Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
User Info
Welcome, Guest. Please login or register.
01 November 2025, 06:02:40

Login with username, password and session length
Search:     Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ

http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
28,303 Posts in 13,871 Topics by 70 Members
Latest Member: KAN
Home Help Search Calendar Login Register
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...  |  หมวดหมู่ทั่วไป  |  ศาลาพักใจ  |  รายการโทรทัศน์ที่น่าดูมาก  |  ละคร ปริศนา เดอะซีรีส์ : เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 7
0 Members and 1 Guest are viewing this topic. « previous next »
Pages: [1] Go Down Print
Author Topic: ละคร ปริศนา เดอะซีรีส์ : เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 7  (Read 226 times)
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 11,133


View Profile
« on: 18 October 2025, 09:23:25 »

ละคร ปริศนา เดอะซีรีส์ : เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 7


https://mgronline.com/drama/detail/9580000094945

เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 7
เผยแพร่: 21 ส.ค. 2558 12:51   โดย: MGR Online





เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 7

อานนท์เดินมาหาสุชาดาที่ลานเพลินซึ่งตอนนี้ดูเงียบเหงา เพราะไม่มีชาวบ้านมานั่งทำกิจกรรมอย่างเคย

เขามองหาสุชาดาไปทั่วจนมาเจอเธอที่มุมทำกะลา เธอนั่งทำสายสร้อยกะลาอยู่คนเดียว อานนท์เดินเข้ามาหา
"มานั่งทำอะไรอยู่คนเดียว"

สุชาดาชูสายสร้อยกะลาให้ดูไม่ตอบ อานนท์ยิ้ม

"นี่มันบ่ายแล้ว...พวกชาวบ้านเค้าก็กลับไปดูแลครอบครัวเค้าแล้วซิ"
"แล้วทำไมคุณต้องมาทำตอนนี้คนเดียวด้วย"
"มันเงียบดี ทำให้ฉันมีสมาธิ คุณมาที่นี่ทำไม"
สุชาดาเอาสายสร้อยที่ทำแล้วแขวนไว้กับคานไม้ไผ่ อานนท์เดินมาหยิบดู
"สวยดี....ผมมาดูว่าแผ่นเหล็กขนาดพอดีที่คุณต้องการไหม"
"ขนาดพอดีใช้ได้ ขอบคุณมาก คุณน่าจะไปคุยกับเพื่อนคุณมากกว่านะ"
"อ๋อ…เค้ากลับไปแล้ว"
"คุณก็น่าจะกลับไปกับเค้านะ"
อานนท์ทำหน้าเหรอหรา
"ผมจะกลับไปกับเค้าทำไม งานผมอยู่ที่นี่"
"ดูท่าทีเหมือนเพื่อนคุณต้องการกำลังใจจากคุณเป็นอย่างมากเลยนะ....คุณก็ควรให้ในสิ่งที่เค้าต้องการ ถ้าคุณจะไม่มาสักสองสามอาทิตย์แม่ฉันคงไม่ว่าอะไรหรอก"
สุชาดาพูดสีหน้าเรียบเฉย อานนท์มองเธออย่างรู้สึกมีอะไรบางอย่าง
"ผมไม่เคยพูดสักหน่อยว่าอยากจะลางาน วนิดาเค้าคงจะรับหมั้นคุณโกศล เค้าถึงรีบมาถามความเห็น"
"เค้ารู้หรือว่าคุณรู้จักคุณโกศลคนนั้น"
"คงเป็นเพราะผมเป็นคนเพื่อนเยอะละมัง"
"ฉันไม่คิดว่ามันแค่นั้น"
"แล้วคุณคิดว่ามันแค่ไหนกัน"
สุมองหน้าอานนท์คิดนิดหนึ่งแล้วพูดอย่างเรียบๆ
"ฉันคิดว่าเค้ามาหยั่งเสียงคุณมากว่า...ว่าคุณจะรู้สึกยังไง ถ้าเค้าจะแต่งงาน"
อานนท์งง
"เค้าจะทำอย่างนั้นทำไม"
สุมองอานนท์ยิ้มๆ
"เพราะเค้าชอบคุณละมั้ง...และคนที่อยากหมั้นหรือแต่งงานก็คงน่าจะเป็นคุณมากกว่า"
อานนท์นิ่งไปแล้วก็หัวเราะออกมา
"ไม่ใช่อย่างนั้นแน่นอน...วนิดาเป็นเพื่อนสนิทผมก็จริง แต่ผมรู้ว่าเค้าไม่ได้คิดจะแต่งงานกับผมแน่ๆ"
"แล้วคุณชอบเค้าหรือเปล่าล่ะ"
"ชอบซิ...เค้าเป็นเพื่อนผม...ผมจะไม่ขอบได้ไง"
"แล้วคุณรักเค้าหรือเปล่าล่ะ"
คราวนี้อานนท์นิ่งไป ลงนั่งข้างๆสุชาดา
"จะบอกความจริงให้ก็ได้...ผมเคยคิดว่าผมจะรักวนิดาเหมือนกัน แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าผมรักเค้าไม่ได้"
"ทำไมล่ะ...ฉันว่าถ้าคุณรักวนิดา เค้าคงดีใจมาก"
อานนท์มองสุชาดานิ่ง...
"ผมไม่ได้คิดเรื่องนั้นแล้ว...ผมรู้แต่ว่าตอนนี้ผมรู้แล้วว่า ผมรักผู้หญิงแบบไหน"
สุชาดายิ้มๆ เข้าทาง
"แบบลีน่าใช่ไหม"

อานนท์ตกใจ
"คุณรู้จักลีน่าด้วยเหรอ"
"ฉันรู้เรื่องของคุณกับลีน่าดี"
อานนท์หน้าสลดไปนิดหนึ่ง
"บอกผมได้ไหมว่าคุณรู้เรื่องผมกับลีน่าได้ยังไง"
"ลีน่าเป็นเพื่อนของฉัน...เค้าเล่าเรื่องคุณให้ฉันฟัง"
อานนท์ถอนใจหนักหน่วง
"คุณรู้หรือเปล่าว่าตอนนี้ลีน่าอยู่ที่ไหน"
"คุณจะอยากรู้ไปทำไม"
"ผมอยากคุยกับเค้า"
"คุณอยากจะบอกอะไรเขา...ทำไมถึงอยากจะคุยเอาตอนนี้ หรืออยากจะกลับไปคืนดีกับเขาหรือไง"
อานนท์ส่ายหน้าช้าๆ
"เป็นไปไม่ได้หรอก"
"คุณทำให้ลีน่าเสียใจมาก...แล้วก็แช่งชักหักกระดูกคุณไว้ด้วย"
"คุณยังข้องใจเรื่องลีน่าอยู่ซินะ"
สุชาดานิ่งมองอานนท์

บริเวณทางเดินร่มรื่นในสวน อานนท์เดินเล่นสบายๆกับสุชาดา
"มีสุภาพษิตของฝรั่งบทนึงกล่าวไว้ว่า...ถ้าอยากรู้ว่าเขาเป็นคนยังไง ก็ให้ดูเพื่อนที่เขาคบ แต่สุภาษิตบทนี้ใช้ไม่ได้กับคุณ"
"ทำไมล่ะ"
"ก็คุณกับลีน่าไม่มีอะไรเหมือนกันซักนิด"
"คนเราจะคบใครเป็นเพื่อนเราไม่ได้คิดถึงเรื่องเล็กๆน้อยๆหรอก"
"คุณเป็นเพื่อนกับลีน่าตั้งแต่เมื่อไหร่"
"เราเคยเรียนที่ปีนังด้วยกัน...กับซอนย่า ตู่ตู๋ แมรี่ด้วย"
อานนท์นิ่งคิด
"ผมไม่รู้ว่าเพื่อนที่คุณพูดถึงนี่เป็นเพื่อนของลีน่าที่ผมเห็นหรือเปล่า"
"วันที่คุณไปเจอลีน่ากับเพื่อนที่ร้านอาหารใช่ไหม"
อานนท์ตาโต
"ใช่…คุณรู้ได้ยังไง"
"เพราะฉันก็อยู่ที่นั้นด้วยน่ะซิ ฉันเห็นคุณ แต่คุณไม่เห็นฉัน"
"เพราะถ้าผมเห็นคุณ ผมจะไม่มีวันลืมคุณแน่ๆ มิน่าล่ะ ตอนแรกๆคุณถึงทำท่าไม่ชอบขี้หน้าผมเท่าไหร่"

"เรียกว่าไม่ชอบมากๆเลยละ...ฉันเจ็บใจแทนลีน่า ก็เลยอยากจะแก้แค้นกับคุณบ้างเท่านั้นเอง..แต่คุณอารมณ์ดีเกินไป"





