Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
User Info
Welcome, Guest. Please login or register.
15 December 2025, 17:56:42

Login with username, password and session length
Search:     Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ

http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
28,529 Posts in 14,020 Topics by 70 Members
Latest Member: KAN
Home Help Search Calendar Login Register
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...  |  ภาพประทับใจ  |  ผนังเก่าเล่าเรื่อง (Moderator: ผนังเก่าเล่าเรื่อง)  |  ปืนใหญ่พระนารายณ์ในประวัติศาสตร์ ฝรั่งเศส
0 Members and 1 Guest are viewing this topic. « previous next »
Pages: [1] Go Down Print
Author Topic: ปืนใหญ่พระนารายณ์ในประวัติศาสตร์ ฝรั่งเศส  (Read 132 times)
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 11,351


View Profile
« on: 20 November 2025, 20:24:35 »

ปืนใหญ่พระนารายณ์ในประวัติศาสตร์ ฝรั่งเศส


https://www.siammanussati.com/%e0%b8%9b%e0%b8%b7%e0%b8%99%e0%b9%83%e0%b8%ab%e0%b8%8d%e0%b9%88%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%99%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%93%e0%b9%8c%e0%b9%83%e0%b8%99%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b0/

https://www.siammanussati.com/ปืนใหญ่พระนารายณ์ในประ/

ปืนใหญ่พระนารายณ์ในประวัติศาสตร์ ฝรั่งเศส
พ.ย. 03, 2017





หนึ่งในเครื่องบรรณาการที่สมเด็จพระนารายณ์โปรดให้คณะทูตของโกษาปานนำไปถวายพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ แห่งฝรั่งเศส มีปืนใหญ่อยู่ ๒ กระบอก ซึ่งถูกถึงอยู่ในรายการเครื่องบรรณาการที่ตีพิมพ์อยู่ใน ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๔๖ จดหมายเหตุของคณะพ่อค้าฝรั่งเศส ซึ่งเข้ามาตั้งครั้งกรุงศรีอยุธยา ตอนแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ภาคที่ ๖ ความว่า

“ปืนใหญ่ ๒ กระบอกยาว ๖ ฟิต เปนปืนกลึงด้วยมือมิได้เอาเข้าไฟหล่อ มีปลอกเงิน ตั้งบนแท่นมีล้อ ฝังลายเงิน เปนปืนที่ทำในเมืองไทย”





ปืนใหญ่นี้ปรากฏอยู่ในภาพพิมพ์เหตุการณ์วันที่ ๑ กันยายน ค.ศ. ๑๖๘๖ (พ.ศ. ๒๒๒๙) ตอนที่คณะทูตของออกพระวิสุทสุนธร (ปาน) หรือ “โกษาปาน” ได้เข้าเฝ้าถวายพระราชสาส์นแด่พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ โดยถูกวางกองรวมไว้กับเครื่องบรรณาการอื่นจำนวนมากด้วย

.

จากการศึกษาของ คุณไกรฤกษ์ นานา พบว่าปืนใหญ่ทั้งสองกระบอกนี้ถูกเก็บรักษาไว้ที่ “แองวาลิด” (Hôtel national des Invalides) ซึ่งพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ ทรงสร้างให้เป็นโรงพยาบาลทหารผ่านศึก และยังทำหน้าที่เป็นคลังแสงเก็บอาวุธไปในตัวด้วย
.
จนกระทั่งเกิดการปฏิวัติฝรั่งเศสขึ้น ในวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ค.ศ. ๑๗๘๙ (พ.ศ. ๒๓๓๒) ประชาชนในปารีสได้เริ่มก่อการปฏิวัติด้วยการบุกไปทลายคุกบาสตีย์ (Bastille) ปืนใหญ่จากอยุทธยาทั้ง ๒ กระบอกนี้เป็นหนึ่งในอาวุธที่ถูกนำออกมาจากคลังแสงและใช้ทำลายประตูคุกด้วย
.
หลังจากนั้นปืนทั้งสองจึงถูกนำกลับไปเป็นรักษาที่แองวาลิด ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์การทหาร (Musée de l’Armée) และเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์อาวุธโบราณที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในฝรั่งเศส โดยคุณไกรฤกษ์ นานา ได้เดินทางไปสำรวจเมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๗ จึงได้รับคำตอบจากภัณฑารักษ์ (หลายคน) ตอบแบบเดียวกันว่า “ปืนใหญ่ทั้ง ๒ กระบอกเคยอยู่ที่นี่จริง แต่ได้ถูกเคลื่อนย้ายออกไปอยู่ในห้องเก็บของมีค่าที่ไม่อนุญาตให้คนนอกเข้าชมแล้ว และก็ไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหนในเวลา





ดูเหมือนปืนใหญ่ทั้งสองกระบอกจะหายสาบสูญไปแล้ว แต่ความเป็นจริงอาจไม่ได้เป็นเช่นนั้น เนื่องจากปืนใหญ่ ๑ ใน ๒ กระบอกนั้นได้ถูกนำมาจัดแสดงในนิทรรศการ “Visitors to Versailles 1682-1789” ที่พระราชวังแวร์ซายส์ ประเทศฝรั่งเศสแล้วในเวลานี้
.

