Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
User Info
Welcome, Guest. Please login or register.
20 May 2024, 17:49:10

Login with username, password and session length
Search:     Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ

http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
25,703 Posts in 12,501 Topics by 70 Members
Latest Member: KAN
Home Help Search Calendar Login Register
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...  |  เหนือเกล้าชาวสยาม  |  พระบรมโพธิสัตว์เจ้าแห่งแผ่นดินสยาม (Moderator: Smile Siam)  |  รวมภาพและเรื่องราว "รักแท้ของในหลวงและราชินี"
0 Members and 1 Guest are viewing this topic. « previous next »
Pages: [1] Go Down Print
Author Topic: รวมภาพและเรื่องราว "รักแท้ของในหลวงและราชินี"  (Read 330 times)
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,556


View Profile
« on: 16 October 2021, 19:49:32 »

รวมภาพและเรื่องราว "รักแท้ของในหลวงและราชินี"


รวมภาพและเรื่องราว "รักแท้ของในหลวงและราชินี" ภาพความรักของสองพระองค์ที่คนไทยจะไม่ได้เห็นอีกแล้ว

ตลอด 70 ปีที่ครองราชย์ เราคนไทยซาบซึ้งตื้นตัวในพระมหากรุณาธิคุณของทั้งสองพระองค์ยิ่งนัก
แต่พวกเรากลับไม่ค่อยสังเกตเห็น ความรักที่ทั้งสองพระองค์มีต่อกันมากนัก
จนกระทั่งยามที่พวกเราสิ้นในหลวง ภาพความรักของสองพระองค์จึงปรากฏออกมาให้เราซาบซึ้งประทับใจ
ผมจึงขอรวบรวมภาพความรัก ความใกล้ชิด และหลายๆครั้งก็โรแมนติกเหลือเชื่อของทั้งสองพระองค์
นำมามอบแก่คนไทยทุกคนในที่นี้นะครับ





คนไทยไม่เคยรู้ว่า "ผู้ชายเงียบๆ นิ่งๆ พูดน้อย" แต่เมื่อพูดความรู้สึกออกมาแล้ว กลับกินใจเหลือจะกล่าวได้

"เธอคือรอยยิ้มของฉัน"





คู่ชีวิตที่เคียงข้างกัน แก่เฒ่าไปด้วยกัน  ในวัย 70 กว่า แล้วยังมีภาพที่เป็นพยานความรัก 60 ปี ออกมาให้เห็นได้ จะมีสักกี่คู่










สายพระเนตรต่อกันในวันนั้น


กับสายพระเนตรต่อกันในวันนี้


"เธอคือรอยยิ้มของฉัน"




28 เมษายน พุทธศักราช 2493 เป็นวันประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ณ วังสระปทุม
ในหลวงทรงมีพระชนมายุ 23 พรรษา ราชินีทรงมีพระชนมายุ 18 พรรษา






สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ผู้ทรงเก็บพระองค์เงียบๆไม่ออกงาน
เพราะพระทัยแตกสลายจากการสูญเสียผู้เป็นที่รักมาตลอดชีวิต
แต่ทรงออกงานเป็นครั้งแรก เพื่อทรงเจิมพระนลาศของบ่าวสาว






ปี ๒๕๒๑ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระราชทานสัมภาษณ์แก่สถานีโทรทัศน์ บีบีซี ว่า มันไม่ใช่ Love at first sight  แต่เป็น Hate at first sight
"สำหรับข้าพเจ้า เป็นการเกลียด แรกพบ มากกว่ารักแรกพบ เนื่องเพราะ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รับสั่งว่า จะเสด็จถึงเวลาบ่าย ๔ โมง แต่จริงแล้ว
เสด็จมาถึง ๑ ทุ่ม ช้ากว่านัดหมาย ตั้ง ๓ ชั่วโมง ทรงทำให้ข้าพเจ้า ต้องซ้อมถอนสายบัว อยู่จนแล้วจนเล่า จึงเป็นการเกลียด เมื่อแรกพบ มากกว่า รักเมื่อแรกพบ"

