|
ppsan
|
 |
« on: 19 October 2025, 13:50:46 » |
|
ละคร ปริศนา เดอะซีรีส์ : รัตนาวดี ตอนที่ 10
https://mgronline.com/drama/detail/9580000121565
รัตนาวดี ตอนที่ 10 เผยแพร่: 1 พ.ย. 2558 17:42 โดย: MGR Online

รัตนาวดี ตอนที่ 10
มุมสวยๆ ที่เห็นปราสาทและทะเลสาบงดงาม ท่านดนัยกำลังต้มน้ำกับเตาแก๊สอันเล็กๆ
ใกล้ๆ กันป้าสร้อย รัตนาวดี ประพัทธ์ นั่งอยู่บนผ้าผืนใหญ่ที่ปูบนพื้นหญ้า มีอุปกรณ์เช่น ถ้วย กระปุกใส่น้ำตาล กระปุกกาแฟ วางอยู่ มีตะกร้าปิคนิคใบใหญ่วางอยู่บนผ้านั้นด้วย "ได้ออกมาสูดอากาศแบบนี้แล้วค่อยยังชั่ว" "ป้าลองคิดถึงนักโทษที่ถูกขังอยู่เป็นปีๆซิคะ" "ป้าไม่กล้าคิดหรอกเพคะ...น่ากลัวซะอย่างนั้น" รัตนาวดีลุกขึ้นเดินไปหาท่านดนัยที่ต้มน้ำอยู่ "ถ้าเรามีเตาแบบนี้..เราน่าจะทำได้มากกว่าชงกาแฟนะ" "เห็นจะได้กระหม่อม...ถ้ากลับไปโลซานน์กระหม่อมจะไปหาซื้อของมาเพิ่ม"
รัตนาวดีนึกสนุก ประพัทธ์คอยมองดูอย่างไม่สบอารมณ์ "ดีจ้ะ...ไปที่ไชน่าทาวน์นะ...เผื่อจะได้ข้าวมา..ไม่ได้กินข้าวมานานแล้ว…ฉันชักจะคิดถึงข้าวสวยร้อนๆ แล้วละซิ" ท่านดนัยมองรัตนาวดีตาเป็นประกาย "ไปเที่ยวตรงไหนเราจะได้ทำอาหารกินของเราได้...วิเศษจริงกระหม่อม" ประพัทธ์เดินมาดูด้วยความอิจฉา "เสร็จหรือยังล่ะ...มัวแต่โอ้เอ้เมื่อไหร่จะได้กินสักที...ท่านหญิงไปทรงรอกับคุณสร้อยเถอะกระหม่อม...เดี๋ยวให้นายเล็กทำ" รัตนาวดียิ้ม "ต้องช่วยๆ กันสิคะถึงจะสนุก …คุณประพัทธ์บอกป้าตักกาแฟใส่ถ้วยมาซิคะ หญิง กับ นายเล็กจะเติมน้ำร้อนให้" ประพัทธ์เดินไปแบบไม่เต็มใจ ท่านดนัยตะโกนตามหลัง "คุณสร้อยครับ...ชาอยู่ในหีบปิคนิคนะครับ" ป้าสร้อยพยักหน้าหงึกๆ เปิดหีบปิคนิคหาโถใส่ชาออกมา ประพัทธ์เขม่นท่านดนัยมาก แต่ก็ยังพูดเหน็บแนมด้วยเสียงปกติกับป้าสร้อย "จะวุ่นวายใช้คุณป้าสร้อยทำไม...ใครๆ เค้าก็กินกาแฟทั้งนั้น" ป้าสร้อยถอนใจ อยากจะเข้าข้างประพัทธ์แต่ก็พูดไม่ออก "ป้าไม่ดื่มกาแฟ...นายเล็กเค้ารู้" ท่านดนัยยกกาต้มน้ำเล็กๆ นั้น มารินใส่ถ้วยกาแฟที่ป้าสร้อยเตรียมไว้ ประพัทธ์แอบไม่พอใจป้าสร้อย "แหม…กลิ่นกาแฟหอมจริงๆ...ขอบใจนะนายเล็ก" รัตนาวดีรับกาแฟที่ชงแล้วมาจากท่านดนัย ท่านดนัยชงชาให้ป้าสร้อย "ป้าคะ..ได้นั่งจิบกาแฟกับธรรมชาติสวยงามรอบๆ ตัวเราอย่างนี้...มีความสุขจังเลย" ป้าสร้อยยิ้มสดใสที่เห็นรัตนาวดีมีความสุข ประพัทธ์รู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกินเลยเดินหนีไปอีกมุมหนึ่ง "ถูกต้องที่สุดเพคะ" รัตนาวดีชนแก้วกับป้าสร้อย
อีกมุมหนึ่ง ประพัทธ์เดินไปยืนสงบสติอารมณ์อยู่อีกมุมหนึ่ง ท่านดนัยเดินมาเอากาแฟมายื่นให้ "กาแฟครับ" ประพัทธ์มองถ้วยกาแฟที่ท่านดนัยยื่นให้อย่างไม่พอใจ พูดกับท่านดนัยด้วยเสียงเกรี้ยวกราดที่ พยายามไม่ให้ดังนัก "ฉันไม่ตื่นเต้นกินกาแฟของแกหรอก....อยากจะเอาอกเอาใจป้าสร้อยก็เรื่องของแก...แต่อย่ามายุ่งกับฉัน..แล้วฉันก็ขอเตือนให้แกอยู่ห่างๆ ท่านหญิงเอาไว้ด้วย" "ความจริงผมน่าจะเตือนเรื่องมารยาทคุณมากกว่า คุณไม่ควรใช้คำพูดแบบนี้ไม่ว่ากับใครทั้งนั้น"
ประพัทธ์ก้าวเข้ามาหาท่านดนัยด้วยความโกรธ ท่านดนัยถือถ้วยกาแฟที่มีกาแฟเต็มถ้วยขวางไว้ประพัทธ์จึงชะงัก "แกเป็นใคร...บังอาจมาพูดยโสกับฉัน" ท่านดนัยหัวเราะ "๒ผมก็จำไม่ได้เหมือนกันว่าผมเป็นใคร...ถ้านึกได้จะบอกคุณเป็นคนแรก"
ท่านดนัยหันหลังรีบเดิน ประพัทธ์แค้น...

