Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
User Info
Welcome, Guest. Please login or register.
01 May 2024, 12:52:07

Login with username, password and session length
Search:     Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ

http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
25,626 Posts in 12,450 Topics by 70 Members
Latest Member: KAN
Home Help Search Calendar Login Register
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...  |  ภาพประทับใจ  |  ผนังเก่าเล่าเรื่อง (Moderator: ผนังเก่าเล่าเรื่อง)  |  [23] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ทศกัณฐ์ฟื้นฟูกรุงลงกา โดย กลม บางบา
0 Members and 1 Guest are viewing this topic. « previous next »
Pages: [1] Go Down Print
Author Topic: [23] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ทศกัณฐ์ฟื้นฟูกรุงลงกา โดย กลม บางบา  (Read 77 times)
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,479


View Profile
« on: 09 April 2023, 09:33:08 »

[23] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ทศกัณฐ์ฟื้นฟูกรุงลงกา โดย กลม บางบาน


9 เมษายน 2022  ·

เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ทศกัณฐ์ฟื้นฟูกรุงลงกา

ทศกัณฐ์ ได้ให้ เปาวนาสูรย์ เสนายักษ์เหาะขึ้นไปบนสวรรค์ ไปตามพระอินทร์ ให้ลงมาซ่อมแซมกรุงลงกาให้หน่อย เพราะเห็นว่า กรุงลงกา ยับเยินเกินกว่าจะให้พวกยักษ์ซ่อมกันเองได้ เลยต้องไปตามให้พระอินทร์ลงมาช่วยซ่อม...

พระอินทร์ นั้นเป็นเทพผู้เชี่ยวชาญเรื่อง Project management ครับ โดยมีพระวิศวกรรมหรือวิษณุกรรม เป็นนายช่างวิศวกรใหญ่คอยดูแลงานก่อสร้าง ดังนั้นโปรเจ็คท์ใหญ่น้อยบนสวรรค์ พระอินทร์และพระวิศวกรรมจึงรับเหมาแบบผูกขาดแต่เพียงเจ้าเดียว (ดีนะที่บนสวรรค์ไม่มีใครไปฟ้องร้องเรื่องการฮั้วประมูล...ฮาาา...พี่ศรี.ไม่อยู่ ลงมาเกิดบนโลกมนุษย์แล้ว กำลังจ้องฟันจ้องฟ้องร้องน้องเอ๋ปารีณา ตี๋ทอนและแม๊พร คดีทุจริตโกงกินป่า)

พระอินทร์ด้วยความที่กริ่งเกรงและกลัวทศกัณฐ์ เลยต้องยอมรับปากด้วยความไม่ค่อยจะเต็มใจ พร้อมกับส่งเทวดาลงไป survey หน้างาน ประเมินความเสียหายและราคาค่าก่อสร้าง...

พอเทวดานำราคาประเมินไปแจ้งให้ทศกัณฐ์ทราบ พี่ยักษ์ก็ถึงกับแสดงสีหน้ากริ้ว...

...งานนี้ซ่อมฟรีว้อยย...ยักษ์ระดับอภิบรมโคตรยักษ์แบบข้านี่ ต้องเสียเงินค่าซ่อมด้วยเหรอ...ซ่อมฟรีไม่พอ ต้องซ่อมห้างเซ็ลทรัลเวิรลด์ด้วยนะเฟร้ยยยย...ขืนยอกย้อนโยเยอีก เดี๋ยวพ่อจับกินทั้งสวรรค์เลย!!!...

เทวดาผู้รับหน้าที่เป็นเซอร์เวเยอร์ เลยต้องก้มหน้ารับคำไปแจ้งให้พระอินทร์ทราบ...

พระอินทร์ผู้น่าสงสาร พอโดนบรมยักษ์ข่มขู่ ก็จำใจต้องพาเทวดาผู้รับเหมา ลงมาเนรมิตลงกาให้เหมือนใหม่ดังเดิม โดยใช้เวลาแค่ไม่กี่ราตรี!!

