| ppsan | 
								|  | «  on: 28  May  2025, 09:30:51  » |  | 
 
 ตามหานกแก้ว : วัดลำมหาเมฆ
 
  
 .
 เราไปมาแล้วสองวัดตั้งแต่อยุธยาถึงปทุมธานีก็ยังไม่เจอนกแก้วเลย
 เหลือหมายสุดท้ายจาก comment ในคลิปนกแก้วโม่งที่วัดปะมุง
 ซึ่งมีคนเขียนว่าที่วัดลำมหาเมฆ ปทุมธานีก็มีนกแก้วโม่ง
 แล้วมีคนมาตอบความเห็นนี่ว่า ไม่ใช่ แต่เป็นนกแก้วคอแหวนสีกุหลาบ
 
 แล้วนกแก้วทั้งสองชนิดนี้ต่างกันอย่างไร
 
 นกแก้วโม่งมีชื่อภาษาอังกฤษว่า Alexandrine parakeet
 มีที่มาจากพระเจ้าอเล็กแซนเดอร์มหาราชได้นำพวกมันจากรัฐปัญจาบ
 ในประเทศปากีสถานปัจจุบัน ไปยุโรปในคราวที่มาทำสงครามกับอินเดีย
 ขณะเดียวกันพื้นที่ของอินเดียก็มีนกแก้วอีกหนึ่งชนิดที่มีความใกล้ชิดกัน
 
 คือนกแก้วคอแหวนสีกุหลาบ (Rose-ringed parakeet)
 ซึ่งปัจจุบันก็จะเห็นว่าอาศัยอยู่ร่วมกัน แต่นกแก้วคอแหวนสีกุหลาบนั้น
 มีอีกแหล่งอาศัยคือแถบตอนกลางของทวีปแอฟริกา
 ซึ่งทำให้ชาวยุโรปนำพวกมันไปเลี้ยงได้โดยอาจจะผ่านทางตุรกี
 รวมถึงในยุคอาณานิคมอินเดียก็อาจมีการนำไปที่ยุโรป
 
 
  
 .
 แม้นกแก้วคอแหวนสีกุหลาบจะมีขนาดตัวเล็กว่านกแก้วโม่ง
 แต่ที่น่าสนใจคือ นกที่เพาะเลี้ยงในกรงที่มีการผสมแบบ inbreed
 พบว่ามันมีการกลายพันธ์เป็นนกแก้วสีต่างๆ เช่น สีเหลือง สีฟ้า เป็นต้น
 มีแม้กระทั่งนำมาผสมกับนกแก้วโม่ง เพื่อให้มีขนาดตัวที่ใหญ่ขึ้น
 
 ทำให้กลายเป็นนกแก้วสวยงามที่นิยมเลี้ยงอย่างกว้างขวางในยุโรป
 แน่นอนว่าก็ต้องมีคนสนใจนำเข้ามาเพื่อเลี้ยงในประเทศไทยแน่นอน
 ในขณะที่นกแก้วโม่งในธรรมชาติเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง
 แต่นกแก้วคอแหวนสีกุหลาบเป็นสัตว์สวยงามที่สามารถเลี้ยงได้
 
 เมื่อมีคนซื้อไปแล้วไม่อยากเลี้ยง หรือหลุดจากกรงไปยังภายนอก
 พวกมันสามารถปรับตัวให้กินอาหารได้หลากหลาย และมีความก้าวร้าวกว่า
 ทำให้พบนกแก้วคอแหวนสีกุหลาบแพร่กระจายในธรรมชาติมากขึ้น
 ในขณะที่นกแก้วโม่งมีจำนวนที่ลดลงจากแหล่งอาหารและการหาโพรงรัง
 
 ทำให้เป็นไปได้มากว่า ในอนาคตจะเกิดการผสมข้ามสายพันธ์
 ระหว่างนกสองสายพันธ์นี้ เช่นที่เกิดกับกรณีของนกกระสาปากเหลือง
 ที่พบน้อยมากในธรรมชาติ ทำให้ต้องไปผสมกับนกกาบบัว
 ที่ถูกปล่อยออกมาจากสวนสัตว์ และมีความสามารถในการแข่งขันสูง
 ทำให้เกิดนกลูกผสมเป็นนกกระสาปากเหลืองสีประหลาด
 นั่นอาจจะทำให้นกกระสาปากเหลืองสายเลือดแท้สูญพันธฺ์ไปในที่สุด
 
 
  
 .
 มาถึงตรงนี้ แล้วจะแยกพวกมันออกจากกันได้อย่างไร
 ผมนี้มีความรู้ไม่มาก ก็เลยอาศัยแยกจากกันโดยพื้นที่
 โดยก่อนหน้านี้ที่ถ่ายมา ก็น่าจะเป็นนกแก้วโม่งทั้งหมด
 แต่ใน blog นี้ คงเป็นภาพนกแก้วคอแหวนสีกุหลาบชุดแรก
 
 หากจะแยกด้วยขนาด นกแก้วโม่งจะตัวใหญ่กว่าที่ขนาด 56-62 ซม.
 ในขณะที่นกแก้วคอแหวนสีกุหลาบตัวจะเล็กกว่าที่ขนาด 40 ซม.
 
 นกแก้วโม่งตัวผู้มีแถบแหวนตรงคอสีดำหนา
 โค้งไล่เป็นวงไปต้นคอเป็นแถบสีชมพูกว้าง
 นกแก้วคอแหวนสีกุหลาบตัวผู้มีแถบแหวนสีดำตรงคอที่เล็กกว่า
 โค้งไล่เป็นวงไปถึงต้นคอมีแถบสีชมพูเจืออยู่บางๆ
 และนกแก้วโม่งนั้นมีแต้มสีชมพูเข้มที่บริเวณหัวใหล่อย่างชัดเจน
 
 หากเห็นนกแก้วที่ไม่มีแหวนรอบคอแสดงว่าเป็นตัวเมีย
 ต้องแยกโดยดูแต้มสีชมพูบนไหล่เข้มที่มีอยู่เฉพาะในนกแก้วโม่งแทน
 แต่หากได้เห็นตัวจริงๆ ผมว่าแยกด้วยสีของตัวนกนี่ล่ะ
 นกแก้วโม่งจะสีเขียวเข้มๆ นกแก้วคอแหวนสีกุหลาบจะสีเขียวอ่อนๆ
 
 และนั่นก็เป็นเรื่องราวของนกที่ได้ชื่อว่าเป็น alien species ของไทย
 
 
.
 ที่มา : ขอขอบคุณเรื่องและภาพจาก
 ผู้ชายในสายลมหนาว
 https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=nontree&month=10-2023&date=09&group=22&gblog=120
 .
 
 
 
 
 |