Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
User Info
Welcome, Guest. Please login or register.
15 December 2025, 17:56:39

Login with username, password and session length
Search:     Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ

http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
28,529 Posts in 14,020 Topics by 70 Members
Latest Member: KAN
Home Help Search Calendar Login Register
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...  |  กิจกรรมที่น่าสนใจ  |  กิจกรรมในวันหยุดพิเศษ  |  ท่องเที่ยวทางไกล  |  ทริปท่องวานูอาตู ชมโชว์จากธรรมชาติที่งดงามที่สุด ณ ยาซูร์ (Mount Yasur)
0 Members and 1 Guest are viewing this topic. « previous next »
Pages: [1] Go Down Print
Author Topic: ทริปท่องวานูอาตู ชมโชว์จากธรรมชาติที่งดงามที่สุด ณ ยาซูร์ (Mount Yasur)  (Read 60 times)
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 11,351


View Profile
« on: 23 November 2025, 21:46:14 »

ทริปท่องวานูอาตู ชมโชว์จากธรรมชาติที่งดงามที่สุด ณ ยาซูร์ (Mount Yasur)


Travelogue

The Greatest Show on Earth

ทริปท่องวานูอาตู ชมโชว์จากธรรมชาติที่งดงามที่สุด ณ ยาซูร์ (Mount Yasur) ภูเขาไฟที่เป็นประภาคารแห่งมหาสมุทรแปซิฟิก

เรื่องและภาพโดย โลจน์ นันทิวัชรินทร์

.

Home /Travel/Travelogue
1 พฤศจิกายน 2025


คันบังคับอะไรต่อมิอะไรดูอีรุงตุงนังชวนงง จอทรงกลมทรงเหลี่ยมอีกสารพัดดูสับสน แถมยังมีปุ่มต่าง ๆ นานายุ่งเหยิงไปหมด ที่สำคัญ เก้าอี้ตัวนี้ควรจะเป็นที่นั่งของผู้ช่วยนักบินซึ่งไม่ใช่ผม แต่เพราะเครื่องบินขนาดเล็ก 12 ที่นั่งลำนี้ดันมีจำนวนผู้โดยสารทั้งสิ้น 13 คน ส่งผลให้ใครคนหนึ่งต้องระเห็จไปนั่งหน้าคู่กัปตัน และผู้โชคดีคนนั้นคือผมเอง

“เอ่อ กรุณานั่งเฉย ๆ นะครับ อย่าแตะต้องอะไรทั้งสิ้น นั่งสบาย ๆ เตรียมชมวิวสวย ๆ ได้เลยครับ” นิคกี้ กัปตันตัวจริงหันมาพูดพร้อมส่งยิ้มให้ ก่อนจะหันกลับไปปรับปุ่มนู่นนี่และโยกคันบังคับต่าง ๆ ไม่นานเขาก็สื่อสารกับหอควบคุมการจราจรทางอากาศเพื่อขออนุญาตนำเครื่องขึ้น ใจผมเต้นรัวเป็นกลองด้วยความตื่นเต้นขีดสุด เกิดมาไม่เคยนั่งเครื่องบินเล็กในตำแหน่งสุดพิเศษเช่นนี้มาก่อน





ไม่กี่นาทีต่อมา เครื่องบินเล็กก็เร่งเครื่องแผดเสียงสนั่น ก่อนจะวิ่งเร็วขึ้น เร็วขึ้น จนค่อย ๆ ลอยตัวไต่ระดับโบยบินสู่ท้องฟ้ากว้าง ใจที่เต้นรัวเร็วก็ค่อย ๆ ผ่อนคลาย แม้จะรู้สึกมึนหัวจากอาการโคลงเคลงอยู่บ้าง แต่ลมเย็น ๆ จากภายนอกที่เล็ดลอดเข้ามาสู่ห้องโดยสาร ทำให้รู้สึกสบายขึ้นมาก

