Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
User Info
Welcome, Guest. Please login or register.
31 October 2025, 22:06:55

Login with username, password and session length
Search:     Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ

http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
28,303 Posts in 13,871 Topics by 70 Members
Latest Member: KAN
Home Help Search Calendar Login Register
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...  |  หมวดหมู่ทั่วไป  |  สาระน่ารู้  |  เรื่องที่ควรรู้เท่าทันระดับชาติ  |  คราบน้ำตาและบาดแผล หลังแนวปะทะ ไทย-กัมพูชา
0 Members and 1 Guest are viewing this topic. « previous next »
Pages: [1] Go Down Print
Author Topic: คราบน้ำตาและบาดแผล หลังแนวปะทะ ไทย-กัมพูชา  (Read 368 times)
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 11,133


View Profile
« on: 29 September 2025, 21:44:50 »

คราบน้ำตาและบาดแผล หลังแนวปะทะ ไทย-กัมพูชา


[Photo Essay]
คราบน้ำตาและบาดแผล หลังแนวปะทะ ไทย-กัมพูชา
26 สิงหาคม 2025 เริงฤทธิ์ คงเมือง : เรื่อง
เรื่องและภาพโดย เริงฤทธิ์ คงเมือง



หลังเสียงจรวดลงรอบหมู่บ้าน และชาวบ้านส่วนใหญ่ต่างพากันอพยพออกไปแล้ว ผู้สูงอายุที่มีอาการปวดขาและหลังรวมทั้งเด็กเข้าหลบภัยในบังเกอร์ รอให้ลูกชายมารับ พื้นที่ อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์
.


หลังเปิดฉากปะทะในหลายพื้นที่ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 มีรายงานจำนวนผู้อพยพพลเรือนไทยเกือบ 2 แสนคน ในศูนย์พักพิงกว่า 770 ศูนย์ ทั้งภาคตะวันออกและภาคอีสาน

ภาพเด็กหญิงกอดตุ๊กตาท้ายรถกระบะที่กำลังเร่งขับเคลื่อนออกนอกพื้นที่อำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ บ่งบอกถึงสถานการณ์อันเลวร้าย เช่นเดียวกับภาพผู้สูงอายุขนย้ายข้าวของมาหลบภัยในบังเกอร์ หลังมีจรวด BM-21 หลายสิบลูกตกลงในไร่นารอบหมู่บ้าน

หลายชีวิตในศูนย์พักพิงชั่วคราว แม้ดูโอ่โถงแต่เต็มไปด้วยตะกอนความเครียดสะสม จนหน่วยงานต่าง ๆ ต้องเข้ามาทำกิจกรรมบำบัด

เหนืออื่นใดคือการปะทะทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตทั้งที่เป็นพลเรือนและทหาร เป็นความเสียหายที่ร้ายแรงเกินเยียวยา และจะกัดกินจิตใจผู้ต้องสูญเสียไปอีกนานแสนนาน

.

ชุดภาพสารคดีบันทึกเหตุการณ์ต่อไปนี้ เปรียบเสมือนรายงานจากหลังแนวปะทะ


ผู้สูงอายุเตรียมข้าวของหลบในบังเกอร์รอการอพยพหลังมีจรวด BM21 ตกลงในไร่นารอบหมู่บ้านหลายสิบลูกในช่วงสายวันที่ 24 กรกฏาคม 2568 ทำให้มีวัวตาย 2 ตัว



หลังเปิดฉากปะทะในเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 และมีการยิงจรวด BM21 เข้าใส่พื้นที่เป้าหมายพลเรือนไทยตลอดแนวชายแดน มีรายงานจำนวนผู้อพยพเกือบ 2 แสนคน ในศูนย์พักพิงกว่า 770 ศูนย์ในภาคอีสานและภาคตะวันออก



สนามแข่งรถช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิด กลายเป็นที่พักพิงชั่วคราวของคนในจังหวัดบุรีรัมย์ โดยมียอดคนเข้าพัก 11,074 คน ในวันที่ 27 กรกฏาคม 2568

.

