|
ppsan
|
 |
« on: Today at 08:28:16 » |
|
ทัพพม่ากวาดต้อน “เชลยชาวอยุธยา” ไปอังวะอย่างไร? หลังเสียกรุงครั้งที่ 2
 ทัพพม่ากวาดต้อน “เชลยชาวอยุธยา” ไปอังวะอย่างไร? หลังเสียกรุงครั้งที่ 2 . เชลยชาวอยุธยา และพระบรมวงศานุวงศ์กรุงศรีอยุธยา ถูกกวาดต้อนไปพม่า สู่กรุงอังวะอย่างไร เส้นทางใดบ้าง หลังเสียกรุงศรีอยุธยาแก่พม่าครั้งที่ 2 พ.ศ. 2310 . รศ. ดร. ศานติ ภักดีคำ เล่าถึงเรื่องนี้ในบทความ “ตามทางทัพพม่าคราวเสียกรุงฯ พ.ศ. ๒๓๑๐ (๕) จากด่านพระเจดีย์สามองค์สู่เมืองอังวะ” นิตยสารศิลปวัฒนธรรม ฉบับสิงหาคม 2561 ว่า พม่าควบคุมเชลยศึกกรุงศรีอยุธยามารวมกันที่เมืองเมาะตะมะก่อน จากนั้นลำเลียงขึ้นเหนือไปยังราชธานีของพม่า คือกรุงรัตนปุระอังวะ . ลำดับแรก กองทัพพม่านำเชลยชาวอยุธยาและหัวเมืองใกล้เคียงในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา เดินทางไปยังเมืองเมาะตะมะด้วย 2 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางด่านเมืองอุทัยธานี คือ ด่านหนองหลวง และด่านแม่กลอง (ปัจจุบันคืออำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก) แล้วเลียบแม่น้ำเมยขึ้นเหนือไปเมาะตะมะ กับ เส้นทางกาญจนบุรี ผ่านเมืองไทรโยคไปยัง ด่านเจดีย์สามองค์ แล้วไปยังเมาะตะมะ . เมื่อทัพจาก 2 เส้นทางมาบรรจบกันที่เมืองเมาะตะมะ หลักฐานไทยและพม่ากล่าวไว้ตรงกันว่า พม่าแบ่งขบวนเชลยศึกชาวอยุธยาออกเป็น 2 ทาง มี “เนเมียวมหาเสนาบดี” (เนเมียวสีหบดี) บัญชาการ และนำทัพกวาดต้อนเชลยซึ่งเป็นพระราชวงศานุวงศ์และชาวอยุธยาบางส่วนไปทางบกขึ้นไปยังกรุงอังวะ . ส่วนอีกทางเป็นทางน้ำ “ปะกันหวุ่น” เจ้าเมืองพุกาม บัญชาการลำเลียงขบวนเรือ มีเรือพระที่นั่ง ปืนใหญ่ และสิ่งของต่าง ๆ ขึ้นไปถวายพระเจ้าแผ่นดินพม่าโดยเฉพาะ ดังข้อความใน “พระราชพงศาวดาร ฉบับสมเด็จพระพนรัตน์ วัดพระเชตุพน ตรวจสอบชำระจากเอกสารตัวเขียน” ระบุว่า . “...อหนึ่งปะกันหวุ่นเอาเรือพระธินั่งกิ่งไปลำหนึ่งเอาขึ้นตะเข้ชักลากไปกับทั้งปืนใหญ่ด้วยกัน จนตกลำน้ำเมืองสมิะ เอาปืนลงบันทุกเรือใหญ่ ออกปากน้ำเมืองเมาะตะมะไปเข้าปากน้ำเมืองเสี่ยง ส่งขึ้นไปเมืองอังวะถวายกับทั้งเรือกิ่ง แลครอบครัวไทซึ่งกวาดต้อนไปนั้น พระเจ้าอังวะจึ่งปูนบำเหนจ์ตั้งให้ปะกันหวุ่นอยู่ครองเมืองเมาะตะมะ . ฝ่ายเนเมียวมหาเสนาบดียกกองทับครอบครัวไทกับทังพระราชวงษานุวงษกระษัตรเมืองไทซึ่งกวาดต้อนไปนั้น ครั้นถึ่งเมืองอังวะก็เข้าเฝ้าพระเจ้ามังระ กราบทูลถวายผู้คนชาวกรุงศรีอยุทธยาแลพระราชวงษานุวงษ กับทรัพย์สี่งของทองเงีนเปนอันมาก . พระเจ้ามังระจึ่งปูนบำเหนจ์ตั้งเนเมียวเปนโยทธยาหวุ่นให้ควบคุมพวกไททั้งสิ้น แลขุนหลวงวัดประดู่ (พระเจ้าอุทุมพร-ผู้เขียน) นั้นพระเจ้าอังวะให้ศึกออกเปนคหัด แต่บันดาเชื้อพระวงษกระษัตรกรุงไทนั้น ให้ไปตั้งบ้านเรือนอยู่ ณะ เมืองจักไก ฝ่ายฟากแม่น้ำข้างโน้นตรงเมืองอังวะข้าม...” . ทั้งนี้ ในหนังสือ “มหาราชวงษ์พงษาวดารพม่า” หรือพระราชพงศาวดารพม่า ฉบับหอแก้ว ก็มีส่วนที่เล่าถึงเส้นทางในการกวาดต้อนเชลยขึ้นไปเมืองอังวะ ว่า . “...