ขณะนี้ผมกำลังเดินทางอยู่ในประเทศวานูอาตู (Vanuatu) ประเทศหมู่เกาะขนาดเล็กในมหาสมุทรแปซิฟิกที่ตั้งอยู่ระหว่างออสเตรเลียและฮาวาย ผมเดินทางจากเกาะเอฟาเต (Éfaté) ไปยังเกาะทานนา (Tanna) เพื่อไปชมภูเขาไฟยาซูร์ (Yasur) ที่ยังคงระเบิดและพ่นลาวาออกมาอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉลี่ยทุก ๆ 1 – 3 นาทีต่อ 1 ตูม และเป็นเช่นนี้มานานมาก ๆ นักธรณีวิทยาสันนิษฐานปรากฏการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นติดต่อกันนานกว่า 870 ปี จนภูเขาไฟลูกนี้ได้รับฉายาว่า ‘ประภาคารแห่งมหาสมุทรแปซิฟิก’ (The Lighthouse of the Pacific)

วานูอาตูตั้งอยู่บนเขตวงแหวนแห่งไฟ (Ring of Fire) ซึ่งเป็นดินแดนที่มีเหตุแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิดบ่อยครั้ง นอกจากนี้ยังอยู่ในเส้นทางพายุไซโคลนอีกด้วย ว่ากันว่าภูเขาไฟยาซูร์เป็นภูเขาไฟที่เดินเท้าเข้าถึงได้ง่ายที่สุดในโลก จึงเป็นหมุดหมายของนักผจญภัยหลายคน

เครื่องบินจิ๋วล่องลอยอยู่ใต้หมู่เมฆ เผยให้เห็นเกาะเล็กเกาะน้อยที่ค่อย ๆ ปรากฏตัวชัดขึ้นเป็นระยะ ๆ เหนือท้องทะเลกว้าง สีที่สาดใส่กันนั้นช่างจี๊ดจ๊าดจับใจ และนิคกี้บอกว่า ถ้าตาเราดีและมีโชคพอ เราอาจมองเห็นวาฬตัวใหญ่แหวกว่ายอยู่ในท้องทะเลสีครามเข้มเบื้องล่าง







ผมตื่นตาตื่นใจกับทิวทัศน์อันงดงามมหัศจรรย์อยู่นานนับชั่วโมง จนกระทั่ง

“ผู้โดยสารทุกคนครับ วันนี้อากาศดีมาก ๆ ผมคิดว่าจะบินโฉบให้ทุกคนได้เห็นภูเขาไฟยาซูร์กันชัด ๆ ก่อนนำเครื่องร่อนลงสู่สนามบินนะครับ” แน่นอนว่าเมื่อสิ้นสุดเสียงประกาศของกัปตันนิคกี้ ผู้โดยสารทั้งหมดก็กรีดร้องด้วยความดีใจ ต่างคนต่างหยิบอุปกรณ์ต่าง ๆ นานาสารพัดขึ้นมาเตรียมบันทึกภาพ

ภูเขาไฟสูงตระหง่านด้านหน้ากำลังปล่อยควันลอยคละคลุ้งขึ้นสู่มวลเมฆ และค่อย ๆ ปรากฏตัวชัดขึ้นเรื่อย ๆ เรื่อย ๆ ทุก ๆ กิโลเมตรที่เครื่องบินบินเข้าใกล้ หัวใจผมกลับมาเต้นแรงเร็วขึ้นอีกครั้ง ผมพยายามใช้ไอโฟนบันทึกภาพอันงดงามเบื้องหน้าผ่านกระจกที่ค่อนข้างมัวไปทีละช็อต ๆ





