Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
User Info
Welcome, Guest. Please login or register.
01 November 2025, 06:23:56

Login with username, password and session length
Search:     Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ

http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
28,303 Posts in 13,871 Topics by 70 Members
Latest Member: KAN
Home Help Search Calendar Login Register
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...  |  เรื่องราวน่าอ่าน  |  นวนิยายที่น่าอ่านอย่างยิ่ง (Moderators: LAMBERG, moowarn)  |  นวนิยายเรื่อง ศัตรูของเจ้าหล่อน บทประพันธ์ของ ดอกไม้สด ตอนที่ 1-2
0 Members and 1 Guest are viewing this topic. « previous next »
Pages: [1] Go Down Print
Author Topic: นวนิยายเรื่อง ศัตรูของเจ้าหล่อน บทประพันธ์ของ ดอกไม้สด ตอนที่ 1-2  (Read 76 times)
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 11,133


View Profile
« on: 28 October 2025, 17:11:42 »

นวนิยายเรื่อง ศัตรูของเจ้าหล่อน บทประพันธ์ของ ดอกไม้สด ตอนที่ 1-2


https://vajirayana.org/

https://vajirayana.org/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A0%E0%B8%97/%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A2
https://vajirayana.org/ประเภท/นวนิยาย

https://vajirayana.org/%E0%B8%A8%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99
https://vajirayana.org/ศัตรูของเจ้าหล่อน

ศัตรูของเจ้าหล่อน ดอกไม้สด

..

นวนิยายเรื่อง ศัตรูของเจ้าหล่อน บทประพันธ์ของ ดอกไม้สด




ศัตรูของเจ้าหล่อน


คำนำ

ด้วยเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๔ นางสุนทรี ชมธวัช ทายาทลิขสิทธิ์หนังสือนวนิยายและเรื่องสั้นของ หม่อมหลวงบุบผา นิมมานเหมินท์ ผู้ใช้นามปากกาว่า “ดอกไม้สด” ได้มีใจเอื้อเฟื้อแก่ราชการ และได้มอบลิขสิทธิ์หนังสือนวนิยายและเรื่องสั้นของ “ดอกไม้สด” ให้แก่หอสมุดแห่งชาติ เพื่อให้หอสมุดแห่งชาติได้มีรายได้ อันจะได้นำไปใช้สอยในกิจการต่าง ๆ เป็นการบำรุงหอสมุดแห่งชาติ ให้เป็นประโยชน์ในการศึกษาหาความรู้ของประชาชนมากยิ่งขึ้น

การที่เอกชนมีจิตศรัทธาในงานสาธารณประโยชน์ และให้ความร่วมมือแก่ทางราชการ โดยการบริจาคทรัพย์สิ่งของเพื่อให้งานสาธารณประโยชน์ดำเนินไปด้วยดีนั้น นับว่าเป็นการเสียสละเพื่อส่วนรวม​ที่น่าสรรเสริญ การให้ความรู้เป็นวิทยาทาน เป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของไทยเรา และเป็นการกระทำที่แสดงให้เห็นความนิยมในคุณค่าของวิทยาการ ตลอดจนความปรารถนาที่จะให้ผู้อื่นมีความรู้ในวิชาต่างๆ ซึ่งเป็นความปรารถนาที่ดี และมีส่วนช่วยในการทะนุบำรุง สติปัญญา และความคิดของแต่ละคน ซึ่งจะมีผลส่งถึงส่วนรวมด้วย

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้มีหอพระสมุดวชิรญาณสำหรับพระนครขึ้น เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๘ และได้พระราชทานหอพระสมุดวชิรญาณซึ่งเป็นของส่วนพระองค์และพระบรมวงศานุวงศ์ ให้เป็นส่วนหนึ่งของหอพระสมุดวชิรญาณสำหรับพระนคร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ราษฎรทั้งหลายได้มีโอกาสอ่านหนังสือใน​หอพระสมุด ซึ่งหลังจากเปลี่ยนการปกครองแล้ว ได้เปลี่ยนชื่อเป็นหอสมุดแห่งชาติ สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ดำเนินการโดยเสด็จพระราชประสงค์ เป็นแหล่งวิทยาการสำหรับประชาชนชาวไทย การทะนุบำรุงหอสมุดแห่งชาติด้วยประการใด ๆ ก็นับว่าเป็นการเอื้อต่อวิทยาการของชาวไทยทั้งปวง

กรมศิลปากรมีความยินดีที่ นางสุนทรี ชมธวัช ได้มีจิตศรัทธาต่อวิทยาการ และได้มีความเสียสละอันน่าชมเชยยิ่ง ขอให้ท่านผู้อ่านหนังสือนี้ รำลึกถึงกุศลจิตของผู้บริจาค รำลึกถึง หม่อมหลวงบุบผา นิมมานเหมินท์ ผู้ประพันธ์ ช่วยกันอนุโมทนาขอให้ความดีนี้ช่วยส่งสนองให้ นางสุนทรี ชมธวัช ผู้บริจาคได้ประสบความสุขความเจริญ ให้หม่อมหลวงบุบผา นิมมานเหนินท์ ผู้ล่วงลับไปแล้ว ได้ถึงซึ่งความสงบสุขชั่วนิรันดร.

กรมศิลปากร

.....


คำชี้แจง

นวนิยายของ “ดอกไม้สด” มีอยู่ด้วยกัน ๓๒ เรื่อง เป็นนวนิยายขนาดยาว ๑๒ เรื่อง และเป็นเรื่องสั้นอีก ๒๐ เรื่อง บทละครหนึ่งเรื่อง กับเรื่องยาวซึ่งแต่งไม่จบคือ “วรรณกรรมชิ้นสุดท้าย” นั้น ท่านผู้ประพันธ์แต่งได้เพียงตอนแรก และไม่อาจแต่งต่อไปให้จบได้ เพราะสุขภาพไม่อำนวย

หม่อมหลวงบุบผา นิมมานเหมินท์ (นามสกุลเดิม กุญชร) เจ้าของนามปากกา “ดอกไม้สด” ได้เริ่มงานประพันธ์เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๒ โดยเขียนลงในวารสารไทยเขษม และ เรื่องแรกที่แต่งคือเรื่องศัตรูของเจ้าหล่อน รวมเล่มพิมพ์ครั้งแรกโดย กองอาสากาชาด ขออนุญาตพิมพ์จำหน่ายเพื่อการกุศล และต่อมาได้ตีพิมพ์อีกหลายครั้ง เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๕ “ดอกไม้สด” ได้เขียนไว้ในคำนำฉบับที่ตีพิมพ์ครั้งนั้นว่า เคยคิดอยากจะแก้ไขเพราะได้เห็นความบกพร่อง​หลายอย่าง แต่เมื่อตรวจดูแล้วก็เห็นว่าที่จะแก้ไขมีมาก จนถึงกับจะเป็นการเขียนใหม่หมด จะไม่มีเรื่อง “ศัตรูของเจ้าหล่อน” อย่างเดิมอีกต่อไป จึงไม่ได้แก้ไข นับว่าเป็นโชคดีที่ท่านผู้อ่านจะได้เห็นวิวัฒนาการในการแต่งนวนิยายของ “ดอกไม้สด” มาตามลำดับ นวนิยายเรื่องแรกนี้คิดอายุก็ได้ ๔๔ ปีแล้ว ถ้อยคำ สำนวน ความคิด ความนิยม หลายอย่างได้เปลี่ยนไป เรื่องศัตรูของเจ้าหล่อน เป็นเสมือนบันทึกเหตุการณ์ในอดีต การที่ยังมีผู้นิยมอ่านมาจนทุกวันนี้ แสดงให้เห็นว่ายังมีหลายอย่างในเรื่องนี้ ที่จะเป็นกาลปัจจุบันอยู่ตลอดไป กาลเวลาเป็นอย่างหนึ่งซึ่งใช้ยืนยันได้ว่า คุณค่าของบทประพันธ์จะยืนยงหรือไม่เพียงไร

