|
ppsan
|
 |
« on: 19 October 2025, 14:08:35 » |
|
ละคร ปริศนา เดอะซีรีส์ : รัตนาวดี ตอนที่ 18 จบบริบูรณ์
https://mgronline.com/drama/detail/9580000135032
รัตนาวดี ตอนที่ 18 จบบริบูรณ์ เผยแพร่: 7 ธ.ค. 2558 20:46 โดย: MGR Online

รัตนาวดี ตอนที่ 18 อวสาน
เช้าวันใหม่ รัตนาวดีใส่เสื้อคลุมสบายๆ ยืนมองวิวที่หน้าต่างห้องนอน
ป้าสร้อยมาแอบมองรัตนาวดี สีหน้าป้าสร้อยเป็นทุกข์ เพราะรู้สึกสงสารที่รัตนาวดีชอบนายเล็ก แต่ไม่อาจสมหวังได้ ป้าสร้อยยืนคิดนิดหนึ่ง แล้วเดินเข้าไปหาถามอย่างห่วงใย "ทูนหัวของป้า....ทรงหิวไหมเพคะ" รัตนาวดีหันมา จะเห็นว่าเพิ่งผ่านการร้องไห้มา "ไม่ละค่ะ...ป้าล่ะคะ..ถ้าป้าหิวก็สั่งของขึ้นมาทานดีไหมคะ" "ป้าก็ไม่ค่อยหิวหรอกเพคะ" รัตนาวดีหันไปมองวิวแบบเดิม...สีหน้าป้าสร้อยยิ่งเป็นห่วงมากขึ้น ...ป้าสร้อยตัดสินใจเดินเข้าไปหา "วันนี้ถ้าท่านดนัยเสด็จมา ป้าอยากให้ท่านหญิงทัยเย็นๆ ค่อยๆพูดจากัน...ฟังเหตุผลของท่านพจน์ และเสด็จด้วยนะเพคะ" รัตนาวดีหันมาสีหน้าน้อยใจเต็มที่ "ป้าไม่รักหญิงใช่ไหมคะ....ทำไมต้องบังคับให้หญิงทำในสิ่งที่หญิงไม่ชอบ...ป้าไม่เคยขัดใจหญิงอย่างนี้เลย...ทำไมต้องมาขัดใจหญิงเรื่องท่านดนัย...ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าหญิงเกลียดท่าน" รัตนาวดีเสียงเข้ม ป้าสร้อยพยายามปลอบโยนพูดดีๆ "ก็เพราะหม่อมฉันรักทูนหัวมากยิ่งกว่าชีวิตตัวเองน่ะสิ เพคะ…หม่อมฉันเลี้ยงของหม่อมฉันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย เฝ้ามองท่านเจริญชันษาทุกปี...ทุกปีด้วยความภูมิใจ...คอยเฝ้าระวังทุกอย่างไม่ยอมให้ทูนหัวต้องเสียพระเกียรติ...อยากให้ทรงได้รับแต่สิ่งที่ดีที่สุดเท่านั้น" รัตนาวดีมองป้าสร้อยด้วยสายตารักใคร่ กอดป้าสร้อยไว้ "หญิงรู้ค่ะ...หญิงไม่มีแม่...มีแต่ป้าที่เลี้ยงหญิงมาจนโต... ทำให้ทุกอย่างสารพัด...ทนฤทธิ์เดชหญิงไม่เคยบ่น" ป้าสร้อยเช็ดน้ำตาทั้งๆ ที่ยิ้ม "ทรงรู้เหมือนกันใช่ไหมเพคะว่าท่านน่ะฤทธิ์เดชขนาดไหน...แต่ครั้งนี้...ป้าขอร้องนะเพคะ...ป้าขอร้องให้ทูนหัวพบกับท่านพี่ ถ้าทรงยอมแต่งงานด้วย...ต่อไปภายหน้า...หม่อมฉันจะได้ตายตาหลับ...ไม่ต้องห่วงทูนหัวของหม่อมฉัน" "หญิงไม่อยากแต่งงานกับท่านดนัย...ป้าไม่ต้องห่วงนะคะ ว่าหญิงจะตัดสินใจตามใจตัวเอง...หญิงรู้หน้าที่ดี...ถึงหญิงจะต้องทุกข์ทรมานใจแค่ไหน...หญิงก็จะไม่ทำผิดต่อวงศ์ตระกูลหรอกค่ะ...ถ้าหญิงไม่ได้แต่งงานกับคนที่หญิงรัก....หญิงก็จะอยู่ของหญิงอย่างนี้แหล่ะ...ป้าจะเบื่อหญิงหรือเปล่าล่ะคะ...ถ้าป้าเบื่อ...ไม่อยากอยู่กับผู้หญิงที่เป็นสาวทึนทึกที่ทำให้ป้าอายหญิงก็จะขอเจ้าพี่ให้ประทานเรือนเล็กๆ อยู่ของหญิงคนเดียว" รัตนาวดีถอนสะอื้น ป้าสร้อยโผเข้ากอดไว้แน่น "ทูนหัวของป้า....ไม่ว่าท่านหญิงจะทรงเป็นอย่างไร ป้าก็จะคอยรับใช้...จนกว่าจะตายจากไป...ถึงตอนนั้น...ท่านหญิงอาจจะทรงเบื่อหม่อมฉันเสียก่อนก็ได้เพคะ"
รัตนาวดียิ้มทั้งน้ำตา "หญิงไม่เคยคิดอย่างนั้นเลย....เอ....แต่ตอนป้าบ่นมากๆ ก็ไม่แน่เหมือนกันนะคะ" ทั้งสองคนหัวเราะทั้งน้ำตา "หม่อมฉันก็จะพยายามบ่นให้น้อยที่สุดเพคะ" "แปลว่ายังไงๆ ก็ต้องบ่นอยู่ดี...เฮ้อ...ทำยังไงได้...ก็ป้าอยากมาเลี้ยงหญิง...หญิงก็ต้องทน....เฮ้อ" รัตนาวดีกอดป้าสร้อยหัวเราะไปด้วยกัน...