ไม่กี่วินาทีต่อมา นิคกี้ก็บังคับเครื่องบินให้เอียง พร้อมรักษาความสูงในระยะอีกาบิน (Crow Fly) ปีกด้านขวาทำมุม 45 องศากับปล่องภูเขาไฟ พร้อมกับทำเซอร์กิตบินวน 1 รอบเต็ม ๆ ก่อนเลี้ยวกลับมาเพื่อหันปีกซ้ายทำมุม 45 องศากับปล่องภูเขาไฟอีกครั้ง และบินวนอีก 1 รอบเช่นกัน ผู้โดยสารที่นั่งทั้งด้านขวาและซ้ายจึงมีโอกาสบันทึกภาพอันงดงามโดยเท่าเทียมกัน เสียงหัวเราะเฮฮาด้วยความตื่นเต้นยินดีดังไม่ขาดสาย แข่งกับกับเสียงคำรามกึกก้องจากภูเขาไฟยาซูร์ที่ระเบิดอยู่เบื้องล่างติดต่อกันทุก ๆ นาที

เมื่อกัปตันนิคกี้นำเครื่องบินเล็กกลับมาลงสนามบินทานนาเป็นที่เรียบร้อย ผู้โดยสารทั้งหมดพากันปรบมือให้เขาราวกับวีรบุรุษ ผมเชื่อว่าทุกคนจะจดจำเที่ยวบินสุดพิเศษในวันนี้ไปตลอดชีวิต

“ต้องขอบคุณผู้ช่วยกัปตันคนนี้ด้วย เขานั่งตัวตรง กอดอกนิ่ง ๆ ได้ตลอดทั้งไฟลต์ ตามที่นิคกี้บอกทุกประการ” ผู้โดยสารอื่น ๆ พากันแซวจนผมยิ้มตาหยี



สนามบินทานนาเป็นเพียงลานบินเล็ก ๆ อย่างที่เห็น


เกาะทานนา

เสียงคำรามกึกก้องจากภูเขาไฟ รวมทั้งลาวาที่ปะทุออกมาไม่หยุดหย่อน ส่งแสงสีแสดส้มทาบทาท้องฟ้ายามราตรีอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน และเป็นดั่งดวงประทีปที่นำ กัปตันเจมส์ คุก ให้มาค้นพบเกาะสวยแห่งนี้เมื่อปี 1774 มีภาพลายเส้นที่บันทึกเหตุการณ์สำคัญครั้งนั้นไว้โดย John Keyse Sherwin ศิลปินชาวอังกฤษผู้มีชื่อเสียงจากการวาดภาพเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ (History Painter)



กัปตันเจมส์ คุก ค้นพบเกาะทานนา จากการสังเกตท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มีการระเบิดและลาวาพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าเปล่งแสงสีแสดสว่างไสว
ภาพ : wellcomecollection.org/works


เกาะทานนามีพื้นที่ 550 ตารางกิโลเมตร ราว ๆ 3 ใน 4 เป็นพื้นที่ป่ารกชัฏ เวลาเดินทางบนเกาะ สังเกตเห็นไม้ป่านานาพรรณแน่นขนัด ต้นไทรขนาดใหญ่หลายคนโอบยืนต้นเรียงราย รวมทั้งเฟินป่าต้นสูงท่วมหัวดูราวกับฉากจากภาพยนตร์เรื่อง Jurassic Park ส่วนพื้นที่ 1 ใน 4 ที่เหลือคือบริเวณรอบ ๆ ภูเขาไฟยาซูร์ เป็นพื้นที่เปิดโล่ง เต็มไปด้วยฝุ่นเถ้าลาวาปกคลุมอยู่ พร้อมกองหินตะปุ่มตะป่ำหลากรูปทรง หินเหล่านี้เกิดจากลาวาที่เย็นตัว ชาวเกาะขนานนามดินแดนส่วนนี้ว่า ภูมิทัศน์ดวงจันทร์ หรือ Lunar Landscape

หลังจากเข้าที่พักและเก็บข้าวของเรียบร้อย เวลาบ่าย 3 โมง รถกระบะปรับแต่งพิเศษเพื่อเสริมความแข็งแรงก็มารับ และพาเราออกเดินทางจาก Tanna Lodge มุ่งหน้าสู่ภูเขาไฟยาซูร์ โดยมี โทนี่ เป็นทั้งคนขับและไกด์ ถนนลาดยางอย่างดีมีอยู่เพียงช่วงแรก ๆ จากนั้นเป็นทางดินโขยกเขยกไปเรื่อย ๆ