นวนิยายเป็นการประพันธ์ ซึ่งนับว่าเรารับมาจากต่างประเทศในยุครัตนโกสินทร์ ตอนที่มีการ ติดต่อกับประเทศในยุโรปมากขึ้น อย่างน้อยเราก็รับเอาชื่อของการประพันธ์แบบนี้ ที่เรียกในภาษาอังกฤษ​ว่า NOVEL แล้วก็มีผู้แปลเป็นไทยว่า นวนิยาย เป็นนิยายแบบใหม่ ต่างกับเรื่องนิยายหรือนิทานคำกลอนที่เราเคยนิยมกันมาแต่ก่อน ซึ่งเขียนเป็นคำกลอน ตัวละครเป็นคนในอดีต และส่วนมากเป็นท้าวพระยา มหากษัตริย์ ชีวิตอยู่ในอำนาจของความลี้ลับเหนือมนุษย์ต่าง ๆ กฏเกณฑ์ของการเขียนที่กำหนดไว้ สำหรับนักวิจารณ์พิจารณานวนิยายว่า จะต้องมีองค์ประกอบ ๕ ประการ คือ ตัวละคร ฉาก บทสนทนา โครงเรื่อง และเนื้อหา อย่างไรก็ดีถ้าจะมองให้ลึกลงไปแล้ว นิยายคำกลอนแต่ก่อนเก่าของเรา และนวนิยายอันขึ้นชื่อว่าได้มาแต่ฝรั่ง ก็มีพื้นฐานอันเดียวกัน คือ ชีวิตมนุษย์ เรื่องราวของปุถุชน ซึ่งมนุษย์ด้วยกันอยากรู้อยากเห็นหนักหนา นวนิยายจึงเป็นที่นิยมของคนไทยอย่างรวดเร็ว

“ดอกไม้สด” มีผลงานปรากฏแก่ผู้อ่านเป็นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๒ อันเป็นระยะที่วงการ​ประพันธ์ไทย กำลังสมัยใหม่ยิ่ง บทประพันธ์ของท่านจึงทันกาลเวลา สำหรับสังคมของหนุ่มสาวสมัยใหม่ในเมืองหลวงขณะนั้นและคงอยู่ตลอดมา เนื่องจากว่าดอกไม้สดเขียนนวนิยายโดยมีกฎเกณฑ์ ซึ่งท่านได้นำออกมาใช้อย่างสม่ำเสมอกันเกือบทุกเรื่อง เป็นต้นว่าศึกษาอุปนิสัยตัวละคร (จากคนจริง) ให้ถ่องแท้เสียก่อนแล้วจึงสร้างเรื่อง สำรวมในการแสดงความรู้สึก มัธยัสถ์ในการใช้ถ้อยคำและผูกเรื่องราว จนแทบจะกล่าวได้ว่าถ้าตัดคำใด และเนื้อเรื่องตอนไหนออกเสียแล้ว ถึงจะไม่ล้มทั้งเรื่องก็จะเสียรส ดังนั้น ถึงแม้ว่าขณะนี้รสนิยมของคนรุ่นปัจจุบันจะเปลี่ยนไปบ้าง แต่นวนิยายของดอกไม้สดก็ยังอาจให้ความพอใจแก่ผู้อ่านในด้านความบันเทิง ความคิด ความงดงาม และความละเมียดละไมแห่งความรู้สึกอยู่เสมอ

การที่สำนักพิมพ์ถึงสามแห่ง ขออนุญาตพิมพ์นวนิยายของดอกไม้สดพร้อม ๆ กันนี้ ย่อมเป็นเครื่อง​วัดได้ว่า ความนิยมอ่านหนังสือของดอกไม้สดยังมีอยู่มาก เป็นที่น่ายินดีและภูมิใจ ที่หอสมุดแห่งชาติ ได้รับมรดกวรรณกรรมของดอกไม้สดผู้ล่วงลับไปแล้ว น่าภูมิใจที่เราได้มีนักประพันธ์อย่างท่าน ผู้ซึ่งสร้างงานด้วยความประณีต มีความปรารถนาจะให้แนวทางที่ดีแก่ผู้อ่าน ทั้งเป็นผู้ซึ่งเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม การที่หอสมุดแห่งชาติได้รับมรดกลิขสิทธิ์ในงานประพันธ์ของท่าน ก็เพราะว่าเป็นความปรารถนาอย่างหนึ่งของท่าน ในการที่จะทำประโยชน์ให้แก่สังคม

การที่คุณสุนทรี ชมธวัช ทายาทลิขสิทธิ์ในวรรณกรรมของดอกไม้สด ได้ยกลิขสิทธิ์อันจะเกิดผลประโยชน์ให้แก่หอสมุดแห่งชาตินั้น นับว่าเป็นการเสียสละที่น่าสรรเสริญ จึงขออนุโมทนาในการกุศล และขอขอบคุณคุณสมภพ จันทรประภา ที่ได้ช่วยเหลือแนะนำให้หอสมุดแห่งชาติ ได้รับลิขสิทธิ์ไว้

ดอกไม้สด ได้เขียนไว้ในคำอุทิศของหนังสือ เรื่อง “ศัตรูของเจ้าหล่อน” ซึ่งกองอาสากาชาด​ขอตีพิมพ์จำหน่ายเพื่อการกุศล เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๗ ตอนหนึ่งว่า “ข้าพเจ้าขอเชิญชวนเพื่อนพุทธศาสนิกทั้งหลาย เชิญร่วมงานเมตตากรณียกิจกับกองอาสากาชาด เชิญตั้งจิตมั่นในแมตตาอธิษฐานตามเยี่ยงอย่างแห่งบูรพชนของเรา สัตว์โลกทั้งหลายจะเป็นผู้ไม่มีเวร สัตว์โลกทั้งหลายจงอย่าเบียดเบียนซึ่งกันและกัน สัตว์โลกทั้งหลายจงอย่าเป็นไข้ใจ สัตว์โลกทั้งหลายจงพ้นจากทุกข์ สัตว์โลกทั้งหลายจงอยู่เป็นสุขรักษาตน สัตว์โลกทั้งหลายจงอย่าพ้นจากสมบัติอันตนได้แล้ว และขอสันติภาพจงบังเกิดแก่สัตว์โลกทั่วพิภพเทอญ”

ขอสันติสุขจงบังเกิดแก่วิญญาณของ “ดอกไม้สด” ชั่วนิรันดร

แม้นมาส ชวลิต

หอสมุดแห่งชาติ

๗ มีนาคม ๒๕๑๖

.....


คำนำ (ในการพิมพ์ครั้งแรก)

คำนำดูออกจะเป็นการจำเป็นยิ่งที่ผู้เขียนเรื่องจะต้องเขียนคำนำ เพื่อออกตัวบ้าง เพื่ออธิบายเหตุผลบ้าง เพื่อขออภัยโทษในเรื่องชื่อและตำบลบ้าง หรือแจ้งให้ผู้อ่านทราบล่วงหน้าว่าเรื่องไปข้างโลดโผนหรือรัก หรืออะไรก็ตาม บางท่านเห็นว่าเมื่อได้อ่านคำนำของผู้เขียนแล้ว ก็เดาได้ทันทีว่าผู้เขียนคนนั้น ๆ มีภูมิรู้เพียงใด บางท่านก็เห็นว่าอ่านหนังสือที่ไม่มีคำนำนั้น เปรียบเหมือนซดแกงที่ขาดน้ำปลาดี ด้วยเหตุผลดังที่กล่าวแล้ว ข้าพเจ้า (ผู้เขียนเรื่อง) จึงจำเขียนคำนำหน้านี้ หวัง (โดยไม่กล้าคิดจะเป็นจริง) ว่า คำนำของข้าพเจ้าจะทำให้ท่านเดาว่า ข้าพเจ้ามีภูมิรู้ในเชิงประพันธ์เรื่องพออ่านออกรส ข้าพเจ้าไม่กล้ากล่าวล่วงหน้าว่า เรื่อง “ศัตรูของเจ้าหล่อน” นี้จะสนุกสนานโลดโผน​หรือเลวทรามเพียงใด ผู้เขียนย่อมไม่รู้สึกว่าเรื่องที่ตนเขียนนั้นดีหรือเลว นอกจากจะได้ยินกล่าวติหรือชม ข้อนี้ข้าพเจ้าเชื่อแน่วแน่ว่าเป็นจริง แต่อย่างไรก็ดี ข้าพเจ้าหาญที่จะเรียนท่านที่เคารพว่า ข้าพเจ้าเขียนเรื่องนี้โดยอาศัยอุปนิสัยที่ข้าพเจ้าเคยเห็นเคยได้ยิน และเคยเรียนจากบุคคลที่ข้าพเจ้าเคยพบมาเป็นหลัก เมื่อพูดมาเพียงแค่นี้บางทีท่านจะคะเนล่วงหน้าได้แล้วกระมังว่า ท่านจะชอบเรื่องของข้าพเจ้าหรือไม่

ในท้ายแห่งอารัมภกถานี้ ข้าพเจ้าภาวนาให้ท่าน (ผู้อ่านเรื่องนี้) มารู้จักข้าพเจ้าโดยท่านไม่ทราบว่า ข้าพเจ้าใช้นามปากกาว่า “ดอกไม้สด” แล้วและความเห็นของท่านจะเป็นประโยชน์แก่ข้าพเจ้าอย่างยิ่งยวด และข้าพเจ้าจะได้มีโอกาสขอรับประทานอภัยโทษจากท่านสำหรับความอ่อนหัดด้วย

โดยความเคารพ

“ดอกไม้สด”

๒. ๓. ๗๒

.....