ท่านดนัยยืนรอวิมลด้วยท่าทางร้อนใจ วิมลรีบเดินมาหา "มีเรื่องด่วนอะไรวิมล" วิมลยิ้มอายๆ ยกมือไหว้ขอโทษ ระบายอย่างอึดอัดใจเต็มแก่ "ขอประทานอภัยเพคะ...หม่อมฉันใจคอไม่สู้ดี...ไม่เคยมีความลับกับท่านหญิง....มันรู้สึกเหมือนอกจะแตก อยากจะทูลซะให้ได้...เมื่อวานหม่อมฉันก็ลุกลี้ลุกลนเกือบจะหลุดปากจนท่านหญิงเกือบจับได้ ก็เพราะไอ้ท่าทางของหม่อมฉันนี่แหล่ะเพคะ" ท่านดนัยอยากหัวเราะแต่ก็ทำหน้าเข้ม "อย่าเชียวนะวิมล...ถ้าน้องหญิงได้รับฟังความจริงจากคนอื่นที่ไม่ใช่ผม...จะทรงกริ้วมาก...อาจจะทรงตัดความสัมพันธ์กับผมไปเลยก็ได้" "จริงเพคะ... หม่อมฉันก็อึดอัดเหลือเกิน ฝ่าบาทรีบหาโอกาสทูลความจริงเสียทีเพคะ หม่อมฉันสงสารท่านหญิงเหลือเกิน...หม่อมฉันกลัวว่าตัวเองจะหลุดปากทูลความจริงน่ะสิเพคะ" ท่านดนัยร้อนใจ "ฉันก็ร้อนใจมากกว่าเธอหลายเท่านะ...เอาอย่างนี้...คืนนี้หลังดินเนอร์ เธอพาท่านหญิงออกมาเดินเล่นตรงโน้นนะ" วิมลดีใจ "ได้เพคะ...หม่อมฉันจะชวนท่านหญิงมาให้ได้...เมื่อไหร่ที่ท่านชายปรับความเข้าใจกับท่านหญิงได้...หม่อมฉันจะดีใจมากเพคะ" "ฉันจะบอกความจริงน้องหญิงคืนนี้ให้ได้"
ท่านดนัยมั่นใจ

เวลาที่เปลี่ยนไป ทุกคนกำลังทานอาหาร ทุกคนเป็นห่วงรัตนาวดี ที่ทานอาหารแบบหมดอาลัยตายอยาก
รัตนาวดีเดินมากับป้าสร้อย และวิมล วิมลท่าทางลุกลี้ลุกลน จนป้าสร้อยสังเกต "เป็นอะไรน่ะวิมล...ทำท่าแปลกๆ" วิมลหาทางที่จะแยกรัตนาวดีจากป้าสร้อย "เอ้อ...หนูยังไม่อยากขึ้นไปนอนเลยค่ะคุณป้าสร้อย ท่านหญิงเพคะ...เราไปเดินเล่นกันสักหน่อยดีไหมเพคะ...ทางด้านโน้นสวยเหลือเกิน" ป้าสร้อยบอก "นี่มันค่ำแล้วนะจ้ะ" "ยังหรอกค่ะ...โธ่ คุณป้าสร้อยคะ ครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งเดียวในชีวิตของหนูก็ได้ที่จะได้มาสถานที่หรูๆ อย่างนี้" "แหม..พูดซะน่าสงสาร ก็นายเล็กไง...ไปชวนกันเข้าซิ" "หญิงก็อยากไปเดินเล่นเหมือนกันค่ะ...ดีเหมือนกันวิมล วิวริมทะเลสาบนั่นน่าเดินเล่น…ป้าขึ้นไปพักก่อนก็ได้นะค่ะ" "ท่านหญิง...อย่าทรงอยู่จนดึกนักนะเพคะ...แม่วิมล..เธอนี่มันใจแตกจริงๆ นะ อย่าพาท่านหญิงไปตากน้ำค้างล่ะ" วิมลดีใจ "รับรองค่ะคุณป้าสร้อย...ไปกันเถอะเพคะ" พนักงานเดินมาหาท่านดนัยพูดภาษาฝรั่งเศส "ขอโทษครับ...มีสุภาพบุรุษคนไทยมารอพวกคุณ" รัตนาวดีหันขวับมาทันที วิมลหันมามองหน้าท่านดนัย "เค้าอยู่ที่ไหน" รัตนาวดีถาม "นั่งรออยู่ที่ล็อบบี้ครับ" ป้าสร้อยดีใจ "ต้องเป็นท่านดนัยแน่ๆเพคะ" วิมลงงๆ มองหน้าท่านดนัยที่สงสัยเหมือนกัน รัตนาวดีรวมรวบความเด็ดขาด "ก็ดีเหมือนกันค่ะ...ทุกอย่างจะได้ยุติเสียที" รัตนาวดีไม่รอใครเดินนำทุกคนไปยังล็อบบี้
นพยืนชมวิวหันหลังให้กับรัตนาวดีที่เดินนำหน้า วิมล ป้าสร้อย และท่านดนัยเข้ามา วิมลมองด้านหลังก็คุ้นๆ ....จนกระทั้งนพได้ยินเสียงจึงหันหน้ามา...วิมลเห็นก็ดีใจ รัตนาวดี กับ ป้าสร้อยก็เหมือนกัน "คุณนพ" วิมลทัก "ตานพ" ป้าสร้อยว่า นพรีบเดินมายกมือไหว้ป้าสร้อย ท่านดนัยหน้าเสีย "สวัสดีฝ่าบาท...ไปเที่ยวไหนกันมา...หม่อมมารอตั้งนาน" นพหันมาเห็นท่านดนัยรีบยกมือไหว้ "อ้าว...ฝ่าบาท...เสด็จมาตั้งแต่เมื่อไหร่...มิน่าหม่อมไปหาถึงไม่พบ" วิมลอยากจะตายซะให้ได้ ห้ามก็ห้ามไม่ทัน ท่านดนัยหน้าเสีย ป้าสร้อยอ้าปากหวอ รัตนาวดีมองท่านดนัยอย่างตกใจ "อะไรตานพ...นี่นายเล็ก...มหาดเล็กท่านดนัย" ป้าสร้อยว่า นพหัวเราะ "คุณสร้อยจะล้อเล่นเหรอครับ...ทำไมผมจะไม่รู้จักหม่อมเจ้าดนัย วัฒนา....จริงไหมครับท่านชาย"
ท่านดนัยยืนหน้าซีด รัตนาวดีหันไปมองท่านดนัย เหมือนไม่แน่ใจในสิ่งที่ได้ยิน น้ำตากลบตา รีบวิ่งหนีไป ทุกคนตกตะลึง วิมลเดินมาหานพด้วยสีหน้าอยากจะตาย นพงง "อะไร...ผมพูดอะไรผิดหรือไง"
ท่านดนัยทุกข์ร้อน...

ท่านดนัยประคองป้าสร้อยที่ก้มลงกราบที่เท้า ป้าสร้อยสีหน้าสำนึกผิดมาก
"ท่านชาย หม่อมฉันต้องขอประทานโทษอย่างสูงเพคะ" "ผมต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอโทษคุณสร้อย" ท่านดนัยประคองป้าสร้อยให้นั่งที่เก้าอี้ ป้าสร้อยมองท่านดนัยอย่างดีใจมาก นพยังงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น "หม่อมฉันดีใจเหลือเกิน...ดีใจที่สุดในชีวิตของหม่อมฉันทีเดียว....ที่ฝ่าบาทคือท่านดนัย" "นี่แปลว่าคุณสร้อยไม่ทราบเหรอครับว่าท่านคือท่านดนัย" นพว่า ท่านดนัยหันไปยิ้มกับนพ "เรื่องมันยาวนะนพ" วิมลค้อนนพ "คุณนพก็ไม่ได้ดูตาม้าตาเรืออะไรเล้ย...ทำเรื่องเค้าแตกหมด" นพโอด "โธ่คุณ...นี่มันเรื่องอะไรกัน" ท่านดนัยสีหน้าวิตกกังวล ป้าสร้อยหันหารัตนาวดี "ตายจริง...นี่ท่านหญิงคงจะกริ้วฝ่าบาทแย่เลยเพคะ. ท่านล่ะเกลียดนักคนโกหก" "นี่แหล่ะคือสิ่งที่ผมกลัวที่สุด" "เดี๋ยวหม่อมฉันจะตามขึ้นไปดูบนห้องเองเพคะ...ไป..วิมลไปด้วยกัน" วิมลทำท่าไม่ค่อยกล้า "เอ้อ...หนูรออยู่ที่นี่ได้ไหมคะคุณป้าสร้อย" ป้าสร้อยยุ่งยากใจ "เอ้า...จะมาทิ้งกันได้ยังไงล่ะแม่วิมล...ไป...ไปช่วยกันพูดกับท่านหญิงไม่ให้ท่านกริ้ว" ป้าสร้อยดึงมือวิมลเดินไป นพยังยืนงง หันไปมองท่านดนัยที่สีหน้าเป็นทุกข์...
ท่านหญิงรัตนาวดีเดินไปมาอยู่ในห้องด้วยสีหน้ายุ่งยากใจ มีเสียงเคาะประตู รัตนาวดีหันไปมองอย่างไม่ไว้ใจ "ท่านหญิง...ท่านหญิงเพคะ...เปิดประตูให้หม่อมฉันหน่อยเพคะ" รัตนาวดีเดินไปที่ประตู แต่ยังไม่ยอมเปิด ถามให้แน่ใจ "บอกหญิงก่อนว่าป้ามากับใคร" "มากับวิมลสองคนเพคะ...ไม่มีคนอื่นอีก...เปิดประตูหน่อยเพคะ" รัตนาวดีค่อยๆ เปิดประตู ป้าสร้อย กับวิมลรีบเข้ามา "ไปรีบเก็บของเร็วๆ ....เราจะไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้."