“เลือดกำแตกเลย”

ลุงสมบัติ อิ่มใจ ชาวบ้านไทยสมบูรณ์ อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ เล่าเหตุการณ์ช่วงประมาณ 9 โมงเช้าของวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 หลังลูกจรวด BM 21 ตกลงข้างบ้าน แรงอัดอากาศและสะเก็ดระเบิดทำให้ผู้อาศัยในบ้านได้รับบาดเจ็บ 4 คน

ในจำนวนนี้มีเด็กวัย 2 เดือน และ 12 ขวบ ถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่ขาและหน้าผากแรงอัดทำให้เลือดกำเดาไหลทะลัก ขณะที่ตัวบ้านได้รับความเสียหายไปครึ่งหลัง

“ผมออกไปตัดหญ้าให้วัว” เจ้าของบ้านเล่านาทีระเบิดถล่ม

แม้จะเป็นหมู่บ้านห่างจากแนวสู้รบร่วม 35 กิโลเมตร แต่กลับเป็นหนึ่งในตำบลกระสุนตกอย่างที่ไม่มีใครคาดคิด โดยหลังเจรจาหยุดยิงชาวบ้านไทยสมบูรณ์ช่วยกันสำรวจเบื้องต้น พบร่อยรอยหัวระเบิดทั้งที่ทำงานและไม่ทำงานแล้วกว่า 37 ลูก นับว่าเป็นเรื่องโชคดีที่ไม่มีใครเสียชีวิต

ขณะที่ห่างจากจุดนี้ไปราว 90 กิโลเมตร ขนานไปตามแนวตะเข็บชายแดนไทยกัมพูชาไม่มีคำว่าโชคดีที่นั่น

ราวหนึ่งชั่วโมงหลังลูกจรวดลงที่บ้านไทยสมบูรณ์และอีกหลายพื้นที่ตลอดแนวชายแดนถูกโจมตี สิ่งที่ช็อกคนไทยทั้งประเทศคือคลิปวิดีโอที่เผยภาพเหตุการณ์ร้านสะดวกซื้อในปั๊มน้ำมันบ้านผือ อำเภอกันทรลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษ ถูกโจมตีด้วยปืนใหญ่ เศษซากอาคารปลิวกระจายตามแรงระเบิด เปลวเพลิงลุกไหม้ และควันสีดำพวยพุ่ง ก่อนจะมีรายงานพลเรือนไทยทั้งเด็กและผู้ใหญ่เสียชีวิต 8 ราย และบาดเจ็บอีก 13 ราย

.


แม้จะดูโอ่โถง แต่ความเครียดสะสมของผู้อพยพในศูนย์ฯ เป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง หลายศูนย์พักพิงใช้กิจกรรมบำบัดหลากหลายจากทั้งหน่วยงานรัฐร่วมกับอาสาสมัคร, วิทยาลัยเทคนิค สุรินทร์



หลังประกาศอพยพในพื้นที่อำเภอละหานทรายทำให้รถติดยาวเหยียด เด็กหญิงกอดตุ๊กตาแสนรักที่น่าจะเป็นสิ่งเยียวยาจิตใจในสถานการณ์ยากลำบากไว้แน่น



ครอบครัวกระจ่างทอง รับร่างลูกชายวีรชนทหารกลับบ้าน หลังการปะทะ 5 วัน ทำให้ทหารไทยเสียชีวิต 15 นาย บาดเจ็บอีก 175 นาย

.


“ครึ่งคอก”

ที่ตัวเมืองสุรินทร์ จังหวัดที่มีรายงานกระสุนตกมากที่สุด ป้าติ้มจากบ้านพยุงสุข ตำบลโชคนาสาน อำเภอปราสาท ออกมาตระเวนขายล็อตเตอรีในตัวเมืองหลังออกไปกรีดยางพาราไม่ได้

หญิงร่างเล็กเล่าว่าเพิ่งได้กลับเข้าบ้านที่อยู่ติดแนวชายแดนหลังอพยพออกจากบ้านไปนาน 15 วันเพราะระเบิดตกใกล้หมู่บ้าน ข่าวสารพัดทิศทางในภาวะความตึงเครียดทำให้เธอตัดสินใจขายวัวออกไปครึ่งคอกในราคาตัวละ 3,000 บาท จากที่ซื้อมาในราคาตัวละหลักหมื่น

