Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
User Info
Welcome, Guest. Please login or register.
18 May 2024, 22:03:00

Login with username, password and session length
Search:     Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ

http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
25,701 Posts in 12,500 Topics by 70 Members
Latest Member: KAN
Home Help Search Calendar Login Register
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...  |  ภาพประทับใจ  |  ผนังเก่าเล่าเรื่อง (Moderator: ผนังเก่าเล่าเรื่อง)  |  [31] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน นางลอย โดย กลม บางบาน
0 Members and 1 Guest are viewing this topic. « previous next »
Pages: [1] Go Down Print
Author Topic: [31] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน นางลอย โดย กลม บางบาน  (Read 154 times)
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,554


View Profile
« on: 24 April 2023, 09:08:26 »

[31] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน นางลอย โดย กลม บางบาน


24 เมษายน 2022  ·

เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน นางลอย (1)

-ดำริแผนนางลอย

ทศกัณฐ์กลับมาด้วยความคับแค้นใจ จะนั่ง นอน ยืน เดิน...มันให้ร้อนรน..ประมาณว่า...แค้นนนนนนนนนนนนน.....ที่เจรจาไม่เป็นผลสำเร็จ จึงคิดหาอุบายใหม่...

จึ่งคิดไว้ว่าศึกนี้            เป็นต้นด้วยที่เสน่หา
กูจะให้เบญกายกัลยา    แปลงเป็นสีดาเยาวมาลย์
ไปทำตายลอยอยู่ที่ท่าสรง    อันพระรามเคยลงสรงสนาน
แม้นเห็นว่านางวายปราณ    การศึกก็จะเลิกกลับไป

ว้าวว...ด้วยสติปัญญาอันเฉียบแหลมของทศกัณฐ์ ก็คิดได้ว่า...ศึกนี้เกิดก็เพราะเสน่หา จะดับศึกก็ต้องแก้ที่ต้นเหตุ...นางสีดาตายซะคนเดียว...เรื่องก็จบ...พระรามก็จะหมดอาลัยตายอยาก ยอมถอดใจ ยอมยกทัพกลับไป...แต่...

นางสีดาสุดยอดดวงใจ..ครั้นจะฆ่าทิ้งก็เสียดาย...จึงให้นางเบญกายหลานสาวแท้ๆ ของตน ที่เป็นลูกของ พิเภก กับ นางตรีชฎา แปลงเป็นสีดา แสร้งทำเป็นตายลอยน้ำไปให้พระรามเห็น ดูจะเข้าท่า นะเนี่ย...
แหม...เก่งจริงๆ คิดได้ไงเนี่ย...?!?

.




.



.



.





« Last Edit: 01 May 2024, 20:08:05 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,554


View Profile
« Reply #1 on: 24 April 2023, 09:09:16 »


24 เมษายน 2022  ·

เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน นางลอย (2)

-นางเบญกายรับคำสั่ง

วันรุ่งขึ้น ทศกัณฐ์จึงให้นางสนมไปเชิญ นางเบญกาย บุตรีพิเภกให้มาเข้าเฝ้าด่วน

เบญกายนึกประหลาดใจ ได้แต่รำพึงกับตัวเอง...เสด็จพระปิตุลาเรียกหาเราทำไม แต่หากท่านใช้ให้ทำการใด ก็ต้องสนองพระเดชเพื่อไถ่โทษของบิดาเรา...จึงรีบรุดเข้าเฝ้าทันที

เบญกายก้มลงกราบแทบบาทพญาทศกัณฐ์ ยังไม่ทันเงยหน้า เสด็จลุงก็หยอดคำเห็นใจ...

...มามะหลานรักของลุง มาใกล้ๆให้ลุงเห็นหน้าชัดๆ ดูดู๋..เจ้าซูบผอมไปมาก นี่เพราะคิดถึงพิเภกผู้บิดาสินะ ลุงนี่เห็นใจเจ้าเป็นที่สุด ตอนขับพ่อเจ้าออกนอกเมือง ลุงทำไปเพราะความโมโห ตอนนี้หายโกรธแล้ว ข้าคิดถึงน้องชายคนนี้ทุกลมหายใจ แต่ถ้าหากจะไปรับกลับก็กลัวว่าไพร่ฟ้าจะนินทาเอาว่าพิเภกแปลพักตร์แล้ว ยังไปรับกลับมาอีก...

...เอาอย่างนี้นะเบญกายหลานรักของลุง เจ้าจงแปลงกายเป็นนางสีดา ทำทีเป็นศพนางลอยน้ำไปที่ค่ายพระราม เมื่อเจ้ามนุษย์เบาปัญญามาเห็นเข้า ก็จะนึกว่าเมียของมันตายแล้ว ก็จะพาลโศกเศร้า ไม่มีใจนำทัพมารุกรานลงกาของเรา มันก็จะเลิกทัพกลับเมืองมนุษย์ไปเอง...

...จากนั้นลุงก็จะจัดสำเภาใหญ่ รถทรงโอ่อ่าไปรับพิเภกพ่อของเจ้ากลับวังอย่างสมเกียรติ เจ้าจะได้ช่วยทั้งพ่อและจะช่วยให้ลงกาไม่ต้องเผชิญศึกด้วย หากลูกทำสำเร็จ ลุงจะแบ่งสมบัติแห่งลงกาให้เจ้าครึ่งหนึ่งเลย... 

นางเบญกายกราบอย่างสุดใจ ก้มหัวต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้...

...เป็นพระมหากรุณาของเสด็จลุง ที่นึกถึงเบญกายและเสด็จพ่อ ราชการที่ท่านมอบหมายเบญกายจะสนองพระกรุณาอย่างสุดความสามารถ...

...แต่เอ..หลานไม่เคยเห็นพระนางสีดามาก่อน จึงไม่รู้ว่าจะต้องแปลงกายอย่างไร...
นางเบญจกายจึงขออนุญาตไปแนมเบิ่งนางสีดาดูที ว่าหน้าตาเป็นยังไง สวยขนาดไหน จะได้แปลงกายให้เหมือน... 

ทศกัณฐ์ลุกจากแท่นเข้าประคองเบญกาย...นี่สิหลานลุง ฉลาดนัก มิเสียแรงที่เป็นหน่อเนื้อเชื้อพรหมวงศ์ หากเป็นชาย ลุงจะให้เป็นจอมทัพเคียงอินทรชิต ปัญญาเจ้าหลักแหลมเกินหญิงใดในลงกา...แล้วจึงหันไปสั่งเสนากรมวัง...

...นี่กรมวัง จงจัดพระวอและขบวนเสด็จ พาหลานเราไปสวนขวัญเดี๋ยวนี้...

.




.



.



.



.