อันที่จริงพระอินทร์นี่ก็ถือเป็นเทวดาเกรดA อยู่นะ...แต่ในเรื่องนี้ ทำไมดูจ๋องง๋อง ก๋องก๋อยจังอ้ะ...เอะอะก็โดนทศกัณฐ์กับลูกข่มตลอด...

คราวนี้ทศกัณฐ์เรียกหา ก็ได้แต่ยืนกุมเป้า...ได้ครับผม เหมาะสมครับนาย สบายครับท่าน...เดี๋ยวกระผมและลูกน้องจะเนรมิตให้ ระดับเอสซีจี ไฮม์ เลยล่ะฮะ...
เมื่อสร้างเสร็จแล้ว ฝ่ายทศกัณฐ์ก็พาบรรดามเหสีและบริวารทั้งหมดกลับสู่กรุงลงกาใหม่...แล้วจัดการสมโภชพระนครเป็นเวลาเจ็ดวันเจ็ดคืน...

.


ทศกัณฐ์ ให้พระอินทร์ ลงมาสร้างกรุงลงกาใหม่


.


พระอินทร์สร้างกรุงลงกาให้ทศกัณฐ์ใหม่


.




« Last Edit: 10 April 2024, 20:58:26 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,479


View Profile
« Reply #1 on: 09 April 2023, 09:33:56 »


9 เมษายน 2022  ·

เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ทศกัณฐ์ฟื้นฟูกรุงลงกา (2)

-พระอินทร์ เทวราชา (เพิ่มเติม)

(เรื่องแทรก)
อนึ่ง พระอินทร์ นี่ถือเป็นเทพเจ้าที่ค่อนข้างจะตกอับพอสมควร...สมัยยุคพระเวท ช่วงที่เผ่าอารยันได้อพยพเข้ามาดินแดนอินเดียตอนเหนือใหม่ๆ และมีการรบรากับชนเผ่าดั้งเดิมคือพวกดราวิเดียน (จนในท้ายที่สุด พวกดราวิเดียนแพ้และต้องกลายเป็นพวกทาสรับใช้พวกอารยัน ซึ่งระบบวรรณะ ก็เริ่มต้นมาจากจุดนี้) เทพเจ้าของพวกอารยัน หรือช่วงก่อนการเกิดศาสนาฮินดูโบราณ มีอยู่ไม่กี่องค์ และพระอินทร์ก็ได้รับการยกย่องให้เป็นเทพสูงสุด (สมัยโบร่ำโบราณ ระบบความคิดเรื่องเทพเจ้ายังไม่ได้สลับซับซ้อนมาก เพราะการนับถือเทพเจ้ามักจะไปอิงกับปรากฏการณ์ธรรมชาติต่างๆมากกว่า อาทิ พระอาทิตย์ พระพิรุณ ฯลฯ พวกเทพที่ไม่ได้ทำงานทำการจะยังไม่ได้มีการคิดค้นขึ้น...พอต่อมาสังคมมนุษย์เริ่มลงหลักปักฐานได้ มีความเป็นอยู่อย่างสงบมากขึ้น ก็มีเวลาให้พวกนักบวชประดิดประดอยเทพองค์ใหม่ๆมากขึ้นๆๆๆๆๆ จนในท้ายที่สุด ศาสนาฮินดูมีเทพเป็นพันๆองค์ แต่ก็ยังน้อยกว่าเทพทางฝั่งอียิปต์โบราณที่มีร่วมหมื่นองค์!!!)