“เอาไว้ใช้ถ้าต้องอพยพรอบสอง”ป้าติ้มเล่าถึงแผนการใช้เงินหนึ่งหมื่นสองพันบาทจากการขายวัวไป 4 ตัว

ถึงวันนี้แม้ไม่มีการปะทะ แต่ทหารไทยหน้าแนวเหยียบทุ่นระเบิดไปแล้วสองนาย

“หวาดผวา ทุนสำรองเริ่มร่อยหรอ”

แม้จะไม่มีใครต้องการ แต่ปัญหาเศรษฐกิจ สาธารณสุข รวมถึงการศึกษาของเด็กๆ อาจกลายเป็นอีกแนวรบใหม่ที่คนชายแดนกำลังถูกผลักให้เข้าร่วม ภายใต้สมรภูมิความขัดแย้งที่ดูจะยืดเยื้อออกไป

.


ห่างจากแนวสู้รบกว่า 30 กม. สมบัติ อิ่มใจ ชาวบ้านไทยสมบูรณ์ อำเภอสังขะ เข้าเก็บกวาดเศษซากตัวบ้านที่โดนสะเก็ดระเบิดจากเครื่องยิงจรวด BM21ของกัมพูชามาตกลงข้างบ้านเมื่อสายวันที่ 24 กรกฏาคม 2568 จนเกิดความเสียหายเกือบทั้งหลัง
“หลานผมนั่งอยู่ข้างในบ้าน เลือดกำเดาแตกเลย “
ผู้ประสบภัยเล่า



เจ้าของไร่อ้อย อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ เข้าดูสภาพความเสียหายจากการใช้เครื่องยิงจรวดโจมตีพื้นที่พลเรือนไทยซึ่งห่างจากแนวปะทะราว 30 กิโลเมตร ของทหารกัมพูชา โดยมีการตรวจพบร่องรอยระเบิดทั้งสิ้นกว่า 37 ลูกทั้งในและรอบหมู่บ้าน จนทำให้มีคนได้รับบาดเจ็บรวม 5 คน ในจำนวนนี้มีเด็กอายุ 2 เดือนและอายุ 11 ขวบ รวมอยู่ด้วย



สถานีเติมน้ำมันและร้านสะดวกซื้อใน อำเภอกันทรลักษณ์ ห่างจากแนวชายแดน 20 กิโลเมตร หลังถูกโจมตีด้วยจรวด BM 21จนเป็นเหตุให้มีพลเรือนเสียชีวิต 7 คน และบาดเจ็บอีก 14 คน มีประชาชนนำช่อดอกไม้มาวางเพื่อแสดงความไว้อาลัย

………….

ท่ามกลางความโศกเศร้า กองบัญชาการทหารไทยสรุปความสูญเสียนับจากเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดที่ช่องบกจนถึงวันที่ 14 สิงหาคม 2568 มีทหารไทยเสียชีวิต 16 นาย บาดเจ็บ 267 นาย พลเรือนไทยเสียชีวิต 14 ราย บาดเจ็บ 39 ราย

ตลอดแนวชายแดนจังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี มีอาคารบ้านเรือนประชาชนรวมถึงโรงพยาบาลได้รับความเสียหายทั้งสิ้น 256 หลัง ในจำนวนนี้มีบ้านเรือนเสียหายเกินกว่าร้อยละ 70 จำนวน 42 หลัง โดยวันที่ 28 กรกฎาคม 2568

กระทรวงมหาดไทยเผยยอดผู้อพยพในฝั่งไทยรวมกว่า 188,734 คน มีศูนย์พักพิง 770 แห่งใน 4 จังหวัดภาคอีสาน และ 3 จังหวัดของภาคตะวันออก

.
ติดตามเพจ Sarakadee Magazine
https://www.facebook.com/sarakadeemag
.

.

ที่มาของเรื่องและภาพ
https://www.sarakadee.com/2025/08/26/thai-cambodia/

.




Logged
Pages: [1] Go Up Print 
« previous next »
 

SMF 2.0.4 | SMF © 2013, Simple Machines | Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.035 seconds with 17 queries.