« Last Edit: 01 May 2024, 20:09:54 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,554


View Profile
« Reply #2 on: 24 April 2023, 09:10:14 »


24 เมษายน 2022  ·

เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน นางลอย (3)

-เบญกายพบนางสีดา

จริงๆแล้ว นางเบญกาย ก็ไม่ได้อยากจะรับทำภารกิจนี้ เพราะใจนึงก็แอบเกลียดทศกัณฐ์อยู่ในที เพราะดันมาขับไล่บิดาตนออกจากเมือง อีกใจนึงก็คิดว่า การส่งตัวเองซึ่งเป็นหญิงตัวเล็กๆ ไปในมือข้าศึกที่มีแต่ผู้ชายและลิง มันก็เหมือนกับส่งตัวเองให้ไปตายชัดๆ

แต่ใครจะกล้าขัดคำสั่งทศกัณฐ์ สู้ยอมทำตามไปก่อน ยังพอจะมีโอกาสรอดชีวิต...

นางเบญกายไปถึงสวนขวัญ รีบเข้ากราบเท้านางตรีชฎาผู้เป็นแม่ทันที เบญกายมัวแต่ร้องไห้ไม่ยอมพูดอะไร จนตรีชฎานึกแปลกใจ ดึงลูกเข้ามาโอบ จูบปลอบขวัญที่หน้าผาก

...นี่ลูกแม่ เจ้าเป็นอะไรบอกแม่มานะคนดี... 

เบญกายจึงเล่าว่า...ทศกัณฐ์ให้แปลงกายเป็นนางสีดาไปหลอกพระราม...
พอฟังลูกจบ นางตรีชฎาก็ร้องไห้บ้าง

...โถลูกรัก ภารกิจของเจ้าช่างใหญ่หลวงเกินวัยของเจ้าจริงๆ สิ่งที่แม่หนักใจก็คือเราคงจะขัดราชโองการขององค์เหนือหัวไม่ได้ แต่เจ้าต้องไปหลอกพระรามผู้ขณะนี้ พ่อกำลังพึ่งพิงพระบารมีอยู่ เราจะทำอย่างไรดี...

เบญกายซับน้ำตาตัวและน้ำตาของแม่...แม่จ๋า นี่คือโอกาสเดียวที่ครอบครัวของเราจะได้กลับมาอยู่พร้อมหน้ากันอีก คงจะต้องสุดแท้แต่เวรแต่กรรม ลูกมีเวลาไม่มาก แม่พาลูกไปเข้าเฝ้านางสีดาทีเถิด...

เบญกายเข้าสู่ตำหนักเอกแห่งสวนขวัญ เห็นสีดาประทับอยู่บนแท่น จึงหมอบกราบไม่พูดอะไร จนนางสีดานึกสงสัย...นี่แม่หญิงเป็นใคร เราไม่เคยพบกันมาก่อน... 

นางเบญกายแสร้งทำเป็นไม่พูดจา รอให้นางสีดาขยับตัว ขยับปากมากกว่านี้ เพื่อศึกษาท่าทาง ลักษณะของสีดา แล้วจึงแนะนำตัวว่า...
...ตัวหม่อนฉันชื่อว่าเบญกาย เป็นลูกของพญาพิเภกผู้ที่สนองงานพระรามอยู่ตอนนี้ ส่วนแม่ของหม่อมฉันคือนางตรีชฎานั่นเอง วันนี้ขอมาเยี่ยมแม่และชมพระบารมีพระแม่สีดา ผู้งามกว่าใครในสามโลก...

นางเบญกายก็จดจำรูปร่างหน้าตาของสีดาครบทุกมุม ทุกท่วงท่า จนคิดว่าตัวเองน่าจะแปลงกายได้เหมือน แบบสำเนาถูกต้องแน่ๆแล้ว เบญกายจึงทูลลากลับ...

.




.



.



.



.



.





« Last Edit: 01 May 2024, 20:12:20 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,554


View Profile
« Reply #3 on: 24 April 2023, 09:11:07 »


25 เมษายน 2022  ·

เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน นางลอย (4)

-ทศกัณฐ์หลงสีดาตัวปลอม

นางเบญกายใช้เวลาครึ่งวันในการแปลงกาย แต่งองค์ทรงเครื่องให้เหมือนนางสีดามากที่สุด จนมั่นใจแล้ว ก็เดินทางไปเฝ้าทศกัณฐ์อีกครั้ง เพื่อทูลลาไปปฏิบัติหน้าที่

ก่อนจะเข้าไปเฝ้าเสด็จลุง เบญกายได้แปลงร่างเป็นนางสีดา เพื่อให้ทศกัณฐ์ตรวจสอบว่าถูกต้องหรือไม่ แล้วสีดาแปลง จึงย่างเข้าสู่ตำหนักหลวงหลังใหม่...

ทรงโฉมประโลมโลกวิไลลักษณ์        ผิวพักตร์ดั่งเทพเลขา
อรชรอ้อนแอ้นจำเริญตา           เหมือนองค์สีดาวิลาวัณย์

ฝ่ายทศกัณฐ์พอได้เห็น สีดาตัวปลอม เข้าในแว่บแรก ถึงกับตะลึง นึกว่าเป็นนางสีดาตัวจริง...ด้วยความเป็นนักรัก "เจ้าชู้ยักษ์" ตัวจริง หน้าทั้งสิบของทศกัณฐ์ร้อนรุ่ม ตัวชา ทำอะไรไม่ถูก เพราะคิดว่าสีดาตัวจริง ใจอ่อน เข้ามารับรักตน...

พญายักษ์มองความงามของนางสีดาแปลงอย่างไม่วางตา อารมณ์หื่นตัวพ่อก็เข้าสิงอีกครั้ง เพราะตั้งแต่จับตัวนางสีดามา ทศกัณฐ์ยังไม่มีโอกาสได้ แอ้ม นางสีดาสักกะครั้ง เก็บกดอารมณ์หื่นไว้ภายในมาตลอด จนแทบจะระเบิดออกมาหลายครั้ง

คราวนี้พอได้เจอะกับหน้านางสีดา แม้จะเป็นตัวปลอมก็เหอะ อารมณ์กลัดมันก็พลุ่งพล่านอีกครั้ง หมายจะซั่มนางสีดาตัวปลอมให้ได้ จึงก้าวเท้าเข้าหา เข้าไปโอบอุ้มนางสีดาขึ้นนั่งบนตัก

...แม่สีดา ลมอะไรหอบเจ้ามาถึงตักพี่ เชิญน้องตามสบาย ชมวังเที่ยวปราสาทราชฐานที่เรียงรายตามใจชอบ ห้องโน้นก็คือสมบัติพี่ เจ้าชอบชิ้นไหนเชิญหยิบใช้ตามสบาย มามะขอพี่ได้หอมเจ้าที...พญายักษ์ว่าพลางโอบบ่าสีดาน้อย ตระโบมโลมลูบจูบพักตร์ ยื่นจมูกแนบชิดลักยิ้มนาง (จุ๊กกรู๊รร...ป.รอง หน.พรรคฯได้ มโนความหื่น เลียนแบบเฮียทศ.อะป่าววว...)

ทศกัณฐ์แนบกายใกล้ชิด ตระโบมโลมลูบจูบพักตร์ จนเบญกายต้องรีบหนีและปัดป้องเป็นพัลวัน รู้สึกสังเวชใจ จึงต้องทรุดตัวลงกราบพระปิตุลา พร้อมทั้งบอกทศกัณฐ์ว่า...