หลังจากศาสนาฮินดูได้มีการนับถือกันมากขึ้น ผ่านกาลเวลามาสักระยะ สถานะของพระอินทร์ก็เริ่มถูกลดบทบาทลง เหลือเท่าๆกับเทพองค์อื่นๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในกาลต่อมาที่ศาสนาฮินดูเริ่มมีการนับถือ องค์ตรีมูรติ อันประกอบด้วย พระศิวะ พระนารายณ์ และพระพรหม...พระอินทร์ได้ถูกลดชั้นให้อยู่ลำดับล่างกว่าองค์เทพทั้งสามอีก เหลือเป็นเพียงแค่จ้าวแห่งสวรรค์...(ซึ่งภายหลังต่อมา พระพรหม เอง ก็ถูกลดชั้นเหมือนกันว่า เป็นเทพที่ไม่บริสุทธิ์ในศาสนาฮินดู ทำตัวเป็นนกสองหัวเที่ยวหากินข้ามฝั่ง รับจ๊อบและอามิสสินจ้างจากคนในศาสนาอื่นด้วย โดยเฉพาะไปเป็นเทพที่ยิ่งใหญ่ปะปนกับเทพและไสยศาสตร์ของชาวไทยพุทธ เป็นท้าวมหาพรหม เป็นพระภูมิ เจ้าที่เจ้าทางปกปักรักษาคนนอกศาสนา เรียกว่า จับปลาสองมือ เหยียบเรือ 2 แคม หากินได้ทั้งศาสนาฮินดูและพุทธ จึงถูกพวกฮินดูลดชั้นลงมา) 

หลังจากการมาของมหากาพย์ มหาภารตะ และ รามายณะ สถานะของพระอินทร์เริ่มถูกลดลงไปเรื่อยๆ พร้อมกับพฤติกรรมอันเหลวแหลกของพระอินทร์ก็ถูกเติมเสริมแต่งเข้าไปมากขึ้นๆ ทั้งเป็นชู้กับเมียชาวบ้าน ทั้งไม่อยากเห็นใครได้ดีไปกว่าตนเอง ทั้งอาฆาตเคียดแค้น เจ้ายศเจ้าอย่าง...มีการแต่งเติมตามแต่ละนักบวชพรามหณ์สมัยก่อนจะใส่เข้าไป...

สถานะพระอินทร์ก็ยิ่งต่ำลงและมัวหมองเรื่อยๆ จนสุดท้ายมีสถานะเท่าๆกับ บรรดาเทพที่เฝ้าสวรรค์ทั้ง 4 ทิศ

แต่นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรครับ...เพราะตำนานของเทพในแต่ละลัทธิความเชื่อ ก็มาแนวๆนี้เหมือนกันหมด พฤติกรรมของเทพที่ปรากฏในคัมภีร์ต่างๆ มันก็คือพฤติกรรมของมนุษย์ ที่สะท้อนลงไปตามอารมณ์คนรจนา ขึ้นมานั่นแหละ...

เทพเจ้าจึงเปรียบเสมือนกระจกสะท้อนเงาของมนุษย์...

.




.



.



.



« Last Edit: 10 April 2024, 21:05:39 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,479


View Profile
« Reply #2 on: 09 April 2023, 09:35:14 »


10 เมษายน 2022  ·

เล่าเรื่องรามเกียรติ์.(แทรกความ)ตอน พระอินทร์ (1)

“ต่อให้พระอินทร์ลงมาเขียวๆ (ก็ไม่เชื่อ)” เป็นสำนวนไทยสมัยเก่า พูดถึงเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ...

และ "ท้าวสหัสนัยน์."
 
      มาจะกล่าวบทไป            ถึงท้าวสหัสนัยน์ตรัยตรึงศา
ทิพอาสน์เคยอ่อนแต่ก่อนมา    กระด้างดังศิลาประหลาดใจ

...
เมื่อ ได้เล่าถึงเรื่องพระอินทร์...(แทรก) ทำให้หญิงใหญ่ แห่งบ้านทรายทอง บีบบบบ.....(บังคับและบัญชา) ให้เล่าไอ้ 2 คำข้างต้น ที่เกี่ยวกับพระอินทร์ ให้ฟังด้วย คือ พระอินทร์ตัวเขียวๆ บินลงมาก็ไม่เชื่อ กับคำว่า ท้าวสหัสนัยน์... ว่าเรื่องราวมันเป็นอย่างไร ไม่งั้นเป็นเรื่องแน่...แฮร่ๆๆ อดข้าวสิตรู...