ท่านดนัยกำลังยกตะกร้าปิคนิกเก็บท้ายรถ รัตนาวดี กับ ป้าสร้อยเดินมาดู
"แหม…ฉันชอบตะกร้าปิคนิกของนายเล็กจริง...มันใหญ่ดี ใส่ได้สารพัดอย่าง" ท่านดนัยหันมายิ้มกับท่านหญิง "เป็นของท่านดนัยกระหม่อม...โปรดปิคนิกมากเหมือนกัน พูดอย่างมีความสุขจนลืมตัว อย่างเวลาไปตกปลา...ก็เอากาแฟไปต้มทานริมน้ำ...บางทีก็ตกปลาไปดื่มกาแฟไป" "แหม…ฟังแล้วน่าจะมีความสุขจริง..แล้วท่านโปรดให้เอาปลาที่ตกได้มาทำอาหารทานริมแม่น้ำด้วยหรือเปล่า" "โดยมากจะปล่อยกลับไปกระหม่อม ท่านตกเอาสนุกอย่างเดียว อย่างคราวที่แล้วที่สก็อตแลนด์ตกได้ก็มีคนมาขอซื้อ" "แสดงว่านายเล็กตามเสด็จท่านดนัยไปทุกๆ ที่…อย่างนี้ ต้องเดินทางมากับฉันนานๆ ไม่คิดถึงท่านแย่หรือ" ท่านดนัยได้แต่ยิ้ม "กระหม่อมมีอะไรให้คิดหลายอย่าง...เลยไม่ได้นึกถึงท่านเท่าไหร่กระหม่อม" "แล้วนี่คุณประพัทธ์หายไปไหน...ไม่เห็นพักนึงแล้วนะ" สร้อยถาม ประพัทธ์เดินถือผ้าที่ปูนั่งปิคนิกที่พับเรียบร้อยเดินมาพอดี "มาแล้วครับคุณสร้อย" ประพัทธ์เอาผ้าไปยื่นให้ท่านดนัยด้วยท่าทางสุภาพเป็นมิตร "นายลืมเก็บผ้าที่ปูนั่ง...ฉันก็เลยเก็บมาให้แล้ว" ท่านดนัยมองประพัทธ์อย่างจะมาไม้ไหนแน่ รับผ้านั้นมา "ขอบคุณครับ...ผมไม่ได้ลืม...แต่เมื่อกี้ท่านหญิงยังประทับกับคุณสร้อยอยู่...เลยกะว่าจะไปเก็บทีหลัง" ประพัทธ์เอามือตบบ่าท่านดนัยอย่างเป็นกันเอง ด้วยสีหน้ายิ้มๆ "ไม่เป็นไร...ช่วยๆ กัน…ฉันไม่อยากเห็นนายเหนื่อยอยู่คนเดียว" ท่านดนัยมองหน้าประพันธ์ ด้วยความแปลกใจ...ประพัทธ์เห็นเรือที่กำลังแล่นเข้าเทียบท่า"ท่านหญิง...เสด็จเที่ยวทางเรือมั้ยกระหม่อม" รัตนาวดีสีหน้าแปลกใจ "นายเล็ก..เรือนี่ไปไหนจ้ะ" ท่านดนัยถอนใจเพราะรู้ว่ารัตนาวดีชอบ "ไปท่าเรือที่โลซานน์กระหม่อม" "ไกลจากอินเตอร์ลาเคนมากมั้ยจ๊ะ" "เราไปกันดีกว่า...นายเล็กพาคุณป้าสร้อยไปรอที่ท่าเรือฝั่งโน้นนะ"
ป้าสร้อยโวย "ไม่ได้...ป้าจะตามเด็จท่านหญิงด้วย" ประพัทธ์โต้แย้งแต่ก็ด้วยท่าทางสุภาพ "คุณป้าว่ายน้ำไม่เป็นไม่ใช่เหรอครับ...ไหนบอกว่าไม่ชอบนั่งเรือ" ป้าสร้อยหน้าบึ้ง "ก็ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่หรอก...แต่เรือมันใหญ่..ยังไงป้าก็จะไปกับท่านหญิง" "ป้าไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ...เราจะได้ดูวิวข้างแม่น้ำ หญิงว่าจะต้องสวยมากๆ เลย" ป้าสร้อยมองรัตนาวดีอย่างอ่อนใจ "เพคะ" ประพัทธ์ไม่พอใจอย่างยิ่ง "เดี๋ยวนายเล็กก็นั่งเรือไปด้วยกัน แล้วค่อยนั่งรถรับจ้างย้อนกลับมาเอารถนะ" "ไม่เป็นไรกระหม่อม เดี๋ยวกระหม่อมจะขับรถไปคอยรับที่ท่าเรือฝั่งโน่นเลย...ท่านหญิงจะได้ไม่เสียเวลารอที่ท่าเรือนานไป" ประพันธ์โล่งอกที่ท่านดนัยไม่ได้ตามไปด้วย
ท่านดนัยยืนอยู่ที่ท่าเรือใกล้ปราสาท ชีลง รัตนาวดี ป้าสร้อย และ ประพัทธ์ ยืนอยู่บนเรือที่แล่นออกไป รัตนาวดีโบกมือให้ท่านดนัยที่ยืนส่งอยู่ที่ท่าเรือ...