อานนท์หัวเราะ

"เค้าเรียกว่าเป็นคนร่าเริงน่ารัก"
"ผู้ชายเจ้าชู้ก็มักจะเป็นอย่างนี้แหล่ะ...ชอบหว่านเสน่ห์ไปทั่ว"
"ไม่จริง...กับลีน่า ผมตั้งใจจะขอเค้าแต่งงานจริงๆ...ผมไปขอแหวนมาจากแม่แล้วด้วยซ้ำ"
สุชาดามองหน้าอานนท์
"แล้วอะไรที่ทำให้คุณเปลี่ยนใจง่ายๆอย่างนั้น"
อานนท์ยืนนิ่งถอนใจ
"เพราะสุภาษิตเมื่อกี้ที่คุณพูดถึงใช่ไหม"
"ไม่ใช่…มันอธิบายไม่ถูก เวลาที่ผมอยู่กับลีน่า ผมก็มีความสุขมาก...แต่วันน้ันพอผมเห็นลีน่าอยู่กับเพื่อนๆเค้าอย่างที่เป็นตัวของตัวเองเต็มที่...มันทำให้ผมต้องวิ่งหนี"
"สิ่งที่คุณคิดว่าเค้าเป็น มันอาจจะไม่ใช่"
"ถูก…ผมรู้สึกกลัว กลัวอะไรก็ไม่รู้ รู้แต่ว่ากลัว อยู่ไม่ได้แล้ว"
สุชาดาฟังอานนท์อย่างตั้งใจแล้วยิ้มๆ
"ฉันเข้าใจคุณ"
อานนท์ดีใจ
"ขอบคุณมาก...ขอบคุณที่คุณเข้าใจผม แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมไม่เข้าใจ"
"คุณไม่เข้าใจเรื่องอะไร"
"คุณคบกับเพื่อนๆคุณกลุ่มนั้นได้ยังไง"
"เราเรียนที่ปีนังด้วยกันตั้งแต่เล็กๆ...เป็นโรงเรียนประจำผู้หญิง พวกเค้าเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน ถึงเค้าจะมีนิสัยส่วนตัวบางอย่างที่ฉันไม่เห็นด้วย แต่ทุกคนดูแลฉันอย่างดีโดยเฉพาะลีน่า ทำให้ฉันไม่เหงา ไม่ต้องร้องไห้คิดถึงแม่ แล้วจะไม่ให้ฉันรักพวกเค้าได้ยังไง"
"ผมเข้าใจคุณ"

ตวันนั่งทำงานใช้ความคิดอยู่กับความหลังอันเศร้าสร้อยในบ้าน เปิดเพลงI Adore you สุชาดากับอานนท์เดินเข้ามา ตวันยังเหม่อใจลอยมองไม่เห็นจนลูกสาวเดินเข้ามาเรียกใกล้ๆ
"แม่คะ"
ตวันสดุ้งเล็กน้อย ลุกขึ้นยืนหันมายิ้มกับลูก
"อ้าวสุ..."
ตวันเดินไปปิดเครื่องเล่นจานเสียง จึงเห็นอานนท์ยืนยิ้มอยู่
"ผมชักจะติดใจเพลงนี้แล้วครับ"
ตวันยิ้มๆ
"คุณนนท์เค้าจะมาขอบคุณแม่ค่ะ"
ตวันหันไปมองอานนท์
"ขอบคุณเรื่องอะไรกันคุณนนท์"
"ที่กรุณาเลี้ยงอาหารเพื่อนผมวันนี้ครับ"

ตวันยิ้มโบกมือ
"ไม่ต้องขอบคุณหรอก เพื่อนคุณก็คือเพื่อนเรา ถ้าเค้าจะมาอีกเราก็ยินดีต้อนรับเสมอ"
อานนท์ยิ้ม
"เค้าคงไม่มาอีกหรอกครับ...เพราะเค้าชอบอยู่ในกรุงมากกว่าที่จะมาเที่ยวสวนแบบนี้"
"ฉันก็เหมือนจะคุ้นๆเคยเห็นเค้าในหนังสือพิมพ์ข่าวสังคม"
"ใช่ครับ..คุณแม่ เอ้อ ที่จริงเป็นแม่เลี้ยงแต่ก็รักวนิดามากเหมือนเป็นลูกตัว เค้าจะสนับสนุนให้วนิดาใช้ชิวิตกับสังคมที่หรูหรามากกว่า"
ตวันยิ้ม
"แล้วคุณล่ะคุณนนท์...คุณชอบใช้ชีวิตแบบไหน"
อานนท์ยิ้มจริงใจ
"ก่อนจะมาที่นี่...ผมก็ติดที่จะใช้ชีวิตในสังคมกรุงเพราะมีเพื่อนๆที่ผมสนิทหลายคนที่เค้าใช้ชีวิตแบบนั้น...แต่พอมาที่นี่ ผมก็รู้สึกสงบดี ผมก็เพิ่งรู้ตัวว่าผมชอบความเรียบง่ายแบบนี้มากกว่า"
ตวันมองอานนท์อย่างรู้สึกดี
"อย่าเพิ่งแน่ใจ ถ้าต้องใช้ชีวิตแบบที่นี่จริงๆ มันไม่สนุก คนที่ไม่คุ้นเคยตั้งแต่เด็กๆอย่างพวกเรา...ยังไงๆก็อยู่ได้ไม่นาน...ต้องกลับไปหาสังคมที่เค้าคุ้นเคยกันทั้งนั้น"
"ก็อาจจะเป็นไปได้ครับ...แต่ถ้าผมได้พบกับความสุขของผมที่นี่"
อานนท์หันไปมองสุชาดา
"ผมก็อาจจะเลิกคิดถึงที่ๆผมเคยอยู่ก็ได้ครับ"
ในระหว่างนั้น สุชาดานั่งฟังแต่ทำเป็นไม่สนใจ...

วนิดากลับมานั่งร้องไห้เสียใจอยู่ในห้องรับแขกที่บ้าน มีประภาคอยปลอบอยู่ข้างๆ
"หนูดา...อย่าร้องไห้เลยลูก"
"หนูไม่คิดเลยว่าคุณนนท์จะไม่สนใจหนูเลย"
"ตัดใจจากเค้าเถอะลูก คนเค้าไม่รักเราก็อย่าไปปักใจกับเค้าอีกเลย"
วนิดาร้องไห้ โกรธ
"เค้าคงสนใจผู้หญิงคนอื่นไปแล้ว"
"ผู้หญิงที่ไหนล่ะ"
"ก็ลูกเจ้าของสวนมะพร้าวนั่นแหล่ะค่ะ...ท่าทางคุณนนท์เอาใจใส่ผู้หญิงคนนั้นตลอดเวลา"
ประภาไม่พอใจ
"คนอย่างนายอานนท์ได้เมียเป็นลูกชาวสวนก็เหมาะสมดีแล้วนี่"
"ท่าทางพวกมันไม่ใช่ชาวสวนธรรมดานะคะ...มันอยู่กันอย่างหรูหรา…มีอาหารฝรั่งเศสกินกันด้วย"
ประภาหัวเราะอย่างดูถูก
"ก็คงพวกเศรษฐีจอมปลอมที่อยากยกระดับตัวเอง คนพวกนี้เทียบกับหนูดาไม่ได้หรอกลูก...อย่าลดตัว
ไปคบหาให้เปลืองตัวดีกว่า"
วนิดาเช็ดน้ำตาสีหน้ายังโกรธแค้น
"หนูแกล้งบอกเค้าว่าหนูจะแต่งงาน...เค้าไม่ได้มีท่าทางผิดหวังซักนิด...ยังมีหน้าชวนพวกชาวสวนมาดื่มฉลองให้หนูอีก"
"ในเมื่อหนูพูดไปแล้ว...หนูก็ต้องแต่งจริง คุณโกศลดีพร้อมทุกอย่าง ถ้าหนูแต่งงานกับคุณโกศลหนูจะมี
หน้ามีตาดีกว่าแต่งกับนายอานนท์ซะอีก ถ้าเค้าเห็นหนูแต่งงานเมื่อไหร่ ป้ารับรองว่าเค้าจะต้องนึกเสียดายใจ
แทบขาดแน่ๆ"
วนิดามองหน้าประภา
"คุณป้าคิดว่าคุณอานนท์จะเป็นอย่างนั้นเหรอคะ"
"แน่ละซิจ้ะ...ระหว่างหนูกับผู้หญิงคนอื่น ใครจะดีเทียบกับหนูได้ล่ะ"
"ถ้าอย่างนั้นคุณป้าตอบตกลงคุณโกศลได้เลยค่ะ...ให้เค้ายกขันหมากมาได้เลย"
ประภายิ้มดีใจ วนิดาปาดน้ำตาทิ้ง

อานนท์และทีมงานนั่งเรือกลับท่าเรียบ อานนท์มีความสุขท่ามกลางพระอาทิตย์ที่กำลังตกจากขอบฟ้า