“เราควรไปถึงปากปล่องภูเขาไฟยาซูร์ราว ๆ 5 โมงครึ่ง เพื่อจะได้รอชมพระอาทิตย์ตกดินบนนั้น คราวนี้พอฟ้ามืดล่ะก็ เราจะได้เห็นลาวาชัดเจนมาก ๆ เลยครับ” โทนี่กล่าว

ก่อนนำนักผจญภัยออกเดินทางขึ้นสู่ปากปล่องภูเขาไฟยาซูร์ได้นั้น เจ้าหน้าที่ต้องประเมินสถานการณ์จาก ‘ระบบตรวจจับความตื่นตัวของภูเขาไฟ (Volcanic Alert System)’ เสียก่อน ซึ่งข้อมูลดังกล่าวส่งตรงมาจากศูนย์ที่มีชื่อว่า ‘Vanuatu Geohazards Observatory’ สร้างขึ้นเบริเวณเชิงภูเขาไฟยาซูร์ โดยงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาลฝรั่งเศส และมีนักธรณีวิทยา นักวิทยาศาสตร์ รวมทั้งนักวิจัยชาวฝรั่งเศสหลากสาขามาประจำการที่ศูนย์แห่งนี้ เพื่อทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับนักวิทยาศาสตร์และนักธรณีวิทยาท้องถิ่น

ระดับความตื่นตัวของภูเขาไฟแบ่งออกเป็น 5 ระดับ และที่พิจารณาว่าปลอดภัยพอที่จะนำคนขึ้นไปได้คือระดับที่ 1 และ 2 เท่านั้น หากเกินกว่านี้ก็ไม่อนุญาตให้ใครขึ้นไปยังปากปล่องโดยเด็ดขาด

ภูเขาไฟยาซูร์เคยระเบิดใหญ่หลายครั้ง เช่น เดือนพฤศจิกายน ปี 2013 หรือเดือนตุลาคม ปี 2021 ถ้าไปลองไล่ดูคลิปภาพเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดการปะทุรุนแรงมากกว่าปกติใน YouTube เราก็จะพบอยู่เป็นจำนวนมาก

ผมขอนำตัวอย่างมาให้ดูกันพอเห็นภาพสักหนึ่งคลิปนะครับ คลิปนี้นำขึ้นอัปโหลดเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 นี้เอง หรือจะไปกดติดตาม YouTube ช่อง Extreme Pursuit ของพวกเขาก็ได้เช่นกันครับ

.

https://www.youtube.com/watch?v=L6c5vaXc5-w&t=280s

Our close eruption escape - Yasur Volcano Expedition
Extreme Pursuit

https://youtu.be/L6c5vaXc5-w?si=WpBcWpXiqhsINo_r

..


กลับมายังเหตุการณ์ในวันนั้นต่อ ขณะที่รถพาเรามุ่งไปยังภูเขาไฟยาซูร์ ผมสังเกตว่าชาวเกาะทานนาเป็นมิตรมาก เช่นเดียวกับชาววานูอาตูทั่ว ๆ ไป เวลารถผ่านไปที่ไหน ชาวเกาะต่างโบกไม้โบกมือและส่งยิ้มหวานให้ตลอด ราว ๆ บ่าย 4 โมง รถก็แวะตลาดท้องถิ่นเล็ก ๆ เพื่อให้เราลงไปเดินยืดเส้นยืดสายประมาณ 10 นาที

ตอนนั้นผมไม่ได้คิดอยากซื้ออะไรเลยนะครับ แค่อยากเดินเล่นไปมาพอให้หายเมื่อย เลยเฉไฉไปดูปลาทอดที่แม่ค้าวางขายอยู่ และชวนคุยไปเรื่อย ๆ เปื่อย ๆ ว่าเป็นปลาชนิดไหน ทอดกับอะไร ฯลฯ