แต่ที่คุณหญิงไม่เคยรู้ คือว่าที่พระองค์ทรงสาย ก็เพราะรถพระที่นั่งประสบปัญหา
(ธรรมดาโลกจริงๆครับ  พวกเราเจอกันทุกคน  คือ ผู้หญิงเคืองไปแล้ว แต่ผู้ชาย'สายเงียบ' ก็ไม่ได้อธิบาย)


มีการถ่ายรูปหมู่  ในหลวงทรงเป็นผู้อยู่หลังกล้อง มรว.สิริกิตต์หลบไปอยู่หลังกลุ่ม  ในหลวงต้องทรงบอกว่า "ยู้ฮู คนข้างหลังน่ะ มาข้างหน้าหน่อย"
.....และรูปนั้นเอง ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตัดรูปคนอื่นออก เหลือแต่มรว.สิริกิตต์ ใส่กระเป๋าไว้ตลอด

...ตามเคยของพระเอกสายขรึม  นางเอกไม่เคยรู้ครับ!

”ตอนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประสบอุบัติเหตุ ก็มีรับสังให้ครอบครัวเราเข้าเฝ้า เพราะทรงได้รับบาดเจ็บที่พระเนตรและพระเศียร คุณแม่ก็เข้าไปก่อน
ตอนเข้าเฝ้าฯ ก็ให้จับพระหัตถ์ท่านแล้วบอกชื่อ พอถึงสมเด็จฯ ท่านก็ทูลว่า หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์เพคะ พระเจ้าอยู่หัวท่านทรงจับมืออยู่นานพอสมควรเลย ”   
ท่านผู้หญิงบุษบา สธนพงษ์ เล่าถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นในหนังสือ “ ด้วยพลังแห่งรัก ”

สมเด็จพระนางเจ้าทรงพระราชทานสัมภาษณ์ BBC ว่า
"ข้าพเจ้าไม่ทราบมาก่อนว่า พระองค์ท่าน ทรงรักข้าพเจ้า เพราะเวลานั้น อายุเพิ่งย่าง ๑๕ ปี ตั้งใจไว้ว่าจะเป็นนักเปียโน เป็นนักเปียโนที่แสดงในงานคอนเสิร์ต
ตอนพระองค์ท่านประทับที่โรงพยาบาล หลังประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ มีพระอาการหนักมาก ตำรวจเขาโทรศัพท์ไปกราบบังคมทูลสมเด็จพระราชชนนี
พระองค์ท่านรีบเสด็จไปทันที แต่แทนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะมีพระราชปฏิสันถารกับ พระองค์(สมเด็จย่า) ท่านกลับทรงหยิบรูปข้าพเจ้าออกมา
จากกระเป๋าโดยที่ข้าพเจ้า ไม่เคยทราบ มาก่อนเลยว่า พระองค์ทรง มีรูปของข้าพเจ้าอยู่แล้ว พระองค์ก็ตรัสให้นำตัวข้าพเจ้าเข้าเฝ้า พระองค์ทรงรักข้าพเจ้า...
ตอนนั้นข้าพเจ้าคิดถึงแต่เรื่องที่จะอยู่กับคนที่ข้าพเจ้ารักเท่านั้น ไม่ได้นึกไปไกลถึงหน้าที่และ ภารกิจของพระราชินีเลย ....."





Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,556


View Profile
« Reply #1 on: 16 October 2021, 19:53:28 »


ทรงเคียงคู่กันตลอด
ไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานเพียงใด












ปี 2493


ปี 2549



TRUE LOVE NEVER DIES

วันนั้น



วันนี้


.....

วันนั้น



วันนี้


.....

วันนั้น



วันนี้


.....

วันนั้น



วันนี้


.....

กาลเวลาไม่เคยเปลี่ยน
พระราชินีจะทรงชี้ชวนในหลวงทอดพระเนตรสิ่งต่างๆเสมอ




.....

เราจะแก่เฒ่าไปด้วยกัน




.....