เวลาค่ำ ตวันนั่งดื่มพร้อมตรวจเอกสาร สุชาดาในชุดนอนเดินลงมาจากบ้านพร้อมถ้วยโกโก้

"ยังไม่ง่วงอีกหรือลูก"
"ยังเลยค่ะ วันนี้ไม่ค่อยง่วง แม่ไม่ขึ้นบ้าน"
"แม่นั่งรอโส...ยังไม่กลับจากสโมสรเลยก็เลยดูเอกสารที่มาเลย์ส่งมาจ้ะ...มาก็ดีแล้ว แม่มีเรื่องอยากคุยกับสุพอดี"
สุหันมามองตวัน
"คุยเรื่องอะไรคะแม่"
"เรื่องคุณนนท์"
สุนิ่งฟังตวัน
"คุณนนท์ทำไมคะ"
"สุคิดว่าคุณนนท์เป็นไงบ้าง"
"เป็นไงของแม่หมายถึงอะไรคะ"
"ก็สุคิดว่าคุณนนท์เป็นผู้ชายยังไง...นิสัยใจคอใช้ได้ไหม"
สุชาดาพยายามเรียบเรียงคำพูด
"เค้าก็เอางานเอาการดีนะคะ ดูเค้าเป็นคนไม่ค่อยมีความทุกข์อะไรกับใครเขา...อารมณ์ดีตลอดวัน"
"แล้วสุว่าคุณนนท์เป็นผู้ชายเจ้าชู้ไหม"
สุชาดามองหน้าตวันนิ่ง
"สุก็เคยคิดว่าคุณนนท์เป็นผู้ชายเจ้าชู้ที่ไม่มีความรับผิดชอบเพราะเค้าทิ้งลีน่า...แต่วันนี้คุณนนท์อธิบายให้สุฟังว่าทำไมเค้าถึงเลิกกับลีน่า...สุเข้าใจความรู้สึกเค้าค่ะแม่"
"เรื่องลีน่าแม่ไม่ค่อยติดใจหรอก...เพราะมันเหมือนยังเป็นเรื่องของเด็กๆ...แต่ที่แม่สนใจคือผู้หญิงที่มาหาคุณนนท์ วันนี้"
"ทำไมเหรอคะ"
"แม่มีลางสังหรณ์บางอย่าง ในฐานะผู้หญิงด้วยกัน แม่แน่ใจว่าผู้หญิงคนนี้รักคุณอานนท์มาก และที่แม่คิดต่อไปก็คือคุณนนท์เคยไปให้ความหวังอะไรกับเค้า เค้าถึงได้ตามมาถึงที่นี่"
สุมองตวันอย่างคิดตามไปด้วยกัน
"สุก็คิดเหมือนกันว่าเค้าหาข้ออ้างเพื่อมาหาคุณนนท์มากกว่า แต่เราก็ไม่เห็นจะต้องไปสนใจเค้านี่ อีก
ไม่นานพอเครื่องจักรเสร็จคุณนนท์เค้าก็ไปแล้ว"
ตวันยิ้มๆ
"แม่ถามสุจริงๆนะลูก แม่รู้สึกว่าคุณนนท์เค้าสนใจสุ...สุรู้ตัวหรือเปล่า"
สุพยายามไม่อาย
"คงไม่ใช่หรอกค่ะแม่...สุว่าเค้าเป็นคนอารมณ์ดีที่ชอบพูดคุยมากกว่า…เค้าบอกว่าเค้าเป็นคนมีเพื่อนเยอะ...เค้าก็คงเห็นโสกับสุเป็นเพื่อนเค้าเท่านั้น"
"แล้วถ้าเค้าเกิดชอบสุขึ้นมาจริงๆสุจะว่ายังไงล่ะลูก"
"สุยังไม่คิดกับเค้าอย่างนั้นหรอกค่ะแม่...สุว่าคบกันเป็นเพื่อนดีกว่า"
ตวันยิ้ม
"ถ้าสุมีความเห็นอย่างนี้แม่ก็สบายใจ...คุณนนท์เป็นผู้ชายปราดเปรียว แล้วก็เจ้าชู้ด้วย ด้วยความช่างพูดคุยของเขาอาจจะทำให้ผู้หญิงเข้าใจผิดคิดว่าเขามาชอบ กว่าจะรู้ว่าเค้าไม่ได้มาชอบอย่างที่คิดไปเอง...ผู้หญิงคนนั้นจะก็เสียใจเป็นทุกข์ แม่ไม่อยากให้สุต้องเป็นผู้หญิงคนนั้น...ผู้หญิงที่ต้องเสียใจเพราะผิดหวังในความรัก...
มันจะเป็นแผลในใจเราชั่วชีวิต"
สุชาดายิ้มอย่างมั่นใจ
"สุไม่มีวันเป็นอย่างนั้นแน่นอนค่ะ...แม่สบายใจได้"
สุเอื้อมมือมาจับมือตวันไว้อย่างจะให้คำสัญญา ตวันยิ้มแต่แววตาก็เศร้า
"แม่เชื่อใจสุ...ก่อนที่เราจะรักใครสักคน...เราจะทำตามหัวใจเราอย่างเดียวไม่ได้...เราต้องใช้สมองด้วย..จำไว้นะลูก"
สุมองตวันยิ้มแจ่มใสตวันมองสุแล้วก็ยิ้มสบายใจ.....

วันใหม่ .oบรรยากาศการทำงานของคนงานตามปกติ อานนท์กับลูกน้องช่วยกันประกอบ เครื่องจักรชิ้นสุดท้ายถูกติดตั้งอย่างลงตัว
"ฝีมือจริงๆครับพี่นนท์...เสร็จแล้ว" ลูกน้อง 1 บอก
อานนท์มองเครื่องจักรที่ติดตั้งประกอบเสร็จอย่างพอใจ
"รอให้ทดสอบเครื่อง...ถ้าไม่มีปัญหาก็เรียบร้อย"
ลูกน้อง 2 บอก"เร็วกว่าที่กำหนดไว้อีกครับพี่"
"บ่ายนี้ทดลองเครื่องกันเลย"
ทั้งหมดยืนมองเครื่องอย่างภาคภูมิใจ

อานนท์เดินมาหาสุชาดาที่ลานเพลินแต่ไม่เจอ จึงเดินไปหาที่ๆสุเคยนั่งทำงานก็ไม่มี อานนท์เห็นลุงหมานนั่งขัดกะลา
"ลุงครับ...นายสุอยู่ไหน"
ลุงหมานหันไปหันมามองหา
"อ้าว…ก็เมื่อกี้ยังนั่งอยู่นี่"
ลุงหมานหันมาหัวเราะฟันดำ
"พอคุณมาก็หายไปไหนก็ไม่รู้"
อานนท์ผิดหวังนิดหน่อย...

อานนท์วิ่งมาที่กระท่อมโสภณ สนมกำลังทำต้นไม้กับมี อานนท์รีบเดินไปหา
"หนม…คุณสุอยู่ไหม"
สนมมองหาสุ มีก็ช่วยมองหาเหมือนกัน
"เมื่อกี้ยังยืนอยู่ที่นี่เลย"
"ก็ดูกุหลาบอยู่นี่...หายไปไหน"
อานนท์เริ่มงง...

อานนท์เดินแกมวิ่งมาที่บ้านตวัน เริ่มจะหยุดยืนหอบนิดหน่อย อานนท์เดินเข้าไปในบ้านตวัน เห็นสุชาดาไกลๆยืนอยู่ใกล้ๆประตูด้านหลัง อานนท์ก้มลงถอดรองเท้า สุชาดาเห็นอานนท์ก็รีบเดินออกประตูด้านหลังออกไปโดยเร็ว พออานนท์เงยหน้าขึ้นมาก็ไม่เห็นแล้ว มีโสภณนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษอยู่หันมาเห็นอานนท์ก็ยิ้มให้
"คุณนนท์...เชิญครับ"
อานนท์มองหาสุชาดา
"มองหาอะไรเหรอครับ"
"เอ้อ…ผมจะมาบอกคุณว่าเครื่องจักรประกอบเสร็จแล้ว บ่ายนี้จะลองเครื่อง...เลยจะให้นายตวันคุณกับสุไปดูด้วยกัน"
โสภณดีใจ
"เสร็จแล้วเหรอครับ แหม...พวกคุณทำงานกันเสร็จก่อนกำหนด....เสียดายแม่ไม่อยู่ไปธุระในเมือง"
โสภณหันไปมองหาสุชาดา
"แต่สุ...เมื่อกี้ยังอยู่ที่นี่เลย หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้"
อานนท์เริ่มรู้สึกผิดปกติ
"ผมว่าผมเห็นหลังเค้าไวๆ"
โสภณหัวเราะ
"สุเค้าก็อย่างนี้ละครับ ตามหาตัวเค้ายาก นอกจากเค้าจะอยากมาหาเอง"
อานนท์หันไปทำหน้าผิดหวัง มีเสียงระเบิดดังขึ้นดังสนั่น โสภณสะดุ้ง อานนท์สีหน้าตกใจ
"เครื่องจักร"
อานนท์รีบวิ่งออกไป โสภณวิ่งตามอานนท์ออกไป...

อานนท์วิ่งลงมาจากบ้านตวัน มีโสภณวิ่งตามลงมาพอมาถึงหน้าบ้านก็เห็นคนงานวิ่งกันวุ่นมองไกลออกไปเห็นมีควันดำลอยขึ้นมา
"สงสัยเครื่องระเบิด" โสภณบอก
อานนท์วิ่งไปมีโสวิ่งตามมาด้วย

อานนท์กับโสภณวิ่งมาถึงโรงเก็บเครื่องจักร เห็นควันลอยออกมาจากภายใน ลูกน้องของอานนท์ออกมายืนคอยอยู่ด้านนอก คนงานมุงดูอย่างตกใจ มีควันออกมาจากภายใน
"นาย..นาย ไฟไหม้ เครื่องมันระเบิด"
"ไปช่วยกันดับไฟเร็วๆ" อานนท์บอก
อานนท์กับลูกน้องและโสภณวิ่งเข้าไปโรงเก็บเครื่องจักรเก่าที่มีควันไปทั่ว คนงานกำลังพยายามเอาน้ำสาดดับไฟ สุชาดากับสนมและเนตรวิ่งมา คนงานกำลังจะเอาน้ำเข้าไปสาดใส่เครื่องจักรที่กำลังติดไฟ อานนท์รีบห้ามเสียงดัง
"อย่าเอาน้ำไปสาดเครื่องนะ"
คนงานถาม
"ไม่สาดเครื่องแล้วไฟมันจะดับได้ไง"
"ถ้ายังมีไฟฟ้าอยู่ จะโดนไฟดูดกันหมด"
อานนท์หันไปสั่งลูกน้อง
"ไปดึงสายเมนออกก่อน"
ลูกน้องอานนท์วิ่งไปอานนท์หันไปเห็นกระสอบเอามาฟาดดับไฟโสหันไปสั่งคนงาน
"ไปเอากระสอบมาเร็วๆ...เอามาเยอะๆ"

อานนท์วิ่งเข้าไปในโรงเครื่องจักรเก่าพร้อมกระสอบ สุชาดาวิ่งมาพร้อมกับสนม ยืนมองดูคนข้างในกำลังจัดการกับเครื่องจักรที่ระเบิด





ผ่านเวลา หน้าห้องโรงเก็บเครื่องจักร อานนท์กับลูกน้องเดินออกมา เนื้อตัวมอมแมม อานนท์ถือสายไฟที่ช้อตและถูกไฟไหม้ออกมาด้วย