ป้าสร้อยพยายามปลอบ "โธ่...ท่านหญิง...อย่าทรงกริ้วเลยเพคะ...ท่านพี่น่ะทุกข์ทัยมากนะเพคะ" รัตนาวดีหันมาตาเขียว "ท่านทรงกำลังหัวเราะเยาะหญิงละไม่ว่า...คนอะไร..โกหกเราอยู่ได้ตั้งนาน" รัตนาวดีจะร้องไห้ ป้าสร้อยร้อนรน วิมลก็ช่วยปลอบ "ท่านหญิงเพคะ..ที่.ท่านดนัยทรงทำอย่างนั้นก็เพราะมีความจำเป็น..." รัตนาวดีหันไปมองวิมลอย่างตกใจ น้ำตาไหล "นี่วิมลรู้เรื่องนี้ด้วยใช่ไหม" วิมลก้มหน้านิ่ง "หม่อมฉันรู้แต่ไม่นานนี้เพคะ" รัตนาวดีถามอย่างน้อยใจ "แล้วทำไมไม่บอกหญิง" ป้าสร้อยหันมาเอาเรื่องด้วย "นั่นสิ...รู้แล้วทำไมไม่รีบบอก...ปล่อยให้ป้าดุว่าจิกใช้ท่านอยู่ได้ บาปกรรมกินหัว" "ท่านดนัยอยากทูลท่านหญิงด้วยองค์เอง...ท่านต้องการอธิบายเหตุผลให้ท่านหญิงฟังเองเพคะ...ท่านทรงขอร้องไม่ให้หม่อมฉันทูลท่านหญิง" "แปลว่าวิมลเห็นท่านดนัยดีกว่าหญิง...วิมลนะวิมล...เสียแรงหญิงไว้ใจมากกว่าใครๆ" รัตนาวดีเดินหนีเข้าห้องนอน ปิดประตูดังปัง ป้าสร้อยหันมาเล่นงานวิมลทันที "เห็นไหม...ตอนนี้ทั้งกริ้ว ทั้งน้อยทัย...แล้วจะทำยังไงกันดี"
วิมลทุกข์ใจ

ในมุมสบายๆ นพนั่งหัวเราะเบาๆ เพาระไม่กล้าหัวเราะเสียงดัง ในขณะที่ท่านดนัยสีหน้าเครียด
"ฝ่าบาทถึงกับทรงลงทุนปลอมตัวเป็นนายเล็กเพื่อที่จะได้ใกล้ชิดท่านหญิง...อันที่จริงถึงท่านหญิงจะทรงทราบว่า ฝ่าบาทคือท่านดนัยก็ไม่น่าจะเป็นไรกระหม่อม" ท่านดนัยถอนใจ "ฉันก็นึกสนุกบ้าบอไปได้นะซินพ...น้องหญิงตรัสทักว่า ฉันเป็นนายเล็กฉันไม่อยากให้น้องหญิงเก้อที่ทักคนผิด ก็เลยรับสมอ้างเป็นนายเล็กเรื่อยมา...แต่พอจะสารภาพก็รู้ว่าน้องหญิงโกรธที่ฉันไม่ได้ไปรอรับท่านที่สนามบิน มาก...ฉันเลยไม่กล้า" "จริงด้วยหม่อม...ท่านหญิงทรงบ่นเรื่องนี้ให้หม่อมฟัง" ท่านดนัยสีหน้าเป็นทุกข์ "ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้เกิดการผิดพลาดเรื่องนี้ ...กว่าที่แม่บ้านของฉันจะส่งข่าวไปให้รู้ ก็เลยกำหนดที่น้องหญิงมาอังกฤษแล้ว" "แต่ฝ่าบาทก็ไม่ได้รีบเสด็จมาหาท่านหญิง" "เอ้อ...ฉันต้องขอสารภาพว่าฉันนึกว่าน้องหญิงยังเป็นเด็กๆ ที่อยากมาเที่ยวกับพี่เลี้ยง...ฉันรู้ว่าทางสถานทูตดูแลแทนแล้วก็เลยยังไม่ได้รีบกลับมาเฝ้า...แต่พอได้เห็นพักตร์น้องหญิง"
นพพยายามทำท่าเรียบร้อย แต่ก็ยิ้มแจ่มใส "อย่างนี้ก็แปลว่าฝ่าบาททรงติดทัยท่านหญิงตั้งแต่เห็นพักตร์ครั้งแรกใช่ไหมหม่อ" ท่านดนัยหันมาพยักหน้ายิ้มเขิน นพอดไม่ได้หัวเราะเสียงดัง "หม่อมว่าแล้ว...แต่ฝ่าบาทไม่ทรงทราบว่าท่านหญิงรัตน์นี่ทรงฤทธิ์มากขนาดไหน" ท่านดนัยมองนพเหล่ๆ "ก็เพราะคิดไม่ถึงนี่ละ....ถึงได้เกิดเรื่องขนาดนี้ได้ไงล่ะ... หวังว่าคุณสร้อย กับ วิมลจะพูดแก้ต่างให้ฉันได้บ้างนะ" นพทำหน้าสยอง "หม่อมว่ายาก...ท่านหญิงน่ะทัยแข็งเป็นที่หนึ่ง...ลงว่าได้ทรงทำฤทธิ์ละก็ไม่ว่าใครก็ถอยทั้งนั้น...สมัยเรียนหนังสือท่านก็เป็นหัวโจกทำฤทธิ์จนครูพากันขยาด" "ไม่ให้กำลังใจกันเลยนะ...แล้วเธอคิดว่าฉันควรจะทำยังไงดี" "ตอนนี้ต้องปล่อยท่านไปก่อนหม่อม....ภูเขาไฟกำลังระเบิด ปล่อยให้พ่นลาวาออกมาจนพอใจแล้วค่อยเข้าไปได้หม่อม" ท่านดนัยหนักใจ
ในห้อง วิมล กับ ป้าสร้อยนั่งสีหน้าเป็นทุกข์ มีกระเป๋าเดินทางเตรียมพร้อม รัตนาวดีแต่งตัวเตรียมเดินทางออกมาจากห้องแต่งตัว ป้าสร้อย กับ วิมลเห็นก็ตกใจ "เก็บของเสร็จหรือยังคะป้า" ป้าสร้อยแกล้งไม่รู้เรื่องเพื่อถ่วงเวลา "เก็บทำไมเพคะ" รัตนาวดีโวย "ป้าคะ...ก็หญิงบอกแล้วไงคะว่าเราจะไปจากที่นี่...หญิงคิดว่าป้ากับวิมลเก็บของกันเสร็จแล้ว" วิมลทำหน้าเศร้า "ท่านหญิง...ทรงทัยเย็นๆ ก่อนนะเพคะ" "ไม่ต้องใจเย็นอะไรอีกแล้ววิมล....หญิงเกลียดคนโกหกที่สุด ทำเหมือนเราเป็นตัวตลกให้หลอกหัวปั่นไปวันๆ" "ป้าก็ไม่เห็นว่าท่านดนัยจะทรงหลอกเรานี่เพคะ" รัตนาวดีโมโห "ป้า...ป้าพูดอย่างนี้ได้ยังไงคะ...ก็ท่านหลอกเราว่าเป็นนายเล็กผู้ต่ำต้อยไงล่ะคะ...หลอกให้เรา" ท่านหญิงอัดอั้นพูดไม่ออก "โธ่...ท่านหญิง...ท่านดนัยทรงไม่ตั้งทัยที่จะหลอกฝ่าบาทหรอกเพคะ" "ท่านชายต้องทรงมีเหตุผลแน่ๆ เพคะ...ท่านนะควรจะทรงฟังเหตุผลของท่านชายก่อน...แล้วค่อยตัดสินพระทัยว่าควรจะทรงกริ้วหรือเปล่า" วิมลพยายามเอาใจ "ท่านหญิงทรงมีเหตุผล....ทรงเคยสอนหม่อมฉันเองว่า คนเราต้องฟังเหตุผลคนอื่น"
รัตนาวดียังงอน "จำไม่ได้ว่าเคยสอนซะที่ไหน" "จริงๆ นะเพคะ...ไม่เชื่อทรงถามคุณสร้อยดูก็ได้...คุณสร้อยก็เคยได้ยินใช่ไหมคะ" วิมลพยายามพยักเพยิดกับป้าสร้อย ป้าสร้อยรีบเออออ "จริงเพคะ...หม่อมฉันก็เคยได้ยินท่านรับสั่ง." รัตนาวดีค้อนป้าสร้อย "แหม...พอรู้ว่าที่แท้นายเล็กคือท่านดนัย...ป้าก็รีบเข้าข้างเลยเหรอคะ." "โธ่...อันที่จริงหม่อมฉันน่ะนึกชอบมาตั้งนานแล้วเพคะ คนอะไร...หล่อก็แสนจะหล่อ ดีก็แสนจะดี" วิมลต่อ "เก่งก็แสนจะเก่ง...ความรู้ก็แสนจะดี....เอาใจก็แสนจะเก่ง" "ยิ่งพอรู้ว่าแท้จริงคือท่านดนัย...ป้างี้ดีใจที่สุดในโลก" ป้าสร้อยทำท่าดีใจออกนอกหน้ากับวิมล รัตนาวดีมองอย่างหมั่นไส้ "จะดีแสนดียังไงก็ไม่ใช่เรื่องของหญิงค่ะ...หญิงให้เวลาป้ากับวิมลเก็บของ..ไม่อย่างนั้นหญิงก็จะไปคนเดียว" รัตนาวดีเดินกลับเข้าห้องนอนไป ป้าสร้อยกับวิมลหมดแรงไม่รู้จะทำยังไงดี