เอาก็เอาวะ ไม่มีอะไรจะเสียแล้วนิ!...เลยบอกกลับไปว่า...ให้ทายซิ ว่าคืออะไร?

"อะไรเอ่ย? เขียวเหมือนพระอินทร์ บินเหมือนนก ศรปักอก นกก็ไม่ใช่..."
"โถ่วว...แมลงทับ ว้อยยย...คำหมูๆอย่างนี้ เล่นมาตั้งแต่เด็กแล้วว่ะ ไอ้ฉลาดน้อยยย..." หน้าแหกสิท่าน!!!

...
1. สำนวน "พระอินทร์ลงมาเขียวๆ เชื่อไม่ได้" ก็น่าจะมาจากเรื่องรามเกียรติ์ นี่แหละ...

...รณพักตร์ ลูกชายคนโตทศกัณฐ์ (รบชนะพระอินทร์ จึงได้ชื่อ อินทรชิต) ได้แปลงกายเป็นพระอินทร์ ไม่แค่นั้น ยังแปลงเป็นช้างเอราวัณ และไพร่พล เป็นขบวนเทวดานางฟ้า...รบกับพระลักษมณ์หนแรก(ตอน นาคบาศ)...พระลักษมณ์มัวแต่เผลอดูขบวนพระอินทร์ด้วยความตระหนกสนเท่ห์ จึงถูกอินทรชิตแผลงศรนาคบาศ ถ้าหนุมานไม่ช่วย ก็ตายไปแล้ว...

อินทรชิตรบกับพระลักษมณ์ 5 ครั้ง...ครั้งที่ 5 พระลักษมณ์แผลงศรพรหมาศ (ตอน พรหมาศ) ฆ่าอินทรชิตตาย.

เด็กรุ่นใหม่ คงไม่ค่อยเข้าใจความหมาย สำนวน พระอินทร์ลงมาเขียวๆ...กันแล้วหละ ถ้าเทียบเคียงกับสมัยนี้...ก็คงเป็น...เห็นอัศวินขี่ม้าขาว อย่าเพิ่งดีใจ... ถ้าพิชิตคนพาล อภิบาลคนดีก็เป็นอัศวิน ถ้าหลงอำนาจโกงกิน ฟาดฟันคนดี ก็เป็นมหาโจร...โทนี่ วู๊ดซั่ม.

...
แล้ว พระอินทร์ กายสีเขียวจริงหรือ? พระอินทร์เกิดจากฟ้าและดิน เป็นเทพในอากาศ อยู่ระหว่างสวรรค์กับโลกมนุษย์ ดื่มน้ำสามครั้งๆละสามกระออม...เด๋วก็ถามกันอีกว่า ไอ้กระออม มันเป็นอย่างไร...(กระออมหรือครุน้ำ คือภาชนะสานด้วยไม้ไผ่ ยาชัน รูปคล้ายกระบุง ไม่มีคอ ใช้ใส่น้ำ)

พระอินทร์ทรงประทับอยู่บนสวรรค์ชั้นที่สองของ "ฉกามาพจร (สวรรค์ 6 ชั้น)" ชื่อ "ดาวดึงส์" หรือ "ไตรตรึงษ์" แปลว่า สามสิบสาม หมายถึง หมู่เทพที่ชาติก่อนเป็นเพื่อนร่วมทำบุญด้วยกันมา 33 องค์ ประทับนั่งอยู่บนเศียรช้างเอราวัณ 33 เศียร มีพระอินทร์เป็นประธาน

พระอินทร์ เป็นเทพชั้นสูงมากมาตั้งแต่ก่อนยุคพระเวทในอินเดีย ยิ่งยุคพระเวทต้นๆ พวกพราหมณ์นับถือว่าพระองค์เป็นเทพสูงสุด ก่อนจะหันมานับถือ เทพตรีมูรติ ได้แก่ พระพรหม พระวิษณุ และพระอิศวร เสียอีก