ประพัทธ์พารัตนาวดี กับ ป้าสร้อยมาหาที่นั่งบนเรือ รัตนาวดีเป็นคนจูงป้าสร้อย ประพัทธ์คอยแต่จะประคองรัตนาวดี "ระวังทางเดินกระหม่อม...เดี๋ยวจะสะดุด" "ขอบใจค่ะ...ป้าคะ..เรานั่งที่นี่ดีกว่าจะได้ดูวิวให้ถนัดหน่อย" รัตนาวดี กับ ป้าสร้อยลงนั่ง ม้านั่งนั้นนั่งได้สองคน ประพัทธ์จึงยืน "เอ้อ..กระหม่อมจะไปหาเครื่องดื่มมาถวาย" รัตนาวดีกับป้าสร้อยนั่งดูวิวสองฝั่งทะเลสาบ รัตนาวดีชี้มือให้ป้าสร้อยดู "ฝั่งโน่นเป็นประเทศฝรั่งเศสคะ" ป้าสร้อยทำหน้าแปลกใจ
"อยู่ใกล้แค่นี้เองนะเพคะ...แล้วเค้าแบ่งเขตในทะเลสาบกันยังไง"

รัตนาวดียิ้มกับป้าสร้อย ป้าสร้อยก็ยิ้มตอบ...ประพัทธ์เดินกลับมาพร้อมกับแก้วเครื่องดื่มสองที่ ประพัทธ์เอาแก้วเครื่องดื่มมาวาง
"ของท่านหญิง กับ คุณสร้อยครับ" "ขอบคุณค่ะ" "แล้วของตัวเองล่ะจ้ะ" ประพัทธ์ยิ้มแจ่มใส "ของผมสั่งไว้เดี๋ยวค่อยไปเอาครับ...ท่านหญิง..ทางด้านโน้นมีที่มองเห็นวิวสวยๆ...พี่แน่ใจว่าท่านจะโปรด" รัตนาวดีสนใจ "ดีเหมือนกันค่ะ ป้ารอที่นี่นะคะ...เดี๋ยวหญิงมา" ประพัทธ์ซ่อนสีหน้าดีใจ รีบเดินนำรัตนาวดีไป ป้าสร้อยมองตาม จิบเครื่องดื่มสบายใจ
ประพัทธ์พารัตนาวดีเดินออกมาชมวิวนอกเรือ….ประพัทธ์พยายามทำท่าซึ้ง "ท่านหญิง...คืนนี้พี่ขอพาท่านหญิงไปดินเนอร์ได้ไหม" "เราก็ต้องไปทานกันอยู่แล้วนี่คะ" "เฉพาะพี่กับท่านหญิงเท่านั้นค่ะ" "แล้วป้าสร้อย กับ นายเล็กล่ะคะ...เราจะทิ้งเขาไปได้ไง" ประพัทธ์พยายามขยับเข้าใกล้ รัตนาวดีถอยหนี "เราไม่ได้ทิ้งค่ะ...เราแค่แยกไปทานกันสองคนบ้าง" รัตนาวดีทำท่าคิด "เอ่อ…หญิงว่าเราหาอะไรทานง่ายๆ ดีกว่าคะ...วันนี้ก็เหนื่อยกันทั้งวันแล้ว" "กระหม่อม" ประพัทธ์แสดงอาการผิดหวัง
ห้องทำงาน ตำหนักศิลาขาว หม่อมเจ้าพจน์ปรีชานั่งอ่านจดหมายท่านดนัย "ปริศนาเขียนมาแนะนำหม่อมว่าให้สารภาพความจริงต่อชน้องหญิงนั้น หม่อมลองคิดดูเห็นว่ายังไม่ได้...เราทุกคนรู้ดีอยู่แล้วว่า น้องหญิงเป็นคนที่เฮี้ยว อวดดี แสนงอนเพียงไร ถ้าเธอรู้ว่าหม่อมปลอมตัวมา คงโกรธหม่อมมาก...หม่อมกลัวเธอจะไม่ยอมยกโทษให้หม่อม...หม่อมคงตายแน่...เวลานี้นายประพัทธ์คอยจะหาโอกาสกะหนุง กะหนิงและอยู่ตามลำพังกับน้องหญิงอยู่เรื่อย แต่ท่านไม่ต้องทรงเป็นห่วงน้องสาวของท่านดอก...ป้าสร้อยนี่เป็นแชปเปอโรนที่วิเศษที่สุดเท่าที่หม่อมเคยเห็นมา" ปริศนาเดินมาหาท่านพจน์ ท่านพจน์พับจดหมายเก็บหันมาหาปริศนายิ้มๆ "จดหมายท่านหญิงหรือเพคะ" "ของท่านดนัย...นายประพัทธ์นี่ใครกัน" "เป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยเดียวกับท่านหญิงเพคะ... ไปเรียนอยู่ที่อังกฤษ" ท่านพจน์ยื่นจดหมายท่านดนัยให้ปริศนา "ท่านดนัยเล่าว่าพริสแนะนำให้ท่านไปสารภาพความจริงกับน้องหญิง" ปริศนาเงยหน้าจากจดหมายยิ้มหวาน "ก็ปริศนาสงสารท่าน...ดูซิ...เป็นเจ้าชายแท้ๆ แต่ต้องโดนนายประพัทธ์น่ะเบ่งทับซะจ๋อยไปเลย." ท่านพจน์หัวเราะเบาๆ "คิดดูก็สมน้ำหน้าท่านดนัย...อยากเล่นพิเรนเอง... แค่ถ้าท่านดนัยทำอย่างที่พริสแนะนำ...น้องหญิงจะไม่โกรธแย่เหรอจ้ะ" ปริศนาทำท่าคิด "ถ้าเป็นปริศนา....ปริศนาไม่โกรธ...กลับเห็นตลกเพคะ" "แต่เธอกับน้องหญิงต่างกัน...ถ้าจะออกความเห็นในเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวกับเรานัก...ต้องระวัง" ปริศนาหน้าเสีย "ปริศนาพูดผิดเหรอเพคะ" ท่านพจน์คิดจะเรียบเรียงคำพูด "ไม่เรียกว่าผิดหรอก....อาจจรอบคอบน้อยไปนิดนึง" "ก็แปลว่าไม่ถูก...ก็ผิดน่ะแหล่ะ" "ฉันคิดว่าจะดูๆ ไปสักหน่อย...เพราะบอกตรงๆ ว่ายังไม่แน่ใจ ดูมันจะหวือหวาไปหน่อย...มันไม่นิ่ง" "ไม่นิ่งยังไงเพคะ." "นิ่งที่จะศึกษากันและกันให้แน่ๆ" "แต่ปริศนากลับคิดว่า...ท่านดนัยปลอมองค์แบบนี้ ทำให้ท่าน กับท่านหญิง ได้เรียนรู้กันดีกว่าซะอีก" "ดีกว่ายังไง..." "สำหรับท่านดนัย...ท่านเคยองค์ฐานะหนุ่มโสดเนื้อหอมเคยแต่ต้องวิ่งหนีผู้หญิงที่ตื่นเต้นกับยศศักดิ์ของท่าน แต่คราวนี้ต้องวิ่งตามท่านหญิง และต้องพิสูจน์คุณค่าองค์เอง ให้ผู้หญิงที่ท่านรักยอมรับ" "แล้วเธอคิดว่าน้องหญิงจะรับได้เหรอ...ฉันไม่แน่ใจซะด้วยซ้ำว่าน้องหญิงจะสนใจท่านดนัยในฐานะนายเล็กหรือเปล่า" ปริศนายิ้มเจ้าเล่ห์ "แต่หม่อมฉันออกจะแน่ใจว่าท่านหญิงสนใจนายเล็กแล้วละเพคะ" "แต่ฉันรู้จักน้องหญิงดี....เค้าจะไม่ยอมรับอะไรง่ายๆ หรอกนอกจาก…." "นอกจากอะไรเพคะ"
"นอกจากจะมีแรงกระตุ้นที่มากพอ" ท่านชายพจน์ว่า

ท่านดนัยพารัตนาวดี ป้าสร้อย ประพันธ์ เข้ามาในล็อบบี้ของโรงแรม Grand Victoria Jungfrau ป้าสร้อยจาม..