...ตัวหลานนี้คือสีดาแปลงตามบัญชาเสด็จลุงเพื่อไปลวงพระราม จึงกลายร่างมาให้เสด็จลุงได้พิจารณาว่ายังมีความต่างหรือไม่ โปรดอย่าเกี้ยวพาราศีให้ผิดศีลธรรมอีกเลย... 

ทศกัณฐ์ "เจ้าชู้ยักษ์" ก็ยังไม่เชื่อ ยังตามจีบ รุกเร้าต่อไป...

โฉมเอยโฉมเฉลา              ยุพเยาว์ยอดฟ้ามารศรี
เจ้าอายเหนียมเรียมไยนะเทวี       เสียแรงพี่จงรักไปลักมา
หวังจะเสกสาวสวรรค์ขวัญเนตร      เป็นเอกองค์อัคเรศเสนหา
ครองสมบัติพัสถานทั้งลงกา        พี่มิให้แก้วตาอนาทร
อันพระรามฤๅษีสามีน้อง             ไม่ควรครองคู่เคียงเรียงหมอน
พี่จะยกไปสังหารราญรอน           ให้ม้วยมรณ์สิ้นเสี้ยวศัตรูเรา
ว่าพลางทางขยับจับต้อง              เลียมลองเล้าโลมโฉมเฉลา
ฉวบชายสไบทรงนงเยาว์            นิจจาเจ้าอย่าสลัดตัดเยื่อใย

ทศกัณฐ์ทั้งหยอดคำหวาน ทั้งเสนอยศศักดิ์ให้ครองลงกาคู่กัน ทั้งขู่เข็ญว่าจะยกทัพไปกำจัดพระรามให้พ้นๆ จนสุดท้ายประชิดเนื้อถึงตัว จนเบญกายอับอายเป็นอย่างมากจึงแปลงกายกลับสู่ร่างยักษ์สาวอย่างเดิม เพราะถ้าคุยกันในร่างนางสีดาไปเรื่อยๆ เกรงว่า อารมณ์หื่นของยักษ์เฒ่ามันจะพุ่งพรวดออกมาอีก พร้อมกับบ่นพึมพำ...ไอ้ลุงหื่น ทำเอาตรูเสียเวลาแปลงร่างแต่งหน้าแต่งตา และเกือบจะเสียตัวอีกต่างหาก...

ทศกัณฐ์เห็นว่าเป็นนางเบญกายหลานสาวจริงๆ เล่นเอาทศกัณฐ์กลายเป็น...ยักษ์เขิน...อายจนเสียกระบวน เรียกว่า “เสียยักษ์” กันเลยทีเดียว...ก็ยืนบิดผ้า เอียงเขิน ทำอะไรไม่ถูก รู้สึกสะเทิ้นเขินใจ เป็นยิ่งนัก (ทศกัณฐ์เขิน มี gif ภาพเคลื่อนไหว ให้ดูด้วยนะ)

หันไปก็เห็นนางสนมกำนัล พากันหัวเราะคิดคัก(พั๊ว!ๆๆ..บ้องหูคนละที)...แล้วจึงแก้เก้อ กล่าวขอโทษหลานรัก...

...ขอโทษทีหลานรัก ไม่มีผู้ใดในลงกามีฝีมือการจำแลงกายเก่งเท่าเจ้าอีกแล้ว รีบไปเถอะหลานรัก เดี๋ยวจะเสียฤกษ์ เสียยาม เสียการเปล่าๆ โชคดีจงมีแก่เจ้า เบญกายวีรสตรีแห่งลงกา...

.


ภาพจิตรกรรมฝาผนังวัดพระแก้ว



.



.



.

<a href="https://www.facebook.com/100070416901241/videos/1064825260779289/" target="_blank" class="new_win">https://www.facebook.com/100070416901241/videos/1064825260779289/</a>

.

<a href="https://www.facebook.com/100070416901241/videos/326242339596091/" target="_blank" class="new_win">https://www.facebook.com/100070416901241/videos/326242339596091/</a>

.



.



.

ทศกัณฐ์เขิน...เหลือบไปเห็นนางสนมกำนัลพากันหัวเราะคิกคัก ก็เลย เข็กกะโหลก..คนละทีสองที พั๊ว! พั๊ว! พั๊ว! ๆ ๆ ..


.



.



.

ทศกัณฐ์เขิน...

<a href="https://www.facebook.com/100070416901241/videos/1361583630983074/" target="_blank" class="new_win">https://www.facebook.com/100070416901241/videos/1361583630983074/</a>

.

<a href="https://www.facebook.com/100070416901241/videos/822920345343847/" target="_blank" class="new_win">https://www.facebook.com/100070416901241/videos/822920345343847/</a>

.









« Last Edit: 01 May 2024, 20:20:00 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,554


View Profile
« Reply #4 on: 26 April 2023, 12:21:16 »


26 เมษายน 2022  ·

เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน นางลอย (5)

-สีดาลอยน้ำ

นางเบญกายกราบลาทศกัณฐ์ เหาะข้ามมหาสมุทร แล้วลดลงที่เขาเหมติรัน เดินมายังริมฝั่งแม่น้ำใกล้ๆค่ายของพระราม แล้วถือจิตอธิษฐาน...นิมิตร่างเป็น

นางสีดา ทำเป็นตายลอยไปใกล้บริเวณที่พระรามลงสรงน้ำ...

ครั้นถึงเหมติรันบรรพต       เลื่อนลดลงจากเวหา
หยุดยืนอยู่ยังฝั่งคงคา       กัลยาจำแลงแปลงอินทรีย์
เหมือนรูปทรงองค์สีดาวิลาวรรณ     ผิวพรรณนวลลอองผ่องศรี
ทำตายลอยมาในวารี       จนใกล้ที่พระรามสรงคงคา

นางเบญกายจึงต้องทำฟอร์มเป็นศพ ลอยน้ำไปใกล้ๆท่าที่ทัพพระรามตั้งอยู่ เพราะเดี๋ยวไม่มีใครสังเกตเห็น นางคงได้ลอยน้ำจนตัวเปื่อยแน่ๆ...ว่าแล้วนางก็

ทำฟอร์มตายสนิท ร่ายมนต์ให้ลอยน้ำนิ่งๆ ..

(ภาพนี้แหละครับ เป็นที่มาของโขนตอนที่ชื่อว่า นางลอย ก็ลอยจริงๆนะครับ ลอยเท้งเต้งซะขนาดนี้...)

.....

ครั้นรุ่งเช้า พระรามตื่นบรรทม จึงชวนพระลักษมณ์ลงสรงน้ำ เพื่อชำระองค์ให้สดชื่น แล้วได้พบกับนางเบญกายแปลง เป็นศพนางสีดาลอยมา...

.



.