วานูอาตูเคยตกเป็นอาณานิคมของทั้งฝรั่งเศสและอังกฤษ ชาวเกาะจึงสื่อสารภาษาเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี และแล้วเรื่องก็เริ่มต้นขึ้นเมื่อคุณป้าคนหนึ่งเข้ามาถามว่าผมมาจากไหน และทันทีที่ผมตอบไปว่า “ผมมาจากเมืองไทยครับ”

“กรี๊ด เขามาจากเมืองไทย กรี๊ด เมืองไทยคือเมืองอุ๊งบัก” คุณป้าคนที่หนึ่งร้องออกมาอย่างลิงโลด พร้อมกับหันไปกวักมือเรียกคุณป้าคนที่ 2 3 4 5 ฯลฯ ให้เดินมา

ขออธิบายปรากฏการณ์ องค์บาก ที่ประเทศวานูอาตูหน่อยนะครับ ปรากฏการณ์นี้เป็นสิ่งที่ผมเจอเสมอระหว่างเดินทางไปตามเกาะต่าง ๆ ในประเทศนี้ ชาวเกาะแทบทุกเกาะติดภาพยนตร์เรื่อง องค์บาก อย่างงอมแงม พวกเขาดูจากแผ่นวีซีดีหรือดีวีดี ไม่ก็วิดีโอเทป เขาดูแล้วดูอีก ดูอีกดูแล้ว ผมเคยไปที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง พอตกเย็นหัวหน้าหมู่บ้านฉาย องค์บาก บนจอแบบหนังกลางแปลงให้ลูกบ้านดูแทบทุกวัน สลับกับภาพยนตร์เรื่อง ต้มยำกุ้ง โทนี่ จา หรือ จา พนม คือขวัญใจของทุกคน และคำว่า ‘องค์บาก’ เมื่อผ่านลิ้นของชาววานูอาตูแล้วก็จะกลายเป็น ‘อุ๊งบัก’ อย่างน่ารัก

“เขากำลังเลือกปลา มาช่วยเขาเร็ว เขามาจากประเทศไทยนะทุกคน เมืองอุ๊งบัก” คุณป้าเบอร์ 1 เอ่ยอีกครั้ง ผมอาจเป็นคนไทยคนแรกที่พวกเธอรู้จัก

“เขามาไกลมาก ๆ เราต้องเลือกปลาที่ดีที่สุดให้เขานะ” คุณป้าเบอร์อื่น ๆ สนับสนุน

“ปลาทอดพวกนี้ทอดมานานหรือยัง มันยังสดอยู่ใช่ไหม ถ้าของไม่ดีอย่าขายเขานะ” คุณป้าเบอร์ 5 และ 6 บอกแม่ค้า

วินาทีนั้นผมรู้สึกว่าผมเป็นทั้งตัวแทนดาราคนโปรดและตัวแทนประเทศไทย ผมคิดว่าผมต้องซื้อปลาตัวใดก็ตามที่คุณป้าเหล่านั้นช่วยกันเลือกให้ ความรู้สึกอีกอย่างคือความซาบซึ้งใจที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันทันใด ป้า ๆ ชาววานูอาตูกำลังทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นใจอย่างท่วมท้น ผมแอบหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าออกมาบันทึกภาพเอาไว้ 2 ภาพนั้นอาจสั่นไหว แต่ความทรงจำของผมยังแจ่มชัดมาจนทุกวันนี้





วานูอาตูเป็นประเทศที่เคยครอบครองอันดับ 1 ดินแดนที่มีดัชนีความสุข (Happiness Index) สูงที่สุดในโลก วันนี้หลายคนอาจได้คำตอบแล้วว่าเป็นเพราะอะไร