"เอ…สงสัยหวัดจะมาซะแล้ว" รัตนาวดีเดินเข้ามาถามอย่างเป็นห่วง "รู้สึกไม่สบายหรือเปล่าคะ" "นอนพักซะก็หายเพคะ...ไม่ได้เป็นอะไรมาก"
ทั้งหมดนั่งรอท่านดนัยที่เก้าอี้รับแขกในล็อบบี้ ท่านดนัยกำลังพูดกับพนักงานที่เคาน์เตอร์….ป้าสร้อยจามอีกครั้ง "เอ…ท่าจะเอาจริง" ประพัทธ์ทำท่าร้อนรนจนเว่อร์ "ผมว่าไม่ได้การแล้วละครับ...แถวนี้มีโรงพยาบาลที่ไหนบ้างล่ะ จะปล่อยให้คุณสร้อยจามสนั่นโรงแรมอย่างนี้ไม่ได้แน่...ฝรั่งยิ่งปอดแหกกลัวเชื้อโรคอยู่ด้วย...เดี๋ยวมันไม่ให้เราพักละก็แย่เลย." รัตนาวดีกับป้าสร้อยมองหน้าประพัทธ์นิ่งอย่างนึกไม่ถึง ท่านดนัยเดินมาฟัง "มันจะขนาดนั้นเลยเหรอ" สร้อยว่า "ต้องกันไว้ก่อนครับ" "ท่านพจน์ทรงให้ยามาหรือเปล่ากระหม่อม" รัตนาวดีนึกได้ "ให้มาซิ...เจ้าพี่จัดยามาเผื่อทุกอย่างเลย" "ดีเลย...ถ้าอย่างนั้นให้คุณสร้อยทานยาแล้วรีบนอนดีกว่า คืนนี้พี่จะพาท่านหญิงออกไปเสวยอาหารอร่อยๆ แถวนี้ดีไหมกระหม่อม" รัตนาวดียิ้มๆ "หญิงว่าจะอยู่เป็นเพื่อนป้าดีกว่าค่ะ...เชิญคุณประพัทธ์ไปเที่ยวตามสบายดีกว่า" ประพัทธ์ทำสีหน้าเป็นห่วง "ท่านหญิงไม่เสด็จ พี่จะสนุกได้ยังไง...เอาอย่างนี้ดีกว่า ถ้าเปลี่ยนทัย พี่จะมาคอยท่านหญิงที่นี่ตอนสองทุ่ม" "สองทุ่มดึกไปแล้ว...ถ้าท่านหญิงอยากเด็จก็ได้เพคะ หม่อมฉันไม่ได้ป่วยไข้อะไรมาก...ทานยาท่านชายแล้วนอนซะก็หาย" "ไม่เป็นไรค่ะ หญิงก็อยากพักเหมือนกัน"
ในห้องพัก ป้าสร้อยทานยาแล้วเดินไปลงนอน "ป้าหิวไหมคะ...หญิงจะสั่งอาหารขึ้นมาให้ทาน" "ยังอิ่มขนมเมื่อตอนบ่ายอยู่เลยเพคะ...ฝาบาทเลยต้องมาเฝ้าคนแก่...เด็จไปเหวยอาหารเย็นกับคุณประพัทธ์ดีไหมเพคะ" รัตนาวดีมองอย่างแปลกใจ "ป้ายอมให้หญิงไปกับประพัทธ์สองคนเหรอคะ." "ก็ให้นายเล็กตามไปด้วยก็ได้นี่เพคะ" รัตนาวดีหัวเราะ "อย่าห่วงเลยค่ะ...หญิงอาจจะลงไปนั่งทานที่ห้องอาหารฃโรงแรมที่นี่ค่ะ...แต่ก็อยากนอนพักเหมือนกัน อาจจะเปลี่ยนใจนอนเลยก็ได้" รัตนาวดีดึงผ้าห่ม ห่มให้ป้าสร้อย แล้วเดินออกไปจากห้องนอนป้าสร้อย ปิดประตู
ท่านหญิงรัตนาวดีเดินมาที่ห้องนั่งเล่นตรงกลาง เปิดประตูระเบียงออกไปยืนดูวิวที่สวยงามของยอดเขาจุงเฟรา มองภาพที่สวยงามนั้นด้วยสีหน้าที่มีความสุข แต่พอมองลงไปด้านล่างก็เห็นประพัทธ์ แต่งตังโก้ ท่าทางรีบเดินไปทางคาสิโน
รัตนาวดีอดยิ้มไม่ได้

ท่านดนัยเดินกำลังก้มหน้าเดินขึ้นบันได จนเดินไปชนเข้ากับใครบางคนที่กำลังเดินสวนลงไป ท่านดนัยอุทานออกมาเป็นภาษาเยอรมันโดยยังไม่ได้มองหน้า
"แฟดไซฮุง" รัตนาวดีที่โดนชนเงยหน้ามองเห็นท่านดนัย "นายเล็ก" ท่านดนัยพอเห็นเป็นรัตนาวดีก็ดีใจมาก "ท่านหญิง" ท่านดนัยรู้สึกตัว รีบโค้งให้รัตนาวดีนิดหนึ่ง "ฉันว่าจะนอนพัก...แต่เห็นธรรมชาติที่นี่สวยเหลือเกิน เลยอดที่จะลงมาเดินเล่นไม่ไหว …ขอบใจมากนะ ที่พามาที่สวยๆ อย่างนี้" ท่านดนัยยิ้ม อดไม่ได้ที่จะมองหน้ารัตนาวดีอย่างรักมาก "ฝ่าบาททรงโปรด...กระหม่อมก็ดีใจที่สุดแล้ว" รัตนาวดีอายจนต้องหลบตา "บ้านฉันอยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา...พอเห็นทะเลสาบที่นี่ทำให้ฉันฝันไปว่าได้มีบ้านริมทะเลสาบก็คงจะดี...จะได้ขับเรือสนุกไปเลย" ท่านดนัยทำท่าแปลกใจ อดขำไม่ได้ "ทรงขับเรือเป็นด้วยหรือกระหม่อม" รัตนาวดีเดินไปเรื่อยๆ ได้ยินเสียงท่านดนัยขำก็หยุดหันมา "เธอขำเรื่องอะไร เรื่องฉันขับเรือน่ะเหรอ ตลกตรงไหน" ท่านดนัยยิ้มๆ "กระหม่อมไม่ได้ขำ...กระหม่อมแปลกใจว่าผู้หญิงเค้าขับเรือกันที่ไหนกันกระหม่อม.."