จากการศึกษาของ Antoine Leduc พบว่าปืนใหญ่กระบอกที่นำมาจัดแสดงนี้ เดิมเก็บรักษาไว้ที่ Garde-Meuble de la Couronne ซึ่งเป็นท้องพระคลังหลวงของราชสำนักฝรั่งเศส ซึ่งปัจจุบันคือ ออเตล เดอ ลา มารีน (Hôtel de la Marine) ที่จุตรัสปลาส เดอ ลา กงกอร์ด (Place de la Concorde) ซึ่งก็ปรากฏในเอกสารฝรั่งเศสระบุตรงกัน (ต่างจาก ไกรฤกษ์ นานา ที่ระบุว่าอยู่ที่แองวาลิดตั้งแต่แรก) ก่อนที่จะถูกชาวปารีสบุกเอาออกมาในวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ค.ศ. ๑๗๘๙ และนำไปใช้ยิงคุกบาสตีย์ในวันถัดมา หลังจากนั้นก็ถูกนำไปเก็บรักษาที่แองวาลิดซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ปืนใหญ่ (musée d’Artillerie) ในเวลานั้น

จนถึงฤดูร้อน ค.ศ. ๑๘๑๕ (พ.ศ. ๒๓๕๘) กองทัพปรัสเซียและอังกฤษบุกโจมตีกรุงปารีสและได้นำปืนใหญ่ทั้งสองกระบอกออกมาจากแองวาลิด โดยกระบอกหนึ่งถูกขนย้ายไปอยู่ที่ประเทศอังกฤษซึ่ง Antoine Leduc ได้ค้นพบเมื่อเดือนมีนาคม ค.ศ. ๒๐๑๔ (พ.ศ. ๒๕๕๗) ในพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งของประเทศอังกฤษที่ปิดทำการไปแล้ว จึงได้นำมาจัดแสดงที่แวร์ซายส์ในปัจจุบัน

ส่วนปืนอีกกระบอกยังหาไม่พบ แต่เชื่อไม่น่ายากเกินความพยายามครับ

.

เมื่อพิจารณาจากปืนใหญ่ที่นำมาจัดแสดง พบแต่ส่วนกระบอกปืน ส่วนฐานติดล้อหายไป ตัวกระบอกทำจากโลหะประดับลายคร่ำเงินแบบไทยตรงกับรายการเครื่องบรรณาการ จึงน่าเชื่อได้ว่าปืนกระบอกนี้ก็คือปืนใหญ่ที่สมเด็จพระนารายณ์พระราชทานมาให้พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ นั่นเอง

สำหรับผู้ที่อยากไปชมปืนใหญ่กระบอกนี้ของจริง จะถูกจัดแสดงอยู่ที่นิทรรศการในแวร์ซายส์จนถึงวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ปีหน้าครับ

—————————————————–

เอกสารอ้างอิง

– ไกรฤกษ์ นานา. ปืนใหญ่พระนารายณ์ใช้ยิงป้อมบาสตีย์. ศิลปวัฒนธรรม ฉบับ ธันวาคม ๒๕๕๗
– ประชุมพงศาวดารภาคที่ ๔๖ เรื่องจดหมายเหตุของคณะพ่อค้าฝรั่งเศส ซึ่งเข้ามาตั้งครั้งกรุงศรีอยุธยา ตอนแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ภาคที่ ๖ นายพันโท หลวงเวชยันต์รังสฤต (มุนี มหาสันทนะ) พิมพ์ในงานปลงศพสนองคุณ นางแย้ม ภรรยาหมื่นพรหมวรานุรักษ์ กันนางสาวเยื้อน มหาสันทนะ เมื่อปีมะโรง พ.ศ.๒๔๗๑
https://www.facebook.com/antoine.leduc.5/posts/10212548254495021
.
ภาพประกอบ : ปืนใหญ่ของสมเด็จพระนารายณ์ซึ่งจัดแสดงอยู่ใน “Visitors to Versailles 1682-1789” ที่พระราชวังแวร์ซายส์ ประเทศฝรั่งเศส
.




Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 11,351


View Profile
« Reply #1 on: 20 November 2025, 20:26:31 »


https://www.facebook.com/WipakHistory/posts/1571605276236270?ref=embed_post
.

วิพากษ์ประวัติศาสตร์
2 พฤศจิกายน 2017
 ·

หนึ่งในเครื่องบรรณาการที่สมเด็จพระนารายณ์โปรดให้คณะทูตของโกษาปานนำไปถวายพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ แห่งฝรั่งเศสมีปืนใหญ่ประดับเงินอยู่ ๒ กระบอก
หลักฐานที่กล่าวถึงปืนใหญ่นี้อยู่ในเอกสารร่วมสมัยของฝรั่งเศสที่ระบุรายการเครื่องบรรณาการที่ถูกส่งไปฝรั่งเศส โดยได้ตีพิมพ์ใน "ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๔๖ จดหมายเหตุของคณะพ่อค้าฝรั่งเศส ซึ่งเข้ามาตั้งครั้งกรุงศรีอยุธยา ตอนแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ภาคที่ ๖"  ความว่า

“ปืนใหญ่ ๒ กระบอกยาว ๖ ฟิต เปนปืนกลึงด้วยมือมิได้เอาเข้าไฟหล่อ มีปลอกเงิน ตั้งบนแท่นมีล้อฝังลายเงิน เปนปืนที่ทำในเมืองไทย”
.
ข้อความ "กลึงด้วยมือมิได้เอาเข้าไฟหล่อ" ในฉบับแปลภาษาไทยอาจมีข้อผิดพลาด เนื่องจากเมื่อพิจารณาจากเอกสารฝรั่งเศสของเชอวาลิเยร์ เดอ โชมงต์ (Chevalier de Chaumont) ราชทูตฝรั่งเศสที่ได้เข้ามาเยือนอยุทธยาใน พ.ศ. ๒๒๒๘ ได้ระบุลักษณะปืนใหญ่ทั้ง ๒ กระบอกว่า

"ปืนใหญ่ทั้ง ๒ กระบอกมีความยาว ๖ ฟุต  ทำจากโลหะหลอมที่นำมาแต่งรูปร่างเมื่อเย็นแล้ว (de fonte, battues a froid) ฝังลายเงิน ตั้งบนแท่นมีล้อซึ่งฝังเงินเช่นเดียวกัน ทำในสยาม"
.
ปืนใหญ่นี้ปรากฏอยู่ในภาพพิมพ์เหตุการณ์วันที่ ๑ กันยายน ค.ศ. ๑๖๘๖ (พ.ศ. ๒๒๒๙) ตอนที่คณะทูตของออกพระวิสุทสุนธร (ปาน) หรือ “โกษาปาน” ได้เข้าเฝ้าถวายพระราชสาส์นแด่พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ โดยถูกวางกองรวมไว้กับเครื่องบรรณาการอื่นจำนวนมากด้วย
.
จากการศึกษาของ คุณไกรฤกษ์ นานา พบว่าปืนใหญ่ทั้งสองกระบอกนี้ถูกเก็บรักษาไว้ที่ "แองวาลิด" (Hôtel national des Invalides) ซึ่งพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ ทรงสร้างให้เป็นโรงพยาบาลทหารผ่านศึก และยังทำหน้าที่เป็นคลังแสงเก็บอาวุธไปในตัวด้วย
.
จนกระทั่งเกิดการปฏิวัติฝรั่งเศสขึ้น ในวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ค.ศ. ๑๗๘๙ (พ.ศ. ๒๓๓๒) ประชาชนในปารีสได้เริ่มก่อการปฏิวัติด้วยการบุกไปทลายคุกบาสตีย์ (Bastille) ปืนใหญ่จากอยุทธยาทั้ง ๒ กระบอกนี้เป็นหนึ่งในอาวุธที่ถูกนำออกมาจากคลังแสงและใช้ทำลายประตูคุกด้วย
.
ในหนังสือประวัติศาสตร์เรื่อง "The French Revolution" เล่ม ๕ ตอนที่ ๖ ของ ทอมัส คาร์ลีลย์ (Thomas Carlyle) ได้มีการกล่าวถึงปืนใหญ่ทั้ง
 ๒ กระบอกนี้ว่า