"สายไฟละลายตรงขั้ว..ดีนะที่ไม่โดนน้ำ"
"ไม่งั้นโดนไฟดูดกันหมดแน่ๆ" ลูกน้อง 1 บอก
อานนท์หันไปถามลูกน้องอีกคนที่เดินออกมาจากห้อง
"มอเตอร์เป็นไง"
"ผมว่ามอเตอร์ยังไม่เป็นไรนะพี่นนท์...แต่ตัวกรองไปหมดครับ"
ลูกน้อง1บอก
"ถ้าได้อะไหล่มาก็คงพอซ่อมได้ครับ...แต่ต้องเปลี่ยนหลายตัวเลย"

โสภณยืนอยู่กับอานนท์ สุชาดาเดินเข้ามาเงียบๆยืนฟังด้านหลัง
"เครื่องนี้มันเก่ามากแล้วครับ ถ้าซ่อมไม่ได้ก็อย่าไปซ่อมเลยครับ"
"ซ่อมน่ะซ่อมได้หรอกครับ...ถ้ามีอะไหล่ก็ใช้เวลาไม่นาน"
ตวันเดินเข้ามากับสุชาดาและสนม
"เก่งมากคุณนนท์...ฉันต้องขอขอบคุณพวกคุณมากที่ช่วยดับไฟ ถ้าไม่ได้พวกคุณเราคงเสียหายมากกว่านี้"
"ไอ้เครื่องเก่านี้เหมือนจะรู้วาระตัวเองเลยนะครับ...เพราะพวกผมคิดว่า ช่วงบ่ายจะลองเดินเครื่องตัวใหม่"
"แล้วเราจะผลิตได้เลยมั้ยครับ" โสภณว่า
"ใช้เครื่องใหม่แทนเครื่องเก่าได้เลยครับ...แต่สองสามวันแรก น้ำมันที่กลั่นออกมา อาจจะยังมีสารอื่นเจือปนบ้าง หลังจากนั้นก็ไม่มีปัญหาครับ"
ตวันเดินเข้าไปมองเครื่องเก่าในห้องและเดินกลับมา สีหน้าของตวันเหมือนไม่อยากทิ้งเครื่องเก่า สุชาดาเดินเข้าไปให้กำลังใจ อานนท์มองดูอย่างครุ่นคิด

บรรยากาศในสวนมะพร้าว เป็นช่วงเวลาเลิกงาน คนงานเริ่มเก็บของกลับบ้าน แต่อานนท์ยังนั่งปรึกษากับลูกน้องเกี่ยวกับการซ่อมเครื่องจักรเก่า
"พวกนายก็ไม่ได้กลับบ้านกันหลายวันแล้ว...เดี๋ยวฉันจะปรึกษากับคุณโสให้ช่างที่กรุงเทพมาซ่อมเอง" อานนท์บอก
ลูกน้อง1บอก
"มันต้องรีบทำเลยครับ...เพราะถ้าทิ้งไว้พวกเขม่าจับตัวกับน้ำมันเครื่องที่รั่วนี้...จะยิ่งทำยากมากขึ้น"
"งานนี้ไม่ใช่งานของบริษัทด้วย...พี่จะจัดการเอง"
ลูกน้องมองหน้ากัน
ลูกน้อง3 บอก
"ไม่ต้องหรอกครับ...เราปรึกษากันแล้วพวกเรายินดีที่จะอยู่ซ่อมเครื่องเก่าให้เอง"
"แล้วพวกนายไม่คิดถึงบ้านกันหรือไง"
ลูกน้อง1บอก
"คิดถึงสิครับพี่ แต่นายตวันดูแลพวกเราดีมาก เราก็อยากทำอะไรตอบแทนให้บ้างครับ"
ลูกน้อง2 บอก
"งานของเราก็เสร็จก่อนกำหนด...เท่ากับเราก็ไม่ได้ใช้เวลางานมาทำจริงไหมครับ พี่นนท์"
อานนท์ยิ้มมองลูกน้องอย่างซึ้งในน้ำใจ
"มันต้องได้อย่างนี้ซิพวกเรา"
มีเดินเข้าที่อานนท์
"คุณอานนท์นนท์ครับ...นายตวันให้คนมาตามพวกคุณไปทานข้าวที่บ้านครับ"
อานนท์ยิ้มๆ
"คงกะจะเลี้ยงฉลองเครื่องใหม่แน่"

ลูกน้องพากันดีใจ
ลูกน้อง1บอก "ตั้งแต่มาทำงานที่นี่พวกเราอ้วนไปตามๆกันครับ"
"พวกนายไปล้างหน้าล้างตาและเดินไปกันก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวพี่ตามไป"
ลูกน้องมองหน้ากันยิ้มๆแล้วพากันเดินออกไป ลูกน้อง1 หันมาแซว
"อย่าเดินหลงไปที่อื่นนะครับ"

อานนท์กลับไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่เดินออกมาที่กระท่อมโสภณ เห็นบรรยากาศสวยๆ อานนท์หยุดมองหาสุชาดา เขากำลังจะตะโกนเรียก เป็นจังหวะเดียวกับสุชาดาเดินออกมาจากด้านใน แต่งตัวเป็นผู้หญิงสวยอานนท์มองอย่างตกตะลึง
"เดินหลงทางมาเหรอคะ คุณอานนท์"
"คราวนี้ผมตั้งใจมาที่นี่...จำทางได้ไม่หลงอีกแล้ว"
"คุณควรจะไปอยู่ที่บ้านแม่ฉันแล้วนี่นา"
"แล้วคุณไม่ไปที่นั่นด้วยหรือไง"
สุชาดาตอบเรื่อยๆ
"ก็กำลังจะไป"
อานนท์มองสุชาดาทั่วตัว เธอพยายามทำท่าขึงขังเพื่อไม่ให้เขิน
"มองอะไรนักหนา...ไม่มีมารยาทหรือไง"

สุชาดาเดินออกมา อานนท์ยิ้มเดินตาม
ระหว่างทางที่เดินมาด้วยกัน อานนท์เปรยขึ้น
"คุณน่าจะแต่งตัวอย่างนี้ทุกวันนะ"
สุชาดาไม่พอใจ
"ฉันจะแต่งตัวอย่างไรมันเป็นเรื่องของฉัน"
อานนท์แกล้งบ่นกับตัวเอง
"ถามแค่นี้ก็ไม่ได้"
สุหันมา
"อะไรนะ"
"วันนี้ผมเที่ยวตามหาคุณไปทั่ว...ไปที่นึงเค้าก็บอกคุณเพิ่งออกไป พอไปอีกที่นึง...เค้าก็บอกคุณเพิ่งออกไปอีก"
"จะตามหาฉันทำไม"
"ก็เมื่อได้พบได้รู้จักคุณแล้ว...ผมก็อยากพบคุณ..อยากรู้จักคุณให้ดีขึ้นอีก"
"ไม่จำเป็นเลย เราคุยกันน่าจะพอแล้ว...อีกไม่นานคุณก็ต้องไปจากที่นี่อยู่ดี"
"ถ้าเราอยากพบกัน...เราก็พบกันได้เสมอ"
"แต่เราไม่ได้อยากพบกันนี่"
อานนท์คิดนิดหนึ่งก็พูดออกไป
"ผมอยากพบอีก...คุณไม่อยากพบกับผมอีกหรือไงสุ"

สุชาดานิ่งไปหันมามองอานนท์
"ชาวสวนอย่างฉันไม่มีอะไรน่าสนใจที่หนุ่มสังคมอย่างคุณอานนท์จะมาคบหาละมั้ง"
สุชาดาพูดแล้วก็หันกลับไปเดินต่อ อานนท์รีบเดินตาม
"อย่าบอกนะว่าคุณจงใจหลบหน้าผม"
สุชาดาหยุดเดินมองหน้าอานนท์

"ฉันจะหลบหน้าคุณทำไม...."

พูดจบก็เดินจากไปอย่างเร็ว อานนท์เดินตาม





บรรยากาศสนุกสนานที่โต๊ะอาหารบ้านตวัน ทุกคนทานอาหารอย่างดี จูเหลียงเอาไวน์มาเสิร์ฟ ลูกน้องพากันมองหน้าอานนท์ ตวันยิ้มพอใจ

"วันนี้ขออนุญาติคุณนนท์ให้นายช่างดื่มไวน์หน่อยนะคะ"
"ทานอาหารเสร็จแล้ว ช่างต้องรีบไปล้างเครื่องเก่า แต่วันนี้ นายตวันให้เป็นโอกาสพิเศษ...ผมก็ขอดื่มด้วยครับ"
อานนท์ยิ้มแจ่มใส.....ลูกน้องพากันดีใจรีบดื่มไวน์
ลูกน้อง1บอก
"ผมเคยได้ยินที่เค้าเรียกไวน์มาตั้งนานแล้ว...เพิ่งได้ลิ้มรสของจริงก็วันนี้เองครับ"
"คุณนนท์อนุญาตแล้วก็ดื่มมากๆนะครับ" โสภณบอก
ลูกน้อง 2 บอก
"อร่อยเหมือนน้ำองุ่นเลยครับ...อย่างนี้ถึงสว่างก็มีแรงทำไหวครับพี่นนท์"
"แต่ถ้าดื่มมากๆอย่าเมาหลับไปซะก่อนนะ"
ลูกน้อง 3 บอก
"รับรองครับลูกพี่...งานต้องมาก่อน"
ตวันหัวเราะ
"ฉันต้องขอชมเชยพวกคุณ รับผิดชอบและตั้งใจทำงานกันดีมาก ฉันดีใจแทนเจ้าของบริษัทพวกคุณที่ได้
ทีมงานดีอย่างนี้"
"ขอบคุณมากครับ...แค่งานที่เราทำราบรื่นไม่มีปัญหา งานเป็นที่น่าพอใจ พวกเราก็มีความสุขแล้วครับ...ผมก็ต้องขอขอบคุณนายตวันที่ดูแลพวกเราอย่างดี"
"พวกคุณต้องจากบ้านกันมาหลายวัน...ฉันก็อยากจะให้พวกคุณสะดวกสบายตลอดเวลาที่ทำงานที่นี่...ป่านนี้คนที่บ้านพวกคุณก็คงคอยวันกลับของพวกคุณกันแล้ว"
ลูกน้อง1บอก "ไม่ต้องห่วงหรอกครับ พวกเราทุกคนยังเป็นโสด ไม่มีคนที่จะมารอคอยนักหรอกครับ"
"ถึงจะยังไม่แต่งงานแต่ก็ต้องมีพ่อแม่พี่น้องที่คอยห่วงอยู่ดีนะ"
อานนท์หัวเราะเบาๆ
"ผมว่าเค้าเข้าใจนะครับ...แต่ก็คงบ่นกันน่าดู"
ตลอดเวลาสุชาดามองคนโน้นคนนี้ด้วยสีหน้ายิ้มๆ