ส่วนครั้นถึงเมืองมุตมะ (เมาะตะมะ) ก็พบกับแม่ทัพรอง ที่พระเจ้ากรุงอังวะทรงใช้ให้มาช่วยตีกรุงศรีอยุทธยานั้น แล้วสีหะปะเต๊ะแม่ทัพจัดให้แม่ทัพหลวงนั้นคุมปืนใหญ่พี่น้องปืนใหญ่อื่นๆ อิก รวม ๕๐๐ กระบอกเศษ บรรทุกแพคุมไปกรุงอังวะ แต่สีหะปะเต๊ะนั้นคุมทหารไปโดยทางบก ครั้นเดือน ๙ ศกนั้นก็ถึงเมืองรัตนบุระอังวะ...” . เส้นทางจากเมืองเมาะตะมะไปยังกรุงรัตนปุระอังวะจึงมีอยู่ 2 เส้นทาง คือ เส้นทางบก และเส้นทางน้ำ . สำหรับเส้นทางบก มหาราชวงษ์พงษาวดารพม่า เล่าว่า เนเมียวมหาเสนาบดีนำทัพคุมเชลยไปกรุงอังวะ กวาดต้อนผู้คนข้ามแม่น้ำแม่น้ำสะโตง ขึ้นเหนือไปทางเมืองหงสาวดี เมืองตองอู เข้าสู่พื้นที่ชลประทานเจ้าเซ ดังมีร่องรอยศิลปกรรมสยาม เช่น เจดีย์ย่อมุมศิลปะอยุธยา ที่หมู่บ้านในเมืองเจ้าเซ แสดงให้เห็นว่าเคยมีชุมชนชาวอยุธยาอยู่ที่นี่ . จากนั้นเชลยชาวอยุธยาก็มาพักอยู่ไม่ไกลจากกรุงอังวะ อ. ศานติสันนิษฐานว่า มีศูนย์กลางชุมชนอยู่บริเวณหมู่บ้านที่มีวัดมะเดื่อ หรือวัดเยตะพัน ทางทิศใต้ของเมือง ก่อนจะแบ่งเป็นกลุ่ม ๆ ไปอยู่ตามที่ต่าง ๆ . ส่วนเส้นทางน้ำ วิเคราะห์กันว่าน่าจะล่องเรือจากเมืองเมาะตะมะ ผ่านปากน้ำสะโตง ไปยังเมืองสิเรียม แล้วล่องแม่น้ำอิรวดีขึ้นไป ผ่านเมืองแปร พุกาม ถึงกรุงอังวะ จากการพบร่องรอยชาวอยุธยาตามชุมชนริมแม่น้ำอิรวดี เช่น จิตรกรรมฝาผนัง (อย่างไทย) ที่วัดกู่วุดจีกูพญา เมืองบินบู และที่เมืองสาลิน . “คำให้การของมหาโคมหากฤช” ซึ่งเล่าถึงเหตุการณ์มหาโคข้าหลวงเดิมเกิดพลัดหลงกับสมเด็จพระเจ้าอุทุมพรที่ “เมืองแปร” ก็เป็นหลักฐานที่ชวนให้เชื่อว่า สมเด็จพระเจ้าอุทุมพรไม่ได้เสด็จฯ ไปกับทัพของเนเมียวสีหบดี แต่ทรงไปทางน้ำพร้อมเรือพระที่นั่ง เพราะเมืองแปรตั้งอยู่ริมแม่น้ำอิรวดีบนเส้นทางไปยังกรุงอังวะ ดังว่า . “...ด้วยข้อความว่า เมื่อครั้งอ้ายพม่ายกมาตีกรุงเทพฯ ศรีอยุธยาได้นั้น มหาโคเป็นฆราวาสอายุ ๒๗ ปี ตามเจ้าวัดประดู่ไปพลัดกันตกอยู่ ณ เมืองเปร จึงบวชเป็นภิกษุได้ ๑๔ พรรษา แล้วสึกออกมา...” . เป็นอันว่า สมเด็จพระเจ้าอุทุมพร พระราชวงศานุวงศ์ เชลยชาวอยุธยา และหัวเมืองใกล้เคียง เช่น สุพรรณบุรี อ่างทอง อุทัยธานี ฯลฯ ถูกกวาดต้อนจากสยามไปเมืองเมาะตะมะ และจากเมาะตะมะโดยทางบกผ่านเมืองหงสาวดี ตองอู ทางน้ำตามลำน้ำอิรวดีผ่านเมืองแปร พุกาม ก่อนจะบรรจบกันที่กรุงอังวะ แล้วกระจายไปตามชุมชนต่าง ๆ ทั่วแผ่นดินพม่า . ภาพ : จิตรกรรมแสดงเหตุการณ์กองทัพพม่าโจมตีกรุงศรีอยุธยา สมัยเสียกรุงครั้งที่ 2 จากอนุสรณ์สถานแห่งชาติ .

. #เสียกรุง #กรุงศรีอยุธยา #เชลยศึก #ประวัติศาสตร์ #SilpaHistory #ศิลปวัฒนธรรม #SilpaMag
. ที่มา :Silpawattanatham ศิลปวัฒนธรรม https://www.facebook.com/SilpaWattanatham .
|