"เห็นฌอร์เฌต์ (Georget) นายทหารเรือที่เพิ่งมาจากเมืองแบรสต์กำลังสาละวนอยู่กับปืนใหญ่ของพระเจ้ากรุงสยาม...เมื่อคืน ฌอร์เฌต์ได้ไปพักผ่อนในห้องพักของเขา ปืนใหญ่ของพระเจ้ากรุงสยามก็ถูกนำไปตั้งพักไว้ด้วยกัน โดยช่วงเวลาร้อยกว่าปีที่ผ่านมาไม่ได้รับรู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย แต่บัดนี้ พวกเขาได้มาอยู่ร่วมกันและร่วมขับขานบทเพลง เมื่อได้ยินสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น (การปฏิวัติฝรั่งเศส) ฌอร์เฌต์ได้รีบมาจากเมืองแบรสต์และออกวิ่ง ทหารรักษาพระองค์ฝรั่งเศส (Gardes Françaises) ก็จะมาที่นี้ (บาสตีย์) พร้อมกับปืนใหญ่จริงด้วย "
.
หลังจากนั้นปืนทั้งสองจึงถูกนำกลับไปเป็นรักษาที่แองวาลิด ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์การทหาร (Musée de l'Armée) และเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์อาวุธโบราณที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในฝรั่งเศส  โดยคุณไกรฤกษ์ นานา ได้เดินทางไปสำรวจเมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๗ จึงได้รับคำตอบจากภัณฑารักษ์ (หลายคน) ตอบแบบเดียวกันว่า
“ปืนใหญ่ทั้ง ๒ กระบอกเคยอยู่ที่นี่จริง แต่ได้ถูกเคลื่อนย้ายออกไปอยู่ในห้องเก็บของมีค่าที่ไม่อนุญาตให้คนนอกเข้าชมแล้ว และก็ไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหนในเวลานี้”
.
ดูเหมือนปืนใหญ่ทั้งสองกระบอกจะหายสาบสูญไปแล้ว แต่ความเป็นจริงอาจไม่ได้เป็นเช่นนั้น เนื่องจากปืนใหญ่ ๑ ใน ๒ กระบอกนั้นได้ถูกนำมาจัดแสดงในนิทรรศการ "Visitors to Versailles 1682-1789" ที่พระราชวังแวร์ซายส์ ประเทศฝรั่งเศสแล้วในเวลานี้
.
จากการศึกษาของ Antoine Leduc พบว่าปืนใหญ่กระบอกที่นำมาจัดแสดงนี้ เดิมเก็บรักษาไว้ที่ Garde-Meuble de la Couronne ซึ่งเป็นท้องพระคลังหลวงของราชสำนักฝรั่งเศส ซึ่งปัจจุบันคือ ออเตล เดอ ลา มารีน (Hôtel de la Marine) ที่จุตรัสปลาส เดอ ลา กงกอร์ด (Place de la Concorde) ซึ่งก็ปรากฏในเอกสารฝรั่งเศสระบุตรงกัน

ก่อนที่จะถูกชาวปารีสบุกเอาออกมาในวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ค.ศ. ๑๗๘๙ และนำไปใช้ยิงคุกบาสตีย์ในวันถัดมา

หลังจากนั้นจึงถูกนำไปเก็บรักษาที่แองวาลิดซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ปืนใหญ่ (musée d’Artillerie) ในเวลานั้น (ต่างจาก ไกรฤกษ์ นานา ที่ระบุว่าอยู่ที่แองวาลิดตั้งแต่แรก ซึ่งอาจมีความเข้าใจผิดในเรื่องสถานที่) 

จนถึงฤดูร้อน ค.ศ. ๑๘๑๕ (พ.ศ. ๒๓๕๘) กองทัพปรัสเซียและอังกฤษบุกโจมตีกรุงปารีสและได้นำปืนใหญ่ทั้งสองกระบอกออกมาจากแองวาลิด โดยกระบอกหนึ่งถูกขนย้ายไปอยู่ที่ประเทศอังกฤษซึ่ง Antoine Leduc ได้ค้นพบเมื่อเดือนมีนาคม ค.ศ. ๒๐๑๔ (พ.ศ. ๒๕๕๗) ที่พิพิธภัณฑ์ปืนใหญ่หลวง (Royal Artillery Museum) เมืองลาร์คฮิลล์ (Larkhill) แคว้นวิล์ทไชร์ (Wiltshire) สหราชอาณาจักร ซึ่งปัจจุบันปิดทำการแล้ว จึงได้นำมาจัดแสดงที่แวร์ซายส์ในปัจจุบัน