คำแถลงของผู้ประพันธ์

​เรื่อง “ศัตรูของเจ้าหล่อน” นี้ เป็นนวนิยายเรื่องแรกที่ข้าพเจ้าได้แต่งขึ้น และได้ตีพิมพ์เป็นครั้งแรกในหนังสือพิมพ์ไทยเขษมรายเดือน ระหว่างมิถุนายนถึงกันยายน แห่งพุทธศักราช ๒๔๗๒ ในปี พ.ศ. ๒๔๘๗ กองอาสากาชาดได้จัดพิมพ์เป็นเล่มจำหน่ายในงานสโมสรสันนิบาต ที่อุทยานสราญรมย์ โดยที่ข้าพเจ้ามิได้แก้ไขให้ผิดจากต้นฉบับเดิมแต่อย่างใดเลย ดังปรากฏในคำชี้แจงของกองอาสากาชาด และในคำอุทิศของข้าพเจ้าเองที่ได้ตีพิมพ์ไว้ในเบื้องต้นแห่งหนังสือเล่มนี้แล้ว เมื่อข้าพเจ้าตกลงให้สำนักพิมพ์หอวิทยาการ ตีพิมพ์เรื่องนี้ออกจำหน่ายอีกนั้น ข้าพเจ้ามีความหวังอยู่ว่าจะแก้ไขสำนวนโวหารในเรื่อง รวมทั้งวิธีดำเนินท้องเรื่องให้รัดกุมเหมาะเจาะขึ้นกว่าเก่าได้ แต่ครั้นได้ตรวจเข้าแล้วปรากฏว่าความบกพร่องเกี่ยวกับท้องเรื่องนั้นเป็นสิ่งแก้ไม่​ไหว หมายความว่าถ้าจะแก้ ก็จะต้องเขียนใหม่หมดทั้งเรื่องก็เท่ากับข้าพเจ้าแต่งหนังสือเรื่องใหม่โดยใช้เค้าโครงเรื่องเก่านั่นเอง แล้วคำที่ว่าเรื่อง ‘ศัตรูของเจ้าหล่อน’ เป็นนวนิยายเรื่องแรกของ “ดอกไม้สด” ก็เป็นอันว่าใช้ไม่ได้ต่อไป ในส่วนที่เกี่ยวกับสำนวนโวหารที่ใดพอแก้ได้ ข้าพเจ้าก็ได้แก้ เพื่อบรรเทาความรำคาญของผู้อ่าน ถึงกระนั้นก็ยังรู้สึกว่า ‘ลุ่ม ๆ ดอน ๆ’ อยู่มาก โดยเฉพาะในบางแห่งที่เกี่ยวกับความหนักเบาของ ‘คำ’ ด้วยเหตุผลดังที่ข้าพเจ้าได้กล่าวชี้แจงมาแล้ว จึงจำต้องขออภัยแก่ท่านผู้อ่านสำหรับความบกพร่องของหนังสือที่กำลังอยู่ในมือท่านบัดนี้ด้วย

“ดอกไม้สด”

๑๓ พฤศจิกายน ๒๔๙๔

.....


อาสากาชาด สภากาชาดไทย

​กองอาสากาชาดมีความปรารถนาที่จะได้เงินจำนวนหนึ่งสำหรับไว้ใช้จ่ายในการช่วยผู้ประสบภัยทางอากาศ และในการกุศลสาธารณสงเคราะห์อย่างอื่น จึงได้มอบให้คณะกรรมการสโมสรอาสากาชาดพิจารณาในเรื่องนี้ คณะกรรมการนั้นเสนอให้จัดงานสโมสรสันนิบาตขึ้นที่อุทยานสราญรมย์ และเพื่อเป็นที่ระลึกในโอกาสนี้ กับทั้งจะได้มีรายได้เพิ่มขึ้นอีกบ้าง เห็นควรให้พิมพ์หนังสือนวนิยายจำหน่ายด้วยสักเรื่องหนึ่ง

กองอาสากาชาดเห็นชอบด้วย จึงได้แจ้งความดำริเพื่อการกุศลสาธารณสงเคราะห์ครั้งนี้ไปยัง “ดอกไม้สด” นักประพันธ์ผู้มีชื่อคนหนึ่งในประเทศไทย และขอความร่วมมือจากท่านผู้นี้ “ดอกไม้สด” รับสนองคำบอกบุญด้วยความยินดี ที่ได้มีส่วนช่วย​องค์การกุศล และมอบเรื่อง “ศัตรูของเจ้าหล่อน” ซึ่งยังไม่เคยได้รวมพิมพ์เป็นเล่ม ให้แก่กองอาสากาชาด

เรื่อง “ศัตรูของเจ้าหล่อน” เป็นเรื่องแรกที่สร้างชื่อเสียงให้แก่ “ดอกไม้สด” ผู้อ่านจะมองเห็นภาพต่างๆ ในสมัยปี พ.ศ. ๒๔๗๒ ได้เป็นอย่างดี จากหนังสือเรื่องนี้ เมื่อ “ดอกไม้สด” มอบต้นฉบับเรื่อง “ศัตรูของเจ้าหล่อน” ให้แก่กองอาสากาชาด ได้ปรารภมาด้วยว่าหนังสือนี้เขียนนานแล้ว ใคร่จะแก้ไขเพิ่มเติมบ้าง เพื่อให้เข้ากับสมัยปัจจุบัน แต่กองอาสากาชาดขอให้คงไว้ตามรูปเดิม เพื่อรักษาสำนวนการประพันธ์ของ “ดอกไม้สด” ในก่อนเริ่มแรกไว้ และเพื่อให้ผู้อ่านได้เห็นสภาพความเป็นอยู่ของคนบางจำพวก ประกอบกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ซึ่งอาจจะเป็นจริงได้ในครั้งนั้น

ในส่วนการจัดพิมพ์หนังสือเรื่องนี้ กองอาสากาชาดได้บอกบุญไปยัง นายอุดม ชาตบุตร เจ้าของ​สำนักพิมพ์ “อุดม” ซึ่งก็ได้รับความช่วยเหลือจัดการให้โดยตลอดตั้งแต่การเริ่มดำเนินงานและการพิมพ์ ตลอดจนการจำหน่าย โดยมิได้คิดมูลค่าแต่อย่างใด

กองอาสากาชาดขอถือโอกาสนี้แสดงความขอบคุณและอนุโมทนาในกุศลเจตนาของบรรดาท่านผู้ได้มีส่วนช่วยเหลืออุปการะให้การพิมพ์หนังสือเรื่องนี้สำเร็จรูปลุล่วงไปด้วยความสะดวกและรวดเร็วทันความประสงค์ โดยเฉพาะ “ดอกไม้สด” ผู้ให้บทประพันธ์ และนายอุดม ชาตบุตร ผู้ดำเนินการพิมพ์และจำหน่าย

ขอให้ผู้ช่วยเหลืออุปการะดังกล่าวแล้วและผู้สนับสนุนในการซื้อหนังสือเรื่องนี้ ในฐานะที่ได้ประกอบกุศลกรรมร่วมกับกองอาสากาชาด จงได้รับผลสนองให้ประสบแต่สรรพสิริสวัสดิพัฒนมงคล แคล้วคลาดนิราศพ้นภยันตรายทุกประการ

กองอาสากาชาด สภากาชาดไทย

๓ พฤศจิกายน ๒๔๘๗

.....