รัตนาวดีหัวเราะบ้าง "เค้ามีข้อห้ามเหรอ...ไม่เห็นตลกซักหน่อย...ฉันว่าขับเรือน่ะง่ายกว่าขับรถซะด้วยซ้ำ...ฉันขับของฉันตั้งแต่ยังไว้ผมเปีย" ท่านดนัยหันมามองรัตนาวดี
"ฝ่าบาททรงเป็นผู้หญิงที่ไม่เหมือนใครจริงๆ...ทรงมีเรื่องให้กระหม่อมแปลกใจเสมอ" รัตนาวดียิ้ม "เธอก็มีเรื่อง surprise ฉันบ่อยๆ เหมือนกัน" "แล้วฝ่าบาทโปรด หรือ ไม่โปรดเรื่อง surprise กันกระหม่อม" "หมายความว่าไง...ชอบ หรือ ไม่ชอบเรื่องประหลาดใจ" "เอ้อ…คือบางคนเค้าไม่ชอบเรื่องประหลาดใจ...แต่ บางคนก็ชอบ... คือพอเจอเรื่อง surprise เค้าจะรู้สึกสนุกดี...เอ้อ...รู้สึกไม่โกรธเพราะเข้าใจว่า คนทีทำให้ประหลาดใจไม่ได้คิดไม่ดี...แค่อยากล้อเล่น" รัตนาวดีมองหน้าท่านดนัยยิ้มๆ "เธอพูดอย่างกับเธอจะ surprise อะไรฉัน" ท่านดนัยนิ่งคิด อยากสารภาพมาก ท่ามกลางบรรยากาศสวยงาม "ถ้ากระหม่อมทำจะทรงกริ้วไหมกระหม่อม" รัตนาวดียิ้มๆ "มันก็ต้องแล้วแต่ว่าเรื่องอะไร" ท่านดนัยวัฒนามองรัตนาวดีนิ่งพยายามตัดสินใจ
วันใหม่ ในโรงพยาบาลที่วิมลฝึกงาน ที่ลอนดอน นพเดินคุยอยู่กับวิมล "ท่านหญิงไม่ได้ทรงเขียนจดหมายมาอีกเหรอ" นพถาม "ช่วงนี้ท่านเงียบๆ ไปค่ะ...ไม่รู้คุณประพัทธ์ไปแล้วเป็นยังไงกันบ้าง..ฉันว่าท่านคงสนุกเลยไม่ได้ทรงบ่นอะไรมา" นพหัวเราะ "หรือไม่ก็ทรงรู้สึกยุ่งยากจนไม่รู้จะเขียนมาบอกอะไร" "คุณประพัทธ์เค้าก็ดีนี่คะ...เค้าก็คุ้นเคยกับท่านหญิงมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย...คงเที่ยวกันสนุก" "ผมว่าความต้องการของเขาไม่ใช่แค่ไปเที่ยวอย่างเดียวละมัง" จูนเดินอยู่ไกลๆ ที่โรงพยาบาล วิมลหันไปเห็น "นั่นจูนนี่คะ...ทำไมหมู่นี้เห็นเค้ามาโรงพยาบาลบ่อยๆ" นพหันไปมอง "ผู้หญิงที่เคยควงกับประพัทธ์น่ะเหรอ"
จูนเดินมาเห็น นพ กับ วิมล ก็สะบัดหน้าอย่างไม่พอใจ เดินไปอีกทาง แต่พอเดินไปได้หน่อยก็หยุดคิดหันกลับมามองวิมล กับ นพ สีหน้ามีความทุกข์....

จูนนั่งน้ำตาไหลเงียบๆ วิมลอ่านผลการตรวจร่างกายของจูน มีนพนั่งอยู่ข้างๆ วิมลเงยหน้ามองด้วยความเห็นใจ
"กี่เดือนแล้วคะ" "สามเดือนกว่าแล้วค่ะ" "แล้วประพัทธ์รู้หรือยังครับ" จูนพยักหน้า พยายามกลั้นสะอื้น "เค้ารู้...แต่เค้าก็รีบไปหาท่านหญิง...เค้ารักท่านหญิงมาก เค้านัดกันใช่ไหมคะ...ฉันอยากรู้แค่นั้น...จะได้รู้ว่าจะต้องทำยังไงกับตัวเองดี" "ท่านหญิงท่านก็ชวนเพื่อนทุกคนค่ะ...ไม่ได้เจาะจงพี่ประพัทธ์ เราสองคนก็อยากไป...แต่ติดเรื่องเรียนจริงๆ ไม่อย่างนั้นฉันก็ตามเสด็จท่านหญิงไปแล้" จูนสีหน้าไม่พอใจ "ฉันคิดว่าคุณสองคนอาจจะยังไม่รู้ก็ได้ว่าสองคนนั่นเค้าชอบกัน หรือคุณอาจจะรู้....แต่ไม่อยากบอกฉัน" นพมองหน้ากับวิมล "ใจเย็นๆ ก่อนครับ...ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณตอนนี้ดี ท่านหญิงไม่ได้โปรดประพัทธ์อย่างที่คุณเข้าใจ...ท่านให้เกียรติที่ประพัทธ์เป็นรุ่นพี่ท่านเท่านั้น" "ฉันยืนยันได้ค่ะ...ฉันโตมากับท่าน...รู้ทัยท่านดี ตอนที่ท่านมาถึงที่นี่ ท่านยังไม่ติดต่อไปหาพี่ประพัทธ์ เลย…แต่ไปเจอกันโดยบังเอิญ" จูนสีหน้าเป็นทุกข์มาก "ฉันคิดไม่ออกว่าจะทำยังไงดี...ฉันไม่อยากเอาเด็กออก" วิมลตกใจ "อย่านะคะ...ลูกเราทั้งคน...บาปกรรมมากด้วย" จูนสะอื้น "พ่อแม่ฉันต้องผิดหวังมากแน่ๆ...ไหนจะเรื่องเรียนอีก" "เรื่องเรียนดรอปไว้ก่อนก็ได้...แต่เรื่องสำคัญคุณต้องคุยกับประพัทธ์ให้รู้เรื่อง" จูนร้องไห้ "เค้าไม่ยอมฟัง...เขาวิ่งหนีไปเลยด้วยซ้ำ" นพ กับ วิมล มองจูนอย่างสงสาร...