เมื่อทั้งหมดทานอาหารเสร็จแล้ว สิรี นงลักษณ์และตระกลนั่งคุยกัน สายใจเอาผลไม้จานใหญ่กับจานแบ่งมาแจกทุกคน
"เมื่อไหร่คุณนนท์จะเสร็จงานที่เมืองนนท์ล่ะนงลักษณ์" สิรีถาม
"ไม่รู้เหมือนกัน...นี่ก็ไม่ได้กลับบ้านหลายวันแล้ว"
"ดีแต่มีอาตระกลมาอยู่เป็นเพื่อนนงลักษณ์นะ...ไม่งั้นเธอเหงาแย่เลย"
นงลักษณ์ยิ้มอุ่นใจ
"ฉันก็เกรงใจคุณตระกลจะแย่แล้ว"
"พอดีช่วงนี้ผมว่างครับ" ตระกลหันไปพูดกับสิรี "อาก็พูดบ่อยๆ ว่าถ้าเหงาก็ไปนอนที่บ้านโน่นก็น่าจะดี"
นงลักษณ์ยิ้มมองอย่างรู้ว่าตระกลเป็นห่วง
"ฉันไม่ใช่เด็กๆแล้วนะคะ"
สิรีมองดูทั้งคู่ด้วยความยินดี
"เออ..จริงซิ มีข่าวดีจะบอก..ปริศนาท้องแล้วนะ" สิรีบอก
นงลักษณ์กับตระกลดีใจ
"ท่านพจน์คงดีพระทัยมาก" ตระกลว่า
"รับสั่งห้ามไม่ให้ปริศนาทำอะไรเลย...ก่อนที่จะรู้ว่าท้องก็มาเวียนหัวหน้ามืดที่นี่ แม่ก็ห่วงแทบแย่นึกว่าเขาไม่สบายเป็นอะไร แต่พอรู้ว่าท้องก็ค่อยหายห่วงไป"
"อีกไม่นานก็มีเด็กเล็กๆมาวิ่งแล่นที่นี่นะครับ...บ้านก็ไม่เงียบอีกแล้ว"
สิรีทำหน้าเบื่อ
"หลานชอบเงียบๆค่ะอาตระกล...มีเด็กมาร้องโยเยนี่ไม่ไหว"
"รอให้ตัวเองมีซะก่อนเถอะ...ฉันจะคอยดูว่าเธอยังจะรำคาญเด็กอีกไหม"
สิรีค้อนนงลักษณ์
"อย่ามารอฉันเลยจ้ะ...ฉันว่าฉันจะได้เห็นลูกเธอก่อนน่ะซินงลักษณ์...จริงไหมคะอาตระกล"
สิรีพูดขอความเห็นทำให้ทั้งทั้งคู่อายม้วน .

นงลักษณ์เดินมาส่งตระกลที่รถ
"คุณตระกลกลับบ้านค่ำๆแทบทุกวัน เจ้าคุณพี่ของคุณไม่บ่นแย่เหรอคะ"
ตระกลยิ้มสบายใจ
"คุณพี่ท่านเข้าใจผมดีครับ...ท่านพูดด้วยซ้ำไปว่าถ้าผมอยู่ที่ไหนที่มีความสุขท่านก็สบายใจ"
นงลักษณ์ยิ้มดีใจไม่ค่อยกล้ามองหน้าตระกล
"ถ้าคุณตระกลอยากไปเที่ยวที่อื่นบ้างก็ไม่เป็นไรนะคะ... ฉันอยู่ได้"
"ถึงจะมีบ้านพี่สมรอยู่ใกล้ๆแต่ทั้งสองหลังนี่ก็ไม่มีผู้ชายซักคน"
"อีกไม่กี่วันคุณนนท์ก็คงกลับค่ะ...แล้วอีกไม่นานคุณสมศักดิ์กับพี่อุบลก็จะย้ายกลับมาอยู่บ้านสิรี"
ตระกลทำหน้าน้อยใจ
"คุณนง เบื่อที่จะทำกับข้าวให้ผมกินแล้วหรือ"
นงลักษณ์รีบลนลาน
"ไม่เลยค่ะ...ฉันไม่เคยเบื่อเลย ฉันกลัวคุณตระกลจะเบื่อที่ต้องคอยมาอยู่เป็นเพื่อนฉัน เวลาคุณนนท์ไม่อยู่ต่างหาก"
"ผมไม่เคยเบื่อเลย แต่พอนายนนท์กลับมา คุณสมศักดิ์ย้ายมาอยู่บ้านพี่สมร ผมก็คงไม่จำเป็นต้องมาแล้ว"
นงลักษณ์ตกใจ
"ต้องมาสิคะ...ไม่อย่างนั้นจะมีใครมาช่วยฉันทำกับข้าว... มาช่วยเลาะตะเข็บเสื้อล่ะคะ...คุณนนท์น่ะอยู่ก็เหมือนไม่อยู่ขนาดในครัวยังไม่เคยเดินเข้าไปเลยค่ะ...คุณตระกลมาก็มาช่วยฉันได้ทุกอย่าง...แล้วจะไม่มาได้ยังไงคะ"
ตระกลพอใจมากที่นงลักษณ์พูดอย่างซื่อๆ..นงลักษณ์เองก็อดยิ้มอุ่นใจไม่ได้...

รถคุณหญิงเจริญจอดหน้าตึก แล้วก้าวลงจากรถ เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ไม่ดี กระแทกประตูรถปิดเสียงดังแล้วเดินขึ้นไปบนตึก ปากก็ตะโกนเสียงดัง
"นังเจียม...นังเจียม...ไปมุดหัวอยู่ที่ไหนนะ"
คุณหญิงหันไปเห็นเจียมยืนหาวไม่เลิกก็ตวาด
"นังเจียม...ทำเป็นเซ่ออยู่ได้...ไปทำข้าวต้มเครื่องมาให้ฉันเร็วๆ"
"คุณผู้หญิงจะทานข้าวต้มตอนนี้เหรอคะ"
"เออ...แกรีบๆไปทำเร็วๆ ฉันไม่ได้กินข้าวเย็น ฉันจะขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อ ถ้าฉันลงมาแกต้องทำข้าวต้มให้เสร็จรอฉันนะ"
คุณหญิงหันไปเห็นประตูด้านหลังยังไม่ปิด
"ดึกดื่นป่านนี้ทำไม่ยังไม่ปิดประตูอีก....อีนี้นิ"
เจริญเดินขึ้นไปชั้นบน เจียมยืนเกาหัว
"อย่างนี้เสียไพ่มาแหงๆ"
เจียมกำลังจะเอื้อมมือปิดประตู เสาวนิตก็พรวดพราดเข้ามาจนเจียมตกใจ
"ว๊าย..ตาเถร"
เสาวนิตหันมาดุ
"อย่าเสียงดังไปซิ"
เจียมทำหน้าเจ้าเล่ห์
"วันนี้กลับซะดึกเชียวนะคะ"
"ยุ่งน่า...คุณแม่ขึ้นนอนแล้วใช่ไหม"
"เพิ่งกลับมาค่ะ....เดี๋ยวจะลงมาทานข้าวต้มค่ะ สั่งให้เจียมทำ...ถ้าคุณนิตจะขึ้นก็รีบๆขึ้นไปสิคะ"

เจียมเดินเข้าหลังบ้านไป เฉยยืนถือถาดน้ำชาแอบดูอยู่เงียบๆ....





เจ้าคุณสุทธากำลังนั่งทำงาน เครื่องเล่นแผ่นเสียงเล่นเพลงI Adore You เจ้าคุณสุทธาเทพวิสุทธิ์หยุดฟังด้วยสีหน้าเศร้าๆ ก่อนลุกขึ้นเดินมาปิดเครื่องเล่นแผ่นเสียง เฉยเดินถือกาน้ำชาเข้ามา

"มัวไปทำอะไร...ไปชงชาหายไปซะนาน"
"คุณหญิงเพิ่งกลับมาแล้วให้เจียมตั้งข้าวต้ม...กระผมเลยต้องไปช่วยมันหน่อยขอรั"
เจ้าคุณทำหน้าไม่พอใจ
"ใช้คนไม่เคยนึกถึงใจใครเลย"

เฉยรินน้ำชามาส่งให้ เจ้าคุณรับถ้วยน้ำชาแล้ววางไว้
"แกไปนอนเถอะ"
เฉยทำท่ารีรอจนเจ้าคุณสังเกต
"มีอะไร"
เฉยก้มหน้าไม่กล้าพูด
"พูดมาเถอะ...มีอะไร"
"เอ้อ...กระผมรู้สึกว่า คุณนิตจะกลับขึ้นตึกดึกๆบ่อยขอรับ"
"คงไปอยู่ที่ตึกคุณแม่ละมัง"
"ถ้าคุณหญิงเจริญไปอยู่ที่นั่น...คุณนิตก็มักจะตามไปขอรับ แต่ช่วงนี้คุณหญิงออกไปข้างนอกบ่อย...คุณนิตก็ยังกลับมาขึ้นตึกตอนดึกๆแทบทุกวัน"
พระยาสุทธาสีหน้าเบื่อหน่าย
"ให้เค้าอบรมกันเอง...ฉันพูดไปคุณหญิงก็จะมาห้ามไม่ให้ฉันไปยุ่งกับลูกสาวอีก...เค้าว่าเป็นเรื่องของเขา...ฉันก็ไม่อยากจะไปยุ่งอีก...แม่นิตก็คงโดนคุณย่าเรียกไปอ่านหนังสือเหมือนเคยนั่นแหละ"
พระยาสุทธานั่งจิบน้ำชาไม่สนใจ เฉยหนักใ0