คำอุทิศ
​เมื่อได้ทราบว่ากองอาสากาชาดต้องการจะได้เรื่องที่ข้าพเจ้าแต่งออกตีพิมพ์จำหน่าย เก็บผลกำไรเพื่อการสาธารณสงเคราะห์ ข้าพเจ้ารู้สึกว่าตัวเคราะห์ร้ายหนักยิ่ง ในการที่กำลังเจ็บถึงขีดที่ไม่สามารถจะฝืนตัวขึ้นเขียนเรื่องใหม่ ให้แก่กองอาสากาชาดได้ ข้าพเจ้าไม่อาจจะตัดใจสละเสียซึ่งโอกาสอันประเสริฐ ที่จะได้ร่วมมือกับกองอาสากาชาดในการบำเพ็ญกุศลสาธารณสงเคราะห์ครั้งนี้ จึงได้ตกลงให้กองอาสากาชาดตีพิมพ์เรื่อง “ศัตรูของเจ้าหล่อน” ออกจำหน่ายตามที่กองอาสากาชาดขอมา

ด้วยเหตุผลบางประการ ซึ่งมีความไข้ของข้าพเจ้าและความจำกัดแห่งเวลาเป็นเครื่องประกอบและสนับสนุน ข้าพเจ้ามิได้แก้ไข้ตัดเติมเรื่องซึ่งได้แต่งและพิมพ์เป็นครั้งแรกเมื่อ ๑๕ ปีก่อน ฉะนั้น ถ้า​ท่านผู้อ่านได้พบสิ่งที่ “เกินขัน” หรือชวนให้รำคาญอยู่ในเรื่อง โปรดระลึกว่าท่านได้บริจาคทรัพย์ของท่านออกไปเพื่อการสาธารณกุศล.... ถ้าท่านได้รับความบันเทิง พึงระลึกว่าผลแห่งการบริจาคของท่านมาปรากฏให้เห็นทันตา

“มารดาถนอมบุตรผู้เกิดในตน อันเป็นลูกเอกด้วยอายุ แม้ชีวิตก็สละรักษาบุตรได้ฉันใด พึงเจริญเมตตาไม่มีประมาณในสัตว์ทั้งหลาย ทั้งปวง แม้ฉันนั้น” นี้เป็นมติอันหนึ่งในแนวแห่งพุทธศาสนา งานของกองอาสากาชาดตั้งขึ้นและเป็นไปด้วยมตินี้ และพระบรมศาสดาแห่งพุทธศาสนิกได้ตรัสอานิสงส์แห่งเมตตาจิตไว้ว่า “ไฟก็ดี สิ่งที่มีพิษก็ดี ศัตราวุธก็ดี ย่อมไม่ทำร้าย” ข้าพเจ้าขอเชิญชวนเพื่อนพุทธศาสนิกทั้งหลาย เชิญร่วมงานเมตตากรณียกิจกับกองอาสากาชาด เชิญตั้งจิตมั่นในเมตตาอธิษฐาน ตามเยี่ยงอย่างแห่งบุรพชนของเราสัตว์โลกทั้งหลาย​จะเป็นผู้ไม่มีเวร สัตว์โลกทั้งหลายจงอย่าเบียดเบียนซึ่งกันและกัน สัตว์โลกทั้งหลายจงอย่าเป็นไข้ใจ สัตว์โลกทั้งหลายจงพ้นจากทุกข์ สัตว์โลกทั้งหลายจงอยู่เป็นสุขรักษาตน สัตว์โลกทั้งหลายจงอย่าพ้นจากสมบัติอันตนได้แล้ว และ

ขอสันติภาพจงบังเกิดแก่สัตว์โลกทั่วพิภพเทอญ

“ดอกไม้สด”

วันที่ ๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๗

.....




Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 11,133


View Profile
« Reply #1 on: 28 October 2025, 17:15:11 »




​พอพระยาบำรุงประชากิจ นอกราชการกระทรวงมหาดไทย อ่านจดหมายจบ ก็พอดีประตูหลังเปิดออกแต่เบา ๆ ชายหนุ่มร่างสูงโผล่เข้ามา

“อ้อ ประสงค์มาแล้ว! พอนึกจะเรียกก็โผล่ทีเดียว” เจ้าคุณว่าพลางจับแว่นตาให้เลื่อนมาอยู่ปลายจมูก

บุตรชายไม่ตอบว่ากระไร นั่งลงบนเก้าอี้ตรงหน้าบิดา ใช้ดวงตาดำใหญ่มองดูท่านเป็นทีถาม

​“จดหมายของพ่อตาในอนาคตเจ้ายังไงล่ะ อ่านเอาเอง เอ้า”

ประสงค์รับจดหมายมาคลี่อ่าน มีใจความดังนี้

                                                         ถนนวิทยุ

                          วันที่

ญาติและเพื่อนที่รัก

จดหมายของเธอลงวันที่...........นั้น ได้รับแล้ว ขอบใจมาก เนื้อความที่เธอเขียนกล่าวถึงเจ้าหลานชายนั้น ทำให้ฉันละอายจนแทบจะเขียนจดหมายนี้ไม่ได้ เหตุว่านังลูกสาวหัวรั้นของฉัน มันไม่มีใจเหมือนกับพ่อประสงค์เสียเลย ดูเหมือนมันไม่เคยรู้เรื่องการหมั้น ซึ่งฉันเองก็จำไม่ได้ว่าเคยบอกกับมันหรือเปล่า ตั้งแต่มันรู้ความขึ้นนี้ พอฉันพูดขึ้นมันปั้นหน้ายักษ์ใส่ทันที หาว่า​บังคับคลุมถุงชนอะไรต่ออะไรต่าง ๆ จะขู่ปลอบเท่าไรก็ไม่ฟัง บอกว่าถ้าขืนบังคับให้แต่งงานกับผู้ที่มันไม่รักมันเป็นยอมตาย ฉันก็จนปัญญา การที่จะกำหนดการแต่งงานดังที่เธอขอมานั้นยังเป็นไปไม่ได้ อีลูกคนนี้ยายมันเป็นอเมริกันแท้ ๆ ฉันก็ออกจะคร้ามโรคหัวดื้อของมัน ครั้นจะผัดผ่อนให้ยืดยาวต่อไป ก็ออกจะมิยุติธรรมกับหลานชายซึ่งมีอายุ ๒๘ ปีแล้ว เพราะฉะนั้น ฉันอนุญาตให้พ่อประสงค์เป็นอิสระ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป แต่สำหรับมยุรีนั้นแน่ละ มันต้องแต่งงานกับใครมิได้ นอกจากจะได้รับอนุญาตจากคู่หมั้น....

ประสงค์หยุดอ่าน ทอดสายตาคมฉาบมีความน้อยใจระคนด้วยความรักอย่างลึกซึ้งไปตรงหน้า พระยาบำรุงฯ มองดูหน้าบุตรชายนิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้ว​ลุกขึ้นไปยืนข้างหลังเขา ใช้มือตบบ่าเป็นเชิงเล้าโลม ท่านพูดว่า

“เห็นละว่า เจ้ามีความรักต่อเขาข้างเดียว แต่พ่อเห็นว่าการที่เจ้าจะทำใจให้เศร้าโศกเพราะเด็กแก่นคนนั้นน่ะไม่ควร มีรูปร่างตระกูลความประพฤติและสมบัติอย่างเจ้า อาทิตย์เดียวก็พอจะหาเมียสวย ๆ และดีเลิศได้ เขาไม่รักแล้วจะไปขัดใจทำไม ถอนหมั้นเสียพ่อจะหาให้เจ้าใหม่ ให้ดีกว่านางมยุรีตั้งร้อยส่วน”

ท่านหยุดคอยฟังคำตอบ เมื่อไม่มีจึงพูดต่อไป

“แต่พ่อของเขาเอง เขายังกล้าตีหน้ายักษ์ใส่ อย่างเราถ้าเมื่อได้แต่งงานกันแล้ว เขามิเหยียบคอหักรึ ? ลืมมันเสียเถอะความหลังน่ะ คนอย่างเจ้าไม่ดีพอที่จะคู่ควรกับเขา หา ! หา!”

เมื่อได้ฟังคำพูดของท่าน ใคร ๆ ก็อาจจะรู้ได้​ทันทีว่าท่านแค้นที่ถูกเหยียด ปฏิเสธไม่ยอมแต่งงานกับคู่หมั้น ซึ่งเป็นลูกของผู้มียศและทรัพย์เป็นอเนกประการ คู่หมั้นที่มีรูปงามได้รับการศึกษาวิชาพาณิชยการจากประเทศฝรั่งเศส จบหลักสูตรบริบูรณ์ ! แน่ละท่านต้องฉุน มันเป็นการดูถูกกันโดยตรง ประสงค์ของท่านมิใช่ชายหนุ่มที่ดีทุกประการดอกหรือ เมื่อเขากลับจากนอก ชื่อเขามิได้เป็นชื่อที่ติดปากของสตรีเพศเป็นส่วนมากดอกหรือ ? ส่วนประสงค์ขณะนี้เขาเดาความคิดของบิดาไม่ถูกต้อง หันหน้ามาทางท่านด้วยอาการแช่มช้า เขาจับมือซึ่งแม้ยังมีกล้ามเนื้อแข็งเกร็งอยู่ แต่เนื้อย่นบ้างเล็กน้อยขึ้นบีบอย่างรักใคร่ พลางพูดว่า

“โปรดอย่าเพิ่งลงโทษหล่อนก่อน คุณพ่อครับ มยุรียังมิได้พบหรือรู้จักผมเลย นับแต่เจ้าหล่อน จากกับผมเป็นเวลาสิบปีมาแล้ว ความหลังคงจะ​เลือนจากสมองของหล่อนเสียสิ้น ผมเชื่อว่าหล่อนมิได้ตั้งใจจะดูหมิ่นผม นอกจากเป็นธรรมดาของผู้หญิง ที่ได้รับความอบรมอย่างสมัยใหม่เจี๊ยบในอเมริกา ย่อมถือความอิสระและใจตัวเองเป็นที่ตั้งดังนี้ การที่บิดาจู่ไปบอกว่าได้มัดหล่อนไว้ให้กับชายคนหนึ่ง โดยปราศจากความยินยอมของหล่อน จึงทำให้ความหยิ่งระเบิดขึ้น โปรดรอไปอีกสักหน่อย พอให้หล่อนเรียนรู้ความเป็นไปของเรา ได้พบกับผมเอง แล้วหล่อนคงจะยินยอมเป็นแน่.........”