และเราจะหัวเราะให้กันเสมอ


.....

"เราจะเดินเคียงข้างด้วยกันตลอดไป...
แม้วันที่เธอเดินไม่ได้แล้ว ฉันก็จะอยู่เคียงข้างเธอ"

วันนั้น







วันนี้




.....

"เราจะสนุกด้วยกันตลอดไปนะ"


















.....

"สายตาของฉันนั้นจะมองแต่เธอ"


















.....

"แม้เวลาจะผ่านไปนานกี่สิบปีก็ตาม เราก็ยังนั่งเคียงข้างกัน"













.....

"เราจะมีช่วงเวลาดีๆร่วมกันเสมอใช่มั้ย"
















.....

เมื่อวานฉันคล้องแขนเธอ



แล้วเธอก็คล้องแขนฉันบ้าง







.....

วันนั้นฉันยืนเคียงข้างเธอ




....

วันนี้เธอก็ยังยืนเคียงข้างฉัน


.....

วันนั้น



วันนี้


.....

"ฉันไปกับเธอทุกที่  ไม่ว่าจะลำบากแค่ไหนก็ตาม"



เหมืองแร่ดีบุกเจ้าฟ้า ภูเก็ต



เสด็จเยี่ยมชาวเขา





ดินแดนสีแดงคอมมิวนิสต์





เยี่ยมราษฏรห่างไกล



น้ำท่วม เราก็ยังออกไปด้วยกัน




ความรักของทั้งสองพระองค์เป็นสิ่งที่ย้ำเตือนถึงความรักแท้อย่างแท้จริง
ท่านร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาตลอดช่วงชีวิต ท่านผ่านอะไรด้วยกันมามากมาย
แต่สุดท้ายพระหัตถ์ก็ไม่เคยทอดทิ้งกัน
พระเนตรก็ไม่เคยละจากกัน
พระสรวลก็ยังคงแบ่งปันให้แก่กัน...จนวันสุดท้าย
อยากจะบอกว่า ช่างแตกต่างจากความรักของคนสมัยนี้
ที่นิยมมีสามเรามากกว่ามีแค่สองเรา บางคู่รู้ดีว่าไม่ซื่อสัตย์ต่อกัน ก็ยังจะเลือกไม่ซื่อสัตย์ต่อไป
บางคู่คบไม่นานก็ไม่หวานเหมือนเดิม ขาดความอดทน ขาดความเข้าใจกัน
ชีวิตคู่มันเหมือนจะง่ายในสายตาคนนอก แต่คนในย่อมรุ้ดีว่าการประคับประคองมันยากแค่ไหน
เราอยากจะให้ลองดูในหลวงกับราชินีว่ากว่าจะฝ่าฟันอะไรกันมาได้ ย่อมไม่ธรรมดา
เรียกได้ว่าเป็นคู่ทุกข์คู่ยาก เมื่อคนหนึ่งล้ม อีกคนจะเป็นที่พึ่งพิง
เมื่อคนหนึ่งงานหนัก อีกคนจะช่วยซัพพอร์ตให้กำลังใจหรือแบ่งเบาบรรเทาเท่าที่จะทำได้
คนเราทุกคนอยากจะแก่ไปพร้อมๆกันคนที่เรารักกันทั้งนั้น
เพราะฉะนั้น ให้ท่านทั้งสองเป็นต้นแบบให้ความรักของเราๆยั่งยืนแบบนี้เถิด

.....



Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,556


View Profile
« Reply #2 on: 16 October 2021, 19:58:21 »


ขอพระบรมราชานุญาต ใช้ศัพท์สามัญ จากหัวใจของคนไทยที่รักสองพระองค์อย่างที่สุดนะครับ

"วันนั้นแม่มีพ่อเสมอ  แต่วันนี้พ่อไม่อยู่แล้ว
  แม่ต้องดูแลตัวเองด้วยนะครับ"





.....