วันรุ่งขึ้น เจ้าคุณสุทธาแต่งชุดทำงาน นิศากับเสาวนิต และคุณหญิงเจริญนั่งที่โต๊ะอยู่แล้ว เจียมเอาอาหารเช้ามาเสิร์ฟให้นิศากับเสาวนิต แต่เสาวนิตมีอาการหาวตลอดเวลา เจ้าคุณสุทธามองลูกสาวอย่างพิจารณา
"ไปทำอะไรดึกๆดื่นๆถึงไม่นอนเสาวนิต"
เสาวนิตตกใจอึกอัก
"เอ้อ..."
เจ้าคุณสุทธามองเห็นตระกลเดินเข้ามาที่ห้องอาหาร ยกมือสวัสดีเจ้าคุณ และคุณหญิง
"ตระกล...มารับของเช้าด้วยกันสิ"
"ครับ..เจ้าคุณพี่"
เสาวนิตพอเห็นตระกลมาก็รีบยกมือไหว้ กลบเกลื่อนตัวเองไม่ต้องตอบคำถามสุทธา
เสาวนิต - นิศาทักทาย "สวัสดีค่ะอาตระกล"
นิศารีบยกมือไหว้ตระกลเหมือนกัน เจียมเอาอาหารเช้ามาเสิร์ฟสุทธากับตระกล
"ไปอยู่โรงเรียนใหม่สนุกไหมนิต
"สนุกมากเลยค่ะ"
"พ่อตระกลนี่มีน้ำใจกับหลานจริงๆนะ...อุตส่าห์ถามไถ่เรื่องร่ำเรื่องเรียนของหลาน" คุณหญิงว่าพลาง
ตวัดสายตามองเจ้าคุณสุทธา "เจ้าคุณพ่อของแม่นิตยังไม่เคยถามเลยซักคำ"
เจ้าคุณสุทธาที่กำลังทานอาหารเช้าชะงักนิดหนึ่ง หันไปพูดเรียบๆ
"ก็เธอเป็นคนบอกฉันเองไม่ใช่หรือว่าห้ามไม่ให้ฉันมายุ่งเรื่องลูก...เธอจะจัดการเอง"
"เจ้าค่า...ท่านเจ้าคุณก็เลยไม่ดูดำดูดีเหรอเจ้าคะ...ถ้าสามคนนี่ไม่ได้แม่ป่านนี้ก็ไม่รู้เป็นยังไง"
เสาวนิตกับนิศาท่าทางร้อนใจตระกลก็อึดอัด ส่วนเจ้าคุณเลิกทานอาหารแล้ว
"เอ้อ...เจ้าคุณพ่อคะ ที่โรงเรียนนิตจะมีแสดงละคร"

ตระกลพยายามสนใจเพื่อทำให้บรรยากาศหายอึดอัด หันไปพูดกับเสาวนิตอย่างยิ้มแย้ม
"ละครโรงเรียนของนิตเหรอ...แล้วนิตเล่นด้วยหรือเปล่า"
เสาวนิตทำท่าภูมใจ
"นิตได้เล่นเป็นนางเอกค่ะอาตระกล"
"โอ้...อย่างนี้ก็ต้องไปดูน่ะสิ ไปดูได้ไหมล่ะ"
คุณหญิงเจริญบอก
"เค้าขายบัตรเข้าการกุศล...พี่ก็ว่าจะพูดกับตระกลอยู่เหมือนกันพี่ซื้อบัตรไว้หลายใบ กะจะให้ตระกลเอาไปชวนเพื่อนด้วย"
เสาวนิตรีบสนับสนุน
"นิตอยากเชิญคุณอานนท์กับน้องสาวมาดูละครด้วยค่ะ นิตอยากตอบแทนที่คุณอานนท์กับคุณนงลักษณ์เคยเลี้ยงอาหารกับขนมนิตอย่างดี"
"ตอนนี้คุณอานน์เค้าไปทำงานต่างจังหวัด"
"ไม่ได้ๆ งานสำคัญอย่างนี้นานทีปีหน ตามคุณอานนท์มาให้ได้นะ"
ตระกลเริ่มอึดอัดหันไปมองหน้าเจ้าคุณสุทธา
"เรื่องอะไรจะต้องไปบังคับเขาขนาดนั้น...เขาไม่ว่างก็คือ ไม่ว่างซิ"
คุณหญิงเจริญขึ้นเสียง
"ท่านเจ้าคุณ...ทำไมต้องขัดดิฉันเสียเรื่อย ดิฉันเห็นเป็นเรื่องการกุศลได้ทำบุญแม่นิตก็เพิ่งจะเข้าเรียน...ถ้าเราอุดหนุนโรงเรียนได้หน้าตา...มันก็ดีกับลูกเรานี่คะ"
"ไม่เป็นไรครับคุณพี่...ผมจะลองถามดูครับ"
เสาวนิตมองนิศาอย่าง ส่วนนิศาสีหน้าเบื่อหน่าย

เจ้าคุณสุทธากำลังเดินลงมาจากตึกใหญ่เพื่อจะมาขึ้นรถไปทำงาน ตระกลเดินมาด้วย
"อย่าไปสนใจคำพูดแม่เจริญเลย...พี่เองไม่เห็นด้วยที่เค้าสนับสนุนลูกไม่เข้าเรื่อง"
"ไม่เป็นไรหรอกครับ...ผมจะลองชวนเพื่อนไปดูยายนิตเล่นละคร"
เจ้าคุณหงุดหงิด
"แม่นิตน่ะเรียนหนังสือแย่...สอบตกย้ายโรงเรียนเป็นว่าเล่น ควรจะสนใจแต่การเรียน แม่เจริญไม่ควรอนุญาตให้ไปเล่นละครอะไรนั่น"
เจ้าคุณหยุดยืนก่อนขึ้นรถเพื่อคุยกับตระกล
"ถ้าเราพากันแห่ไปดูแม่นิตเล่นละครมันก็เหมือนสนับสนุนให้แก่แดดมากขึ้น...ไม่ไปดูก็มาเหน็บแนมอีกว่าไม่สนใจลูก"
พระยาสุทธาเทพวิสุทธิ์สีหน้าหม่นหมองก้าวขึ้นรถ คนรถขับออกไป ตระกลมองตามอย่างเห็นใจ...

วันเดียวกัน ตวันนั่งอ่านเอกสารอยู่ที่โต๊ะทำงาน มีเสียงเพลงเบาๆ สักครู่เงยหน้ามองออกไปด้วยสีหน้าเหงาๆ สุชาดาเดินเข้ามาอีกด้านหนึ่งเห็นท่าทางเศร้าๆของแม่ จึงค่อยๆเดินเข้าไปหาใกล้ๆ
"แม่คะ"
ตวันสะดุ้งน้อยๆหันมาเห็นลูกสาวยิ้มให้
"ว่าไงลูก"

สุชาดามองแม่อย่างเป็นห่วง
"แม่ไม่สบายใจเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ"
ตวันยิ้มทำท่าทางเป็นปรกติ
"ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ...กำลังคิดเรื่องงาน"
สุชาดาลงนั่งใกล้ๆตวันอย่างห่วงใย
"สุเห็นแม่นั่งเหม่อใช้ความคิดบ่อยๆ...เหมือนแม่มีเรื่องทุกข์ใจบางอย่างหรือเปล่าคะ"
ตวันยิ้มเศร้าๆ
"เรื่องบางอย่าง มันเป็นแผลลึกในใจเรา ไม่ว่านานแค่ไหนมันก็ยังทิ้งร่องรอยไว้ในใจเรา"
ตวันลูบหัวลูกสาวที่นั่งใกล้ๆ
"แม่ถึงบอกกับสุ....ถ้าจะตัดสินใจรักใคร อย่าให้หัวใจมันสั่งเราอย่างเดียว ต้องฟังสมองด้วย"
"แม่คิดถึงพ่อใช่ไหมคะ" ตวันเงียบไป "ทำไมแม่ไม่เคยเล่าเรื่องพ่อให้สุฟังเลย"
ตวันฝืนยิ้ม "เอาไว้ซักวันแม่จะเล่าให้สุฟังจ้ะ"
สุชาดาเอาหัวพิงกับแม่ อานนท์เดินเข้ามา ตวันหันไปมอง
"คุณนนท์"
"ขอโทษด้วยครับ...ผมอยากพูดกับสุสักหน่อย"