ท่านดนัยนั่งเขียนจดหมายอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือ สีหน้าเศร้าๆ เป็นทุกข์

นพยืนมองวิวที่สวยงามอยู่ด้วยสีหน้ามีความสุข วิมลวิ่งมาหา
"คุณนพ" นพหันไปเห็นวิมลก็ดีใจ "มาอยู่ที่นี่เอง...ตามหาตั้งนาน" "ผมก็นั่งรอคุณอยู่นาน...ไม่เห็นลงมาจากห้องซักทีก็เลยเดินเล่นมาเรื่อยๆ โรงแรมนี้สวยดีจริงๆ นะ....ท่านหญิงทรงเป็นอย่างไรบ้าง...ยังกริ้วท่านดนัยอยู่หรือเปล่า" วิมลทำหน้าเหนื่อย "ไม่ได้ทรงกริ้วอย่างเดียว...จะทรงไปจากที่นี่ด้วย" นพทำหน้าผิดหวัง "อ้าว...แปลว่าทรงกริ้วมากละซิ" "ก็ใช่น่ะสิคะ" นพไม่เข้าใจ "ทำไมต้องทรงกริ้วมากขนาดนั้น...ผมก็พอจะเข้าใจที่ทรงถูกท่านดนัยหลอกว่าเป็นนายเล็ก...อาจจะทรงอายที่เคยทำหรือเคยไม่ให้เกียรติท่าน...แต่ก็ไม่น่าจะทรงกริ้วมากถึงกับจะทรงแยกองค์ไปที่อื่น...หรือว่า..." วิมลทำท่าหมดแรง "คุณยังไม่เข้าใจ....ท่านหญิงนะทรงหลงรักนายเล็กตัวปลอมนะสิคะ" นพตกใจ "อะไรนะ....ท่านหญิงทรงหลงรักท่านดนัย....เอ้อ...เพราะคิดว่าทรงเป็นนายเล็ก...เอ้อ...ท่านหลงรักนายเล็ก ....โอ้ย..ปวดหัว" "ท่านหญิงนะทรงหลงรักนายเล็กที่ท่านดนัยปลอมองค์มา แต่เพราะท่านทรงคิดว่าคนที่ท่านหลงรักเป็นแค่นายเล็กผู้ต่ำต้อย...เป็นแค่มหาดเล็กท่านดนัย...จึงทรงพยายามห้ามทัยองค์เองเป็นอย่างมากที่จะไม่รัก...ที่จะหักห้ามทัยไม่ให้สนใจ…ถึงกับทรงเคยแนะนำให้นายเล็กตัวปลอมไปชอบกับผู้หญิงคนอื่น....แล้วก็ทรงเป็นทุกข์เอง...ฉันว่าเคยเห็นท่านแอบกันแสงด้วยซ้ำ" นพตาลอย ลงนั่งอย่างก้นกระแทก "อะไรกันล่ะนี่....ท่านดนัยก็ทรงหลงรักท่านหญิงเหมือนกัน" "ใช่ค่ะ...ท่านก็เคยรับสั่งกับฉันอย่างนั้นเหมือนกัน" "อ้าว...คุณรู้เรื่องแล้วหรือ...น่าจะบอกผมก่อน" "ที่ฉันรู้ก็เพราะครั้งแรกที่ฉันเห็นท่าน ท่านหญิงทรงแนะนำว่านี่คือนายเล็ก คนของท่านดนัย...ฉันก็รู้เลยว่าไม่จริง เพราะฉันเคยเห็นนายเล็กคนของท่านดนัยแล้ว.ฉันก็เลยหาโอกาสจับโกหกนายเล็กตัวปลอม...ท่านถึงได้สารภาพกับฉันว่าคือท่านดนัย...เราหาทางที่จะบอกความจริงท่านหญิง...แต่ก็ไม่มีโอกาส ฉันถึงอยากให้คุณนพมาจะได้มาช่วยกันคิด" วิมลหัวเราะ "แต่ก็มาความแตกเพราะคุณนพที่พอเห็นท่านก็รีบทักทาย ยกมือไหว้ทันที" "แล้วพอคุณรู้ความจริงก็ไม่ได้ทูลท่านหญิงหรอกหรือ" "ก็ท่านดนัยทรงขอร้องว่าจะทูลท่านหญิงด้วยองค์เองนะสิคะ เพราะท่านก็คงคิดแล้วว่าถ้าท่านหญิงรู้จากคนอื่นก็จะกริ้วอย่างนี้" นพเอามือลูบหน้าอย่างตั้งสติ "เออ...ถ้าเราคุยกันก่อนสักหน่อก็คงไม่เป็นอย่างนี้นะ" "ก็ฉันไม่คิดว่าคุณนพจะมาหานะสิคะ" นพมองวิมลยิ้มๆ "ผมก็คิดว่าเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้เที่ยวด้วยกันกับท่านหญิง" นพมองตาวิมลยิ้มๆ วิมลยิ้มดีใจเขินๆ แต่ก็ทำหน้าเศร้า "คงเป็นไปไม่ได้แล้วละค่ะ ท่านหญิงคิดแต่จะทรงแยกไป ถ้าป้าสร้อยกับฉันไม่ไป ท่านก็จะไปองค์เดียว...ฉันคงทิ้งท่านไม่ได้แน่นอน....พยายามพูดหว่านล้อมให้ท่านไม่ไป...ท่านก็ทรงยืนยันว่าจะไปอย่างเดียว....ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว" นพสีหน้าใช้ความคิด มองหน้าวิมล "ผมไม่อยากเสียโอกาสที่จะได้เที่ยวกับคุณหรอกนะ...แต่ที่สำคัญมากกว่าคือผมอยากให้ท่านดนัย กับ ท่านหญิงสมหวังในความรัก" วิมลร้อนรน "คุณนพคิดหาทางออกเร็วๆ นะคะ" นพพยายามใช้ความคิดอย่างหนัก....
ป้าสร้อยนั่งคุยกับรัตนาวดีที่เก้าอี้รับแขกในห้องพัก "ทูนหัว...หม่อมฉันมีเรื่องอยากจะขอร้องเพคะ" รัตนาวดีถอนใจ
"หญิงไม่อยากได้ยินชื่อท่านดนัยแม้แต่คำเดียวนะคะ" "เปล่าเพคะ...หม่อมฉันไม่ได้จะทูลเรื่องท่านดนัย...แต่จะทูลเรื่องตานพ กับ วิมล" รัตนาวดีหันมามองอย่างสงสัย "คุณนพ กับวิมลเป็นอะไรคะ" "ตานพตามมาที่นี่ก็เพราะอยากมาพบวิมลเพคะ....ป้า...เอ้อ..ป้าสงสารเขา...อยากให้สองคนนั้นได้ไปเที่ยวกันสักหน่อย...ถ้าท่านหญิงจะไปพรุ่งนี้สองคนนี้ก็อดเที่ยวกันพอดี...พวกเค้าคงหาโอกาสอย่างนี้ไม่ได้อีกแล้วนะเพคะ" รัตนาวดีนิ่งคิด "แล้วป้าอยากให้วิมลอยู่ที่นี่ก่อนไหมล่ะคะ...เราไปกันแค่สองคน…ป้าจะไหวไหมล่ะคะ" "ถ้าเราไปวิมลก็ต้องตามเสด็จทูนหัวแน่ๆ เพคะ...คงไม่ยอมอยู่…ถึงจะอยากอยู่แค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าเราสองคนไป..วิมลก็ต้องไปกับเราเพคะ" รัตนาวดีพยักหน้าเห็นด้วย แต่สีหน้ายังดื้อดึง ป้าสร้อยรีบพูดต่อ "ขอเวลาให้เขาสองคนสักสองสามวันได้ไหมเพคะ" รัตนาวดีหันขวับมาทันที "สองสามวันเชียวเหรอคะ" "เพคะ...วันนี้ก็จะค่ำแล้ว...เราก็อยู่ของเรา...ไม่ต้องไปยุ่งกับท่านดนัยอีก"
รัตนาวดีนิ่งไม่พูด...