« Last Edit: 01 May 2024, 20:21:37 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,554


View Profile
« Reply #5 on: 26 April 2023, 12:22:19 »


26 เมษายน 2022  ·

เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน นางลอย (6)

-กาพย์ นางลอย

ตอนนี้...ขอยก กาพย์ นางลอย บทพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 2 มาให้อ่านก็แล้วกัน ซึ่งไพเราะจับใจจริงๆ (ขออนุญาต ทำจุดไข่ปลา ..... เพื่อจัด เว้นวรรค

ตอน ให้สวยงาม)

พระเหลือบเล็งชลาสินธุ์......ในวารินทะเลวน
เห็นรูปอสุรกล........................อันกลายแกล้งเป็นสีดา

ผวาวิ่งก็หวั่นจิต.....................ไม่ทันคิดก็โศกา
กอดแก้วขนิษฐา....................ฤดีดิ้นลงแดยัน

พระช้อนเกศขึ้นวางตัก.........พิศพักตร์แล้วรับขวัญ
ยิ่งคิดยิ่งกระสัน......................ยิ่งโศกเศร้าในวิญญา

พิศพื้นศิโรโรตน์.....................พระองค์โอษฐ์และนัยนา
กรแก้มพระกัณฐา..................ก็แม้นเหมือนสีดาเดียว

พิศทรวงและดวงถัน..............ในเบื้องบั้นพระองค์เรียว
ชะรอยรูปสีดาเจียว................ประจักษ์แล้วนะอกอา

พระเล็งลักษณเกศี-...............สินีน้องจนบาทา
แทบท้าวจะมรณา...................พินาศแนบพระศพลง

พระพิโรธพิไรรัก....................สลักลั่นพระทรวงทรง
กรรแสงสะอื้นองค์.................อรอ่อนทอดถอนใจ

จึ่งตรัสเรียกเจ้าร่วมรัก..........พ่อลักษณ์เอยจะทำไฉน
เจ้าสีดามาบรรลัย..................เสียจริงแล้วนะอกอา

ใจจิตพี่เพียงขาด...................พระเยาวราชมามรณา
โอ้โอ๋อนุชา.............................อนาถนักประจักษ์ใจ

พระลักษณ์เล็งลานเทวษ......พระชลเนตรเธอหลั่งไหล
โศกสองพระภูวนัย.................พระหฤทัยเธอฟั่นเฟือน

พระน้องเอยเสียดายนัก.........พระวรพักตร์ดังดวงเดือน
หาไหนจะได้เหมือน...............ไม่มีแล้วในโลกี

มาดแม้นจะหา ดวง................วิเชียรช่วงเท่าคีรี
จะหาดวงสุริย์ศรี.....................ก็จะได้ดุจดังใจ

จะหาโฉมให้เหมือนนุช..........จนสุดฟ้าสุราลัย
ตายแล้วและเกิดใหม่ ............ไม่ได้เหมือนเจ้านฤมล

พระน้องเอยฤาน้อยจิต............เจ้าหวนคิดกระหวัดวน
ผูกศอให้เสียชนม์....................สิ้นชีพแล้วจึ่งลอยมา

ฤาทศกัณฐ์มันโกรธ................พิโรธเรากระมังหนา
ว่าฆ่าโคตรวงศา......................จึ่งฆ่าพระน้องให้ตายแทน

เถิดฤาจะรื้อรบ........................ตระหลบวิ่งเข้าชิงแดน
ฟันเสียให้นับแสน..................ให้เศียรขาดลงดาษดิน

พระดาลเดือดและดับได้.......กลัวเทพไทจะติฉิน
ไฉนหนอพระยุพิน..................ยุพาพี่จะคืนเป็น

พระน้องเอยแต่จากเจ้า.........ทุกค่ำเช้าและยามเย็น
ยามเสวยพี่เคยเห็น................ไม่เห็นเจ้าเร้าโศกา

จะประมวลเทวษไว้................พระชลนัยน์ที่โหยหา
ดินฟ้าและยมนา....................ไม่เท่าเทียมที่เรียมตรอม

ทุกข์ทับบ่เหือดหาย..............พระวรกายก็ซูบผอม
ทุกข์เท่าที่พี่ตรอม..................แต่ก่อนเก่าบ่เท่าทัน

อันทุกข์พี่ครั้งนี้......................เป็นสุดที่จะรำพัน
พ่างเพียงจะอาสัญ................พระชนมชีพชีวา

สีดาเอยถึงจะตาย..................จะวอดวายพระชนมา
จงเอื้อนโอษฐ์ออกเจรจา......จะจากแล้วจงสั่งกัน

เจ้าชายเนตรดูพี่บ้าง..............ให้พี่สร่างซึ่งโศกศัลย์
เราจะร่วมพระเพลิงกัน...........ในเขตขันธ์พระคงคา

ถ้าแต่แรกพี่รู้เหตุ....................ว่าเยาวเรศจะมรณา
เมื่อจากอยุธยา.......................จะฝากไว้กับชนนี

พี่กับอนุชา...............................จะมาอยู่พนาลี
ถ้วนครบสิบสี่ปี........................จะคืนเข้าพระเวียงชัย

สีดาเอยชะรอยกรรม..............พระเคราะห์นำเข้าดลใจ
ห้ามเจ้าสักเท่าใด...................ไม่ฟังว่าอุตส่าห์ตาม

ทั้งพระญาติวงศา...................พระมารดาก็ห้ามปราม
ห้ามเจ้ามิฟังความ..................เจ้าวอนว่าอุตส่าห์เดิน

ด้วยพี่เป็นเพื่อนยาก..............แสนลำบากระหกระเหิน
ข้ามป่าพนาเนิน.....................คิรีห้วยและเหวธาร

แค้นด้วยมฤคมาศ.................ดั่งมัจจุราชมาตามผลาญ
ล่อลวงเจ้าดวงมาลย์............สมรพี่ให้พี่จร

จึ่งทุกข์ทับอุระเรียม.............ยิ่งกรมเกรียมให้อาวรณ์
สู้ยกพลากร...........................มาต่อยุทธด้วยอสุรา

หมดมารพี่ผลาญสรรพ........จึ่งจะรับขนิษฐา
คืนเข้าอยุธยา.......................บุรีราชเมืองเรา

ยังมิทันจะผลาญโคตร........ให้รากโษสนั้นบางเบา
ควรฤาพระนงเยาว์................มาสิ้นชีพเสียกลางคัน

แม้นเจ้าม้วยในเมืองเรา.......พระศพเจ้าจะเฉิดฉัน
จะโสรจสรงสุคนธ์อัน.............ตระหลบกลิ่นสุมาลี

พระโกศทองจะรองรับ.........สำหรับราชเทวี
เชิญศพขึ้นสู่สี-......................วิกาแก้วอันเรืองรอง

เข้าสู่เมรุมาศ.........................อันโอภาศด้วยเทียนทอง
แสงเพลิงจะเริงรอง..............ไปต้องสีวิสูตรพราย

อัจกลับจงกลกลีบ.................ประทีปทองจะส่องฉาย
พู่ห้อยเพดานราย..................ระรวยรื่นรำเพยลม

พระวิสูตรจะวงวัง..................บัลลังก์ทิพบรรทม
รูปภาพจะเคียมคม................กินนรฟ้อนอยู่ผาดผัน

อีกพระญาติวงศา..................ก็จะมาประชุมกัน
แสนสาวพระกำนัล................จะนอบน้อมประณมกร