ในยุคแรกๆ ก็ไม่ได้กำหนดชัดเจนว่า "พระอินทร์" จะมีสีอะไร เข้าใจว่าคงจะเริ่มกำหนดเมื่อมีการวาดภาพจิตรกรรมฝาผนังฯ และอาจเป็นเพราะว่าท่านเป็นเทพเจ้าประจำธรรมชาติ บรรดาผู้คนสมัยโบราณเขาจะเริ่มต้นนับถืออำนาจของธรรมชาติ หรืออำนาจที่เกี่ยวกับธรรมชาติก่อนอย่างอื่น เช่น ฝนตก ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า อะไรทำนองนั้น ดังนั้น เทพในระยะแรกๆ ก็จะผูกพันอยู่กับธรรมชาติ ตัวอย่างเช่น นับถือพระวรุณ หรือพระพิรุณได้แก่เทพแห่งสายฝน นับถือพระอัคนี ได้แก่เพลิงหรือไฟ นับถือพระพายหรือวายุเทพซึ่งก็คือลม นับถือสุริยเทพหรือพระอาทิตย์ เป็นต้น

ส่วนพระอินทร์นั้นได้รับการยกย่องเป็นเทพอันดับหนึ่ง เนื่องจากพระองค์มีอาวุธเป็น "วชิระ" (แผลงเป็น พชร หรือเพชร) ใน "ตำรานพรัตน์โบราณ" กล่าวว่าเป็นแก้ววิเชียรมีน้ำใสงดงามทอประกายสะท้อนแสงเราเลยเรียกวัตถุที่สะท้อนแสงใสงดงามว่าเพชรด้วย ซึ่ง วชิราวุธ ขององค์อินทร์นั้นมีอิทธิปาฏิหาริย์มาก ขว้างไปเมื่อใดก็จะก่อให้เกิดฟ้าร้อง ฟ้าผ่า ขยับในหัตถ์ก็เกิดฟ้าแลบ และจะทำให้ฝนฟ้าตก เมื่อฝนตกพืชพันธุ์ธัญญาหารก็อุบัติเจริญงอกงามมีสีเขียวชอุ่มปกคลุมผืนโลกไปทั่ว

บางคนอาจสงสัยว่า อ้าว...แล้วทำไมไม่ให้พระพิรุณซึ่งเป็นฝนโดยตรงมีสีเขียว อันนี้ก็เพราะว่าพระอินทร์ท่านเป็นเทพสูงสุด จึงนำท่านมาเป็นสัญลักษณ์แห่งความเจริญงอกงามของต้นไม้ใบหญ้า เลยใส่สีเขียวให้เป็นจุดสังเกตแห่งความเป็นเทพประจำธรรมชาติ แล้วก็วาดเป็นสีเขียวสืบต่อกันมาโดยออกจะเลือนๆ ที่มาที่ไปกัน เพราะความจริงสีเขียวของวรกายท่านนั้น ไม่ใช่เขียวสดใส แต่เป็นเขียวที่เราเรียกว่า "อินทนิล" คือบวกดำเข้าไปจนออกจะเขียวอื๋อ เหตุก็เพราะท่านไม่ใช่เทพของพราหมณ์เท่านั้น แต่พวกดราวิเดียนที่มีร่างสีดำ นับถือมาก่อน

ต่อมาภายหลังพระอินทร์จึงลดบทบาทลงมา...

ส่วนคำว่า ท้าวสหัสนัยน์...คงต้องไปขึ้น ตอนใหม่ ซะแล้ว...(ดึกแล้ววว...ถึงจะโง่ แต่ก็...ง่วง เป็นเหมือนกันนะจ๊ะ...Good Night...ราตรีสวัสดิ์)

.


พระอินทร์เขียวๆ บินลงมาก็ไม่เชื่อ...


.



โขนรามเกียรติ์ ตอน นาคบาศ...
อินทรชิต แปลงกายเป็นพระอินทร์ ทรงช้างเอราวัณ ยกทัพมารบกับพระลักษมณ์ พระลักษมณ์ตกตลึง จึงโดนยิงด้วยศรนาคบาศ...

.