ผมหิ้วปลาทอด 3 – 4 ตัวกลับไปและแบ่งให้เพื่อน ๆ ร่วมรถได้ลิ้มลอง พวกเขาทั้งหมดเป็นชาวฝรั่งเศสที่ชักเริ่มสงสัยแล้วว่าไอ้ตี๋คนนี้มันเป็นใครนะ ทำไมใคร ๆ ก็มาช่วยมันเลือกปลา

ส่วนปลาทอดเหล่านั้น ผมว่ามันอร่อยตั้งแต่ผมยังไม่ได้กิน


แวะไปดวงจันทร์

จากตลาด รถพาเราขึ้นเขาไปเรื่อย ๆ ก่อนหยุดให้ชมทิวทัศน์สุดอลังการ ภาพภูเขาไฟยาซูร์ที่เคยมองลงมาจากเครื่องบินเมื่อสักครู่ ขณะนี้ปรากฏอยู่ตรงหน้า เสียงคำรามเหมือนฟ้าร้องดัง ๆ ลอยข้ามป่าเขียวชอุ่มมาถึงหูให้พอสะดุ้ง ลมเย็นพัดแรงจนแอบสะท้าน

“เดี๋ยวเราจะแวะไปดวงจันทร์กันนิดหนึ่งนะครับ แล้วคราวนี้เราก็จะไปถึงยาซูร์กันเสียที” โทนี่บอก



สบตาภูเขาไฟยาซูร์


รถยนต์วิ่งฝ่าป่าทึบผืนใหญ่อยู่ดี ๆ เราก็หลุดออกมายังลานกว้างเวิ้งว้าง ฝุ่นขี้เถ้าลาวาลอยคละคลุ้งเป็นทางยาวตามเส้นทางที่รถวิ่งตะบึงไปข้างหน้า ดูเป็นภูมิประเทศแปลกประหลาดเหมือนพื้นผิวดวงจันทร์อย่างที่เคยเห็นผ่านตามาบ้าง







รถวิ่งตะบึงไปเรื่อย ๆ สภาพภูมิอากาศบริเวณนี้เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เดี๋ยวแดดออก เดี๋ยวเมฆทึบ เดี๋ยวฟ้าปิด เดี๋ยวมีฝน ทุกอย่างสลับไปมาจนสับสน ในที่สุดรถก็มาจอดอยู่หน้าภูเขาไฟทรงเหลี่ยมเกือบสมมาตร ทรายสีดำปกคลุมไปทั่วบริเวณกว้าง โทนี่ปล่อยให้ทุกคนลงมายืดเส้นยืดสาย ตอนนี้เราทั้งหมดยืนอยู่ที่ฐานภูเขาไฟยาซูร์เป็นที่เรียบร้อย

“ภูเขาไฟยาซูร์สูง 1,184 ฟุตเหนือระดับน้ำทะเล จากจุดนี้ เราค่อย ๆ เดินไต่สันทรายขึ้นไปเรื่อย ๆ จนถึงปากปล่องเลยก็ได้ แต่เวลาเรามีจำกัด ผมจะขับรถพาไปอีกด้านให้เข้าใกล้ปล่องมากที่สุด แล้วเราค่อยปีนจากจุดนั้นขึ้นไปนะครับ ใครพร้อมปีนภูเขาไฟแล้วบ้าง ส่งเสียงหน่อยเร้วววว…”

โทนี่ปลุกเร้าให้เราฮึกเหิม ขณะนั้นเสียงภูเขาไฟระเบิดดังกึกก้องเป็นดั่งคำเชิญชวน





The Greatest Show on Earth

ขณะนี้ใกล้ 5 โมงครึ่งเต็มทน พวกเราต้องรีบทำเวลาด้วยการจ้ำ ๆๆ จากที่จอดรถขึ้นไปสู่ปากปล่อง ระยะทางไม่น่าเกิน 500 เมตร แต่ว่าแฮกเหมือนกันเพราะชันใช้ได้ สิ่งที่น่าตื่นเต้นสุด ๆ คือควันที่พวยพุ่งอยู่ตรงหน้า เสียงระเบิดที่ดังสนั่นจนบางครั้งก็ทำให้แผ่นดินสะเทือน เสียงฟู่ ๆ ของลาวาและแก๊สที่พ่นแหวกอากาศขึ้นมาจากปล่อง