ยามค่ำจะร่ำไห้......................วิเวกใจให้อาวรณ์
เสียงสังข์และแตรงอน.........จะประโคมอยู่ครืนเครง

อยุธยาจะเย็นระย่อ................ระทดท้ออยู่วังเวง
ฝูงราษฎร์จะบรรเลง...............เมื่อถวายพระเพลิงปลง

อนิจจาเจ้าเพื่อนไร้.................มาบรรลัยอยู่เอองค์
พี่จะได้สิ่งใดปลง...................พระศพน้องในหิมวา

จะเชิญศพพระเยาวเรศ.........เข้ายังนิเวศน์อยุธยา
ทั้งพระญาติวงศา...................จะพิโรธพิไรเรียม

ว่าพี่พามาเสียชนม์................ในกมลให้ตรมเกรียม
จะเกลี่ยทรายขึ้นทำเทียม......ต่างแท่นทิพย์บรรทม

จะอุ้มองค์ขึ้นต่างโกศ............เอาพระโอษฐ์มาระงม
ต่างเสียงพระสนม..................อันร่ำร้องประจำเวร

สาครจะต่างเมือง...................สิขรเนื่องจะต่างเมรุ
มังกรโตกิเลน.........................จะต่างพาหนะยล

ดาวเดือนจะต่างเทียน...........วิเชียรแก้วกลีบจงกล
เมฆหมอกในเวหน.................จะต่างพู่และเพดาน

พฤกษาจะต่างฉัตร................สุวรรณรัตน์อันไพศาล
ดอกไม้ในหิมพานต์...............จะต่างพุ่มอยู่เรียงราย

ฟากฝั่งมหรรณพ....................จะวงศพเจ้าโฉมฉาย
ต่างศรีวิสูตรสาย....................สุวรรณรัตน์อันอำไพ

เสียงคลื่นจะต่างกลอง.........พิณพาทย์ฆ้องประโคมใน
จักจั่นและเรไร.......................จะต่างสังข์และเสภา

จะเก็บพรรณไม้หอม.............มารวมล้อมขึ้นบูชา
เชิญศพเจ้าสีดา.....................ขึ้นวางไว้ในเพลิงรุม

จะอุ้มองค์กว่าจะม้วย............จะตายด้วยเมื่อไฟชุม
ร้อนเร่าฤทัยรุม.......................พลราชเธอรำพัน

.




.



.



.



.



« Last Edit: 01 May 2024, 20:23:25 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,554


View Profile
« Reply #6 on: 27 April 2023, 09:18:21 »


27 เมษายน 2022  ·

เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน นางลอย (7)

-พระรามพบศพสีดา

ครั้นรุ่งเช้า พระรามตื่นบรรทม จึงชวนพระลักษมณ์ลงสรงน้ำ เพื่อชำระองค์ให้สดชื่น

พอมาถึงที่ท่าน้ำ เห็นศพนางสีดาลอยมา พระรามแทบจะขาดใจตายตาม...

...ด้วยอารมณ์ที่อยู่ในภวังค์ของความคิดถึงและเป็นห่วงภรรเมียที่มีอยู่เดิม จนไม่เป็นอันกินอันนอน พระรามเมื่อมาเห็นนางสีดาตัวปลอมลอยมาเป็นศพ จึงไม่ทันได้เฉลียวใจอะไรทั้งนั้น ถึงกับปล่อยโฮออกมา...อย่างไม่อายใคร

แล้วรวบรวมสติ ลงน้ำ ช้อนร่างสีดาแปลงขึ้นวางที่ตัก ยิ่งเมื่อสัมผัสร่างกายและมองดูหน้านางอย่างใกล้ชิด พระรามและพระลักษมณ์ยิ่งแน่ใจว่านี่คือ นางสีดา แน่ๆ (ก็นางเบญจกายเธอเป็นกูรูด้านการแปลงตัวนี่ครับ)

องค์รามลักษมณ์สองพี่น้องทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ร้องไห้ โหยหาถึงแต่วิญญาณของสีดา...

...โถสีดาน้องพี่ ทำไมเจ้ามาด่วนจากพี่ไป พี่ยกทัพฝ่าอันตรายมาเพื่อมารับตัวน้องกลับสู่อโยธยา หากอยู่ในบ้านเมืองพี่จะชักศพเข้าเมรุทอง จัดงานเพื่อระลึกเจ้าอย่างสมเกียรติองค์ราณีแห่งอโยธยา แต่ตอนนี้พี่อยู่อย่างขัดสนยิ่งนัก สีดาคนดีจงคิดซะว่า ป่าเขาคือเมรุ ต้นไม้สูงต่ำคือธิวธงรับเสด็จศพเจ้า คิดซะว่าเสียงจักจั่นคือเสียงสังข์เบิกขบวนพระศพ เสียงคลื่นคือดนตรีฆ้องกลองกล่อมเจ้า เมื่อขาดสีดา ต่อแต่นี้นามองค์รามแห่งอโยธยาจะมีความหมายอะไร...

พระรามร้องไห้คร่ำครวญ ฟูมฟายดั่งคนจิตวิปลาศ ร้องไห้จนสลบไป...
(พระเอกในวรรณคดีไทยนี่ชอบร้องไห้จนสลบไสล นะครับ พระรามเองก็เคยร้องไห้จนสลบมาแล้วรอบนึง ตอนที่ได้ทราบข่าวว่าพระบิดาสิ้นพระชนม์...ผมไม่รู้เหมือนกันว่า ร้องไห้จนสลบ นี่ต้องร้องกันขนาดไหน มันถึงจะสลบ รู้อย่างเดียวคือ ร้องไห้มากๆแล้วมันจะเมื่อยกรามอ่ะ แฮร่ๆ...)

หลังจากพระรามฟื้นขึ้นมา พอครองสติได้ จึงหันไปมองหนุมาน จนตาขวาง...สบัดหน้าเชิด ค้อนขวั๊บ! แล้วดุหนุมาน (ดูในภาพนะครับ555)

...เจ้าหนุมาน วานรโง่ นี่ไง ผลงานเจ้า...ทำงานเกินคำสั่ง ดันไปเผาลงกาซะวอดวาย ทำให้ทศกัณฐ์โกรธแค้นจนแม่สีดาถูกประหาร แล้วเอาศพมาโยนทิ้งน้ำนี่ สาแกใจเจ้าแล้วใช่ไหม อ้ายลิงเผือก เจ้าจะให้เราลงโทษอย่างไร...