กระออม...เอามาให้ดูกันว่ารูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร...
มันก็คือกระชุ ชะลอมหรือตะกร้า ชันยา ใส่น้ำได้ แบบเรื่อง พระร่วง ในสมัยสุโขทัย ไงครับ...

.




« Last Edit: 10 April 2024, 21:10:15 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,479


View Profile
« Reply #3 on: 10 April 2023, 09:45:48 »


10 เมษายน 2022  ·

เล่าเรื่องรามเกียรติ์.(แทรกความ)ตอน พระอินทร์ (2)
.

2. ท้าวสหัสนัยน์...ที่มาของฉายา “ท้าวพันตา” ขององค์อมรินทร์จอมเทพนั้น เกิดจากคำสาปของพระฤๅษีเคาตมะ ที่สาปพระอินทร์ให้มีโยนี 1,000 ปรากฏไปทั่วตัว โทษฐานที่มาลักลอบเป็นชู้กับภรรยาของตน และพระมุนียังกำกับไว้ว่า...เมื่อพระอินทร์ได้เห็นนางฟ้าติโลตตมา แล้ว โยนีทั้งพันจะกลายเป็นดวงตาแทน...

แม้ว่าจะดูงามสง่า แต่ก็เป็นเหมือนตราบาปติดตัว เมื่อมีคนพูดถึงชื่อสหัสนัยน์เข้า ก็อดคิดถึงที่มาของมันไม่ได้ใช่ไหมครับ กลายเป็นว่าตาตั้งพันนี้ไม่ได้ช่วยส่งเสริมบารมีเลย กลับเป็นสิ่งที่คอยย้ำให้คนดูถูกไปซะอีก...(อ่านแค่นี้ก็พอแล้ว ถ้าอ่านเรื่องราวต่อไปจะ งง.เป็นไก่ตาแตก ก็ไม่รู้สินะ)

.....

...(เพื่อให้รู้ที่มาที่ไป ของคำนี้...ก็นำเสนอจาก หลายๆคัมภีร์ หลายๆแหล่ง)...

แต่ทว่า...ในตำนานเก่าก่อนหน้านั้น...พระอินทร์ไม่ได้มีอวัยวะเพิ่ม แต่มีอวัยวะหายไปต่างหาก!

ดูเหมือนตามตำนานข้างต้น พระอินทร์จะได้รับฉายาสหัสโยนี มาก่อน แล้วจึงแก้เป็นสหัสนัยน์ในภายหลัง แต่สืบค้นย้อนกลับไปในตำนานที่เก่ากว่าจะพบว่า ตาตั้งพันของพระอินทร์นั้น มีมาก่อนจะเกิดตำนานคำสาปแล้วล่ะครับ

จะเห็นได้ว่า...มีการกล่าวถึงพระอินทร์ว่ามีตาตั้งพันอยู่แล้ว ประหนึ่งว่าตาตั้งพันนั้นเป็นเอกลักษณ์ของพระอินทร์มาก่อนที่จะเกิดเรื่องราวนี้แล้ว และในคำสาปของพระเคาตมะ ก็ไม่ได้กล่าวถึงโยนีตั้งพันเลย

“...ด้วยคำสาปของเราที่มีต่อพระองค์เป็นดั่งพันธนาการ ต่อแต่นี้ไป จงเศร้าโศก และ ไร้ซึ่งกามารมณ์ ไม่มีภัยคุกคามอันว่างเปล่าเพราะคำพิพากษา...”
.

ในมหาภารตะ ก็เล่าถึงวีรกรรมของพระอินทร์ที่ลักลอบเป็นชู้กับนางอหัลยาเช่นกัน ซึ่งคำสาปของพระเคาตมะก็ไม่มีเรื่องโยนีอีกเช่นเคย โดยคำสาปนั้นทำให้อวัยวะเพศของพระอินทร์หายไป(อันนั้นน่ะ เข้าใจนะ) จนต้องไปขอร้องพระอัคนีให้ช่วยเหลือ พระอัคนีจึงนำ “ของแพะ” มาต่อให้พระอินทร์แทน “ของเดิม” ที่หายไป...