การปะทุของภูเขาไฟยาซูร์จัดเป็นการปะทุแบบสตรอมโบเลียน (Strombolian) อธิบายได้ว่าเป็นการปะทุที่มีต้นกำเนิดมาจากภูเขาไฟสตรอมโบลี (Stromboli) ในประเทศอิตาลี มีลักษณะเด่นคือการพ่นลาวาที่หลอมเหลวออกมาเป็นระยะ ๆ แบบน้ำพุ โดยอาจมีความสูงตั้งแต่ 10 – 100 เมตร

แต่บางครั้งอาจมีการปะทุแบบวัลคาเนียน (Vulcanian) ซึ่งเกิดจากแก๊สในลาวาดันตัวขึ้นผ่านก้อนหินที่ปิดทับอยู่ด้านบน ทำให้เกิดการปะทุที่รุนแรงกว่า และดันเศษหินต่าง ๆ ให้ลอยขึ้นไปในอากาศ



ประเภทการปะทุของภูเขาไฟ
ภาพ : www.britannica.com/science/volcano/Six-types-of-eruptions


“เรามีกฎสำคัญ คือทุกคนต้องหันหน้าไปทางปล่องภูเขาไฟเสมอ ไม่ว่าจะเกิดเหตุอะไรก็ตาม เราจะไม่หันหลังให้ปล่องภูเขาไฟเด็ดขาด เพราะเราต้องเห็นว่าลาวาหรือเศษหินที่ปะทุออกมาว่าปลิวไปยังทิศทางใด การวิ่งโดยไม่รู้ทิศทางของลาวาอันตรายมาก และระหว่างที่เราอยู่บนยาซูร์ ผมขอให้ทุกคนเกาะกลุ่มไปด้วยกันกับผม อย่าแตกแถวเด็ดขาด เราจะใช้เวลาบนนั้นไม่เกิน 1 ชั่วโมงนะครับ” โทนี่เอ่ยเสียงดังฟังชัด

เมื่อมาถึงบนสันเขาสูงสุด คนที่กลัวความสูงอาจต้องระวังให้ดีหน่อยนะครับ เพราะเป็นทางเดินแคบ ๆ ที่พาเราเดินวนไปรอบ ๆ ปล่องภูเขา ด้านหนึ่งเป็นผาทิ้งดิ่งลงไปค่อนข้างชัน ด้านล่างที่ลึกลงไปกว่า 400 เมตรนั้น คือปากปล่องที่ปล่อยควันลอยคละคลุ้งและลูกไฟลาวาที่พวยพุ่งขึ้นมาทุกครั้งที่เกิดการระเบิด ลาวามีปริมาณมากหรือน้อยขึ้นอยูกับแรงปะทุในแต่ละครั้ง แต่เสียงคำรามกึกก้องนั้นได้ยินอยู่ตลอด




เดินดี ๆ นะครับ ทางเดินรอบปากปล่องค่อนข้างชัน สังเกตเห็นคนตัวจิ๋วเดียว



บนปล่องภูเขาไฟยาซูร์
ภาพ : geologyscience.com/geology-branches/volcanology/mount-yasur-vanuatu


เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน ลาวาที่พวยพุ่งขึ้นมาปล่อยแสงสีส้มจัดสะท้อนขึ้นท้องฟ้าและย้อมฟ้าให้เป็นสีส้มด้วยเช่นกัน วินาทีนั้นผมนึกถึงบทสนทนาที่ครั้งหนึ่งชาววานูอาตูเคยบอกผมว่า