วิมลเดินคุยกับ นพ สีหน้าเป็นทุกข์ทั้งสองคน "เชื่อไหมผมไม่แปลกใจเรื่องนี้เลย...เห็นท่าทางนายประพัทธ์แล้วรู้เลยว่าต้องมีวันนี้" "วันที่เขาวิ่งตามท่านหญิง หรือ วันที่รู้ว่าจูนท้องล่ะคะ" "ก็ทั้งสองอย่างนะแหล่ะ." "น่าสงสารจูน...จะโดนนายประพัทธ์หลอกเอาหรือเปล่าก็ไม่รู้ใจร้ายจริงๆ" "ของอย่างนี้ตบมือข้างเดียวไม่ดัง...เป็นผู้หญิงอยากมาเรียนเมืองนอก...ถ้าไม่ระวังตัวระวังใจให้ดีก็...เสียคน คนที่น่าสงสารนะ พ่อแม่จูนมากกว่า" "เราหาทางช่วยจูนดีไหมคะ...รีบเขียนจดหมายไปทูลท่านหญิง" "แต่มีบางอย่างที่ผมนึกกลัว"
วิมลมองหน้านพ "เรื่องอะไร...อย่าบอกนะว่าคุณนพกลัวท่านหญิงกับนายประพัทธ์จะ…." "ชอบกัน" วิมลหยุดเดิน สีหน้าเป็นทุกข์มากขึ้น พูดอย่างโวยวาย "ไม่เอาหรอก...นายประพัทธ์ไม่เห็นเหมาะสมกับท่านหญิงซักนิด..ฉันว่าท่านหญิงไม่มีวันโปรดนายประพัทธ์แน่ๆ" นพหัวเราะ "เมื่อก่อนละ พี่ประพัทธ์อย่างนั้นอย่างนี้...ตอนนี้เป็นนายประพัทธ์ซะแล้ว" "ฉันต้องรีบเขียนจดหมายไปทูลท่านหญิงดีกว่า....โทรเลขดีกว่า จดหมายมันช้าไป...คิดแล้วใจไม่ค่อยดีเลย...กลัวท่านหญิงไปเผลอใจอ่อนกับนายประพัทธ์" นพนิ่งคิด "คุณก็กลัวว่าจะเป็นอย่างนั้นเหมือนกันใช่ไหม" วิมลร้อนใจ แต่ก็พยายามปลอบใจตัวเอง... "แหม…ไปเที่ยวกันสองคน...มองกันไปมองกันมา...แต่ท่านหญิงท่านคงไม่โปรดหรอกนะ...คุณสร้อยอยู่ทั้งคน...ไม่ต้องห่วงหรอก" "แล้วถ้าคุณสร้อยเกิดถูกใจนายประพัทธ์ล่ะ" วิมลมองหน้านพนิ่ง "ไม่นะ...ขออย่าให้เป็นอย่างนั้นเลย...ฉันจะรีบส่งข่าวท่านดีกว่า" "แล้วคุณจะทูลท่านหญิงว่ายังไง...ให้บอกประพัทธ์กลับด่วน จูนท้อง...อย่างนั้นเหรอ...ถ้าเค้าไม่ยอมรับล่ะ ท่านหญิงจะทรงกริ้วเราหรือเปล่าที่เอาเรื่องไม่จริงไปทูล" วิมลคิดหนัก....
ท่านดนัยเดินออกจากห้องนอน ประพัทธ์เดินกลับเข้ามา ด้วยท่าทางโทรมเพราะไปเสียพนันมาจากคาสิโน ผมยุ่งเหยิงสีหน้าโกรธแค้น ท่านดนัยเดินผ่านแบบไม่สนใจ ประพันธ์หันไปเรียก "ขยันแต่เช้านะแก" ท่านดนัยหันไปมองหน้าไม่ตอบ "นี่…ฉันพูดกับแกหูหนวกหรือไง...เป็นขี้ข้าก็เจียมกะลาหัวซะบ้าง" ท่านดนัยยิ้มๆ "ผมว่าคุณรีบไปเปลี่ยนเสื้อดีกว่า...ท่านหญิง กับคุณสร้อยอยู่ในห้องอาหาร...อีกสักครู่เราก็จะออกเดินทาง" ประพัทธ์ชี้หน้าท่านดนัย แล้วเดินไป "อย่าเสือกปากสว่างล่ะ"
ท่านดนัยไม่พอใจ...

บนถนนทางไป Lauterbrunnen ณ หมู่บ้านน้ำตก Staubbachfall เป็นถนนที่มีวิวธรรมชาติงดงามมาก ท่านดนัยเป็นคนขับรถ ประพัทธ์นั่งข้างๆ ประพัทธ์เปลี่ยนชุดแล้ว แต่นั่งหลับมาตลอดทาง โอนเอนไปมาจนแทบจะไปซบบ่าท่านดนัย ป้าสร้อยมองอย่างขวางๆ
"คุณประพัทธ์เค้าไปอดหลับอดนอนที่ไหนมา"
"เมื่อวานตอนเย็นหญิงเห็นเค้าแต่งตัวโก้เดินไปคาสิโน" ป้าสร้อยตบอก "ตายจริง...คนดีๆ ไหงไปที่ยังงั้นล่ะ" ท่านดนัยบอก "คนที่ไปคาสิโนส่วนใหญ่ก็เล่นกันสนุกๆ ครับ…อาจจะเหงาก็เลยไปหาที่สนุกบ้าง" ป้าสร้อย "อย่ามาทำพูดออกรับแทนหน่อยเลย...เนี่ยะ" สร้อยเอามืออุดจมูก "ป้าว่าได้กลิ่นเหมือนละมุดตั้งแต่ออกรถแล้วนะ...มาจากประพัทธ์แน่ๆ" "ละมุดอะไรคะ...ที่นี่มีละมุดขายด้วยเหรอคะ" ท่านดนัยกลั้นหัวเราะ ป้าสร้อยด้วย "หมายถึงกลิ่นเหม็นสาปคนที่กินเหล้าเยอะๆ เพคะ" "ถ้าอย่างนั้นหญิงก็ได้กลิ่นเหมือนกันค่ะ" "แล้วนี่เค้ากลับมากี่โมง...นายเล็ก" ท่านดนัยอึกอัก "เอ้อ" "บอกมาเดี๋ยวนี้นะ" "เมื่อเช้าก่อนออกมากระหม่อม" ป้าสร้อยทำหน้าดูถูก "มิน่า…ถึงสลบไลลไม่ได้สติขนาดนี้....เอ...ทั้งเหล้า..ทั้งพนัน..จะหล่อจะรวยยังไงก็ไม่ไหว" ป้าสร้อยทำหน้าผิดหวัง รัตนาวดียิ้มๆ
ท่านดนัยวัฒนาพารัตนาวดี กับ ป้าสร้อย มายืนดู น้ำตก Staubbachfall ที่เมือง Lauterbrunnen "ไม่คิดเลยว่าสวิสจะมีน้ำตกหลายแห่ง" "น้ำตกพวกนี้ส่วนมากมาจากหิมะที่ละลายมาตามสายธารน้ำตกบนภูเขากระหม่อม...แต่น้ำตกอันนี้เกิดจากแม่น้ำ Lutschine" "หน้าผานี่สูงจริงๆ" ป้าสร้อยบอก "ประมาณ 300 เมตร ครับ" รัตนาวดีมองหน้า กับ ป้าสร้อย ยิ้มๆ
ท่านดนัยกำลังเอาปลาแฮริ่งดองชุบไข่ทอดในกระทะ...หม้อข้าวต้มวางอยู่ใกล้ๆ ป้าสร้อยกำลัง ผ่ามะนาวใส่ถ้วยแล้วเอาพริกป่นใส่ รัตนาวดีเดินเข้ามาดู "หอมจังเลย...เหมือนปลาเค็มชุบไข่ทอดเลย"
ท่านดนัยยิ้ม "เป็นปลาแฮริ่งดองกระหม่อม พอจะแทนกันได้" "ไปจำมาจากไหนกัน....เข้าทีมาก" สร้อยบอก "คุณสร้อยจำไม่ได้เหรอครั" ป้าสร้อยทำท่านึก "เออ…นึกไม่ออก...แต่คุ้นๆ อยู่เหมือนกัน" "ผมก็ทำตามที่พระพุทธเจ้าหลวงท่านทรงเล่าไว้ในพระราชนิพนธ์ไกลบ้านไงครับคุณสร้อย" ป้าสร้อยดีใจมาก ยกมือตีเข่าฉาดใหญ่ "วิเศษจริงนายเล็ก...ใช่จริงๆ ด้วยซิ...แหม..พระพุทธเจ้าหลวงท่านทรงพระปรีชาช่างดัดแปลงเสียจริงๆ" รัตนาวดีหัวเราะ "ได้ตามรอยเสด็จอีกแล้วนะคะ" ท่านดนัยเอาจานปลาเค็มที่ทอดแล้วมาวางตรงหน้าป้าสร้อย กับ รัตนาวดี ป้าสร้อยเอาน้ำมะนาวที่มี พริกป่นราดบนปลา "น้ำลายจะหกซะให้ได้...หายคิดถึงบ้านละวันนี้" ท่านดนัยตักข้าวต้มให้ป้าสร้อย กับ รัตนาวดี "ตักของตัวเองมาทานด้วยกันนะนายเล็ก" "ใช่..มานั่งเลย..มากินด้วยกัน" ป้าสร้อยแบ่งปลาทอดใส่จานให้รัตนาวดีต่างหาก...ท่านดนัยเอาผักดองใส่ถ้วยมาวาง "แล้วเราไม่ไปเรียกประพัทธ์มาทานด้วยกันเหรอ" ป้าสร้อยทำหน้าเซ็ง..มองหน้ากับท่านดนัย..