“เออ! รอ! รอไปเถอะกว่าแม่เจ้าประคุณจะยินยอม ! ยอมกับคู่รักใหม่ของเขาน่ะรึ”

“คุณพ่อหมายความว่าอย่างไร ? ผมไม่เข้าใจ”

“จะหมายความว่ากระไร ก็หมายความว่าเวลานี้ เขาติดพันอยู่กับผู้ชายอีกคนหนึ่งน่ะซี!”

มือของประสงค์ที่จับมือเจ้าคุณอยู่ร่วงลงทัน​ใด เขาหันมาจ้องท่านตาเขม็ง

“โปรดอธิบายให้ตลอดหน่อยครับ” เขาพูดเสียงต่ำ

“เรื่องมันเป็นยังงี้ พ่อได้บอกกับเทศาเขาเล่าว่า เมื่อขึ้นไปกรุงเทพ ฯ นั้นได้แวะไปเยี่ยมฉัตร ได้พบกับลูกสาว เทศาชมเชยว่าสวย แต่เสียดายที่ออกจะเปรี้ยวและดูเหมือนมีตัวอะไรมาตอมเสียแล้ว เพราะเห็นเขาขับรถออกจากบ้านด้วยกัน เทศาไม่รู้ว่ามยุรีเป็นคู่หมั้นของเจ้า ถ้ามิฉะนั้นคงไม่เอาเรื่องนี้มาพูด”

“แต่.......... ทำไมคุณพ่อถึงเพิ่งบอกกับผมล่ะครับ ?”

“เพราะพ่อมั่นใจว่า มันคงไม่ใช่คู่รัก พ่อคิดว่ามยุรีรู้ตัวว่ามีคู่หมั้นแล้ว ไหนเลยจะกล้าทำดังนั้น แต่ครั้นมาได้รับจดหมายนี้....”

ท่านหยุดมองดูบุตรชาย ประสงค์หันหน้า​กลับหยิบจดหมายขึ้นอ่าน คล้ายกับเรื่องที่บิดาเล่านั้นไม่น่าเอาใจใส่ แต่มือทั้งสองสั่นจนเห็นได้ชัด เขาฝืนใจอ่านจดหมายฉบับนั้นจนจบ โดยเข้าใจเรื่องน้อยที่สุด แล้วพับใส่ซองเสียดังเดิม

เวลาที่กล่าวแล้วเป็นเวลา ๑ ล.ท. เศษสองพ่อลูกรับประทานอาหารเสร็จแล้ว ขณะที่บุตรยังนั่งจมเก้าอี้ สูบบุหรี่ปล่อยควันโขมงขึ้นเพดาน ท่านบิดาได้เข้ามาในห้องเขียนหนังสือก็พบจดหมาย ซึ่ง บุรุษไปรษณีย์นำมาส่งไว้ตั้งแต่ ๑๑ ก.ท.

เวลาล่วงไปถึง ๒ นาฬิกาเศษ พระอาทิตย์คล้อยส่องแสงเหลืองจัด ลอดหน้าต่างซึ่งเปิดบานเกล็ดเข้ามาภายในห้อง เจ้าคุณผู้เฒ่าเดินกลับไปกลับมาอยู่ด้วยฝีเท้าเบา ๆ ประสงค์ลุกขึ้นพลางพูดว่า “ผมจะไปดูงานครับ เย็นวันนี้จะเรียนให้คุณพ่อทราบว่าตกลงใจอย่างไร”

งานที่ประสงค์จะไปดูนั้น ห่างจากบ้านที่อยู่​ราว ๗๐ เส้นเศษ ประสงค์สวมกางเกงขี่ม้า ทอบบู๊ต และเสื้อเชิ้ต ม้าที่ขี่สีดำ เขาหย่อนบังเหียนปล่อยให้มันวิ่งเหยาะ ๆ ไปตามสบาย ความร้อนใจทำให้ลืมร้อนตัว นอกจากเงาดำของหมวกกะโล่ที่ปิดบังหน้าตลอดถึงคอแล้ว สรีรร่างของประสงค์ ดูสีเหลืองจัดเพราะแสงแดดจับอยู่ นายประสงค์ วิบูรย์ศักดิ์เป็นบุตรชายคนเดียวของมหาเสวกโทพระยาบำรุงประชากิจ เขาเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ดวงหน้าเสี้ยมประกอบด้วยหน้าผากกว้างนั้นคมคาย และคล้ามเพราะถูกแดดเผา งานที่เขาทำอยู่ คือเป็นผู้จัดการป่าไม้ขอนสักของบิดา หรือของเขาเองก็ว่าได้

หลังจากที่ได้กลับจากประเทศฝรั่งเศส และได้มาฝึกหัดวิชาป่าไม้ในสยามอีกในเวลามินาน เขาก็มีความรู้ในการงานดีและเป็นหัวหน้า และผู้จัดการอันมีอำนาจสิทธิขาดแต่ผู้เดียว ผู้ถือหุ้นนับด้วยร้อยคนขึ้นไป ยอมมอบโชคชาตาของตนให้อยู่ในกำมือ​ของผู้จัดการหนุ่มนี้ ด้วยเชื่อในเกียรติยศ และความสามารถของเขาเต็มตัว ประสงค์เป็นคนรักงาน เห็นการทำงานทั้งทางสมองและทางกำลัง เป็นกีฬาชนิดที่ประเสริฐสุด ชั่วเวลาสามปีที่ประสงค์เข้าดูแลงานของบริษัทนี้ทำให้งานเจริญขึ้นอย่างรวดเร็ว เหล่าคนที่อยู่ใต้บังคับนับครึ่งพัน ก็นิยมนับถือในความเที่ยงตรง ความอารีความเมตตาต่อสัตว์ผู้ยากของประสงค์อย่างสูง การทะเลาะวิวาทอิจฉากัน มิค่อยปรากฏระหว่างคนงาน ถ้าหากจะมีขึ้นประสงค์เป็นผู้ไกล่เกลี่ยและตัดสิน ทั้งผู้แพ้และชนะก็พอใจ ยอมเลิกแล้วต่อกันโดยดี ประสงค์ย่อมสุภาพและอ่อนโยนต่อผู้ที่ต่ำกว่าแลเสมอกัน แต่มักกระด้างและโหดเหี้ยมต่อผู้เกกมะเหรกวางตัว คนดีย่อมดีพร้อมมิได้ฉันใด ประสงค์ก็มีเสียฉันนั้น คือเขาซ่อนความมีใจร้อนผ่าว และหยิ่งต่อเกียรติยศของลูกผู้ชายไว้ภายใต้กิริยาอันเยือกเย็น การดูหมิ่นเหยียบจมูกกัน ประสงค์​ทนไม่ได้เสียเลย เขาเป็นคนที่จริงคนหนึ่งจริงทุก ๆ สิ่ง รักจริง เกลียดจริง ทำจริง สิ่งเหล่านี้แม้บิดาของเขาเองก็เคยหวั่นใจว่า จะทำให้บุตรชายต้องได้รับความลำบากสักหนหนึ่ง ขณะนี้เขากำลังรำพึงถึงเรื่องที่ได้สนทนากับบิดามาเมื่อครู่ก่อน “มยุรีมีคู่รักใหม่ !” ข้อนี้จริงหรือ เลือดแห่งความริษยาแล่นขึ้นบนสมองจนหน้าร้อนฉี่ แต่ความรักในคู่หมั้นมิได้คลายลง เป็นความรักที่ระคนกับความแค้นและเจ็บใจ เขาจะทำอย่างไรดี ไปหาหล่อนแนะนำให้หล่อนรู้ว่าตัวเป็นคู่หมั้น และวิงวอนให้หล่อนแต่งงานด้วยหรือ ! ถ้าเผื่อหล่อนสะบัดหน้าและร้องว่า “ไม่เอา ฉันเกลียดแก ฉันเกลียดแก” ไม่ไหว ประสงค์เป็นคนหยิ่ง เขารู้ตัวว่า ถ้าได้ยินคำพูดเช่นนั้น ความน้อยใจจะทำให้คลั่ง ถ้าไม่มีชายอื่นมาเกี่ยวข้องอยู่ก็พอทำเนา แต่นี่มามีคนรักใหม่ เสียงหนึ่งบอกว่า “ก็หล่อนรักเขา เขารักหล่อน ควร​จะถอนหมั้นเสียเถอะ” อีกเสียงหนึ่งเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งตอบว่า “ไม่มีวันเสียละ หล่อนเป็นของเรา เราหมั้นกันไว้แต่เด็ก สิ่งใดที่เป็นของเราจะต้องเป็นอยู่เสมอและเราจะเก็บรักษาไว้ด้วยดีมิให้บุบสลาย” ประสงค์กำมือแน่นด้วยลืมตัว บังเหียนอยู่ในมือกดกับเนื้อจนบู้ ทำให้รู้สึกเจ็บเป็นการเตือนสติ ดวงตาลุกวาว ทันใดนั้นภาพแห่งเหตุการณ์ที่ล่วงแล้วมาปรากฏขึ้นในสมอง........ ตึกใหญ่สูงตระหง่าน ตั้งอยู่ที่ถนนวิทยุ กำแพงล้อมบ้านทาสีน้ำเงินแก่ สนามกลม หญ้าเขียวชอุ่มอยู่ตรงหน้าตึก เมื่อภาพนี้เปิดฉากขึ้นนั้น คือเด็กรุ่นหนุ่มอายุ ๑๖ ปีสวมกางเกงขาสั้น เสื้อชั้นนอกขาว ลงจากรถยนต์ตรงหน้าตึก ทันใดนั้นก็มีเสียงแจ๋วร้องว่า “พี่ประสงค์มาแล้ว คุณลุงขา” เสียงฝีเท้าเสียงบังตาเปิด ร่างอันอวบอ้วนของเจ้าของเสียงกำลังฉุดมือชายอายุ ๔๕ ปีออกมา ร่างนั้นโถมเข้ามากอดเด็กชาย เขาอุ้มหล่อนขึ้น​จุมพิตด้วยแสนรักแล้ววางลง เข้าไปกราบและกอดบิดา ภาพต่อมาก็คือ เขาอุ้มหล่อนเจ้าของร่างมีอายุ ๑๐ ปีลงมาที่สนามแล้ววิ่งไล่เล่นหยอกล้อกันไปมา....