หนุมานที่อยู่ดีๆ ก็ตกเป็นจำเลย นึกในใจ..อ้าว ซวยแล้วกรู...ไหงอยู่ดีๆ มาลงตรงกรูฟร่ะเนี่ย...?!?
(ผมว่านี่เป็นหนึ่งในวัฒนธรรมของประเทศไทยเลยนะครับ เวลาเกิดเหตุอะไรขึ้น เจ้านายมักจะรีบหา"แพะ"ก่อน และลูกน้องตัวเองนั่นแหละเป็นแพะชั้นดี ฉะนั้นใครเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ ให้ระลึกไว้เลยครับ เรื่องแบบนี้มันเกิดมาตั้งแต่สมัยรามเกียร์ติแล้ว จนกลายเป็นวัฒนธรรมของประเทศไปแล้ว ดังคำที่ว่า แพะรับบาป และ ได้ทีขี่แพะไล่)

หนุมานหลังจากตกเป็นจำเลยโดยไม่รู้ตัว ก็ต้องแก้ตัวเป็นพัลวัน พร้อมกับหยุดคิดนิดหนึ่ง เพราะไม่เชื่ออยู่ก่อนแล้วว่าศพนี้คือศพนางสีดา ก่อนที่จะสวมวิญญาณหมอพรทิพย์(ที่คุณแม๊...ไม่ยอมให้พิสูจน์ศพแตงโม) กราบทูลพระรามไปว่า ....

...ข้าบาทยินดีรับโทษที่ได้ก่อตามพระวินิจฉัย แต่ข้าบาทไม่เชื่อว่าร่างนี้คือศพของพระแม่สีดาองค์รัศมีอวตาร... 

พระรามยิ่งโมโห ตะโกนด่า...เจ้าลิงกะล่อน อย่าปลิ้นปล้อนเอาตัวรอด จงบอกมาสิว่าทำไมเจ้าถึงคิดว่าศพนี้ไม่ใช่เมียเรา... 

หนุมานชันตัวขึ้น ทูลความเห็นว่า...ศพนางสีดานี่แปลกๆ ไม่เห็นมีร่องรอยการฆาตกรรม ถ้าศพลอยมาจากกรุงลงกาจริงๆ ซึ่งอยู่ไกลจากค่ายทัพของเรามาก ศพต้องใช้เวลาลอยมาหลายวัน ศพก็น่าจะเน่าเปื่อยบ้างแล้ว แต่นี่ศพยังดูเหมือนกันคนนอนหลับมากกว่า...สไบและแหวนที่ศพสวมใส่ แม้จะดูเหมือนของนางสีดามาก แต่ไอ้ของแบบนี้มันปลอมกันได้ ช่างฝีมือในลงกาก็มีเยอะแยะ...

...และที่สำคัญ ค่ายทัพของเราตั้งอยู่ในบริเวณเหนือน้ำ เหนือกรุงลงกาขึ้นมาตั้งเยอะ ศพจะอยู่ดีๆ ลอยทวนน้ำมาได้ยังไง พระองค์ลองคิดดูให้ถี่ถ้วนด้วยเทอญ...หนุมานปากพูดไป ใจก็ตุ้มๆต่อมๆ ..

พระรามพอได้ฟังคำอธิบายของหมอพรทิพย์ เอ๊ย! หนุมาน แล้วลองใคร่ครวญดู ก็เห็นว่าพอจะมีเค้าลางความเป็นไปได้ ยิ่งบรรดาเสนาธิการลิงทั้งหลายให้ความเห็นพ้องตรงกันว่า...สงสัยจะเป็นกลลวงของทศกัณฐ์อีกเป็นแน่แท้ เพราะช่วงนี้ทศกัณฐ์เกรงว่าพระรามจะตั้งทัพ ข้ามมาลงกาได้ เลยต้องรีบออกอุบายมาสกัดกั้นไว้ก่อน ไล่ตั้งแต่ส่งสุกรสารมา ปลอมเป็นฤาษีจำแลงมา และครั้งนี้ก็น่าจะเป็นอุบายของทศกัณฐ์อีกเป็นแน่...

หนุมานเห็นพระรามเริ่มคล้อยตาม เลยเอาใหญ่ เสนอให้พระรามเอาศพนี่ไปเผาไฟซะ ถ้าเป็นศพนางสีดาจริง ก็คงไหม้ไปกับกองไฟ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น พระองค์ตัดศีรษะของข้าน้อยโยนเข้ากองไฟตามไปเลยก็ได้ แต่ถ้าไม่ใช่ศพนางสีดาจริง เป็นสปายฝั่งทศกัณฐ์แปลงร่างมา เราคงได้เห็นอะไรดีๆแน่...

พระรามพยักหน้า เพราะไม่มีอะไรจะเสีย

นางเบญกายที่ทำเป็นแกล้งตายอยู่ ได้ยินดังนั้น ก็คิดในใจ..

..อั๊ยหย่ะ!! ไอ้ลิงเวร เมิงคิดได้ไงเนี่ย..แล้วชั้นจะทำยังไงดีวะเนี่ย??!??

.


นางลอย
พระรามเห็นศพนางสีดาลอยมา แทบจะขาดใจตายตาม...


.

พระรามลงน้ำ ช้อนร่างสีดาแปลงขึ้นวางที่ตัก ยิ่งเมื่อสัมผัสร่างกายและมองดูหน้านางอย่างใกล้ชิด พระรามและพระลักษมณ์ยิ่งแน่ใจว่านี่คือ นางสีดา แน่ๆ


.

หนุมานเสนอให้เผาศพนางสีดาแปลง
นางเบญกายทนความร้อนไม่ไหว ก็สลัดร่างเดิมแล้วเหาะหนี หนุมานได้ทีรอท่าอยู่แล้ว ก็กระโจนตามจับตัว


.

พระรามร้องไห้คร่ำครวญถึงสีดา จนสลบไป


.

หนุมานสังเกตสังกา พินิจพิจารณาแล้ว ไม่เชื่อว่าเป็นนางสีดาตัวจริง


.

จึงก้มกราบบังคมทูล เสนอให้เผาศพสีดาจำแลง


.

พระรามหันไปมองหนุมาน ตาขวาง...สบัดหน้าเชิด ค้อนขวั๊บ! แล้วดุหนุมาน


.




« Last Edit: 01 May 2024, 20:32:39 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,554


View Profile
« Reply #7 on: 27 April 2023, 09:19:33 »


27 เมษายน 2022  ·

เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน นางลอย (8-แปด)

-เผานางเบญกาย

พระรามอนุญาตให้นำเอาศพสีดาตัวปลอมไปเผา ตามที่หนุมานทหารเอกเสนอแนะ...สุครีพจึงสั่งไพร่พล นำกองฟืน ซีกไม้มาสุมเป็นเชื้อไฟ นำศพขึ้นวาง แล้วจุดไฟเผาทั่วร่าง

นางเบญกายก็เครียดขึ้นสมอง แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง หลังจากโดนไฟเผาไปได้ไม่กี่อึดใจ ไม่สามารถทนความร้อนได้ ก็ร้องลั่น แล้วสลัดร่างเหาะหนีไปบนอากาศ เพื่อหนีความร้อนแห่งพระเพลิง

หนุมานที่เตรียมพร้อมอยู่ก่อนแล้ว เหาะตามจับนางยักษ์แปลงกลางอากาศ...