ฟังเพลงนี้แล้ว...คิดถึง "แม่หลวง" จับขั้วหัวใจ

ทำนอง : พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
คำร้อง : พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ

..แดด รอนรอน  เมื่อทินกรจะลับเหลี่ยมเมฆา
ทอแสงเรืองอร่าม ช่างงามตา
ในนภาสลับ จับอัมพร

..แดด รอน ๆ  เมื่อทินกรจะลาโลกไปไกล
ยามนี้จำต้องพรากจากดวงใจ
ไกลแสนไกลสุดห่วงยอดดวงตา

..แต่ก่อนเคยคลอเคลียกัน ทุกวันคืนรี่นอุรา
ต้องอยู่เดียวเปลี่ยววิญญา เหมือนดังนภาไร้ทินกร

แดดรอน ๆ  หากทินกรจะลาโลกไป ไกล
ความรักเราคงอยู่คู่กันไป  ในหัวใจคงอยู่คู่เชยชม

...โอ้ ยามเย็น   จวบยามนี้เป็นเวลาสุดอาวรณ์
ยามไร้ความสว่างห่างทินกร  ยามรักจำจะจร จากกัน ไป..











ประทับใจในความรักของทั้งสองพระองค์มาก หม่อมฉันรู้แล้วว่ารักที่แท้จริงเป็นเช่นไร ทั้งสองพระองค์ทรงเป็นรักแรก รักเดียว รักสุดท้าย และรักนิรันดร์
จะหาชายใดที่ทรงเหมือนในหลวงท่านว่ายากแล้ว แต่จะหาหญิงใดที่ทรงเหมือนพระราชินีนั้นยากยิ่งกว่า จะมีผู้หญิงสักกี่คนบนโลกนี้ที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับสามี
โดยไม่ได้คำนึงถึงเลยว่าจะลำบากเพียงใดจะเหนื่อยเพียงใด ในวันที่ในหลวงท่านทรงเหนื่อยล้าเพียงแค่หันมามองคนข้างๆก็เจอรอยยิ้มที่สดใสให้กำลังใจอยู่เสมอ
แม้ไม่ได้ทรงยิ้มเองแต่คนข้างๆก็ยิ้มแทนแล้วสมกับว่า She is my smile

.....

พระราชินีทรงดูแลพระสวามีตลอด



ที่กันดารแค่ไหนก็ทรงอยู่ด้วยกัน



เพราะต้องเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยมาก
ในยุคคอมมิวนิสต์  ในหลวงจึงต้องทรงฝึกยิงปืน
และพระราชินีก็ทรงฝึกฝนด้วย ไม่แพ้กัน














รักนี้..นิรันดร์


แม้แต่ยามแก่เฒ่าก็ยังทรงหวานกันอยู่



.....












.....

สายพระเนตร หวานน่ารัก





















.....

คู่พระบารมี
เคยชม ร่วมภิรมย์ใจ
ด้วยความรักจริงยิ่งใหญ่   
ผูกพันหัวใจเรามั่น
รักเอย เคยอยู่เคียงกัน
ร่มเย็นมิเว้นวายวัน
ด้วยความสัมพันธ์ยืนยง



ร้างกัน  วันห่างไปไกล
มืดมนหมองมัวปานใด   
เยือกเย็นเข็ญใจรัญจวน
ไกลกัน  พาพรั่นใจครวญ
ร่างกายทรุดโทรมทุกส่วน   
จิตใจร้อนรวนแรงอ่อน






วันนี้เข้าใจกับคำว่า ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร ...
นอกจากทรงมีหลักครองเมืองแล้ว หลักครองเรือนก็น่าเอาเป็นแบบอย่าง...
ที่ข้าพเจ้าเห็นได้ชัดก็คือ ทั้งสองพระองค์ทรงมีสัจจะความซื่อสัตย์ และความอดทน มีความเอาใจใส่และมีความรักไม่เสื่อมคลาย

ขนาดเราคนธรรมดาอาจจะผ่านสุข ผ่านทุกข์มามาก แต่ในชีวิตนี้หาได้สัมผัสรักแท้ไม่...