สุชาดาเงยหน้ามองอานนท์แล้วหันไปมองหน้าตวัน ตวันยิ้มให้ลูกสาว





ครู่ต่อมา สุชาดาดินมาตามทางเดินในสวนที่ร่มรื่น อานนท์เดินตามมา สุชาดาหันมาถาม

"คุณจะพูดอะไรกับฉัน"
"ผมอยากจะปรับความเข้าใจกับคุณ"
"ปรับความเข้าใจเรื่องอะไร"
"ผมว่าเมื่อคืนก่อนเราพูดกันไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่"
"ก็ไม่เห็นต้องพูดสนุกอะไร"
อานนท์มองสุชาดาอย่างระอา
"ทำไมคุณไม่พูดให้มันอ่อนหวานเหมือนผู้หญิงคนอื่นเขาบ้าง"
สุชาดาตาเขียว
"ฉันก็เป็นของฉันอย่างนี้..ถ้าคุณไม่อยากฟังก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องเอาฉันไปเปรียบเทียบกับใคร"
สุชาดาหันหลังจะเดินหนี
"เมื่อสามสี่วันก่อนคุณไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย...อะไรทำให้คุณเปลี่ยนไปอย่างนี้"
สุชาดาหันกลับมา
"ต้องขอโทษนะที่ทำให้คุณผิดหวัง...ฉันก็เป็นของฉันอย่างนี้ละ ถ้าไม่มีเรื่องเครื่องจักรเก่าระเบิด...ป่านนี้คุณก็กลับบ้านไปนานแล้ว"
"ผมเคยบอกแล้วว่าถึงงานจะเสร็จ ผมก็จะมาอีก คุณทำเหมือนคุณกลัวอะไร"
"กลัวอะไร"
"ก็นั่นสิคุณกลัวอะไร...ถึงไม่อยากเป็นเพื่อนกับผม"
"ฉันไม่เคยกลัวอะไรคุณเลย...ฉันว่าเราเป็นแค่คนรู้จักกันดีกว่า คุณมาที่นี่ก็เพราะคุณมีงานต้องทำคุณก็คบกับเรา พองานของคุณเสร็จแล้วคุณก็ไม่มาที่นี่อีก คุณก็ไปคบกับคนอื่นสบายใจ เราเป็นชาวสวนชาวบ้านนอกเราก็อยู่ตามประสาของเรา ไม่คบกับคนหรูหราชาวกรุง...เรามันคนละโลกกันจ้ะ ทางเดินของเรามันไม่บรรจบกันอีกหรอก"
อานนท์หงุดหงิด
"เลิกคิดอย่างนี้เสียทีได้ไหม คนเราถ้ารักจะคบกันต่อให้แตกต่างกันแค่ไหนก็คบหากันได้ ผมอยากคบหากับคุณนะสุ"
สุชาดาส่ายหน้า"แต่ฉันไม่อยาก"
"ทำไมล่ะสุ"
"อือ...ก็ไม่เห็นได้ประโยชน์ที่ตรงไหน"
"อ๋อ..คุณคบคนเพื่อหวังผลประโยชน์หรือสุ สมัยนี้ผู้หญิง ผู้ชายคบหาเป็นเพื่อนกันเยอะแยะไป...ดีเสียอีก..เราจะได้เรียนรู้กับผู้หญิงคนอื่นเขา"
สุชาดาหันขวับมาตาเขียว
"ฉันขอเตือนว่าอย่าเอาฉันไปเปรียบกับผู้หญิงคนอื่นของคุณอีกไง...ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่ชอบ"
อานนท์จะเอาชนะไม่สนใจที่เธอพูด..
"ผู้หญิงคนอื่นน่ะนะ...ถ้ามีผู้ชายมาสนใจเขา..อยากพบเขา เขาก็ยินดีให้โอกาสเสมอ."
อานนท์พูดไปเรื่อย ไม่เห็นสีหน้าโกรธจัดของสุชาดาเพราะเธอยืนหันหลังให้
"คุณเป็นผู้หญิงยังไงกัน ทำไมถึงต้องทำ"
อานนท์พูดไม่จบเพราะสุหันกลับมาตาขวางผลักอกอานนท์อย่างแรง อานนท์ไม่ทันรู้ตัวก็ถอยหลังเซไปตั้งตัวไม่ทันเลยตกตูมลงไปในท้องร่อง...สุชาดาตกใจที่เห็นอานนท์ตกลงไปแต่พอเห็นท่าทางของเขาก็หัวเราะงอหาย อานนท์ตะเกียกตะกายขึ้นมาอย่างหัวฟัดหัวเหวี่ยง..
"ยืนหัวเราะอะไรน่ะ...ผลักเขาตกน้ำตกท่าจนเลอะโคลนไปหมดยังจะมาหัวเราะเยาะเขาอีก"
เธอพยายามหยุดหัวเราะแต่หยุดไม่ได้
"โธ่...ใครจะไปอดได้ คุณตกลงไปท่าไหนน่ะ น้ำกระเด็นเกือบถึงยอดไม้แน่ะ ถ้าคุณเห็นท่าของคุณคุณหัวเราะตายเลย"
อานนท์พยายามเช็ดโคลนไป มองตาเขียว สุชาดายังไม่หยุดหัวเราะ
"แค่นี้ก็ทำเป็นโกรธไปได้...แหม..ท่าทางของคุณตอนตกลงไปน่ะ น่าถ่ายหนังไว้ดูเหลือเกิน ฮอลีวู้ดยังทำไม่ได้นะ..ท่าประหลาดไม่เคยเห็น"
สุชาดาหัวเราะงอหาย อานนท์ยิ่งโมโห
"แล้วเรื่องอะไรมาผลักเขาตกน้ำตกท่า"
"สมน้ำหน้า...อยากปากจัดว่าฉันดีนักไง"
"อย่างกับตัวเองปากไม่จัดหรือไง...นี่แน่ะ"
อานนท์เอาโคลนเละๆที่ตัวปาใส่สุชาดา... เธอหลบไม่ทันโดนโคลนที่หน้า อานนท์หัวเราะชอบใจ
"เป็นไง...สวยละซิ"
สุชาดาคว้าโคลนแถวนั้นขว้างใส่อานนท์อีก ทั้งสองคนจึงเปิดศึกขว้างโคลนใส่กัน ทั้งสองหัวเราะสนุก สุชาดาวิ่งหนีอานนท์วิ่งไล่ตาม...

ทางด้านนงลักษณ์แต่งตัวสวยกำลังจะไปร้าน ยืนมองสายใจรดน้ำต้นไม้อยู่หน้าบ้าน
"คุณคะ...กระดังงากำลังมีดอกอ่อนเต็มต้นเลยค่ะ...น่าจะเอาไว้ทำน้ำข้าวแช่นะคะคุณ"
นงลักษณ์ยิ้มอารมณ์ดี
"ดีเหมือนกัน จะได้ชวนคุณพ่อคุณแม่มาทานด้วยกัน"
ตระกลขับรถเข้ามาจอดหน้าบ้าน นงลักษณ์มองอย่างแปลกใจ
"คุณตระกล"
ตระกลเดินเข้ามาหานงลักษณ์ด้วยสีหน้ายิ้มเขิน
"วันนี้ผมเกงานวันนึงครับ"
นงลักษณ์สีหน้าไม่ค่อยดี กลัวตระกลมีปัญหา
"มีเรื่องอะไรหรือเปล่าค่ะ"
ตระกลยิ้ม
"ไม่มีหรอก...เพียงแต่วันนี้ผมอยากไปที่อื่นให้สบายใจ เลยคิดว่าจะมาชวนคุณเกงานไปด้วยกันซักวัน"
นงลักษณ์มองหน้าตระกลยิ้มๆ
"ไปด้วยกันมั้ยครับ"

สุชาดาวิ่งหนี อานนท์มาที่กระท่อมโสภณ เธอเลอะโคลนที่อานนท์ขว้างใส่ ทั้งสองคนหัวเราะสนุก แต่พอมาถึงหน้ากระท่อมโสภณ สุทั้งคู่ก็เบรกแทบไม่ทันเพราะโสภณยืนคุยกับสนมและมีอยู่หน้ากระท่อม..
"อ้าว...ไปทำอะไรกันมาถึงเลอะเทอะอย่างนี้"
อานนท์รีบหาข้อแก้ตัว
"เอ้อ...เดินท่าไหนไม่ทราบ พลัดตกท้องร่องสวนครับ"
สุชาดาอมยิ้ม
"สุช่วยดึงคุณอานนท์ขึ้นจากท้องร่องเลยเลอะโคลนไปด้วยกัน"
โสภณมองทั้งสองคนนิ่ง..
"มีพาคุณนนท์ไปอาบน้ำ...แล้วไปเอาเสื้อผ้าของฉันมาให้คุณนนท์เปลี่ยน"
"ไม่ต้องหรอกครับ...ผมกลับไปอาบน้ำที่บ้านพักช่างดีกว่า เพราะเสื้อผ้าของใช้ผมอยู่ที่นั่น"
โสภณยิ้ม
"จริงซิ...สุแม่อยากให้สุไปดูเมียตาคร้ามที่บ้านเขาหน่อย ได้ยินว่าไม่ค่อยสบาย...หนักหนาจะได้พาไปอนามัย"
อานนท์จับใจความเรื่องเมียนายคร้าม....สนใจฟัง
"ได้..เดี๋ยวไปอาบน้ำก่อน" เธอชวนโสภณ "ไป...กลับบ้านกันก่อน"
ทั้งคู่เดินไป สุชาดาไม่วายหันมาทำปากว่าอานนท์โดยไม่มีเสียง
"คนโกหก"

อานนท์ค้อน ชี้มือไปที่สุชาดา ก่อนหันไปยิ้มกับเนตรและสนม...