ถึงตรงนี้ประสงค์ทอดถอนใจครั้งหนึ่ง ดวงตาดำนั้นมีแสงแห่งความรักดูอ่อนโยน และดวงหน้าก็แช่มชื่น เขาคิดต่อไป....ปีกว่าล่วงแล้ว ขณะที่เขาออกจากห้องเรียนแห่งมหาวิทยาลัยบางขวาง เขาได้รับจดหมายอักษรที่หน้าซองตัวโตมาก เขายกจดหมายนั้นขึ้นจูบ ลืมเวลาเล่นเสียสิ้น ค่อย ๆ ฉีกจดหมายออกอ่าน ตอนหนึ่งของจดหมายนั้นประสงค์ยังจำขึ้นใจได้ดี เพราะมันทำให้เขาตันใจอย่างยิ่ง มีเนื้อความว่า.... “คุณพ่อกลับมาถึงแล้ว คุณลุงว่าพ่ออ้วนขาวขึ้น พ่อจะอยู่กับคุณลุงเดือนหนึ่งแล้วจะกลับไป แต่พ่อว่าจะพามยุรีไปด้วย พ่อว่าเมืองนอกสนุก พ่อจะให้มยุรีเรียนหนังสือฝรั่ง มยุรีอยากไปเที่ยว แต่ว่าให้พ่อพาพี่ไปด้วย คุณลุงว่า พี่ไปไม่ได้เดี๋ยว​นี้ พี่ยังต้องเรียนหนังสือ มยุรีว่าถ้างั้นมยุรีไม่ไป พ่อว่ามยุรีทำอย่างนั้นไม่รักพ่อ รักพี่ประสงค์คนเดียว มยุรีว่าไม่รู้ คุณลุงว่ามยุรีไปแล้วหกเดือนพี่จะตามไป มยุรีว่าไม่เอา พ่อปลอบมยุรีใหญ่ มยุรีร้องไห้ พ่อว่าจะซื้อตุ๊กตาสวย ๆ ให้ มยุรีบอกว่าจะไปด้วย แต่อยากว่ายน้ำเป็นเหมือนพี่ก่อน วันเสาร์พี่มาต้องหัดให้มยุรีนะจ๊ะ มยุรีมีกระป๋องแล้ว....” เป็นครั้งที่สองประสงค์ถอนใจ คราวนี้ดังคล้ายแกมสะอื้น อีกเดือนหนึ่งต่อมามยุรีจากเขาไปยังมุมหนึ่งของโลก ตั้งแต่นั้นทั้งสองมิได้ส่งข่าวถึงกันอีกเลย ประสงค์ยังจำวันที่เขาไปส่งพระยาไมตรีพิทักษ์ได้ดี เรือสินค้าใหญ่ชื่อ “สุพรรณ” จอดอยู่ที่หน้าโรงสีมีจีนเป็นเจ้าของ เมื่อเรือใหญ่เปิดหวูดจะเริ่มใช้จักร เขากราบลาเจ้าคุณไมตรีราชทูตผู้อาจะลงเรือเล็ก ดวงใจตื้นตันด้วยความอาลัยในน้องสาว มยุรีวิ่งมากอดคอแน่น​ร้องว่า “ไม่เอา หนูไม่ไปกับพ่อ หนูจะไปกับพี่” ประสงค์กอดน้องแน่น มานะลูกผู้ชายห้ามน้ำตาไว้ได้ เขาจูบหล่อนหลายครั้งติด ๆ กัน ใครจะดึงเท่าไรมยุรีก็ไม่ยอมปล่อย จากคอ จนใคร ๆ พากันใจเหี่ยวไปด้วย กัปตันเรือชาตินอร์วิเยี่ยน อายุเกือบหกสิบ ทำจมูกแดงดังฟิด ๆ เรือเปิดหวูดครั้งที่สอง ผู้ที่มาส่งทูตต่างลงเรือเล็ก ประสงค์เป็นคนสุดท้ายที่อยู่ในเรือใหญ่ เขายืดตัวตรงถอนใจฮืดค่อย ๆ แกะมือที่รอบคออยู่ ผมหยิกหยองสีน้ำตาลเข้มของมยุรีปิดบังดวงหน้าอันแดงก่ำของเขาจากผู้อื่น เขาปลอบหล่อนด้วยเสียงอ่อนหวานและฝืนให้ร่าเริง จุมพิตแก้มเป็นพวงทั้งสองข้าง แล้วหันหลังวิ่งลงกระไดไป

หวูด! ฉึ้ง! ฉั้ง! เรือสุพรรณเริ่มใช้จักรเคลื่อนออกจากที่ช้า ๆ ประสงค์ยืนกอดอกอยู่ที่หัวเรือยนต์ จ้องจับอยู่ที่ร่างของเด็กสวมกระโปรงขาว​กำลังร้องดิ้นอยู่ไปมา ส่วนในเรือใหญ่กัปตันผู้เฒ่ายืนอยู่ข้างพระยาไมตรีพิทักษ์ พูดภาษาอังกฤษเสียงแปร่ง ๆ ว่า “เด็กชายคนนั้นโตขึ้นจะเป็นคนจริงคนหนึ่งจำไว้นะ ข้าพเจ้าดูคนไม่เคยผิด”

----------------------------



Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 11,133


View Profile
« Reply #2 on: 28 October 2025, 17:16:58 »




​ประสงค์ กับพาหนะร่วมใจไปถึงที่หมายแล้ว เขาโดดลงจากหลังม้า ส่งบังเหียนให้กับคนงานคนหนึ่ง พระอาทิตย์เวลานี้มีเมฆสีน้ำเงินบดบังอยู่ แต่กระนั้นแสงยังส่องให้เห็นผิวเนื้อของเหล่าคนงานดำเป็นมัน ประสงค์เดินไปที่ ๆ มีช้างนับตั้ง ๕๐ เชือกขึ้นไปกำลังเข็นซุงอยู่ เขาบงการอะไรสองสามคำ ซึ่งผู้รับคำสั่งตั้งใจฟังอย่างนอบน้อม แล้วเดินไปยังห้องซึ่งเขาอาศัยเป็นการทำการในทางหนังสือ เป็นห้องสี่​เหลี่ยมปลูกลงกับดิน พื้นปูกระดาน ฝาทำด้วยไม้สัก มีชาย ๑๐ คนอยู่ในห้องนั้น ๆ ต่างลุกขึ้นยืนทำความเคารพ ประสงค์รับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เขาตรงไปที่โต๊ะส่วนตัว หยิบกระดาษขึ้นมาปึกใหญ่ ตั้งใจจะทำกิจการที่ค้างอยู่ แต่สมองไม่อนุญาต หน้าต่างของห้องนั้นเปิดอยู่ทุกบาน ถึงกระนั้นประสงค์ก็ยังร้อนจนหายใจไม่ออก เขาฉวยหมวกกลับสวมศีรษะ แล้วผลุนผลันออกจากห้องไปอีก ทำให้บุรุษที่อยู่ในห้องนั้นมองตามด้วยประหลาดใจ