               บัดนั้น                 ลูกลมมองเขม้นเห็นยักษี
กริ้วโกรธโดดตามข้ามอัคคี      ขุนกระบี่เหาะไล่ไขว่คว้า
สกัดกั้นทันนางกลางโพยม      เข้าจู่โจมจับเป็นไม่เข่นฆ่า
แล้วเหาะลงตรงยังพสุธา         พามาเฝ้าพระหริรักษ์

หนุมานจับตัวนางได้ พร้อมกับนำตัวไปให้พระรามซักไซ้ไล่เลียง แต่พระรามอยู่ในอารมณ์ บ่ จอยสุดๆ เพราะเหมือนเสียฟอร์มที่ดันไปร้องห่มร้องไห้จนสลบไสลกับสีดาตัวปลอม เลยให้สุครีพรับหน้าที่ไปสอบสวนหาความว่าเป็นมาอย่างไร

...นี่นางยักษ์ เจ้าคือใคร กล้าดียังงัยแปลงร่างเป็นพระแม่สีดา มาหลอกนายเรา...

ยักษ์สาวกลัวจนตัวสั่น แต่ด้วยปัญญาจึงให้การว่า...

...อันตัวข้าชื่อเบญกาย อยู่นครลงกา บิดาคือพญาพิเภก แม่ชื่อว่าตรีชฎา ข้าน้อยได้ยินว่าพระบิดาถูกพระรามฆ่าตาย จึงอยากจะมาดูว่าจริงหรือไม่ แต่ครั้นจะมาในรูปของนางยักษ์ก็กลัวจะถูงลิงจับไปฆ่าเอา จึงจำบังอาจแปลงเป็นพระแม่สีดา โดยอธิษฐานให้พระบารมีแม่เจ้าคุ้มภัยเบญกาย...โดยนางเบญกายไม่ได้เอ่ยอะไรถึงภารกิจที่ทศกัณฐ์มอบหมายมาให้ทำเลย

ฝ่ายสุครีพ เมื่อรู้ว่าเป็นลูกพิเภกเพื่อนเลิฟ จึงเกิดความเอ็นดู ก็ไม่ติดใจสงสัยถามให้มากความ จึงหันมาทูลพระรามตามที่นางเบญกายว่าไว้

.


นางเบญกายทนความร้อนไหว ก็สลัดตัวออกจากร่างเดิม เหาะขึ้นไปในอากาศ


.

หนุมานเหาะตามแล้วจับตัวนางได้ นำไปให้สุครีพไต่สวน


.

พระรามอนุญาตให้นำศพสีดาไปเผา ตามที่หนุมานเสนอ


.

บรรดาลิงน้อยใหญ่ช่วยกันนำศพสีดาขึ้นเชิงตะกอน แล้วจุดไฟเผา


.

นางเบญกายโดนไฟเผาไปได้ไม่กี่อึดใจ ไม่สามารถทนความร้อนได้ ก็ร้องลั่น แล้วสลัดร่างเหาะหนีไปบนอากาศ เพื่อหนีความร้อนแห่งพระเพลิง


.

หนุมานตามจับตัวมาได้


.




« Last Edit: 01 May 2024, 20:37:58 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,554


View Profile
« Reply #8 on: 27 April 2023, 09:20:42 »


28 เมษายน 2022  ·

เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน นางลอย (9)

-พระรามลงโทษเบญกาย

สุครีพแจ้งให้พระรามทราบว่า...นางเบญกายแค่ปลอมตัวมาสืบข่าวว่าพิเภกผู้เป็นพ่อจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร หลังจากถูกทศกัณฐ์เฉดหัวออกจากลงกา...

พระรามได้ฟังแล้วก็แหม่งๆ พร้อมกับถามสุครีพว่า...

...ถ้าจะมาสืบข่าวพ่อ แล้วจะแปลงกายเป็นสีดาหาสวรรค์วิมานอะไรฟร่ะ แปลงไม่แปลงเปล่า ดันแปลงเป็นศพลอยน้ำมาอีก อีแบบนี้มันไม่ใช่แค่มาสืบข่าวพ่อแน่ๆ...

ว่าแล้ว พระรามก็เฉ่งสุครีพเสียยกใหญ่ว่า ให้ไปสืบสวนกระบวนความ แต่นี่ดันเห็นว่าเป็นลูกสาวเพื่อนรัก เลยไม่ได้สืบอะไรให้มันเป็นชิ้นเป็นอัน ถ้านางเบญกายถูกทศกัณฐ์ให้มาทำภารกิจล้วงความลับกองทัพแล้วไซร้ มันจะเป็นอันตรายต่อกองทัพเรามาก แต่นี่เจ้าดันปล่อยปละละเลยในการสืบหาความจริง...

สุครีพโดนเจ้านายเฉ่งต่อหน้าธารกำนัล ก็พาลให้อายแทบแทรกแผ่นดิน เพราะอย่าลืมนะครับว่า สุครีพเป็นถึงระดับเจ้าเมืองขีดขิน ในกองทัพพระราม สุครีพเป็นรองแค่พระรามและพระลักษมณ์ แต่นี่กลับโดนเจ้านายจัดเต็ม ต่อหน้าลูกน้องคนอื่นๆ

ว่าแล้วสุครีพก็รีบกลับไป เค้นสอบนางเบญกายใหม่ ด้วยความคับแค้นใจและอับอาย สุครีพสั่งให้ตำรวจลิงลงหวายที่หลัง เพื่อเค้นให้นางพูดความจริงให้ได้ ซึ่งสุดท้าย สาวชาววังอย่างเบญกาย ก็ทนความเจ็บปวดไม่ไหว ถูกโบยไม่ถึงห้าที ก็ยอมรับอย่างหมดเปลือกว่า...ท้าวทศกัณฐ์ผู้เป็นลุง ใช้มาให้ลวงพระรามว่านางสีดาได้ตายแล้ว พระรามจะได้ถอนกองทัพกลับอโยธยา...

              เมื่อนั้น                  นางเบญจกายยักษี
ความเจ็บเป็นพ้นพันทวี         อสุรีร้องอึงคะนึงไป

เมตตาข้าเถิดนะวานร            งดก่อนจะบอกจริงให้
ด้วยเจ้าลงกากรุงไกร            ตรัสใช้ให้แปลงกายา

เหมือนองค์สีดานงลักษณ์     ลวงพระหริรักษ์นาถา
หวังจะตัดศึกด้วยปรีชา         มิให้ถึงลงกาธานี

ครั้นว่าจะขัดก็ไม่ได้             ด้วยกลัวภัยพญายักษี
โทษาข้าถึงสิ้นชีวี                ทั้งนี้สุดแต่จะโปรดปราน

(นางเบญจกายจึงเป็นผู้หญิงที่น่าสงสารคนหนึ่งในเรื่องรามเกียร์ตินะครับ ในสมัยที่สิทธิสตรียังไม่เท่าเทียมกับบุรุษเพศ นางถูกลุงสั่งปนขู่ให้มาทำงานที่อันตราย สุ่มเสี่ยงต่อชีวิต สุดท้ายถูกจับ ก็โดนบุรุษจับมาทรมานเค้นความจริงอีก ถ้าเป็นสมัยนี้ คงชู 3 นิ้วกันสลอน)

เมื่อสุครีพนำคำสารภาพถวาย พระรามจึงหันไปถามพิเภกว่า...