ป้าสร้อยเดินเข้ามาหา ท่านดนัย นพ และ วิมล ที่นั่งรออยู่อย่างกระวนกระวาย ทุกคนรีบเดินมาหาป้าสร้อย
"เป็นอย่างไรคะคุณป้าสร้อย" "ท่านหญิงทรงทัยอ่อนหรือยังครับ" ป้าสร้อยหอบ "ใจเย็นๆ...ขอป้าหายใจหน่อย" ท่านดนัยมองป้าสร้อยอย่างสงสาร "ลำบากคุณสร้อยแท้ๆ นะครับ" ป้าสร้อยหันมายิ้ม จับมือท่านดนัย "ไม่ลำบากอะไรเลยเพคะ...หม่อมฉันอยากทำทุกอย่าง เพื่อเป็นการไถ่โทษตัวเองที่เคยทำไม่ดีกับฝ่าบาท" ท่านดนัยหัวเราะเบาๆ "อย่าคิดมากเลยครับ....ผมไม่เคยรู้สึกไม่พอใจอะไรคุณสร้อยเลย" "เจ้าประคู้ณ...นี่อะไรกั้น เป็นเจ้านายแล้วลดองค์มารับใช้เราอยู่เป็นนานสองนาน หม่อมฉันก็มีตาเสียเปล่า แต่ไม่มีแวว นึกแล้วเชียวว่ามหาดเล็กท่านดนัยคนนี้ไม่ใช่ธรรมดา ออกจะมีสง่าราศี งามก็แสนจะงาม ตายแล้วต๊าย ต้องกราบบาทสักสามหน ขอประทานโทษที่ใช้ท่านมาเรื่อย" วิมลพูดล้อๆ "แค่โดนใช้วิ่งไปวิ่งมาหยิบของให้คุณป้าสร้อย เป็นคนอื่นคงท้อไปแล้วละค่ะ" ป้าสร้อยอาย ท่านดนัยหัวเราะ "ไม่เป็นไรหรอกวิมล ผมเต็มใจด้วยนี่นา" "แค่นั้นยังน้อยไป ยังประทานให้ป้าขี่พระขนองท่านอีก" นพตาโต "ขนาดนั้นเทียวหรือท่าน" วิมลรีบซ้ำเติม "ไม่ใช่แค่นั้นนะ...ทรงบีบนวดเท้าคุณสร้อย....แล้วก็อะไรนะคะ…ท่านหญิงทรงเล่าว่าเคยเช็ดอาเจียรคุณสร้อยด้วย" ป้าสร้อยโบกมือ "พอทีๆ ยิ่งพูดป้ายิ่งรู้สึกแย่" ท่านดนัยยิ้ม "แต่ผมกลับดีใจนะที่ได้ทำอะไรให้กับคุณสร้อย...คนที่เลี้ยงดูน้องหญิงมาอย่างดี...แล้วก็คอยดูแลทุกอย่างให้สมพระเกียรติ" ป้าสร้อยยกมือไหว้ท่านดนัย "โถ..ฝ่าบาท...น้ำพระทัยงามจริงๆ เพคะ...หม่อมฉันจะพยายามจนสุดความสามารถที่จะให้ฝ่าบาทสมหวังให้ได้เพคะ...แต่" ทุกคนหน้าเสีย วิมลถามอย่างร้อนรน ป้าสร้อยก็ทำท่าอ่อนใจ "ยังทรงตั้งทัยจะกลับให้ได้เหรอคะ" ป้าสร้อยสีหน้าอ่อนใจ "ป้าอ้างกับท่านเรื่องเรา กับตานพ...ท่านก็เลยยอมให้เราสองคนได้ไปเที่ยวกันบ้าง...แต่พรุ่งนี้ตอนบ่ายก็จะเสด็จกลับ" นพยิ้มดีใจ "อย่างน้อยเราก็ยังมีเวลา" "แหม...ท่านให้เวลาเราแค่วันเดียวเท่านั้น" วิมลบอก "วันเดียวก็ยังดี" ท่านดนัยว่า "ฝ่าบาทต้องทรงหาทางให้ได้นะเพคะ" ท่านดนัยใช้ความคิด
รัตนาวดีเปลี่ยนเป็นชุดสบายๆ นั่งอยู่ในห้อง เอาจดหมายท่านพจน์ออกมาอ่านอีก "เสด็จอาทรงมีพระประสงค์จะมีลายพระหัตถ์มาถึงน้อง.... ขอให้อ่านด้วยใจเย็น....อย่าเพิ่งไม่พอใจ หรือใจร้อนใดๆทั้งนั้น...และก่อนที่จะให้คำตอบใดๆ ทูลเสด็จอา... ขอให้น้องได้พบกับท่านดนัยเสียก่อน...น้องก็จะได้คำตอบทุกอย่าง" รัตนาวดีพับจดหมายเก็บ สีหน้ายังถือดี ป้าสร้อยเคาะประตูแล้วเดินเข้ามา รัตนาวดียื่นจดหมายท่านพจน์ให้ป้าสร้อย "เจ้าพี่ทรงมีจดหมายมาถึงหญิงแบบนี้...แปลว่าท่านทรงรู้เรื่องที่ท่านดนัยปลอมองค์มาเป็นนายเล็กใช่ไหมคะ" ป้าสร้อยรับจดหมายมาดู "ท่านดนัยคงมีจดหมายไปทูลท่านพจน์แน่เลยเพคะ.. ท่านพจน์จึงทรงแน่พระทัยว่าท่านดนัยรักฝ่าบาทอย่างแท้จริง...อย่างนี้นี่เอง...ท่านดนัยถึงได้ทรงขอให้ท่านพ่อ กับท่านแม่ไปสู่ขอฝ่าบาทกับเสด็จ...ที่ท่านพจน์ ทรงมีจดหมายมาก็เพราะหวังดีเห็นด้วยที่จะทรงแต่งงานกับท่านดนัย" รัตนาวดีพูดอย่างโมโห "นี่แปลว่าทุกคนรู้เรื่องกันหมด...มีแต่หญิงที่โง่อยู่คนเดียว" "แน้...องค์เดียวที่ไหน...หม่อมฉันอีกคนที่โง่ไม่รู้ไม่เฉลียวใจซักนิด" "แล้วป้าโกรธไหมล่ะคะที่โดนหลอกแบบนี้...ใช่ไหมล่ะคะ ป้าก็ต้องโกรธน่ะแหล่ะ" ป้าสร้อยทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ "เอ...ไม่เห็นจะโกรธเลยสักนิด...กลับดีใจละไม่ว่า" รัตนาวดีทำตาเขียว "ป้าคะ...ไม่ใช่เรื่องตลกนะคะ" ป้าสร้อยเดินมาใกล้ๆ พูดอย่างปลอบโยน "ทูนหัว...จดหมายนี่...ถ้าท่านพจน์ทรงรับทราบที่ท่านดนัยปลอมองค์มา...แต่ท่านชายก็รับสั่งอย่างระมัดระวัง" "ระวังเรื่องอะไรคะ" ป้าสร้อยพูดอย่างไม่เข้าข้างรัตนาวดี "ก็ระวังเพราะกลัวทูนหัวจะทรงกริ้วเกินเหตุน่ะสิเพคะ... ท่านดนัยก็เหมือนกัน...ที่ไม่กล้ารับสั่งสารภาพความจริงกับทูนหัว...ก็เพราะทรงกลัว" รัตนาวดีเชิดหน้าอย่างถือดี "เรื่องอะไรท่านจะทรงมากลัวหญิง" ป้าสร้อยปล่อยไม้เด็ด "ก็เพราะทรงรักฝ่าบาทมากน่ะสิเพคะ...รักมาก กลัวมาก กลัวว่าฝ่าบาทจะกริ้วท่านมาก...ตอนนี้ก็ทรงเป็นทุกข์ร้อน ไม่มีความสุข...เมื่อครู่หม่อมฉันได้เฝ้าท่าน...เห็นพักตร์หม่นหมองน่าสงสาร" รัตนาวดีหันหน้าหนี แอบดีใจ แต่ก็ยังดื้อ "ป้าอยากสงสารก็สงสารไปเถอะค่ะ...แต่หญิงน่ะ...ไม่มีวัน"
รัตนาวดีเชิดหน้าถือดี

บรรยากาศตอนเช้าสดใส เห็นความสวยงามของดอกไม้ ทะเลสาบติดโรงแรม พนักงานตัดแต่งต้นไม้
รัตนาวดีแต่งตัวอยู่ได้ยินเสียงเคาะประตูห้อง จึงเดินไปเปิด เห็นวิมล กับนพถือดอกกุหลาบช่อใหญ่ไว้ "โอ้โห..วิมล...คุณนพเอาดอกไม้มา Morning with love แต่เช้าเลยนะ." "ดอกไม้ช่อนี้ไม่ใช่ของวิมลกระหม่อม" รัตนาวดีหยุดยิ้มเพราะนึกรู้ นพเดินเข้ามาหารัตนาวดี "เป็นของท่านดนัยที่ประทานสำหรับฝ่าบาทกระหม่อม" นพยื่นดอกไม้ให้ รัตนาวดีมองนิ่ง นพหยิบจดหมายออกมาด้วย "แล้วก็ทรงมีจดหมายมาอีกด้วย....ทรงใช้เวลานานกว่าจะเขียนจดหมายฉบับนี้" รัตนาวดีที่ดูอ่อนโยนลง นพเดินเข้ามาในห้อง นพวางจดหมายและดอกไม้ไว้บนโต๊ะใกล้ๆ "หม่อมวางจดหมายไว้ที่นี่ดีกว่า....จะได้ทรงมีเวลาตัดสินพระทัย" นพหันไปพยักหน้าเรียกวิมล ทั้งสองคนเดินออกไปจากห้อง รัตนาวดียืนนิ่งอยู่คนเดียวในห้องพัก...