ท่านดนัยเดินมาที่รถ เปิดประตูรถด้านที่ประพัทธ์นั่ง ประพัทธ์ยังหลับหมดสภาพไม่รู้เรื่อง กรนดังสนั่น...ท่านดนัยเดินมาเขย่าตัว "คุณประพัทธ์....คุณประพัทธ์...ตื่นได้แล้ว" ประพัทธ์ยังกรนหลับไม่ยอมตื่น ท่านดนัยเขย่าแรงขึ้น "ประพัทธ์….ตื่นได้แล้ว" ประพัทธ์ยังไม่ยอมตื่น ท่านดนัยจึงใช้มือดีดที่หูของประพัทธ์เต็มแรง แล้วรีบเดินหนีไป
ประพัทธ์สะดุ้งตื่น แต่สีหน้ายังงัวเงีย..มองไปรอบๆ อย่างงงๆ ยกมือคลำหูที่โดนดีด...

ท่านดนัยกำลังเก็บจาน มีรัตนาวดีคอยช่วย
"ป้าติดใจฝีมือข้าวต้มของนายเล็กใหญ่เลย" ท่านดนัยหันมายิ้ม "กระหม่อมอ่านในหนังสือไกลบ้านแล้วก็นึกอยากทานเหมือนกันกระหม่อม" "แล้วไปซื้อข้าวสารกับพริกป่น...อะไรต่ออะไร ที่ไหนมา" "เมื่อวันที่เรามาถึงหม่อมเห็นร้านคนจีนเล็กๆ อยู่ร้านหนึ่ง" รัตนาวดีทำท่าคิดได้ "อ๋อ..เธอก็เลยขอไปซื้อของพวกนี้นี่เอง" "ที่โลซานน์ระหว่างรอฝ่าบาทประทับเรือกลับมา กระหม่อมก็ไปได้หม้อ กับ กะทะปิคนิคมาจากร้านแถวๆ โรงแรมที่เราพักกระหม่อม" ท่านดนัยหันมายิ้ม รัตนาวดีมองท่านดนัยอย่างซึ้งใจ พูดด้วยเสียงอ่อนโยน "แล้วตั้งแต่มาด้วยกันนี่เคยได้ของของตัวเองบ้างไหม" ท่านดนัยชะงัก ป้าสร้อยที่กำลังช่วยเก็บจานใส่ตะกร้านั่งมองอยู่นานแล้ว "ท่านหญิง...มาทรงทำนี่ดีกว่า...หม่อมฉันจะไปช่วยนายเล็กเองเพคะ" รัตนาวดีตอบกลับไป "ไม่เป็นไรค่ะ...ใกล้เสร็จแล้ว" ประพัทธ์เดินโซเซมานั่งใกล้ๆ ป้าสร้อย ผมเผ้ายุ่งเหยิง ป้าสร้อยหันไปมอง "อ้าว…วิญญานกลับเข้าร่างแล้วเหรอจ้ะ" ประพัทธ์ยิ้มแหยๆ พยายามแก้ตัว "สงสัยน้ำในหูไม่เท่ากันครับ...เวลาขึ้นมาที่สูงๆ แล้วผมมักจะเวียนหัว เพลียแบบนี้" "น้ำในหูไม่เท่ากันก็เอาน้ำกรอกอีกข้างให้มันเท่ากันสิจ้ะ...แหมนึกว่าไปเสียเงินในบ่อนหมดตัวเลยเมากลิ้ง" ประพัทธ์สะดุ้ง ยิ้มเรี่ยราด รัตนาวดี กับ ท่านดนัยเดินกลับมา "ใครบอกอะไรอย่างนั้นครับ...นายเล็ก...ไปบอกอะไรคุณป้าให้มาเข้ามาเข้าใจฉันผิดอีกล่ะ" "นายเล็กเค้าไม่ได้พูดอะไรค่ะ" พอรัตนาวดีเข้าข้างท่านดนัย ประพัทธ์ก็ยิ่งโมโห... "ไม่จริง...หม่อมไม่เชื่อ" ประพัทธ์ลุกขึ้นยืนชี้หน้าท่านดนัย "ไม่ใช่ลูกผู้ชายนี่หว่า...แทงกันข้างหลัง" "ไม่มีใครพูดถึงคุณหรอก...ท่านหญิงรับสั่งถามผมก็ตอบไปตามที่เห็น...เราเดินทางมาด้วยกันแค่นี้...ใครทำอะไรก็สมควรให้คนที่มาด้วยกันรู้ด้วย เผื่อว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีใครจ้องจับผิดคุณนอกจากคุณจะไปทำอะไรที่ไม่เหมาะสมเอง" ประพัทธ์โมโหมากเสียงดัง รัตนาวดีมองประพัทธ์อย่างนึกไม่ถึง "ฟังมันท่านหญิง...มันเป็นใครกันเนี่ยะ...ทำเป็นทะลึ่งมาสอนกระหม่อม" ป้าสร้อยลุกขึ้นยกมือห้ามทัพ "พอที…พอที…อย่าทำให้เสียบรรยากาศหน่อยเลยน่า... โตๆ กันแล้วพูดจากันดีๆ กันหน่อยได้ไหม...เรื่องไม่เป็นเรื่อง" รัตนาวดีเดินหนีไปอีกทาง
รัตนาวดียืนมองธรรมชาติที่สวยงาม แต่สีหน้ากลับเรียบเฉย...ประพัทธ์ค่อยๆ เดินมาหาทำท่าสำนึกผิด รัตนาวดีหันไปมอง "พี่ขอโทษค่ะ...พี่คงไม่ค่อยสบายด้วย..ก็เลย..." "เราไม่ควรใช้คำพูดหยาบคายกันนะคะ...ฉันก็ไม่ใช่จะมานั่งถือยศถือเกียรติอะไร แต่ถ้าคำหยาบเป็นใครก็ไม่ไหว"