...นางยักษ์ผู้นี้คือบุตรีของท่านจริงหรือ เหตุใดท่านไม่ร้องขออภัยโทษ... 

พิเภกกราบแทบบาท ทั้งน้ำตา แม้นว่าเป็นลูกสาวของตัวเองก็ไม่เข้าข้าง (ซื่อตรงจริ๊งงง...ตาเถร) แล้วกล่าวว่า

...เบญกายคือลูกสาวผู้เดียวของหม่อนฉัน แต่โทษของนางผิดมหันต์ โทษถึงประหารชีวิต ให้ตัดหัว ผ่าอก เสียบประจานไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง อย่าทรงหย่อนโทษเพราะมีเชื้อสายของกระหม่อม... 

ความซื่อตรงและเที่ยงธรรมของพญาพิเภก ทำให้พระรามซึ้งใจยิ่งนัก จึงยกโทษให้

...ท่านพิเภก เราขอบใจท่านอย่างมิตร เราชื่นชมท่านอย่างนาย เราจะไม่เอาโทษนางเบญกายบุตรีท่าน จะให้หนุมานพานางไปส่งกลับลงกา...
(ผมเห็นว่าที่พิเภกเลือกที่จะตอบแบบนี้ ไม่แน่นะครับ พิเภกอาจจะคิดอยู่แล้วว่า ถ้าคำตอบเป็นอย่างอื่น พระรามที่อยู่ในมูดดี้..รมณ์ บ่ จอย..คงได้ตัดหัวลูกสาวตัวเองเป็นแน่แท้ ฉะนั้น การตอบให้ดูขึงขัง ยึดมั่นในกฏระเบียบแบบนี้แหละ อาจจะเป็นการเดิมพันที่คุ้มค่า ถ้าพระรามจะเห็นใจและยกโทษให้ในท้ายที่สุด ซึ่งพิเภกก็คาดการณ์ได้ถูกต้อง)

พิเภกถวายบังคมสูงที่สุดเท่าที่เคยทำในชีวิต หันมามองลูกสาวที่ถูกมัดอยู่กับหลัก รีบคลานเข้าแก้เชือก ซับแผลถูกโบยที่หลัง นำผ้าที่หาได้มาปิดจุดเปลือยเพื่อรักษาเกียรติลูกสาว หอมซ้ายขวา ก่อนส่งนางให้หนุมานอารักขาส่งถึงลงกา...

อ้าว....อย่างงี้ ก็หวานคอแร้งพี่หนุมาน ดิ.ครับพี่น้องงงง.......

.




.



.



.



.







« Last Edit: 01 May 2024, 20:41:03 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,554


View Profile
« Reply #9 on: 28 April 2023, 09:39:21 »


เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน นางลอย (10)

-หนุมานได้เบญกาย

พระรามได้ให้หนุมาน พานางเบญกายเหาะไปส่งที่ลงกา

การฝากสาวน้อยไว้กับลิงเจ้าชู้ตัวพ่อ แบบนี้มันก็เสร็จโจร..อะดิ...

หนุมานจึงอุ้มนางเบญกาย ประคองร่างที่บอบช้ำจากการถูกลงทัณฑ์ เหาะขึ้นฟ้าข้ามมหาสมุทร เมื่อเข้าเขตลงกาซิตี้ ก็แลนดิ้งลงสู่พื้นดิน จนถึงชายหาดลงกา หนุมานก็โอ้โลม ปฏิโลม เกี้ยวพาราสีนางเบญกาย ตามประสาชายชาญ..ชายไม่เจ้าชู้ ก็เหมือนงูไม่มีพิษ..

...น้องเบญกาย พี่พาเธอมาถึงฝั่งลงกาตามพระบัญชาแล้ว พี่ขอสารภาพว่า แต่แรกพี่อดสงสารเจ้าไม่ได้ที่ถูกลงโบย ขู่ตะคอกต่างๆนานา และรู้สึกสบายใจเมื่อพระรามไม่คาดโทษเอาเรื่อง เจ้าจงฟังพี่ จะเชื่อหรือไม่ก็สุดแท้แต่เจ้า พี่นี้รักในความงามและกริยาที่เพรียบพร้อมของเจ้า ที่สำคัญพี่นิยมความกล้าหาญเกินหญิงของเจ้า พี่แค่อยากถนอมเบญกายให้เป็นกำลังใจแด่ทหารหาญอย่างพี่ตลอดไป... 

นางเบญกายได้แต่อายจนลืมความเจ็บปวด แต่ก็ต้องไว้เชิงหญิง จึงออกปากไล่หนุมาน

...น้องไม่เชื่อคำบุตรพระพายหรอก พี่เป็นผู้เอาโทษจับผิดข้า ถูกซักเบิกความ กดดันต่างๆนานา พ่อทูลว่าควรประหารน้อง พี่ก็ไม่ช่วยขอชีวิต ที่พามาก็เพราะนายสั่ง พี่ก็คงไม่อยากลำบากมาไกลถึงลงกาหรอก อันราชกิจที่ได้รับให้นำเบญกายมาส่งก็เสร็จแล้ว หากพี่ไม่รีบกลับไป พระรามจะทรงตำหนิทำโทษเอานะ...

หนุมานส่ายหน้า โอบไหล่เบญกาย เอ็นดูในความฉลาดของนาง เบญกายก็มีใจกับพญาลิงเผือกจนทั้งคู่ได้รับรักกัน

น้องเอยน้องรัก                 เยาวลักษณ์ผู้มิ่งมารศรี
ผลักพี่เสียใยนางเทวี        ปราณีบ้างเถิดนะนงคราญ

ว่าพลางอิงแอบแนบชิด     จุมพิตด้วยความเกษมศานต์
ประคองต้องดวงปทุมาลย์  หอมหวานกลิ่นรสเสาวคนธ์

ภุมเรศร่อนลงประจงเคล้า   เร่าร้องก้องในโพยมหน
เชยซาบเกสรโกมล           ฝนสวรรค์ครั่นครื้นธาตรี

สุดท้าย...นางเบญจกาย มีหรือจะรอดมือ..เสร็จ...เป็นเมียคนที่สองหนุมานไปอีกหนึ่งตน
(ถ้ายังจำกันได้ เมียคนแรกของหนุมาน คือ นางบุษมาลี ที่อยู่คนเดียวในเมือง Silent hill)
ครั้นเสร็จสมอารมณ์หมาย..เบญกายได้ลิงเผือกเป็นสามี...ก่อนจะจากเบญกายจึงกราบลาพร้อมฝากหนุมานให้ดูแลพิเภกผู้บิดาด้วย แล้วนางก็ตัดใจกลับเข้าเมืองลงกา เพื่อไปรายงานให้ทศกัณฐ์ทราบ

.




.



.



.




« Last Edit: 01 May 2024, 20:42:39 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,554


View Profile
« Reply #10 on: 01 May 2024, 20:43:10 »


ปรับปรุงภาพใหม่






Logged
Pages: [1] Go Up Print 
« previous next »
 

SMF 2.0.4 | SMF © 2013, Simple Machines | Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.099 seconds with 16 queries.