ตระกลพานงลักษณ์มาไหว้พระพุทธรูปที่อยู่กลางแจ้ง ทั้งสองคนกราบพระแล้วเดินออกมา... เดินคุยกันในบรรยากาศสบายๆ

"ฟังที่คุณเล่าถึงเจ้าคุณพี่คุณแล้วฉันรู้สึกสงสารจริงๆค่ะ"
"คุณพี่โดนคุณหญิงเทพบังคับแต่งงาน...ผมไม่เคยเห็นคุณพี่มีความสุขซักวัน"
"เมื่อวันที่ไปรับเสาวนิตไปดูหนังฉันก็สังเกตุเหมือนกันค่ะว่าในบ้านดูแปลกๆ"
"ผมว่าคนที่เป็นแม่สำคัญที่สุด....บ้านไหนมีแม่ที่ไม่รู้จักหน้าที่ตัวเอง..บ้านนั้นก็เป็นนรกชัดๆ"
"แต่เจ้าคุณพี่ของคุณตระกลก็ดีเหลือเกินนะคะ...ที่ไม่มีบ้านเล็กบ้านน้อย"
"ถ้าเป็นอย่างนั้นคงจะยิ่งแย่กว่านี้นะครับ...ผมเคยเห็นคุณพี่นั่งดูรูปผู้หญิงคนหนึ่ง"
นงลักษณ์ยิ้มๆ
"แปลว่าเจ้าคุณสุทธาท่านก็คงมีคนอื่นที่ท่านพอใจ"
ตระกลส่ายหน้าอย่างใช้ความคิด
"รูปนั้นเก่ามาก...ถ้าเป็นรูปผู้หญิงที่ท่านชอบ น่าจะเป็นเรื่องในอดีตมากกว่า"
"คุณตระกลไม่เคยรู้เรื่องของเจ้าคุณพี่คุณเลยเหรอคะ"
ตระกลยิ้มๆ
"ผมได้ชื่อว่าเป็นน้องก็จริง...แต่ผมอ่อนกว่าท่านยี่สิบกว่าปีไม่รู้เรื่องอะไรของคุณพี่เลยครับ"
"ถ้าเป็นรูปคู่รักของท่านในอดีต...ผู้หญิงคนนั้นจะต้องเป็นผู้หญิงที่ดีมาก คงจะรักกันมากด้วย ท่านถึงไม่เคยลืมเลย"
"ถ้าผมได้เจอผู้หญิงอย่างนั้น...ผมจะไม่มีวันให้หลุดไปไหนเด็ดขาด"
ตระกลมองนงลักษณ์อย่างลึกซึ้งจนนงลักษณ์อาย...ก้มหน้าหนี
"แปลว่าคุณพบผู้หญิงที่คุณชอบแล้วใช่ไหมคะ"
"จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ ขอให้ผมตั้งตัวให้ได้ก่อน ชีวิตผมตอนนี้ได้แต่พึ่งพาคุณพี่ ไม่เป็นตัวของตัวเองรอให้ผมมั่นคงกว่านี้...ผมจะรีบไปขอทันที"
ตระกลสีหน้าหนักแน่น นงลักษณ์ดีใจมาก พยายามไม่อาย...

บนบ้านตาคร้าม แกะนอนอยู่บนฟูกเก่าๆห่มผ้าเป็นไข้ คร้ามนั่งอยู่ข้างๆ สุชาดาเอามือจับหัวแกะเบาๆ
"เป็นไข้มากี่วันแล้ว"
"สองวันแล้วครับนาย...ตอนแรกก็ไข้ต่ำๆวันนี้จับไข้สั่นไปเลย"
"ก่อนหน้านี้ท้องเสียหรือเป็นหวัดหรือเปล่า"
"เจ็บคอมาหลายวันแล้วจ้ะ" แกะบอก
มีพาอานนท์เดินขึ้นมาเงียบๆ อานนท์ถือตะเกียงมาด้วย..
"เอายานี่กินดูนะ...ถ้าไข้ลดก็คงไม่เป็นไรมาก ถ้าพรุ่งนี้ไข้ไม่ลดก็ต้องไปอนามัย...คร้ามเอาผ้ามาเช็ดตัวให้แกะด้วยนะ"
อานนท์โบกมือให้มีกลับไป สุชาดาจัดยาให้ คร้ามยกมือไหว้
"ขอบคุณครับนาย...ขอให้นายเจริญร่ำรวยนะครับ"
"พรุ่งนี้ฉันจะมาดูตอนเช้า...แต่ถ้าคืนนี้ไข้สูงกว่านี้คร้ามรีบให้มิ่งเอาเรือพาแกะไปอนามัยได้เลย...ฉันจะสั่งมิ่งไว้นะ"
แกะกับคร้ามยกมือไหว้ สุชาดารับไหว้ พอเธอลุกขึ้นหันมาก็เห็นอานนท์มานั่งคอยอยู่ที่หัวบันได เธอไม่พูดอะไรเดินลงไป อานนท์ก็เดินตาม...

อานนท์ถือตะเกียง เดินมาด้วยกัน
"ไม่ยักรู้ว่าคุณเป็นหมอด้วย"
"เป็นสัตวแพทย์ก็เคย ฉันเคยทำคลอดให้หมาด้วยนะ"
"แล้วมันรอดไหม"
"รอดซิ...สมัยอยู่มาเลย์ ลุงฉันเค้ามีคอกม้า ฉันเคยไปดูลุงทำคลอดให้ม้าบ่อยไป ลุงฉันสนใจเรื่องหยูกยาชอบ สอนฉันกับโสบ่อยๆ ลุงว่าอย่างน้อยเวลาเจ็บไข้ก็ดูแลตัวเองได้ ฉันกับโสก็เลยพอรู้เรื่องรักษาบ้าง...แต่ถ้าเป็นมากก็รีบส่งอนามัย"
"ต้องดูแลคนขนาดนี้ไม่ง่ายเลยน"
"แต่ละบ้านก็มีปัญหาต่างๆกัน...บางทีก็ทะเลาะกันตีกัน แม่ก็ต้องมาจัดการ"
"ถ้าคุณกับโสไม่อยู่ แม่คุณเป็นผู้หญิงต้องดูแลทั้งหมดนี่คนเดียวหนักเหมือนกันนะ"
"แม่ไม่เคยบ่นซักคำ...แต่มันไม่เป็นอย่างที่คุณคิดหรอก ชาวบ้านที่นี่เค้าก็คอยดูแลกัน ถ้าเป็นมากเค้าถึงจะไปบอกเรา"
"คุณเคยรู้สึกเบื่อบ้างไหม"
"มันน่าเบื่อใช่ไหมล่ะ...ชีวิตมีแต่อะไรซ้ำๆแก้ปัญหาไปวันๆ แต่ฉันไม่เคยเบื่อเลย...คุณพูดเองไม่ใช่เหรอว่าฉันมีความสุขกับงานของฉัน"
"แต่งานกับความเป็นอยู่แต่ละวัน...มันไม่เหมือนกันนะสุ งานคุณอาจจะอยู่ที่นี่...แต่คุณไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ก็ได้"
สุชาดายิ้ม
"เหมือนคุณใช่ไหม หนุ่มสังคมอย่างคุณใช้ชีวิตที่นี่ไม่ได้หรอ .คุณเบื่อตายเลย แต่ฉันอยู่ได้ ฉันอยู่มาแต่เล็กแต่น้อย ฉันมีความสุขที่อยู่ที่นี่ ให้ไปอยู่ที่อื่นก็ไม่เอา"

ทั้งคู่เดินกลับมาที่กระท่อมโสภณ สนมยืนรออยู่หน้ากระท่อม สุชาดาส่งกระเป๋ายาให้สนม
"ฉันตั้งข้าวไว้ให้คุณแล้ว"
สุชาดาหันไปชวนอานนท์
"คุณทานข้าวแล้วหรือยัง"
"คุณแม่คุณให้จูเหลียงไปจัดอาหารให้ที่บ้านพักช่าง...แต่ผมมัวแต่ออกไปดูคุณ"
"ถ้างั้นก็มาทานด้วยกันซิ...รับรองวันนี้คุณได้ทานอาหารทิพย์"
อานนท์สนใจ
"อาหารทิพย์...ยังมีอาหารที่เหนือกว่าที่บ้านคุณแม่คุณอีกเหรอ"
สุหันไปยิ้มกับสนม

เฉลียงหลังบ้านของกระท่อมโสภณ บรรยากาศสบายๆมีคบไฟจุดสวยงาม มีโต๊ะสวยๆซึ่งมีอาหารจัดไว้อย่างสวย มีเชิงเทียนบนโต๊ะ มีมุมวางกระถางดอกไม้สวยงาม บนโต๊ะที่จัดไว้เป็นอาหารทานกับข้าวต้ม ทั้งคู่นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารนั้น อานนท์มองอาหารที่จัดไว้ยิ้มๆ
"นี่นะเหรออาหารทิพย์"
สุชาดายิ้ม
"ใช่...ยำผักกาดดอง กุนเชียงทอด ยำเต้าหู้ยี้ หมูหยอง ไข่เจียวกระเทียมดอง..นี่แหล่ะ..อาหารทิพย์ของฉัน"
"ผมก็ชอบทานแบบนี้เหมือนกัน...แต่โดยมากจะทานหลังจากไปเที่ยวกับเพื่อน...ก่อนกลับบ้านก็ไปร้านข้าวต้ม..มีอาหารแบบนี้"
สนมเอาข้าวต้มกับน้ำชามาให้ทั้งคู่ อานนท์หันไปขอบคุณ
"แต่ฉันชอบทานตอนเย็นๆค่ำๆยิ่งวันไหนอากาศเย็นๆ แบบนี้ยิ่งชอบทานแบบนี้ละ"
สุชาดาเริ่มทานอย่างถูกใจ อานนท์ยิ้มพอใจ
"คุณรู้อะไรไหมสุ"
สุชาดาหยุดทานมองอานนท์
"บางครั้งคนเราก็ยอมที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้"
"เพราะอะไร"
อานนท์มอง นิ่ง สุชาดาก็ไม่เขินเพราะอยากรู้
"เพราะเราได้พบสิ่งที่เติมเต็มชีวิตเรา"

อานนท์ยิ้มแจ่มใส...

.

.

https://www.youtube.com/watch?v=zPX6pkgmOZw

เจ้าสาวของอานนท์ EP7 (29 สิงหาคม 2558) Esther Scene - เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา

https://youtu.be/zPX6pkgmOZw?si=IQxPeDX1u4YHrs8l

.




Logged
Pages: [1] Go Up Print 
« previous next »
 

SMF 2.0.4 | SMF © 2013, Simple Machines | Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.074 seconds with 17 queries.