ทั้งนี้ ในอาทิบรรพยังกล่าวถึงที่มาของตาตั้งพันของพระอินทร์ไว้ว่า...เกิดจากความงามของนางอัปสรติโลตตมา ทำให้พระองค์เนรมิตดวงตาถึงพันดวงขึ้นมาเพื่อจ้องมองความงามของนาง ไม่ได้มีคำสาปมาเกี่ยวข้องเลย...
.

ส่วนอีกหนึ่งในคัมภีร์รุ่นที่เก่าแก่ที่สุด ที่เล่าถึงเรื่องพระอินทร์เป็นชู้กับนางอหัลยา อย่างคัมภีร์ศตปถพราหมณะ ก็ไม่ได้กล่าวถึงคำสาปเลยด้วยซ้ำไป แค่กล่าวว่าพระอินทร์ได้เป็นชู้กับนางอหัลยา ผู้เป็นภริยาฤๅษีเคาตมะ เท่านั้น.

จะเห็นได้ว่าคัมภีร์รุ่นเก่ากว่า ต่างก็ไม่มีการกล่าวถึงคำสาปอันเป็นที่มาของชื่อสหัสนัยน์เลย แต่ฉายาสหัสนัยน์ กลับถูกกล่าวถึงเหมือนว่าฉายานี้เป็นของพระอินทร์มาตั้งแต่ต้น.

แล้วพระอินทร์ มีพันตา มาตั้งแต่เมื่อไหร่กันแน่?

ย้อนกลับไปในยุคพระเวท พบว่าคัมภีร์ที่เก่าแก่ที่สุดอย่างฤคเวท มีการบรรยายถึงลักษณะต่างๆของพระอินทร์ไว้ รวมถึงดวงตาทั้ง 1,000 ของพระองค์ด้วย

“ข้าฯ ขอขับร้องสรรเสริญ เพื่อความอนุเคราะห์ของพระองค์ ขอวิงวรแด่พระอินทร์และพระวายุ ผู้รวดเร็วดั่งใจคิด พระผู้มีดวงเนตรตั้งพัน พระผู้เป็นใหญ่แห่งความคิดตริตรอง”

จะเห็นว่าบทสรรเสริญข้างต้น แม้ว่าจะกล่าวถึงเทพถึงสององค์คือ พระวายุและพระอินทร์ แต่การบรรยายลักษณะเช่นนี้เป็นไปได้ว่า เทพทั้งสองมีลักษณะร่วมกัน ซึ่งพระผู้มีพันตาก็น่าจะหมายรวมถึงพระอินทร์ด้วย...

.....

จบ นะ...เข้าใจนะ พอใจนะ...หรือจะสับสน ปวดเศียรเวียนเกล้า เข้าไปอีก ก็ไม่รู้ๆๆ....555

.

พระอินทร์ทรงคชเอราวัณ


.


-เพิ่มเติม-

ทศกัณฐ์ มี 20 ตา อยู่บนใบหน้า 10 หน้า...แต่ของพระอินทร์ มี 2 ตา บนใบหน้า และ 1,000 ตา ตามตัว...สหัสนัยน์ หรือ สหัสโยนี 555..

รู้น๊าา...คิดอะไรอยู่?...มีตั้งเยอะ จะสนุกหรือปวดเฮด กันแน่555..

.




« Last Edit: 10 April 2024, 21:13:16 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,479


View Profile
« Reply #4 on: 10 April 2024, 21:26:15 »


พระอินทร์ประทับบนช้างเอราวัณ บนพระปรางค์วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร


พระอินทร์กายสีทอง มีพันตา 4 กร ทรงช้างเอราวัณ


พระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ พร้อมกับพระนางศจี และขบวนแห่ของเหล่าเทวดา


พระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ (จิตรกรรมลายรดน้ำ วัดสุทศนเทพวราราม)


พระอินทร์ เทพผู้ยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์

.



Logged
Pages: [1] Go Up Print 
« previous next »
 

SMF 2.0.4 | SMF © 2013, Simple Machines | Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.059 seconds with 21 queries.