ส่วนปืนอีกกระบอกยังหาไม่พบ แต่เชื่อไม่น่ายากเกินความพยายามครับ
.
เมื่อพิจารณาจากปืนใหญ่ที่นำมาจัดแสดง พบแต่ส่วนกระบอกปืน ส่วนฐานติดล้อหายไป ตัวกระบอกทำจากโลหะประดับลายคร่ำเงินแบบไทยตรงกับรายการเครื่องบรรณาการ จึงน่าเชื่อได้ว่าปืนกระบอกนี้ก็คือปืนใหญ่ที่สมเด็จพระนารายณ์พระราชทานมาให้พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ นั่นเอง

สำหรับผู้ที่อยากไปชมปืนใหญ่กระบอกนี้ของจริง จะจัดแสดงอยู่ที่นิทรรศการในแวร์ซายส์จนถึงวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ปีหน้า แล้วจะถูกย้ายไปจัดแสดงที่ พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทัน (Metropolitan Museum of Art) เมืองนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกาครับ

-----------------------------------------------------
เอกสารอ้างอิง
- ไกรฤกษ์ นานา. ปืนใหญ่พระนารายณ์ใช้ยิงป้อมบาสตีย์. ศิลปวัฒนธรรม ฉบับ ธันวาคม ๒๕๕๗
- ประชุมพงศาวดารภาคที่ ๔๖ เรื่องจดหมายเหตุของคณะพ่อค้าฝรั่งเศส ซึ่งเข้ามาตั้งครั้งกรุงศรีอยุธยา ตอนแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ภาคที่ ๖ นายพันโท หลวงเวชยันต์รังสฤต (มุนี มหาสันทนะ) พิมพ์ในงานปลงศพสนองคุณ นางแย้ม ภรรยาหมื่นพรหมวรานุรักษ์ กันนางสาวเยื้อน มหาสันทนะ เมื่อปีมะโรง พ.ศ.๒๔๗๑
- Sewell, C. A. Seymour. Notes on Some Old Siamese Guns. JSS, 15, 1 (1922) 5.
- https://www.facebook.com/antoine.leduc.5/posts/10212548254495021
.
ภาพประกอบ : ปืนใหญ่ของสมเด็จพระนารายณ์ซึ่งจัดแสดงอยู่ใน "Visitors to Versailles 1682-1789"  ที่พระราชวังแวร์ซายส์ ประเทศฝรั่งเศส
ที่มาภาพ : https://www.facebook.com/parismatch.fr/videos/10155817572592329/

-----------------------------------------------------
หมายเหตุ : บทความทั้งหมดเรียบเรียงโดยผู้ดูแลเพจวิพากษ์ประวัติศาสตร์ ผู้ดูแลเพจขอสงวนสิทธิไม่อนุญาตให้นำข้อมูลที่เผยแพร่ในเพจไปแก้ไข คัดลอก ดัดแปลง ทำซ้ำ เผยแพร่ต่อ และห้ามนำไปแสวงหาผลกำไรทางพาณิชย์โดยเด็ดขาด หากมีความประสงค์จะขอบทความของเพจวิพากษ์ประวัติศาสตร์ไปเผยแพร่ต่อด้วยวิธีการใดๆ ก็ตามต้องได้รับการยินยอมจากผู้ดูแลเพจวิพากษ์ประวัติศาสตร์ในทุกกรณี ยกเว้นแต่การแชร์ (share) ในเฟสบุ๊คที่สามารถกระทำได้โดยไม่ต้องขออนุญาต

.



.



« Last Edit: 20 November 2025, 20:28:07 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 11,351


View Profile
« Reply #2 on: 20 November 2025, 20:29:28 »


Antoine Leduc
22 ตุลาคม 2017
 ·
Il est en fer forgé, recouvert d'un décor de feuilles d'argent.
— ที่ Château de Versailles
https://www.facebook.com/chateauversailles



.

Antoine Leduc
22 ตุลาคม 2017
 ·
L'affût, malheureusement disparu, était en bois noir et toutes les ferrures étaient en argent.
— ที่ Château de Versailles



.

Antoine Leduc
22 ตุลาคม 2017
 ·
Je ne désespère pas retrouver son frère jumeau... C'est nettement plus facile, maintenant que l'on sait à quoi il ressemble



.

Antoine Leduc
22 ตุลาคม 2017
 ·
Particulièrement remarqués parmi tous les présents offerts à Louis XIV, les canons apparaissent sur la gravure de l'Almanach royal de la même année.
Le dessin original est présenté dans l'exposition.



.

Antoine Leduc
22 ตุลาคม 2017
 ·
L'ambassadeur du Siam est particulièrement reconnaissable grâce à son chapeau pointu.



.




Logged
Pages: [1] Go Up Print 
« previous next »
 

SMF 2.0.4 | SMF © 2013, Simple Machines | Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.066 seconds with 17 queries.