“ภูเขาไฟยาซูร์คือการแสดงที่ยิ่งใหญ่ งดงาม และทรงพลังที่สุดบนพื้นโลกเท่าที่ธรรมชาติจะรังสรรค์ให้มนุษย์ตัวเล็ก ๆ อย่างเราได้ชื่นชมด้วยดวงตาของเราเอง ไม่มีการแสดงไหนจะยิ่งใหญ่ไปกว่านี้อีกแล้ว”

เวลานี้การแสดงชุดนี้กำลังเกิดขึ้นต่อหน้าผมแบบไม่หยุดหย่อน แม้ผมจะมีเวลาดื่มด่ำเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น แต่จะเป็น 1 ชั่วโมงที่ผมจะจำไปตลอดชีวิต




ลาวาพวยพุ่งขึ้นมา (ภาพก่อนพระอาทิตย์ตก)




ลาวาพวยพุ่งขึ้นมา (ภาพเมื่อพระอาทิตย์ตก)


“ขอบคุณธรรมชาติที่สร้างสรรค์การแสดงที่งดงามสุดพิเศษนี้ และขอบคุณโองการสวรรค์หรือโชควาสนาใด ๆ ก็ตามที่มอบที่นั่งสุดพิเศษข้าง ๆ กัปตันให้กับผม เพื่อให้ได้ชื่นชมยาซูร์แบบใกล้ชิดกว่าใครตั้งแต่บินมาถึง ก่อนปิดท้ายด้วยภาพที่ผมกำลังเห็นอยู่ขณะนี้” ผมเอ่ยขึ้นเบา ๆ ขณะเดินทางกลับโรงแรม พร้อมหันไปอำลาภูเขาไฟยาซูร์อีกครั้ง แสงสีส้มยังเต้นวิบวับบนท้องฟ้าที่มืดมิด ผมพิมพ์ภาพที่งดงามและยิ่งใหญ่ของประภาคารแห่งแปซิฟิกแห่งนี้อีกครั้ง




ภาพ : geologyscience.com/geology-branches/volcanology/mount-yasur-vanuatu


Write on The Cloud
Travelogue

ถ้าคุณมีประสบการณ์การเรียนรู้ใหม่ ๆ จากการไปใช้ชีวิตในทั่วทุกมุมโลก เชิญแบ่งปันเรื่องราวความรู้ของคุณพร้อมภาพถ่ายประกอบบทความ รูปถ่ายผู้เขียน ประวัติส่วนตัวผู้เขียน ที่อยู่ และเบอร์โทรติดต่อ มาที่อีเมล writethecloud@cloudandground.com ระบุหัวข้อว่า ‘ส่งต้นฉบับสำหรับคอลัมน์ Travelogue’ ถ้าผลงานของคุณได้ตีพิมพ์ลงในเว็บไซต์ เราจะส่งหมวกรุ่นพิเศษจาก Calm Outdoors แบรนด์แฟชั่นสายแคมป์แบรนด์แรกของไทยที่ทำเสื้อผ้าตอบโจทย์คนเมืองแต่ใจลอยไปอยู่ในป่า ซึ่งสกรีนลวดลายพิเศษที่ไม่มีจำหน่ายที่ไหนให้เป็นที่ระลึกด้วยนะ

.
Writer & Photographer
โลจน์ นันทิวัชรินทร์
หนุ่มเอเจนซี่โฆษณาผู้มีปรัชญาชีวิตว่า "ทำมาหาเที่ยว" เพราะเรื่องเที่ยวมาก่อนเรื่องกินเสมอ ชอบไปประเทศนอกแผนที่ที่ไม่ค่อยมีใครอยากไป เลยต้องเต็มใจเป็น solo backpacker Instagram : LODE_OAK
.


.
ที่มา : ทริปท่องวานูอาตู ชมโชว์จากธรรมชาติที่งดงามที่สุด ณ ยาซูร์ (Mount Yasur)
https://readthecloud.co/mount-yasur-tanna-island-vanuatu/

.




Logged
Pages: [1] Go Up Print 
« previous next »
 

SMF 2.0.4 | SMF © 2013, Simple Machines | Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.067 seconds with 17 queries.