นพพาวิมลเดินออกมา เจอป้าสร้อยแอบมองอยู่อีกฟากหนึ่ง "พวกเราทิ้งท่านหญิงไว้องค์เดียวอย่างนี้จะดีหรือคะ" ป้าสร้อยพูดอย่างเด็ดเดี่ยว "ทำไมจะไม่ดี...ปล่อยให้ทรงคิดเองอย่างนี้แหล่ะ.. พวกเราอยู่ก็ยิ่งทำให้ทรงดื้อถือดี" นพหัวเราะ "เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินคุณสร้อยไม่สปอยด์ท่านหญิงนะครับ" "ก็ป้าสงสารท่านดนัย...ทรงลดองค์ทำเพื่อท่านหญิงทุกอย่าง ท่านหญิงก็ทรงงอนไม่เข้าเรื่อง"
"แต่ผมว่าคราวนี้ท่านหญิงคงหายงอนแน่...คงจะไม่ปฏิเสธความรักของท่านดนัย...ในเมื่อท่านรักท่านหญิงออกอย่างนี้" "ไม่แน่หรอกค่ะ...ท่านหญิงท่านทัยแข็งออก...ท่านอาจจะยังไม่แน่ทัยว่า ท่านดนัยรักท่านจริงหรือเปล่า...หรือแค่สนุกมาหลอกท่านเล่นๆ" "หวังว่าจดหมายท่านดนัยจะทำให้ท่านหญิงเข้าพระทัยทุกอย่าง" ป้าสร้อยพูดอย่างเป็นทุกข์... "ป้ารู้ว่าท่านหญิงน่ะ....ทรงโปรดนายเล็กมานานแล้ว ท่านพยายามรักษาพระเกียรติ...เพราะคิดว่าทรงรักนายเล็กผู้ต่ำต้อย" "ถึงได้ทรงไม่สบายพระทัย...ไม่มีความสุข" "ใช่...แล้วป้าก็คอยคุมท่านอย่างเข้มงวด...ท่านหญิงก็ทรงรู้องค์ว่าเป็นขัตติยะ พยายามอย่างยิ่งที่จะห้ามใจ....ทั้งๆ ที่ทรงทุกข์นักหนา" นพยิ้ม "ถ้าอย่างนั้นตอนนี้...ท่านหญิงก็ไม่ต้องทรงระวังองค์อีกแล้ว..ทรงรักนายเล็กองค์ปลอมได้ดังพระทัยซะที" "ขอให้เป็นอย่างนั้นด้วยเถิด" วิมลอก
ทั้งสามคนยิ้มอย่างมีความหวัง...
รัตนาวดีนั่งอ่านจดหมายท่านดนัยอยู่ตรงหน้าต่าง เห็นวิวสวยๆ "น้องหญิงยอดรัก...พี่ยอมรับผิดทุกอย่าง...จะไม่แก้ตัวเลยจนคำเดียว เธอจะโกรธ และ เกลียดพี่สักเพียงไหนพี่ก็ยอมทั้งสิ้น เธอจงด่าว่า และทำโทษพี่เสียให้สมกับความผิดเถิด เมื่อหายโกรธแล้ว ขอน้องหญิงจงยกโทษและให้โอกาสพี่ ถ้าคิดถึงเหตุการณ์ตั้งแต่ต้น ก็จะเห็นว่าความผิดทั้งหลายที่พี่กระทำ ก็เพราะเหตุผลเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ตั้งแต่ต้นจนจบ พี่อาจจะทำอะไรที่ไม่สมเหตุสมผล อาจทำอะไรหลายอย่างที่น้องหญิงคงมองว่าบ้าๆ บอๆ...แต่มันก็มาจากเหตุผลเดียวเท่านั้น...น้องหญิงคงจำได้ว่า..พี่ไม่ได้เป็นคนตั้งต้นเรื่องนาย เล็ก เธอเป็นคนคิดว่าพี่เป็นนายเล็กก่อน...พี่ไม่ได้ปฏิเสธเพราะไม่อยากให้เธอเปิ่น แต่แล้วก็ถลำตัวเป็นนายเล็กเข้าทุกทีจนถอนตัวไม่ขึ้น พี่ต้องปล่อยเลยตามเลยเพราะเห็นเป็นวิธีเดียวที่จะได้อยู่ใกล้ชิดน้อง...ได้คอยดูแลปกป้อง ถึงแม้พี่จะเป็นมหาดเล็กตัวปลอม แต่พี่ต้องการเป็นมหาดเล็กรับใช้ที่ดีของเธอ...ทำหน้าที่ไม่บกพร่องเลยไม่ใช่เหรอคะ ขอให้เห็นใจพี่บ้างได้ไหมคะ...ถ้าพี่ไม่รักน้องจนสุดหัวใจของพี่เช่นนี้แล้ว..คิดหรือว่าคนอย่างพี่จะยอมทนเป็นนายเล็กผู่ต่ำต้อยนานอย่างนี้"
ท่านดนัยรับใช้ป้าสร้อย กับ รัตนาวดีหลายอย่างตลอดการเดินทาง
"พี่ได้แต่กลุ้มใจอยู่ตลอดเวลาที่ต้องปลอมตัวเป็นนายเล็กมาหลอกเช่นนี้...พี่จึงขอให้หม่อมแม่ของพี่ไปสู่ขอเธอกับเสด็จป้าตามประเพณี...เพื่อแสดงให้เห็นว่า พี่ต้องการจะแต่งงานกับเธออย่างจริงใจ...พี่พยายามหาทางที่จะสารภาพความจริง...แต่ก็หาโอกาสได้ยากมาก เพราะคุณสร้อยไม่ยอมให้น้องคลาดสายตาเลย"
รัตนาวดีอ่านมาถึงตรงนี้ก็อดยิ้มไม่ได้
"ระหว่างที่เป็นนายเล็ก...น้องคงไม่รู้ว่าพี่ต้องหักห้ามความรู้สึกของพี่มากแค่ไหน...เพื่อไม่ให้แสดงออกว่าพี่รักเธอมากเพียงใด นายเล็กเองก็มีความรู้สึกเหมือนกันว่าเธอไม่ได้เกลียดเขา แต่ว่ากรุณาเขาไม่ได้...จึงไว้องค์ ถือองค์ และพยายามผลักไสเขาให้ไปไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้"
รัตนาวดีสีหน้าเขิน
"น้องหญิงคะ...ถึงเวลาแล้วที่เราจะยอมรับเปิดใจกันและกัน.. พี่รักเธอ..พี่ขอสัญญาว่าจะรัก และ ดูแลให้เธอมีความสุขที่สุด พี่ขอพาน้องหญิงไปดินเนอร์คืนนี้ได้ไหมคะ...จะมีแค่เราสองคนเท่านั้น...พี่อยากพบเธอ...อยากบอกเรื่องสำคัญกับเธอ คืนนี้พี่จะคอยอยู่ในล้อบบี้ของโฮเต็ลตั้งแต่สองทุ่ม ถ้าน้องไม่กรุณาพี่...ก็ขอให้รู้เถิดว่า มีคนๆ หนึ่งจะคอยอยู่ตลอดคืนด้วยความหวัง...ถ้าน้องปล่อยให้เขารอเก้อคืนนี้ คืนต่อไป เขาก็จะมาคอยอีก..และจะคอยอีกต่อไปทุกคืน...ดนัย"
รัตนาวดีอ่านจดหมายจบ ยังไม่ได้ยิ้มออกมา แต่แววตาเป็นประกาย

ท่านดนัยยืนสีหน้าร้อนรนอยู่ที่ล้อบบี้โรงแรม แต่งตัวหล่อมาก อีกมุมหนึ่งห่างออกไป ป้าสร้อย วิมล นพ คอยแอบมองด้วยสีหน้าลุ้นเต็มที่...