แต่เทียบไม่ได้กับความโศกเศร้า และหัวใจสลาย ที่พระองค์ได้รับเลย เมื่อต้องเสียคนที่รักไป...



Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 8,556


View Profile
« Reply #3 on: 16 October 2021, 20:02:43 »


รวมภาพฝีพระหัตถ์ในหลวงทรงถ่ายพระราชินี นะครับ

หมวดขาวดำ
ทรงถ่ายที่สหรัฐ ตอนเสด็จเยือนนานาประเทศ























.....

หมวดสี
ชื่อภาพ เย็นนี้ที่ดอยปุย




ที่พระตำหนักภูพิงค์จะมีแสงดี ทิวทัศน์สวยงาม จึงทรงถ่ายมากเป็นพิเศษ
นางแบบมิใช่อื่นไกล  "คู่ชีวิต" ของพระองค์ท่านนั่นเอง









วัดทรายทอง อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส  แสงมืดมากแล้ว ช่างภาพต่างๆถ่ายไม่ได้
แต่พระองค์ทรงถ่ายย้อนแสงได้

ราชินีเป็นตัวอย่างของผู้หญิงที่เป็นศรีภรรยา อย่างที่สาวๆสมัยนี้ควรดูไว้เป็นแบบอย่าง
ท่านแต่งงานตั้งแต่อายุน้อยมาก เรียกได้ว่า ยังไม่พ้นจากวัยรุ่นดี ก็ต้องรับภาระของการเป็นภรรยา
มิหนำซ้ำยังต้องแบกรับตำแหน่งราชินีของประเทศอีกด้วย

แต่ทุกรูปทุกภาพที่เห็น นอกจากท่านทรงออกปฏิบัติภารกิจที่ยากลำบากในถิ่นกันดารร่วมพระสวามี
ท่านยังคงดูแลปรนนิบัติในหลวงอยู่ตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกัน
และที่สำคัญ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม และแววตาที่เปี่ยมด้วยความรักตลอดเวลา

แล้วดูสิว่าสิ่งที่ท่านได้รับกลับมาคืออะไร
สีหน้าที่เปี่ยมด้วยความสุขและแววตารักใคร่จากพระสวามีของท่าน เวลากว่าหกสิบปีนั้น ไม่เปลี่ยนไปเลย

.....

ไม่ใช่ทุกคนบนโลกนี้ที้จะได้เจอคนที่เรารักจากใจ และคนๆนั้นก็รักเรา ได้ครองคู่กัน แก่เฒ่าไปด้วยกัน จนความตายมาพรากจากกัน
ดูไปก็น้ำตาไหลไป ไม่พูดถึงฐานันดรใดๆ ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง และผู้ชายคนหนึ่ง ทั้งสองพระองค์ทรงเป็นบุคคลที่โชคดีมากจริงๆ

.....

(ภาพขวามือเป็นภาพที่เรามักเข้าใจกันคลาดเคลื่อน ว่าเป็นสมเด็จพระนางเจ้าฯ แต่จริง ๆ เป็นสมเด็จพระพี่นางฯ)

https://www.pinterest.com/pin/296252481717342773/
ภาพครั้งเสด็จพระราชดำเนินเยือน สหรัฐอเมริกา แคนาดา และอังกฤษ เมื่อปีพ.ศ.๒๕๑๐ สมเด็จเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา เสด็จมาส่งเสด็จพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัวที่สนามบิน Heathrow กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ภาพที่เรามักจะเข้าใจกันคลาดเคลื่อน คือภาพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงอำลาสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอก่อนเสด็จขึ้นเครื่องบินพระที่นั่ง เพื่อเสด็จนิวัติกรุงเทพมหานคร .......................ท ร ง พ ร ะ เ จ ริ ญ ยิ่ ง ยื น น า น





.....

