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน
 เพิ่มการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน
 มีความยืดหยุ่นได้ กล่าวคือ มีโครงสร้างการทำงานที่สามารถตรวจสอบได้ มีความโปร่งใสและคำนึงถึงความต้องการทรัพยากรของผู้มีส่วนร่วม
 การมีส่วนร่วมของประชาชนมีทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ
 แคทท์ (Catt 1999, 39-56) ได้เสนอไว้ว่า องค์ประกอบและเงื่อนไขที่สำคัญที่สุดของความเป็นประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม คือ
 
 ทุกคนสามารถยกประเด็นปัญหาใดปัญหาหนึ่งขึ้นมา เพื่อกำหนดเป็นวาระของการประชุม สามารถเสนอทางเลือกและมีส่วนร่วมในการเลือกหรือการตัดสินใจสุดท้ายได้
 เป็นการประชุมที่ทุกคนสามารุพูดคุยกันได้อย่างทั่วถึง (face-to-face meeting)
 มีการปรึกษาหารือ หรืออภิปรายประเด็นปัญหาที่หยิบยกมาพิจารณากันอย่างกว้างขวาง ทุกคนต้องการมีส่วนร่วมในการอภิปราย และสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างเต็มที่
 มีแนวโน้มที่พยายามจะให้เกิดความเห็นพ้อง (consensus) ร่วมกันในประเด็นปัญหาที่พิจารณา
 การมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นกระบวนการซึ่งประชาชน หรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้มีโอกาสแสดงทัศนะและเข้าร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ ที่มีผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน รวมทั้งมีการนำความคิดเห็นดังกล่าวไปประกอบการพิจารณากำหนดนโยบายและการตัดสินใจของรัฐ การมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นกระบวนการสื่อสารในระบบเปิด กล่าวคือ เป็นการสื่อสารสองทาง ทั้งอย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการ ซึ่งประกอบไปด้วยการแบ่งสรรข้อมูลร่วมกันระหว่างผู้มีส่วนเสียและเป็นการเสริมสร้างความสามัคคีในสังคม ทั้งนี้เพราะการมีส่วนร่วมของประชาชน เป็นการเพิ่มคุณภาพของการตัดสินใจการลดค่าใช้จ่ายและการสูญเสียเวลา เป็นการสร้างฉันทามติ และทำให้ง่ายต่อการนำไปปฏิบัติ อีกทั้งช่วยหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าใน “กรณีที่ร้ายแรงที่สุด” ช่วยให้เกิดความน่าเชื่อถือและความชอบธรรมและช่วยให้ทราบความห่วงกังวลของประชาชนและค่านิยมของสาธารณชน รวมทั้งเป็นการพัฒนาความเชี่ยวชาญและความคิดสร้างสรรค์ของของสาธารณชน
 
 การมีส่วนร่วมของประชาชนมีความสำคัญในการสร้างประชาธิปไตยอย่างยั่งยืนและส่งเสริมธรรมาภิบาล ตลอดจนการบริหารงานหากมีการมีส่วนร่วมของประชาชนมากขึ้นเพียงใดก็จะให้มีการตรวจสอบการทำงานของผู้บริหารและให้ผู้บริหารที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการป้องกันนักการเมืองจากการกำหนดนโยบายที่ไม่เหมาะสมกับสังคมนั้น ๆ นอกจากนี้การมีส่วนร่วมของประชาชนยังเป็นการสร้างความมั่นใจว่าเสียงของประชาชนจะมีคนรับฟัง อีกทั้งความต้องการหรือความปรารถนาประชาชนก็จะได้รับการตอบสนอง
 
 กล่าวโดยสรุป ระบบประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม ซึ่งเปิดโอกาสให้ประชาชนได้แสดงทัศนะและมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ที่จะมีผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน นอกจากจะช่วยให้การตัดสินใจของผู้เสนอโครงการหรือรัฐบาลมีความรอบคอบ และสอดรับกับปัญหาและความต้องการของประชาชนมากยิ่งขึ้นแล้ว ยังเป็นการควบคุมการบริหารงานของรัฐบาลให้มีความโปร่งใส (Transparency) ตอบสนองต่อปัญหาและความต้องการของประชาชน (Responsiveness) และมีความรับผิดชอบหรือสามารถตอบคำถามของประชาชนได้ (Accountability) อีกด้วย ซึ่งเท่ากับเป็นการส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตยให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้นอีกด้วย
 
 
 อ้างอิง
 
 Helena Catt(dr.),Democracy in Practice(ISBN 0-415-16840-6), (London and New York: Routledge,1/1999), 35-56.
 
 ดูเพิ่ม
 
 การเมืองภาคประชาชน
 
 
 
 ส่วนหนึ่งของชุดการเมือง
 ระบอบการปกครอง
 พื้นฐาน
 โครงสร้างอำนาจ
 สหพันธรัฐ สมาพันธรัฐ การใช้อำนาจครอบงำ จักรวรรดิ รัฐเดี่ยว
 โครงสร้างอำนาจ
 ประชาธิปไตย
 ทางตรง แบบมีผู้แทน โดยคณะบุคคลบางกลุ่ม
 ราชาธิปไตย
 สมบูรณาญาสิทธิราชย์ ภายใต้รัฐธรรมนูญ
 คณาธิปไตย
 อภิชนาธิปไตย คณะผู้ยึดอำนาจการปกครอง เศรษฐยาธิปไตย
 อำนาจนิยม
 อัตตาธิปไตย ระบบใช้อำนาจเด็ดขาด ระบอบเผด็จการ ระบบรวบอำนาจเบ็ดเสร็จ
 อื่น ๆ
 อนาธิปไตย สาธารณรัฐ เทวาธิปไตย
 
 
 |