"ท่านดนัยเสด็จมายืนอยู่ที่นี่นานแล้ว" ป้าสร้อยบอก "ท่านมายืนที่นี่ทำไมคุณนพ...หรือจะทรงรอท่านหญิง" วิมลถาม "ผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน..จดหมายท่านดนัยที่ผมส่งให้ท่านหญิง...คงจะเป็นการที่ท่านดนัยทรงขอนัดให้ท่านหญิงเสด็จมาพบกัน" วิมลสีหน้าร้อนรน "คุณป้าสร้อยว่าท่านหญิงจะยอมเสด็จลงมาพบท่านดนัยไหมคะ" ป้าสร้อยสีหน้าครุ่นคิด "ป้าก็ไม่รู้เหมือนกัน" "อ้าว...คุณสร้อยรู้ทัยท่านหญิงมากกว่าใคร...ยังไม่รู้เหรอครับว่าท่านหญิงจะทรงยอมให้อภัยท่านชายหรือเปล่า" "อ้าว...ถึงป้าจะรู้ทัยท่านหญิงดีกว่าใคร...แต่เรื่องบางเรื่องที่เป็นส่วนองค์...ท่านก็จะตัดสินพระทัยเองจ้ะ" วิมลมองท่านดนัยอย่าสงสาร "โธ่...สงสารท่านดนัย...พระพักตร์หม่นหมองเชียวคุณนพ" "ผู้ชายก็อย่างนี้แหล่ะ...ลงตัดสินใจแน่แล้วว่ารักใคร... ก็จะยอมทุ่มเททุกอย่างให้คนที่เรารัก" นพยิ้มๆ มองหน้าวิมล วิมลเคลิ้ม ป้าสร้อยค้อนอย่างอดขำไม่ได้ "อย่าไปเชื่อ...ผู้ชายมันก็ปากหวานอย่างนี้ทุกคนละ" นพโอด "โธ่..คุณสร้อย...ไม่ใช่ผู้ชายทุกคนหรอกนะครับ"
ทุกคนจะได้ยินเสียงเปียโนดังมาจากล็อบบี้ด้านใน ทุกคนดีใจ เพราะรับรู้ว่าเป็นเสียงเล่นเปียโนของรัตนาวดี ท่านดนัยเดินกลับเข้าไปยังห้องที่รัตนาวดีเล่นเปียโน
รัตนาวดีกำลังเล่นเปียโน สีหน้าไม่ได้แสดงออกว่ายินดีที่จะพบท่านดนัยหรือไม่ ท่านดนัยเดินเข้าไปยืนฟังอยู่ใกล้...ท่านดนัยจ้องมองรัตนาวดีด้วยสายตาและสีหน้าที่แสดงความรักอย่างเต็มที่....รัตนาวดีเงยหน้าขึ้นมองและจ้องท่านดนัยโดยปราศจากรอยยิ้ม...ท่านดนัยยิ้มค้าง...เริ่มไม่แน่ใจ....จนกระทัjงรัตนาวดีค่อยๆยิ้มให้ท่านดนัย
นพ วิมล ป้าสร้อยที่คอยลุ้นอยู่อีกด้าน… เมื่อเพลงจบท่านดนัยเดินเข้าไปหารัตนาวดี รัตนาวดียืนขึ้น สีหน้าเขิน แต่ก็มีความสุข ทั้งสองสบตากัน รัตนาวดียกมือไหว้ท่านดนัยอย่างสวยงาม ท่านดนัยไม่ได้รับไหว้ แต่ใช้ทั้งสองมือจับมือของรัตนาวดีที่กำลังไหว้เอาไว้ ทั้งสองคนจึงดูเหมือนกำลังกุมมือกันและกัน ท่านดนัยยิ้มมองหน้ารัตนาวดีนิ่งนาน "โปรดยกโทษให้พี่ได้ไหมคะ" รัตนาวดีไม่ตอบ แต่ส่งยิ้มหวานให้ท่านดนัย "น้องหญิงคะ...น้องหญิงหายโกรธ และยกโทษให้พี่แล้วใช่ไหมคะ" รัตนาวดีเถียง แต่ก็ยิ้มๆ "แน้...ใครว่าคะ...ทรงทราบได้ยังไงว่าหญิงหายโกรธ และและยกโทษถวายแล้ว" ท่านดนัยยิ้มมีความสุข "ก็ต้องยกให้แล้วสิคะ...ไม่งั้นจะยอมลงมาพบพี่หรือ" "ที่ยอมมาก็เพราะกลัวเจ้าพี่จะรอทั้งคืน...ไม่ใช่เพราะหญิงหายโกรธ หรือยกโทษให้แล้วสักหน่อย" รัตนาวดีค่อยๆ ดึงมือกลับอย่างช้าๆ "น้องหญิงคงไม่รู้ว่าพี่ต้องอดทนเพียงไรตอนเป็นนายเล็ก ทั้งๆ ที่พี่รักเธอใจจะขาด...เส้นผมของน้องพี่ก็ไม่เคยแตะนิ้วของเธอสักนิ้วพี่ก็ไม่เคยโดน" รัตนาวดีช้อนตามองท่านดนัย "ใครว่าคะ...เจ้าพี่เคยโดนตัวหญิงหลายครั้ง" ท่านดนัยยิ้ม ทำท่านึก "อย่างนั้นไม่นับนี่คะ...พี่จำได้ว่าที่ต้องโดนองค์ก็เพราะ น้องหญิงเกือบตกบันไดบนปราสาทครั้งหนึ่ง" "แล้วก็ที่เยอรมัน...ที่ร้านอาหารตอนที่หนามกุหลาบตำมือหญิง เจ้าพี่ก็ดึงมือหญิงไปจับไว้" ท่านดนัยเงยหน้าหัวเราะเบาๆ "อ๋อ..วันนั้นก็ไม่นับค่ะ...น้องหญิงถูกหนามตำหัตถ์ เลือดออก พี่ก็เลยทำหน้าที่บุรุษพยาบาลเท่านั้นเอง...พี่...อยากอยู่ใกล้ๆน้องหญิงอย่างนี้...แต่ก็ไม่กล้า" ท่านดนัยเอื้อมมือไปจับทั้งสองมือของรัตนาวดีมากุมไว้ รัตนาวดีอยากปฏิเสธแต่ไม่อาจทำได้ "ก็เจ้าพี่อยากเป็นนายเล็กนี่คะ จะทำยังไงได้" "โธ่..อยากเป็นเมื่อไหร่เล่า...ความจำเป็นบังคับพี่นี่คะ... เออ..น้องหญิง สมมุติว่านายเล็กอดใจไว้ไม่อยู่ วันหนึ่งเวลาที่ลับตาป้าสร้อย เกิดดึงหัตถ์น้องขึ้นมาจูบ เธอจะว่าอย่างไรบอกพี่ซิ" รัตนาวดีค้อน "ไม่ทูลค่ะ" "บอกเถอะค่ะ...ซิคะ..น้องหญิงจะทำอย่างไร" รัตนาวดีตอบเสียงอ่อยๆ "หญิง...ไม่ทราบ" ท่านดนัยยิ้ม "จะตบหน้านายเล็กและไล่ออกจากงานไหม" "ไม่ทราบนี่คะ...หญิงไม่เคยคิดว่านายเล็กจะกล้าทำอย่างนั้น รู้แต่ว่า...ถ้าทำ...คงจะโกรธมาก...จนร้องไห้"