มาอ่านเรื่องที่พระราชินีทรงเล่าว่า "สงสารในหลวงจนไม่กล้ามองพระพักตร์" หลังถูกชาวออสเตรเลียโห่

คนไทยต้องภูมิใจให้มากๆที่เรามีพระมหากษัตริย์ที่ทรงมีความฉลาดทางอารมณ์สูงมาก มีความอดทนอดกลั้นอย่างที่สุด และรักษาศักดิ์ศรีความเป็นชาติไทยเต็มเปี่ยม





.....

เราไม่เคยเข้าใจว่ารักนั้นคืออะไร เพราะตั้งแต่เกิดมาไม่เคยรักใครได้อย่างสุดใจจริงๆ
ขอขอบคุณเจ้าของกระทู้ที่เอาเนื้อหาและภาพมาลง
ทำให้เราได้เข้าใจ คำว่ารักแท้ รักที่ร่วมทุกข์ร่วมสุข รักที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร
เมื่อก่อนเข้าใจผ่านๆ ไม่ได้อยู่ในห้วงสำนึกเท่าไหร่
พอมาเจอรักที่เป็นของจริงจากกระทู้นี้ ที่เค้าบอกว่ารักเป็นสิ่งที่มีค่า เราเพิ่งเข้าใจได้อย่างลึกซึ้งก็วันนี้
ขอบคุณที่ได้เปิดทัศนคติให้เรา
เราขอเก็บไว้เป็นกระทู้โปรดนะคะ เวลาเจออะไรท้อแท้ เปิดมามองกระทู้นี้ แล้วเหมือนมีพลังขึ้น

เราไม่รู้ทำไมเราอ่านไปร้องไห้ไป มันซึ้งมันมีความสุข มันเศร้าด้วยที่ในหลวงไม่อยู่ มันหน่วง มีสารพัดความรู้สึก
แต่ในหลวงจะอยู่ในใจของลูกตลอดไป

.....






































.....
จากหนังสือรักแรกมหาราช






.....

กระทู้ของคุณทำเราน้ำตาไหล ทั้งที่คิดว่าก่อนหน้านี้จะเข้ามาอ่านแล้วยิ้มตามมากกว่าเพราะเป็นกระทู้ที่อบอวลไปด้วยความรักของสองพระองค์
คิดถึงในหลวงเหลือเกิน แต่เชื่อว่าท่านจะทอดพระเนตรมองพวกเราจากด้านบนแน่นอนค่ะ พระองค์จะสถิตอยู่ในใจคนไทยตลอดไป 

ความรักของทั้งสองพระองค์เป็นแบบอย่างที่ดีในการครองเรือนมาก เวลาในหลวงทอดพระเนตรมาที่พระราชินี เรารู้สึกได้ว่าเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก
เราดูภาพแล้วอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก ทำให้เราอยากรักใครสักคนให้ได้แบบนี้ คงมีความสุขไม่น้อยเลยค่ะ

เราโชคดีเหลือเกินที่ได้เกิดมาบนแผ่นดินไทย เป็นคนไทยในรัชกาลที่9 เรามีพระมหากษัตริย์ที่เป็นเลิศในทุกๆด้าน ท่านทรงงานหนักเพื่อประชาชนคนไทย
มาโดยตลอด นี่คงถึงเวลาแล้วที่เทวดาจะกลับสู่สรวงสวรรค์ที่ท่านได้จากมา

ปล.เคยอ่านวิกิพีเดียเกี่ยวกับพระราชินี ในนั้นมีบอกด้วยค่ะว่าพระสวามีจะทรงเรียกพระราชินีว่า "แม่สิริ" ไม่ทราบว่าจริงเท็จประการใด แต่เราอ่านถึงประโยคนี้
แล้วยิ้มตามไม่หยุดเลย

.....

https://www.youtube.com/watch?v=Toa2_EhOv_8

รายการต่างคนต่างคิด ตอน เรื่องเล่าของคนในวัง ความหลังกับพระเจ้าอยู่หัว 27/10/59

https://youtu.be/Toa2_EhOv_8

.....






Logged
Pages: [1] Go Up Print 
« previous next »
 

SMF 2.0.4 | SMF © 2013, Simple Machines | Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.098 seconds with 17 queries.