“ผู้จัดการพื้นเสียอีกแล้ว !” นายนวลเลขานุการของบริษัทพูด

“ถ้าเจ้าพวกกุลีรวนกันอีกละกระมัง ไม่มีมานานแล้วเทียวนะ” สมุห์บัญชีออกความเห็น

ชายอีกคนหนึ่ง โต๊ะตั้งอยู่กับหน้าต่างมองเห็นลำน้ำที่มีซุงลอยอยู่ ค้านว่า “ไม่ใช่หรอกเมื่อกี้ยังพูดกับนายชมดี ๆ อยู่เลย เห็นจะเรื่องยุ่งมาจากบ้าน”

​“ทะเลาะกับเจ้าคุณหรือ ?” นายสุขพนักงานในบริษัท ซึ่งเป็นคนใหม่ถาม

“ไม่มีวันละ !” นายนวลว่า “คุณประสงค์นับถือบิดาราวกับพระเจ้า เจ้าคุณก็รักลูกราวกับดวงตา พ่อลูกคู่นี้ไม่เคยทะเลาะกันเลย ฉันอยู่ที่นี่ตั้งแต่ก่อนคุณประสงค์กลับจากนอกอีก”

“คุณประสงค์อายุเท่าไรแล้วนะ ?” นายสุขถาม

“เห็นจะเกือบ ๓๐” นายนวลตอบ

“กลับจากนอกมาได้กี่ปี ?”

“๓ ปีแล้ว”

“พอมาถึงก็เป็นผู้จัดการเทียวหรือ ?”

“ยัง เป็นผู้ช่วยก่อน สักหกเดือนกว่า ๆ เจ้าคุณก็ลาออก ขออนุญาตบริษัทให้ลูกชายเป็นผู้จัดการแทน ส่วนท่านเวลานี้รับตำแหน่งเป็นที่ปรึกษา”

​“เจ้าคุณ เป็นผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่มิใช่หรือ ?”

“แน่ละ เมื่อแรกท่านมีแชร์เพียงพันเดียวเท่านั้น เมื่อท่านเป็นเทศาอยู่น่ะ ต่อมาท่านถูกย้ายไปเป็นปลัดทูลฉลองกระทรวงมหาดไทย พออายุราชการได้ ๓๐ ปี ท่านลาออกมาตั้งบ้านเรือนอยู่ที่นี่ เวลานั้นท่านมีอายุครบ ๕๐ ปี แต่ยังแข็งแรงราวกับคนอายุ ๔๐ ท่านเข้ารับหน้าที่ในกิจการของบริษัท ต่อมาได้รับตำแหน่งเป็นผู้จัดการ ท่านเป็นคนกว้างขวาง และเคยเป็นข้าราชการชั้นสูง เพราะฉะนั้นท่านจึงจัดการของบริษัทให้ดำเนินได้ดี มีผู้ถือแชร์สองสามคน ไม่ไว้ใจท่านเพราะเห็นว่าแก่ ประกอบกับเวลานั้นสินค้าไม้สักตกต่ำเลยประกาศขายแชร์ของตัว เจ้าคุณบำรุงรับซื้อไว้ทั้งสิ้น เพราะคาดรู้ล่วงหน้าว่ากิจการจะเจริญขึ้นแทนทรุดลง ตั้งแต่นั้นท่านก็เลยมีหุ้นมากกว่าใคร ๆ”

“ท่านเห็นจะมั่งมีมากนะ?”

“แน่ละ !” นายนวลรับเสียงหนักแน่นภูมิใจ ​ที่มีคนเอาใจใส่ฟังเรื่องที่ตัวรู้ละเอียดแต่ผู้เดียว เลยลืมเมื่อยปาก เขาพูดต่อไปน้ำลายเป็นฟอง “บิดาของเจ้าคุณเป็นเจ้าพระยา เอ ! ลืมชื่อเสียแล้ว รู้สึกเสียใจที่จำไม่ได้”

“เอาเถอะ ไม่เอาชื่อก็ได้” นายสุขใจร้อน

“เจ้าพระยาคนนั้นมั่งมีมากมาย เพราะมรดกที่ได้มาจากเจ้าคุณบิดาเป็นเจ้าพระยาเหมือนกัน เจ้าพระยาสมัยนั้นกินเมืองเทียวนะ แล้วมรดกนั่นจะตกเป็นของคุณประสงค์คนเดียว”

นายสุขกลืนน้ำลาย เขาเป็นผู้ดีเหมือนกัน แต่ทวดของเขาไม่เคยกินเมือง และรู้สึกเสียใจแทนตัวเองตะหงิดๆ

“ทรัพย์สมบัติคิดเป็นเงินสักเท่าใดนะ”

“ ไอ้นั่นบอกยาก แต่เมื่อก่อนเจ้าคุณจะเป็นผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่นั้น ท่านซื้อแชร์เป็นจำนวนเงิน ๔๐๐,๐๐๐ เศษ”

​“แหม ! มันไม่ใช่จำนวนเล็กน้อยเลย !” พูดแล้วนายนวลก้มหน้าทำงานต่อไป ไม่ต้องสงสัยว่าผู้ที่อยู่ในห้องนั้นจะต้องคิดถึงผู้ที่ถูกกล่าวขวัญด้วยความเห็นต่าง ๆ กัน

ส่วนตัวประสงค์เอง ขณะนี้ยืนพิงต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง สีหน้าเต็มไปด้วยความไตร่ตรอง ความคิดชนิดเดียวอยู่ในหัวสมอง “หล่อนเป็นคู่หมั้นของเขา จะต้องเป็นไปตลอดกาล แต่เมื่อหล่อนไม่ยอม เขาจะทำอย่างไร ใช้วิธีบังคับก็ไม่ได้ เจ้าคุณไมตรีพิทักษ์ก็บอกอยู่โต้ง ๆ ว่าท่านไม่บังคับ ในตอนท้ายจดหมายท่านบอกว่าเป็นคนใจอ่อน พร้อมกับวิงวอนขอโทษ นี่ก็แสดงให้เห็นว่าท่านอยากให้บุตรีแต่งงานกับชายที่หล่อนเลือกเอง แต่ส่วนประสงค์เล่า เขาก็รักหล่อนมาจนถอนไม่ขึ้นเสียแล้ว รักตั้งแต่ยังเยาว์อยู่ด้วยกัน ซึ่งเวลานั้นก็คงเป็นความรักฉันพี่รักน้อง เมื่อมยุรีอุบัติมาได้ ๕ ปีเศษ มารดาของหล่อนซึ่ง​เป็นชาติอเมริกันทางมารดา และไทยทางบิดาก็ถึงแก่กรรมลง เจ้าคุณไมตรีฯ จึงทั้งรักและสงสารบุตรดังดวงใจ ต่อมาอีกสองปี ท่านถูกเลือกเป็นราชทูตสยามประจำสหปาลีรัฐอเมริกา ประจวบกับเวลาที่เจ้าคุณบำรุงฯ ย้ายเข้ามารับหน้าที่ปลัดทูลฉลองในกรุงเทพฯ เจ้าคุณทั้งสองปู่เดียวกัน และเคยอยู่โรงเรียน มีความรักร่วมใจกันมาแต่น้อย มารดาของประสงค์จึงรับเลี้ยงมยุรีไว้ ขณะที่บิดาของหล่อนจะต้องไปอยู่ต่างประเทศ เวลานั้นประสงค์มีอายุ ๑๓ ปี เขาไม่มีน้อง เพราะฉะนั้นจึงเจ้ากี้เจ้าการกับมยุรีนัก สตางค์ที่ได้เป็นค่าขนมรายวันนั้นเขาอุตส่าห์อดออมเอาไว้ซื้อตุ๊กตาหรือโชโคเลตมากำนัลหล่อนทุก ๆ วันเสาร์ที่เขากลับบ้าน เด็กทั้งสองรักกันมาก หนหนึ่งเมื่อเจ้าคุณบำรุง ฯ เขียนจดหมายถึงเจ้าคุณไมตรี ฯ เรื่องมยุรี ท่านได้ติดตลกแถมท้ายด้วยเรื่องที่เด็กทั้งสองรักกัน และขอหมั้นมยุรีให้กับประสงค์ เจ้าคุณ​ไมตรี ฯ ยอมตกลงตั้งแต่นั้นเรื่องจึงกลายเป็นจริง ถึงกับหมั้นกันเป็นลายลักษณ์อักษรด้วยจดหมายซึ่งประสงค์ยังรักษาไว้จนเดี๋ยวนี้ ส่วนของหมั้นนั้นยังไม่ได้ให้เป็นหลักฐาน นอกจากห้อยคออักษรไขว้ทองลงยาขอบเพชร ซึ่งมีชื่อเจ้าคุณปู่ของประสงค์เอง อันที่จริงเวลานั้นประสงค์ก็ยังมิรู้เรื่องตราบจนมารดาของเขาเสียแล้วเมื่อประสงค์มีอายุ ๑๘ และได้กำหนดจะไปศึกษาที่ประเทศฝรั่งเศส ท่านบิดากลัวว่าเขาจะไปเหลวใหลกับหญิงฝรั่ง ท่านจึงได้แจ้งให้ทราบว่าเขามีคู่หมั้นแล้ว ประสงค์ก็ยังคงรักมยุรีอยู่มิได้เสื่อมคลาย เมื่อได้ทราบเรื่องจึงผูกจิตผูกใจยิ่งขึ้นจนเดี๋ยวนี้ แต่ส่วนหล่อน ! อา ! บัดนี้หล่อนเปลี่ยนไปสักเพียงไรแล้วว่าถึงส่วนใจหล่อนรักคน ๆ หนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ตัวเขา ส่วนเขายิ่งรู้ว่าหล่อนไม่รัก ก็ยิ่งมานะจะเอาเป็นกรรมสิทธิ์ให้ได้ แต่ด้วยวิธีไหนเล่า....ความคิดอย่างหนึ่งเกิดขึ้นในสมองทันใด ก่อนจบจดหมาย​ของท่าน พระยาไมตรี ฯ ได้รำพันถึงการขัดข้องในเรื่องไม่มีผู้ต่างหูต่างตา ท่านว่าการทอผ้าขายนั้นเจริญดี แต่ท่านเหน็ดเหนื่อยมาก เสียดายที่ไม่มีบุตรชายไว้ต่างหูต่างตา และท่านอิจฉาเพื่อนของท่าน ท่านขอร้องให้เจ้าคุณช่วยหาคนให้สักคนที่พอไว้ใจ ท่านว่าถึงแม้ท่านจะอยู่ในกรุงเทพ ฯ ก็จริง แต่ท่านได้ยินว่าผู้ที่มาทำงานที่บริษัทป่าไม้โดยมากเป็นคนดี ท่านอิจฉาเจ้าคุณบำรุง ฯ