ท่านดนัยหัวเราะ จับมือแน่นขึ้น "ก็ดีน่ะซิคะ...พี่จะได้ปลอบ เช็ดน้ำเนตรให้ และสารภาพความจริงเสียเลย ชักจะเสียดายแล้วละซิที่ไม่ได้ลอง.. นึกๆ ก็อยากกลับไปเป็นนายเล็กอีก เอ้อ... ท่านหญิง...ท่านหญิงกระหม่อม" ท่านดนัยพูดพลางกระแอม รัตนาวดีมองหน้าท่านดนัยยิ้มๆ อย่างงอนๆ "เดี๋ยวเถอะนะนายเล็ก" ท่านดนัยหัวเราะแจ่มใจ "เจ้าพี่นี่ก้อ...อะไรก็ไม่รู้ ยังล้อหญิงอยู่ได้..หญิงอายนะคะ" "อายทำไมคะ" "ก็อายที่ไม่นึกเฉลียวใจนะซิคะ...แม้แต่ป้าสร้อยซึ่งเป็นคนขี้ระแวงที่สุด ก็นึกไม่ถึงว่าทำไมนายเล็กถึงได้เก่งนักหนามีความรู้ดี พูดได้ทั้งเยอรมัน ฝรั่งเศส...ดูแลหญิงกับป้าสร้อยอย่างดี ถ้าเป็นคนรถจริงๆ ก็คงไม่ทำได้ดีอย่างนั้นเป็นแน่...หญิงนี่โง่จริงๆ" รัตนาวดีรู้สึกแย่จริงๆ ท่านดนัยหัวเราะขำ "โธ่...น้องหญิง...อย่าตำหนิองค์เองอย่างนั้นเลยค่ะ" "มิหนำซ้ำหญิงยังจ่ายเบี้ยเลี้ยงให้เจ้าพี่ทีละ 10 ปอนด์บ้าง 20 ปอนด์บ้าง...แล้วก็ยังยุให้ไปหางานดีๆ หาแฟนรวยๆอย่างหนูอาด" รัตนาวดีก้มหน้าด้วยความอาย ท่านดนัยก้มหน้าลงไปยิ้มด้วย "น้องหญิงก็เลยอายจนไม่ยอมเจอหน้าพี่ใช่ไหมคะ" รัตนาวดีเงยหน้าขึ้นมายิ้มอายๆ "ก็ใช่น่ะสิคะ...รู้สึกว่าตัวเองโง่เหลือเกิน...ที่หลงเชื่อเจ้าพี่" ทั้งสองคนหยุดเต้นรำ ยืนมองหน้ากันอย่างมีความสุข "อาจเป็นเพราะบุพเพสันนิวาสของเรากระมังคะ..ที่ต้องเป็นอย่างนี้...น้องหญิงทราบไหมคะ...เพราะน้องหญิงวางองค์ดีไม่ยอมลดองค์มายอมรักนายเล็ก...ยิ่งทำให้พี่รักน้องหญิงมากยิ่งขึ้น....เฝ้ารอเวลาที่จะได้สารภาพความจริง" รัตนาวดียิ้ม "เทวดาจึงบังตาเรากระมัง...จำเพาะเจาะจงไม่ให้รู้จักกัน จนกว่าจะถึงเวลา"
ป้าสร้อย วิมล นพแอบมองอย่าสนใจ
ท่านดนัยพารัตนาวดีเดินมาที่มุมสวยๆ หยิบกล่องนาฬิกาในกระเป๋าสูทออกมาส่งให้รัตนาวดี "พี่มีของขวัญสำหรับน้องหญิงค่ะ" ท่านดนัยส่งให้รัตนาวดีด้วยแววตารักใคร่ รัตนาวดีรับมา "ลองเปิดดูสิคะ" รัตนาวดีเปิดกล่องดู เป็นนาฬิกาเรือนสวยที่เคยเห็นที่ร้านนาฬิกา รัตนาวดีดีใจ "สวยจริงๆ ค่ะ...ขอบพระทัยนะคะ" "นาฬิกาที่น้องหญิงยืนดูเมื่อวันก่อนไงคะ...นาฬิกายี่ห้อนี้เค้าทำอย่างละไม่กี่เรือนเรือนเท่านั้น" รัตนาวดีหันไปมองหน้าท่านดนัยอย่างซึ้งใจที่ท่านดนัยจำได้ "โชคดีที่หญิงไม่ได้ซื้อเรือนที่เห็นครั้งแรก...ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ได้เรือนที่สวยถูกใจที่สุดอย่างนี้" ท่านดนัยมองรัตนาวดีอย่างรักมาก "พี่ดีใจที่น้องหญิงชอบ" รัตนาวดียิ้มแจ่มใส "หญิงรักเลยค่ะ" ท่านดนัยลงนั่งชันเข่าข้างหนึ่ง "น้องหญิงคะ...แต่งงานกับพี่นะ...พี่สัญญาว่า..จะทำให้น้องหญิงมีความสุขมากที่สุด จะดูแลน้องหญิงจนเราแก่เฒ่าไปด้วยกัน" รัตนาวดียิ้ม น้ำตาคลอ "ค่ะ...หญิงจะแต่งงานกับเจ้าพี่" ท่านดนัยลุกขึ้นยืนดีใจ คว้ามือรัตนาวดีขึ้นมาจูบ ท่านดนัยใส่นาฬิกาให้รัตนาวดี ทั้งคู่ท่าทางที่มีความสุข
"กราบทูลเสด็จอาที่เคารพยิ่ง ทรงทราบ...เสด็จอารับสั่งให้หญิงรีบทูลตอบเรื่องที่เจ้าพี่ดนัย เพื่อเสด็จอาจะได้รับสั่งตอบเสด็จพ่อและหม่อมแม่ของท่านดนัย หญิงขอทูลว่าสุดแล้วแต่เสด็จอาจะทรงพระกรุณาโปรด หญิงยินดีจะกระทำตามพระประสงค์ทุกประการ... รัตนาวดี"
ท่านดนัยกระซิบถามรัตนาวดี "รักพี่สักนิดหรือเปล่าคะ" รัตนาวดีอาย "เห็นจะไม่นิดกระมังคะ" ท่านดนัยดีใจ "ถ้าไม่นิดก็มากซิคะน้องหญิง" รัตนาวดีทำงอน "ขี้ตู่" "ไม่ได้ตู่สักหน่อย ถ้าไม่นิดก็มากใช่ไหมล่ะคะ" รัตนาวดีหันหน้าหนีเพราะเขิน "หญิงไม่ทราบนี่คะ" "ทราบซีคะ...บอกพี่หน่อยสิคะน้องหญิง" ท่านดนัยจับตัวรัตนาวดีหันมา รัตนาวดียิ้มอายๆ "ใช่กระมังคะ"
ท่านดนัยดึงตัวรัตนาวดีเข้ามากอด ทั้งสองมองหน้ากันนิ่งนาน ท่านดนัยเชยคางรัตนาวดีอย่างรักใคร่ ทั้งสองคนยิ้มให้แก่กันอย่างมีความสุข.....
จบบริบูรณ์...
.
.
|