ประพัทธ์อาย แต่ก็พยายามกลบเกลื่อน "ท่านหญิงก็ต้องให้ความยุติธรรมกับพี่...พี่รู้นะ..นายเล็ก มันไม่ไม่ชอบขี้หน้าพี่นานแล้ว...ท่านหญิงก็ทรงเห็น...พี่อุตส่าห์ดีกับมัน" "คำว่ามัน...ไม่ควรใช้กับคนนะคะ...หญิงคิดว่าเราควรจะให้เกียรติซึ่งกันและกัน...นายเล็กนะ ถึงเค้าจะเป็นแค่มหาดเล็กแต่เค้าก็มีการศึกษาที่ดี...แล้วฉันก็เห็นว่าเค้าทำดีกับคุณมาตลอด" "มันทำดีเวลาอยู่ต่อหน้าท่านหญิงนะซิ...อย่าให้พูดเลย" ประพัทธ์โมโห แต่พยายามข่มไว้ "เอาละค่ะ..ยังไงๆ ก็ต้องเดินทางไปด้วยกันอีก ถือว่าหญิงขอร้องก็แล้วกัน" รัตนาวดีเดินกลับไป ประพัทธ์แค้น...
ภายในรถ เห็นความตึงเครียดที่เกิดขึ้น เนื่องมาจากการทะเลาะกันของท่านดนัยกับประพัทธ์ รัตนาวดี ไม่มองชายหนุ่มทั้งสองเลย เอาแต่มองวิวด้านนอก เห็นรถวิ่งผ่านถนนสวยงาม พระอาทิตย์กำลังตกลับหลังเขา
ยามเช้าที่ลอนดอน วิมลเดินคุยมากับเพื่อนที่เป็นนักเรียนพยาบาลฝึกงานเหมือนกันมาตามทางเดิน วิมลหันไปเห็นจูนนั่งอยู่คนเดียวที่ม้านั่งในสวนโรงพยาบาล วิมลดูก็รู้ว่าจูนกำลังร้องไห้ วิมลจึงขอตัวจากเพื่อนเดินมาหาจูน "คุณจูนคะ" จูนเงยหน้ามองวิมล สีหน้าเป็นทุกข์เต็มไปด้วยน้ำตา วิมลรู้สึกสงสารมาก จูนพยายามรีบเช็ดน้ำตาวิมลลงนั่งใกล้ๆ จับแขนจูนไว้อย่างปลอบโยน "เป็นไงบ้างคะ...หมอบอกว่าอย่างไรบ้าง...มีอะไรให้ฉันช่วยก็บอกได้เลยนะ" จูนร้องไห้โฮออกมาอย่างสุดกลั้น ผวาเข้าไปกอดวิมลแน่น วิมลเองก็น้ำตาคลอด้วยความเห็นใจ...
ในร้านอาหารน่ารักที่ลอนดอน วิมลเลื่อนจานอาหารให้ และ รินนมให้จูนอีกแก้วใหญ่ "ฉันว่าคุณดูผอมไปนะ...ต้องบำรุงเยอะๆ ตอนนี้อย่าเพิ่งไปคิดเรื่องอื่น...ต้องเห็นแก่ลูก" จูนน้ำตาร่วง "ฉันไม่น่าปล่อยให้ตัวเองเป็นอย่างนี้เลย....ไม่น่าเลยจริงๆ" จูนสะอื้นน้อยๆ พยายามเช็ดน้ำตา... "แล้วประพัทธ์ติดต่อมาบ้างไหม" จูนส่ายหน้า น้ำตาร่วงอีก "ไม่เลยค่ะ...หายเงียบไปเลย...ฉันจะทำยังไงดีคะ...พ่อกับแม่ก็อยากให้กลับไปเที่ยวบ้านตอนปิดเทอม ฉันเป็นทุกข์เหลือเกิน...ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครดี" วิมลบีบมือจูนอย่างเห็นใจ จูนร้องไห้สะอึกสะอื้น วิมลถอนใจ...ตัดสินใจ "มาหาฉันบ่อยๆ ก็ได้…ถ้าฉันว่างฉันจะไปหาคุณก็ได้ ฉันเอาใจช่วยขอให้คุณผ่านช่วงนี้ไปให้ได้นะ...พยายามอย่าอยู่คนเดียว หาเพื่อนคุยบ่อยๆ จะได้ไม่เหงา...ไม่คิดมาก" "ฉันเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง...เป็นลูกคนเดียว...ฉันไม่ค่อยชอบไปคลุกคลีกับใคร...เลยไม่ค่อยมีเพื่อนมากนัก" "แต่ก็มาสนิทกับประพัทธ์" จูนหยุดร้องไห้ ยิ้มสมเพชตัวเอง "พี่ประพัทธ์ช่วยจูนเรื่องยืมหนังสือหลายหน...เราก็เลยสนิทกัน" "หรือเค้าอาจจะเห็นจูนหลอกง่าย...ขอโทษนะที่พูดแบบนี้ การมีเพื่อนนอกจากไม่เหงา...ทำให้เราได้เรียนรู้ทันคน แต่ก็ต้องเลือกคบเพื่อนนะคะ...เพื่อนบางคนก็ทำให้เราเดือดร้อน" จูนร้องไห้อีก "มันก็คงจริงค่ะ...จูนไม่เคยปรึกษาใครเรื่องพี่ประพัทธ์..ก็เลย…ไม่หนักแน่นพอ" "ทานขนมก่อนเถอะค่ะ...ทานให้อิ่มก่อน จิตใจจะได้ดีขึ้น"
จูนมองวิมลอย่างรู้สึกดีขึ้น หยิบนมมาดื่ม
.
.
|