“ได้การ ! เราต้องไปหา ไปดูว่ามยุรีจะเป็นอย่างไร !” ประสงค์บอกกับตัวเอง ดวงหน้าค่อยชื่นขึ้น เขานิ่งคิดกะการต่อไป เมื่อตกลงใจแล้วรู้สึกว่าโล่งอกขึ้นมาก เขาขยับตัวจากที่ เดินบ่ายหน้าไปสู่ที่ทำการดังเดิม

ค่ำวันนั้น เมื่อรับประทานแล้ว ขณะที่บิดาลุกจากโต๊ะ ประสงค์ลุกขึ้นบ้าง ขว้างบุหรี่ที่กำลังสูบอยู่ทิ้งเสียแล้วพูดว่า

​“คุณพ่อครับ เชิญไปห้องหนังสือสักประเดี๋ยว”

เจ้าคุณมองดูบุตรชายเป็นทีถาม แต่ไม่ปริปากว่ากระไร เมื่อท่านเข้าไปในห้องหนังสือแล้ว ประสงค์เชิญให้ท่านนั่งที่โต๊ะของเขาแล้วหยิบกระดาษเขียนหนังสือขึ้นมาส่งให้ท่าน พร้อมกับพูดว่า “โปรดกรุณาเขียนหนังสือตามนี้หน่อยนะครับ”

เจ้าคุณประหลาดใจถามว่า

“ก็ทำไมไม่เขียนเสียเอง แล้วให้พ่อเซ็นเล่า และก่อนอื่นจดหมายถึงใครกันนะ”

“คุณพ่ออ่านดูก่อนซีครับ”

“ข้าไม่อ่าน ขี้เกียจ เขียนมาเถอะแล้วจะเซ็นให้”

“ผมเขียนไม่ได้ดอกครับ พิธีจะแตกเสียหมด จดหมายนี้ถึงเจ้าคุณไมตรี”

“มันอะไรกันนะนี่นะ บอกซีข้าจะเขียน​ให้”

ประสงค์ยิ้มอย่างนึกสนุกที่ท่านบิดาต้องโยกโย้เสียก่อน หยิบกระดาษขึ้นวางตรงหน้าท่าน แล้วเอาปากกาจิ้มหมึกให้ เขาเริ่มบอก

                                                                       จังหวัดสวรรคโลก

                             วันที่....เดือน….พ.ศ….

ฉัตร์ ที่รัก

ตามจดหมายของเธอเล่าเรื่องมยุรีให้ฟังนั้นฉันได้บอกประสงค์รู้แล้ว มันเสียใจ เพราะมันเคยรักมยุรีมาแต่เด็ก แต่เมื่อผู้หญิงเขาไม่รักมันก็จนปัญญา อย่างไรก็ดี มันบอกว่า ขอให้รอไปอีกสักหกเดือน เมื่อมยุรีไม่ปลงใจจริง ๆ มันก็จะยอมถอนหมั้นให้ ฉันเองไม่ประหลาดที่มยุรีไม่ยอมแต่งงานกับประสงค์ เป็นธรรมดา​ของผู้หญิง อะไรที่บังคับให้ทำก็ไม่อยาก ถ้าห้ามก็ยิ่งจะทำ เธอมีลูกคนเดียวย่อมรักมากทั้งกำพร้าแม่มาแต่เล็ก ฉันเห็นใจเธอ ฉันเองก็รักประสงค์ราวกับดวงใจ รักยิ่งกว่าตัวของฉันเอง....”

ถึงประโยคนี้ เจ้าคุณหยุดเขียนถามว่า “เอ็งรู้ได้ยังไงว่าข้ารักเอ็งมากกว่าตัวของข้า”

ประสงค์นิ่ง “ถ้าไม่เป็นจริงก็แก้เสียใหม่ได้ครับ” เขาพูดเฉยๆ

“อ้ายเอ็งละมันจองหอง บอกต่อไปซี”

ประสงค์หัวเราะแล้วบอกต่อไป

“เป็นอันว่า เราต่างคนต่างอย่านึกถึงมันเลยปล่อยไปแล้วแต่ใจเด็ก”

“เจ้าตัดสินใจดีมาก” เจ้าคุณพูด ใช้ปากกาเขี่ยกับปากขวดหมึก “เป็นความจริงอย่างที่เขียนรึ อย่าทำให้เสียผู้ใหญ่ในภายหลังนะ”

​“ผมรับรองว่าจริงทุกประการ”

“ดีละ บอกต่อไป”

“........ที่นี้เรามาพูดกันถึงเรื่องคนที่เธอให้ช่วยหาให้ ฉันจะส่งไปให้สักคนหนึ่ง”

อีกครั้งหนึ่ง เจ้าคุณหยุดเขียน เงยหน้าขึ้นถามว่า “เอ๊ะ ฉันจะเอาคนที่ไหนไปให้เขายะ”

“มีซิครับ เขียนให้จบก่อน แล้วผมจะเรียนให้ทราบ”

บิดายอมจำนน

“เป็นคนขยันและแข็งแรง เขาเท่ากับสมบัติส่วนหนึ่งของฉันเลี้ยงมาเป็นลูก เธอไว้ใจเขาได้เท่ากับไว้ใจในฉันเอง ส่วนเงินเดือนแรก ๆ เพียง ๕๐ บาท ก็เห็นจะพอ ความรู้ในภาษานั้นดีพอที่จะจัด​การสั่งข้าวของแทนเธอได้ บัญชีทำได้บ้าง แต่ไม่ใช่วิชาที่เคยเรียนสำหรับอาชีพ โทรเลขมาบอกกำหนดจะให้เขาไปเมื่อไร ส่วนตัวเองเตรียมพร้อมแล้ว

ดีใจที่กิจการของเธอเจริญดี การทอผ้าบ้านเราออกจะถอยลง สู้ชาวต่างประเทศไม่ได้ เมื่อคนมีหลักฐานดีคิดทำขึ้นอีก น่าจะกลับรุ่งเรืองขึ้นโดยเร็ว ลูกชายของฉันกับตัวฉันเองสบายดี ประสงค์กราบมาแทบเท้าคุณอา

ผู้ซื่อสัตย์ต่อเธอเสมอ

ถนอม

----------------------------




Logged
Pages: [1] Go Up Print 
« previous next »
 

SMF 2.0.4 | SMF © 2013, Simple Machines | Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.091 seconds with 17 queries.